“ทางนั้นเป็นห้องคอลเซ็นเตอร์ของแผนกเคลมประกันรถยนต์ค่ะ”
เอนจอยหันไปบอกวายุซึ่งกำลังเดินกวาดสายตามองไปยังแผนกต่างๆ ก่อนจะไปหยุดตรงประตูห้องแผนกที่เอนจอยเพิ่งแนะนำไปเมื่อครู่
คราแรกเขาจะเลยผ่านห้องนั้นไปเพราะไม่อยากเจอเจ้าของร่างอวบแต่แล้วก็ชะงักฝีเท้าลงเมื่อประตูห้องนั้นเปิดออกเพราะมีพนักงานพากันสับเปลี่ยนกะเวลาทำงาน
ทว่าจนแล้วจนรอดชายหนุ่มก็ไม่เห็นหน้าเหมือนฝันเดินออกมาจาห้องนั้นเลย จนกระทั่งเห็นคุณกุ๊กเดินออกมา
“สวัสดีครับคุณกุ๊ก”
เขาเอ่ยทักทายหัวหน้าแผนกทันทีเมื่อเห็นเธอเดินออกมาแถมขาเจ้ากรรมก็ก้าวเข้าไปหาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
“สะ...สวัสดีค่ะท่านประธาน”
น้ำเสียงตะกุกตะกักตอบกลับด้วยความประหลาดใจ ตัวแข็งทื่อเหมือนทำตัวไม่ถูกเสียมากกว่า
“พนักงานเพิ่งเปลี่ยนกะทำงานเหรอครับ” ชายหนุ่มเริ่มเปิดประเด็นถามทั้งที่รู้ตารางเวลางานแต่ละแผนกอยู่แล้ว
“ใช่ค่ะ”
“แล้ววันนี้งานเป็นอย่างไรบ้าง”
“เออก็ดีค่ะ งานยุ่งนิดหน่อยเพราะมีพนักงานลาป่วยเพราะเกิดอุบัติเหตุ” เธอตอบฉะฉานแม้ว่าเกร็ง ๆ อยู่บ้าง
“พนักงานคนนั้นเป็นอย่างไรบ้างให้เขาพักรักษาตัวจนกว่าจะหายนะแล้วค่อยให้กลับมาทำงาน”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นเลยค่ะ น้องฝันปลอดภัยดีหมอให้นอนดูอาการสองสามวันเห็นว่าศีรษะกระแทกเลยต้องเช็กสมองดูด้วยค่ะ”
“น้องฝัน? คุณหมายถึงพนักงานที่ชื่อเหมือนฝันหรือเปล่า”
หัวคิ้วเข้มหม่นเข้าหากันเมื่อได้ยินชื่อคนคุ้นเคย
“ใช่ค่ะ”
“นานหรือยัง”
“ท่านประธานหมายถึงอะไรคะ”
“ผมถามว่าเหมือนฝันเกิดอุบัติเหตุนานหรือยัง” น้ำเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อยจนคนถูกถามเริ่มรู้สึกเกร็ง
“ก็ตั้งแต่วันศุกร์ค่ะ”
เธอตอบเสียงเบาทว่าสมองของชายหนุ่มกลับประมวลผลว่าเป็นวันที่เขาเรียกตัวเธอขึ้นไปพบ
“คุณเอนจอยบ่ายนี้ยกเลิกตารางงานทั้งหมดผมมีธุระสำคัญต้องไปจัดการ”
วายุไม่ได้สนใจคู่สนทนาเลือกหันกลับไปหาเลขาฯ ส่วนตัวซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลเพื่อสั่งงานก่อนจะก้าวเท้าออกจากตรงนั้นโดยไม่รอคำตอบ
บริเวณหน้าเคาน์เตอร์รอจ่ายเงินค่ายาวินไทยนั่งรออยู่บนเก้าอี้โดยมีลูกสาวคนเล็กเป็นฝ่ายไปรับยาแทน ดวงตาเหยี่ยวเหลือบไปเห็นลูกชายคนเดียวของบ้านกำลังตั้งหน้าตั้งตาเดินไปอีกทาง
“ยัยน้ำ นั้นพี่ชายเราไม่ใช่เหรอ มาทำอะไรที่นี่” ชายแก่เกิดความสงสัยขึ้นมาแล้วชะเง้อคอมองตามหลัง
“น้ำจะไปรู้หรือเหรอคะว่าพี่ลมมาทำอะไรที่นี่ ถ้าคุณพ่ออยากรู้ขนาดนั้นทำไมไม่ตามไปดูล่ะคะ”
วารินทร์ประชดคนเป็นพ่อแต่ว่าวินไทยกลับทำจริงบอกให้ลูกสาวรอที่นี่แล้วก็เดินตามหลังวายุไปเงียบ ๆ
‘เหมือนฝัน ชนินธรณ์’
หลังจากถามเบอร์ห้องจากพยาบาลตรงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เสร็จขายาวของวายุก็ก้าวมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องผู้ป่วยพิเศษซึ่งมีชื่อของเธอติดอยู่
ลมหายใจถูกพ่นออกมาพรูใหญ่ไม่รู้ว่าทำไมพอได้ยินว่าเหมือนฝันเกิดอุบัติเหตุก็ร้อนรนใจอย่างบอกไม่ถูกรู้ตัวอีกทีก็มายืนอยู่หน้าห้องแล้ว
‘ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ’
มือหนายกขึ้นเคาะห้องสองสามครั้งแล้วเปิดประตูเข้าไปโดยไม่รอให้คนข้างในเอ่ยอนุญาตออกมา
“แม่ลืมของเหรอคะ”
ร่างอวบพลิกตัวเองหันกลับไปมองยังประตูแล้วก็ต้องชะงักลงเมื่อคิดว่าคนที่เปิดเข้ามาในห้องเป็นอนุชก่อนจะครางชื่อผู้มาเยือนออกมาเบาๆ
“คุณวายุ”
“อือ ผมเองคุณเป็นยังไงบ้าง”
เจ้าของร่างสมส่วนเอ่ยถามแล้วเดินมาย่อตัวนั่งลงเก้าอี้ข้างเตียง ใบหน้าคมยังคงจับจ้องไปยังหญิงสาวที่มองกลับมาตาแทบไม่กระพริบ
ลมอะไรหอบเขามาหาเธอถึงที่นี่แถมยังมาถามอาการเธออีกด้วยว่าเป็นอย่างไรบ้างหรือว่าทำแบบนี้เพราะกลัวเธอจะเอาเรื่องความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ไปบอกคนอื่น
“ไม่เป็นอะไรมากค่ะ ว่าแต่คุณลมมาที่นี่มีอะไรหรือเปล่าคะ”
เหลือบตามองอีกครั้งแล้วพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งพิงหมอนโดยเขาอาสาจัดท่านั่งให้เรียบร้อย
“แค่แวะมาดู เห็นคุณกุ๊กบอกว่าเธอเกิดอุบัติเหตุวันที่ฉันเรียกขึ้นไปพบ”
“ใช่ค่ะ แล้วทำไมเหรอคะ”
“ก็ไม่ทำไมหรอกฉันนึกว่าเธอคิดมากเรื่องของเราจนขับรถไม่ดูตาม้าตาเรือจนเกิดอุบัติเหตุ”
“อย่าสำคัญตัวผิดสิคะ ขึ้นชื่อว่าอุบัติเหตุอะไรก็เกิดขึ้นได้”
แม้ว่าเขาจะพูดถูกเรื่องความกังวลนั้นแต่เธอเลือกตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดเดี๋ยวผมเป็นคนจัดการให้นะ”
“ทำไมคุณต้องมาจ่ายให้ด้วยคะ หรือว่ากลัวว่าฉันจะเอาเรื่องของเราไปบอกคนอื่น ไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ค่ะฉันไม่ใช่คนปากสว่างอีกอย่างคุณก็เอาเงินฟาดหัวฉันมาแล้ว” เป็นประโยคโต้กลับที่ประชดอยู่ในที
“ถือว่าเป็นโบนัส”
“ไม่อยากได้ ขอแค่คุณทำตามที่รับปากว่าจะไม่ยุ่งกับพี่สาวฉัน
ก็พอ”
เหมือนฝันทวนความจำเขาอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะทำตามที่รับปากเอาไว้
“การรักใครสักคนมันผิดมากเลยเหรอ”
น้ำเสียงเศร้านั้นทำเอาใบหน้าอิ่มหันกลับไปมองเขาเต็มตา เธอรับรู้ได้ถึงการตัดพ้อนั้น
“มันก็ไม่ผิดหรอกค่ะ แต่มันผิดที่พี่ฟ้ามีสามีแล้วและคุณควรตัดใจ” แม้คำพูดจะเรียบนิ่งทว่าดวงตาคู่สวยนั้นกลับแสดงความติติงให้เห็น
วายุถอนหายใจออกมาเสียงดังแล้วลุกขึ้นยืนเต็มสูงสองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋า ความรักของเขาต่อเหมือนฟ้ามันมีมาค่อนข้างนานจะให้ตัดใจปุ๊บปั๊บเลยก็คงไม่ได้
“คุณทานยาคุมครบแล้วใช่ไหม”
ขายาวกำลังจะก้าวออกจากห้องแล้วก็หมุนตัวกลับมาถามใหม่ ซึ่งหญิงสาวหม่นคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยแสดงถึงความไม่พอใจ
"ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันทานเรียบร้อยแล้วและอีกอย่างแค่ครั้งเดียว
คุณคงเสกเด็กเข้าท้องไม่ได้หรอก”
“แน่ใจได้ยังไงว่าครั้งเดียว”
เขามั่นใจว่าวันนั้นเขาจัดหนักไปหลายรอบโดยไม่ได้นับครั้งเสียด้วยซ้ำและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นวันนั้นทำไมถึงไม่ได้ป้องกันตัวองทั้งที่ปกติแล้วหากมีอะไรกับผู้หญิงเขาจะสวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง
แต่สำหรับยัยผู้หญิงตัวกลมเขากลับลืมเสียสนิทแถมยังลุ่มหลงไปกับรสรักแปลกใหม่จากเธออีกต่างหาก
“เออ...”
น้ำเสียงเริ่มติดขัดดวงตาหลุกหลิกไปมาเริ่มไม่แน่ใจกับสิ่งที่มั่นใจเมื่อครู่แต่ก็เลือกเชิดหน้าขึ้นเพื่อซ่อนความลังเลใจ
“ไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะอย่างน้อยการทานยาคุมมันก็ช่วยได้ระดับหนึ่ง ฉันกินมันภายใน 72 ชั่วโมงโอกาสท้องคงน้อยมาก”
“ก็ดี ผมจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้”
ความโล่งใจหายไปส่วนหนึ่ง ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีความพร้อมในการเลี้ยงดูเด็กแต่การมีลูกกับคนที่ไม่ได้รักมันคงสร้างใยความผูกพันครอบครัวไม่ได้
“ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าคุณภูริจะเป็นคนอยู่เบื้องหลังแล้วก็ทุจริตบริษัทเราไปมากมายขนาดนั้น”พี่นิดารำพึงออกมา แม้ทุกคนจะไม่ได้พูดแต่ก็คิดเหมือนกันเพราะภาพลักษณ์เวลาภูริอยู่ในบริษัทคือผู้ชายอบอุ่นใจดี เข้าใจหัวอกพนักงานแต่เบื้องหลังก็คือคนร้ายนี่เอง“แล้วนี่น้องฝันจะกลับมาทำงานวันไหนอ่า คิดถึงเสียงหัวเราะลั่นห้องจะแย่” พี่สมรทำหน้าเหงาหง่อย“ไม่รู้สิ ก็คุณวายุถูกยิงขนาดนั้นก็คงนานอยู่หรอก” พี่กุ๊กพูดเสริมแล้วทุกคนในแผนกก็ต่างต้องหันไปทางประตูเหมือนว่ามีใครอีกคนกำลังเปิดประตูเข้ามา“มีใครบ่นคิดถึงเหรอคะ”“น้องฝัน!” ทุกคนกรูกันเข้าไปหาแล้วจับหมุนซ้ายหมุนขวาเพื่อสำรวจว่าน้องเล็กของทีมได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า“ฝันไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องห่วงวันนี้เลยแวะมาทำงานช่วงเช้าแล้วก็ช่วงบ่ายจะไปโรงพยาบาลต่อคุณหมดนัดตรวจเจ้าตัวเล็กค่ะ”พูดพร้อมกับลูบหน้าท้องน้อยทุกคนต่างหันมองหน้ากันไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรต่อได้แต่ยกมือเร้า ๆสะกิดกัน ก่อนพี่กุ๊กจะพูดขึ้นเสียงดัง“ฉันกำลังจะได้เป็นป้าของลูกท่านประธานแล้ว” ประโยคนี้เรียกเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างดีเหตุการณ์วันนั้นสร้างความอยากรู้ให้กับเพื่อนร่วมงานเหมือนฝันจึ
“กี่เดือนแล้ว” เขาเงยหน้าขึ้นถาม“สองเดือนค่ะ”“รู้ตอนไหนว่าท้องทำไมไม่บอกพี่เลย” น้ำเสียงนั้นมีความน้อยใจแฝงอยู่“รู้ตอนวันเกิดคุณลุงค่ะ”“ตอนที่ฝันบอกพี่ว่าไปหาหมอนะเหรอ” เหมือนฝันพยักหน้ารับงึก ๆ ทว่าคนฟังกลับมองด้วยสายตาตัดพ้อเขาไม่ได้อยู่ในวันที่รับรู้ข่าวดีว่าเธอกำลังตั้งท้องลูกของเราแถมยังปล่อยให้ไปหาหมอเพียงลำพังอีกต่างหาก“อย่าทำสีหน้าอย่างนั้นสิคะ”“ถ้าไม่ให้ทำสีหน้าแบบนี้จะให้ทำสีหน้าแบบไหนล่ะครับ เมียไปหาหมอคนเดียวและรู้ว่าท้องก็ยังไม่บอกอีก”น้ำเสียงเริ่มขึ้นจมูกพลันน้ำตาลูกผู้ชายก็ไหลออกมาง่ายๆ ยิ่งเธอปลอบเท่าไรเขาก็ร้องไห้หนักขึ้นเท่านั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อนหลังจากอยู่ดูแลคนถูกยิงจนหายดีแล้วเพราะแผลไม่ได้ถูกจุดสำคัญหมอก็ให้วายุกลับไปพักฟื้นที่บ้านและแน่นอนว่าเจ้าตัวก็คอยออดอ้อนคนเป็นเมียอยู่ร่ำไปหากใครมาเห็นคงไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือคุณวายุ“ป้ามาลีทำอะไรมาให้ผมกินครับเนี่ย ทำไมเหม็นแบบนี้” มือหนาเลื่อนถ้วยข้าวต้มออกแล้วยกมือขึ้นอังจมูก“ก็ข้าวต้มของโปรดคุณลมยังไงคะ ป้าเพิ่งยกลงจากเตาเมื่อกี้สด ๆ ร้อน ๆเลย” แม่บ้านประจำตระกูลหน้าตื่นวินไทยกับวารินทร์ก้ม
ไม่รู้ว่าสายอะไรต่อสายอะไรห้อยระโยระยางเต็มไปหมด คนถูกยิงได้แต่นอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนเตียง ต่อให้เหมือนฝันอยากเข้าไปหาแค่ไหนก็ทำได้แค่มองผ่านกระจกใสอันเล็กของประตูกั้นก็เท่านั้นวายุปลอดภัยแล้วแต่ก็ยังต้องอยู่ในความดูแลของหมออย่างใกล้ชิดจึงยังต้องงดเยี่ยมไปก่อนจนกว่าจะฟื้นขึ้นมาบางคนทยอยกลับกันไปบ้างแล้วเหลือเพียงเหมือนฝันเท่านั้นที่ยังคงนั่งรออยู่ที่เดิมเพราะกลัวว่าเขาตื่นขึ้นมาแล้วจะไม่เห็นว่าเธออยู่ตรงนั้น“พี่ว่าแกกลับบ้านไปพักก่อนไหม ถ้าไม่เห็นแก่ตัวเองก็เห็นแก่ลูกในท้องหน่อยก็ดีนะ”เหมือนฟ้าเดินเข้ามาตบไหล่น้องสาวแล้วทรุดตัวนั่งลงด้านข้าง“ฝันอยากอยู่ดูว่าเขาฟื้นแล้ว”“พี่รู้ว่าแกเป็นห่วงลม แต่แกก็ต้องห่วงตัวเองกับลูกด้วย”หญิงสาวช่างใจอยู่ครู่หนึ่งแววความกังวลผุดขึ้นในดวงตา ส่วนอีกมือก็ลูบหน้าท้องน้อยต้องเรียกว่าความโชคดีหรือเปล่านะที่เธอแทบจะไม่มีอาการแพ้ท้องเหมือนคนอื่นเลยแถมยังผ่านเรื่องเครียดมาตั้งมากมายเจ้าก้อนในท้องกลับไม่ทำให้เหน็ดเหนื่อยเลยสักนิด“ก็ได้ค่ะ แต่ขอฝันอยู่ดูพี่ลมอีกสักนิดก่อนได้ไหมคะ”“ตามใจ เดี๋ยวพี่อยู่เป็นเพื่อนจะได้ไปส่งแกด้วย แล้ววันนี้กลับไปนอนบ้านค
เหมือนฝันกุมหน้าตัวเองแน่นขึ้นพร้อมกับคิดหาทางออกแต่คิดอย่างไรก็ไม่เป็นผลในเมื่อปลายกระบอกปืนจ่ออยู่ที่ขมับด้านซ้าย หากเธอตุกติกแม้แต่นิดเดียวมีหวังลูกตะกั่วได้วิ่งเข้าไปทักทายมันสมองเธอแน่นอนวายุรู้สึกหวาดหวั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดขณะที่หัวใจเต้นรัว ดวงตาที่สบกับเหมือนฝันนั้นมันมีอะไรบางอย่างบอกเอาไว้และเขาอ่านมันออกหญิงสาวพยักหน้าให้กับเขาเพื่อเตรียมตัวทำอะไรบางอย่างแต่เขากลับส่ายหัวให้เธออยู่เฉยๆ อย่าทำอะไรทว่ามันกลับไม่ทันเสียแล้วเหมือนฝันใช้วิชาเอาตัวรอดจากการถูกจับเป็นตัวประกันที่ได้เรียนมาเมื่อตอนเข้าชมรมสมัยมหาวิทยาลัยแล้วกระทุ้งหน้าท้องคนร้ายก่อนจะบิดแขนข้างที่มีปืนให้ยกขึ้นฟ้าความชุลมุนเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัวเหมือนฝันรีบวิ่งไปหาวายุ ภูริโกรธขึ้นขีดสุดเลยเล็งปืนไปยังเหมือนฝันแล้วเหนียวไกยิงทว่าคนที่รับกระสุนแทนกลับเป็นวายุ เขาใช้ตัวเองบังร่างอวบนั้นไว้แล้วทรุดตัวล้มลง“พี่ลม”หญิงสาวกรี๊ดออกมาสุดเสียงแล้วประคองร่างเลือดท่วมนั้นเอาไว้ จากนั้นเสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัดจากการวิสามัญคนร้าย“พี่ลม ไม่นะ อย่าเป็นอะไรนะ ฟื้นสิ” เธอพยายามตบหน้าเขาเบา
“เฮ้ย! พวกนั้นหายไปไหน” ชายใบหน้าดุดันมีรอยบากระหว่างหัวคิ้วร้องตะโกนขึ้นสุดเสียงชายที่เหลือวิ่งหน้าตั้งเข้ามาแล้วกวาดตามองรอบบริเวณไม่เห็นแม่แต่เงาของพวกผู้หญิงที่พวกเขาจับมาเป็นตัวประกันเพื่อเรียกค่าไถ่ ทิ้งไว้เพียงหนวดกุ้งรัดแขนเอาไว้ให้ดูต่างหน้าก็เท่านั้น“ไปตามหาตัวพวกมันสิวะ แล้วเอาตัวกลับมาให้ได้ยืนเซ่ออยู่ทำไม”ภูริตวาดลูกน้องลั่นแล้วไล่ด้วยความเดือดดาลก่อนจะวิ่งไปอีกทางเพื่อตามหาเพราะเหลือเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเท่านั้นก็ได้เวลานัดกับวายุแล้วบริเวณริมป่าละเมาะเหมือนฝันกึ่งเดินกึ่งวิ่งนำหน้าเพื่อมองหาลู่ทางและเข้าใกล้เขตหมู่บ้านคนเพื่อขอความช่วยเหลือทว่ามองไปทางไหนก็เห็นแต่ความมืดมิดเสียงวิ่งจากเบื้องหลังด้วยความเร็วพร้อมกับแสงไฟฉายสาดส่องไปมาทำให้รู้ว่าพวกมันใกล้เข้ามาถึงเต็มทีแล้ว“คุณณิ คุณน้ำ เร็วกว่านี้หน่อยค่ะ พวกมันตามมาแล้ว”เหมือนฝันเร่งสองสาวที่เดินรั้งท้ายส่วนตัวเองนั้นก็เริ่มเหนื่อยหอบเพราะสุขภาพไม่แข็งแรง“เฮ้ย พวกมันอยู่นั้น หยุดนะเว้ย”ความกลัวทำให้วารินทร์สั่นไปทั้งตัววิ่งมองหลังจนไม่ทันระวังสะดุดหินล้มลงบนทางลูกรังจนข้อเท้าพลิกทำให้ลุกขึ้นเดินต่อไม่ได้ พอมอ
ทุกคนมานั่งประจำที่ตัวเองกันหมดแล้วยกเว้นเพียงเหมือนฝันเท่านั้นที่ยังไม่กลับมา“ยัยฝันไปไหน ตั้งแต่แม่ยกถาดอาหารออกมายังไม่เห็นเลย”“น่าจะเอาเสื้อไปเก็บมั่งครับ แต่ก็ไปนานแล้วนะครับ” ตรีวิทย์บอกแล้วยืดคอขึ้นมองไปยังโรงจอดรถ“ถ้างั้นเดี๋ยวป้าไปตามให้นะคะ” ป้ามาลีอาสแล้วก็เดินออกไปไม่นานก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับมาด้วยสีหน้าตื่นในมือมีรองเท้าอยู่ข้างหนึ่งซึ่งวายุจำได้เป็นอย่างดีว่าเป็นของเหมือนฝัน หัวใจเขากระตุกวูบขึ้นมาแล้วรีบล้วงโทรศัพท์ออกมาเปิดกล้องวงจรปิดดูทันทีเขาขบกรามแน่นเมื่อเห็นผู้ชายตัวใหญ่สองคนกำลังหิ้วปีกร่างไร้สติออกไปจากบ้านอย่างเงียบ ๆ โดยหลบเลี่ยงสายตาจากคนทั้งบ้านโดยไม่มีใครสังเกตเห็น“ต้องเป็นฝีมือไอ้ภูริแน่นอน” วายุสบถออกมา“คนเดียวกันกับที่เคยจับฟ้าไปน่ะเหรอ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับอนุชได้ยินแบบนั้นก็เข่าอ่อนทำท่าจะเป็นลมจนเหมือนฟ้าต้องรีบพยุงและพาไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ใกล้ที่สุด ป้ามาลีรีบไปหายาดมมาให้ทันที“ผมพลาดเองที่ละหลวมความปลอดภัยเพราะคิดว่าคนอยู่เยอะกันขณะนี้มันคงไม่กล้าลงมือ”สองมือกำแน่นเข้าหากันเพราะรู้สึกเป็นห่วงเหมือนฝันจับใจ ไม่นานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นตอนแรก