“คุณรมิตา... ผมไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ ว่าแม่บ้านที่ทำงานอย่างดีมาโดยตลอดอย่างคุณจะกล้าทำเรื่องเสื่อมเสียขนาดนี้...”
“คุณเฮกเตอร์คะ ดิฉันไม่ได้ขโมยมาจริงๆ นะคะ นาฬิกาเรือนนี้... มีคนเอามันมาใส่ในกระโปรงของดิฉันค่ะ เขา... คุณเดมิทริอุส เขาจงใจใส่ร้ายดิฉันค่ะ...” หญิงสาวละล่ำละลัก
“คุณ เอ่อ... เฮกเตอร์ใช่ไหม” เขาหันไปย้ำชื่อของผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ
“ครับ คุณเดมิทริอุส...”
“คุณคิดว่าคนอย่างผมมีเหตุผลอะไรที่ต้องใส่ร้ายแม่บ้านของคุณบ้างไหม”
“เอ่อ... ไม่เลยครับ...”
“คุณเฮกเตอร์... เขาเป็นคนทำจริงๆ ได้โปรดเชื่อดิฉันเถอะค่ะ...” น้ำตาแห่งความคับแค้นใจรินไหลออกมาในที่สุด
เธอทำอะไรให้เขาเจ็บช้ำกันแน่... เพียงแค่เธอปฏิเสธเขาบนห้องพัก เขาก็ถึงกับต้องวางแผนกลั่นแกล้งเธอขนาดนี้เลยหรือ...
“ผมต้องขออภัยอย่างมากจริงๆ ครับ คุณเดมิทริอุส... ผมขอยืนยันว่าเหตุการณ์อย่างนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในโรงแรมของเรามาก่อน...” ผู้จัดการแผนกยืนยันแข็งขัน “แน่นอนว่า... เราจะดำเนินการกับคนผิดอย่างถึงที่สุด ขอให้คุณโปรดวางใจ...”
“ดิฉันไม่ได้ทำจริงๆ นะคะ ได้โปรดเถอะ... คุณเฮกเตอร์” รมิตารีบคว้าแขนของชายกลางคนแล้วร่ำร้องขอความเห็นใจ
“ขอโทษจริงๆ นะรมิตา ในเมื่อคุณทำผิดกฎของโรงแรม ผมก็จำเป็นต้องลงโทษ” เขาสะบัดมือคู่นั้นออก “นับแต่นี้ไปคุณไม่ใช่พนักงานของเราแล้ว และคุณจะต้องถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย”
หญิงสาวร้องไห้โฮออกมาอย่างสุดจะกลั้น... พยายามยึดยื้อมือของผู้เป็นหัวหน้าไม่ให้ยกหูโทรศัพท์แจ้งไปยังฝ่ายรักษาความปลอดภัยของโรงแรมหรือสถานีตำรวจ
“ผมว่าคุณคงไม่ต้องทำรุนแรงถึงขนาดส่งเธอให้ตำรวจหรอกมั้ง คุณเฮกเตอร์” อเล็กซานเดอร์กล่าวขึ้นลอยๆ
“ไม่ได้หรอกครับ ถึงคุณจะเห็นใจ ไม่เอาเรื่องเธอ แต่ยังไงผมก็ต้องทำตามกฎของโรงแรม เพื่อไม่ให้คนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่างได้อีก”
“เท่ากับคุณยอมรับว่าโรงแรมของคุณจ้างโจรมาเป็นแม่บ้านสินะ” เขาเอ่ยถาม
เฮกเตอร์ชะงัก มองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจในจุดประสงค์
“ถ้าแม่บ้านของคุณโดนจับ กลายเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ คนทั่วไปจะไม่สงสัยถึงมาตรฐานในการคัดเลือกคนเข้าทำงานของโรงแรมหรอกเหรอ...”
“แต่ว่า... คุณเดมิทริอุส...” ผู้จัดการแผนกแม่บ้านลังเลใจ หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปถึงผู้จัดการฝ่ายหรือระดับผู้บริหารชั้นสูง แน่นอนว่าตัวเขาเองก็ต้องโดนตำหนิด้วยเช่นกัน
“ในเมื่อผมได้ของของผมคืน ทางคุณเองก็ให้แม่บ้านที่ทำผิดลาออกไปอย่างสมัครใจ ไม่มีการรายงานความผิด ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ ทุกอย่างก็จบ... ทางโรงแรมก็ไม่ต้องเสียชื่อเสียงด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้ด้วย...”
“คุณต้องการเท่านี้จริงๆ เหรอครับ” เขาไม่ค่อยไว้ใจนัก
“แน่นอน ไม่อย่างนั้นผมก็คงจะแจ้งไปทางฟลอร์เมเนเจอร์ ไม่ต้องลงมาที่เฮาส์คีปเปอร์ด้วยตัวเองหรอก ถูกไหม”
รมิตายืนน้ำตานองหน้า ฟังข้อกล่าวหาและการตกลงที่ไม่เป็นธรรมของคนทั้งสอง เห็นแน่ชัดแล้วว่าเธอจะต้องถูกบังคับให้ลาออกทั้งที่ไม่มีความผิด หญิงสาวก็ได้แต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น
“คุณเฮกเตอร์ ได้โปรด... ได้โปรดเชื่อดิฉันเถอะค่ะ... ดิฉันไม่ได้ทำ... เขา... เขา...” ดวงตาเปียกชุ่มจ้องมองผู้ชายเลวทรามตรงหน้าด้วยความเจ็บใจ
“รมิตา... คุณควรขอบคุณคุณเดมิทริอุสด้วยซ้ำที่ไม่ได้เอาเรื่องอะไร คุณเก็บข้าวของออกไปจากโรงแรมเถอะ”
“ค่ะ... คุณเฮกเตอร์” ได้ยินคำพูดของเฮกเตอร์ หญิงสาวก็หมดปัญญาจะโต้แย้งอีก เธอก้มหน้า กัดริมฝีปากตัวเองแน่น จากนั้นก็ร่างกายที่สั่นระริกและไร้เรี่ยวแรงก็จำใจต้องเดินออกจากห้องผู้จัดการไปอย่างไม่มีทางเลือก
…
ดวงตาของรมิตาแดงก่ำ เปลือกตาบวมช้ำจากการร้องไห้อย่างหนัก... นานมากแล้วที่เธอไม่เคยรู้สึกอ่อนแอขนาดนี้ หญิงสาวเคยเผชิญกับความกดดันและความไม่เป็นธรรมของคนในบ้านพ่อเลี้ยงมาจนเธอคิดว่าชินชาแล้ว
ตั้งแต่หนีออกจากบ้านหลังนั้นมา เธอก็ยืนหยัด สู้ทำงานหนัก เลี้ยงตัวเองอยู่เป็นปีๆ โดยไม่เคยรู้สึกท้อแท้ใดๆ แม้แต่ครั้งเดียว... ไม่คิดเลยว่า ผู้ชายคนนั้นจะทำให้ความเข้มแข็งของเธอสูญสลายไปจนหมดในชั่วเวลาแค่วันเดียว
หลังจากเก็บกวาดของใช้ส่วนตัวทั้งหมดซึ่งเก็บไว้ในล็อกเกอร์ภายในห้องพักแม่บ้านใส่ในถุงพลาสติกจนเสร็จสิ้น ร่างเล็กๆ ก็เดินหมดอาลัยตายอยากออกจากประตูพนักงานด้านหลังโรงแรม ไม่มีจุดมุ่งหมาย... ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปกับชีวิต...
กว่าที่เธอจะใช้ความพยายามไต่เต้าจนเข้าทำงานในโรงแรมระดับนี้ได้ ไม่ใช่แค่วันสองวัน ครั้นจะให้กลับไปหางานแม่บ้านตามโรงแรมเล็กๆ หรือตามบ้านผู้มีอันจะกินของเอเธนส์ในช่วงที่เศรษฐกิจของกรีซตกต่ำอย่างหนักแบบนี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด
ขณะที่เดินสะอื้นเบาๆ ไปตามท้องถนนเพื่อจะมุ่งหน้ากลับไปยังห้องเช่าที่พัก รถลิมูซีนคันใหญ่ก็วิ่งเข้ามาจอดเทียบริมบาทวิถี หญิงสาวไม่มีแก่ใจจะหันไปมองรถคันนั้นสักเท่าไหร่ แต่เมื่อสายตาสะดุดเข้ากับร่างสูงใหญ่และใบหน้าคมเข้มของบุคคลที่กำลังเปิดประตูก้าวลงมา เลือดทั้งตัวก็เดือดพล่านด้วยความโกรธ
“คุณ... ไอ้คนเลว!..”
รมิตาลืมตัว หมดสิ้นความกลัวทุกสิ่ง โถมเข้าไปทุบตีร่างกายของเขาด้วยกำปั้นเล็กๆ ที่ยังคงหอบหิ้วถุงพลาสติกพะรุงพะรัง
ทว่า อเล็กซานเดอร์ เดมิทริอุส ก็เตรียมพร้อมสำหรับการจู่โจมของลูกแกะน้อยอยู่แล้ว มือใหญ่ทั้งสองข้างรีบคว้าข้อแขนของเธอ ก่อนจะเบี่ยงตัวแล้วดันร่างหญิงสาวไปติดกับประตูรถ
“ทำไม... ทำไมคุณต้องแกล้งฉันอย่างนี้... ฉันไปทำความเจ็บแค้นอะไรให้คุณกันแน่...” ริมฝีปากน้อยๆ สั่นระริก หยดน้ำตาเม็ดใหญ่ร่วงหล่นจากขอบตากลมโตที่จ้องมองใบหน้าเขาด้วยความโกรธเกลียด
“เพราะฉันต้องการตัวเธอยังไงล่ะ” ชายหนุ่มก้มลงกระซิบข้างหูเธอเบาๆ แต่รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลานั้นบ่งบอกถึงเจตนาอันชั่วร้าย
ใบหน้าของรมิตาร้อนวูบ ลมหายใจของเขาที่รินรดข้างใบหูก่อให้เกิดความรู้สึกมวนวูบในช่องท้อง แม้จะนึกรังเกียจคนตรงหน้าสักแค่ไหน แต่ธรรมชาติของหญิงสาวที่ไม่เคยต้องมือชายมาก่อน คำพูดเช่นนั้นย่อมสร้างความขัดเขินให้เธอบ้างไม่มากก็น้อย
“คุณ... คุณหมายความว่ายังไง... ไม่มีทางหรอก ฉะ...ฉันไม่มีวันยอมเด็ดขาด” สองแก้มกลายเป็นสีชมพูระเรื่อ ดวงตาที่ยังเปียกชื้นและบวมแดงไม่ยอมสบตากับเขา
“เธอไม่มีทางเลือกหรอก รมิตา... อย่าลืมสิว่าเธอกำลังจนตรอก”
“ที่คุณ... ที่คุณกลั่นแกล้งฉันให้ออกจากงานนี่... เพียงเพราะคุณต้องการจะบีบฉันให้ยอม... คุณอย่างนั้นเหรอ... อย่าหวังเลย ต่อให้ฉันต้องอดตาย ฉันก็ไม่มีทางขายตัวให้กับคุณหรอก ไอ้คนบ้า!...”
“ฮ่ะๆๆ ขายตัวอย่างนั้นเหรอ...” อเล็กซานเดอร์ระเบิดเสียงหัวเราะใส่หน้า ปล่อยมือที่กุมข้อมือของหญิงสาวออกพร้อมกับก้าวออกห่างจากเธอราวกับนึกขยะแขยงเสียเต็มประดา “นี่เธอคิดว่าคนอย่างฉันต้องการนอนกับผู้หญิงชั้นต่ำอย่างเธอจริงๆ น่ะเหรอ”
คำเหยียดหยามของเขาทำให้รมิตาอดละอายตัวเองไม่ได้ ในใจนึกอยากจะวิ่งหนีไปให้พ้นจากผู้ชายโรคจิตคนนี้ แต่ในเมื่อเขาลงทุนวางแผนกลั่นแกล้งเธอจนต้องออกจากงาน แล้วยังสะกดรอยตามเธอมาถึงที่นี่ได้
นั่นแสดงว่าเขาย่อมต้องการอะไรบางอย่างจากเธอ ถึงแม้จะยังโกรธแค้นและรู้สึกไม่ปลอดภัย.... หญิงสาวก็ต้องหาทางตกลงกับเขาให้ได้ เพื่อให้ชายเสียสติคนนี้เลิกก่อกวนชีวิตเธอเสียที
ที่ด้านในสุดของโบสถ์กรีกออร์โธดอกซ์ประจำตระกูล แดเมียน ดูนิซี ยืนรอเจ้าสาวในชุดสูทสีดำ ด้านหลังมีอเล็กซานเดอร์และชายหนุ่มในตระกูลเดมิทริอุสอีกสามสี่คน ยืนเข้าแถวอยู่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวทันทีที่ประตูด้านหน้าโบสถ์เปิดออกพร้อมกับการปรากฏตัวของเจ้าสาว เสียงพูดคุยภายในโถงที่นั่งก็เงียบสนิท บรรดาญาติพี่น้องของทั้งสองฝ่ายที่นั่งแยกกันอยู่ทั้งฝั่งซ้ายและขวาของห้องต่างพร้อมใจหันไปมองร่างของเจ้าสาวผู้งดงามเป็นสายตาเดียวเสียงดนตรีจากออร์แกนบรรเลงขึ้น คลลรีสจึงค่อยๆ จูงหลานสาวก้าวเดินตามเส้นทางที่ลาดด้วยพรมแดงจากประตูเข้าไปสู่สถานที่ประกอบพิธีด้านในสุด โดยมีรมิตาเดินถือช่อดอกไม้ นำเหล่าเพื่อนเจ้าสาวนับสิบคนในชุดกระโปรงสุ่มสีฟ้าตามหลังมาช้าๆ เป็นขบวนสวยงามน่าชมดวงตาสีเทาของแดเมียนเพ่งมองมาที่ร่างสูงสง่า ภายใต้ผ้าคลุมศีรษะโปร่งบาง คาซานดราก็จับจ้องสายตาของเขานิ่ง สายตาคู่นั้นเป็นคู่เดียวกันกับที่คอยถ่ายทอดความรักและความห่วงหาอาทรณ์มาตลอดเวลานับสิบปีโดยที่เธอไม่เคยรับรู้เมื่อคิดถึงเรื่องราวที่ผกผันจนท้ายที่สุดกลับลงเอยด้วยดีแล้ว หญิงสาวก็ต้องนึกขอบคุณอีวานเจลีนผู้มีส่วนทำให้เธออยู่ในสภาพนั้น จนได้
ในห้องนอนของคาซานดรา มาเรีย เดมิทริอุส ชั้นบนสุดของคฤหาสน์เดมิทริอุสแห่งมาซิโดเนีย เช้าวันนี้เนืองแน่นไปด้วยหญิงสาวต่างวัยกัน จำนวนหลายสิบคน ที่ต่างก็มารวมอยู่เพื่อช่วยเหลือ และดูแลการแต่งตัวให้เธอในวันแห่งความสุขครั้งนี้คาซานดรายืนอยู่หน้ากระจกเงากรอบไม้แกะสลักลวดลายสีทองบานใหญ่ เฝ้ามองเงาร่างของตัวเองในชุดผ้าลูกไม้สีขาวอันหรูหรา ตัวกระโปรงตัดเย็บเป็นสุ่มหนาซ้อนกันนับสิบชั้น ภายนอกประดับด้วยลูกปัดมุก ที่ร้อยระโยงระยางไม่ต่างจากชุดของเจ้าหญิงในนิยายมันเป็นชุดแต่งงานชุดเดียวกันกับที่มารดาของเธอเคยสวมใส่ในวันที่ก้าวเข้ามาสู่ตระกูลเดมิทริอุส และเธอก็ภูมิใจที่ได้สวมใส่มันอีกครั้งในวันที่ก้าวออกจากคฤหาสน์หลังนี้ไปสู่ตระกูลของผู้ที่เป็นสามีผ้าคลุมผมถูกสวมลงบนเรือนผมสีมะกอกที่ถูกเกล้าเป็นทรงสูง ก่อนจะตลบส่วนที่คลุมใบหน้าขึ้น เปิดให้เห็นใบหน้าที่งดงามหมดจด ข้างกายมีร่างอวบท้วมของหญิงวัยสูงวัยและร่างอุ้ยอ้ายของหญิงสาวชาวไทยยืนยิ้มแย้มอยู่เจ้าสาวผู้สวยสมบูรณ์แบบ ก้มลงจูบแก้มคลอรีสและรมิตาด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุขอย่างที่ใครก็ไม่เคยเห็นมาก่อน“เอาล่ะ ทีนี้หลานของป้าก็พร้อมที่จะเป็นเจ้
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ อีวานเจลีน!!” ชายหนุ่มตะโกนห้าม เสียงของเขาทำให้หญิงสาวทั้งคู่ชะงัก หันมองตามทิศที่มาของเสียง“อเล็กซ์... ไม่นะ!!” คนหนึ่งกรีดเสียงร้องโหยหวน ภาพที่เขาเห็นตำตาอย่างนี้ อีวานเจลีนไม่มีทางจะหาคำอธิบายหรือคำใดๆ มาแก้ตัวอย่างแน่นอน“คุณอเล็กซ์... ช่วยฉันด้วยค่ะ ช่วยลูกของฉันด้วย!!” สองมือโอบอุ้มหน้าท้องเอาไว้ ในเวลานี้เธอไม่ห่วงชีวิตตัวเองเลย ความห่วงใยทั้งหมดมีเพื่อสิ่งล้ำค้าในร่างกายเธอเท่านั้น“ไม่ต้องกลัวนะ รมิตา!! ลูกของผม... ผมจะต้องช่วยคุณและลูกให้ได้” เขาตะโกนตอบอย่างร้อนรน พลางวิ่งตรงไปยังราวบันไดเหล็กของชั้นล่างที่ตั้งตรงเป็นทางขึ้นไปสู่ระเบียงชั้นสอง“คุณอย่าขึ้นมานะ”เพียงมืออเล็กซานเดอร์จับถูกราวเหล็กเท่านั้น เท้ายังไม่ทันยกขึ้นไปเหยียบขั้นบันไดเลยแท้ๆ เสียงตวาดห้ามของอีวานเจลีนก็ทำให้เขาต้องหยุดชะงักอยู่แค่นั้น“คิดจะช่วยมันเหรอ!! อย่าหวังเลยอเล็กซ์ ในเมื่อฉันไม่ได้ อีหน้าไหนก็ไม่มีทางได้คุณทั้งนั้น!!” อีวานเจลีนคล้ายสุนัขจนตรอก แผดเสียงใส่เขาทั้งน้ำตา“อย่านะ อีวานเจลีน!!” ชายหนุ่มตะโกนลั่น ใบหน้าที่ดูดุดันในยามนี้กลับกลายเป็นเหี้ยมเกรียมไม่แพ้ใบหน้าของหญิง
อเล็กซานเดอร์และแดเมียนรีบรุดเดินทางไปยังไนต์คลับที่วาเนสซาทำงานอยู่ ทว่าสภาพการจราจรในชั่วโมงเร่งด่วนทำให้กว่าที่ทั้งคู่จะไปถึง ก็สี่โมงเกือบครึ่งแล้ว สอบถามจนได้ความว่าก่อนหน้านี้สักครึ่งชั่วโมง มีผู้หญิงลักษณะเดียวกันกับอีวานเจลีนมาถามหาที่อยู่ของวาเลอรีน หรือวาเนสซาเช่นกันฟังแล้วชายหนุ่มก็แทบจะล้มทั้งยืน เนื้อตัวเย็นเฉียบ ในขณะที่ฝ่ามือและใบหน้ากลับมีเหงื่อซึมออกมาโดยไม่รู้ตัว ยังหวังให้มีปาฏิหาริย์สักอย่างบันดาลให้หญิงคนรักของเขารอดพ้นจากเงื้อมมือของคุณหนูแห่งตระกูลเฮเลนิคัสเขารีบซักไซ้ ถามหาที่ตั้งของอพาร์ตเมนต์ จนรู้ว่าอยู่ห่างออกไปเพียงสิบช่วงตึก หากจะฝ่าถนนหนทางที่คับคั่งไปด้วยรถราในเวลานี้ คงไม่ทันการณ์ ชายหนุ่มจึงออกวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ตรงไปยังเส้นทางที่ได้รับการชี้นำ โดยไม่สนใจเลขาฯ หนุ่มที่อยู่ด้านหลังว่าจะตามเขามาด้วยหรือเปล่า ขอเพียงให้เขาไปถึงอพาร์ตเมนต์แห่งนั้นเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็พอมหาเศรษฐีหนุ่มวิ่งไปได้ครึ่งทางก็สะดุดสายตาเข้ากับผู้หญิงเอเชียในชุดรัดรูปสีสันฉูดฉาดซึ่งเขากำลังวิ่งผ่านไป ผมสีแดงเพลิงของเธอดึงดูดสายตาให้หยุดชะงัก และหันไปจ้องมองอย่างไม่ตั้งใจ
ร่างที่โถมเข้ามาหาทำให้ขั้วไฟฟ้าเฉียดใบหูอดีตสาวใช้ไปแค่เสี้ยวมิลลิเมตร เสียงลั่นเปรี๊ยะ ทำเอารมิตาขนลุกซู่ มือไม้อ่อนจนเกือบปล่อยแขนของฝ่ายตรงกันข้าม“แกอย่าหลบสิ อีคนชั้นต่ำ อี... แกนะแก... ทั้งที่ฉันวางแผนกำจัดไอ้โจนาธานไปได้แล้วแท้ๆ เหลืออีกไม่เท่าไหร่ก็จะได้แต่งงานกับอเล็กซ์อยู่แล้ว แต่แกเป็นใครมาจากไหน กล้าดียังไงมาแย่งผู้ชายของฉัน”“คุณ... ที่คุณโจนาธานไม่ได้แต่งงานกับคุณคาซานดรา... เป็นเพราะคุณจริงๆ”ใบหน้าของหญิงสาวในเวลานี้หวาดกลัวคนตรงหน้าเสียยิ่งกว่าคราวที่พบกับอเล็กซานเดอร์ ร่างบอบบางถูกเรี่ยวแรงที่มากกว่า ผลักให้ก้าวถอยหลังไปอย่างช้าๆ“หึ! ใช่... ฉันนี่แหละที่หลอกให้มันหนีงานแต่งงาน แล้วก็ฉันนี่แหละที่ผลักนังคาซานดราตกบันไดจนเป็นง่อย”“คุณ... คุณทำอย่างนั้นเพื่ออะไรกัน...” หญิงสาวตกตะลึงมากขึ้นไปอีก ไม่คิดว่าแม้แต่อุบัติเหตุของคาซานดราก็เป็นฝีมือของเธอ ในใจเกิดความกรุ่นโกรธขึ้นมากะทันหัน“ก็เพื่อให้อเล็กซ์โกรธแค้นมันมากที่สุดยังไงล่ะ อีโง่!! มันจะได้ไม่ต้องอยู่เป็นมารผจญฉัน... เหมือนอย่างที่แกกำลังเป็นอยู่ ปล่อยมือฉันนะ!!”อีวานเจลีนดิ้นรน แต่ก็ได้แค่ผลักร่างของรมิตาให้ก
บนชั้นสามของอาคารกลางเก่ากลางใหม่ถูกแบ่งเป็นอพาร์ตเมนต์ย่อยๆ จำนวนสี่ห้อง หนึ่งในนั้นเป็นที่อยู่ของวาเนสซา หรือวาเลอรีน อดีตแม่บ้านชาวจีนผู้หันมายึดอาชีพโฮสเตสของไนต์คลับเล็กๆ แห่งหนึ่งใจกลางกรุงเอเธนส์ประตูอพาร์ตเมนต์ถูกเปิดออกพร้อมเรียวขาในรองเท้าส้นสูงสีสันบาดตา ที่ก้าวออกมายืนบิดสะโพกไปมาอย่างเย้ายวน มือเรียวงามยกขึ้นดึงรอยยับยู่บนชุดที่กระชับกับส่วนสัดให้เข้าที่ แล้วจึงขยับกระเป๋าถือรูปทรงทันสมัยให้คล้องอยู่ในตำแหน่งถนัด หันกลับไปหาผู้ที่มายืนส่งอยู่ใกล้ๆ“เธอแน่ใจนะว่าจะไม่ออกไปเดินเล่นกับฉันก่อน...” หญิงสาวชาวจีนถาม “กว่าฉันจะไปทำงานก็อีกตั้งสองชั่วโมง ไปหาอะไรกินกันก่อนเถอะน่า...” พูดพลางยกแขนข้างที่สวมนาฬิการาคาแพงที่ได้เป็นของกำนัลจากแขกประจำขึ้นตรวจเช็กเวลา บอกว่าตอนนี้เหลืออีกสิบนาทีจะห้าโมงเย็น“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ... ในครัวเธอก็มีของกินเหลืออยู่นี่ ฉันอุ่นเสียหน่อยก็ไม่มีปัญหาแล้ว ทิ้งไว้เสียดายเปล่าๆ” รมิตาตอบยิ้มๆ“ฉันรู้ว่าเธอกินง่ายอยู่ง่ายจ้ะ แต่รู้จักใช้ชีวิตบ้างก็ดีนะ ฉันอุตส่าห์จะพาไปรู้จักผู้คน เปิดหูเปิดตาบ้างก็ไม่ยอมไป” วาเนสซาบ่นกระปอดกระแปด คิดจะหาทางหว่านล้อม