“รมิตา... เธออยู่ข้างในนั้นหรือเปล่า” เสียงวาเนสซา แม่บ้านสาวชาวจีนซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบชั้นสวีตร่วมกับรมิตาตะโกนถาม
“อยู่จ้ะ... ฉันกำลังจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ”
หญิงสาวสูดจมูกแรงๆ ลุกจากโถสุขภัณฑ์แล้วผลักประตู ก้าวออกมาจากห้องน้ำเล็กๆ ของพนักงานซึ่งเธอใช้เป็นที่สงบสติอารมณ์ หลังหลุดรอดจากเงื้อมมือของแขกวิตถารบนห้องเพรซิเดนเชียล สวีต เมื่อสิบห้านาทีก่อน
เธอเหลือบมองเงาความทรุดโทรมของใบหน้าตัวเองในกระจก อ่างล้างหน้า มือทั้งสองข้างรีบรวบเก็บไรผมที่หลุดลุ่ยให้เป็นระเบียบ ก่อนจะ
หันไปมองเพื่อนร่วมงานที่ชะโงกศีรษะเข้ามาหาทางด้านหน้าประตูห้องน้ำ
“มีอะไรเหรอจ๊ะ วาเนสซา” เธอควบคุมเสียงให้ฟังดูปกติ
“ผู้จัดการเรียกไปพบที่ห้องด่วน สีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย มีปัญหาอะไรกับแขกหรือเปล่า” หญิงสาวจีนชาวถามด้วยท่าทีห่วงใย รู้สึกแปลกใจตั้งแต่เพื่อนสาวไหว้วานให้ไปเก็บรถเข็นกลับลงมาแล้ว
รมิตานิ่งงัน เธอรู้ทันทีว่าถูกเรียกตัวไปพบเพราะเรื่องใด แต่หญิงสาวก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่นา... ไม่เข้าใจว่าทำไมเศรษฐีวิตถารคนนั้นถึงกล้าไปฟ้องกับผู้จัดการแผนก
“ไม่มีอะไรนี่จ๊ะ... คงมีการเข้าใจผิดอะไรสักอย่างล่ะมั้ง” เธอพูดเพื่อปลุกปลอบตัวเองไปด้วย “ขอบคุณมากนะวาเนสซา ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ”
“อืม... งั้นฉันไปก่อนนะ ต้องรีบขึ้นไปเก็บกวาดที่ฮอสปิตัลลิตี สวีต ก่อน”
“เอ่อ... เดี๋ยวก่อน” หญิงสาวนึกขึ้นได้
“มีอะไรเหรอ”
“ตอนที่เธอขึ้นไปบนห้องคุณเดมิทริอุส เขา... เอ่อ... เขาทำอะไรหยาบคายกับเธอบ้างหรือเปล่า”
“ไม่นี่... เขายังถามว่าทำไมเธอรีบผลุนผลันออกไปจากห้องทั้งที่ยังทำความสะอาดไม่เสร็จ ฉันเลยบอกว่าเธอไม่ค่อยสบาย” วาเนสซาย่นคิ้วด้วยความสงสัย “เขาพูดจาไม่ดีกับเธอเหรอ”
“มะ...ไม่หรอกจ้ะ”
“ก็นั่นสินะ ว่าแต่ว่า... คุณเดมิทริอุสคนนี้นอกจากจะยังหนุ่มแล้ว ยังหล่อมากเลยนะ นอกจากคุณเทรเกอร์แล้ว ฉันยังไม่เคยเห็นแขกห้องสวีตคนไหนดูดีเท่าเขาเลย”
“อย่าเอาเขาไปเปรียบเทียบกับคุณโจนาธานเลย” รมิตาแย้ง
แขกประจำของห้องเพรซิเดนเชียล สวีต คนนั้น... แม้ไม่ถึงกับเรียกว่าเป็นสุภาพบุรุษ แต่มารยาทการพูดจาก็แตกต่างจากผู้ชายน่ารังเกียจคนนี้มากอย่างเทียบกันไม่ติด
เธอเพียงแปลกใจว่า ทำไมเพื่อนสาวชาวจีนจึงไม่ถูกเขาลวนลามและเหยียดหยามเช่นเดียวกับเธอ...
ไม่สิ... เขาจะกล้าทำพฤติกรรมเลวๆ ติดๆ กันได้ยังไง ในเมื่อเธอเพิ่งจะให้บทเรียนที่เจ็บปวดกับเขาไปนี่นา
“ฉันต้องไปแล้ว... เธอก็รีบไปเถอะ ขืนชักช้าผู้จัดการจะยิ่งโกรธ”
“จ้ะ ขอบคุณอีกครั้งนะวาเนสซา”
…
“คุณเฮกเตอร์คะ ดิฉันรมิตาค่ะ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นที่หน้าห้องผู้จัดการแผนกแม่บ้านพร้อมกับแจ้งชื่อตัวเอง เพื่อขอเข้าพบตามที่ถูกเรียก
“เข้ามาสิ” ชายกลางคนผู้เป็นเจ้าของชื่อร้องบอก น้ำเสียงของเขาฟังดูไม่สู้จะดีนัก
รมิตาเปิดประตูเข้าไปตามคำสั่ง แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อมองเห็นแผ่นหลังขนาดใหญ่พิงอยู่บนเก้าอี้รับแขกด้านหน้าโต๊ะของผู้จัดการ ใบหน้าคมเข้มที่ค่อยๆ หันมามองพร้อมรอยยิ้มเยาะเย้ย ทำให้ร่างของเธอเย็นเฉียบ แม้เพิ่งจะเคยพบกันเพียงครั้งเดียว แต่เธอไม่มีวันลืมใบหน้าของเขาได้แน่ๆ
“คะ...คุณเดมิทริอุส!...”
“นั่งลงสิ คุณเดมิทริอุสมีเรื่องจะคุยกับเธอ...” หัวหน้าแผนกแม่บ้านสั่งด้วยเสียงเย็นชา
หญิงสาวดึงพนักเก้าอี้อีกตัวออกห่างจากคนที่นั่งอยู่ก่อนอย่างช้าๆ ก่อนจะค่อยๆ นั่งลงไปด้วยความลังเล สายตาหวาดระแวงไม่อาจละจากร่างของ อเล็กซานเดอร์ เดมิทริอุส ได้
“คุณเดมิทริอุสมีธุระอะไรกับดิฉันเหรอคะ คุณเฮกเตอร์” เธอเลือกที่จะถามผ่านผู้มีตำแหน่งหัวหน้า แทนที่จะถามจากเขาโดยตรง
“เมื่อครู่นี้... เธอเป็นคนที่ขึ้นไปดูแลห้องเพรซิเดนเชียลใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ... เอ่อ... ดิฉันต้องขอโทษด้วยค่ะที่กลับลงมาก่อน บังเอิญดิฉันไม่สบาย... แต่ก็ได้ให้วาเนสซาขึ้นไปดูแลแทนเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“คุณเดมิทริอุสไม่ได้ต่อว่าในเรื่องการทำงาน” เฮกเตอร์จ้องมองเธอใบหน้าเครียด ขณะที่ชายหนุ่มอีกคนนั่งกอดอกไขว่ห้างด้วยท่าทางสบายอารมณ์ ดวงตาสีเฮเซลของเขาทอดมองรมิตาอย่างมีเลศนัย
“ถ้าอย่างนั้น... คุณเดมิทริอุสเรียกดิฉันมาเพื่ออะไรเหรอคะ...” หญิงสาวถามกลับไม่เต็มเสียง ทั้งหวาดวิตกและงุนงง
อเล็กซานเดอร์ไม่รอให้คนที่นั่งอยู่อีกฟากของโต๊ะเป็นคนตอบ เขาลุกขึ้นยืนแล้วหันไปพูดกับชายกลางคนในขณะที่สายตายังจดจ้องอยู่บนสีหน้าอันหวาดวิตกของรมิตา
“หลังจากแม่บ้านคนนี้ออกไปจากห้อง ของส่วนตัวบางอย่างของผมก็บังเอิญหายไปด้วย ผมจึงเชื่อว่าเธอเป็นคนแอบนำมันออกไป”
“คุณ... ไม่จริงนะคะคุณเฮกเตอร์ ดิฉันไม่ได้ขโมยอะไรไป” หญิงสาวลุกขึ้นแย้งด้วยความตกใจ
“ถ้าเธอยืนยันว่าเธอบริสุทธิ์ แสดงว่าเธอจะยอมให้ฉันค้นตัวเธอใช่ไหม” ชายหนุ่มถามกลับพร้อมกับสีหน้ายียวนกวนประสาท
“แน่นอนค่ะ ดิฉัน... ดิฉัน...” พอนึกถึงตอนที่ถูกเขาลูบคลำร่างกายขึ้นมา ใบหน้านวลก็ร้อนวูบอย่างกะทันหัน
“เอาสิ... เธอล้วงของในกระเป๋ากระโปรงออกมาให้หมด ฉันจะได้แน่ใจว่าเธอไม่ได้หยิบของของฉันไป”
รมิตาจ้องหน้าเศรษฐีหนุ่มอย่างเคืองแค้น สองมือล้วงเข้าไปในรอยแยกของตะเข็บด้านข้างกระโปรง เธอแน่ใจว่าสิ่งที่อยู่ในนั้นมีเพียงแค่พวงกุญแจคีย์การ์ด และตลับแป้งฝุ่นอัดแข็งที่เธอใช้เป็นเครื่องสำอางเพียงอย่างเดียวในชีวิต
แต่แล้วเมื่อมือน้อยๆ ข้างหนึ่งสัมผัสเข้ากับวัตถุเย็นเฉียบที่ไม่คุ้นเคย ร่างทั้งร่างก็ต้องยืนแข็งทื่อ ไม่สามารถขยับตัวต่อไปได้อีก
ไม่จริง... นี่มันอะไรกัน...
“ล้วงออกมาสิ ฉันอยากจะให้ผู้จัดการของเธอเห็นว่ามีอะไรอยู่ในกระเป๋าของเธอบ้าง” รอยยิ้มอันร้ายกาจปรากฏขึ้นที่มุมปากของชายหนุ่มทันทีที่พูดจบ
“คุณ... คุณ...” จู่ๆ หญิงสาวก็พูดอะไรไม่ออกเสียดื้อๆ
“รมิตา... เอาของที่อยู่ในกระเป๋าออกมาวางบนโต๊ะเดี๋ยวนี้” เมื่อเห็นปฏิกิริยาของแม่บ้านสาว เฮกเตอร์จึงร้องสั่ง มือสั่นเทาค่อยๆ กำวัตถุสองสามชิ้นออกจากกระโปรงช้าๆ แล้ววางลงตรงหน้าผู้จัดการของเธออย่างหมดทางเลือก นอกจากพวกกุญแจที่ร้อยเอาไว้ด้วยคีย์การ์ดจำนวนห้าหกแผ่น กับตลับกลมแบนสีชมพูแล้ว สิ่งแปลกปลอมที่เพิ่มขึ้นมาโดยที่เธอไม่รู้ตัวก็คือนาฬิกายี่ห้อวาเชรอง คองสต็องแตง สายโลหะอีกหนึ่งเรือน
“แม่บ้านอย่างเธอคงมีปัญญาซื้อนาฬิการาคาสามหมื่นยูโรด้วยสินะ” อเล็กซานเดอร์ยื่นหน้ามากระซิบกระซาบข้างหู แล้วจึงเงยหน้าถามอีกคนซึ่งนั่งใบหน้าซีดเซียวอยู่ด้วยภายในห้อง “คุณก็คงเห็นกับตาแล้วนะ”
เป็นไปไม่ได้...
เสียงที่พร่ำบอกตัวเองคล้ายติดอยู่ที่ลำคอของรมิตา เธอได้แต่ส่ายศีรษะไปมาด้วยความไม่เข้าใจ
จู่ๆ ของสิ่งนั้นมันเข้ามาอยู่ในกระเป๋ากระโปรงของเธอได้อย่างไรกัน
ผู้ชายคนนั้น... ต้องเป็นฝีมือเขาแน่ๆ...
ที่ด้านในสุดของโบสถ์กรีกออร์โธดอกซ์ประจำตระกูล แดเมียน ดูนิซี ยืนรอเจ้าสาวในชุดสูทสีดำ ด้านหลังมีอเล็กซานเดอร์และชายหนุ่มในตระกูลเดมิทริอุสอีกสามสี่คน ยืนเข้าแถวอยู่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวทันทีที่ประตูด้านหน้าโบสถ์เปิดออกพร้อมกับการปรากฏตัวของเจ้าสาว เสียงพูดคุยภายในโถงที่นั่งก็เงียบสนิท บรรดาญาติพี่น้องของทั้งสองฝ่ายที่นั่งแยกกันอยู่ทั้งฝั่งซ้ายและขวาของห้องต่างพร้อมใจหันไปมองร่างของเจ้าสาวผู้งดงามเป็นสายตาเดียวเสียงดนตรีจากออร์แกนบรรเลงขึ้น คลลรีสจึงค่อยๆ จูงหลานสาวก้าวเดินตามเส้นทางที่ลาดด้วยพรมแดงจากประตูเข้าไปสู่สถานที่ประกอบพิธีด้านในสุด โดยมีรมิตาเดินถือช่อดอกไม้ นำเหล่าเพื่อนเจ้าสาวนับสิบคนในชุดกระโปรงสุ่มสีฟ้าตามหลังมาช้าๆ เป็นขบวนสวยงามน่าชมดวงตาสีเทาของแดเมียนเพ่งมองมาที่ร่างสูงสง่า ภายใต้ผ้าคลุมศีรษะโปร่งบาง คาซานดราก็จับจ้องสายตาของเขานิ่ง สายตาคู่นั้นเป็นคู่เดียวกันกับที่คอยถ่ายทอดความรักและความห่วงหาอาทรณ์มาตลอดเวลานับสิบปีโดยที่เธอไม่เคยรับรู้เมื่อคิดถึงเรื่องราวที่ผกผันจนท้ายที่สุดกลับลงเอยด้วยดีแล้ว หญิงสาวก็ต้องนึกขอบคุณอีวานเจลีนผู้มีส่วนทำให้เธออยู่ในสภาพนั้น จนได้
ในห้องนอนของคาซานดรา มาเรีย เดมิทริอุส ชั้นบนสุดของคฤหาสน์เดมิทริอุสแห่งมาซิโดเนีย เช้าวันนี้เนืองแน่นไปด้วยหญิงสาวต่างวัยกัน จำนวนหลายสิบคน ที่ต่างก็มารวมอยู่เพื่อช่วยเหลือ และดูแลการแต่งตัวให้เธอในวันแห่งความสุขครั้งนี้คาซานดรายืนอยู่หน้ากระจกเงากรอบไม้แกะสลักลวดลายสีทองบานใหญ่ เฝ้ามองเงาร่างของตัวเองในชุดผ้าลูกไม้สีขาวอันหรูหรา ตัวกระโปรงตัดเย็บเป็นสุ่มหนาซ้อนกันนับสิบชั้น ภายนอกประดับด้วยลูกปัดมุก ที่ร้อยระโยงระยางไม่ต่างจากชุดของเจ้าหญิงในนิยายมันเป็นชุดแต่งงานชุดเดียวกันกับที่มารดาของเธอเคยสวมใส่ในวันที่ก้าวเข้ามาสู่ตระกูลเดมิทริอุส และเธอก็ภูมิใจที่ได้สวมใส่มันอีกครั้งในวันที่ก้าวออกจากคฤหาสน์หลังนี้ไปสู่ตระกูลของผู้ที่เป็นสามีผ้าคลุมผมถูกสวมลงบนเรือนผมสีมะกอกที่ถูกเกล้าเป็นทรงสูง ก่อนจะตลบส่วนที่คลุมใบหน้าขึ้น เปิดให้เห็นใบหน้าที่งดงามหมดจด ข้างกายมีร่างอวบท้วมของหญิงวัยสูงวัยและร่างอุ้ยอ้ายของหญิงสาวชาวไทยยืนยิ้มแย้มอยู่เจ้าสาวผู้สวยสมบูรณ์แบบ ก้มลงจูบแก้มคลอรีสและรมิตาด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุขอย่างที่ใครก็ไม่เคยเห็นมาก่อน“เอาล่ะ ทีนี้หลานของป้าก็พร้อมที่จะเป็นเจ้
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ อีวานเจลีน!!” ชายหนุ่มตะโกนห้าม เสียงของเขาทำให้หญิงสาวทั้งคู่ชะงัก หันมองตามทิศที่มาของเสียง“อเล็กซ์... ไม่นะ!!” คนหนึ่งกรีดเสียงร้องโหยหวน ภาพที่เขาเห็นตำตาอย่างนี้ อีวานเจลีนไม่มีทางจะหาคำอธิบายหรือคำใดๆ มาแก้ตัวอย่างแน่นอน“คุณอเล็กซ์... ช่วยฉันด้วยค่ะ ช่วยลูกของฉันด้วย!!” สองมือโอบอุ้มหน้าท้องเอาไว้ ในเวลานี้เธอไม่ห่วงชีวิตตัวเองเลย ความห่วงใยทั้งหมดมีเพื่อสิ่งล้ำค้าในร่างกายเธอเท่านั้น“ไม่ต้องกลัวนะ รมิตา!! ลูกของผม... ผมจะต้องช่วยคุณและลูกให้ได้” เขาตะโกนตอบอย่างร้อนรน พลางวิ่งตรงไปยังราวบันไดเหล็กของชั้นล่างที่ตั้งตรงเป็นทางขึ้นไปสู่ระเบียงชั้นสอง“คุณอย่าขึ้นมานะ”เพียงมืออเล็กซานเดอร์จับถูกราวเหล็กเท่านั้น เท้ายังไม่ทันยกขึ้นไปเหยียบขั้นบันไดเลยแท้ๆ เสียงตวาดห้ามของอีวานเจลีนก็ทำให้เขาต้องหยุดชะงักอยู่แค่นั้น“คิดจะช่วยมันเหรอ!! อย่าหวังเลยอเล็กซ์ ในเมื่อฉันไม่ได้ อีหน้าไหนก็ไม่มีทางได้คุณทั้งนั้น!!” อีวานเจลีนคล้ายสุนัขจนตรอก แผดเสียงใส่เขาทั้งน้ำตา“อย่านะ อีวานเจลีน!!” ชายหนุ่มตะโกนลั่น ใบหน้าที่ดูดุดันในยามนี้กลับกลายเป็นเหี้ยมเกรียมไม่แพ้ใบหน้าของหญิง
อเล็กซานเดอร์และแดเมียนรีบรุดเดินทางไปยังไนต์คลับที่วาเนสซาทำงานอยู่ ทว่าสภาพการจราจรในชั่วโมงเร่งด่วนทำให้กว่าที่ทั้งคู่จะไปถึง ก็สี่โมงเกือบครึ่งแล้ว สอบถามจนได้ความว่าก่อนหน้านี้สักครึ่งชั่วโมง มีผู้หญิงลักษณะเดียวกันกับอีวานเจลีนมาถามหาที่อยู่ของวาเลอรีน หรือวาเนสซาเช่นกันฟังแล้วชายหนุ่มก็แทบจะล้มทั้งยืน เนื้อตัวเย็นเฉียบ ในขณะที่ฝ่ามือและใบหน้ากลับมีเหงื่อซึมออกมาโดยไม่รู้ตัว ยังหวังให้มีปาฏิหาริย์สักอย่างบันดาลให้หญิงคนรักของเขารอดพ้นจากเงื้อมมือของคุณหนูแห่งตระกูลเฮเลนิคัสเขารีบซักไซ้ ถามหาที่ตั้งของอพาร์ตเมนต์ จนรู้ว่าอยู่ห่างออกไปเพียงสิบช่วงตึก หากจะฝ่าถนนหนทางที่คับคั่งไปด้วยรถราในเวลานี้ คงไม่ทันการณ์ ชายหนุ่มจึงออกวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ตรงไปยังเส้นทางที่ได้รับการชี้นำ โดยไม่สนใจเลขาฯ หนุ่มที่อยู่ด้านหลังว่าจะตามเขามาด้วยหรือเปล่า ขอเพียงให้เขาไปถึงอพาร์ตเมนต์แห่งนั้นเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็พอมหาเศรษฐีหนุ่มวิ่งไปได้ครึ่งทางก็สะดุดสายตาเข้ากับผู้หญิงเอเชียในชุดรัดรูปสีสันฉูดฉาดซึ่งเขากำลังวิ่งผ่านไป ผมสีแดงเพลิงของเธอดึงดูดสายตาให้หยุดชะงัก และหันไปจ้องมองอย่างไม่ตั้งใจ
ร่างที่โถมเข้ามาหาทำให้ขั้วไฟฟ้าเฉียดใบหูอดีตสาวใช้ไปแค่เสี้ยวมิลลิเมตร เสียงลั่นเปรี๊ยะ ทำเอารมิตาขนลุกซู่ มือไม้อ่อนจนเกือบปล่อยแขนของฝ่ายตรงกันข้าม“แกอย่าหลบสิ อีคนชั้นต่ำ อี... แกนะแก... ทั้งที่ฉันวางแผนกำจัดไอ้โจนาธานไปได้แล้วแท้ๆ เหลืออีกไม่เท่าไหร่ก็จะได้แต่งงานกับอเล็กซ์อยู่แล้ว แต่แกเป็นใครมาจากไหน กล้าดียังไงมาแย่งผู้ชายของฉัน”“คุณ... ที่คุณโจนาธานไม่ได้แต่งงานกับคุณคาซานดรา... เป็นเพราะคุณจริงๆ”ใบหน้าของหญิงสาวในเวลานี้หวาดกลัวคนตรงหน้าเสียยิ่งกว่าคราวที่พบกับอเล็กซานเดอร์ ร่างบอบบางถูกเรี่ยวแรงที่มากกว่า ผลักให้ก้าวถอยหลังไปอย่างช้าๆ“หึ! ใช่... ฉันนี่แหละที่หลอกให้มันหนีงานแต่งงาน แล้วก็ฉันนี่แหละที่ผลักนังคาซานดราตกบันไดจนเป็นง่อย”“คุณ... คุณทำอย่างนั้นเพื่ออะไรกัน...” หญิงสาวตกตะลึงมากขึ้นไปอีก ไม่คิดว่าแม้แต่อุบัติเหตุของคาซานดราก็เป็นฝีมือของเธอ ในใจเกิดความกรุ่นโกรธขึ้นมากะทันหัน“ก็เพื่อให้อเล็กซ์โกรธแค้นมันมากที่สุดยังไงล่ะ อีโง่!! มันจะได้ไม่ต้องอยู่เป็นมารผจญฉัน... เหมือนอย่างที่แกกำลังเป็นอยู่ ปล่อยมือฉันนะ!!”อีวานเจลีนดิ้นรน แต่ก็ได้แค่ผลักร่างของรมิตาให้ก
บนชั้นสามของอาคารกลางเก่ากลางใหม่ถูกแบ่งเป็นอพาร์ตเมนต์ย่อยๆ จำนวนสี่ห้อง หนึ่งในนั้นเป็นที่อยู่ของวาเนสซา หรือวาเลอรีน อดีตแม่บ้านชาวจีนผู้หันมายึดอาชีพโฮสเตสของไนต์คลับเล็กๆ แห่งหนึ่งใจกลางกรุงเอเธนส์ประตูอพาร์ตเมนต์ถูกเปิดออกพร้อมเรียวขาในรองเท้าส้นสูงสีสันบาดตา ที่ก้าวออกมายืนบิดสะโพกไปมาอย่างเย้ายวน มือเรียวงามยกขึ้นดึงรอยยับยู่บนชุดที่กระชับกับส่วนสัดให้เข้าที่ แล้วจึงขยับกระเป๋าถือรูปทรงทันสมัยให้คล้องอยู่ในตำแหน่งถนัด หันกลับไปหาผู้ที่มายืนส่งอยู่ใกล้ๆ“เธอแน่ใจนะว่าจะไม่ออกไปเดินเล่นกับฉันก่อน...” หญิงสาวชาวจีนถาม “กว่าฉันจะไปทำงานก็อีกตั้งสองชั่วโมง ไปหาอะไรกินกันก่อนเถอะน่า...” พูดพลางยกแขนข้างที่สวมนาฬิการาคาแพงที่ได้เป็นของกำนัลจากแขกประจำขึ้นตรวจเช็กเวลา บอกว่าตอนนี้เหลืออีกสิบนาทีจะห้าโมงเย็น“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ... ในครัวเธอก็มีของกินเหลืออยู่นี่ ฉันอุ่นเสียหน่อยก็ไม่มีปัญหาแล้ว ทิ้งไว้เสียดายเปล่าๆ” รมิตาตอบยิ้มๆ“ฉันรู้ว่าเธอกินง่ายอยู่ง่ายจ้ะ แต่รู้จักใช้ชีวิตบ้างก็ดีนะ ฉันอุตส่าห์จะพาไปรู้จักผู้คน เปิดหูเปิดตาบ้างก็ไม่ยอมไป” วาเนสซาบ่นกระปอดกระแปด คิดจะหาทางหว่านล้อม