“ถ้าอย่างนั้น... คุณ... คนอย่างคุณจะตามมาวุ่นวายกับฉันอีกทำไม”
“เธอคงคิดว่าที่ฉันลวนลามเธอก็เพราะว่าฉันอยากจะมีเซ็กซ์กับเธอสินะ...” สายตาคมกริบเหลือบมองอย่างสมเพช “ฉันยอมทนแตะต้องร่างกายสกปรกของเธอก็เพื่อที่จะซุกนาฬิกา แล้วโยนข้อหาขโมยของให้เธอก็เท่านั้นแหละ เฮอะ”
หญิงสาวได้ฟังเหตุผลของการที่ตนถูกปลุกปล้ำลวนลามแล้ว ความอัดอั้นและอดสูในสถานภาพของตัวเองก็กลั่นออกมาเป็นหยดน้ำตาใสๆ อีกระลอก
“ทำไม... ทำไมคุณต้องทำกับฉันถึงขนาดนี้ ฉันไม่เคยรู้จักมักจี่กับคุณด้วยซ้ำ...”
“ตอนนี้เธออาจจะยังไม่รู้สาเหตุ... แต่อีกไม่นานเธอจะรู้” เขาเค้นเสียง
“คุณเดมิทริอุสคะ... ไม่ว่าคุณจะเข้าใจอะไรผิดหรือคุณจะโกรธแค้นอะไรฉันมาก่อนก็ตาม คุณก็ทำให้ฉันออกจากงานตามต้องการแล้ว คุณจะกรุณาปล่อยฉันไปตามทางของฉันได้ไหมคะ ได้โปรดเลิกตามมาก่อกวนชีวิตฉันเสียทีเถอะ จะให้ฉันกราบคุณก็ได้”
รมิตาปาดน้ำตา ยกมือขึ้นพนมไหว้โดยหวังว่าวัฒนธรรมภาษากายของเธอจะสื่อไปถึงจิตใจของเขา แต่มันก็ไร้ผล...
“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันต้องการตัวเธอ...”
“คุณบอกว่าคุณไม่ได้ต้องการ...” หญิงสาวรีบแย้ง... แต่ยังกระดากที่จะเอ่ยคำว่าเซ็กซ์
“ในเมื่อเธอถนัดกับการเป็นคนรับใช้ ฉันก็จะจ้างเธอไปทำงานเป็นสาวใช้ให้กับฉันยังไงล่ะ”
หญิงสาวแทบไม่เชื่อหู ฝืนใจหัวเราะออกมาทั้งที่ยังสะอื้นไห้
“ทั้งหมดที่เศรษฐีอย่างคุณลงทุนทำไป เพียงเพราะว่าคุณต้องการให้ฉันไปเป็นสาวใช้ของคุณอย่างนั้นน่ะเหรอคะ”
เป็นไปไม่ได้... ไม่มีใครทำโง่ๆ อย่างนี้แน่นอน...
นั่นหมายความว่าเรื่องที่จะจ้างเธอไปเป็นคนรับใช้ มันก็เป็นแผนการที่เขาจงใจจะหลอกลวงเธออีกครั้ง
เพื่ออะไร... เพื่ออะไรเธอไม่รู้...
แต่ที่แน่ๆ ประสบการณ์ในวันนี้บอกว่าการเข้าไปเกี่ยวข้องกับเขานั้น เป็นเรื่องไม่ปลอดภัย
รมิตาหันซ้ายมองขวาอย่างลังเล เธอตัดสินใจแล้วว่าจะไม่รอฟังคำตอบของอเล็กซานเดอร์ ฉวยโอกาสที่เขายังยืนอยู่ห่างจากตัวเธอ ออกแรงวิ่งตรงเข้าไปยังกลุ่มคนที่เดินขวักไขว่อยู่บนถนนยามเย็นอย่างรวดเร็วที่สุด หวังว่าฝูงชนจะช่วยเป็นเกราะป้องกันจากชายโรคจิตที่สะกดรอยเธออยู่
“รมิตา!! หยุดนะ!!” ได้ยินเขาตะโกนตามหลัง แต่มีหรือที่หญิงสาวจะยอมฟังเสียง ซึ่งเธอก็คิดถูก เพราะเขาไม่ได้ตามเธอมาอีก
…
ขาคู่น้อยๆ พาเธอวิ่งกระหืดกระหอบจนถึงอพาร์ตเมนต์เล็กๆ ที่เธอเช่าอยู่ไม่ห่างจากโรงแรมมากนัก
ทว่าเมื่อขึ้นบันไดไปจนถึงห้องพักบนชั้นสอง หญิงสาวก็ต้องพบกับความประหลาดใจอีกครั้ง เมื่อประตูห้องของเธอกลับถูกล็อกเอาไว้ด้วยแม่กุญแจตัวใหญ่ซึ่งเธอไม่เคยเห็นมาก่อน
รมิตาเกิดความสังหรณ์ใจว่าสิ่งนี้จะเกี่ยวข้องกับเศรษฐีหนุ่มผู้เสียสติคนนั้น แต่เธอไม่มีทางเลือกอื่น จำต้องเดินลงไปสอบถามยังห้องพักของเจ้าของอพาร์ตเมนต์ที่อยู่ชั้นล่าง
หลังเคาะประตูได้เพียงสองครั้ง หญิงชราผู้เป็นเจ้าของอาคารอิฐสองชั้นเก่าๆ หลังนี้ก็เปิดออกมาพบ
“คุณธาเลียคะ ทำไมหน้าห้องของฉันถึงมีแม่กุญแจล็อกอยู่”
“เพราะว่าฉันให้คนอื่นเช่าห้องนั้นไปแล้วน่ะสิ” เธอตอบอย่างเฉยเมย
“คุณทำอย่างนั้นได้ยังไงคะ... ฉันเป็นคนเช่าห้องนั้นอยู่ก่อนไม่ใช่เหรอ...”
“เขายินดีจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าหนึ่งปีเต็ม และฉันก็รับเงินมาแล้วด้วย”
ได้ฟังเหตุผลที่สุดแสนจะเห็นแก่ตัวแล้ว ผู้ฟังก็ต้องอึ้งไปชั่วขณะด้วยความคิดไม่ถึง หญิงชราไม่ไยดีกับปฏิกิริยาของหญิงสาว หันไปยกถุงขยะใบใหญ่ที่วางไว้ข้างประตูด้านในห้องออกมายื่นส่งให้
“ข้าวของเธอฉันเก็บออกมาให้แล้ว ส่วนค่าเช่าสองอาทิตย์ที่ผ่านมาฉันถือว่าเป็นการชดเชยให้ก็แล้วกัน”
“คุณธาเลีย... ทำไม...”
“พูดตามตรงนะ... ฉันได้ยินว่าเธอถูกไล่ออกจากงานแล้ว แล้วเดือนนี้เธอจะมีปัญญาหาค่าเช่าที่ไหนมาจ่ายให้ฉันกันล่ะ...”
“คุณ... คุณทราบได้ยังไงคะ”
เธอไม่น่าถาม... มันต้องเป็นฝีมือของผู้ชายคนนั้นอีกอย่างแน่นอนน่ะสิ
“ฉันจะรู้ได้ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับเธอหรอก แต่ที่สำคัญก็คือ... เธอตกงานจริงๆ ใช่หรือเปล่าล่ะ...”
“แต่... แต่คุณก็รู้ว่าฉันไม่เคยค้างค่าเช่าเลยสักครั้ง”
“ฉันรู้ว่าเธอเป็นผู้เช่าที่ดี... ถ้ามีทางเลือกอื่นฉันก็ไม่อยากจะทำอย่างนี้หรอก แต่สภาพเศรษฐกิจอย่างนี้ฉันไม่กล้าเสี่ยงรอให้เธอหางานทำได้หรอกนะ ขอโทษด้วย...”
“คุณธาเลีย... ได้โปรดเถอะค่ะ อย่า...”
ประตูห้องของหญิงชราปิดใส่หน้ารมิตาดังปังทั้งที่เธอยังพูดไม่ทันจบเสียด้วยซ้ำ
นี่มันอะไรกันแน่...
เพียงแค่วันเดียว... เขาทำให้เธอตกงาน ทำให้เธอไม่มีที่จะซุกหัวนอนด้วยเหตุผลเพียงเพราะว่าต้องการตัวเธอไปเป็นสาวใช้อย่างนั้นน่ะหรือ...
ผู้ชายคนนั้น... เขาบ้าไปแล้ว... เขาเป็นคนเสียสติ...
รมิตาทรุดตัวลงนั่งกับพื้นซีเมนต์หน้าอพาร์ตเมนต์ที่ทรุดโทรมอย่างหมดเรี่ยวแรง
เธอไม่เข้าใจจุดประสงค์ของมหาเศรษฐีหนุ่มจริงๆ
ไม่เข้าใจ... และไม่อยากรับรู้เรื่องราวอะไรในโลกนี้อีกแล้ว...
หญิงสาวซบหน้าลงบนหัวเข่า ปล่อยให้น้ำใสๆ ซึมหายไปกับกระโปรงยาวหยดแล้วหยดเล่า กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่ามีรองเท้าหนังมันปลาบคู่ใหญ่คู่หนึ่งก้าวเข้ามาหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ
“ฉันบอกแล้วว่าเธอไม่มีทางเลือกอื่น...” เสียงเจ้าของรองเท้าคู่นั้นเอ่ยขึ้น
หญิงสาวเงยขึ้นมองหน้าเขาอย่างไม่ยอมจำนน ริมฝีปากบางๆ ถูกฟันขาวสะอาดซี่เล็กๆ บดขยี้ด้วยความโกรธเกลียด แม้ในยามซีดเซียวอ่อนล้าอย่างนี้ ใบหน้าของรมิตาก็ยังคงเค้าความงามและมีเสน่ห์ อเล็กซานเดอร์ ไม่แปลกใจสักนิดว่าทำไม โจนาธาน เทรเกอร์ จึงได้หลงใหลเธอนัก
ใบหน้าหยิ่งยโสอย่างนี้... เขาอยากจะเห็นนักว่าตอนที่เธอออดอ้อน ฉอเลาะจะเป็นอย่างไร
แล้วในเวลาที่กรีดร้องครวญครางอยู่บนเตียงอีกล่ะ...
“ฉันไม่มีวันทำตามความต้องการของคุณ... ต่อให้ฉันต้องนอนหนาวตายข้างถนน ฉันก็ไม่มีวัน!...” เธอตะโกนทั้งเสียงสะอื้น
อเล็กซานเดอร์ย่อตัวลงนั่งบนส้นเท้า รู้สึกสาสมใจนักที่สามารถต้อนให้ผู้หญิงแพศยาคนนี้ต้องตกอยู่ในสภาพอันน่าสมเพชได้
“เธอคิดว่าไอ้ชู้รักชาวอเมริกันของเธอจะยื่นมือมาช่วยได้อีกสินะ น่าเสียดายที่ตอนนี้มันไม่ได้อยู่ในเอเธนส์ และมันคงไม่กล้ากลับมาเหยียบกรีซอีกพักใหญ่ๆ”
“คุณพูดเรื่องอะไรของคุณ...”
รมิตาจำได้... เขาเฝ้าแต่พูดถึงชาวอเมริกันอะไรนั่นมาตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว เธอมัวแต่ตื่นกลัวจึงไม่ได้เก็บมาใส่ใจ...
“ฉันกำลังพูดถึงไอ้บัดซบโจนาธานยังไงล่ะ”
ชื่อนั้นทำให้หญิงสาวตกตะลึง... และชายหนุ่มตรงหน้าก็มองเห็นปฏิกิริยาของเธออย่างชัดเจน
“คุณเทรเกอร์... ฉันไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับคุณเทรเกอร์ เขาเป็นแค่ลูกค้าประจำของชั้นสวีต... คุณเดมิทริอุสคะ คุณ... คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ” หญิงสาวรีบละล่ำละลักบอก
นี่สินะ... เหตุผลที่ทำให้เขาตามล้างตามล่าเธอไม่หยุด
“เธอนี่ช่างหน้าด้านเหลือเกินนะ... เธอคิดว่าฉันจะเชื่อข้อแก้ตัวโง่ๆ อย่างนั้นจริงๆ เหรอ...” เขายิ้มเยาะ
“แต่ฉันไม่เกี่ยวข้องกับเขาจริงๆ นะคะ คุณเดมิทริอุส... ได้โปรด... เชื่อฉันเถอะค่ะ”
“หุบปาก!!!” ชายหนุ่มตวาดอย่างเหลืออด “ถ้าเธอไม่รับข้อเสนอของฉันแต่โดยดี ฉันก็จะใช้วิธีสุดท้ายจัดการกับเธอ”
“คุณคิดจะทำอะไรของคุณ...”
“ฉันก็จะให้ตำรวจลากคอเธอเข้าคุกน่ะสิ อย่าลืมว่าเธอมีคดีลักทรัพย์คาอยู่ที่โรงแรมนะ แค่ฉันออกปากเอาเรื่อง นายเฮกเตอร์อะไรนั่นต้องรีบมาเป็นพยานให้อย่างแน่นอน เธอคงไม่คิดว่าเรื่องมันจะจบแล้วใช่ไหม”
“คุณเดมิทริอุส... คุณ...”
หญิงสาวหมดความอดทน... ฟุบหน้าลงบนท่อนแขนแล้วปล่อยเสียงโฮออกมาอย่างสุดจะกลั้น
มาถึงวินาทีนี้ รมิตาอ่อนล้าจนหมดกำลังแล้ว...
แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเธอไม่ได้ทำความผิดอะไรเลย
แต่เธอก็แพ้...
เธอไม่มีทางดิ้นรนต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์เพทุบายอย่างเขาได้
อเล็กซานเดอร์ลุกขึ้นยืน เหยียดริมฝีปากยิ้มอย่างสาแก่ใจ ปรายดวงตาสีเฮเซลไปยังร่างเล็กๆ ที่นั่งกอดเข่าสะอึกสะอื้นอยู่บนพื้น
ยังหรอก... เท่านี้มันยังไม่พอ
เธอยังต้องชดใช้ความแพศยาของเธอมากกว่านี้...
ทั้งไอ้สารเลวโจนาธาน และผู้หญิงชั้นต่ำคนนี้... โทษฐานที่ร่วมกันทำลายชีวิตของคาซานดรา... เขาจะทำให้พวกมันต้องนึกเสียใจไปจนชั่วชีวิต...
ที่ด้านในสุดของโบสถ์กรีกออร์โธดอกซ์ประจำตระกูล แดเมียน ดูนิซี ยืนรอเจ้าสาวในชุดสูทสีดำ ด้านหลังมีอเล็กซานเดอร์และชายหนุ่มในตระกูลเดมิทริอุสอีกสามสี่คน ยืนเข้าแถวอยู่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวทันทีที่ประตูด้านหน้าโบสถ์เปิดออกพร้อมกับการปรากฏตัวของเจ้าสาว เสียงพูดคุยภายในโถงที่นั่งก็เงียบสนิท บรรดาญาติพี่น้องของทั้งสองฝ่ายที่นั่งแยกกันอยู่ทั้งฝั่งซ้ายและขวาของห้องต่างพร้อมใจหันไปมองร่างของเจ้าสาวผู้งดงามเป็นสายตาเดียวเสียงดนตรีจากออร์แกนบรรเลงขึ้น คลลรีสจึงค่อยๆ จูงหลานสาวก้าวเดินตามเส้นทางที่ลาดด้วยพรมแดงจากประตูเข้าไปสู่สถานที่ประกอบพิธีด้านในสุด โดยมีรมิตาเดินถือช่อดอกไม้ นำเหล่าเพื่อนเจ้าสาวนับสิบคนในชุดกระโปรงสุ่มสีฟ้าตามหลังมาช้าๆ เป็นขบวนสวยงามน่าชมดวงตาสีเทาของแดเมียนเพ่งมองมาที่ร่างสูงสง่า ภายใต้ผ้าคลุมศีรษะโปร่งบาง คาซานดราก็จับจ้องสายตาของเขานิ่ง สายตาคู่นั้นเป็นคู่เดียวกันกับที่คอยถ่ายทอดความรักและความห่วงหาอาทรณ์มาตลอดเวลานับสิบปีโดยที่เธอไม่เคยรับรู้เมื่อคิดถึงเรื่องราวที่ผกผันจนท้ายที่สุดกลับลงเอยด้วยดีแล้ว หญิงสาวก็ต้องนึกขอบคุณอีวานเจลีนผู้มีส่วนทำให้เธออยู่ในสภาพนั้น จนได้
ในห้องนอนของคาซานดรา มาเรีย เดมิทริอุส ชั้นบนสุดของคฤหาสน์เดมิทริอุสแห่งมาซิโดเนีย เช้าวันนี้เนืองแน่นไปด้วยหญิงสาวต่างวัยกัน จำนวนหลายสิบคน ที่ต่างก็มารวมอยู่เพื่อช่วยเหลือ และดูแลการแต่งตัวให้เธอในวันแห่งความสุขครั้งนี้คาซานดรายืนอยู่หน้ากระจกเงากรอบไม้แกะสลักลวดลายสีทองบานใหญ่ เฝ้ามองเงาร่างของตัวเองในชุดผ้าลูกไม้สีขาวอันหรูหรา ตัวกระโปรงตัดเย็บเป็นสุ่มหนาซ้อนกันนับสิบชั้น ภายนอกประดับด้วยลูกปัดมุก ที่ร้อยระโยงระยางไม่ต่างจากชุดของเจ้าหญิงในนิยายมันเป็นชุดแต่งงานชุดเดียวกันกับที่มารดาของเธอเคยสวมใส่ในวันที่ก้าวเข้ามาสู่ตระกูลเดมิทริอุส และเธอก็ภูมิใจที่ได้สวมใส่มันอีกครั้งในวันที่ก้าวออกจากคฤหาสน์หลังนี้ไปสู่ตระกูลของผู้ที่เป็นสามีผ้าคลุมผมถูกสวมลงบนเรือนผมสีมะกอกที่ถูกเกล้าเป็นทรงสูง ก่อนจะตลบส่วนที่คลุมใบหน้าขึ้น เปิดให้เห็นใบหน้าที่งดงามหมดจด ข้างกายมีร่างอวบท้วมของหญิงวัยสูงวัยและร่างอุ้ยอ้ายของหญิงสาวชาวไทยยืนยิ้มแย้มอยู่เจ้าสาวผู้สวยสมบูรณ์แบบ ก้มลงจูบแก้มคลอรีสและรมิตาด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุขอย่างที่ใครก็ไม่เคยเห็นมาก่อน“เอาล่ะ ทีนี้หลานของป้าก็พร้อมที่จะเป็นเจ้
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ อีวานเจลีน!!” ชายหนุ่มตะโกนห้าม เสียงของเขาทำให้หญิงสาวทั้งคู่ชะงัก หันมองตามทิศที่มาของเสียง“อเล็กซ์... ไม่นะ!!” คนหนึ่งกรีดเสียงร้องโหยหวน ภาพที่เขาเห็นตำตาอย่างนี้ อีวานเจลีนไม่มีทางจะหาคำอธิบายหรือคำใดๆ มาแก้ตัวอย่างแน่นอน“คุณอเล็กซ์... ช่วยฉันด้วยค่ะ ช่วยลูกของฉันด้วย!!” สองมือโอบอุ้มหน้าท้องเอาไว้ ในเวลานี้เธอไม่ห่วงชีวิตตัวเองเลย ความห่วงใยทั้งหมดมีเพื่อสิ่งล้ำค้าในร่างกายเธอเท่านั้น“ไม่ต้องกลัวนะ รมิตา!! ลูกของผม... ผมจะต้องช่วยคุณและลูกให้ได้” เขาตะโกนตอบอย่างร้อนรน พลางวิ่งตรงไปยังราวบันไดเหล็กของชั้นล่างที่ตั้งตรงเป็นทางขึ้นไปสู่ระเบียงชั้นสอง“คุณอย่าขึ้นมานะ”เพียงมืออเล็กซานเดอร์จับถูกราวเหล็กเท่านั้น เท้ายังไม่ทันยกขึ้นไปเหยียบขั้นบันไดเลยแท้ๆ เสียงตวาดห้ามของอีวานเจลีนก็ทำให้เขาต้องหยุดชะงักอยู่แค่นั้น“คิดจะช่วยมันเหรอ!! อย่าหวังเลยอเล็กซ์ ในเมื่อฉันไม่ได้ อีหน้าไหนก็ไม่มีทางได้คุณทั้งนั้น!!” อีวานเจลีนคล้ายสุนัขจนตรอก แผดเสียงใส่เขาทั้งน้ำตา“อย่านะ อีวานเจลีน!!” ชายหนุ่มตะโกนลั่น ใบหน้าที่ดูดุดันในยามนี้กลับกลายเป็นเหี้ยมเกรียมไม่แพ้ใบหน้าของหญิง
อเล็กซานเดอร์และแดเมียนรีบรุดเดินทางไปยังไนต์คลับที่วาเนสซาทำงานอยู่ ทว่าสภาพการจราจรในชั่วโมงเร่งด่วนทำให้กว่าที่ทั้งคู่จะไปถึง ก็สี่โมงเกือบครึ่งแล้ว สอบถามจนได้ความว่าก่อนหน้านี้สักครึ่งชั่วโมง มีผู้หญิงลักษณะเดียวกันกับอีวานเจลีนมาถามหาที่อยู่ของวาเลอรีน หรือวาเนสซาเช่นกันฟังแล้วชายหนุ่มก็แทบจะล้มทั้งยืน เนื้อตัวเย็นเฉียบ ในขณะที่ฝ่ามือและใบหน้ากลับมีเหงื่อซึมออกมาโดยไม่รู้ตัว ยังหวังให้มีปาฏิหาริย์สักอย่างบันดาลให้หญิงคนรักของเขารอดพ้นจากเงื้อมมือของคุณหนูแห่งตระกูลเฮเลนิคัสเขารีบซักไซ้ ถามหาที่ตั้งของอพาร์ตเมนต์ จนรู้ว่าอยู่ห่างออกไปเพียงสิบช่วงตึก หากจะฝ่าถนนหนทางที่คับคั่งไปด้วยรถราในเวลานี้ คงไม่ทันการณ์ ชายหนุ่มจึงออกวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ตรงไปยังเส้นทางที่ได้รับการชี้นำ โดยไม่สนใจเลขาฯ หนุ่มที่อยู่ด้านหลังว่าจะตามเขามาด้วยหรือเปล่า ขอเพียงให้เขาไปถึงอพาร์ตเมนต์แห่งนั้นเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็พอมหาเศรษฐีหนุ่มวิ่งไปได้ครึ่งทางก็สะดุดสายตาเข้ากับผู้หญิงเอเชียในชุดรัดรูปสีสันฉูดฉาดซึ่งเขากำลังวิ่งผ่านไป ผมสีแดงเพลิงของเธอดึงดูดสายตาให้หยุดชะงัก และหันไปจ้องมองอย่างไม่ตั้งใจ
ร่างที่โถมเข้ามาหาทำให้ขั้วไฟฟ้าเฉียดใบหูอดีตสาวใช้ไปแค่เสี้ยวมิลลิเมตร เสียงลั่นเปรี๊ยะ ทำเอารมิตาขนลุกซู่ มือไม้อ่อนจนเกือบปล่อยแขนของฝ่ายตรงกันข้าม“แกอย่าหลบสิ อีคนชั้นต่ำ อี... แกนะแก... ทั้งที่ฉันวางแผนกำจัดไอ้โจนาธานไปได้แล้วแท้ๆ เหลืออีกไม่เท่าไหร่ก็จะได้แต่งงานกับอเล็กซ์อยู่แล้ว แต่แกเป็นใครมาจากไหน กล้าดียังไงมาแย่งผู้ชายของฉัน”“คุณ... ที่คุณโจนาธานไม่ได้แต่งงานกับคุณคาซานดรา... เป็นเพราะคุณจริงๆ”ใบหน้าของหญิงสาวในเวลานี้หวาดกลัวคนตรงหน้าเสียยิ่งกว่าคราวที่พบกับอเล็กซานเดอร์ ร่างบอบบางถูกเรี่ยวแรงที่มากกว่า ผลักให้ก้าวถอยหลังไปอย่างช้าๆ“หึ! ใช่... ฉันนี่แหละที่หลอกให้มันหนีงานแต่งงาน แล้วก็ฉันนี่แหละที่ผลักนังคาซานดราตกบันไดจนเป็นง่อย”“คุณ... คุณทำอย่างนั้นเพื่ออะไรกัน...” หญิงสาวตกตะลึงมากขึ้นไปอีก ไม่คิดว่าแม้แต่อุบัติเหตุของคาซานดราก็เป็นฝีมือของเธอ ในใจเกิดความกรุ่นโกรธขึ้นมากะทันหัน“ก็เพื่อให้อเล็กซ์โกรธแค้นมันมากที่สุดยังไงล่ะ อีโง่!! มันจะได้ไม่ต้องอยู่เป็นมารผจญฉัน... เหมือนอย่างที่แกกำลังเป็นอยู่ ปล่อยมือฉันนะ!!”อีวานเจลีนดิ้นรน แต่ก็ได้แค่ผลักร่างของรมิตาให้ก
บนชั้นสามของอาคารกลางเก่ากลางใหม่ถูกแบ่งเป็นอพาร์ตเมนต์ย่อยๆ จำนวนสี่ห้อง หนึ่งในนั้นเป็นที่อยู่ของวาเนสซา หรือวาเลอรีน อดีตแม่บ้านชาวจีนผู้หันมายึดอาชีพโฮสเตสของไนต์คลับเล็กๆ แห่งหนึ่งใจกลางกรุงเอเธนส์ประตูอพาร์ตเมนต์ถูกเปิดออกพร้อมเรียวขาในรองเท้าส้นสูงสีสันบาดตา ที่ก้าวออกมายืนบิดสะโพกไปมาอย่างเย้ายวน มือเรียวงามยกขึ้นดึงรอยยับยู่บนชุดที่กระชับกับส่วนสัดให้เข้าที่ แล้วจึงขยับกระเป๋าถือรูปทรงทันสมัยให้คล้องอยู่ในตำแหน่งถนัด หันกลับไปหาผู้ที่มายืนส่งอยู่ใกล้ๆ“เธอแน่ใจนะว่าจะไม่ออกไปเดินเล่นกับฉันก่อน...” หญิงสาวชาวจีนถาม “กว่าฉันจะไปทำงานก็อีกตั้งสองชั่วโมง ไปหาอะไรกินกันก่อนเถอะน่า...” พูดพลางยกแขนข้างที่สวมนาฬิการาคาแพงที่ได้เป็นของกำนัลจากแขกประจำขึ้นตรวจเช็กเวลา บอกว่าตอนนี้เหลืออีกสิบนาทีจะห้าโมงเย็น“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ... ในครัวเธอก็มีของกินเหลืออยู่นี่ ฉันอุ่นเสียหน่อยก็ไม่มีปัญหาแล้ว ทิ้งไว้เสียดายเปล่าๆ” รมิตาตอบยิ้มๆ“ฉันรู้ว่าเธอกินง่ายอยู่ง่ายจ้ะ แต่รู้จักใช้ชีวิตบ้างก็ดีนะ ฉันอุตส่าห์จะพาไปรู้จักผู้คน เปิดหูเปิดตาบ้างก็ไม่ยอมไป” วาเนสซาบ่นกระปอดกระแปด คิดจะหาทางหว่านล้อม