Share

บทที่ 16 วางยา

last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-05 15:41:12

ท้ายที่สุดคดีสังหารเจ้าสาวก็ถูกปิดลง เจ้าเมืองถงหวางถูกซูอวี้เฉิงสังหาร ส่วนอาหลินก็ถูกตัดสินประหารชีวิต เหล่าข้ารับใช้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารคนของสองพ่อลูกก็ถูกประหารตามเจ้านายของตนไปอย่างไม่มีข้อยกเว้น เหล่าชาวบ้านต่างก่นด่าสาปแช่งที่สองพ่อลูกทำให้บุตรสาวของพวกเขาต้องมาด่วนจากโลกใบนี้ไป อีกทั้งยังลงมืออำมหิตโหดเหี้ยมอย่างไม่อาจให้อภัยอีกด้วย

เมื่อทุกอย่างคลี่คลายลง เซวียนซานหลางได้ส่งคนนำรายงานเกี่ยวกับคดีที่เกิดขึ้นไปถวายให้กับฮ่องเต้เซวียนจง อีกทั้งยังฝากความไปบอกด้วยว่าอีกไม่นานพวกเขาจะเร่งเดินทางกลับเมืองหลวงไปกราบทูลรายงานความเป็นไปทั้งหมดด้วยตนเอง

ฮ่องเต้เซวียนจงทรงพอพระทัยเป็นอย่างมาก คนหนุ่มมากความสามารถเหล่านี้ล้วนเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยทำงานให้เขาได้อย่างราบรื่น โดยเฉพาะหลานชายของเขาคนนี้

เซวียนซานหลางเป็นคนสุขุมรอบคอบ ที่ผ่านมาไม่เคยสร้างความลำบากใจอะไรให้กับเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว อีกทั้งยังเป็นคนซื่อสัตย์ ไม่โลภมาก เขาเองไม่เคยหวาดระแวงในตัวหลานชายคนนี้เลยแม้แต่น้อย

เมื่อปิดคดีได้สำเร็จ ฮ่องเต้เซวียนจงจึงออกราชโองการ ส่งท่านเจ้าเมืองคนใหม่ไปที่เมืองถงหวาง เจ้าเมืองคนนี้อายุยังไม่มาก แต่กลับมีความซื่อสัตย์ สองปีก่อนเขาสอบได้ตำแหน่งจอหงวนเป็นคนมากฝีมือ ได้เข้ามาทำงานในราชสำนักถึงสองปีเรียนรู้ทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว ฮ่องเต้เซวียนจงจึงมอบหมายภาระหน้าที่นี้ให้แก่เขา

เมื่อท่านเจ้าเมืองคนใหม่มาถึง ก็กวาดล้างขั้วอำนาจเดิมของท่านเจ้าเมืองคนก่อนไปจนหมด ปฏิรูปการปกครองใหม่ ไม่นานเมืองถงหวางก็กลับมาคึกคักและสงบสุขอีกครั้ง ที่สำคัญท่านเจ้าเมืองคนใหม่ยังช่วยปลอบขวัญเหล่าชาวบ้านที่สูญเสียบุตรสาวไปอย่างใส่ใจอีกด้วย

เช้าวันนี้อากาศค่อนข้างเย็นสบายเป็นอย่างมาก เมื่อเรื่องราวเลวร้ายจบสิ้นลง พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังสถานะอีกต่อไป เหล่าชาวบ้านต่างรู้ว่าเซวียนซานหลางและเสิ่นเหวยอันเป็นใคร  อีกทั้งยังรู้ด้วยว่ามู่หลานเฟินก็ไม่ใช่แม่ค้าทั่วไป เหล่าชาวบ้านต่างแสดงท่าทีเคารพต่อพวกเขาอย่างนอบน้อม อีกทั้งยังนำของมาฝากมากมายจนมู่หลานเฟินรับเอาไว้ไม่ไหว

"คุณหนูมู่ ท่านน่ะเป็นคนจิตใจดี ทำอาหารก็อร่อย ไว้มีโอกาศก็มาเปิดร้านที่นี่เสียเลยสิ พวกข้าจะได้มีของอร่อยกินกัน อีกอย่างหนึ่ง ท่านกับซื่อจื่อผู้นั้นก็เหมาะสมกันมาก น่าเสียดายนัก แต่งงานกันจริงๆเสียเลยสิ"

มู่หลานเฟินแทบสำลักน้ำลายตัวเอง นางหันไปมองเซวียนซานหลางที่นั่งอ่านตำราอยู่ไม่ไกล ใบหน้าของชายหนุ่มเรียบเฉยไม่ยินดียินร้ายต่อสิ่งใดทั้งสิ้น ราวกับไม่สนใจต่อคำพูดไร้สาระเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวถอนหายใจออกมา ก่อนจะหันมาเอ่ยกับชาวบ้าน

"พวกท่านล้อข้าเล่นแล้ว ข้ากับซื่อจื่อเป็นเพียงคนอาศัยอยู่ในจวนของเขาเท่านั้น"

"น่าเสียดายนัก"

"เสียดายอันใดกัน"

มู่หลานเฟินรับของมาจากชาวบ้าน ก่อนจะส่งให้ลั่วเหมยนำไปเก็บ เหล่าบ้านอยู่สนทนากับนางต่ออีกไม่นานก็ขอตัวจากไป ยามนี้ภายในบ้านจึงเงียบสงบยิ่งนัก

เซวียนเจ๋อออกไปเดินเล่นตั้งแต่เช้าแล้ว ส่วนเสิ่นเหวยอันและซูอวี้เฉิงก็ไปจัดการเรื่องต่างๆที่ต้องจัดการ ตอนนี้ในบ้านเหลือเพียงนางและเซวียนซานหลางสองคน บรรยากาศช่างดูอึดอัดยิ่งนัก ที่ผ่านมาเขาเองก็ไม่ค่อยจะอยากเจรจาหรือสนทนาสิ่งใดกับนางอยู่แล้ว มู่หลานเฟินเองก็ไม่มีสิ่งใดอยากจะพูดคุยกับเขาเช่นเดียวกัน 

"ซื่อจื่อ ข้าจะออกไปซื้อของสักหน่อย"

"อืม"

เขาเอ่ยรีบคำเพียงเบาๆ มู่หลานเฟินจึงเดินออกมาจากบ้านเพียงลำพัง ก่อนหน้านี้ลั่วเหมยบอกนางว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายนางจึงให้สาวใช้น้อยไปพักไม่ต้องมาคอยรับใช้นาง

ที่เมืองถงหวางนั้นมีของที่ชาวบ้านทำด้วยมือมาขายหลายอย่าง ทุกอย่างล้วนประณีตงดงาม ผ้าไหมแพรพรรณของที่นี่ก็มีสีสันงดงามไม่ต่างจากเมืองหลวงเลย บรรยากาศก็ดีมาก ตอนนี้เมืองถงหวางเหมือนกับฟ้าหลังฝน หลังจากคดีคลี่คลาย นางก็ไม่ได้ยินเสียงแปลกประหลาดยามค่ำคืนอีกเลย

เมื่อคิดถึงเรื่องของอาหลินแล้ว ไม่น่าเชื่อว่ามนุษย์เราจะทำเรื่องที่น่าหวาดหวั่นเช่นนี้ได้อย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายและกฎแห่งกรรมเลยแม้แต่น้อย

มู่หลานเฟินเดินเล่นไปเรื่อยเปื่อยก่อนจะได้ยินเสียงใครบางคนกำลังเรียกชื่อของตน

"หรานหร่าน"

เมื่อนางหันไปมองก็พบกับเซวียนเจ๋อที่กำลังวิ่งเข้ามาหานางด้วยใบหน้าที่ตื่นตระหนกลนลาน หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเอ่ยถามเขา

"ญาติผู้พี่ ท่านเป็นอันใดไป ไหนว่าไปเดินเล่นแล้วเหตุใดจึงมีสภาพเช่นนี้เล่า"

เซวียนเจ๋อสูดลมหายใจเข้าลึกด้วยความเหนื่อยหอบ ชายหนุ่มพยายามระงับสติตนเองก่อนจะเอ่ย

“ลั่วเหมยแย่แล้ว"

"ห๊ะ แย่อันใดกัน หรือว่าอาการป่วยของนางจะทรุดหนักลง"

"ไม่ใช่!"

"เช่นนั้นนางเป็นอันใดเล่า"

"นางกำลังจะถูกพี่ใหญ่สังหาร เพราะลอบวางยาพี่ใหญ่"

"หา?"

มู่หลานเฟินที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบวิ่งกลับไปที่บ้านทันที เมื่อเข้ามาถึงก็พบว่าตอนนี้ลั่วเหมยกำลังนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นด้วยร่างที่สั่นเทิ้ม เบื้องหน้านางคือเซวียนซานหลางที่กำลังจ้องมองลั่วเหมยด้วยแววตาที่เย็นชา เมื่อเห็นว่ามู่หลานเฟินกลับมาแล้ว ลั่วเหมยก็ลนลานรีบคลานเจ้ามาหาเจ้านายของตนทันที

“ฮือ คุณหนู ช่วยบ่าวด้วยเจ้าค่ะ ฮือ"

มู่หลานเฟินไม่ตอบแต่กลับหันไปเอ่ยกับเซวียนซานหลาง

“ซื่อจื่อ ลั่วเหมยนางวางยาท่านหรือ ยาอันใดกัน?"

เซวียนซานหลางที่ได้ยินอย่างนั้นก็ปรายตามองมู่หลานเฟิน ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา

"เจ้าไม่รู้หรือ?"

เมื่อได้ยินเขาย้อนถามเช่นนี้มู่หลานเฟินก็พลันขมวดคิ้วมุ่น นางไม่ได้รู้สึกโกธรอันใดที่ถูกเขาถามกลับเช่นนี้ เพราะที่ผ่านมาเจ้าของร่างเดิมทำสิ่งใดกับเขาเอาไว้บ้างนางรู้แจ้งแก่ใจดี ไม่แปลกที่เซวียนซานหลางจะผูกใจเจ็บกับนาง 

เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงหันมาถามลั่วเหมยแทน

"เจ้าเล่ามาให้หมด ว่ามันคือยาอันใดและเจ้าเอายานั่นมาจากที่ใด หากเจ้าโกหก ข้าจะขายเจ้าไปที่หอนางโลม ชาตินี้อย่าได้คิดจะมีชีวิตอย่างสงบสุขอีก"

น้ำเสียงของมู่หลานเฟินเย็นเยียบจนลั่วเหมยถึงกับน้ำตาไหล นางกัดฟันแน่น ก่อนจะเล่าว่าอวี้หลิงเป็นคนมอบยานอนหลับให้นาง รอจนเซวียนซานหลางดื่มไปและหลับไม่ได้สติ ให้นางรีบยุยงมู่หลานเฟินฆ่าคนทันที และยังบอกอีกว่าหากงานไม่สำเร็จ พี่สาวของนางที่เป็นสาวใช้อยู่ในเรือนใหญ่จะต้องถูกโบยจนตาย ก่อนหน้านี้เพราะมู่หลานเฟินไม่ยอมรับยาห่อนั้นมาจัดการเอง อวี้หลิงจึงโยนเผือกร้อนชิ้นนี้มาให้นางช่วยจัดการแทน นางไม่มีทางเลือกจึงต้องทำตามคำสั่งของเจ้านาย

เมื่อได้ฟังคำบอกเล่าจากปากของลั่วเหมย มู่หลานเฟินก็ยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้วตนเองอย่างเหนื่อยหน่าย

อยู่ไกลถึงเมืองหลวง แต่อวี้หลิงก็ยังสามารถยื่นมือมาก่อเรื่องจนได้

เซวียนเจ๋อถึงกับเอ่ยวาจาใดไม่ออก เขาไม่คิดว่าท่านแม่จะยังคงไม่ละความพยายาม ที่จะทำร้ายพี่ชายของเขา

เซวียนซานหลางที่ได้ฟังความจริงทั้งหมดกลับไม่เอ่ยวาจาใดสักคำ ก่อนหน้านี้มู่หลานเฟินออกไปด้านนอก สาวใช้ของนางเป็นคนทำน้ำแกงร้อนมามอบให้เขา แต่เขารู้สึกว่านางผิดปกติ ท่าทางดูลนลาน เมื่อเค้นถามอย่างหนักนางจึงยอมสารภาพว่าใส่ยานอนหลับให้เขากิน จากนั้นก็จะไปตามมู่หลานเฟินให้มาสังหารเขา หากมู่หลานเฟินไม่ทำ นางก็จะลงมือทำด้วยตนเอง

เดิมทีเขาคิดจะฆ่านางเสียแต่เซวียนเจ๋อกลับมารั้งเอาไว้ก่อน และไปตามมู่หลานเฟินกลับมา

เดิมทีเขารู้อยู่แล้วว่าอวี้หลิงคิดจะวางยา แต่ที่ผ่านมาลั่วเหมยดูเหมือนจะเชื่อฟังมู่หลานเฟินและไม่ก่อเรื่อง แต่นางกลับลงมือทำตามคำสั่งอวี้หลิงจริงๆ

มู่หลานเฟินถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะหันมาเอ่ยกับเซวียนซานหลาง

"เรื่องสาวใช้ของข้าที่ทำผิดต่อท่านข้าขออภัยด้วย ข้าจะไม่ปล่อยให้นางรอดความผิดไปได้”

เอ่ยจบก็หันไปมองลั่วเหมย

“ลั่วเหมยข้าจะโบยเจ้ายี่สิบไม้ หลังจากที่กลับถึงเมืองหลวงแล้วเจ้าก็ไปอยู่ที่โรงครัวไม่ต้องมาคอยรับใช้ข้าอีก ส่วนพี่สาวของเจ้า ข้าจะหาทางช่วยออกมาเอง ซื่อจื่อท่านเห็นเป็นเช่นไร"

เซวียนซานหลางที่ได้ยินไม่เอ่ยตอบ แต่กลับเก็บดาบในมือ เพียงเท่านี้มู่หลานเฟินก็เข้าใจได้แล้วว่าเขาไม่เอาเรื่องลั่วเหมยอีก

ไม่คิดว่าเขาจะยังมีความใจดีอยู่บ้าง

“เจ้ายังไม่รีบขอบคุณซื่อจื่ออีก”

"ฮือ ขอบพระคุณซื่อจื่อ กับคุณหนู ต่อไปบ่าวไม่กล้าแล้วเจ้าค่ะ บ่าวขอสาบานด้วยชีวิต!"

ลั่วเหมยโขกศีรษะลงกับพื้นก่อนจะลนลานออกไป เซวียนเจ๋อเองก็รู้สึกผิดเขาเอ่ยขอโทษพี่ชายก่อนจะอาสารับหน้าที่เป็นคนลงโทษลั่วเหมยด้วยตนเอง

เมื่อคนออกไปหมดแล้ว เซวียนซานหลางก็เดินเข้ามาหามู่หลานเฟิน นางย่นหัวคิ้วก่อนจะขยับกายถอยหนีจนแผ่นหลังชิดกำแพง ชายหนุ่มตรงหน้ากำลังจ้องนางเหมือนต้องการมองให้ทะลุเข้าไปถึงภายในจิตใจ นัยน์ตาดอกท้อฉายแววเย็นชาดุดันอย่างไม่ปิดบัง

"เมื่อใดกันที่เจ้า รู้จักแยกแยะถูกผิดได้เช่นนี้"

มู่หลานเฟินรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก นางเบือนหน้าหนี พร้อมกับเอ่ยตอบโดยที่ไม่มองหน้าเขา

"เป็นคนชั่วมันน่าเบื่อเกินไป ข้าอยากเป็นคนดีบ้างไม่ได้หรือ"

“เช่นนั้นหรือ"

"อืม"

เอ่ยจบนางก็ยกมือน้อยๆขึ้นมาดันตัวเซวียนซานหลางให้ออกห่างจากตน เซวียนซานหลางส่งเสียงเหอะ นางคิดว่าเขาอยากเข้าใกล้นางอย่างนั้นหรือ

มู่หลานเฟินขยับตัวออกให้ห่างจากเขา ก่อนจะเดินไปหยิบของบางอย่างที่อยู่ด้านนอกมาวางเอาไว้บนโต๊ะตำราของเซวียนซานหลาง

"ตอนที่ข้าออกไปเดินมา เห็นว่าของสิ่งนี้งดงามดี มันคือชามสุราหยกมรกตห่วงคู่ งดงามประณีต เผื่อยามใดที่ท่านอยากชื่นชมมวลผกาดื่มสุราคลายทุกข์ก็เอามันมาใช้ได้ ข้าไม่รู้ว่าจะมอบสิ่งใดตอบแทนที่ท่านช่วยข้าเอาไว้ ก็มีเพียงสิ่งนี้ หากท่านไม่ชอบก็โยนมันทิ้งไปได้เลย ถือว่าข้าไม่เคยมอบให้ก็แล้วกัน ส่วนเรื่องในวันนี้ ข้าขออภัยแทนท่านป้าและสาวใช้ของข้าด้วย ส่วนเซวียนเจ๋อท่านก็อย่าได้หวาดระแวงเขา น้องชายของท่าน รักท่านยิ่งกว่ารักมารดาของเขาเสียอีก ระแวงข้าก็แล้วไปเถอะ แต่กับเซวียนเจ๋อได้โปรดละเว้นเขาเอาไว้สักคนหนึ่ง"

เอ่ยจบนางก็เดินจากไปทันที เซวียนซานหลางปรายตามองชามสุราหยกมรกตคราหนึ่ง ก่อนจะเก็บสายตาตนกลับคืน

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   ตอนจบ

    แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้เข้าห่ำหั่นกับศัตรูเพื่อปิดจบสงครามฉากนี้นี้ ก็ได้ยินเสียงเกือกเท้าม้าดังกึกก้อง คนทั้งสามหันมาสบตากันอีกครั้ง ในดวงตาฉายแววเคร่งเครียดหรือนี่จะเป็นกำลังเสริมของชนเผ่าทุ่งหญ้า?ยังไม่ทันได้คิดสิ่งใดให้มากความเซวียนซานหลางก็เห็นว่ากองทหารของแคว้นทุ่งหญ้าที่ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้าแตกแถวออกเป็นวงกว้าง ศีรษะของแม่ทัพเผาทุ่งหญ้าร่วงกระเด็นตกลงบนพื้นดวงตาเบิกโพลงเหมือนไม่อยากจะเชื่อว่าตนจะถูกสังหาร"ฆ่าทิ้งให้หมด!"เซวียนซานหลางมองไปเบื้องหน้า ก่อนที่ดวงตาของเขาจะแดงก่ำตอนนี้มู่หลานเฟิรกำลังควบอยู่บนหลังม้าด้วยท่วงท่าองอาจ มือหนึ่งจับบังเหียน มือหนึ่งถือหอกเอาไว้ในมือ ปลายด้ามหอกอาบย้อมไปด้วยโลหิตสีแดงสด นางสวมชุดเกราะรวบผมขึ้นสูง ดวงตามั่นคงหนักแน่นไม่หวาดหวั่น ทุกทีที่นางควบม้าพาดผ่าน ล้วนมีทหารของชนเผ่าทุ่งหญ้าล้มตายราวกับใบไม้ร่วงเสิ่นเหวยอันและซูอวี้เฉิงเมื่อได้เห็นเช่นนั้นก็ตื่นตระหนกไม่น้อย เดิมทีพวกเขารู้ว่านางมีความสามารถ แต่ไม่คิดว่าจะองอาจเยี่ยงแม่ทัพใหญ่ผู้เจนจัดสงครามในสนามรบเช่นนี้มู่หลานเฟินหันมามองบุรุษทั้งสามคน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่องอาจ

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 46 สงคราม

    เมื่อเรื่องราวคลี่คลายแล้ว ทุกคนจึงเกินทางกลับมาที่เมืองหลวง เมื่อกลับมาถึงก็ได้ทราบข่าวร้ายก่อนหน้านี้เซวียนชินอ๋องติดสุราจนเมามาย ทำให้สุขภาพไม่สู้ดีจนถึงขึ้นล้มป่วยลง อีกทั้งยังได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจเนื่องจากรู้ข่าวว่าอวี้หลิงปลิดชีพตนเองตายจากไป แม้ปากจะบอกว่าเกลียดชังนางย่ แต่เมื่อนางตายจากไปจริงๆ เขากลับทำใจไม่ได้ สุดท้ายจึงดื่มเหล้าหนักมากขึ้นเรื่อยๆ จนสุขภาพทรุดหนักลงเรื่อยๆ จวบจนทนไม่ไหวและตรอมใจตายตามอวี้หลิงไปก่อนจากเขาไม่ได้สั่งเสียสิ่งใดกับบุตรชายทั้งสองคน เอาแต่เหม่อลอยเรียกหาอวี้หลิงและอดีตพระชายาซึ่งก็คือมารดาของเซวียนซานหลาง จวบจนวาระสุดท้ายท่านพ่อของพวกเขาสองคนก็คิดถึงแต่ตนเอง ไม่เคยคิดถึงบุตรชายเลยแม้แต่น้อยงานศพของเซวียนชินอ๋องถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายเมื่อบิดาตายจากไป ตำแหน่งชินอ๋องย่อมตกเป็นของเซวียนซานหลางโดยชอบธรรม ส่วนเซวียนเจ๋อนั้นเขาไม่อยากจะรับตำแหน่งใดทั้งสิ้น เขาอยากเป็นเพียงคุณชายเจ้าสำราญที่ได้ใช้ชีวิตตามใจของตนด้านวังหลวงเองก็ไม่สู้ดีเท่าใดนัก ฮ่องเต้เซวียนจงอาการไม่สู้ดีขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังไม่ม่ีทายาทสืบทอด เหล่าขุนนางต่างหวาดหวั่นใจยิ่งน

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 45 จับคนร้าย

    วันคืนก็ผ่านไปเช่นนี้ จนกระทั่งสุขภาพของมู่หลานเฟินดีขึ้นมาก และเซวียนซานหลางก็สะสางธุระแล้วเสร็จและกลับมาเมืองหลวงพอดี นางจึงบอกเรื่องนี้กับเขาและตัดสินใจกลับบ้านเดิมสักครั้งจวนตระกูลอวี้เป็นตระกูลคหบดี พวกเขาเป็นคนเมืองจินหลิงซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงไปไม่ไกลเท่าใดนัก นับว่าเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองจินหลิงแล้ว พวกเขาทำการค้าหลายอย่าง หลายปีมานี้กิจการก้าวหน้า เพราะมีน้าสาวและสามีของนางคอยดูแลวันแรกที่มู่หลานเฟินกลับไปถึง ก็พบว่าพวกเขามีท่าทีแปลกประหลาดจริงๆ เหมือนไม่อยากต้อนรับ ราวกับมีบางอย่างปิดบังนางอย่างไรอย่างนั้น แต่่เพราะมู่หลานเฟินต้องการสืบความจริง นางจึงแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นท่าทีนั้นของพวกเขาและยังบอกอีกว่าอยากจะพักอยู่ที่นี่สักระยะเพราะมีเรื่องจะมาแจ้งทุกคน นางเดินทางมาครั้งนี้นำสมบัติมาด้วยหลายหีบบอกว่าเป็นของที่นางเก็บสะสมเอาไว้ แต่ตอนนี้ถูกไล่ออกจากจวนอ๋องแล้วไร้หนทางไปจึงต้องกลับมาบ้านเดิม อวี้หลันมองหลานสาวตนเองด้วยแววตาที่่อ่อนโย แต่ภายในใจกลับเย้ยหยัน ตอนนี้อวี้หลิงถูกขับออกจากจวนอ๋องไปอยู่ที่วัด นางเองไม่ได้สนใจพี่สาวเท่ามดนักเดิมทีพวกนางก็เป็นพี่น้อง

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 44 น้องสาวบุญธรรม

    เรื่องราวสะเทือนขวัญทั้งหมดที่เกิดขึ้น สร้างคลื่นลมใหญ่หลวงให้กับราชสำนักเป็นอย่างมาก เหล่าราษฎรต่างหวาดหวั่น ต้องใช้เวลาร่วมหลายเดือนกว่าที่คราวจะเงียบหายไปหลังจากเกิดเรื่อง เซวียนชินอ๋องก็กลายเป็นคนเมามาย และวาดใส่คนอื่นไปทั่วทั้งจวน โดยเฉพาะกับมู่หลานเฟิน เขาเอาโทสะทั้งหมดไปลงที่นาง บอกว่านาและป้าของนางคือตัวซวย อีกทั้งยับขับไล่นางออกจากจวนอ๋อง เซวียนซานหลางและเซวียนเจ๋อเองก็ปวดหัวไม่น้อยแต่มู่หลานเฟินกลับไม่ได้โกธร นางเข้าใจเรื่องราวได้อย่างกระจ่างแจ้ง เมื่ออวี้หลิงสิ้นอำนาจแล้ว นางย่อมไม่อาจอยู่ที่จวนอ๋องได้อีก และนางเองก็ไม่อยากจะสร้างปัญหาให้เขาเพิ่ม จึงปรึกษากับเขาว่าจะไปหาซื้อบ้านใหม่อยู่ เปิดร้านขายอาหาร เพราะของมีค่าที่ได้รับพระราชทานมาก่อนหน้านี้ก็ยังมีเหลืออยู่ไม่น้อย แรกเริ่มเซวียนซานหลางไม่เห็นด้วย แต่ม่หลานเฟินกลับเอ่ยโน้มน้าวเขาอย่างใจเย็น เขาจึงยอมตามใจนางเซวียนซานหลางหาบ้านหลังหนึ่งได้ มันตั้งอยู่ในตลาดสามารถทำมาค้าขายได้ เซวียนเจ๋อเป็นห่วงน้องสาวอยากตามมาอยู่ด้วย แต่มู่หลานเฟินบอกว่านางอยู่ได้ชีวิตที่ยากกำบากไม่ใช่ว่านางไม่เคยพานพบ ใช้ชีวิตมาหลายชาติพบเจอความทุ

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 43 ยาพิษ

    เซวียนซานหลางและมู่หลานเฟินรีบวิ่งมาที่เรือนของอวี้หลิงอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงภาพตรงหน้าก็ทำให้พวกเขาถึงกับหน้าซีดเผือดตอนนี้เซวียนเจ๋อกำลังนอนอยู่บนเตียงเขากระอักโลหิตออกมาไม่หยุด ใบหน้าหล่อเหลาซีดเผือดจนน่าหวาดหวั่น ลมหายใจก็รวยรินราวกับจะขาดเสียให้ได้ เซวียนซานหลางที่เห็นสภาพน้องชายตนที่ย่ำแย่ถึงเพียงนี้ก็ตื่นตระหนกรีบสั่งให้คนไปตามหมอหลวงมาอย่างเร่งด่วน มู่หลานเฟินเข้าไปประคองญาติผู้พี่ของตนเอง ดวงตาของนางแดงกล่ำ ก่อนจะเอ่ย"เซวียนเจ๋อ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้ ท่านดื่มยาพิษเข้าไปได้อย่างไรกัน"เซวียนเจ๋อเงยหน้ามามองมู่หลานเฟินอย่างอ่อนแรง ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย เขาไม่ตอบอันใด เพียงมองไปที่มารดาของตนด้วยแววตาที่เย็นชาห่างเหินก่อนหน้านี้ท่านแม่ดูผิดปกติเป็นอย่างยิ่ง นางดูเหมือนครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา เขาจึงจับตาดูนางและพบว่านางกำลังวางแผนจะสังหารพี่ใหญ่ของเขาอีกครั้งเซวียนเจ๋อรู้สึกผิดหวังในตัวมารดาเป็นอย่างมาก เดิมทีเขาคิดว่าท่านแม่จะสามารถปล่อยวางความโลภในใจได้แล้ว แต่มันกลับไม่ใช่เลยแม้แต่น้อย ท่านแม่ยังคงมีจิตใจริษยามักใหญ่ใฝ่สูงท่านแม่คิดอาศัยช่วงชุลมุนวางยาพิษพี่ใหญ่ เขาที

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 42 ความจริง

    ด้านมู่หลานเฟินตอนนี้ก็ถูกโซ่ตรวนพันธนาการมือเท้าเอาไว้ นางได้กลิ่นสมุนไพรเข้มข้นสายหนึ่งที่ฉุนจนแทบแสบจมูก มันเป็นกลิ่นเดียวกับที่ได้กลิ่นจากศพในรูปปั้นเทพธิดา อีกทั้งบนโต๊ะยังมียันต์หลายแผ่นวางเอาไว้"สวีเจี๋ย เราต้องรีบทำพิธีแล้ว ไม่อย่างนั้นจะเลยฤกษ์ยามดี หลังจากนางตายก็เอาร่างนางหล่อเป็นรูปปั้นของเทพธิดา มอบนางเป็นเครื่องบูชายัญให้เทพปีศาจ เอาล่ะ ข้าจะเร่งขอพร ท่านก็รีบสังหารนาง จากนั้นก็ผ่าท้องนางและเอายันต์ขอพรยัดใส่เข้าไปพร้อมสมุนไพร""ได้เลย"ราชครูสวีรับคำ ด้านเฉินฮองเฮาก็นั่งลงเบื้องหน้าแท่นบูชาที่ตั้งอยู่ในห้องลับ ก่อนจะเอ่ยขอพรอย่างตั้งใจ"ท่านเทพปีศาจ ข้าได้นำเทพธิดามาสังเวยให้ท่านแล้ว หวังว่าท่านจะพอใจ เมื่อท่านพอใจแล้วก็ได้โปรดอำนวยอวยพระให้เซวียนจิ้น บุตรชายของข้าแข็งแรงโดยเร็ว ให้เขาได้ครองราชย์ยอย่างราบรื่น ไร้กังวลด้วยเถิด"มู่หลานเฟินมองภาพเบื้องหน้าด้วยแววตาที่วูบไหว นางพอจะเข้าใจเรื่องราวได้แล้วราชครูสวีและเฉินฮองเฮาดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์พิเศษต่อกัน หรือว่าองค์ชายน้อยผู้นั้นจะ...ยังไม่ทันที่นางจะได้คิดสิ่งใดต่อ ก็พบกับสวีเมิ่งเหยาที่วิ่งเข้ามา ราชครูสวีและเ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status