ยามเช้าของวันต่อมามู่หลานเฟินก็ได้สติฟื้นกลับมา เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบกับเซวียนเจ๋อและลั่วเหมยที่อยู่ดูแลนางไม่ห่าง
เมื่อมองไปโดยรอบก็พบว่าตนเองไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนั้น เซวียนเจ๋อบอกกับนางว่าเมื่อคืนนี้เซวียนซานหลางเป็นคนอุ้มนางมารักษาที่นี่ มู่หลานเฟินเพียงพยักหน้ารู้ไม่ได้เอ่ยถามอันใดอีก
เมื่อคืนนี้นางคิดว่าตนเองจะไม่รอดเสียแล้ว ประสบการณ์ที่ผ่านมาคอยย้ำเตือนนางว่าทุกคราที่นางทะลุมิติไปอยู่ในอีกร่างหนึ่งมักจะมีอายุไม่ยืนยาว ไม่โดนฆ่าตายก็เกิดเรื่องจนตาย ไม่คิดว่าครั้งนี้ยามที่ลืมตาตื่นขึ้นมาจะยังมีชีวิตอยู่
เซวียนเจ๋อให้ลั่วเหมยนำโจ๊กมาป้อนให้นางกิน มู่หลานเฟินกินไปไม่กี่คำก็รู้สึกอิ่มเสียแล้ว นางจึงกินยาต่อ โชคดีที่มารักษาได้ทันท่วงที ท่านหมอบอกว่าพิษนี้หากทิ้งเอาไว้นาน สุดท้ายนางจะไม่อาจรอดชีวิตได้อีก
เมื่อนึกถึงเซวียนซานหลางขึ้นมา มู่หลานเฟินก็พลันคิดถึงเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาได้ เขาดูเหมือนจะตกใจไม่น้อยเลยตอนที่เห็นสภาพของนาง
แต่นางไม่อยากคิดจะอะไรมากให้มากความ ที่เขาร้อนใจปานนั้นก็คงเป็นเพราะกลัวว่านางจะทำแผนการของเขาพังไม่เป็นท่าเสียมากกว่า
ท่านหมอมาตรวจอาการนางอีกครั้งเมื่อเห็นว่าปลอดภัยและขจัดพิษออกหมดแล้วจึงให้กลับมาพักทีบ้านได้ ระหว่างที่จัดเทียบยาอยู่นั้น ท่านหมอก็หันมาเอ่ยกับมู่หลานเฟิน
"แม่นาง สาวใช้ของท่านคนที่รูปร่างสูงใหญ่่ต่างจากสตรีทั่วไป อีกทั้งการแต่งหน้าก็จัดจ้านงดงามยิ่งนัก นางมีสามีหรือยัง หากไม่มีข้าอยากจะแต่งนางเป็นภรรยา ถึงข้าจะแก่แล้ว แต่ก็สามารถดูแลนางได้"
มู่หลานเฟินแทบจะพ่นยาร้อนออกมาจากปาก ท่านหมอผู้นี้ถูกตาต้องใจเซวียนเจ๋อที่แต่งกายเป็นสาวใช้เข้าให้แล้ว นางยิ้มแห้ง ก่อนจะเอ่ย
"ท่านหมอ สาวใช้ของข้าผู้นี้ทำงานดีมาก ข้าตัดใจทิ้งนางเอาไว้ที่นี่ไม่ลงหรอก"
"เห้อ น่าเสียดายนัก"
เอ่ยจบก็หันไปส่งยิ้มหวานให้เซวียนเจ๋อที่ยืนอยู่ไม่ไกล เซวียนเจ๋อที่เห็นเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น รู้สึกว่าสายตาที่ท่านหมอผู้นั้นใช้มองเขาออกจะประหลาดเกินไปสักหน่อย
เมื่อไม่มีสิ่งใดแล้วคนทั้งหมดจึงกลับมาที่บ้านละลั่วเหมย เมื่อได้เอนหลังลงพักแล้ว มู่หลานเฟินจึงบอกเล่าเรื่องที่ท่านหมอเอ่ยกับนางก่อนจะกลับมาที่บ้าน เซวียนเจ๋อเมื่อได้ฟังก็ลมออกหูถึงขนาดจะไปพังร้านหมอให้พินาศย่อยยับ โชคดีที่มู่หลานเฟินห้ามปรามได้ทันเสียก่อน และเอ่ยถามเรื่องอื่นกับเขาเพื่อเปลี่ยนบทสนทนาเป็นหัวข้ออื่นไปเสีย
"สถาณกาณ์ด้านนอกเป็นเช่นไรบ้าง เซวียนซานหลางเอาตัวคนไปแล้วหรือ"
เซวียนเจ๋อเพียงพยักหน้าเล็กน้อย เขาไม่ได้รู้รายละเอียดของเรื่องนี้มากเท่าใดนัก อีกทั้งยังไม่กล้าเอ่ยถามพี่ชายของตนส่งเดช มู่หลานเฟินที่เห็นอย่างนั้นก็ไม่ได้เอ่ยถามอันใดต่อ นางเอนกายนอนหลับจนถึงช่วงบ่าย ก่อนจะได้ยินเส่ียงฝีเท้าตึงตังดังมาจากด้านล่าง เสียงนั้นดังมากจนนางสะดุ้งตื่น เมื่อลุกขึ้นมาดูก็พบว่าคนที่วิ่งเข้ามาคือเซวียนเจ๋อนั่นเอง
"เซวียนเจ๋อ เหตุใดจึงรีบร้อนปานนี้"
เซวียนเจ๋อมีท่าทางตื่นตะหนกก่อนจะเอ่ย
"แย่แล้ว ที่ศาลาว่าการตอนนี้เกิดเรื่องกับพี่ใหญ่และใต้เท้าเสิ่นแล้ว"
มู่หลานเฟินเมื่อไอ้ยินก็รีบเอ่ยถามความเป็นไปในทันที
"เกิดเรื่องใดขึ้น"
"ท่านเจ้าเมืองถงหวางคิดจะชิงตัวบุตรสาว ถึงขนาดพากำลังทหารมาทำร้ายคนของเรา"
มู่หลานเฟินขมวดคิ้วมุ่น รู้สึกว่าเรื่องนี้ดูเหมือนจะจบไม่ง่ายๆเสียแล้ว นางรีบหาลุกจากเตียงนอน ก่อนจะสั่งให้เซวียนเจ๋อพานางไปที่ศาลาว่าการ หญิงสาวไม่ลืมที่จะนำมีดสั้นติดมือไปด้วย ตอนนี้ร่างกายของนางดีขึ้นมากแล้ว หากถึงยามคับขันจะได้ช่วยเหลือพวกเขาได้
เรื่องที่อาหลินทำลงไปนั้นเซวียนเจ๋อและลั่วเหมยเล่าให้นางฟังหมดแล้ว มู่หลานเฟินไม่คิดเลยว่าสตรีที่อ่อนหวานน่ารักอย่างอาหลินจะกระทำการอำมหิตเช่นนี้ได้แบบตาไม่กระพริบ
เมื่อมาถึงศาลาว่าการก็พบว่ามีทหารล้อมศาลาว่าการเอาไว้เป็นจำนวนมาก เจ้าเมืองถงหวางคิดจะชิงตัวบุตรสาว อีกทั้งยังคิดจะสังหารเซวียนซานหลางและเสิ่นเหวยอันอีกด้วย
การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด เหล่าชาวบ้านต่างวิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่น เซวียนซานหลางใช้ดาบของเขารับมือกับทหารของเจ้าเมืองถงหวาง
ด้านเสิ่นเหวยอันก็ใช้แส้ในมือตวัดฟาดใส่ทหารของเจ้าเมืองเมืองถงหวางอย่างไม่ยอมแพ้ พร้อมกับใช้แส้ตวัดแย่งตัวอาหลินกลับไปได้ นั่นยิ่งทำให้เจ้าเมืองถงหลางบ้าระห่ำมากกว่าเดิม
องค์รักษ์ลับของพวกเขาปะทะกับทหารของเจ้าเมืองถงหวางจนเกิดการสูญเสียไปไม่น้อย เซวียนซานหลางเห็นว่าหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปย่อมไม่ดีแน่นแล้ว อย่างไรนี่ก็คือทหารของแคว้นต้าหลาง จะมาฆ่าแกงกันเช่นนี้คงไม่ดีเท่าใดนัก
เจ้าเมืองถงหวางเสียสติไปแล้ว เขาถึงกับตะโกนออกมาว่าการตายของสตรีเหล่านั้นเป็นเขาที่ช่วยบุตรสาวปิดบังเอาไว้ อีกทั้งบางศพเขายังช่วยนางถอดเล็บเองกับมือ!
รวมไปถึงเรื่องการวางยาเขาก็เป็นคนทำ!
มู่หลานเฟินถึงกับกำมือแน่น ก่อนหน้านี้เซวียนซานหลางเคยเล่าให้นางฟังว่า คดีนี้แม้แต่ท่านเจ้าเมืองยังสืบหาตัวคนร้ายไม่พบ
แท้จริงแล้วมันไม่ใช่สืบหาไม่พบหรอก แต่คนร้ายตัวจริงคือสองพอลูกนี่เองต่างหาก
ในเมื่อคนร้ายคือบุตรสาวของตน เจ้าเมืองถงหวางจะยินยอมให้นางถูกจับไปต่อหน้าต่อตาได้อย่างนั้นหรือ
ย่อมไม่มีทาง!
"ซื่อจื่อ เราต้องหาทางจับตัวเจ้าเมืองถงหวางมาให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะเกิดการต่อสู้ไม่จบไม่สิ้น ข้าจะเอาตัวอาหลินไป ส่วนเจ้าเมืองถงหวางมอบท่านแล้ว"
เสิ่นเหวยอันเอ่ยพร้อมกับหันไปมองเซวียนซานหลาง เซวียนซานหลางพยักหน้า ก่อนจะฝ่าวงล้อมเข้าไปต่อสู้กับเจ้าเมืองถงหวาง ด้านเสิ่นเหวยอันก็พาตัวอาหลินไปคุมขังเอาไว้
ทหารของเมืองถงหวางฝีมือไม่ด้อยเลย กำลังทหารของเซวียนซานหลางตอนนี้มีไม่มากนัก องค์รักษ์ลับก็พยายามต้านรับเอาไว้อย่างสุดกำลัง
ไม่นานนักเจ้าเมืองถงหวางก็สั่งให้ทหารล้อมเซวียนซานหลางเอาไว้ตรงกลาง พร้อมกับยืนธนูใส่ เซวียนซานหลาง แต่ชายหนุ่มอาศัยความว่องไวปราดเปรียวของตนสามารถเบี่ยงกายหลบธนูได้
มู่หลานเฟินเห็นว่าสถาณการณ์เริ่มไม่ดีแน่แล้ว นางมองเห็นดาบเล่มหนึ่งตกอยู่ที่พื้นจึงก้มหยิบมันขึ้นมา หมายจะวิ่งฝ่าวงล้อมเข้าไปช่วยเซวียนซานหลาง แต่ยังไม่ทันทีนางจะได้ลงมือก็รู้สึกเหมือนว่ามีสายลมวูบหนึ่งพัดผ่านข้างกายของนางไปอย่างรวดเร็ว
ปรากฏว่ามีพัดสีทองเล่มหนึ่งที่ลอยละล่องไปเบื้องหน้าราวกับวิหกถลาลม ก่อนที่พัดเล่มนั้นจะตวัดพาดผ่านลำคอของเจ้าเมืองถงหวางอย่างรวดเร็ว
เจ้าเมืองถงหวางสิ้นใจตายในทันที เหล่าทหารต่างหยุดชะงักไม่กล้าสู้ต่อ
"ใครกล้าลงมืออีกข้าจะกราบทูลฝ่าบาทให้ประหารพวกเจ้าทั้งตระกูลเสีย!"
เซวียนซานหลางหันไปมอง ก่อนจะพบว่าเป็นซูอวี้เฉิงนั่นเอง เขารีบจัดการทหารเหล่านั้นจนพวกมันไม่กล้าก่อเรื่องอีก ก่อนจะก้มลงมองดูแขนซ้ายของตนที่เป็นแผลฉกรรจ์อย่างไม่ใส่ใจ
มู่หลานเฟินหันไปมอง ก่อนจะพบกับบุรุษผู้หนึ่งที่กำลังกระโดดลงมาจากหลังม้าพร้อมกับนำทหารอีกร่วมหลายร้อยนาย ใบหน้าของเขาหล่อเหลา ดวงตาทอประกายคล้ายกับดวงดารา ท่วงท่าองอาจน่ามอง ในมือถือพัดสีทองเล่มนั้นเอาไว้ เขาปรายตามองผู้คนโดยรอบก่อนจะเดินเข้ามาท่ามกลางฝูงคน
"ให้ตายเถอะ นี่ก็คือใต้เท้าซู หัวหน้าองค์รักษ์เสื้อแพรไม่ใช่หรือ ได้เห็นฝีมือของเขาแล้วช่างน่านับถือยิ่งนัก"
เซวียนเจ๋อเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น มู่หลานเฟินเมื่อได้ยินจึงเอ่ยถามญาติผู้พี่ เซวียนเจ๋อจึงเล่าเรื่องของซูอวี้เฉิงให้นางฟัง
ที่แท้เขาก็คือหนึ่งในยอดบุรุษของแคว้นต้าหลางที่เหล่าสตรีน้อยเอ่ยถึงกันปากต่อปากนี่เอง ฝีมือของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าเซวียนซานหลางและเสิ่นเหวยอันเลยแม้แต่น้อย
ซูอวี้เฉิงเดินเข้าไปหาเซวียนซานหลาง ก่อนจะเอ่ย
"อาซาน ขออภัยที่ข้ามาช้า"
"ไม่เป็นอันใด รีบจัดการคนพวกนี้เถอะ"
ซูอวี้เฉิงพยักหน้าก่อนจะมองไปโดยรอบ
"เหวยอันเล่า"
"พาตัวคนไปแล้ว"
เมื่อได้ยินเช่นนั้นซูอวี้เฉิงก็ไม่เอ่ยถามสิ่งใดอีกเรื่องที่เมืองถงหวางเขาพอจะรู้มาบ้าง ชายหนุ่มสั่งให้คนของตนจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย เซวียนซานหลางหันไปมองมู่หลานเฟินที่กำลังหันหลังเดินจากไป เมื่อครู่นี้เขาเห็นว่านางกำลังจับดาบในมือหมายจะสังหารเจ้าเมืองถงหวาง
แววตาของชายหนุ่มวูบไหว จิตใจของเขาเริ่มมีความรู้สึกบางอย่างที่แปลกไป มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก
แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้เข้าห่ำหั่นกับศัตรูเพื่อปิดจบสงครามฉากนี้นี้ ก็ได้ยินเสียงเกือกเท้าม้าดังกึกก้อง คนทั้งสามหันมาสบตากันอีกครั้ง ในดวงตาฉายแววเคร่งเครียดหรือนี่จะเป็นกำลังเสริมของชนเผ่าทุ่งหญ้า?ยังไม่ทันได้คิดสิ่งใดให้มากความเซวียนซานหลางก็เห็นว่ากองทหารของแคว้นทุ่งหญ้าที่ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้าแตกแถวออกเป็นวงกว้าง ศีรษะของแม่ทัพเผาทุ่งหญ้าร่วงกระเด็นตกลงบนพื้นดวงตาเบิกโพลงเหมือนไม่อยากจะเชื่อว่าตนจะถูกสังหาร"ฆ่าทิ้งให้หมด!"เซวียนซานหลางมองไปเบื้องหน้า ก่อนที่ดวงตาของเขาจะแดงก่ำตอนนี้มู่หลานเฟิรกำลังควบอยู่บนหลังม้าด้วยท่วงท่าองอาจ มือหนึ่งจับบังเหียน มือหนึ่งถือหอกเอาไว้ในมือ ปลายด้ามหอกอาบย้อมไปด้วยโลหิตสีแดงสด นางสวมชุดเกราะรวบผมขึ้นสูง ดวงตามั่นคงหนักแน่นไม่หวาดหวั่น ทุกทีที่นางควบม้าพาดผ่าน ล้วนมีทหารของชนเผ่าทุ่งหญ้าล้มตายราวกับใบไม้ร่วงเสิ่นเหวยอันและซูอวี้เฉิงเมื่อได้เห็นเช่นนั้นก็ตื่นตระหนกไม่น้อย เดิมทีพวกเขารู้ว่านางมีความสามารถ แต่ไม่คิดว่าจะองอาจเยี่ยงแม่ทัพใหญ่ผู้เจนจัดสงครามในสนามรบเช่นนี้มู่หลานเฟินหันมามองบุรุษทั้งสามคน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่องอาจ
เมื่อเรื่องราวคลี่คลายแล้ว ทุกคนจึงเกินทางกลับมาที่เมืองหลวง เมื่อกลับมาถึงก็ได้ทราบข่าวร้ายก่อนหน้านี้เซวียนชินอ๋องติดสุราจนเมามาย ทำให้สุขภาพไม่สู้ดีจนถึงขึ้นล้มป่วยลง อีกทั้งยังได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจเนื่องจากรู้ข่าวว่าอวี้หลิงปลิดชีพตนเองตายจากไป แม้ปากจะบอกว่าเกลียดชังนางย่ แต่เมื่อนางตายจากไปจริงๆ เขากลับทำใจไม่ได้ สุดท้ายจึงดื่มเหล้าหนักมากขึ้นเรื่อยๆ จนสุขภาพทรุดหนักลงเรื่อยๆ จวบจนทนไม่ไหวและตรอมใจตายตามอวี้หลิงไปก่อนจากเขาไม่ได้สั่งเสียสิ่งใดกับบุตรชายทั้งสองคน เอาแต่เหม่อลอยเรียกหาอวี้หลิงและอดีตพระชายาซึ่งก็คือมารดาของเซวียนซานหลาง จวบจนวาระสุดท้ายท่านพ่อของพวกเขาสองคนก็คิดถึงแต่ตนเอง ไม่เคยคิดถึงบุตรชายเลยแม้แต่น้อยงานศพของเซวียนชินอ๋องถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายเมื่อบิดาตายจากไป ตำแหน่งชินอ๋องย่อมตกเป็นของเซวียนซานหลางโดยชอบธรรม ส่วนเซวียนเจ๋อนั้นเขาไม่อยากจะรับตำแหน่งใดทั้งสิ้น เขาอยากเป็นเพียงคุณชายเจ้าสำราญที่ได้ใช้ชีวิตตามใจของตนด้านวังหลวงเองก็ไม่สู้ดีเท่าใดนัก ฮ่องเต้เซวียนจงอาการไม่สู้ดีขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังไม่ม่ีทายาทสืบทอด เหล่าขุนนางต่างหวาดหวั่นใจยิ่งน
วันคืนก็ผ่านไปเช่นนี้ จนกระทั่งสุขภาพของมู่หลานเฟินดีขึ้นมาก และเซวียนซานหลางก็สะสางธุระแล้วเสร็จและกลับมาเมืองหลวงพอดี นางจึงบอกเรื่องนี้กับเขาและตัดสินใจกลับบ้านเดิมสักครั้งจวนตระกูลอวี้เป็นตระกูลคหบดี พวกเขาเป็นคนเมืองจินหลิงซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงไปไม่ไกลเท่าใดนัก นับว่าเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองจินหลิงแล้ว พวกเขาทำการค้าหลายอย่าง หลายปีมานี้กิจการก้าวหน้า เพราะมีน้าสาวและสามีของนางคอยดูแลวันแรกที่มู่หลานเฟินกลับไปถึง ก็พบว่าพวกเขามีท่าทีแปลกประหลาดจริงๆ เหมือนไม่อยากต้อนรับ ราวกับมีบางอย่างปิดบังนางอย่างไรอย่างนั้น แต่่เพราะมู่หลานเฟินต้องการสืบความจริง นางจึงแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นท่าทีนั้นของพวกเขาและยังบอกอีกว่าอยากจะพักอยู่ที่นี่สักระยะเพราะมีเรื่องจะมาแจ้งทุกคน นางเดินทางมาครั้งนี้นำสมบัติมาด้วยหลายหีบบอกว่าเป็นของที่นางเก็บสะสมเอาไว้ แต่ตอนนี้ถูกไล่ออกจากจวนอ๋องแล้วไร้หนทางไปจึงต้องกลับมาบ้านเดิม อวี้หลันมองหลานสาวตนเองด้วยแววตาที่่อ่อนโย แต่ภายในใจกลับเย้ยหยัน ตอนนี้อวี้หลิงถูกขับออกจากจวนอ๋องไปอยู่ที่วัด นางเองไม่ได้สนใจพี่สาวเท่ามดนักเดิมทีพวกนางก็เป็นพี่น้อง
เรื่องราวสะเทือนขวัญทั้งหมดที่เกิดขึ้น สร้างคลื่นลมใหญ่หลวงให้กับราชสำนักเป็นอย่างมาก เหล่าราษฎรต่างหวาดหวั่น ต้องใช้เวลาร่วมหลายเดือนกว่าที่คราวจะเงียบหายไปหลังจากเกิดเรื่อง เซวียนชินอ๋องก็กลายเป็นคนเมามาย และวาดใส่คนอื่นไปทั่วทั้งจวน โดยเฉพาะกับมู่หลานเฟิน เขาเอาโทสะทั้งหมดไปลงที่นาง บอกว่านาและป้าของนางคือตัวซวย อีกทั้งยับขับไล่นางออกจากจวนอ๋อง เซวียนซานหลางและเซวียนเจ๋อเองก็ปวดหัวไม่น้อยแต่มู่หลานเฟินกลับไม่ได้โกธร นางเข้าใจเรื่องราวได้อย่างกระจ่างแจ้ง เมื่ออวี้หลิงสิ้นอำนาจแล้ว นางย่อมไม่อาจอยู่ที่จวนอ๋องได้อีก และนางเองก็ไม่อยากจะสร้างปัญหาให้เขาเพิ่ม จึงปรึกษากับเขาว่าจะไปหาซื้อบ้านใหม่อยู่ เปิดร้านขายอาหาร เพราะของมีค่าที่ได้รับพระราชทานมาก่อนหน้านี้ก็ยังมีเหลืออยู่ไม่น้อย แรกเริ่มเซวียนซานหลางไม่เห็นด้วย แต่ม่หลานเฟินกลับเอ่ยโน้มน้าวเขาอย่างใจเย็น เขาจึงยอมตามใจนางเซวียนซานหลางหาบ้านหลังหนึ่งได้ มันตั้งอยู่ในตลาดสามารถทำมาค้าขายได้ เซวียนเจ๋อเป็นห่วงน้องสาวอยากตามมาอยู่ด้วย แต่มู่หลานเฟินบอกว่านางอยู่ได้ชีวิตที่ยากกำบากไม่ใช่ว่านางไม่เคยพานพบ ใช้ชีวิตมาหลายชาติพบเจอความทุ
เซวียนซานหลางและมู่หลานเฟินรีบวิ่งมาที่เรือนของอวี้หลิงอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงภาพตรงหน้าก็ทำให้พวกเขาถึงกับหน้าซีดเผือดตอนนี้เซวียนเจ๋อกำลังนอนอยู่บนเตียงเขากระอักโลหิตออกมาไม่หยุด ใบหน้าหล่อเหลาซีดเผือดจนน่าหวาดหวั่น ลมหายใจก็รวยรินราวกับจะขาดเสียให้ได้ เซวียนซานหลางที่เห็นสภาพน้องชายตนที่ย่ำแย่ถึงเพียงนี้ก็ตื่นตระหนกรีบสั่งให้คนไปตามหมอหลวงมาอย่างเร่งด่วน มู่หลานเฟินเข้าไปประคองญาติผู้พี่ของตนเอง ดวงตาของนางแดงกล่ำ ก่อนจะเอ่ย"เซวียนเจ๋อ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้ ท่านดื่มยาพิษเข้าไปได้อย่างไรกัน"เซวียนเจ๋อเงยหน้ามามองมู่หลานเฟินอย่างอ่อนแรง ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย เขาไม่ตอบอันใด เพียงมองไปที่มารดาของตนด้วยแววตาที่เย็นชาห่างเหินก่อนหน้านี้ท่านแม่ดูผิดปกติเป็นอย่างยิ่ง นางดูเหมือนครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา เขาจึงจับตาดูนางและพบว่านางกำลังวางแผนจะสังหารพี่ใหญ่ของเขาอีกครั้งเซวียนเจ๋อรู้สึกผิดหวังในตัวมารดาเป็นอย่างมาก เดิมทีเขาคิดว่าท่านแม่จะสามารถปล่อยวางความโลภในใจได้แล้ว แต่มันกลับไม่ใช่เลยแม้แต่น้อย ท่านแม่ยังคงมีจิตใจริษยามักใหญ่ใฝ่สูงท่านแม่คิดอาศัยช่วงชุลมุนวางยาพิษพี่ใหญ่ เขาที
ด้านมู่หลานเฟินตอนนี้ก็ถูกโซ่ตรวนพันธนาการมือเท้าเอาไว้ นางได้กลิ่นสมุนไพรเข้มข้นสายหนึ่งที่ฉุนจนแทบแสบจมูก มันเป็นกลิ่นเดียวกับที่ได้กลิ่นจากศพในรูปปั้นเทพธิดา อีกทั้งบนโต๊ะยังมียันต์หลายแผ่นวางเอาไว้"สวีเจี๋ย เราต้องรีบทำพิธีแล้ว ไม่อย่างนั้นจะเลยฤกษ์ยามดี หลังจากนางตายก็เอาร่างนางหล่อเป็นรูปปั้นของเทพธิดา มอบนางเป็นเครื่องบูชายัญให้เทพปีศาจ เอาล่ะ ข้าจะเร่งขอพร ท่านก็รีบสังหารนาง จากนั้นก็ผ่าท้องนางและเอายันต์ขอพรยัดใส่เข้าไปพร้อมสมุนไพร""ได้เลย"ราชครูสวีรับคำ ด้านเฉินฮองเฮาก็นั่งลงเบื้องหน้าแท่นบูชาที่ตั้งอยู่ในห้องลับ ก่อนจะเอ่ยขอพรอย่างตั้งใจ"ท่านเทพปีศาจ ข้าได้นำเทพธิดามาสังเวยให้ท่านแล้ว หวังว่าท่านจะพอใจ เมื่อท่านพอใจแล้วก็ได้โปรดอำนวยอวยพระให้เซวียนจิ้น บุตรชายของข้าแข็งแรงโดยเร็ว ให้เขาได้ครองราชย์ยอย่างราบรื่น ไร้กังวลด้วยเถิด"มู่หลานเฟินมองภาพเบื้องหน้าด้วยแววตาที่วูบไหว นางพอจะเข้าใจเรื่องราวได้แล้วราชครูสวีและเฉินฮองเฮาดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์พิเศษต่อกัน หรือว่าองค์ชายน้อยผู้นั้นจะ...ยังไม่ทันที่นางจะได้คิดสิ่งใดต่อ ก็พบกับสวีเมิ่งเหยาที่วิ่งเข้ามา ราชครูสวีและเ