มู่หลานเฟิน ทะลุมิติไปหลายครั้งหลายหน เป็นทั้งคน ทั้งสัตว์ ครั้งนี้ได้ทะลุมิติมาเป็นถึงหลานสาวของพระชายาเอกจวนชินอ๋อง เดิมทีคิดว่าจะสุขสบาย แต่กลับผิดคาด เมื่อท่านป้านางคือตัวอันตรายที่จ้องจะปลิดชีพ เซวียนซานหลาง บุตรชายที่เกิดจากอดีตพระชายาคนก่อน หวังแย่งตำแหน่งซื่อจื่อจวนอ๋องมาให้บุตรชายของตน ที่สำคัญประวัติเจ้าของร่างนี้ที่นางมาอยู่ก็ใช่ย่อย ทั้งยั่วยวน ทั้งหลอกล่อเซวียนซานหลางสารพัดจนเขาชังน้ำหน้า นอกจากเขาจะขู่ฆ่านางอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันแล้ว ยังไม่อยากจะเข้าใกล้นางอีกด้วย แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อเขาและนางจะต้องเข้าไปช่วยกันสืบคดีปริศนาทั้งสามคดี ทุกคดีล้วนแฝงเร้นไปด้วยอันตรายและความลับที่ชวนหวาดหวั่น ระหว่างที่สืบคดี ความรู้สึกดีดีก็บังเกิดขึ้นไปพร้อมกัน แต่ความรู้สึกที่มากล้นนี้กลับเหมือนเข็มพิษอันตราย เมื่อนางคือหลานสาวของคนที่คิดจะสังหารเขา และเขาก็ต้องเลือกว่าจะถนอมความรักเอาไว้ หรือกำจัดคนที่คิดร้าย เซวียนซานหลางจะเลือกอะไร และมู่หลานเฟินจะเปลี่ยนใจเขาเช่นไร
View Moreจวนเซวียนชินอ๋อง
"เร็วเข้า รีบมาช่วยหลานสาวของข้า หากนางเป็นอะไรไป ข้าจะโบยพวกเจ้าและขายทิ้งเสียให้หมด!"
เสียงเอะอะโวยวายของอวี้หลิง พระชายาเอกของจวนชินอ๋องทำให้บ่าวไพร่ที่ได้ยินไม่กล้าชักช้ารีรอเพราะเกรงว่าจะถูกไม้โบยฟาดลงกลางหลัง ต่างคนรีบวิ่งวุ่นไปช่วยเหลือมู่หลานเฟิน หลานสาวสุดที่รักของอวี้หลิงอย่างไม่รีรอ
"รีบๆหน่อยสิ ตายแล้ว หลานเอ๋อร์ของป้า สวรรค์คุ้มครองแท้ๆ!"
อวี้หลิงที่เห็นว่ามู่หลานเฟินถูกช่วยขึ้นมาได้อย่างปลอดภัยแล้วก็เบาใจเป็นอย่างมาก นางรีบสั่งให้คนประคองมู่หลานเฟินที่ตอนนี้ตัวเปียกโชกไปด้วยน้ำกลับเรือนและตามท่านหมอมาตรวจดูอาการของหลานสาวอย่างรวดเร็ว
เมื่อได้เห็นกับตาว่าหลานสาวของตนปลอดภัยดีแล้ว อวี้หลิงก็วางใจลงได้ นางให้คนเฝ้ามู่หลานเฟินเอาไว้ให้ดี ส่วนตนก็กลับมาพักที่ห้องนอน ก่อนจะทิ้งกายนั่งลงบนเตียง แม้ตอนนี้นางจะมีอายุมากขึ้นแล้ว แต่ทว่าใบหน้ายังคงงดงามอ่อนเยาว์ เรือนกายสะโอดสะองเหมือนหญิงสาววัยแรกรุ่น ไม่แปลกใจเลยที่เซวียนชินอ๋องจะหลงใหลในตัวนางถึงขนาดแต่งตั้งขึ้นมาเป็นพระชายาเอกคนใหม่โดยไม่สนใจคำทัดทานของพี่ชายที่เป็นฮ่องเต้เลยแม้แต่น้อย
อวี้หลิงมีชาติกำเนิดไม่ได้ดีนัก ครอบครัวของนางเป็นเพียงตระกูลคหบดี แม้จะร่ำรวยเพียงใดแต่ในเมืองหลวง พ่อค้าก็คืออาชีพที่ผู้คนมักดูแคลน แต่เพราะนางใช้มารยาสารพัดวิธีจึงสามารถก้าวเข้ามาในฐานะพระชายาเอก ทำให้เซวียนชินอ๋องทิ้งคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้กับอดีตพระชายาผู้ล่วงลับว่าจะไม่แต่งสตรีใดเข้าเรือนอีก ช่างยอดเยี่ยมไม่เบา!
หลังจากแต่งเข้ามาได้ไม่นานนางก็ให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่งนามว่าเซวียนเจ๋อ เดิมทีนางวางแผนจะให้เซวียนเจ๋อได้รับตำแหน่งซื่อจื่อผู้สืบทอดต่อจากบิดา แต่ก้างชิ้นใหญ่ของนางก็คือเซวียนซานหลาง บุตรชายที่เกิดจากพระชายาเอกคนก่อน เด็กคนนั้นดวงแข็งนัก นางหาทางทำลายเท่าใดกลับไม่เป็นผล ซ้ำยังเติบใหญ่ขึ้นมาเป็นคนที่มีนิสัยดุดันแข็งแกร่ง ที่สำคัญเซวียนเจ๋อบุตรชายของนางยังรักใคร่พี่ชายคนนี้ยิ่งชีพ ไม่สนใจฟังคำยุยงของนางเลยแม้แต่น้อย
เมื่อแผนแรกไม่ได้ผล อวี้หลิงจึงคิดจะใช้แผนสองนั่นก็คือแผนสาวงาม นางจึงรับมู่หลานเฟินหลานสาวของตนที่กำพร้าบิดามารดาเข้าจวนมาเลี้ยงดู หวังให้มู่หลานเฟินมอมเมาเซวียนซานหลางจนเขาหลงใหล จากนั้นก็ยุยงให้เขากลายเป็นพวกไม่เอาไหน หลงใหลสุรานารีทำแต่เรื่องชั่วช้า เมื่อเซวียนซานหลางไร้ซึ่งคุณสมบัติที่ดีของการเป็นซื่อจื่อผู้สืบทอดก็จะต้องถูกผู้คนครหาและถูกปลดออกจากตำแหน่งซื่อจื่อในที่สุด
แต่มันกลับไม่ได้ผล ซ้ำร้ายมู่หลานเฟินหลานสาวคนโง่ของนางยังซื่อบื่อทำแผนการพังพินาศแล้วยังพลัดตกน้ำจนล้มป่วย ทำให้นางต้องเสียเงินจ่ายค่าหมอช่างสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุจริงแท้!
ยิ่งคิดอวี้หลิงก็ยิ่งโมโห แต่ทำได้เพียงกล้ำกลืนโทสะลงคอไปเพียงเท่านั้น
ด้านมู่หลานเฟินที่พลัดตกน้ำไปนั้น ไม่นานนักนางก็ได้สติฟื้นคืนกลับมา เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าตนเองกำลังนอนอยู่บนเตียง โดยมีสาวใช้คอยดูแลไม่ห่าง นางค่อยๆหยัดกายลุกขึ้นมานั่ง ก่อนจะมองไปโดยรอบ และถอนหายใจออกมาอย่างสิ้นหวัง
ให้ตายเถอะ ครั้งนี้ทะลุมิติมาที่ไหนอีกละเนี่ย!
มู่หลานเฟินหลับตาลง พลางครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา
เมื่อสองปีก่อนนางยังใช้ชีวิตอยู่ในโลกอนาคตเป็นนักศึกษาปีหนึ่งในมหาวิทยาลัย เดิมทีคิดว่าอนาคตคงสดใสราบรื่นแต่ผู้ใดจะรู้ไม่นานนางได้เกิดล้มป่วยและตายจากโลกปัจจุบัน ก่อนจะทะลุมิติไปเป็นขันทีหนุ่ม อยู่ในร่างนั้นได้ไม่นานก็ถูกโบยจนตายเพราะไปล่วงรู้ความลับของหมัวหมัวคนหนึ่งเข้า เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าตนเองทะลุมิติไปเกิดเป็นสุนัขของฮ่องเต้หนุ่มผู้หนึ่ง เดิมทีก็มีชีวิตสุขสบายดี แต่นางดันไปกัดขาพระสนมที่เขาโปรดปราน เขาจึงโยนนางออกมาจากตำหนัก นางพลัดตกบ่อน้ำและสิ้นใจตายในทันที เดิมทีคิดว่าคงจะหมดเวรหมดกรรมแล้ว แต่ใครจะรู้ว่านางจะได้ไปเกิดในครอบครัวหนึ่ง ที่ีบิดาเป็นหวูโจ้วผ่าศพ นางได้ติดตามบิดาไปทำงานตอนที่ต้องมีการผ่าศพ จึงได้เรียนรู้เรื่องพวกนี้มาไม่น้อย
จากนั้นไม่นานนางก็ป่วยตายอีกครั้ง เดิมทีคิดว่าคงหมดเวรหมดกรรมแล้ว ไม่คาดคิดว่าพอตื่นขึ้นมาอีกครั้งจะไปอยู่ในร่างของบุตรชายที่เพิ่งเกิดในจวนแม่ทัพใหญ่ นางใช้ชีวิตอยู่ในร่างทารกจนเติบโต ร่ำเรียนวรยุทธ์สุดท้ายได้เป็นแม่ทัพใหญ่ต่อจากบิดา แต่ทว่ากลับตายในสนามรบ
ครั้งนี้ยังทะลุมิติมาที่ใดอีกเล่า?
นางทะลุมิติมาเป็นตัวอะไรอีกละเนี่ย!
โอย น่าปวดหัวชะมัด มันจะมีใครซวยเท่านี้อีกหรือไม่ที่ทะลุมิติซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างนาง!
มู่หลานเฟินยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้ว ก่อนจะส่งเสียงร้องออกมาเล็กน้อยเพราะรู้สึกปวดไปทั่วทั้งตัว สาวใช้น้อยที่ได้ยินอย่างนั้นก็ดีใจรีบเข้ามาช่วยดูแลนางและไปรายงานพระชายาเอกอวี้หลิงทันที
"คุณหนูเจ้าคะ ท่านฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ ให้ตายเถอะบ่าวตกใจแทบแย่!"
มู่หลานเฟินหันไปมองสตรีน้อยนางนั้น ในความทรงจำของร่างนี้บอกนางว่า สาวใช้น้อยตรงหน้ามีนามว่าลั่วเหมย เป็นสาวใช้ประจำตัวของนาง มู่หลานเฟินทิ้งกายลงนอนก่อนจะเอ่ย
"นี่ข้าเป็นอะไรไป"
ลั่วเหมยรีบห่มผ้าให้เจ้านายพลางเอ่ยตอบ
"คุณหนูพลัดตกน้ำเจ้าคะ ไม่ใช่สิ เดิมทีคุณหนูคิดจะทำให้ตัวเองตกน้ำเพื่อเรียกร้องความสนใจจากซื่อจื่อ แต่ผู้ใดจะรู้ นอกจากซื่อจื่อจะไม่ช่วยแล้ว ยังปล่อยให้ท่านจมน้ำไปอีก ช่างใจดำยิ่งนัก!"
"ซื่อจื่อหรือ?"
"เจ้าค่ะ คุณหนูจำไม่ได้หรือเจ้าคะ"
มู่หลานเฟินขมวดคิ้วมุ่น มารดามันเถอะ นี่นางทำกรรมอะไรมากัน ครั้งนี้ถึงได้ทะลุมิติมาเป็นดาวยั่ว!
ซ้ำร้ายผู้ชายเขายังไม่ชายตาแลอีกต่างหาก
โอยสวรรค์ มันจะบัดซบเกินไปแล้ว!
ลั่วเหมยที่เห็นว่าเจ้านายมีท่าทางคล้ายกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเหมือนจะร้องไห้ก็นึกสงสารเป็นอย่างมาก ยังไม่ทันที่นางจะได้เอ่ยปลอบใจ ก็ได้ยินเสียงของพระชายาเอกอวี้หลิงเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน
"ตื่นแล้วหรือมู่หลานเฟิน ข้าคิดว่าเจ้าจะนอนข้ามวันข้ามคืนตายไปเสียแล้ว ไม่ได้เรื่อง แค่ยั่วยวนบุรุษคนเดียวยังทำไม่ได้ เลี้ยงเสียข้าวสุกเสียจริง!"
มู่หลานเฟินหรือ?
เหตุใดชื่อนี้มันเหมือนชื่อจริงๆของนางในชาติปัจจุบันก่อนจะทะลุมิติซ้ำแล้วซ้ำเล่าเลยล่ะ?
มู่หลานเฟินหันไปมองก่อนจะพบกับสตรีวัยกลางคนนางหนึ่งที่มีใบหน้างดงาม รูปร่างก็อรชรอ้อนแอ้นกำลังเดินเข้ามาหานาง ความทรงจำของร่างเดิมฉายชัดอีกครั้ง
สตรีตรงหน้าคือป้าแท้ๆของนาง มีนามว่าอวี้หลิง เป็นพระชายาเอกของเซวียนชินอ๋อง
อวี้หลิงปรายตามองหลานสาวก่อนจะเอ่ย
"รีบๆหาย จะได้จัดการตามแผนการที่วางเอาไว้ เจ้าจะต้องทำให้เซวียนซานหลางหลงใหลเจ้าจนโงหัวไม่ขึ้น มอมเมาเขาซะ ชวนเขาทำเรื่องชั่วช้า เขาจะได้ถูกปลดจากตำแหน่งซื่อจื่อ เซวียนเจ๋อพี่ชายของเจ้าจะได้สืบทอดตำแหน่งแทน ส่วนเจ้าก็จะได้เงินจากข้าเป็นค่าตอบแทน"
มู่หลานเฟินเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็พอจะประติดประต่อเรื่องราวได้ทันที ที่แท้นางทะลุมิติมาอยู่ในร่างของหญิงสาวที่มีชื่อเหมือนกับตน เมื่อมองไปที่กระจกซึ่งวางอยู่ไม่ไกลก็พบว่าเจ้าของร่างนี้มีใบหน้าเหมือนกับนางไม่ผิดเพี้ยน ที่สำคัญยังรับบทนางร้าย ทำงานให้ป้าแท้ๆหวังจะโค่นล้มตำแหน่งของบุรุษที่ชื่อเซวียนซานหลางคนนั้นอีกด้วย
มารดามันเถอะ จะมีสักชาติมั้ยที่นางทะลุิติมาสุขสบาย!
มู่หลานเฟินปรายตามองอวี้หลิงป้าแท้ๆของตน ก่อนจะเอ่ย
"คนป่วยอยู่ท่านยังจะให้ข้าไปยั่วบุรุษ หากท่านอยากให้แผนการสำเร็วโดยเร็วก็ไปยั่วยวนเองสิ ข้าจะนอน!"
อวี้หลิงถึงกับปากอ้าตาค้าง ไม่คิดเลยว่าหลานสาวตัวดีจะกล้าเถียงนางเช่นนี้ ด้วยโทสะที่มี นางจึงพุ่งเข้าไปดึงผ้าห่มออกจากตัวของมู่หลานเฟิน และกระชากตัวหลานสาวขึ้นมา
"เจ้ากล้าเถียงข้าหรือ ห๊ะ! ข้ามีบุญคุณกับเจ้า พ่อแม่เจ้าป่วยตายไปนานแล้ว หากข้าไม่รับเจ้ามาเลี้ยงดูเจ้าคงตายอยู่ข้างถนนไปนานแล้ว แต่เจ้ากลับเถียงข้า นังหลานเนรคุณ!"
"โอย! แล้วใครใช้ให้ท่านเก็บเอาข้ามาเลี้ยงเล่า นี่ป้ามหาภัย ถ้าจะเอาข้ามาเลี้ยงเพื่อสนองความชั่วร้ายของตัวเองแบบนี้มันไม่นับเป็นบุญคุณหรอกนะ!"
"หรานหร่าน นังเด็กบ้านี่"
แม้ปากจะด่าแต่อวี้หลิงกลับไม่กล้าลงมือทุบตีมู่หลานเฟินจริงจังเลยสักครั้ง อย่างไรนางก็ไม่มีลูกสาว และลึกๆในใจก็รักและเอ็นดูมู่หลานเฟินอยู่ไม่น้อย อวี้หลิงทำได้เพียงระงับโทสะ ก่อนจะเอ่ยอย่างใจเย็น
"กินยาซะ แล้วนอนพัก เย็นวันนี้เซวียนซานหลางจะกลับมาจากไปตรวจงานราชการ เจ้าจะต้องไปเอาใจเขา ยั่วยวนเขาทุกทาง หากกล้าขัดคำสั่งข้า อย่าหวังว่าจะได้กินข้าวเย็น"
เอ่ยจบอวี้หลิงก็เดินจากไป มู่หลานเฟินถอนหายใจออกมา พลางครุ่นคิดในใจ
ช่างเถอะ นางไม่อยากอดข้าว ตามน้ำไปก่อนก็แล้วกัน!
เวลาล่วงเลยมาจนถึงยามเย็น ในที่สุดเซวียนซานหลางก็กลับมาถึงจวน
ชายหนุ่มก้าวลงมาจากรถม้า ท่าทางของเขาผึ่งผายองอาจ เหล่าสตรีในเมืองหลวงต่างให้สมญานามเขาว่าเทพเจ้าแห่งต้าหลาง เพราะเซวียนซานหลางมีใบหน้าที่หล่อเหลายิ่งนัก โดยเฉพาะนัยน์ตาดอกท้อของเขาที่งดงามทรงเสน่ห์ดึงดูดผู้ที่ได้พบเห็น อีกทั้งจมูกยังโด่งคมสัน ริมฝีปากบางเฉียบ ยามที่ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากช่างดูมีเสน่ห์เย้ายวนใจอย่างบอกไม่ถูก สตรีน้อยในเมืองหลวงต่างหลงใหลเคลิบเคลิ้มจนเก็บเอาไปนอนฝัน
เซวียนซานหลางไม่ได้สนใจสายตาที่มองมาอย่างยั่วยวนของเหล่าสตรีน้อยพวกนั้น เขาก้าวเดินเข้ามาในจวนอย่างไม่รีบไม่ร้อน จวนชินอ๋องตกแต่งอย่างงดงามและหรูหรา ตามทางเดินมีแปลงดอกไม้หลากหลายสายพันธ์ปลูกเอาไว้ ให้ความรู้สึกสบายตาเป็นอย่างมาก
"ซื่อจื่อ ท่านกลับมาแล้วหรือ จะให้บ่าวเตรียมน้ำร้อนเลยหรือไม่ขอรับ"
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งรีบเข้ามาต้อนรับเซวียนซานหลางและเอ่ยกับเขาอย่างนอบน้อม เขาคือพ่อบ้านเฉิง พ่อบ้านเฉิงเป็นหัวหน้าคนงานและทำงานรับใช้จวนชินอ๋องมาหลายสิบปีแล้ว
เซวียนซานหลางหันมามองพ่อบ้านเฉิง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ได้ ว่าแต่พ่อบ้านเฉิง เหตุใดวันนี้ที่จวนดูเงียบนัก สองป้าหลานตัวปัญหาไปไหนเสียล่ะ"
พ่อบ้านเฉิงเมีื่อได้ยินก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้เซวียนซานหลางฟังอย่างไม่มีตกหล่น เมื่อชายหนุ่มได้ฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นจนจบก็ยกยิ้มมุมปากอย่างดูแคลน ก่อนจะส่งเสียงเหอะออกมา
ยามเช้าก่อนออกจากจวน เขาพบกับมู่หลานเฟิน สตรีนางนั้นมักจะหาทางยั่วยวนเขาสารพัดวิธี มีหรือเขาจะดูไม่ออกว่าเป็นแผนการของอวี้หลิงที่อยากจะให้เขาถูกปลดจากตำแหน่งซื่อจื่อใจจะขาด ไม่ได้ด้วยเล่ห์นางก็เอาด้วยกล ส่งหลานสาวมายั่วยวนเขา แต่สตรีโง่นางนั้นกลับซื่อบื่อโง่เขลา คิดจะใช้วิธีแกล้งตกน้ำมาล่อลวงเขาให้เขาช่วยนางจากนั้นก็จะทำทีว่าเขาลวนลามนางในน้ำ แต่เขารู้ทัน จึงปล่อยให้นางดำผุดดำว่ายในสระน้ำไปเสีย!
แต่ไม่คิดว่านางจะดวงแข็ง ยังไม่ยอมตายง่ายๆ!
เซวียนซานหลางคร้านจะสนใจอีก เขาเดินกลับเรือนของตน หลังจากอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็ออกมาเดินรับลมที่สวนด้านหลังจวนชินอ๋อง
ที่นี่คือบ้านเกิดของเขา มีความทรงจำมากมายปรากกฎเด่นชัด หลังจากมารดาตายจากไป เขาก็ใช้ชีวิตอยู่อย่างอดทนอดกลั้น อดทนทุกอย่างจนผ่านมาได้ เอาตัวรอดจากแม่เลี้ยงที่คิดจะทำร้ายเขาไม่เว้นวัน ท่านพ่อเองก็ไม่ได้สนใจเขาเท่าใดนัก ซ้ำยังหลงลืมคำสัญญาที่เคยให้เอาไว้กับท่านแม่อีกด้วย
การมีชีวิตเติบโตมาจนถึงป่านนี้ เขาต้องผ่านความยากลำบากมาไม่น้อย ความยากลำบากแสนเข็ญเหล่านั้นเปรียบเสมือนอาจารย์ที่สั่งสอนให้เขากลายเป็นคนเข้มแข็ง ขัดเกลาเขาจนกลายเป็นดาบที่ถูกลับจนคมกริบ
ในขณะที่เซวียนซานหลางกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ก็ได้ยินเสียงหวานใสของสตรีน้อยนางหนึ่งเอ่ยเรียกเขา
"พี่ซานหลาง"
เซวียนซานหลางหันไปมอง ก่อนจะพบว่าเป็นมู่หลานเฟินนั่นเอง
สตรีนางนี้ตามติดเขาแจ พยายามทำให้เขาหลงกลนางสารพัด ถึงขนาดจะแก้ผ้าต่อหน้าเขานางก็ทำมาแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น ยามที่นางเห็นว่ามีสตรีมาเข้าใกล้เขาก็จะลงมือตบตีสตรีเหล่านั้นอย่างไม่ไว้หน้า ท่านพ่อของเขาเพราะหลงภรรยาใหม่จึงพลอยให้ท้ายมู่หลานเฟินไปด้วย
ด้านมู่หลานเฟินนั้นก่อนหน้านี้นางถูกป้าใจดำทั้งฉุดทั้งลากให้ลุกขึ้นมาแต่งตัว จากนั้นก็เอาจานที่มีขนมกุ้ยฮวายัดใส่มือนาง บอกว่าตอนนี้เซวียนซานหลางกลับมาแล้ว ให้นางรีบเอาขนมไปเอาใจเขาอย่าได้ชักช้า
ชั่วชีวิตที่ผ่านมามู่หลานเฟินเคยเอาใจบุรุษเสียที่ไหน แต่เพราะนางไม่อยากอดข้าวจึงจำต้องทำตามคำสั่งของอวี้หลิง
ลั่วเหมยจัดแจงตระเตรียมให้นางทุกอย่าง เมื่อมาถึงที่หมายนางจึงพยายามดัดเสียงเล็กเสียงน้อยเรียกชื่อของบุรุษคนนั้น นางเห็นเพียงแผ่นหลังของเขา ชายหนุ่มผู้นี้ตัวสูงมาก อีกทั้งยังผึ่งผายน่าเกรงขาม แต่ไม่รู้ว่าหน้าตาจะหล่อเหลาสักเพียงใด
ทันทีที่เซวียนซานหลางหันกลับมามองนาง มู่หลานเฟินก็เหมือนตกอยู่ในภวังค์
เขารูปงามมากจริงๆ อีกทั้งยังมีเสน่ห์ชวนมองไม่เหมือนใคร ทั้งน่าดึงดูดและน่าค้นหาอย่างประหลาด
แต่นัยน์ตาดอกท้อคู่นั้นกลับฉายแววเย็นชาและไม่เป็นมิตรเท่าใดนัก
"มีสิ่งใดก็รีบพูดมา ข้าไม่ได้มีเวลาว่างมากนัก"
มู่หลานเฟินพลันหลุดออกจากภวังค์ นางยิ้มตาหยี ก่อนจะยื่นจานขนมกุ้ยฮวาไปตรงหน้าเขา
"พี่ซานหลางกลับมาเหนื่อยๆ น้องทำขนมมามอบให้ท่าน ชิมสักหน่อยสิเจ้าคะ"
เซวียนซานหลางเมื่อได้ยินก็ยกยิ้มมุมปาก มู่หลานเฟินที่เห็นอย่างนั้นก็เหมือนวิญญาณจะหลุดออกจากร่าง เขาหล่อเหลาเอาการจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าของร่างเดิมจะหลงรักเขาจนโงหัวไม่ขึ้นขนาดนี้
เซวียนซานหลางเดินเข้ามาใกล้มู่หลานเฟิน เพราะเขาสูงกว่านางมาก ทำให้มู่หลานเฟินต้องเงยหน้าขึ้นไปมองเขา ความสูงของนางตอนนี้อยู่เพียงแค่ระดับอกของเขาเท่านั้น
ให้ตายเถอะพี่ชาย ช่วยย่อตัวลงมาหน่อยได้หรือไม่ คอข้าจะหักแล้ว!
อยู่ๆเซวียนซานหลางก็โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ๆมู่หลานเฟิน ก่อนจะกระซิบบางอย่างที่ข้างหูของนางด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยียบ
"หากไม่อยากตายก็หยุดการกระทำต่ำช้าของเจ้าเสีย ถ้ายังดื้อดึงดันไม่ฟัง แม้แต่ศพเจ้าข้าก็จะทำลายทิ้งจนไม่เหลือซาก!"
เอ่ยจบเขาก็เดินจากไป อีกทั้งก่อนจากยังยกมือปัดจานขนมกุ้ยฮวาในมือมู่หลานเฟินร่วงลงไปบนพื้นอย่างไม่ไยดี มู่หลานเฟินส่งเสียงเหอะออกมา ก่อนจะมองตามแผ่นหลังของชายหนุ่มที่เดินจากไปพลางยกมือขึ้นเท้าสะเอว
อะไรกัน ถึงกับขู่ฆ่ากันเลยเหรอ!
"ไม่กินก็ไม่ต้องกินสิ เหตุใดต้องโยนมันทิ้งด้วย พวกไม่เห็นคุณค่าของอาหาร ชีวิตนี้คงไม่เคยอดอยากสินะ ข้าขอสาปแช่งให้เจ้าหิวตายสักวัน!"
เอ่ยจบนางก็ก้มลงไปหยิบขนมกุ้ยฮวาที่ตกพื้นขึ้นมาเช็ดๆและเอาเข้าปากเคี้ยวจนแก้มตุ้ย นางเคยผ่านการอดอยากมาในชาติก่อนๆย่อมรู้คุณค่าของอาหารเป็นอย่างดี
"คุณหนู เหตุใดจึงหยิบขนมที่ตกพื้นมากินเล่าเจ้าคะ!"
ลั่วเหมยที่เห็นว่ามู่หลานเฟินเก็บของร่วงพื้นขึ้นมากินก็กรีดร้องด้วยความตื่นตระหนก มู่หลานเฟินไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจก่อนจะเอ่ย
“ไม่เป็นไรหรอก ปากข้าทนทานต่อเชื้อโรค”
ลั่วเหมย “....”
มู่หลานเฟินเคี้ยวขนมไปพลางก็ครุ่นคิดไปพลาง
เซวียนซานหลางผู้นี้อย่าไปล่วงเกินจะดีกว่า เขาเหมือนจะรู้ทันในสิ่งที่ป้ามหาภัยของนางคิดจะทำ นางยังไม่อยากตายศพไม่สวย!
มู่หลานเฟินคร้านจะสนใจแล้ว นางจึงเดินกลับเรือน โดยไม่รู้เลยว่าเซวียนซานหลางแอบมองตนอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เขาได้ยินทุกคำพูดและการกระทำของนางทุกอย่าง ชายหนุ่มย่นหัวคิ้วพลางครุ่นคิดในใจ
ให้ตายเถอะมู่หลานเฟิน ตอนเจ้าตกน้ำคงถูกปลาในสระกินสมองเข้าไปเป็นแน่ ท่าทีจึงดูเหมือนคนสติไม่สมประกอบเช่นนี้!
แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้เข้าห่ำหั่นกับศัตรูเพื่อปิดจบสงครามฉากนี้นี้ ก็ได้ยินเสียงเกือกเท้าม้าดังกึกก้อง คนทั้งสามหันมาสบตากันอีกครั้ง ในดวงตาฉายแววเคร่งเครียดหรือนี่จะเป็นกำลังเสริมของชนเผ่าทุ่งหญ้า?ยังไม่ทันได้คิดสิ่งใดให้มากความเซวียนซานหลางก็เห็นว่ากองทหารของแคว้นทุ่งหญ้าที่ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้าแตกแถวออกเป็นวงกว้าง ศีรษะของแม่ทัพเผาทุ่งหญ้าร่วงกระเด็นตกลงบนพื้นดวงตาเบิกโพลงเหมือนไม่อยากจะเชื่อว่าตนจะถูกสังหาร"ฆ่าทิ้งให้หมด!"เซวียนซานหลางมองไปเบื้องหน้า ก่อนที่ดวงตาของเขาจะแดงก่ำตอนนี้มู่หลานเฟิรกำลังควบอยู่บนหลังม้าด้วยท่วงท่าองอาจ มือหนึ่งจับบังเหียน มือหนึ่งถือหอกเอาไว้ในมือ ปลายด้ามหอกอาบย้อมไปด้วยโลหิตสีแดงสด นางสวมชุดเกราะรวบผมขึ้นสูง ดวงตามั่นคงหนักแน่นไม่หวาดหวั่น ทุกทีที่นางควบม้าพาดผ่าน ล้วนมีทหารของชนเผ่าทุ่งหญ้าล้มตายราวกับใบไม้ร่วงเสิ่นเหวยอันและซูอวี้เฉิงเมื่อได้เห็นเช่นนั้นก็ตื่นตระหนกไม่น้อย เดิมทีพวกเขารู้ว่านางมีความสามารถ แต่ไม่คิดว่าจะองอาจเยี่ยงแม่ทัพใหญ่ผู้เจนจัดสงครามในสนามรบเช่นนี้มู่หลานเฟินหันมามองบุรุษทั้งสามคน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่องอาจ
เมื่อเรื่องราวคลี่คลายแล้ว ทุกคนจึงเกินทางกลับมาที่เมืองหลวง เมื่อกลับมาถึงก็ได้ทราบข่าวร้ายก่อนหน้านี้เซวียนชินอ๋องติดสุราจนเมามาย ทำให้สุขภาพไม่สู้ดีจนถึงขึ้นล้มป่วยลง อีกทั้งยังได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจเนื่องจากรู้ข่าวว่าอวี้หลิงปลิดชีพตนเองตายจากไป แม้ปากจะบอกว่าเกลียดชังนางย่ แต่เมื่อนางตายจากไปจริงๆ เขากลับทำใจไม่ได้ สุดท้ายจึงดื่มเหล้าหนักมากขึ้นเรื่อยๆ จนสุขภาพทรุดหนักลงเรื่อยๆ จวบจนทนไม่ไหวและตรอมใจตายตามอวี้หลิงไปก่อนจากเขาไม่ได้สั่งเสียสิ่งใดกับบุตรชายทั้งสองคน เอาแต่เหม่อลอยเรียกหาอวี้หลิงและอดีตพระชายาซึ่งก็คือมารดาของเซวียนซานหลาง จวบจนวาระสุดท้ายท่านพ่อของพวกเขาสองคนก็คิดถึงแต่ตนเอง ไม่เคยคิดถึงบุตรชายเลยแม้แต่น้อยงานศพของเซวียนชินอ๋องถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายเมื่อบิดาตายจากไป ตำแหน่งชินอ๋องย่อมตกเป็นของเซวียนซานหลางโดยชอบธรรม ส่วนเซวียนเจ๋อนั้นเขาไม่อยากจะรับตำแหน่งใดทั้งสิ้น เขาอยากเป็นเพียงคุณชายเจ้าสำราญที่ได้ใช้ชีวิตตามใจของตนด้านวังหลวงเองก็ไม่สู้ดีเท่าใดนัก ฮ่องเต้เซวียนจงอาการไม่สู้ดีขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังไม่ม่ีทายาทสืบทอด เหล่าขุนนางต่างหวาดหวั่นใจยิ่งน
วันคืนก็ผ่านไปเช่นนี้ จนกระทั่งสุขภาพของมู่หลานเฟินดีขึ้นมาก และเซวียนซานหลางก็สะสางธุระแล้วเสร็จและกลับมาเมืองหลวงพอดี นางจึงบอกเรื่องนี้กับเขาและตัดสินใจกลับบ้านเดิมสักครั้งจวนตระกูลอวี้เป็นตระกูลคหบดี พวกเขาเป็นคนเมืองจินหลิงซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงไปไม่ไกลเท่าใดนัก นับว่าเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองจินหลิงแล้ว พวกเขาทำการค้าหลายอย่าง หลายปีมานี้กิจการก้าวหน้า เพราะมีน้าสาวและสามีของนางคอยดูแลวันแรกที่มู่หลานเฟินกลับไปถึง ก็พบว่าพวกเขามีท่าทีแปลกประหลาดจริงๆ เหมือนไม่อยากต้อนรับ ราวกับมีบางอย่างปิดบังนางอย่างไรอย่างนั้น แต่่เพราะมู่หลานเฟินต้องการสืบความจริง นางจึงแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นท่าทีนั้นของพวกเขาและยังบอกอีกว่าอยากจะพักอยู่ที่นี่สักระยะเพราะมีเรื่องจะมาแจ้งทุกคน นางเดินทางมาครั้งนี้นำสมบัติมาด้วยหลายหีบบอกว่าเป็นของที่นางเก็บสะสมเอาไว้ แต่ตอนนี้ถูกไล่ออกจากจวนอ๋องแล้วไร้หนทางไปจึงต้องกลับมาบ้านเดิม อวี้หลันมองหลานสาวตนเองด้วยแววตาที่่อ่อนโย แต่ภายในใจกลับเย้ยหยัน ตอนนี้อวี้หลิงถูกขับออกจากจวนอ๋องไปอยู่ที่วัด นางเองไม่ได้สนใจพี่สาวเท่ามดนักเดิมทีพวกนางก็เป็นพี่น้อง
เรื่องราวสะเทือนขวัญทั้งหมดที่เกิดขึ้น สร้างคลื่นลมใหญ่หลวงให้กับราชสำนักเป็นอย่างมาก เหล่าราษฎรต่างหวาดหวั่น ต้องใช้เวลาร่วมหลายเดือนกว่าที่คราวจะเงียบหายไปหลังจากเกิดเรื่อง เซวียนชินอ๋องก็กลายเป็นคนเมามาย และวาดใส่คนอื่นไปทั่วทั้งจวน โดยเฉพาะกับมู่หลานเฟิน เขาเอาโทสะทั้งหมดไปลงที่นาง บอกว่านาและป้าของนางคือตัวซวย อีกทั้งยับขับไล่นางออกจากจวนอ๋อง เซวียนซานหลางและเซวียนเจ๋อเองก็ปวดหัวไม่น้อยแต่มู่หลานเฟินกลับไม่ได้โกธร นางเข้าใจเรื่องราวได้อย่างกระจ่างแจ้ง เมื่ออวี้หลิงสิ้นอำนาจแล้ว นางย่อมไม่อาจอยู่ที่จวนอ๋องได้อีก และนางเองก็ไม่อยากจะสร้างปัญหาให้เขาเพิ่ม จึงปรึกษากับเขาว่าจะไปหาซื้อบ้านใหม่อยู่ เปิดร้านขายอาหาร เพราะของมีค่าที่ได้รับพระราชทานมาก่อนหน้านี้ก็ยังมีเหลืออยู่ไม่น้อย แรกเริ่มเซวียนซานหลางไม่เห็นด้วย แต่ม่หลานเฟินกลับเอ่ยโน้มน้าวเขาอย่างใจเย็น เขาจึงยอมตามใจนางเซวียนซานหลางหาบ้านหลังหนึ่งได้ มันตั้งอยู่ในตลาดสามารถทำมาค้าขายได้ เซวียนเจ๋อเป็นห่วงน้องสาวอยากตามมาอยู่ด้วย แต่มู่หลานเฟินบอกว่านางอยู่ได้ชีวิตที่ยากกำบากไม่ใช่ว่านางไม่เคยพานพบ ใช้ชีวิตมาหลายชาติพบเจอความทุ
เซวียนซานหลางและมู่หลานเฟินรีบวิ่งมาที่เรือนของอวี้หลิงอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงภาพตรงหน้าก็ทำให้พวกเขาถึงกับหน้าซีดเผือดตอนนี้เซวียนเจ๋อกำลังนอนอยู่บนเตียงเขากระอักโลหิตออกมาไม่หยุด ใบหน้าหล่อเหลาซีดเผือดจนน่าหวาดหวั่น ลมหายใจก็รวยรินราวกับจะขาดเสียให้ได้ เซวียนซานหลางที่เห็นสภาพน้องชายตนที่ย่ำแย่ถึงเพียงนี้ก็ตื่นตระหนกรีบสั่งให้คนไปตามหมอหลวงมาอย่างเร่งด่วน มู่หลานเฟินเข้าไปประคองญาติผู้พี่ของตนเอง ดวงตาของนางแดงกล่ำ ก่อนจะเอ่ย"เซวียนเจ๋อ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้ ท่านดื่มยาพิษเข้าไปได้อย่างไรกัน"เซวียนเจ๋อเงยหน้ามามองมู่หลานเฟินอย่างอ่อนแรง ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย เขาไม่ตอบอันใด เพียงมองไปที่มารดาของตนด้วยแววตาที่เย็นชาห่างเหินก่อนหน้านี้ท่านแม่ดูผิดปกติเป็นอย่างยิ่ง นางดูเหมือนครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา เขาจึงจับตาดูนางและพบว่านางกำลังวางแผนจะสังหารพี่ใหญ่ของเขาอีกครั้งเซวียนเจ๋อรู้สึกผิดหวังในตัวมารดาเป็นอย่างมาก เดิมทีเขาคิดว่าท่านแม่จะสามารถปล่อยวางความโลภในใจได้แล้ว แต่มันกลับไม่ใช่เลยแม้แต่น้อย ท่านแม่ยังคงมีจิตใจริษยามักใหญ่ใฝ่สูงท่านแม่คิดอาศัยช่วงชุลมุนวางยาพิษพี่ใหญ่ เขาที
ด้านมู่หลานเฟินตอนนี้ก็ถูกโซ่ตรวนพันธนาการมือเท้าเอาไว้ นางได้กลิ่นสมุนไพรเข้มข้นสายหนึ่งที่ฉุนจนแทบแสบจมูก มันเป็นกลิ่นเดียวกับที่ได้กลิ่นจากศพในรูปปั้นเทพธิดา อีกทั้งบนโต๊ะยังมียันต์หลายแผ่นวางเอาไว้"สวีเจี๋ย เราต้องรีบทำพิธีแล้ว ไม่อย่างนั้นจะเลยฤกษ์ยามดี หลังจากนางตายก็เอาร่างนางหล่อเป็นรูปปั้นของเทพธิดา มอบนางเป็นเครื่องบูชายัญให้เทพปีศาจ เอาล่ะ ข้าจะเร่งขอพร ท่านก็รีบสังหารนาง จากนั้นก็ผ่าท้องนางและเอายันต์ขอพรยัดใส่เข้าไปพร้อมสมุนไพร""ได้เลย"ราชครูสวีรับคำ ด้านเฉินฮองเฮาก็นั่งลงเบื้องหน้าแท่นบูชาที่ตั้งอยู่ในห้องลับ ก่อนจะเอ่ยขอพรอย่างตั้งใจ"ท่านเทพปีศาจ ข้าได้นำเทพธิดามาสังเวยให้ท่านแล้ว หวังว่าท่านจะพอใจ เมื่อท่านพอใจแล้วก็ได้โปรดอำนวยอวยพระให้เซวียนจิ้น บุตรชายของข้าแข็งแรงโดยเร็ว ให้เขาได้ครองราชย์ยอย่างราบรื่น ไร้กังวลด้วยเถิด"มู่หลานเฟินมองภาพเบื้องหน้าด้วยแววตาที่วูบไหว นางพอจะเข้าใจเรื่องราวได้แล้วราชครูสวีและเฉินฮองเฮาดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์พิเศษต่อกัน หรือว่าองค์ชายน้อยผู้นั้นจะ...ยังไม่ทันที่นางจะได้คิดสิ่งใดต่อ ก็พบกับสวีเมิ่งเหยาที่วิ่งเข้ามา ราชครูสวีและเ
เสียงน้ำสาดกระเซ็นเป็นวงกว้าง เซวียนซานหลางที่ได้ยินก็รีบวิ่งเข้ามาดูทันที เมิื่อเห็นว่ามู่หลานเฟินตกน้ำลงไปพร้อมกับสวีเมิ่งเหยาเขาขมวดคิ้วมุ่น แต่เมื่อเห็นว่านางลอบยักคิ้วให้เขาหนึ่งครั้ง เซวียนซานหลางก็ถึงกับเอ่ยวาจาใดไม่ออกนี่นางกำลังจะทำอันใดกันเซวียนเจ๋อที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบร้อนวิ่งมาหาเซวียนซานหลาง"พี่ใหญ่ รีบช่วยหรานหร่านเร็วเข้า"ด้านฮ่องเต้เซวียนจงและเฉินฮองเฮาก็เริ่มร้อนใจแล้ว แม้แต่อวี้หลิงก็ยังนั่งไม่ติดที่สวีเมิ่งเหยาที่ถูกมู่หลานเฟินลากลงน้ำมาด้วยกันเริ่มมีโทสะขึ้นมา นางกัดฟันเอ่ยกับมู่หลานเฟินอย่างไม่พอใจ"นังสารเลว เจ้าคิดจะทำอันใด""เจ้าอยากกล่าวโทษข้า ว่าข้าผลักเจ้าตกน้ำไม่ใช่หรือ""เจ้ารู้ได้เช่นไร""เหอะ สวีเมิ่งเหยา เจ้าคิดว่าตนเองฉลาดมากนักหรือ แผนการเช่นนี้ข้ามองปราดเดียวก็กระจ่างแจ้งแก่ใจแล้ว ในเมื่อเจ้าอยากเล่นข้าก็จะเล่นด้วย พวกเรามาเล่นกันเถอะ"เอ่ยจบนางก็คว้ามือของสวีเมิ่งเหยามากดหัวตนเองให้จมน้ำ พร้อมกับทำท่าทางจะเป็นจะตาย สวีเมิ่งเหยาเลิกลั่กแล้ว มู่หลานเฟินไม่เพียงดำผุดดำว่ายอย่างสนุกสนาน แต่นางยังใช้มืออีกข้างยื่นมาหยิกที่เอวของสวีเมิ่งเหยาอย่างแรง
เช้าวันต่อมา มู่หลานเฟินตื่นนอนแต่เช้า นางไปหาอวี้หลิงและเซวียนเจ๋อที่พักอยู่อีกเรือนหนึ่ง เพื่อร่วมกินมื้อเช้า เช้าวันนี้ฮ่องเต้เซวียนจงไม่ได้สั่งให้พวกนางไปร่วมมื้อเช้าด้วย มู่หลานเฟินคิดว่าเป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะนางก็ไม่อยากจะพบร่วมโต๊ะกับพวกเขาเท่าใดนักระยะนี้อวี้หลิงดูเหมือนจะมีท่าทางแปลกไป นอกจากจะไม่ก่อคลื่นลมใดแล้ว ในแววตายังดูเหมือนมีเรื่องให้ครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา มู่หลานเฟินเองไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใดและไม่ได้วางใจเช่นกัน การที่อวี้หลิงไม่ก่อคลื่นลมไม่ได้แปลว่าพวกนางจะวางใจได้หลังจากผ่านพ้นมื้อเช้าไปเพียงไม่นาน ฮ่องเต้เซวียนจงก็มีรีบสั่งให้เซวียนซานหลางไปสนทนาที่ตำหนักใหญ่ มู่หลานเฟินไม่ได้ตามไปด้วย นางไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้กับเซวียนเจ๋ออากาศที่นี่ค่อนข้างดีไม่น้อยเลย มองไปทางใดก็เห็นเหล่ามวลผกาออกดอกล้อเล่นลม ป่าไผ่รอบข้างก็เขียวขจีสดชื่น แม้แต่ทะเลสาบเบื้องหน้าก็ยังงดงามราวกับภาพวาด เซวียนเจ๋อที่เดินอยู่ข้างกายมู่หลานเฟิน พลันเอ่ยถามญาติผู้น้องของตนด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย"หรานหร่าน หากพี่ใหญ่แต่งงานกับสวีเมิ่งเหยาแล้ว เจ้าจะทำเช่นไร เจ้าจะยอมแต่งเป็นภรรยาของเขาหร
หลายวันต่อมา มู่หลานเฟินที่เตรียมพร้อมอยู่แล้ว ก็ทำทีเป็นว่าทราบเรื่องที่วัดสือฉีเปิดให้หญิงสาวไปผูกดวงขอความรัก นางจึงเดินทางไปที่วัดแห่งนั้นและเขียนดวงชะตาของตนเองผูกเอาไว้เพราะเข้าสู่ช่วงกลางฤดูร้อนที่อากาศร้อนอบอ้าวแล้ว ฮ่องเต้เซวียนจงจึงมีรับสั่งว่าจะเดินทางไปพักผ่อนที่พระราชวังฤดูร้อนด้านนอกเมืองหลวง ที่นั่นบรรยากาศดีและเย็นสบายกว่าเมืองหลวง อีกทั้งยังตรัสว่าให้เหล่าขุนนางชั้นสูงติดตามไปด้วย เหล่าขุนนางที่มีตำแหน่งสูงต้องติดตามไปด้วย เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องยุ่งยากอันใด เพราะบ้านพักของพวกเขาตั้งอยู่ใกล้ๆกับพระราชวังฤดูร้อนอยู่แล้วแน่นอนว่าคนในจวนชินอ๋องย่อมต้องติดตามไปด้วยเพราะเป็นเครือญาติและเชื้อพระวงศ์ อวี้หลิงพระชายาเอกนั้นได้สั่งให้บ่าวไพร่ตระเตรียมของให้พร้อมสรรพ ก่อนที่นางจะเดินกลับเข้ามาในห้องของตนเองเพื่อพักผ่อนเมื่อนั่งอยู่เพียงลำพังแล้ว อวี้หลิงก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้เมื่อสองคืนก่อนนางได้รับจดหมายลับฉบับหนึ่ง เนื้อหาในจดหมายบอกว่า มีเบาะแสที่สามารถชี้ตัวคนร้ายที่สังหารน้องสาวและน้องเขยของนางได้ แต่มีเงื่อนไขข้อหนึ่งนั่นก็คือ นางจะต้องสังหารเซวียนซานหลางเสีย
Comments