ตกดึกของวันนั้น หญิงสาวที่เป็นคนไข้ตื่นขึ้นมาในยามวิกาล เธอลุกขึ้นเดินลงจากเตียงแล้วตรงมาหาแม่นมก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ใกล้ๆ คนหลับเบามือมากที่สุด ก่อนจะเดินกลับมาที่เตียงอีกครั้ง
“ดีนะที่เป็นรุ่นไม่ใหม่มาก ไม่งั้นคงใช้ไม่เป็นแน่”
นารันกดค้นหาข้อมูลก่อนจะเข้าอีเมลตัวเองที่ไม่ได้ใช้มาเกือบ 7 ปี ดีนะที่บัญชียังไม่ถูกปิดใช้บริการไป
ถึง Veehaiyai@gmalh.com
ฉันรู้เรื่องการตายของนารันเมื่อ 7 ปีก่อน ถ้าอยากรู้เพิ่มเติมมาเจอกันที่ดาดฟ้า Dararai Hospitel พรุ่งนี้มาเจอกันตอนบ่ายโมงห้ามสายเด็ดขาด
หวังว่าวีคงจะยังใช้อีเมลอยู่และเข้าอ่านมันนะเพราะทั้งสองแอคเคาท์มีเพียงเธอกับวีเท่านั้นที่รู้ ถ้าเขาได้อ่านมันคงจะมาเจอเธอแน่ๆ หลังจากนั้นเธอก็ลบทุกอย่างออกจากโทรศัพท์นมสาแล้วเดินเอากลับไปวางไว้ที่เดิม
“ขอโทษนะนมสา พรุ่งนี้หลับไปสักพักก่อน”
เธอเปิดลิ้นชักแล้วหยิบยาเม็ดนอนหลับเล็กๆ ออกมา เพราะนมสาเล่าอาการที่เธอเดินออกจากห้องพักคนเดียว หมอเลยให้ยามาหนึ่งเม็ดเพิ่มเมื่อวาน แต่เธอไม่ได้กินเลือกที่จะแอบเก็บไว้เผื่อต้องใช้และก็ได้ใช้มันจริง
............
“คุณหนูนอนรอนมอยู่ตรงนี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวนมขอเข้าห้องน้ำก่อน”
สาหันไปพูดกับนิ่มที่กำลังนั่งเล่นตุ๊กตาตัวโปรดของเธอ พอเห็นว่าไม่มีอะไรน่าเป็นก็ปลีกตัวเดินเข้าไปทำธุระส่วนตัว
นารันลุกเดินไปหยิบยาในลิ้นชักแล้วหยิบแจกันหนักบดให้ละเอียดก่อนจะเดินเอาไปเทลงในขวดน้ำของนมสา พอเขย่าจนไม่มีตะกอนก็เดินกลับมานั่งที่เดิม ตอนนี้เวลาก็เที่ยงกว่า ๆ ได้แล้ว เธอได้แต่หวังว่านมสาจะรีบหลับก่อนเวลาบ่าย
“นมสากินน้ำ กินน้ำ ออกจากห้องน้ำมาต้องกินน้ำคุณหมอจวยๆ บอก”
“คุณหนูอยากให้นมกินน้ำเหรอคะ”
“น้ำกินน้ำเยอะๆ”
ใบหน้ายิ้มแย้มของคุณหนูตัวเองทำให้สาอดดีใจไม่ได้ที่ตอนนี้นิ่มกลับมาร่าเริงเหมือนเดิม
[ขอโทษจริงๆ แต่ช่วยหลับไปก่อนสักพักนะคะนมสา]
หลังจากนั้นไม่นานสาก็ง่วงจนหลับไป นารันเดินไปรื้อเสื้อผ้าในกระเป๋าที่วางอยู่ ดีที่มีชุดของนิ่มอยู่อาจจะเป็นนมสาเตรียมมาเผื่อตอนเธอจะออกจากโรงพยาบาล
เธอรีบเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำทันทีเพื่อไม่ให้เป็นที่จับตามองเลยเลือกเปลี่ยนชุดโรงพยาบาลออก พอเสร็จก็รีบออกจากห้องผู้ป่วย เดินตรงไปที่ลิฟต์ก่อนจะกดชั้นบนสุด เธอเดินออกจากลิฟต์เมื่อถึงชั้นบนสุดก่อนจะเดินมาเปิดประตูเหล็กเก่าๆ
ภาพแผ่นหลังใหญ่ของชายที่คุ้นตายืนหันหลังมาทางเธอสูบบุหรี่ในมือพ้นควันออกมาไม่หยุด ดูจากท่าทางคงจะคิดหนักเรื่องข้อความที่เธอส่งให้อยู่แน่ ๆ ปกติวีจะเป็นแบบนี้ประจำเวลามีเรื่องให้คิดจนแต่ก่อนเธอต้องออกปากห้าม
“ขอโทษที่มาช้า”
เสียงผู้หญิงที่วีไม่เคยได้ยินมาก่อน ทำให้เขาหันกลับไปมอง เขาไม่เคยรู้จักผู้หญิงคนนี้และนารันก็คงไม่มีทางรู้จักเธอแน่ แต่ทำไมเธอถึงรู้อีเมลที่เขาใช้แค่กับคนที่ตายไปแค่สองคนล่ะ
“เธอเป็นใคร? ทำไมถึงใช้เมลนั้นส่งข้อความมาหาฉัน”
[สำหรับนายนานแค่ไหนแล้วนะวีกับการตายไปของฉัน]
ใบหน้าที่ดูสูงวัยตามกาลเวลาทำให้เธออดเศร้าไม่ได้เพราะเธอไม่มีสิทธิ์ได้เห็นตัวเองในวัยนี้
“ฉันถามเธอไม่ได้ยินหรือไง!! แล้วเรื่องที่เธอบอกว่า”
วีก้าวขาเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงร่างผอมบางที่นัดตัวเองมามือของเขากำรอบคอเล็กหวังให้เธอคายความลับ แต่สายตาของอีกฝ่ายที่จ้องตากลับราวกับว่าไม่กลัวเขาเลยสักนิด มันเป็นประกายบางอย่างเหมือนใครบางคนมากจนเขาค่อยๆ คลายมือออก
“ใจเย็นขึ้นแล้วใช่ไหม”
“เธอเป็นใคร”
“ฉันชื่อนิ่ม พิชญ์สินี อัครสกูลวงศ์ เผื่อจะเอาไปสืบประวัติ”
“ทำไมเธอถึงบอกว่ารู้เรื่องการตายของนารัน เธอไปรู้อะไรมา”
“ฉันรู้มาเยอะเลย แต่ก่อนที่ฉันจะบอกช่วยอะไรฉันสักอย่างก่อนได้ไหม”
“เด็กน้อย! เธอรู้ตัวไหมกำลังต่อรองกับใครอยู่” วีจ้องมองอีกฝ่ายที่ไม่ได้ดูหวาดกลัวเขาเลยสักนิด
“ถ้าไม่รู้ฉันคงนัดออกมาไม่ได้...ฉันไม่มีเวลามาก ช่วยหาหมอที่ไว้ใจได้มารักษาโรคออทิสติกให้ฉันหน่อย”
“ห๊ะ!! เธอกำลังเล่นอะไร”
โรคออทิสติกเนี่ยนะ ยัยเด็กตรงหน้าเขาตอนนี้คิดจะเล่นอะไร
“ไม่! ฉันไม่ได้เล่น อาทิตย์หน้าฉันจะหาทางไปอยู่ที่บ้านของย่าแล้วจะส่งข้อความบอก หลังจากนั้นนะ...ไม่สิ คุณต้องหาทางให้หมอคนนั้นเข้ามารักษาฉันให้ได้”
“ย่าเธอคือใคร?”
“คุณหญิงอรวรรณ อัครสกูลวงศ์ ฉันไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับย่ามากนัก แต่ได้ยินแม่นมบอกว่าท่านมักจะมีปัญหาเกี่ยวกับหลังบ่อยๆ และจะมักมารักษาที่โรงพยาบาลทุกอาทิตย์ คุณก็หาทางเข้าหาย่าฉันให้ได้แล้วกัน บอกได้แค่นี้” เธอเคยได้ยินนมสาบ่นเรื่องนี้กับคนสนิทคุณย่าเรื่องอาการป่วยของท่านตอนเอาอาหารมาส่ง
“แต่ทำไมฉันต้องช่วยเธอด้วยล่ะเด็กน้อย”
“ฉันไม่ได้บังคับให้คุณช่วย แต่ข่าวเรื่องการตายของผู้หญิงที่คิดว่าคุณคือครอบครัวของตัวเองก็จะไม่ถูกคายออกมาเหมือนกัน”
คำพูดของเด็กสาวตรงหน้ากระตุ้นความทรงจำบางอย่างของเขา ทำให้เขาหยุดชะงักย้อนนึกถึงเรื่องอะไรบางอย่าง
'วี! นายเหมือนญาติคนเดียวที่ฉันมีนะ ตั้งแต่พ่อฉันรับเลี้ยงนายพวกเราก็คือครอบครัวเดียวกัน แม้กระทั่งนายยังไม่กล้าที่จะพูดความจริงกับฉัน หลังจากนี้ฉันจะไว้ใจใครได้อีก'
“งั้นเธอบอกฉันหน่อยได้ไหมว่าทำไมถึงบอกว่าให้รักษาโรคออทิสติก เธอก็ดูปกติดีนะ”
มันจะมีคนเป็นโรคออทิสติกแบบไหนยืนจ้องหน้าเขาอย่างไม่หวาดกลัวแบบนี้
“ก่อนหน้านี้ฉันมีเห็นจำเป็นต้องแกล้งบ้า แต่การจะกลับมาเป็นปกติในสายตาคนอื่นมันก็ต้องมีตัวช่วยและคุณที่เคยเป็นคนสนิทของอดีตผู้นำหญิงเพียงคนเดียวของตระกูลเวสิกาคงเป็นตัวเลือกดีที่สุด”
เธอเลือกที่จะโกหกคนตรงหน้า ตอนนี้เธอไม่ใช่นารันอีกต่อไปแล้วเป็นเพียงคนแปลกหน้าสำหรับวีเพราะแบบนั้นจะเล่าทุกอย่างให้เขาฟังไม่ได้ แต่ถึงแบบนั้นเธอก็ยังจะต้องเป็นนิ่มเพื่อไม่ให้ตัวเองใช้ชีวิตอย่างยากลำบากในภายภาคหน้าจึงต้องใช้วีเพื่อเปลี่ยนนิ่มเป็นคนปกติในสายตาทุกคนก่อน
“เธอก็ดูเป็นแค่เด็กอายุคงไม่ถึงยี่สิบห้าด้วยซ้ำ แต่รู้เรื่องเยอะพอตัวนะ”
“ฉันรู้อะไรมากกว่าที่คุณคิด เอาละค่ะฉันไม่มีเวลามากขนาดนั้น คุณจะไปสืบเรื่องของฉันก่อนได้นะคะ...อีก 3 วันฉันจะถามไปทางเมลว่าคุณตกลงจะช่วยหรือเปล่า แต่ฉันหวังว่าจะได้รับคำตอบที่น่าพอใจ ขอตัวค่ะ”
วีมองร่างผอมแห้งของหญิงสาวที่เดินออกไป ตอนนี้ในหัวของเขาสับสนไปหมด เมื่อคืนหลังจากที่เขาเห็นข้อความเข้าอีเมลก็แทบบ้าข้อความจากเมลลับของคนที่ตายจากชีวิตไปเกือบ 7 ปีปรากฏขึ้นอีกครั้ง เขาต้องรู้เรื่องผู้หญิงคนนี้ก่อนจะตัดสินใจทำอะไร พอคิดแบบนั้นเลยหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วโทรหาคนสนิท
“เข้มมึงไปสืบประวัติคนชื่อพิชญ์สินี อัครสกูลวงศ์ ฉันต้องการประวัติเธอรวมถึงคนใกล้ตัวเอาแบบละเอียด ให้เวลาถึงพรุ่งนี้”
(ครับเจ้านาย)
หลังจากสั่งงานลูกน้องเสร็จเขาก็ออกจากประตูดาดฟ้าตรงไปลิฟต์ พอประตูลิฟต์เปิดออกเมื่อถึงชั้นที่ต้องการก็ก้าวขาออกทันทีแต่ไม่ทันระวังระหว่างเดิน เขาที่กำลังดูรูปภาพที่ลูกน้องส่งมาให้ก็ชนเข้ากับใครบางคนอย่างแรง
“ขอโทษครับ”
เขาเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย ดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักชายหนุ่มคนนี้นะเพราะเพิ่งเจอกันไปเมื่ออาทิตย์ก่อน
'พายุ หัวหน้าทิศบูรพา' ชายที่อยู่จุดสูงสุดของแก๊งทั้งหมดในทิศบูรพาตั้งแต่อายุน้อย
ตระกูลอนันท์พิบูรวงศ์ษา (5 เดือนต่อมา)“อุ๊ป! อ้วกกกก”เสียงอ้วกที่ดังออกมาจากห้องน้ำทำให้คนที่ยืนคอยอยู่ด้านนอกอดห่วงไม่ได้เพราะอีกฝ่ายเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้วแกร๊ก~ ไม่นานร่างของคนที่หายเข้าไปในห้องน้ำก็เดินออกมาด้วยสภาพที่อิดโรย“ที่รักคุณไหวหรือเปล่าคะ”นิ่มยื่นผ้าขนหนูผืนเล็กสีขาวให้เขาเช็ดหน้าตาตัวเอง หลังจากจบเรื่องราวทุกอย่างเธอกับพายุก็แต่งงานกันได้ 4 เดือนแล้ว เขาดูแลและปรนนิบัติกับเธอดีทุกอย่างแม้จะรู้ว่าตัวเธอไม่ใช่นิ่มคนเก่าอีกต่อไป เขาเคยมาสารภาพกับเธอว่าเริ่มสังเกตตัวเองมีปฏิกิริยาหรือความรู้สึกแตกต่างออกไปจากนิ่มคนเก่ากับเธอตั้งแต่ที่โรงพยาบาลแล้วและอาจจะหลงรักนิ่มคนใหม่ตอนนั้นก็ได้“ไหวครับ” ถึงจะบอกว่าไหวแต่ตอนนี้เขาก็หน้ามืดมาก ช่วงนี้เป็นอะไรไม่รู้ ทั้งเอาแต่อ้วก อารมณ์ฉุนเฉียวก็ง่าย แถมยังอยากกินอาหารเปรี้ยวบ่อยๆ “แต่เฮียเป็นอะไรไม่รู้หรือว่าเฮียควรไปหาหมอดีครับที่รัก”“ใช่ค่ะ ควรไปหาหมอ...แต่ไม่ใช่ที่รักนะคะเป็นหนูนิ่มต่างหาก”“ที่รักเป็นอะไร!! ไม่สบายตรงไหนบอกเฮียมาเลย”เพียงแค่ได้ยินว่าภรรยาต้องไปหาหมอหัวใจเขาก็เต้นแรงด้วยความหวาดกลัว เขากลัวจนลืมว่าตัวเองต่างห
Dararai Hospitel (ห้องพักคนไข้ VVIP) “เฮียพายุคะ ตอนนี้ทิศพายัพเปลี่ยนมือหัวหน้าแล้วนะ วีได้เป็นหัวหน้าแทน เขายกเลิกพวกการค้าเถื่อนที่จะส่งเข้าไปทิศอื่น ๆ หนูนิ่มบอกเขาว่าสิ่งที่นารันต้องการมากที่สุดคือให้เขามีชีวิตเป็นของตัวเองเพราะนารันเธอก็ได้ตายไปแล้วอยากใช้ชีวิตของตัวเอง ไม่รู้ว่าเขาจะทำตามที่หนูบอกไหมแต่ตอนนี้สำหรับหนูเหลือแค่เฮียแล้วนะแต่ถ้าเฮียไม่ฟื้นแบบนี้หนูก็ไม่เหลือใครสิ”หลังจากวันนั้นก็ผ่านมาเกือบเดือนหนึ่งแล้ว พายุที่ถูกยิงเฉียดจุดสำคัญไปเพียงนิด แต่นั่นก็ทำให้เขาหลับไม่ได้สติมาเกือบเดือน เธอกลัวเหรอเกิน...กลัวว่าเขาจะเหมือนนิ่มที่หลับไปแล้วกลับมาไม่ใช่ตัวเองอีก แบบนั้นเธอคงทนไม่ได้แม้ว่าตอนนี้พายุจะต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอีกเพราะอาการคงที่มีเพียงเครื่องที่เอาไว้คอยวัดคลื่นความถี่ของหัวใจ ส่วนเธอก็มาอยู่ที่โรงพยาบาลทุกวันเรื่องในแก๊งก็มีเธอคอยจัดการแทนเงียบ ๆ โดยให้คานกับแม็กเป็นคนออกหน้าแทน ส่วนเรื่องของอดีตสามีที่วีเป็นคนฆ่า หัวหน้าทิศคนอื่นลงความเห็นว่าเพราะหัวหน้าของทิศพายัพทำความผิดร้ายแรงโดยการสั่งคนไปทำผิดกฎหมายในเขตการปกครองคนอื่น ความจริงคนพวกนั้นก็อาจจะตั้
คฤหาสน์ตระกูลเวสิกา (3 วันต่อมา)“นายท่านครับผมเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว”“อืม...แล้วไอ้วีมันอยู่ที่ไหน”“มันหายไปตั้งแต่สองวันก่อนแล้วครับเจ้านาย”“มันได้ไปเจอใครบ้างไหม กูกำลังคิดว่าเรื่องลอบฆ่าของพวกเราคราวก่อนมันนี่แหละจะเป็นคนปล่อยข่าว” ศรันพูดถึงเรื่องนี้แล้วก็ได้แต่โมโห ดีนะที่เขาวางแผนไว้ก่อนไม่อย่างนั้นเรื่องคงสาวมาถึงเขาแน่ว่าเป็นคนวางแผน“คนของเรารายงานว่ามันข้ามเข้าไปเขตของทิศบูรพาครับ”“บูรพางั้นเหรอ” พอได้ยินชื่อนี้เขาก็นึกถึงหน้าไอ้เด็กปากดีคนนั้นกับคู่หมั้นของมันที่รู้ความลับของภรรยา แถมวันงานมันยังเป็นคนเดียวในพวกหัวหน้าทิศที่ไม่ได้อยู่ในช่วงชุลมุน “หรือไอ้วีมันจะขายข่าวพวกเราให้ไอ้เด็กนั่น...แม่งเอ้ย!! แล้วบอกว่าซื่อสัตย์ต่อนารัน มึงมันก็โลภชอบหาผลประโยชน์เหมือนกันแหละว่ะ”“ให้ผมส่งคนไปตามเก็บมันดีไหมครับนายท่าน”“ดี!! แต่ถ้าจับเป็นได้ก็เอามาให้กูก่อนเดี๋ยวกูจะฆ่ามันด้วยมือของตัวเอง”“ครับ...คนของเราแจ้งว่าเตรียมรถสำหรับการเดินทางเรียบร้อยแล้วครับ”“งั้นก็ไปกันเถอะ”ท่าเรือทิศทักษิณรถยนต์สีดำไม่ต่ำกว่าสิบคันมุ่งตรงเข้ามาในทางลับ ศรันทำเรื่องการค้าอาวุธและยาแบบน
คฤหาสน์ตระกูลอัครสกูลวงศ์ (1 อาทิตย์ต่อมา)“กินข้าวหน่อยนะน้ำ อันนี้ของโปรดเราเลยนะ”นิ่มตักอาหารใส่ช้อนยื่นไปตรงหน้าหญิงสาวสติเลื่อนลอยมือของเธอกอดตุ๊กตาไว้ในอ้อมแขนแน่น สายตามองไปรอบๆ เหมือนกำลังหวาดกลัวอะไรบางอย่างอยู่“อาร่อยมัยยย”“อร่อยสิ ลองกินก่อนนะเด็กดี”“เด็กดี! เด็กดี! น้ำเป็งเด็กดีจากิน”น่านน้ำอ้าปากงับเข้าที่ช้อนอย่างแรงจนเกิดเสียง นิ่มมองคนตรงหน้าตัวเองอย่างเวทนาอีกครั้ง เธอก็ไม่ได้อยากทำร้ายน่านน้ำหรอกนะแต่มันคงจะเป็นผลกรรมของแม่ที่ส่งมาถึงลูก ไม่ต่างจากตอนที่แม่ของนิ่มทำผิดต่อเพียงพรแล้วผลกรรมมาตกไปหาลูกสาว“คุณหนูคะคือมีผู้ชายมาขอเข้าพบค่ะ เขาบอกว่าชื่อวี”“วีงั้นเหรอ...เธอเชิญเขาไปนั่งรอฉันอยู่ที่ห้องรับแขก เสร็จแล้วก็มาป้อนข้าวน่านน้ำแทนฉันหน่อย”“ค่ะคุณหนู”ตั้งแต่ที่เธอย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่อย่างเป็นทางการ พายุก็เป็นคนรับใช้หรือแม้กระทั่งคนสวนชุดเก่าออกทั้งหมดแล้วเปลี่ยนเป็นคนของตัวเองแทนเธอเลยไม่ต้องกังวลเรื่องใครมาลอบฆ่าอีก ส่วนพ่อกับแม่ของน่านน้ำก็ถูกขับออกจากทิศบูรพากลายเป็นเหมือนคนไร้บ้าน ไม่ต่างจากคนจรจัดตอนนี้ทั้งคู่อาจจะกำลังนั่งขอทานอยู่ที่ไหนสักที่ก็ได้
ตระกูลอนันท์พิบูรวงศ์ษา (3วันต่อมา) “อยู่ไหน นังนิ่มมันอยู่ไหน”“คุณเพียงพรอย่ามาโวยวายที่นี่ดีกว่านะครับ บอสของพวกผมคงจะไม่ชอบเท่าไหร่” “ออกไปอย่ายุ่งหมาคอยเฝ้าบ้านแบบพวกแกมีสิทธิ์อะไรมาขวางฉัน ไปลากอีนิ่มมาหาฉันเดี๋ยวนี้!!”เพียงพรไม่ใช่แค่ไม่ฟังคำเตือนของแม็ก แต่เธอยังออกอาการอาละวาดอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรนอกจากเรื่องทำให้ลูกสาวที่เสียสติของตัวเองกลับมาเป็นปกติเพราะแบบนั้นเลยกล้าบุกมาถึงที่ ที่ไม่ควรจะมาเพื่อถามอีเด็กเคยบ้าว่าทำยังไงถึงหายได้“โวยวายอะไรกัน!!”เสียงเจ้าของบ้านที่อยู่ตรงระเบียงชั้นสองยืนมองเหตุการณ์ความวุ่นวายด้านล่างด้วยสีหน้าเรียบเฉย“พายุ! หลานช่วยบอกให้นังนิ่มลงมาหาหน่อย”“นังนิ่มงั้นเหรอครับ...เพิ่งรู้นะครับว่าคุณอาไม่ให้เกียรติผู้หญิงของผมขนาดนี้ นั่นสินะ! ถ้าให้เกียรติคงไม่จ้างคนมาลอบฆ่าหรอก”พายุพูดพร้อมกับเดินลงมาจากชั้นบนด้วยท่าทางน่าเกรงขาม แต่คำพูดของเขากับทำให้เพียงพรชะงักเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้เรื่องที่ตัวเองทำ“พะ...พูดอะไรนะ”“งั้นคุณอาไปกับผมหน่อยดีไหมครับ จะได้รู้ว่าผมกำลังพูดถึงเรื่องอะไร” เขาก้าวขาลงจากบันไดขั้นสุดท้ายแล้วมาหยุ
“คุณยังจะทำแบบนั้นไปทำไมกันคะ...อ่อ จริงสินะฉันยังอยู่ในร่างนิ่ม คุณคงไม่อยากให้ฉันพาร่างนี้ไปมีอันตะ...อืออออ” นิ่มยังไม่ได้จบประโยคมือใหญ่ของพายุก็เอื้อมไปปิดปากเธอไว้ แม้ว่าเธอจะพยายามแกะมือของเขาออกแต่ก็ไม่ขยับเลยสักนิด “หยุดพูดได้ไหมก่อนที่เฮียจะคุมอารมณ์ไม่อยู่ เอาเป็นว่าต่อไปนี้ห้ามเข้ามายุ่งอีก ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าเฮียใจร้าย” พายุจ้องตาคู่สวยไม่หลบสายตา ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าหัวใจของตัวเองเป็นของเธอ “แล้วจะให้ฉันทำยังไง” “กลับไปเป็นหนูนิ่มคนเดิม...คนที่ฟื้นมาในร่างของคนอื่น เฮียต้องการนิ่มคนนี้ อาจจะฟังดูเห็นแก่ตัวและน่ารังเกียจแต่เฮียไม่อยากให้นิ่มคนนั้นกลับมาอีก” “ทำไมคะ” “เพราะเฮียไม่อยากให้นิ่มคนตรงหน้าหายไป...เฮียนะหลงรักนิ่มคนนี้ไปจนหมดหัวใจแล้ว” นิ่มใจเต้นแรงเพียงแค่ได้ยินคำบอกของอีกฝ่าย เขาไม่ได้โกหกเธอใช่ไหม “คุณ...” “ชู่ว~ เรียกเฮียสิครับ ทำไมต้องหมางเมินเฮียขนาดนั้นหนูไม่รักเฮียบ้างเหรอ” “อย่ามาล้อเล่นนะคะ เฮียชอบนิ่มต่างหาก...แต่ฉันไม่ใช่นิ่มและไม่มีทางเป็นเธอได้ ถ้าเฮียจะให้ฉันเป็นตัว...” “เฮียไม่เคยเห็นนิ่มคนตรงหน้าเป็นตัวแทนใครเพราะคนที่เฮียรักคือ