"สวัสดีครับ"
"ไม่สะดวกค่ะ" ลัลนาสวนกลับทันทีเมื่อมีคนเดินเข้ามาทัก นี่น่าจะเป็นคนที่สามแล้วตั้งแต่เธอมานั่งตรงนี้ ดาราสาวไม่ได้หันไปมอง แต่รู้สึกได้ว่าผู้ชายร่างสูงที่เดินมาทักเดินห่างออกไปแล้ว
ลัลนาลอบถอนหายใจยาวกับสถานการณ์แบบนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนหากเธออยากดื่มคนเดียวก็มักจะหาซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปที่คอนโด แต่นี่หลังจากที่ย้ายมาอยู่เพนท์เฮ้าส์ เธอจึงถือโอกาสรีโนเวทห้อง ทำให้วันนี้ที่นึกกรึ่มๆ อยากดื่ม ต้องอาศัยมาดื่มข้างนอกแทน
เพนท์เฮ้าส์ที่เธออยู่ยังไงก็เป็นของรพีภัทร หากเธอจะไปนั่งดื่มเป็นเมรีขี้เมาก็คงจะน่าเกลียดเกินไป
คนตัวเล็กเคลื่อนแว่นตาที่คาดอยู่บนศีรษะลงมาสวม เมื่อเห็นว่ามีหลายคนมองมาทางเธออย่างสนใจ ผับแห่งนี้ถือว่าเป็นสถานที่ที่คัดคนพอสมควร มักจะเป็นไฮโซ หรือคนมีชื่อเสียงเข้ามาใช้บริการอยู่บ่อยๆ แต่กับเธอที่มักจะมีข่าวเรื่องแย่งผัวชาวบ้านบ้าง เป็นเด็กเสี่ยบ้าง ก็ไม่แปลกที่มักจะมีคนอยากเข้ามาลองของ
ชีวิตเธอจะมีใครรักเธอจริงๆ บ้างนะ..
ลัลนาเรียกบาร์เทนเดอร์พลางเอ่ยสั่งเครื่องดื่มมาอีกแก้ว รู้ว่าวันนี้ตนเองดื่มเยอะเป็นพิเศษ ปกติเธอมักจะดื่มเบียร์เย็นๆ ไม่เกินสองกระป๋องแล้วหลับไป แต่วันนี้รู้ตัวดีว่าตนเองไม่ค่อยปกติ....
วันนี้เธอมีนัดกับนักสืบที่ว่าจ้างให้สืบหาคนคนหนึ่งให้ คนที่หายออกจากชีวิตเธอไปนานหลายปี คนที่เธอมักจะหลอกตัวเองอยู่เสมอว่าเขาคงมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ทิ้งเธอไป
คนนั้นก็คือแม่ของเธอเอง...
แม้ความเป็นจริงจะพยายามทำใจไว้อยู่แล้ว ว่าเรื่องราวมันอาจจะเลวร้ายกว่านั้น แต่...ไม่คิดว่าสิ่งที่รับรู้จะทำให้ปวดใจได้ขนาดนี้
เธอพยายามทุกอย่างให้ตัวเองได้อยู่ในวงการบันเทิง พยายามหาเงินให้เยอะๆ เผื่อวันไหนแม่กลับมาจะได้ไม่ลำบาก เธอยอมอยู่ในวงการยอมอยู่ในแสง เพื่อให้คนข้างนอกมองมาเห็น อย่างน้อยก็เป็นหนทางที่จะให้มารดาได้เห็นว่าเธออยู่ตรงนี้
เผื่อสักวันแม่จะกลับมา....
แต่ความเป็นจริงแล้วมันเป็นเพียงฝันลมๆ แล้งๆ ของตัวเอง คนที่เธอเฝ้ารอมาโดยตลอดตอนนี้มีชีวิตใหม่ไปแล้ว มีทั้งชีวิตที่ดี ชีวิตที่ไม่ต้องยากจนเหมือนเมื่อก่อน ชีวิตที่มีสามีที่ดี และที่สำคัญมีลูกสาวคนใหม่...
เธอโดนทิ้งอย่างแท้จริงแล้ว...
ลัลนากำลังจะยกแก้วในมือขึ้นดื่ม แต่ต้องร้องอุทานขึ้นอย่างตกใจ เมื่ออยู่ๆ แก้วในมือถูกฉุดไป ดาราสาวหันมองคนมาใหม่ตาขวางทันที ก่อนดวงตาจะเบิกกว้างเป็นตกใจ เมื่อเห็นคนที่ไม่คิดว่าจะอยู่ที่นี่
"คุณพีร์?"
"..."
"มาได้ไงคะ" ตอนเล่นละครแล้วเจอบทบาทนี้ เธอยังคิดอยู่เลยว่าเป็นคำถามโง่เง่ามาก เขาจะมาได้ไงล่ะ ก็ต้องขับรถมาสิ! แต่พอมาเจอกับตัว พร้อมกับสายตาที่จ้องเขม็งมา ก็เข้าใจได้ทันที ว่าอาการที่ตกใจจนคิดอะไรไม่ออกมันเป็นยังไง
ว่าแต่..จะตกใจทำไม ในเมื่อเธอก็บรรลุนิติภาวะแล้ว การที่นั่งดื่มแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดี
"กลับได้แล้ว"
"คุณกลับไปก่อนได้เลยค่ะ เดี๋ยวอีกสักพักฉันจะกลับ" เธอหันใบหน้าหนีเขา มองไปยังหน้าเวทีแทน ไม่สนใจคนที่ยืนกดดันอยู่ข้างๆ
"คุณดื่มเยอะแล้ว" เขาที่ลอบสังเกตมาสักพักเอ่ยเตือน
"ฉันยังไม่เมา"
"หมดแก้วนี้เมาแน่" ลัลนาชำเลืองมอง Long Island ในมือเขา ก่อนที่คนตัวสูงจะกระดกดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว
"คุณพีร์!" เรื่องอะไรมากินของคนอื่น!
"กลับได้แล้ว" รพีภัทรบอกเธอสั้นๆ ก่อนจะพยักหน้าเรียกบริกรหนุ่มที่เมียงมองอยู่ก่อนแล้วเข้ามาหา ยื่นบัตรสีดำเงาให้เด็กหนุ่มจัดการอย่างรู้หน้าที่
"คุณจะมาบังคับคนอื่นทำไม คุณมาดื่มฉันยังไม่เห็นกวนเลย" รพีภัทรถอนหายใจยาวอย่างหงุดหงิด ก็ไอ้ที่เขาต้องมานี่ก็เพราะเรื่องเธอทั้งนั้นแหละ!
"ผมดื่มแต่รู้ตัว รู้ลิมิตตัวเอง ส่วนคุณไม่ใช่"
"ไม่ใช่อะไร ฉันไม่ได้เมา!" ลัลนาเขยิบตัวลุกออกจากเก้าอี้ทรงสูง ก่อนจะเสียหลักประชิดตัวคุณหมอหนุ่มที่ยืนกันไว้อยู่แล้ว
คิดไว้มีผิดที่ไหน ถ้าลุกต้องเซเนี่ย!
"ยังไง สรุปเมาไหม?"
"แค่เสียหลักเฉยๆ" คนตัวเล็กผละตัวออกจากร่างสูง ยืนกอดอกพิงเคาน์เตอร์แทน ไม่ยอมรับว่าตนเองเมา ถึงแม้จะรู้สึกกรึ่มๆ เล็กน้อย
"ผมไปส่ง" รพีภัทรเมื่อรับบัตรคืนจากบริกรหนุ่มเรียบร้อย ก็หันมาบอกเธอ ส่วนคนตัวเล็กรีบส่ายหน้าปฏิเสธ
"ฉันจะกลับเอง"
"รถก็ไม่ได้เอามาไม่ใช่รึไง?" รพีภัทรจำได้ว่ายังเห็นรถเธอจอดอยู่ที่ลานจอด นี่คงจะกะเมาเต็มที่แล้วเรียกรถกลับ
ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังเลย น่าตีชะมัด!
"..."
"นาวอย่าดื้อ อยู่ที่นี่คนเยอะแยะ แล้วตอนนี้เราก็เริ่มเป็นจุดสนใจแล้วด้วย" ลัลนาแอบชำเลืองตาสำรวจมองรอบๆ เป็นอย่างที่เขาว่า เริ่มมีคนหยุดมองเธอกับรพีภัทรแล้วจริงๆ
เมื่อเห็นว่ากำลังจะนำความเดือดร้อนมาให้คนอื่น ร่างบางจึงหยิบกระเป๋าออกเดินนำทันที ในขณะที่คนตัวสูงเดินมาประชิดด้านหลัง
"ขอโทษครับ"
"ไม่เป็น.../ระวังหน่อย" ลัลนากำลังจะตอบคนที่เดินถอยหลังมาชนเธอว่าไม่เป็นไร เพราะความจริงแล้วยังไม่ถึงกับโดนตัวเธอ คนที่ยืนประชิดเธอจากด้านหลังเอามือกันไว้อยู่ แต่ก็ไม่ทันเสียงดุๆ ของคุณหมอหนุ่มที่เอ่ยเตือนไปก่อน
ความจริงลัลนาคิดว่าเขาจะตำหนิเธอที่เดินไม่ระวัง แต่เมื่อเห็นสายตาดุๆ จ้องมองไปยังคนที่มาชนเธอก็รู้ได้ทันที ว่าคนที่เขาต่อว่าคือคนอื่น
ผู้ชายคนนั้นผงกหัวขอโทษอีกหน ก่อนจะเดินหายไปกับฝูงคนที่เบียดเสียดกันแน่นกลางฟลอร์
"เขยิบมานี่" เขาบอกเธอเสียงเรียบ ออกแรงดึงคนตัวเล็กมายืนข้างกันแทน ก่อนจะยกแขนโอบไหล่เธอไว้หลวมๆ แต่กลับทำให้คนที่เพิ่งหัวใจแห้งเหี่ยวบอบช้ำ กลับมาเต้นแรงอีกครั้งอย่างไม่มีเหตุผล ปลายนิ้วสั่นไหวที่สัมผัสโดนหัวไหล่มนในชุดเปิดไหล่ยิ่งทำให้เธอราวกับตกอยู่ในห้วงอารมณ์ฝัน เสียงเพลงที่ดังกึกก้องไม่อาจดังเท่าเสียงหัวใจที่สั่นไหวอยู่ภายใน
ไม่หรอก...เธออาจแค่กำลังอ่อนแอ ไม่ได้คิดอะไรกับเขาเลยสักนิด!
แล้วถ้าคิดล่ะ!...จะรู้ได้ไงว่าคิด? หรือว่าเธอจะลองพิสูจน์ดี
ลัลนาที่กำลังอ่านบทอยู่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อคุณหมอหนุ่มที่ก่อนหน้าเธอเห็นเขาวุ่นวายอยู่ในครัว ย้ายตัวมาโอบกอดเธอด้านหลัง ก่อนที่เจ้าตัวจะแทรกกายลงมานั่งซ้อนหลังเธอ ใบหน้าคลอเคลียอยู่ตรงซอกคอเธอ"อะไรคะคุณพีร์""ข้าวเสร็จแล้ว""นาวขออีกแป๊บได้ไหมคะ เหลืออีกตอนเดียว" ลัลนาก้มหน้าอ่านบทต่อในมือถือปากกาขีดเขียนลงในหน้าจอไอแพดเมื่อวิเคราะห์อารมณ์ตัวละครในบทนั้น"หืม...แล้วทำไมต้องไปง้อมัน""คะ?" ลัลนาที่กำลังใช้สมาธิอยู่เอียงคอมองคนตัวสูงที่กำลังเพ่งมองหน้าจอไอแพดเธออยู่"ไอ้นี่อะ" เขาชี้ไปยังที่เธอวงกลมไว้ "ทำไมต้องไปง้อมัน" ก่อนจะถามย้ำประโยคเดิมอีกครั้ง"ก็...คนนี้ฤดีรักพระเอกนี่คะ พอรู้ว่าพระเอกจะไปรักคนอื่นก็เลยง้อ" เธอกล่าวถึงบทฤดี นางร้ายละครเรื่องต่อไปที่เธอต้องรับบทเล่น"ก็ปล่อยมันไปสิ! ทำไมต้องไปรักมัน" ลัลนาปรายตามองคนตัวสูงที่ขมวดคิ้วจริงจัง"คุณพีร์ นาวจะอ่านบท อย่ากวนค่ะ" เธอดุคนรักเสียงเข้ม รพีภัทรจึงก้มใบหน้าหอมแก้มเธอ ไม่พูดอะไร แต่ก็ไม่ลุกออกไปไหน เธอจึงอ่านตอนที่เหลือต่อ ลัลนาขีดเส้นใต้ เขียนอารมณ์ความรู้สึกของบทตัวเองไปเรื่อย ก่อนจะสะดุ้งตกใจอีกหน เมื่อคนที่นั่งซ้อนหลังโว
"เราจะกินข้าวก่อนหรือเดินซื้อของก่อนดีคะ" ลัลนาเอ่ยถามคนรักหลังจากที่เดินเข้ามาในห้าง วันนี้พวกเธอมีแพลนซื้อของขวัญให้คุณแม่ซึ่งอาทิตย์นี้จะจัดงานเลี้ยงวันเกิด "ผมว่าซื้อก่อนก็ได้" คนตัวสูงจับมือคนตัวเล็ก เดินไปยังโซนช็อปแบรนด์เนม"อ้าว ไหนว่าคุณแม่ไม่เอาของแบรนด์ไงคะ" ลัลนาท้วงอย่างประหลาดใจ จำได้ว่าเขาบอกว่าหลายปีมานี้ คุณแม่สั่งห้ามเด็ดขาด ว่างดรับของแบรนด์เนมทุกชนิด เธอคิดว่าคุณแม่สามีคงจะมีเยอะ ซื้อเองจนครบหมดแล้ว เลยไม่อยากให้ใครมาซื้อให้อีก"ก็...ลองเดินดูก่อน" เขาตอบเธอเสียงเบา ลัลนามองท่าทางเลิ่กลั่กแปลกๆ ของสามีหนุ่ม ถึงอย่างนั้นก็ไม่ท้วงอะไร เดินตามแรงจูงไป เมื่อเดินเข้าไปในช็อปดัง BA คนเดิมที่เคยมารับรองเธอกับคุณหญิงรจณีก็เดินออกมาต้อนรับ คล้ายเตรียมตัวไว้อยู่แล้ว ลัลนาเดินตามแรงจูงอย่างงงๆ เมื่อเขาลากเธอไปยังห้องด้านใน"อะไรกันคะคุณพีร์?""พอดีผมอยากให้นาวช่วยเลือกกระเป๋าให้ก่อน" ลัลนามองพนักงานคนเดิมที่ถือกระเป๋ามา ก่อนจะหันมองเขาอย่างมึนงง"เลือกกระเป๋าเหรอคะ""ใช่ช่วยเลือกให้หน่อย ผมเลือกไม่ค่อยเก่ง" ลัลนาคิดว่าเขาอาจจะต้องซื้อให้เพื่อน หรือคนสำคัญระดับหนึ่งถึงต้องมา
"หมอที่นี่มันยังไงวะ หยุดงานทีไร อารมณ์ดีทุกที" รพีภัทรเงยหน้ามองเพื่อนสนิทตนเองทั้งสองคนที่เดินตามกันเข้ามาสีหน้าเบื่อหน่าย ก่อนจะก้มหน้าไถหน้าจอสมาร์ทโฟนต่อไม่สนใจ"กูว่าน่าจะมีคนดีใจที่ได้เสียเงินห้าแสน" อวัศย์เอ่ยเสริมทัพอย่างอารมณ์ดีที่ชนะพนันไอ้เพื่อนตัวดีได้ ตั้งใจมาเยาะเย้ยโดยเฉพาะ"ไงมึงไอ้พีร์ หน้าบานอะไรขนาดนั้น" ธารณ์เดินอ้อมไปด้านหลังเพื่อนที่นั่งอยู่ ก้มหน้าดูหน้าจอโทรศัพท์ที่เพื่อนดูค้างไว้ "โหไอ้พีร์ มึงน่าจะหนักกว่าไอ้หมอก นั่งดูรูปไปยิ้มไปเนี่ยนะ!""เห้ย! อะไรของพวกมึงเนี่ย" รพีภัทรเบี่ยงหน้าจอหนีเพื่อนสนิททั้งสองคนที่พร้อมใจกันกรูเข้ามาดูโทรศัพท์ตนเอง"ไหนๆ ดูอะไร" อวัศย์พยายามชะโงกหน้าดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น"พอๆ ไปไกลๆ ตีนกูเลยพวกมึง""หึ! ไม่ต้องปิดหรอก กูเห็นหมดแล้ว มึงนั่งดูรูปคุณนาวในไอจีอย่างกับโรคจิต" ธารณ์พูดขึ้นอย่างหมั่นไส้ เมื่อรู้ว่าที่เพื่อนตัวเองยิ้มหน้าบานอย่างกับคนบ้าเพราะนั่งหลงรูปเมียตัวเองอยู่"โรคจิตอะไร นี่เมียกู""เต็มปากเต็มคำเชียวนะมึง" ไทม์ยังไม่วายเหน็บแนมเพื่อน"อ๋ออ...กูว่าแล้ว ที่สมัครไอจีเนี่ยเพราะเมียเลย" อวัศย์พูดขึ้นบ้าง ความจริงเ
รพีภัทรนั่งมองคนตัวเล็กที่นอนขุดคู้อยู่บนเตียง ลมหายใจผ่อนเป็นจังหวะสม่ำเสมอ คนตัวสูงเอื้อมมือสัมผัสแก้มนิ่มของคนที่นอนนิ่งอยู่ ก่อนจะก้มใบหน้าจูบซับน้ำตาที่ซึมออกมา คาดว่าเธอน่าจะฝันร้ายอยู่ใบหน้าหวานเริ่มคลายปมที่คิ้วเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอ่อนโยนที่ได้รับ ก่อนริมฝีปากจะแย้มยิ้มนิดๆ เมื่อฝันร้ายจางหายไปร่างสูงเอนตัวพิงหัวเตียงกึ่งนั่งกึ่งนอน มือหนาเอื้อมมือลูบศีรษะคนตัวเล็ก ย้อนคิดถึงสิ่งที่เธอเล่าให้ฟัง หลังจากที่เขารู้เรื่องจากอชิระก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าเธอมีปัญหาในครอบครัว แต่ไม่คิดว่ามันจะขนาดนี้ ฟังจากที่เธอเล่า หลังจากนั้นเธอและแม่พากันออกมาอยู่ข้างนอก เท่ากับแม่คงจะเป็นทั้งชีวิตของเธอ แต่...ก็ยังมาโดนทิ้งไปไหนจะเรื่องวันนั้นที่ไอ้เพื่อนทั้งสองคนเล่าให้ฟัง ว่าเห็นอาการแปลกๆ ของเธอวันที่น้ำตาลจมน้ำ ตอนนั้นเขาห่วงพี่สะใภ้เพราะรู้ว่าว่ายน้ำไม่เป็น ส่วนภรรยาตนเองว่ายน้ำเก่งอยู่แล้ว ไม่คิดว่าร่างกายเธอจะไหวแต่จิตใจอ่อนแอ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิดในใจ วันที่เธอต้องการใครสักคนที่สุด แต่ตัวเขากลับไม่อยู่ข้างๆ "คุณพีร์.." รพีภัทรก้มใบหน้ามองคนตัวเล็กที่งัวเงียสะดุ้งตื่น "ขอโทษ ผมทำนาวตื่นเล
"หมอพีร์คุณไม่ต้องไปทำงานเหรอ?" ลัลนาเอ่ยถามร่างสูงที่วางจานผลไม้ลงข้างเธอ ก่อนที่เจ้าตัวจะนั่งลงบ้าง ระยะห่างเริ่มขยับมาใกล้ขึ้นจากวันแรกที่เขามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์แล้วที่เขาเกาะติดเธอแจ ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นมานั่งเฝ้าตลอด แต่หากเธออยู่ที่บ้าน เขาก็จะเรียกช่างมาคุย ส่วนตัวเองปรับปรุงนู่นนี่นั่นไปเรื่อย ซ่อมก๊อกน้ำ ยันรั้วบ้าน แต่ถ้าหากเห็นเธอตั้งท่าออกจากบ้านเมื่อไหร่คนตัวสูงก็จะละทิ้งทุกอย่างในมือ มาสแตนด์บายรอหน้าบ้านอย่างหน้ามึน เธอไม่ให้ไปก็จะตามไป บอกว่าขอเดินตามห่างๆ ก็ยังดีก็เป็นซะอย่างนี้!"ผมพักร้อนไง""พักได้ขนาดนี้เลยเหรอคะ" ลัลนาหรี่ตามองคล้ายไม่เชื่อ ใช่อยู่ตามกฎหมายเขาก็มีสิทธิ์นั่นแหละ แต่เนื่องด้วยบุคลากรทางการแพทย์เป็นที่ขาดแคลนอยู่ตอนนี้ เขาไม่น่าจะมีเวลาว่าง หรือโรงพยาบาลจะยอมให้เขาลาได้ขนาดนี้ยกเว้นแต่ว่า..."ไปใช้อำนาจมืดมาอีกแล้วสิท่า" ลัลนาหรี่ตามองจับผิด ในขณะที่คนตัวสูงหน้ามึนตอบอย่างไม่สนใจ"ไม่ใช่อำนาจผมซะหน่อย อำนาจไอ้หมอกมัน"ต่างกันตรงไหน ใช่อยู่หมอหมอกเป็นถึงลูกชายเจ้าของโรงพยาบาล แต่การที่ตัวเขาได้อภิสิทธิ์ขนาดนี้ น่าจะบังคับข
ลัลนาที่เพิ่งก้าวลงบันไดมาเห็นคนตัวสูงยืนยิ้มแฉ่งรออยู่ด้านล่าง โดยมีอาหารเช้าวางอยู่บนโต๊ะอาหาร คุณหมอหนุ่มรีบวางจานในมือลงบนโต๊ะ ถอดผ้ากันเปื้อน ก่อนจะสาวเท้าเดินมาหาคนตัวเล็กที่ยืนมองอยู่"กินข้าวเลยไหมนาว""ป้าใจกับจ้อยละคะ" ลัลนาไม่สนใจที่เขาเอ่ยชวน ถามหาคนดูแลบ้านและหลานชายที่ปกติจะมาหาเธอทุกเช้า"วันนี้วันพระป้าใจเลยไปวัดเช้าหน่อย กินข้าวเช้าก่อนสิเดี๋ยวผมพาตามไปที่วัดก็ได้""ไม่เป็นไรค่ะ" ลัลนาไม่สนใจของที่ถูกตระเตรียมไว้ เขาน่าจะลงมาตั้งแต่เช้ามืด เพราะเวลานี้ยังเช้ามากอยู่เลย แต่อาหารบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว"คุณกินข้าวก่อนเถอะ ถ้าไม่กินข้าวเช้าเดี๋ยวปวดหัวนะ" ลัลนาแสร้งไม่สนใจคนที่เอ่ยเรียก ถึงแม้จะใจเต้นไม่น้อยที่เขาจำเรื่องของเธอได้ว่าต้องกินข้าวเช้า ไม่อย่างนั้นจะเวียนหัว"...""นาว" คุณหมอหนุ่มทำได้เพียงเรียกคนตัวเล็กที่เดินผ่านเลยไปอย่างไม่สนใจ ทั้งอาหารและคนทำ "จะไปไหนครับ" ลัลนาปรายตามองมือร้อนที่จับแขนรั้งเธอไว้ เมื่อเห็นแบบนั้นคนตัวสูงจึงรีบปล่อยมือ ยกมือสองข้างคล้ายยอมแพ้ "ผมแค่อยากรู้ว่าคุณไปไหน" เขาบอกเธอเสียงอ่อย"ไม่เกี่ยวกับคุณค่ะ ถ้ายังอยากอยู่ที่นี่ก็อย่าล้ำเส้