"มะนาว"
"อ้าว อชิ ยังไม่ถึงคิวไม่ใช่เหรอ"ลัลนาถามขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อพระเอกของเรื่องเดินเข้ามาทักทาย อชิระเรียกได้ว่าสนิทกับเธอระดับหนึ่ง เป็นเพราะเรียนการแสดงมาด้วยกัน ตอนนั้นเธอเข้าวงการเป็นนางเอกก่อน ในขณะที่อชิระเป็นนักแสดงหน้าใหม่ที่เริ่มมีคนจับตามอง ถึงแม้พวกเธอจะไม่ได้สนิทกันถึงขั้นรับรู้และอัปเดตกันทุกเรื่อง แต่ทุกครั้งที่มาเจอกัน ก็มักมีเรื่องสนุกๆ มาคุยกันเสมอ
"มารอก่อนดีกว่า ตื่นเต้น" อชิระลูบมือตนเองไปมาอย่างประหม่า นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะต้องขี่ม้าทำการแสดง ถึงแม้จะซ้อมมาหลายรอบแล้วแต่ก็อดตื่นเต้นไม่ได้อยู่ดี
"อชิทำได้อยู่แล้ว สบายมาก"
"เราไม่ได้เหมือนมะนาวนี่ เก่งทุกอย่าง ขี่ม้าก็เป็น" เธอเคยรับบทแสดงที่จะต้องขี่ม้าเหมือนกันเมื่อหลายปีก่อน ทีแรกก็กลัวแบบอชินั่นแหละ แต่พอได้ลองครั้งแรกก็ติดใจ หลังจากนั้นหากมีเวลาว่างดาราสาวก็มักจะหาเวลาไปขี่ม้าอยู่บ่อยๆ
"ไม่เห็นเกี่ยวเลย แค่ทำความคุ้นเคยกับเขาก็ไม่มีอะไรน่ากลัวแล้ว"
"โห...พูดง่ายนี่มะนาว" ลัลนาหัวเราะเสียงใสเมื่อเห็นท่าทีโอดโอยของพระเอกหนุ่ม
"ให้นาวช่วยไหมล่ะ"
"หืมยังไง?"
"เดี๋ยวนาวสอนวิธีทำให้ม้าไม่กลัวเรา อชิจะได้มั่นใจขึ้นไง" ลัลนาพอจะแนะนำเบื้องต้นได้ เข้าใจว่าเคยอยู่ในจุดที่หวาดกลัวอย่างอชิระมาก่อน ม้าก็ใช่ว่าจะตัวเล็กๆ
"ไม่เป็นไรแน่เหรอมะนาว"
"หมายถึงอะไร?" ลัลนามุ่นคิ้วแปลกใจ ไม่เข้าใจที่พระเอกหนุ่มถาม
"เอ่อ...ก็คุณหมอเขาจะมีปัญหารึเปล่า เห็นนั่งหน้าบึ้งมองมาทางนี้ตลอดเลย"
ลัลนาหันมองไปทางคนที่บอกจะขอมานั่งรอ เห็นเขามองมาทางนี้ใบหน้าเรียบตึงอย่างที่อชิระว่าไม่มีผิด เธอคิดว่าเขาคงจะหงุดหงิดที่ก่อนหน้านี้บรรดาพี่ๆ ช่างแต่งหน้า ช่างทำผม เข้าไปวุ่นวายไม่หยุด แต่ก็แปลก ก่อนที่เธอจะโดนเรียกมาซ้อมบทยังเห็นเขายิ้มรับไม่ว่าอะไร ทำไมอยู่ๆ ดูหงุดหงิดขนาดนั้น
หรือว่าจะเบื่อ? แต่ก็ช่วยไม่ได้เธอบอกเขาแล้วว่าให้กลับไปรอที่ห้องก็ไม่ยอม
"ไม่มีอะไรหรอกไปกันเถอะ เดี๋ยวนาวต้องเข้าฉากแล้ว" ลัลนาหันหน้ากลับอย่างไม่สนใจ ชวนพระเอกหนุ่มเดินเข้าไปหาคนที่ดูแลม้าอยู่ เมื่อลัลนาบอกว่าอยากจะขอให้อชิระทำความคุ้นชินก่อนจะถ่ายทำจริง เจ้าหน้าที่ก็เข้าใจ เปิดโอกาสให้ทั้งสองคนเข้าไปในคอก ก่อนที่คนตัวเล็กจะค่อยๆ บอกทริคให้อชิระแสดงความมั่นใจ ห้ามทำท่าหวาดกลัวเด็ดขาด และห้ามทำท่าทางลังเลเป็นกังวล เพราะม้าจับความรู้สึกเราได้ และจะยิ่งหวาดระแวง
ทุกอย่างกำลังจะผ่านไปด้วยดีจนกระทั่งการมาเยือนของนางเอกสาว เสียงเล็กๆ ของมนิสราที่เดินเข้ามาใกล้ ทำให้ลัลนาเริ่มสอดสายตามองไปทางอชิระที่กำลังทำความคุ้นชินอยู่ ลัลนาเดินเข้าไปใกล้ ตั้งใจจะบอกให้พอก่อน เพราะได้ยินเหมือนคนเดินเข้ามาใกล้มากขึ้น
เจ้าหน้าที่ก็เห็นสถานการณ์เดียวกันจึงเข้ามาประชิดตัวม้า ตั้งใจจูงไปหลบมุมด้านหลัง แต่อยู่ๆ เสียงกรี๊ดจากคนกลุ่มใหญ่ที่กำลังเดินเข้ามา บวกกับเสียงตะโกนโหวกเหวก ทำให้ม้าตัวใหญ่ที่กำลังเดินตามแรงจูงเกิดอาการตกใจ สะบัดตัวเพื่อต้องการหลุดออกจากการควบคุมของผู้ดูแล
"อชิห้ามอยู่หลังม้า!" อชิระที่กำลังตกใจเดินถอยหลังกลับ กลายเป็นเดินเข้าไปด้านหลังของม้าที่กำลังตกใจ ลัลนารีบฉุดแขนพระเอกหนุ่ม ทำให้รอดจากขาหลังที่กำลังดีดของม้าด้านหลัง แต่ถึงอย่างนั้นกลับกลายเป็นโดนคอกม้าแทน ส่งผลให้ระแนงไม้ที่กั้นอยู่พังลงมา ลัลนาถอยหลังด้วยความตกใจ ก่อนจะสะดุดไม้ขนาดใหญ่ทำให้หงายหลังล้มลงกับพื้น
"โอ๊ยยย!"
"มะนาว!" ลัลนารับรู้ได้ถึงหลายเสียงที่ตะโกนเรียกชื่อเธอ ในขณะที่เจ้าตัวยกมือที่รู้สึกชาๆ ขึ้นมาสำรวจดู ก่อนจะนิ่วหน้าด้วยความเจ็บเมื่อเห็นแขนตนเองมีแผลลากยาว เลือดไหลออกมาน่ากลัว
"นาว!" เสียงเข้มที่คุ้นเคยเข้ามาประชิดตัวอย่างรวดเร็ว ลัลนาเงยหน้าสบตาสามีตนเองที่กำลังมองเธอหน้าเครียด
"คุณพีร์"
"ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมพาไปทำแผล" เขาบอกเสียงเรียบ น้ำเสียงดูไม่ตื่นเต้นแต่ก็เจือไปด้วยความห่วงใย "เจ็บมากไหม"
"มะนาว เป็นไรไหม" อชิระรีบสาวเท้าเข้ามาใกล้ เอื้อมมือจับแขนที่มีเลือดไหลอยู่ ก่อนจะตกใจกับแรงสะบัดของคุณหมอหนุ่ม
"อย่าจับเดี๋ยวแผลติดเชื้อ" เขาพูดเสียงเข้ม ก่อนจะหันกลับมามองคนเจ็บ ตัดสินใจอุ้มคนตัวเล็กแนบอก ลัลนาหัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุออกจากอก เมื่อเขาอุ้มเธอร่างกายแนบชิด
"คุณพีร์ฉันเดินเองได้" เธอรีบกระซิบบอกเขาเสียงเบา เมื่อได้ยินเสียงหวีดร้องและเสียงพูดคุยดังไปทั่วบริเวณ
"อยู่เฉยๆ" เขาดุเธอเสียงเข้ม ไม่วายกล่าวโทษเธอต่อ "อันตรายแบบนั้น ไปอยู่ใกล้ม้าได้ยังไง!"
ก็ไม่ได้อันตรายขนาดนั้นสักหน่อย ใครใช้ให้มีคนกรี๊ดล่ะ! ลัลนาได้แต่คิดในใจแต่ไม่กล้าพูดออกไป
เมื่อทำอะไรไม่ได้ คนตัวเล็กจึงเบี่ยงใบหน้าซุกหน้าอกกว้าง หลบหลีกจากสายตาหลายๆ คนที่มองมา แต่ถึงอย่างนั้นสายตาเดียวที่เธอไม่คิดจะหลบและจ้องกลับอย่างไม่เกรงกลัว คือเจ้าของเสียงกรี๊ดดังสนั่นจนทำให้ม้าตกใจนั่นแหละ
มนิสรา!
ลัลนาที่กำลังอ่านบทอยู่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อคุณหมอหนุ่มที่ก่อนหน้าเธอเห็นเขาวุ่นวายอยู่ในครัว ย้ายตัวมาโอบกอดเธอด้านหลัง ก่อนที่เจ้าตัวจะแทรกกายลงมานั่งซ้อนหลังเธอ ใบหน้าคลอเคลียอยู่ตรงซอกคอเธอ"อะไรคะคุณพีร์""ข้าวเสร็จแล้ว""นาวขออีกแป๊บได้ไหมคะ เหลืออีกตอนเดียว" ลัลนาก้มหน้าอ่านบทต่อในมือถือปากกาขีดเขียนลงในหน้าจอไอแพดเมื่อวิเคราะห์อารมณ์ตัวละครในบทนั้น"หืม...แล้วทำไมต้องไปง้อมัน""คะ?" ลัลนาที่กำลังใช้สมาธิอยู่เอียงคอมองคนตัวสูงที่กำลังเพ่งมองหน้าจอไอแพดเธออยู่"ไอ้นี่อะ" เขาชี้ไปยังที่เธอวงกลมไว้ "ทำไมต้องไปง้อมัน" ก่อนจะถามย้ำประโยคเดิมอีกครั้ง"ก็...คนนี้ฤดีรักพระเอกนี่คะ พอรู้ว่าพระเอกจะไปรักคนอื่นก็เลยง้อ" เธอกล่าวถึงบทฤดี นางร้ายละครเรื่องต่อไปที่เธอต้องรับบทเล่น"ก็ปล่อยมันไปสิ! ทำไมต้องไปรักมัน" ลัลนาปรายตามองคนตัวสูงที่ขมวดคิ้วจริงจัง"คุณพีร์ นาวจะอ่านบท อย่ากวนค่ะ" เธอดุคนรักเสียงเข้ม รพีภัทรจึงก้มใบหน้าหอมแก้มเธอ ไม่พูดอะไร แต่ก็ไม่ลุกออกไปไหน เธอจึงอ่านตอนที่เหลือต่อ ลัลนาขีดเส้นใต้ เขียนอารมณ์ความรู้สึกของบทตัวเองไปเรื่อย ก่อนจะสะดุ้งตกใจอีกหน เมื่อคนที่นั่งซ้อนหลังโว
"เราจะกินข้าวก่อนหรือเดินซื้อของก่อนดีคะ" ลัลนาเอ่ยถามคนรักหลังจากที่เดินเข้ามาในห้าง วันนี้พวกเธอมีแพลนซื้อของขวัญให้คุณแม่ซึ่งอาทิตย์นี้จะจัดงานเลี้ยงวันเกิด "ผมว่าซื้อก่อนก็ได้" คนตัวสูงจับมือคนตัวเล็ก เดินไปยังโซนช็อปแบรนด์เนม"อ้าว ไหนว่าคุณแม่ไม่เอาของแบรนด์ไงคะ" ลัลนาท้วงอย่างประหลาดใจ จำได้ว่าเขาบอกว่าหลายปีมานี้ คุณแม่สั่งห้ามเด็ดขาด ว่างดรับของแบรนด์เนมทุกชนิด เธอคิดว่าคุณแม่สามีคงจะมีเยอะ ซื้อเองจนครบหมดแล้ว เลยไม่อยากให้ใครมาซื้อให้อีก"ก็...ลองเดินดูก่อน" เขาตอบเธอเสียงเบา ลัลนามองท่าทางเลิ่กลั่กแปลกๆ ของสามีหนุ่ม ถึงอย่างนั้นก็ไม่ท้วงอะไร เดินตามแรงจูงไป เมื่อเดินเข้าไปในช็อปดัง BA คนเดิมที่เคยมารับรองเธอกับคุณหญิงรจณีก็เดินออกมาต้อนรับ คล้ายเตรียมตัวไว้อยู่แล้ว ลัลนาเดินตามแรงจูงอย่างงงๆ เมื่อเขาลากเธอไปยังห้องด้านใน"อะไรกันคะคุณพีร์?""พอดีผมอยากให้นาวช่วยเลือกกระเป๋าให้ก่อน" ลัลนามองพนักงานคนเดิมที่ถือกระเป๋ามา ก่อนจะหันมองเขาอย่างมึนงง"เลือกกระเป๋าเหรอคะ""ใช่ช่วยเลือกให้หน่อย ผมเลือกไม่ค่อยเก่ง" ลัลนาคิดว่าเขาอาจจะต้องซื้อให้เพื่อน หรือคนสำคัญระดับหนึ่งถึงต้องมา
"หมอที่นี่มันยังไงวะ หยุดงานทีไร อารมณ์ดีทุกที" รพีภัทรเงยหน้ามองเพื่อนสนิทตนเองทั้งสองคนที่เดินตามกันเข้ามาสีหน้าเบื่อหน่าย ก่อนจะก้มหน้าไถหน้าจอสมาร์ทโฟนต่อไม่สนใจ"กูว่าน่าจะมีคนดีใจที่ได้เสียเงินห้าแสน" อวัศย์เอ่ยเสริมทัพอย่างอารมณ์ดีที่ชนะพนันไอ้เพื่อนตัวดีได้ ตั้งใจมาเยาะเย้ยโดยเฉพาะ"ไงมึงไอ้พีร์ หน้าบานอะไรขนาดนั้น" ธารณ์เดินอ้อมไปด้านหลังเพื่อนที่นั่งอยู่ ก้มหน้าดูหน้าจอโทรศัพท์ที่เพื่อนดูค้างไว้ "โหไอ้พีร์ มึงน่าจะหนักกว่าไอ้หมอก นั่งดูรูปไปยิ้มไปเนี่ยนะ!""เห้ย! อะไรของพวกมึงเนี่ย" รพีภัทรเบี่ยงหน้าจอหนีเพื่อนสนิททั้งสองคนที่พร้อมใจกันกรูเข้ามาดูโทรศัพท์ตนเอง"ไหนๆ ดูอะไร" อวัศย์พยายามชะโงกหน้าดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น"พอๆ ไปไกลๆ ตีนกูเลยพวกมึง""หึ! ไม่ต้องปิดหรอก กูเห็นหมดแล้ว มึงนั่งดูรูปคุณนาวในไอจีอย่างกับโรคจิต" ธารณ์พูดขึ้นอย่างหมั่นไส้ เมื่อรู้ว่าที่เพื่อนตัวเองยิ้มหน้าบานอย่างกับคนบ้าเพราะนั่งหลงรูปเมียตัวเองอยู่"โรคจิตอะไร นี่เมียกู""เต็มปากเต็มคำเชียวนะมึง" ไทม์ยังไม่วายเหน็บแนมเพื่อน"อ๋ออ...กูว่าแล้ว ที่สมัครไอจีเนี่ยเพราะเมียเลย" อวัศย์พูดขึ้นบ้าง ความจริงเ
รพีภัทรนั่งมองคนตัวเล็กที่นอนขุดคู้อยู่บนเตียง ลมหายใจผ่อนเป็นจังหวะสม่ำเสมอ คนตัวสูงเอื้อมมือสัมผัสแก้มนิ่มของคนที่นอนนิ่งอยู่ ก่อนจะก้มใบหน้าจูบซับน้ำตาที่ซึมออกมา คาดว่าเธอน่าจะฝันร้ายอยู่ใบหน้าหวานเริ่มคลายปมที่คิ้วเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอ่อนโยนที่ได้รับ ก่อนริมฝีปากจะแย้มยิ้มนิดๆ เมื่อฝันร้ายจางหายไปร่างสูงเอนตัวพิงหัวเตียงกึ่งนั่งกึ่งนอน มือหนาเอื้อมมือลูบศีรษะคนตัวเล็ก ย้อนคิดถึงสิ่งที่เธอเล่าให้ฟัง หลังจากที่เขารู้เรื่องจากอชิระก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าเธอมีปัญหาในครอบครัว แต่ไม่คิดว่ามันจะขนาดนี้ ฟังจากที่เธอเล่า หลังจากนั้นเธอและแม่พากันออกมาอยู่ข้างนอก เท่ากับแม่คงจะเป็นทั้งชีวิตของเธอ แต่...ก็ยังมาโดนทิ้งไปไหนจะเรื่องวันนั้นที่ไอ้เพื่อนทั้งสองคนเล่าให้ฟัง ว่าเห็นอาการแปลกๆ ของเธอวันที่น้ำตาลจมน้ำ ตอนนั้นเขาห่วงพี่สะใภ้เพราะรู้ว่าว่ายน้ำไม่เป็น ส่วนภรรยาตนเองว่ายน้ำเก่งอยู่แล้ว ไม่คิดว่าร่างกายเธอจะไหวแต่จิตใจอ่อนแอ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิดในใจ วันที่เธอต้องการใครสักคนที่สุด แต่ตัวเขากลับไม่อยู่ข้างๆ "คุณพีร์.." รพีภัทรก้มใบหน้ามองคนตัวเล็กที่งัวเงียสะดุ้งตื่น "ขอโทษ ผมทำนาวตื่นเล
"หมอพีร์คุณไม่ต้องไปทำงานเหรอ?" ลัลนาเอ่ยถามร่างสูงที่วางจานผลไม้ลงข้างเธอ ก่อนที่เจ้าตัวจะนั่งลงบ้าง ระยะห่างเริ่มขยับมาใกล้ขึ้นจากวันแรกที่เขามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์แล้วที่เขาเกาะติดเธอแจ ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นมานั่งเฝ้าตลอด แต่หากเธออยู่ที่บ้าน เขาก็จะเรียกช่างมาคุย ส่วนตัวเองปรับปรุงนู่นนี่นั่นไปเรื่อย ซ่อมก๊อกน้ำ ยันรั้วบ้าน แต่ถ้าหากเห็นเธอตั้งท่าออกจากบ้านเมื่อไหร่คนตัวสูงก็จะละทิ้งทุกอย่างในมือ มาสแตนด์บายรอหน้าบ้านอย่างหน้ามึน เธอไม่ให้ไปก็จะตามไป บอกว่าขอเดินตามห่างๆ ก็ยังดีก็เป็นซะอย่างนี้!"ผมพักร้อนไง""พักได้ขนาดนี้เลยเหรอคะ" ลัลนาหรี่ตามองคล้ายไม่เชื่อ ใช่อยู่ตามกฎหมายเขาก็มีสิทธิ์นั่นแหละ แต่เนื่องด้วยบุคลากรทางการแพทย์เป็นที่ขาดแคลนอยู่ตอนนี้ เขาไม่น่าจะมีเวลาว่าง หรือโรงพยาบาลจะยอมให้เขาลาได้ขนาดนี้ยกเว้นแต่ว่า..."ไปใช้อำนาจมืดมาอีกแล้วสิท่า" ลัลนาหรี่ตามองจับผิด ในขณะที่คนตัวสูงหน้ามึนตอบอย่างไม่สนใจ"ไม่ใช่อำนาจผมซะหน่อย อำนาจไอ้หมอกมัน"ต่างกันตรงไหน ใช่อยู่หมอหมอกเป็นถึงลูกชายเจ้าของโรงพยาบาล แต่การที่ตัวเขาได้อภิสิทธิ์ขนาดนี้ น่าจะบังคับข
ลัลนาที่เพิ่งก้าวลงบันไดมาเห็นคนตัวสูงยืนยิ้มแฉ่งรออยู่ด้านล่าง โดยมีอาหารเช้าวางอยู่บนโต๊ะอาหาร คุณหมอหนุ่มรีบวางจานในมือลงบนโต๊ะ ถอดผ้ากันเปื้อน ก่อนจะสาวเท้าเดินมาหาคนตัวเล็กที่ยืนมองอยู่"กินข้าวเลยไหมนาว""ป้าใจกับจ้อยละคะ" ลัลนาไม่สนใจที่เขาเอ่ยชวน ถามหาคนดูแลบ้านและหลานชายที่ปกติจะมาหาเธอทุกเช้า"วันนี้วันพระป้าใจเลยไปวัดเช้าหน่อย กินข้าวเช้าก่อนสิเดี๋ยวผมพาตามไปที่วัดก็ได้""ไม่เป็นไรค่ะ" ลัลนาไม่สนใจของที่ถูกตระเตรียมไว้ เขาน่าจะลงมาตั้งแต่เช้ามืด เพราะเวลานี้ยังเช้ามากอยู่เลย แต่อาหารบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว"คุณกินข้าวก่อนเถอะ ถ้าไม่กินข้าวเช้าเดี๋ยวปวดหัวนะ" ลัลนาแสร้งไม่สนใจคนที่เอ่ยเรียก ถึงแม้จะใจเต้นไม่น้อยที่เขาจำเรื่องของเธอได้ว่าต้องกินข้าวเช้า ไม่อย่างนั้นจะเวียนหัว"...""นาว" คุณหมอหนุ่มทำได้เพียงเรียกคนตัวเล็กที่เดินผ่านเลยไปอย่างไม่สนใจ ทั้งอาหารและคนทำ "จะไปไหนครับ" ลัลนาปรายตามองมือร้อนที่จับแขนรั้งเธอไว้ เมื่อเห็นแบบนั้นคนตัวสูงจึงรีบปล่อยมือ ยกมือสองข้างคล้ายยอมแพ้ "ผมแค่อยากรู้ว่าคุณไปไหน" เขาบอกเธอเสียงอ่อย"ไม่เกี่ยวกับคุณค่ะ ถ้ายังอยากอยู่ที่นี่ก็อย่าล้ำเส้