ตอนที่ 3
3/1
หลังกษิดิศจากไปขวัญข้าวกรีดร้องในใจอย่างบ้าคลั่ง แทบอยากจะกระโดดโลดเต้นเหมือนคนบ้า ติดอยู่ตรงที่ว่าป้าขายอาหารตามสั่งร้องเรียกก่อน พอจ่ายเงินแล้วก็ถือกลับมายังสถานที่จัดงานเอาข้าวให้กองทัพ ระหว่างยืนจัดดอกไม้ก็ฉีกยิ้มไปอย่างอารมณ์ดี ในใจก็เอาแต่ตั้งคำถามเหมือนเดิมซ้ำ ๆ
...เมื่อกี้นี้เขาทอดสะพานให้ถูกต้องมั้ย?
"พี่ข้าว ทัพว่ามันโอเคแล้วนะ"
กองทัพพูดแล้วถอยไปตั้งหลักดูองค์ประกอบรวมไกล ๆ เธอเองก็เห็นด้วยจึงหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายผลงานแล้วส่งรูปให้กัลยา พอกัลยาตอบกลับมาว่าโอเคแล้วขวัญข้าวจึงหันมาพยักหน้าให้กองทัพ
"เราออกไปรอข้างนอกก่อน พองานเลิกค่อยมาเก็บของกลับ"
กว่างานจะเลิกก็ปาเข้าไปเกือบห้าทุ่ม หากไม่ติดตรงเจ้าของสถานที่บอกว่าพรุ่งนี้จะใช้ห้องโถงจัดงานอื่นต่อก็คงไม่ต้องนั่งรอจนดึกปานนี้ ในขณะที่กำลังนั่งสัปหงกอยู่ในสวนหย่อมเสียงของกองทัพที่ร้องปลุกก็ดังขึ้น
คนในงานเริ่มทยอยออกมาจนจะหมดแล้ว ขวัญข้าวลุกขึ้นยืนขยี้ตาอ้าปากหาวสะลึมสะลือ รีบเดินตามเด็กหนุ่มเข้าไปในห้องโถง ช่วยกันเก็บพล็อพประกอบฉากต่าง ๆ ขนขึ้นรถ ขณะที่รถกะบะแล่นออกสู่ถนนกว้างได้ไม่นานจู่ ๆ ก็เกิดส่ายไปมากระทันหัน กองทัพรีบตีไฟเลี้ยวและพยายามบังคับพวงมาลัยเข้าจอดข้างทาง พอลงมาดูพบว่ายางล้อหน้าแตกจนแบนติดถนน เขายกมือกุมศีรษะถอนหายใจเฮือกใหญ่
"โอ้ย จะบ้าตาย! จะมายางแตกอะไรตอนนี้แล้วอู่ที่ไหนจะเปิดเที่ยงคืนวะ"
"เอาไงดี"
ขวัญข้าวถามหนุ่มรุ่นน้องด้วยความกังวล รู้สึกว่าวันนี้มีทั้งโชคดีและโชคร้ายปนเปกันอยู่ โชคดีของวันนี้คือเธอได้เจอกษิดิศแล้วถามชื่อเขา มิหนำซ้ำยังรู้มาอีกว่าเขาเป็นหนุ่มโสด ส่วนโชคร้ายของวันนี้คือรถยางแตกตอนเที่ยงคืน ขณะที่ทั้งสองกำลังหัวเสียอยู่นั้นก็เหลือบไปเห็นไฟกระพริบจากรถคันหนึ่งที่กำลังเลี้ยวเข้ามาจอดต่อท้าย กองทัพมองโลโก้รถยี่ห้อรถหรูถึงกับห่อปากร้องโฮ
"โห รถมหาเศษฐีที่ไหนละนั่น อย่าบอกว่ายางแตกเหมือนรถเรานะ"
"ไม่ใช่หรอกมั้ง"
แต่เมื่อเห็นหน้าคนที่เปิดประตูลงจากรถขวัญข้าวอ้าปากค้าง มหาเศษฐีที่กองทัพพูดถึงไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นกษิดิศ เขาขับรถหรูราคาไม่น่าจะต่ำกว่าสิบล้าน เธอย่นคิ้วเข้าหากันเพราะกำลังครุ่นคิดบางอย่าง และจากที่สมองส่วนน้อย ๆ ของขวัญข้าวประมวลผลออกมาได้ก็คือ...
กษิดิศคือคนขับรถบ้านคนรวย! และอาจจะเป็นคนขับรถของผู้บริหารสักคนของบริษัท GSD กรุ๊ป
"คุณต่อ บังเอิญจังเลยค่ะ"
"รถเป็นอะไรครับ"
เขาถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เป็นแค่ประโยคสุดแสนธรรมดาแต่ก็ทำให้ขวัญข้าวเคลิ้มได้ เธอจ้องเขาตาปริบ ๆ ยังไม่ทันจะได้ตอบอะไรสักคำ กองทัพที่เห็นความคลั่งคนหล่อของขวัญข้าวแล้วรำคาญจึงชิงตอบก่อน
"รถยางแตกอ่ะพี่ มาแตกเอาอะไรตอนนี้ก็ไม่รู้ เหนื่อยก็เหนื่อยง่วงก็ง่วงจะได้กลับไปนอนตอนไหนละเนี่ย"
"ดึกขนาดนี้อู่ใกล้ๆ คงจะปิดหมดแล้ว งั้นผมโทรเบอร์ฉุกเฉินเรียกคนมาช่วยให้ก็แล้วกัน"
โอ้ย พ่อพระ พ่อเทพบุตร พ่อคนใจดีมีเมตตา เป็นอันว่ากษิดิศโทรแจ้งเบอร์ฉุกเฉินให้ รอไม่เกินครึ่งชั่วโมงถึงจะมีคนมาให้ความช่วยเหลือ กองทัพเลยบอกให้ขวัญข้าวโบกแท็กซี่กลับไปก่อนเพราะกลัวว่าจะดึกไปกว่านี้
"พี่ข้าวกลับไปก่อนเลย เดี๋ยวผมจะอยู่ดูรถอีกหน่อย"
"เดี๋ยวพี่อยู่เป็นเพื่อน" เธอบอกกองทัพแล้วก็หันไปทางกษิดิศ "คุณต่อกลับเถอะค่ะ ขอบคุณนะคะ"
กองทัพที่ได้ยินแบบนั้นจึงพูดขึ้นอีก
"พี่ข้าวก็กลับไปเลย เดี๋ยวเสร็จจากตรงนี้แล้วผมจะไปนอนบ้านแฟนไม่ได้กลับไปนอนร้าน แต่พี่ข้าวห้ามบอกพี่เตยนะว่าผมไม่ได้เข้าไปนอนร้าน"
"อ้าว"
เดิมทีขวัญข้าวไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งน้อง แต่กลับกลายเป็นน้องมันจะทิ้งพี่ กองทัพมีแฟนสาวที่คบหาดูใจกันมาได้ไม่ถึงหนึ่งปี กำลังอยู่ในช่วงอินเลิฟกันอยู่ เขาก็คงอยากจะนอนไปค้างกุ๊กกิ๊กหวานแหว๋วกันตามประสาวัยรุ่น และที่ห้ามไม่ให้ขวัญข้าวบอกเรื่องนี้กับกัลยาก็เพราะกลัวว่าพี่สาวจะด่าจนหูชา ปกติกองทัพได้รับมอบหมายให้นอนเฝ้าร้าน ส่วนกัลยากลับไปนอนที่คอนโดกับแฟนหนุ่มซึ่งอยู่ห่างจากร้านดอกไม้ไม่ถึงสี่กิโลเมตร
"บ้านอยู่ไหนครับ เดี๋ยวผมจะไปส่ง"
ขวัญข้าวชี้นิ้วเข้าหาตัวเองราวกับอยากถามให้มั่นใจว่าเขาเต็มใจที่จะไปส่งเธอจริงหรือเปล่า พออีกฝ่ายพยักหน้าให้เธอก็ยิ้มกว้างอย่างดีอกดีใจ ดูเหมือนว่าปลัดขิกลุงแท็กซี่จะได้ผล นึกถึงเจ้าแท่งไม้ที่อยู่ในกระเป๋าแล้วหัวใจเต้นตึกตัก มโนไปเองว่าอย่างไรเขาคนนี้จะต้องเสร็จฉันล่ะ เพราะฉันมีของดี
"ไม่ไกลค่ะ เดี๋ยวข้าวบอกทางให้"
กษิดคิศเดินนำไปที่รถ ขวัญข้าวเปิดประตูเข้าไปนั่งข้างคนขับแล้วหันไปลอบยิ้ม โชคดีอะไรขนาดนี้หนอ พรมหมลิขิตบันดาลชักพาเห็น ๆ อย่างนี้สินะที่เขาพูดกันว่าคู่กันแล้วไม่แคล้วคาดกันหรอก ถึงจะหมดเงินค่ากาแฟจนตาแข็งแต่ผีก็ยังผลักให้มาเจอกันอีกอยู่ดี
"รัดเข็มขัดด้วยครับ"
"ค่ะ"
เธอทำตามคำแนะนำ นั่งเอนหลังพิงพนักเบาะด้วยท่าทางที่ผ่อนคลายกว่าเดิม รถก็แพงเบาะก็นุ่มนิ่มเสียเหลือเกิน ชาตินี้ยังไม่เคยมีโอกาสนั่งรถหรูเลยสักครั้ง ขวัญข้าวคิดแล้วก็หลุดยิ้มตาหวานฉ่ำตลอดทาง แต่พอนึกได้ว่าเขาเป็นคนขับรถบ้านคนรวยก็รู้สึกเป็นห่วงเขาขึ้นมาทันที หากเขาไปส่งเธอที่หอพักอาจจะทำให้เอารถกลับไปคืนเจ้านายช้า ขวัญข้าวจึงกลัวว่าตนจะเป็นต้นเหตุทำเขาเดือดร้อนไปใหญ่
ดาลีขอฝากเพจนักเขียนค่ะ
https://www.f******k.com/profile.php?id=61568679219236
สำหรับจักรวาลสี่หนุ่มนี้ไรท์ก็จะเขียนให้จบเป็นเรื่อง ๆ ไปนะคะ รออ่านได้เลย
คุณนัยน์+ลลินา (นีล) เส้นทางของแฟนเก่า จบแล้วค่ะ
คุณต่อ+ขวัญข้าว (ข้าว) แค่คนที่คุณไม่มีวันจะรัก กำลังเขียนอยู่
คุณชวิณ+น้ำค้าง ก็ไม่ได้อยากเป็นคนแพ้ เรื่องต่อไป
คุณอติ+เบญญา (เบล) ยังไม่คิดชื่อเรื่อง เรื่องต่อๆ ไป
ตอนที่ 71/3"เออ ใช่! แกทั้งจนทั้งกระจอก แต่ที่แย่ไปกว่านั้นแกชั่วบรรลัยเลย"กฤษติยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วตีหน้าเศร้าดังเดิม ปรายตามองไปทางกำแพงก่อนจะมองกลับมายังคนตัวเล็ก"ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง เพราะหาผู้ชายคนใหม่ได้รวยกว่านี่เอง""ใช่ หลบไป! แล้วอย่าตามมานะ ขืนเข้าใกล้ฉันเกินสิบก้าวฉันแจ้งตำรวจจับ ไอ้ผู้ชายเส็งเคร็ง"ขวัญข้าวรีบรุดขึ้นลิฟต์โดยไม่หันหลังกลับไปมองกฤษติอีก พอพ้นเงาร่างเธอไปแล้วกฤษติก็เดินอ้อมไปหลังกำแพงโค้งศีรษะอย่างนอบน้อม"ขอโทษที่เอาชื่อคุณต่อไปอ้างนะครับ ขอโทษจริงๆ ทีนี้คุณต่อก็ได้รู้แล้วว่าขวัญข้าวเป็นคนยังไง""...ครับ ผมได้ยินหมดแล้ว"ขวัญข้าวขึ้นมาที่ชั้นผู้บริหารไม่เห็นกษิดิศ จึงเอาดอกไม้ไปวางไว้บนโต๊ะตัวเดิม แล้วนั่งรออยู่ในห้องนั้นประมาณห้านาที  
ตอนที่ 63/3ใบหน้าเจ้าเล่ห์เผยรอยยิ้มร้ายออกมาช้าๆ แล้วรีบถอยออกจากบริเวณนั้น ตลอดทั้งวันกฤษติคอยหาโอกาสเข้าไปพูดคุยกับกษิดิศ แต่ก็ยังไม่มีโอกาสเข้าใกล้ได้เลย กระทั่งใกล้ถึงเวลาเลิกงาน กษิดิศเดินออกจากห้องประชุมแล้วแวะเข้าห้องน้ำ กฤษติจึงแสร้งทำทีเดินตามเข้าไปทำธุระส่วนตัว กษิดิศจัดการธุระส่วนตัวของตัวเองเสร็จกำลังยืนล้างมืออยู่หน้ากระจก นั่นจึงเป็นโอกาสเหมาะที่กฤษติจะเข้าหาได้สะดวก"คุณต่อครับ"กษิดิศหันไปมองคนที่กำลังยืนอยู่หน้าอ่างล้างมือข้างๆ เห็นว่าเป็นพนักงานของตนก็ยิ้มบางๆ ถ้าจำไม่ผิดคนนี้น่าจะทำงานอยู่แผนกไอที แต่เขาจำชื่อไม่หวาดไม่ไหวว่าใครเป็นใครหรอก เพราะกฤษติไม่ได้มีตำแหน่งสูงถึงขั้นที่ว่าจะเข้าถึงเขาได้โดยง่าย กฤษติเป็นเพียงลูกน้องของหัวหน้าแผนกอีกที"ผมขอเวลาสักครู่ได้ไหมครับ""ครับ มีอะไรพูดมาได้เลยครับ"
ตอนที่ 62/3ขวัญข้าวปวดเมื่อยเนื้อตัวจนอยากจะเอนหลัง จึงปิดคอมพิวเตอร์แล้วล้มตัวลงบนเตียงแข็ง ๆ จ้องมองเพดานห้องสีหม่นมันช่างแตกต่างจากห้องกษิดิศเหลือเกิน เธอไม่มีอะไรเทียบเขาได้สักอย่าง...พอเอียงหน้ามองปฏิทินเห็นว่ามีรอยปากกาแดงวงวันที่เอาไว้ พรุ่งนี้จะถึงกำหนดส่งดอกไม้วันแรกของสัปดาห์ หญิงสาวพูลลมหายใจออกมาหนักๆ ไม่อยากย่างกายไปที่นั่นเลย เพราะสำนึกและคิดได้หลายๆ อย่าง เท่านี้ก็อับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้วเช้าวันรุ่งขึ้นขวัญข้าวนำดอกลิลลี่ไปส่งที่ SGD กรุป เมื่อเข้าไปในบริษัทแล้วเธอก็แจ้งประชาสัมพันธ์ตามปกติ พนักงานสาวรายหนึ่งกดเบอร์ภายในไปยังห้องทำงานของกษิดิศ พอเจ้านายพูดกรอกสายมาว่าอนุญาตให้ขึ้นไปได้ขวัญข้าวจึงหอบดอกไม้ช่อโตไปชั้นสี่ ร่างบางเคาะประตูก่อนจะย่องเข้าไปให้เงียบเชียบที่สุด กะว่าจะเอาช่อดอกไม้ไปวางไว้ที่โต๊ะตัวเดิมแล้วรีบแผ่นหนีให้ไวกษิดิศนั่งอยู่โต๊ะประจำตำ
ตอนที่ 61/3กษิดิศกำลังกลั้นขำในท่าทางสงบเสงี่ยมเหมือนผ้าผับไว้ของขวัญข้าว เธอไม่เหมือนคนเดิมเลยสักนิด ดูเรียบร้อยและเจียมตัวจนเกินเหตุ เพิ่งรู้ว่าจากไซบีเรียนก็เปลี่ยนมาเป็นกระต่ายน้อยได้เหมือนกัน"ข้าวไปได้แล้วใช่มั้ยคะ"ขวัญข้าวยืนขึ้นแล้วยกมือไหว้อย่างนอบน้อม เขาไม่ใช่คุณต่อคนขับรถอีกต่อไปแล้วแต่เป็นลูกค้าที่สั่งออร์เดอร์แพงหูฉี่ ขณะที่กำลังจะก้าวพ้นจากห้อง เสียงจามของกษิดิศก็ดังไล่หลังสามครั้งติด เธอจึงหยุดฝีเท้าแล้วหันกลับมามองเขา จมูกของชายหนุ่มเริ่มขึ้นสีหน่อยๆ นั่นเป็นเพราะก่อนออกมาส่งดอกไม้ขวัญข้าวกำลังจัดช่อกุหลาบอยู่ ละอองเกสรกุหลาบก็เลยติดตัวเธอมาด้วย คนที่รู้ดีว่านี่คืออาการแพ้แน่ๆ คือกษิดิศ ส่วนเธอไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง เขาหลบตาเธอด้วยการลุกขึ้นยืนหันหลังให้ ดังนั้นขวัญข้าวเลยคิดว่าไม่มีอะไรแล้วจึงจากไปทันทีกษิดิศยังคงไปร้านกาแฟเห
ตอนที่ 53/3เขาปรายตามองแค่แป๊บเดียวก็เดินขึ้นลิฟต์ไปทันที ประตูลิฟต์ปิดลงแล้วขวัญข้าวยังยืนอึ้งอยู่ที่เดิม กว่าจะได้สติก็ตอนเสียงประชาสัมพันธ์สาวแว่วเข้าหู"ท่านประธานให้เอาขึ้นไปให้บนห้องทำงานค่ะ""ฉันวานให้พวกคุณเอาไปให้เขาแทนได้มั้ยคะ""GSD กรุป ผูกปิ่นโตกับร้านดอกไม้ของคุณแล้วนะคะ ถ้าท่านประธานบอกให้คุณเอาไปให้เองไม่แน่ว่าอาจจะมีทิปให้ หรือไม่อย่างนั้นก็อาจมีเรื่องคอมแพลน มีแค่สองอย่างนี้เท่านั้นค่ะ รบกวนคุณเอาขึ้นไปเองนะคะ ท่านประธานอยู่ชั้นสี่ห้องแรกทางซ้ายมือค่ะ"คนพูดทำหน้าอิดออดไม่กล้าทำเกินคำสั่งของเจ้านาย ขวัญข้าวเข้าใจในความอึดอัดของพนักงานสาวเป็นอย่างดี เธอจึงพยักหน้าให้แล้วตามเขาขึ้นไปชั้นผู้บริหาร พอถึงห้องที่ประชาสัมพันธ์บอกก็ยกมือขึ้นเคาะประตูสองสามครั้ง หลังได้ยินเสียงอนุญาตจากคนข้างในก็ดันบานประ
ตอนที่ 52/3ปลัดขิกอันเท่าลิปสติกถูกหยิบออกมาจากกระเป๋า ขวัญข้าวชูขึ้นต่อหน้าเพื่อน กองทัพที่เงี่ยหูฟังอยู่นานแล้วปรายตามองมาแวปเดียว พอเห็นสิ่งที่ขวัญข้าวถืออยู่ก็ย่นคิ้ว"วันที่ฉันเจอกับคุณต่อครั้งแรกลุงขับแท็กซี่ให้ฉันบูชาไอ้นี่มา บอกว่าพกไว้แล้วจะมีผัว ฉันก็เลยคิดว่าคุณต่อต้องเป็นคนนั้นแน่ๆ แต่ก็ผิดคาดไปเลย""โอ้ย พี่ข้าวโดนหลอกแล้ว รู้ไว้นะว่าปลักขิกไม่ได้ทำให้มีผัว ถ้าพกแล้วมีผัวจริงทัพก็มีไปสิบผัวแล้วคร๊าบ"เจ้าหนุ่มถลกเสื้อขึ้นมาเผยให้เห็นสายผูกเอวที่มีปลัดขิกห้อยอยู่ด้วย ขวัญข้าวเห็นแล้วถึงกับเหวอไปเลย"ตามความเชื่อเขาบูชามาช่วยเรื่องค้าขาย""ขายตัวเอง""ขายของ!""ก็ตาลุงนั่นบอกว่าถ้าพกไว้แล้วฉันจะขายออกนี่นา"ขวัญข้าวเสียงอ๋อย หดคอล