เคลถึงกับเงียบกริบกับประโยคนี้ที่สาวเจ้าเน้นคำซะเขาเกือบหลุดขำ พลางเท้าสะเอวเตรียมทำศึกหนัก โดยการยียวนกวนประสาทกลับไป
" ต่อยปากผมซะเลือดกลบ นี่ยังไม่สนิทกันอีกเรอะ! "
เชยคางขึ้นท้าทายจะเอาเรื่อง ในขณะขิมเองก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน
" แล้วใครใช้ให้คุณปากมอมก่อนล่ะคะ ช่วยไม่ได้ "
ลอยหน้าหน้าลอยตาถาม ทำเอาเคลถึงกับอึ้ง
" นี่คุณว่าผมเป็นหมาเหรอ "
" คุณพูดเองนะ "
" ขิม!"
" บอกแล้วไงอย่าเรียกชื่อ! ถ้าไม่สนิทน่ะ..."
" งั้นเดี๋ยวผมทำให้สนิทเอง "
จบคำพูดของเคลแค่นั้น ข้อมือเล็กของขิมก็ถูกกระชากทันที ความแรงของมันทำคนที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับถลาเข้าไปชนแผงอก ก่อนจะ...
" อ๊ะ.. อุ๊บ!! O.O "
ค้างกลางอากาศ เพราะปากเธอถูกปิด
"..."
" อื้อออ! "
กว่าจะตั้งสติได้ เวลาก็วิ่งไปมากกว่าสิบวิแล้ว มือเล็กๆคู่นั้นถึง จะรัวกำปั้นใส่
ปึงๆๆ
" อึก!!"
ชนิดที่ว่า สุดแรงและไม่มีอั้น ทว่า ..กลับดิ้นไม่หลุด เพราะแรงชายมันมากกว่าเยอะ แถมตะปบหน้าเธอไว้อีกด้วย จนกระทั่งเคลดูดดื่มแบบสาแก่ใจ ถึงจะปล่อยเป็นอิสระ
" แฮ่กๆๆ"
ถึงขั้นสาวเจ้าถอยหลังมายืนหอบเหมือนวิ่งมาไกลเป็นร้อยเมตร ชี้หน้าคนตรงข้ามที่ยืนเลียปากตัวเอง ด้วยความโมโหสุดขีด
" กะ..แก.."
" หืม..เอาแค่คุณก็พอ อย่าถึงกับใช้คำหยาบกันเลย รึจะเรียกพี่ก็ได้นะ ดูสนิทดี "
ในขณะเคลไม่ได้สะท้กสะท้านอะไรสักนิด
" ออกไปจากร้านเดี๋ยวนี้เลยนะ!"
แถมยังเดินเข้าไปใกล้อีก เล่นเอาขิมถึงกับถอยหลังกรูด
" นี่คุณกล้าไล่ผมเหรอ "
" ยิ่งกว่ากล้าซะอีก "
**ผั้ว!!!**
ชกหน้าเคลเต็มเป้า จนหน้าเขาหัน ก่อนตัวเองจะสะบัดมือเพราะต่อยผิดท่า
" อึก! บ้าเอ๊ย! "
กัดฟันข่มความเจ็บไว้ ทำเอาเคลถึงกับลืมโกรธ ถลาเข้าไปจับมือ
" ขิม เป็นอะไรมากรึเปล่า ไหนผมดู "
" ปล่อย อย่ามายุ่งกับฉัน "
ทำท่าจะผลักอก แต่ทว่า
" อ๊ากกก!"
" มือพลิก..ไปหาหมอเถอะ"
" ไม่โว้ยยย ปล่อย!"
ในขณะที่ตัวเองเจ็บแทบแย่ แต่เธอกลับเลือกที่จะดื้อ เพราะความโกรธที่เคลถือวิสาสะทำกันเมื่อกี้นี้แท้ๆ ทว่า ดูเหมือนเคลเองก็ไม่ยอมเช่นกัน หยิบกระดาษโน๊ตขึ้นมาเขียนหยิกๆ รวดเดียวจบ พลางวางมันไว้บนโต๊ะ ก่อนจะพุ่งเข้ามาอุ้มขิมพาดบ่า
" นี่ทำอะไรน่ะ ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ ฉันต้องเฝ้าร้านให้เค้าาาา"
" เดี๋ยวผมสั่งลูกน้องให้มาเฝ้าให้ คุณน่ะไปโรงบาลก่อนเหอะ!"
" ม่ายยยย"
...โรงพยาบาล...
สรุปพยาบาลจับทำแผลทั้งคู่ ข่าวลือขนาดย่อมความเสียหายไม่ไกลมาก แถมระยะเผาขน
...พวกเขาเข้าใจกันว่าผัวเมียทะเลาะกัน ...
นั่นเพราะฝ่ายหญิงเจ็บที่มือ ต้องใช้ผ้าก็อตพันไว้สักพัก ส่วนฝ่ายชายบวมเป่งที่มุมปาก ซึ่งใครเห็นใครก็รู้..
เมียเขาหึงโหดแค่ไหน ทว่า..
" มองอะไรคะคุณหมอ "
เสียงสาวเจ้าของเรื่องกัดฟันถามขึ้น หลังจากสังเกตุเห็นหมอลอบมองเธออยู่นาน แถมหลายครั้งซะจนทนไม่ไหว ในขณะคนถูกถามยิ้มเขิน หลังจากถูกจับได้ ก่อนจะแซวเสียงหวาน
" คู่รักสมัยนี้ รุนแรงจังเลยนะคะ "
" อึก.."
ทำเอาคนฟังถึงกับสะอึก ความเคอะเขินกลับกลายเป็นขิมซะเอง อ้าปากค้างอยู่บนเตียง ในท่านั่งเกว่งเท้า
" คู่รักอะไรกันล่ะหมอ "
ก่อนเจ้าตัวจะถามกลับเสียงฉุน ดึงมือออก
" เสร็จแล้วใช่ไหมคะ ขอบคุณค่ะ "
พลางกระโดดลงจากเตียง หยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย แล้วก้าวฉับๆออกไปอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทำเอาพยาบาลบวกหมอทำหน้างงกันเป็นแถบ
แอด...
ผลักประตูสปริงออก เดินผ่านใครคนนึง ที่ไม่ทันได้สังเกตุ นั่นเลยทำขิมต้องหยุดชะงัก เพราะเขามาดักหน้าไว้
" ใจคอจะไม่รอผมเลยรึไง ใจร้ายจริง"
ก่อนจะหน้าบึ้งมากกว่าเดิม ฉุนกึกกับตัวต้นเหตุนี้
" ทำไมต้องรอคะ "
พลางเชิ่ดจมูกถาม ทำคนตัวสูงที่ยืนขวางอยู่ ..ชอบชะมัด
" มาด้วยกัน ก็ต้องกลับด้วยกันสิ "
ยิ่งแหย่เข้าไปใหญ่ เพื่อที่เธอจะได้ทำมันบ่อยๆ
" ไม่เห็นจำเป็นตรงไหน ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันซักหน่อย "
" แล้วอยากอยู่ไหมล่ะ"
ทว่า เหมือนยิ่งไปทำให้เธอหัวเสียมากกว่าซะงั้น เพราะหลังจากที่เคลพูดจบ เธอก็ถกแขนเสื้อตัวเองขึ้นทันที
" อีกข้างยังได้อยู่นะ!" พร้อมทำท่านักเลง " จะเอาอีกไหมล้ะ! อยู่โรงพยาบาลพอดี รอบนี้จะได้หามขึ้นเตียงไปเลย "
ซึ่งนั่นทำให้เคลถึงกับขำลั่น มองคนตัวเล็กพอๆกับผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก
"ฮ่าๆๆ "
" ขำอะไร?"
ในขณะเจ้าตัวหน้าไม่รับแขก ก่อนชะงักกลางคันเพราะประโยคนี้ ที่เคลเท้าสะเอวท้า
" ก็เอาเซ่..ผมจะได้จูบคุณต่อหน้าคนทั้งโรงพยาบาลเหมือนกันไง "
" นี่! ไอ้บ้า!.."
" จุ๊ๆๆ ไม่เอาเซ่ อย่าเป็นเด็กก้าวร้าว เขามองกันใหญ่แล้ว "
เคลแทรก ทำสาวเจ้าขัดใจ กัดฟันกรอดมองคนตรงหน้าตาเป็นมัน
" ช่างเขาสิ เกี่ยวอะไรกับหนู ..ถอยไปนะ"
" ไปไหน.."
" ไปที่ชอบๆมั้ง "
เธอประชด
" งั้นที่ยืนอยู่ก็ถูกแล้ว "
" นี่..คุณเคล คุณว่างนักเหรอ ถึงได้มีเวลามาคอยกวนประสาทชาวบ้านเขาน่ะ "
" สำหรับคุณ..ผมว่างตลอด "
ก่อนจะทลึงตาใส่อีกที หลังเคลพูดคำนี้
" อย่ามาเล่นลิ้นกับหนูนะ "
" ตอนนี้เปล่านี่ เล่นล่าสุดตอนเก้าโมง "
" อะไร? "
" จูบไง "
" กรี๊ดดด ไอ้บ้า!!! "
อันที่จริงบทสนทนาต่อปากต่อคำกันระหว่างเขากับเธอ ก็ดังพอจะทำให้คนงงกันอยู่แล้วนะนี่ขิมถึงขั้นร้องลั่นเข้าไปอีก หนีไม่พ้นพยาบาลต้องมาห้ามปราม ยิ่งทำสาวเจ้าไม่พอใจ
" ไม่เสียงดังนะคะ..."
" อุ๊บ! "
บวกกับท่าทางกลั้นขำของเคล ทำอย่างกับเธอคือตลก ก็ยิ่งซ้ำเติมทำเธอเสียหน้า ขมวดคิ้วบึ้งตึง ก่อนจะเบี่ยงตัวเดินหนีไปอีกทาง ด้วยความอาย
" อ่าวขิม เดี๋ยวสิ! รอผมด้วย"
" ไม่ต้องตามมาแล้วนะ "
ต่างกับเคลโดยสิ้นเชิง ที่ตอนนี้กลั้นหัวเราะไว้ แทบไม่อยู่ กับท่าทางของเธอ ที่ก้าวฉับๆ อย่างกับรีบไปไล่ควายที่ไหน
<strong>ตึกๆๆๆ</strong>
"เดี๋ยวก่อนสิขิม"
" อะไรอีกเล่า!"
บทสรุปหลังจากหลุดพ้นพื้นที่ต้องห้ามมาอยู่หน้าโรงพยาบาล เคลก็ทำการกระชากอีกรอบทันที นั่นคือนิสัยของเขาเลยล่ะ ที่ไม่ว่าจะด้วยเหตุการณ์ใด หากเขารู้ตัวว่าเป็นฝ่ายต้องสูญเสีย สิ่งที่ควรคือเขาจะต้องคว้าไว้
...เพราะนั่น หมายถึงการตอกย้ำบทเรียนที่แสนจะเจ็บปวดสุดๆคราวก่อน ประมาณว่า ถ้าวันนั้นเขาเหลือเวลาเผื่อไว้สักนิด เธอคนนั้นก็คงไม่ทิ้งไป...
" กลับด้วยกัน "
" ไม่ค่ะ หนูกลับเองได้ "
" อย่าดื้อจะได้ไหม แค่คุณขึ้นรถผม ผมไปส่ง คุณก็ไม่ต้องลำบากไปโบกรถให้เหนื่อยแล้ว ที่นี่กรุงเทพนะคุณ ไม่เหมาะกับคนเพิ่งมาอยู่ใหม่หรอก "
เคลอธิบายซะยาวเหยียด ในขณะขิมกลับกอดอกปั้นหน้าตึง
" แล้วทำไมหนูต้องเชื่อคุณด้วยล่ะคะ "
" ขิม.."
" บอกว่าอย่าเรียกชื่อเล่นหนูไง เราไม่สนิทกัน "
" อะไรหนักหนา มันก็แค่ชื่อเองนี่หว่า อีกอย่างถ้าไม่ให้ผมเรียกขิม แล้วจะให้ผมเรียกว่าอะไร "
เคลย้อนถาม แต่ทว่า..
" ก็ไม่ต้องเรียกอะไรเลย "
" หมายความว่า.."
" คือ ไม่ต้องเจอกันเลย "
ทำเคลถึงกับเงียบชะงักไป เงียบอยู่อึดใจหนึ่ง แล้วถาม
" รังเกียจกันขนาดนั้นเรอะ"
" เปล่าค่ะ แค่ไม่อยากรู้จัก หนูรู้สึกว่า คุณสร้างความน่ารำคาญให้หนูมากเกินไปแล้ว "
" นี่.."
" หยุดตามกันสักทีเถอะ!"
"..."
" หนูรู้ล่ะ ที่หนูเจอคุณน่ะ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ คุณพยายามตามหนู"
" แล้วเพราะอะไรล่ะ..."
" อะ..เอ่อ.."
ใส่อารมณ์ซะเต็มที่ ก่อนจะมาตายกับคำถามนี้ ที่อยู่ๆ เคลก็โพล่งขึ้นมา ซึ่งมันยากที่จะเข้าใจ
" คะ? "
" เพราะอะไรล่ะ ผมถึงตามตื้ออยู่แบบนี้ "
เคลทวนใหม่สีหน้าจริงจัง ในขณะขิมนั้นยืนนิ่ง อ้ำอึ้งไปไม่ถูก แต่เพราะความอคติ ทำให้เธอตอบคำนี้ขึ้นมา ที่ทำคนฟังถึงกับอึ้ง
" ไม่รู้สิ หรอกฟันกันละมั้ง?"
" หืม นี่คุณคิดลบขนาดนั้นเลยเหรอ คุณไม่คิดที่จะมองให้บวกบ้างเลยรึไง "
" อาทิเช่น?"
เลิกคิ้วถาม พลางมากัดปากตัวเองอีกรอบกับคำนี้ ที่เคลโพล่งออกมาหน้าตาย เขาเหมือนไม่ทันคิดมันเลยด้วยซ้ำ สวนทางคำถามขิม ชนิดที่ว่า ไม่ทันจะได้เว้นวรรคเลย
" ผมชอบคุณ"
" .... "
หลังจากเธอเงียบ เดาได้ว่า คนฟังอาจจะกำลังซึ้งอยู่ก็ได้ รึไม่..ก็อึ้งกิมกี่ที่ตนเองนั้นมีผู้ใหญ่มาจีบ ทว่า กลับต้องมาพังด้วยเสียงนี้ ที่อยู่ดีๆ อุปสรรคทางดาวเทียมก็โพล่งมาแทรกกลางระหว่างคนสองคน ติ้ด ติ้ด ติ้ด ~
...โทรศัพท์...
" ฮัลโหล"
ก่อนที่เคลกดรับทันควันโดยไม่คิดจะมองชื่อ เพราะหวังจะรีบคุยให้เสร็จ แล้วรีบวาง
แต่ว่า..
( พี่เคล หนูเองค่ะพรีม..)
เสียงนี้กลับทำเคลยืนนิ่ง ก้มลงมองขิมที่เดาได้ว่า ตอนนี้เธอก็คงจะได้ยินมันด้วย เพราะลำโพงค่อนข้างจะดังพอที่เสียงนั้นจะเล็ดลอดออกมา
" ครับ...ว่าไง.."
( เย็นนี้ว่างไหมคะ ไปทานข้าวกัน )
เพียงแต่เธอฟังไม่ได้ศัพท์ก็เท่านั้น ว่าเป็นใคร ยกเว้นก็แต่เพศ ที่ยังไงก็ต้องรู้
...ก็แหม บีบวาจาซะหวานหยดขนาดนั้น...
ลำบากเคลที่จะต้องตื้อกันใหม่อีกรอบในภายหลัง เพราะอยู่ดีๆ
" ฮึ่ย !"
ปึก!
อกเคลถูกผลักเต็มแรงด้วยมือของขิม ส่วนตัวเองก็เดินจากไป
" เดี๋ยว!!! อย่าเพิ่งไป"
" ..."
" พรีมเดี๋ยวพี่โทรกลับนะ "
( คะ?)
ติ้ด!
" ขิม รอผมก่อน คุณบาดเจ็บอยู่นะ!"
" ไปเลยค่ะๆ "
ตัดสายพรีมทิ้ง ทำท่าจะวิ่งตาม ทว่า..กลับไม่ทัน ขิมกระโจนขึ้นรถแท็กซี่ไปซะก่อน บรึ้นนนน!
" โถ่เว้ย!!"
ปล่อยเคลเตะอากาศอยู่ข้างหลังคนเดียวตามลำพัง
ความรู้สึก.. บอกเลยตอนนี้ขิมกำลังสับสน สายตาทอดมองไปยังข้างทางระหว่างนั่งอยู่ในรถ เธอไม่ได้พิศวาสอะไรกับตรงนั้นหรอก แค่มีอะไรบางอย่างที่ทึบอยู่ตรงสมอง แล้วหาทางออกไม่ได้
ขิมแทบจะทึ้งผมตัวเองออกมาให้แท็กซี่เขาเล่น แค่ไอ้ตรงแขนขาที่มันเปื่อย มันถลอกนี่ยังไม่พอใช่มั้ย? ทำไมชอบหาเรื่องมาเพิ่มให้เธออยู่เรื่อย..ไม่เข้าใจ เธอถามโชคชะตา
“ ให้ตายเถอะ นี่อีเว้นท์ฉันเยอะจนลืมอกหักไปเลยรึเนี่ย..”
พึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงประชด พร้อมแบ้ปากกรอกตา
“ เอ่อ..น้องลงตรงไหนครับ “
ก่อนเหลือบไปมองคนขับรถ แล้วบอกสถานที่ที่จะลง นั่นคงไม่พ้นร้านของสปอร์ต ซึ่งแน่นอนตอนนี้เขาคงงงอยู่ ขิมนั่งถอนหายใจทิ้งได้สักพัก ไม่นานรถก็แล่นมาถึง ล้วงหากระเป๋าสตังค์เตรียมจะจ่ายเงิน ทว่า..
“ อ๊ะ! กระเป๋าฉันล่ะ “
ตกใจหนักเมื่อหาเท่าไหร่ ก็หาไม่เจอ
“ ว่าไงน้อง “
“ แปปนะคะพี่”
ยิ้มเจื่อนๆส่งไปให้แท็กซี่ ที่หันหน้ามาถาม หลังจอดเทียบท่าแล้ว ขิมตบกระเป๋ากางเกงตัวเองสนั่น ลืมเจ็บมือไปชั่วขณะ ก่อนจะโล่งอก ไปที ที่พอจะมีเศษตังค์อยู่บ้าง
“ นี่ค่ะพี่ พอดีเลย “
“ ขอบคุณครับ “
เปิดประตูลงจากรถด้วยความหมดแรง ก่อนจะเดินคอตกเข้าไปในร้าน
กริ๊ง!
..แน่นอนสิ สปอร์ตต้องมองอยู่ เขาไม่พูดอะไรเลย นอกจากเลิกคิ้วขึ้นเชิงถามเท่านั้น
“ โอเครึยัง? “
ซึ่งเป็นคำถามที่ทำเธองง
“ เรื่องอะไรคะ “
“ แฟนมารับไปหาหมอไม่ใช่เหรอ “
“ เอ๋...” ก่อนจะหน้าตาตื่น “ แฟนที่ไหนคะพี่ “
“ ก็นี่ไง โน๊ต..”
รับกระดาษแผ่นเล็กจากมือคนตรงข้ามมาดูให้เต็มตา ที่ทำขิมยืนอึ้งอย่างจริงจัง ไม่คิดว่าเคลจะเป็นคนร้ายกาจขนาดนี้
‘ ขออนุญาตพาแฟนไปหาหมอนะครับ ‘
“ พี่ดูจากกล้องวงจรปิด ก็พอจะรู้แล้วล่ะ ขิมเจ็บหนัก ชกเข้าไปได้ยังไงหน้าผู้ชายกระดูกทั้งนั้น..”
ประโยคหลังสปอร์ตพึมพำ เล่นเอาสาวเจ้าถึงกับสะดุ้ง เธอไม่ได้ตกใจที่สปอร์ตพูดถึงเรื่องมือบวมปูด แต่นึกไปถึงกล้องวงจรปิดต่างหากที่ก่อนหน้านี้เขาไปดูมา
...งั้นก็แปลว่า ตอนเธอถูกจูบ เขาก็เห็นน่ะสิ....
ตายแล้ว!!!
“ เอ่อ..พี่สปอร์ตคะ “
“ ทีหลังถ้าจะทะเลาะกัน รบกวนไปทะเลาะกันที่อื่นนะครับ “
ทำท่าจะอธิบาย แต่ทว่า กลับถูกคนตรงหน้าแทรกด้วยประโยคนี้ ซึ่ง..ทำขิมจุกในอกไม่เบา เพราะมันเป็นประโยคที่แกมสั่งแกมตำหนิ
“ ขอโทษค่ะ...”
นั่นเลยทำให้เธอต้องก้มหน้ายอมรับอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะไม่อยากจะต่อปากต่อคำกับใครแล้ว แค่เรื่องกระเป๋าตั้งค์หายเมื่อกี้ ก็ทำเธอหมดแรงแทบจะเดินไม่ถึงหอ
...พอทีเถอะ...
“ ขิม กลับไปพักผ่อนก่อนก็ได้นะครับ พรุ่งนี้ค่อยมาทำงาน เจ็บอยู่อ่า “
“ แต่ว่า...”
“ เดี๋ยวพี่ไปส่ง รอแปปนึง “
ก่อนคนอาสาจะเดินไปคว้ากุญแจกับหมวกกันน็อคมา ไม่รอถามขิมเพราะรู้นิสัยเธอดี เธอไม่เคยเห็นด้วยกับใครหรอก
“ คะ..ค่ะ....”
ประมาณห้านาทีขิมก็ถึงหอ นั่นเพราะระยะเวลา ระหว่างที่ทำงานของเธอกับมหาลัยมันใกล้กันนิดเดียว ขิมลงจากรถบิ๊กไบค์คันขื่อ ก่อนจะยื่นหมวกสีดำเต็มใบส่งคืน
“ ขอบคุณนะคะ “
ในขณะเจ้าของมันรับไปถือไว้ด้วยสีหน้าที่กึ่งไม่พอใจ สปอร์ตขรึมไปหลังจากนั้น แต่ยังไม่วายที่จะเอื้อมมือมาวางบนหัวขิม
“ หายไวๆนะ “
พูดประโยคสั้นๆเพียงแค่นั้น แล้วก็บึ่งรถออกไปเลย ปล่อยให้ขิมยืนงง
“ เฮ้อ...”
ถอนหายใจออกมาเฮือกนึง พลางหมุนตัวเดิน กลับบ้าง
...ไม่ถึงอาทิตย์ ไม่ทันที่มหาลัยจะเปิด เธอซวยขนาดนี้เลยเหรอ...
ขิมคิด
วันแห่งความสุข เข้าสู่ประตูวิวาห์ช่วงเวลาเหมาะเจาะ ดั่งใจของคนตั้งและวางไว้ งานแต่งระหว่างคนทั้งคู่ ซึ่งอายุจะห่างกันเท่าไหร่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ถูกจัดขึ้นในโบสถ์แบบฉบับของคริสเตียน ปัทมาในชุดเจ้าสาวขาวผ่อง ชายกระโปรงผ้าแก้วแฝงกำมะหยี่แวววับเม็ดเล็กๆ ถูกปล่อยลากพื้นยาวเป็นวา และอีกผืนนึงเอามาปิดเครื่องหน้าไว้เล็กน้อย ทำเจ้าสาวรายนี้ช่างหน้าค้นหายิ่งนัก เดินอวดร่างบางมาพร้อมกับวงแขนให้ยืมควงอย่างยศกร พ่อผู้ให้กำเนิดอาสาเดินมาส่ง ท่ามกลางพรมแดง และพยานผองเพื่อนมากกว่าร้อยคน....ทุกคนยิ้ม เธอเองก็ยิ้ม..." ตื่นเต้นจังค่ะพ่อ ..."เสียงหวานใส ทว่า เบาหวิว กระซิบกระซาบ ระหว่างทางเดิน ยศกรเลิกคิ้วให้ลูกสาว พร้อมรอยยิ้มแค่มุมปาก พยายามอย่างมากที่จะไม่ให้น้ำตาหยดแห่งความรู้สึกหน่วงๆ ซึ่งไข่ในหินถูกขโมยไปหยดนี้ไหลลงมา เมื่อรู้ว่าอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า เขาจะต้องยกลูกสาวให้กับผู้ชายคนอื่นไปครอบครองแล้ว" ใจเย็นๆลูกรัก.. มันคือเรื่องธรรมชาติมากสำหรับผู้หญิง "" แต่มันตื่นเต้นจริงๆนี่คะ ฟังเสียงหัวใจหนูสิ มันแทบจะระเบิด "" อื้ม...พ่อรู้ลูกพ่อรู้ เก็บความตื่นเต้นตรงนั้น ไว้ใช้ในยามเบ่งหลานของพ่อจะ
ค่ำคืนที่ขิมเหนื่อยมาก แต่คงไม่เท่ากับสาวใช้ในบ้านจรัญทิพย์ หลังเก็บแก้วเปล่ากับจานชามที่เขากินกันไม่หยุดไม่หย่อนไปเก็บหลายรอบ นับตั้งแต่เช้าจวบค่ำขิมเพิ่งจะได้พัก ใช้เวลาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านานพอสมควรจนกระทั่งดึก คืนนี้เธอคงจะค้างที่คฤหาสน์หลังใหญ่นี้ เนื่องจากว่าที่เจ้าบ่าวขอเมาไปส่งเธอไม่ได้ และจะไม่ให้ไปเองด้วย เพื่อนฝูงที่ไม่รู้มาจากทางไหนไหลกันเข้ามาจนงานไม่มีกร่อยทั้งๆที่เคลยืนยันหนักแน่นว่าไม่ได้เชิญจริงจัง เพียงแค่บอกต่อๆกันไปเท่านั้น ไม่คิดว่ามันจะเยอะขนาดนี้ ขิมเลยขอตัวตั้งแต่ตอนนั้นเพราะไม่อยากจะไปยืนเก้ๆกังๆ เป็นผู้หญิงคนเดียว“ เฮ้อ..”ก็อกๆๆ“ เข้ามาได้เลยจ๊ะ “เสียงใสตะโกนออกไปทางประตู ยืนรอคอยจนกระทั่งมันเปิด“ คุณขิมคะ การ์ดอวยพรและของขวัญจากแขก พี่เจิมเก็บมาให้หมดแล้วนะคะ วางอยู่ในห้องคุณเคลค่ะ ““ ค่ะ ขอบคุณนะคะ “เธอสาวเท้าเดินตามหลัง ไม่รอช้าด้วยความตื่นเต้น“ โห้ เยอะไปหมดเลย จากใครบ้างคะเนี่ย “ห่อปากตาเป็นประกายด้วยความตื้นตันเมื่อมาถึง พลิกไปพลิกมามองดูชื่อ เธอไม่เคยรู้สึกดีใจอะไรอย่างนี้มาก่อน“ หืม มีแต่ของพี่เคลทั้งนั้นเลยค่ะพี่เจิม “หันไปยิ้มกว้างกับสาว
กิจกรรมรับน้องบรรยากาศคึกครื้นสนุกสนานถูกจัดขึ้นด้วยรุ่นพี่มากฝีมือ ให้เข้ากับน้องๆวัยใสที่เพิ่งย่างก้าวผ่านมัธยมมาไม่กี่เดือน เครื่องหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยสีผสมอาหารชนิดล้างสามวันแทบจะไม่ออก หนึ่งในนั้นก็คงจะหนีไม่พ้นขิม ด้วยสภาพดูไม่จืด อาจจะเพ่งไม่ออกเลยด้วยซ้ำ หากไม่รู้จักมักจี่กันมาก่อนอย่างเช่นพรีม ที่ตอนนี้เธอยืนมองอยู่ไกลๆ รอจังหวะคนน้อยและความพร้อม คำขอโทษมันจะหลุดมาจากปากเธอตอนไหนนั้น ไม่มีใครรู้ ทว่า รับปากกับรัลโด้แล้ววันนี้เธอต้องทำ ไม่ใช่เพื่อกระเป๋าใบหรูราคาแสนแพง แต่เพื่อตัวเธอเองต่างหาก ที่แท้จริงก็ไม่อยากเป็นนักหรอกไอ้ศัตรูกับเพื่อนสมัยอนุบาล ความผูกพันธ์มันล้นเหลือมากกว่านั้นและที่สำคัญพ่อแม่ของทั้งคู่ต่างสนิทชิดเชื้อกันไม่ต่างกับญาติเพราะบ้านใกล้เรือนเคียง หนักใจแทนผู้ปกครองแน่นอน ถ้าพรีมยังคงทำตัวมีปัญหา นึกไปถึงรัลโด้ที่เคยขู่กันไว้ ตั้งแต่ต้นว่าจะทำให้เธอสิ้นอนาคตจนพ่อแม่อับอายแน่นอนถ้าหล่อนร้ายไม่เลิก ในเมื่อเลี้ยงไม่เชื่องสอนไม่จำ แถมนิสัยไม่เปลี่ยน ใครเล่าจะมายอมทน อย่างรัลโด้ยิ่งเสียเวลาเข้าไปใหญ่ การหักดิบเหล่านี้คงต้องเกิดขึ้นเข้าสักวันแน่ ขืนเธอคิดไม
ผ่านไปแล้วเรื่องดราม่า สิ่งที่ปัทมาหรือว่าขิม หญิงสาวจากชลบุรีที่บึ่งขึ้นมาเรียนกรุงเทพ เพราะเหตุผลน้ำเน่าแค่ว่า...หนีคนรัก.... วันนี้ถูกจับติด ติดกับด้วยมารดาของเธอเอง ที่มีความฉลาดไม่แพ้กัน สั่งขิมห่างกับเคลสักระยะหนึ่ง เพื่อดัดนิสัยผู้ชายใจรวนเรปากหนัก เพียงแค่สามวันเท่านั้น แต่เชื่อไหม เคลแทบจะกัดลิ้นตัวเองตาย“สามวันที่ห่างก็คือห่างจริงๆสิน่า ขิมไม่รับโทรศัพท์พี่เลย “หน้าเศร้าหงอยปนสลดเกาะกระจกรถ หลังจากเปิดประตูให้หญิงสาวขึ้นมานั่ง“ ขิมเรียนหนัก พี่เคลก็รู้นี่คะ มีกิจกรรมรับน้องด้วย ““ ห้านาทีก็ไม่มีให้กันเลยเหรอ ““ แน่ะ อย่ามางอแงนะ ก็เราตกลงกันก่อนแล้ว สามวันพี่มารับ ก็นี่ไงคะสามวันแล้ว ไปค่ะ ไปกันได้หรือยัง ขิมอยากให้ปากคำจะแย่ละ ““ ทีอย่างนี้รีบนักนะ ““ อะอ้าววว ช่วยไม่ได้ ก็เพราะแฟนเก่าพี่ไม่ใช่รึไง ที่ทำเราสองคนต้องห่างกันอย่างนี้น่ะ พี่ต้องมีความแค้นฝังลึกบ้างนะ”เหลือบตามองร่างสูง ขณะเขาจ้องลงมาขมวดคิ้ว แค่ขิมเพ่งลึกเข้าไปนัยม่านตาก็อ่านใจได้แล้วล่ะ เลยชิงพูด“ ขิมไม่ยอมโทษตัวเองหรอก ที่ขิมวิ่งออกมา เพราะพี่นั่นแหละ ทำท่าเหมือนอาลัยอาวรณ์แฟนเก่าก่อนเอง ชิ “ทำเคลหล
บรรยากาศชักจะทะแม่ง เมื่อทุกคนพากันมานั่งมองหน้า ไม่มีใครเริ่มเปิดประเด็น อึดอัดมายังขิมตอนนี้ที่นั่งเอามือจิกกันจนเจ็บ ก้มหน้างุนไม่กล้าเผชิญหน้ากับใคร เธอยังไม่รู้ว่าคดีเอเดลตกบันไดนั้นได้คลี่คลายไปแล้ว ทว่า ยังคิดว่าตัวเองคือคนผิด ส่วนเรื่องหล่อนขโมยเพชรเก้ๆกังๆพร่ำจะบอก แต่ดูเหมือนจังหวะตรงนั้นยังไม่มาหาเธอสักที“เอ่อ...”ลำบากมายังคุณนายนภา ผู้กล้าแสดงออก หล่อนเห็นว่าทุกอย่างเริ่มตึงเครียด ขี้คล้านจะอยู่ตรงนี้นาน อีกทั้งต้องมาสบตากับสามีเก่าอยู่บ่อยๆ เลยต้องเป็นฝ่ายจำใจพูด แต่ทว่า กลับถูกทางฝั่งฝ่ายชาย แย่งชิงซะก่อน คุณนายอารีย์ไม่อยากถูกมองว่าหล่อนนั้นหยิ่ง เป็นเจ้าบ้านแต่กลับนั่งเงียบ ทั้งๆที่หล่อนนี้ ไม่เคยเจอะเจอเรื่องแบบนี้ ที่เป็นฝ่ายผิดแล้วต้องมารับผิดชอบใคร เลยไม่ค่อยคุ้นชิน กับคำว่าขอโทษ“ ดิฉันต้องขอโทษทุกๆเรื่อง แทนลูกชายด้วยนะคะ ที่ทำไม่ดีต่อหนูขิม ทั้งเรื่องพาเข้ามาอยู่ที่นี่ ซึ่งดูเหมือนไม่ให้เกียรติ และการคบหาดูใจกัน ดิฉันเองก็เพิ่งจะมาทราบเรื่องนี้ ก็ไม่กี่วันที่ผ่านมาเองค่ะ “สบตากันระหว่างผู้เป็นแม่ ในขณะทุกคนเอาแต่นั่งเงียบ เนื่องจากมีมารยาท“ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ
‘ เอ่อ..พาไปไม่ได้หรอกค่ะ ตอนนี้หนูกะว่าจะเลิกกับเขา ‘‘ ห๊ะ!!’สองคนผสานเสียง หญิงสาวถึงทีสะดุ้งเฮือก ทบทวนประโยคใหม่ ตัวเองพูดอะไรผิดไป ปาดน้ำตาทิ้งยามที่สิงขรจ้องหน้า เค้นยิ้มเสมือนรู้สันดานน้องสาว“ เลิกเรอะ! โอเค งั้นกลับบ้าน แล้วไหนเสื้อผ้าล่ะ “แกล้งถาม ทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่ใช่เลย เสื้อผ้าเธอไม่มีติดตัวสักชิ้น รู้อยู่แก่ใจตั้งแต่ก้าวออกมาจากคฤหาสน์หลังนั้น คนมันคิดจะเลิก มีโอกาสขนาดนั้น ทำไมยังคงทิ้งไว้อยู่“ เอ่อ...”“ แม่ ขิมมันได้กับเขาแล้ว”เงยหน้าเบิกตาโตเท่าที่เคยทำ ครั้นได้ยินประโยคที่พูด พร้อมฝ่ามือใหญ่อีกรอบ บินว่อนแล้วลงตรงกลางหัวผั๊ว!!!“ โอ้ยแม่! ““ รู้แล้ว!! แกจะย้ำให้ฉันอกแตกตายเลยรึไง แค่นี้เป็นลมมาสิบตลบ ยังไม่สาแก่ใจอีกรึ ““ ฮ่าๆๆๆ “ขณะคนเปิดประเด็นย้ำขำลั่น ต่างจากเจ้าตัวอย่างขิม คราวนี้ก้มหน้าสลดหนักกว่าเก่า ความกดดันทำเธอผสานมือเข้าหากัน หยดน้ำตาหล่นแมะลงพื้นกระเบื้อง“ ขอโทษจ๊ะแม่ “ยกมือไหว้ รู้สึกแย่สุดๆ“ เฮ้อ...ขิมเอ๊ย มาตายน้ำตื้นๆ แกห่างบ้านมาได้กี่วันทำไมแม่จะไม่รู้เล่า คบกันไม่พ้นเดือน ได้กันก็ว่าทำใจลำบากแล้ว นี่มาบอกว่าจะเลิก คิดดีแล้วหรือ...”