" คุณ..เป็นใครน่ะ "
เสียงอู้อี้ที่ผ่านการร้องไห้มานานถามขึ้น
ในขณะเจ้าตัวใช้ผ้านวมพันร่างกาย ช้อนตาจากท่ากอดเข่าขึ้นมองเคลด้วยสภาพหัวยุ่ง
"..."
เคลถึงกับเงียบกริบไปไม่ถูก มองสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งเขามีส่วนก่อตั้ง ไม่คิดว่ารัลโด้กับเพื่อนอีกสองคนจะทำถึงขนาดนี้ได้ สงสารจับใจ หดหู่จริงๆ
" จะมาทำหนูอีกคน..."
" เปล่าฮะ "
รีบแทรกทันควัน ก่อนคนตรงหน้าจะเดาไปไกล
" ผมมา... เอ่อ มาช่วยคุณ.."
ถึงกับเสียงหาย เพราะอีกประโยคคำถามนี้ ที่พรีมเอ่ยมันออกมาพร้อมน้ำตา
" ช่วย...ฮึก ช่วยทำไม "
ก่อนร่างสูงในชุดลำลองดำทั้งชุดจะเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ พรีมทำท่าจะกระเถิบหนี ทว่า..
" ผมขอโทษ.."
เคลกลับเอ่ยคำนี้ พร้อมอุ้งมือใหญ่ที่เข้าไปยื้อต้นแขน ทำเจ้าตัวชะงักกลางคันแล้วหันมามอง
" ขะ ขอโทษทำไม.."
" เอ่อ... คือ.."
" คุณเป็นเพื่อนพวกนั้นเหรอ"
พรีมชิงถาม ปริ่มๆเหมือนจะร้องไห้ ก่อนจะร้องจริงๆก็ตอนเคลตอบ
" ใช่..ครับ "
หน้าสลดไม่ต่างกัน ก่อนจะยื่นมือไปปาดน้ำตาให้ แล้วบังคับหัวเธอเข้ามาซบไหล่
" ขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยนะ "
" ฮึก..ฮือๆ "
เคลเงียบไปอึดใจหนึ่ง เสมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างเพื่อความแน่ใจ แล้วตัดใจพูดคำนี้ออกมา ที่ทำหัวใจพรีมพองโต
" ต่อไปนี้..ผมจะดูแลคุณเอง "
ทว่า.. ความหมายมันคนละอย่างกัน เคลแค่เอ็นดู ทว่าพรีม
" ฮึก..."
คิดไปไกลแล้ว และเอ่ยคำนี้ออกมา ที่ทำให้พรีมสะอื้นไห้หนักกว่าเดิม
" ใส่เสื้อผ้านะ"
"..."
" บ้านคุณอยู่ไหน เดี๋ยวผมไปส่ง "
ก่อนจะผงะจากกัน เป็นอันว่าเข้าใจ
" ..."
" ผมไปรอห้องรับแขกนะ "
เคลบอก ก่อนพรีมจะพยักหน้าหงึกหงัก
" ค่ะ.."
...เที่ยงเศษๆ...
รถคันหรูแล่นมาจอดเทียบป้ายมหาลัย ก่อนพรีมจะยกมือไหว้คนขับ เคลถึงกลับขมวดคิ้ว ตัดสินใจถาม ทนไม่ไหวต่อความสงสัยที่เก็บไว้มานาน
" น้องพรีมอยู่หอพักในนี้น่ะรึครับ "
ก่อนสาวเจ้าจะพยักหน้าเบาๆแล้วยิ้ม
" ใช่ค่ะ "
นั่นสร้างความสงสัยให้เคลอีกประมาณนึง ...อย่าบอกนะว่ามาจากต่างจังหวัดอีก...
" พรีมมาจากต่างจังหวัดค่ะพี่เคล "
" หืม.."
และก็จริงด้วย เคลถึงกับเปลี่ยนสีหน้าทันทีทันใด เม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะพยักหน้าหนักๆ เป็นอันว่าเข้าใจ ซึ่งอันที่จริง เขาอยากจะสัมภาษณ์เธอต่อมากกว่า ทว่า..ดูจากอารมณ์ของพรีมแล้ว... อย่าเลย...
" มีอะไรให้ช่วยก็โทรหาพี่ได้ตลอดเวลานะครับพรีม อย่าเสียใจนานนักนะ เดี๋ยวหน้าจะโทรมเอา "
ก่อนแกมสั่งแกมแหย่ ในขณะที่พรีมปลดเข็มขัดออก
" ขอบคุณนะคะ "
แล้วลงจากรถไป
" คุ้นจริงวะ .."
ซึ่งนั่นไม่ได้ทำเคลนั้นหายสงสัยเลย เขายังไม่เหยียบคันเร่งออก จนกว่าแผ่นหลังนั่นจะลับตา ส่วนในสมองครุ่นคิด ...ทำไมอยู่ดีๆ เขาเกิดนึกถึงผู้หญิงคนนึงขึ้นมา คนที่มีประวัติคล้ายๆแบบนี้...
" เห้ย ไม่ใช่หรอกมั้ง..แค่เรียนที่เดียวกันน่า "
เหยียบคันเร่งออก หลังจากพึมพำกับตัวเองอยู่นาน เพื่อจะบึ่งไปหาสามคนนั่น
...ฝั่งทางด้านพรีม ...
หลังจากเดินมาถึงห้อง เธอหยุดขาตัวเองพักหนึ่ง ก่อนจะจัดแจงชุดสีแดงตัวเดิมให้เข้าที่ พร้อมทรงผมที่มัดมาลวกๆให้หายยุ่งเหยิง จากนั้นก็ทำการเคาะประตู และแสร้งทำตัวให้ปกติที่สุด
ก็อก ก็อก ก็อก
แอด...
จนกระทั่งบานประตูเปิดออก
" แฮ่... ^^ "
" พรีม!!! แกหายไปไหนมา! "
พร้อมกับหน้าจิ้มลิ้มของเพื่อนสนิทที่โผล่ออกมาแล้วหน้าตาตื่นภายหลัง
" ใจเย็นๆขิม ใจเย็นๆ "
เธอดึงพรีมเข้ามาในห้องพร้อมปิดประตูลงเต็มกำลัง ก่อนจะทำการตรวจเช็คร่างกาย และพ่นคำถามใส่พอๆกับปืนกล
" ไปไหนมา ทำไมถึงกลับเอาป่านนี้ "
ชนิดที่ว่ากระสุนหมดแม็กแล้วก็ยังจะใส่ใหม่
" เดี๋ยวสิ ขอฉันนั่งพักก่อน "
ในที่พรีมแถ ทำทีหาที่นั่ง ถ่วงเวลาไว้ อันที่จริงท้องเธอน่ะหน่วง
" แกเป็นอะไรน่ะ "
ซึ่งนั่นทำขิมงงไม่เบา
" เปล่า แค่เดินมาเหนื่อย"
" หืม เดินมาจากไหน "
" หน้ามหาลัยน่ะ "
" มากับใคร ใครมาส่ง "
ก่อนขิมจะพ่นคำถามนี้ จับแขนจับมือด้วยความเป็นห่วง ได้ทีพรีมยิ้มกว้าง ถือโอกาสตรงนั้นพูด
" กับแฟนน่ะ แฟนมาส่ง.. ^^"
ซึ่งทำเอาคนฟังอย่างขิมถึงกับชะงัก ขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปม แล้วถามเสียงหาย
" แฟน... มีตอนไหนวะ..."
" ขออาบน้ำก่อนได้มะ เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟัง.."
จบประโยคปล่อยขิมค้างนั้น เธอก็วิ่งเข้าห้องน้ำทันที
..น่าแปลก เมื่อคืนขิมเจอเรื่องร้ายๆมาขนาดนี้ บ่ายนี้กลับยิ้มได้...
... หรือนี่เธอจะทำใจได้แล้ว เลยไม่คิดจะเล่าเรื่องที่ตัวเองพลาดมาให้เพื่อนสนิท..ฟัง...
สิบห้านาทีหลังจากนั้น พรีมออกมาจากห้องน้ำ รอยแดงจ้ำช้ำเลือดที่เกาะตามเนินอกนั้นทำขิมถึงกับตกใจ เธอเผลอลุกขึ้นมาจากท่านอน ดีดตัวยิ่งกว่าสปริงเหล็กในเบาะซะอีก
" พรีม.. นั่นแก.."
" หืม.."
ก่อนเจ้าตัวจะเบิกตากว้างอึดใจนึงตอนก้มลงไปมอง แล้วเห็นมันชัดเจน ลืมตัวไปเสียสนิทกับเรื่องที่เกิดขึ้น จะปิดตอนนี้ก็คงไม่ทัน ลำบากใจเธอต้องควักมารยาร้อยเล่มเกวียนซึ่งแฝงอยู่ในสายเลือดออกมาใช้จนได้
" นี่อย่าบอกนะว่าแกกับแฟน.. "
แสร้งทำหน้าสลดตาละห้อย แล้วเดินเข้าไปหา
" อย่าบอกพ่อกับแม่ฉันนะ..."
" ให้ตายเถอะพรีม! ทำไมถึงได้ไวอย่างนี้ "
ในขณะคนฟังอย่างขิมถึงกับอึ้ง มองหน้าเพื่อนสนิทไม่อยากจะเชื่อ
" คือฉัน... ก็ ..ก็เขาหล่องะ "
เม้มปากมองคนพูดไปไม่ถูก ก่อนนักแสดงระดับห้าดาวควรจะได้โล่อย่างพรีมยังไม่เลิกรา แถต่อเนื่องซะจนขิมเชื่อสนิท
" เออ..ก็แล้วแต่แกเถอะวะ โตๆกันแล้วอ่า "
พูดออกมาเสียงแผ่วพลางพยักหน้าให้ แล้วล้มลงไปนอนที่เดิม
" ขอบใจนะ "
" ไม่ต้องขอบใจฉันหรอก ขอบใจฉันทำไม นั่นมันร่างกายแก ว่าแต่แฟนแกชื่ออะไรเหรอ ว่างๆพามาเจอกัน หน่อยสิ "
ทว่า ต้องมาดีดตัวใหม่เพราะประโยคนี้ ที่พรีมเอ่ยออกมาอย่างภาคภูมิใจ
" ชื่อเคลน่ะ "
พรวด!!!
" ..."
" เอ๋..แกเป็นไรน่ะขิม อยู่ๆก็เด้งตัวขึ้นมาเฉย ตกใจหมดเลย "
เบิกตาโตพยายามนึก ก่อนจะเก็บความสงสัยนั้นไว้ แล้วส่ายหน้า
" ปะ เปล่า.. คือฉันแค่จะบอกแกว่าพี่คนนั้นที่แกไปชนเขาวันก่อนในสนามบินน่ะ เขาเป็นลูกเจ้าของร้านที่ฉันจะไปทำงานนะ "
ยิ้มแห้งๆ เหมือนภูมิใจซะเต็มประดาที่ตัวเธอนั้นเปลี่ยนเรื่องคุยได้ พยายามกลบเกลื่อนความตกใจเมื่อกี้ไว้ด้วยการล้มตัวลงไปนอนใหม่
" จริงเหรอ! "
ก่อนจะสะดุ้งอีกที เพราะเสียงดีใจมากเกินไปของพรีม
" โลกกลมจังเลยเนอะ.."
ในขณะหัวขิมตอนนี้เต็มไปด้วยชื่อที่ว่านั้น พลางคิด ถ้าแฟนพรีมเกิดเป็นคนเดียวกันกับที่เธอเจอล่ะก็ เธอไม่อยากจะบอกพรีมเลย ว่าเขาคนนั้นน่ะกำลังขาดขา เพราะเมื่อวานนี้ เขาเพิ่งจะมาชวนเธอไปสมัครอยู่เลย
" คงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกมั้ง.."
ก่อนเจ้าตัวจะพึมพำ หลังที่พรีมเดินห่างไปแต่งตัวแล้ว
....เช้าอีกวัน....
ขิมตื่นตั้งแต่เจ็ดโมง เพราะต้องเริ่มงานวันแรก น่าแปลกที่วันนี้เธอไม่ได้แหย่ให้พรีมตื่นอย่างเช่นครั้งก่อน แต่กลับรีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วย่องออกมาเลย เดินลัดเลาะไปตามถนนไม่ถึงกิโล ขิมก็มาถึงจุดหมาย ร้านของสปอร์ตเปิดตั้งแต่เก้าโมงเป็นต้นไป และปิดอีกทีก็ตอนสี่ทุ่ม บรรยากาศร้าน การตกแต่งร้านบอกเลย สไตล์หัวกะทิอย่างเจ้าของ..เกินคำบรรยาย
...ดีทุกอย่างแม้แต่กลิ่นปรับอากาศที่ออกมาจากแอร์...
" หืม.."
เสียงอุทานที่เกิดขึ้นจากลำคอขิม นั่นมาจากความแปลกใจที่เธอเผลอไปเห็นใครบางคนยืนก้มๆเงยๆอยู่ในนั้น กริ๊ง.. ก่อนจะผลักประตูเข้าไปแล้วยิ้มหวาน ในขณะคนข้างในหันมาตามเสียงกระดิ่ง
" เห้ย..ขิม ทำงานเก้าโมงไม่ใช่เหรอ นี่ยังแปดโมงอยู่เลย มาไวแท้ "
สปอร์ตยิ้มทักทายอย่างดีใจ ยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา
" พี่สปอร์ตนั่นล่ะ ว่าแต่คนอื่น ทำไมถึงมาเช้า "
" แน่ะ มีย้อนถาม ก็บ้านพี่อยู่นี่ "
" จริงอ้ะ "
ขิมหรี่ตาจับผิด มองกระป๋องแอลกอฮอลล์ที่กองเรียงรายเกลื่อนไปทั่ว
" ไม่ใช่ว่าเมาจนกลับบ้านไม่ถูกหรอกเหรอคะ "
" อ๊ะ! " ถึงขั้นสปอร์ตอุทาน ยกมือเกาหัวอย่างเลี่ยงไม่ได้ " รู้ทันจริงๆ "
" ฮ่าๆๆ งั้นขิมเก็บให้นะคะ "
" เฮ้ย! ไม่ต้องหรอกๆ พี่กินเองพี่เก็บเองได้ "
สปอร์ตรีบโบกมือห้ามทว่า กลับไม่ทัน ขิมปลดสายสะพายเป้ออกจากไหล่ ก่อนจะเดินไปหยิบถุงดำ แล้วทยอยเก็บ
" ไม่เป็นไร..ขิมอยากทำ "
" เอ่อ.."
นั่นเลยสร้างความประทับใจขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ สปอร์ตมองเพลินซะจนลืมไปเสียสนิทว่าทีแรกตัวเองตั้งใจจะทำอะไร
" เอ้อขิม "
" คะ?"
มานึกออกอีกทีก็ตอนเวลาเลยผ่านไปไกลแล้ว
" เดี๋ยวพี่กลับบ้านก่อนนะ พอดีมีอีกสาขานึงที่พี่ต้องไปเคลียร์น่ะ เมื่อคืนถูกโจรปล้น ขิมอยู่คนเดียวไปก่อนได้ใช่มั้ยครับ "
" ห๊ะ! "
" ไม่ต้องมาห๊ะหรอก ถ้าอยู่ไม่ได้ก็บอก "
" บ้ารึพี่ ไม่ใช่เรื่องนั้นสักหน่อย ขิมก็แค่ตกใจตรงคำว่าโจรปล้น "
" อ่อ.. ฮ่าๆๆ "
" แล้วเป็นยังไงบ้างคะ จับคนร้ายได้ไหม "
" ตอนนี้ยังลอยนวล แต่คิดว่าคงไม่ช้า เพราะหลักฐานจากกล้องวงจรปิดเห็นหน้าชัดเจน "
" อ่อ โอเคค่ะ "
" ขิมอยู่คนเดียวได้ใช่ไหมครับ "
" ได้ค่ะ ^^ สบายมาก "
ขิมตอบยิ้มๆ ก่อนจะก้มลงไปเก็บกวาดร้านต่อ
จนกระทั่งเก้าโมงเช้า ถึงเวลาหมุนป้ายเปิด กริ๊ง. เสียงกระดิ่งดังไล่หลังเธอเข้ามาติดๆ ก่อนสาวเจ้าจะหันไปยิ้มหวานจะต้อนรับ
" สวัสดีค่ะ ^^ "
ทว่า ต้องหุบยิ้มลงทันควัน
" หืม ทำงานที่นี่หรอกเหรอนี่ "
" นี่คุณ!"
" เฮ้ย อย่ามองผมแบบนั้นสิ ผมแค่มาหาซื้อไม้ตีกอล์ฟ "
" มองแบบไหนไม่ทราบ "
ขิมเชิ่ดปลายจมูกถาม สีหน้าดูไม่ค่อยจะพอใจ
" ก็เหมือนผม เป็นไอ้โรคจิต..น่ะสิ "
ก่อนจะหลุดขำออกมาด้วยประโยคนี้ ที่คนตรงหน้าเดาถูกใจ
" คุณนี่เก่งจังเลยนะคะ สามารถอ่านใจหนูได้ด้วย "
" ขิม.."
แต่แล้วต้องกลับมาทำตาขึงใส่อีกครั้ง พร้อมคำสั่งห้วนๆนี้
" อย่ามาเรียกชื่อเล่นหนูนะ "
" ...."
" คุณไม่ได้สนิทกับหนูขนาดนั้น"
มองคนตรงหน้าจะเอาเรื่อง
....ซวยแต่เช้าเลยฉัน....
พร้อมกับความคิดในใจ
วันแห่งความสุข เข้าสู่ประตูวิวาห์ช่วงเวลาเหมาะเจาะ ดั่งใจของคนตั้งและวางไว้ งานแต่งระหว่างคนทั้งคู่ ซึ่งอายุจะห่างกันเท่าไหร่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ถูกจัดขึ้นในโบสถ์แบบฉบับของคริสเตียน ปัทมาในชุดเจ้าสาวขาวผ่อง ชายกระโปรงผ้าแก้วแฝงกำมะหยี่แวววับเม็ดเล็กๆ ถูกปล่อยลากพื้นยาวเป็นวา และอีกผืนนึงเอามาปิดเครื่องหน้าไว้เล็กน้อย ทำเจ้าสาวรายนี้ช่างหน้าค้นหายิ่งนัก เดินอวดร่างบางมาพร้อมกับวงแขนให้ยืมควงอย่างยศกร พ่อผู้ให้กำเนิดอาสาเดินมาส่ง ท่ามกลางพรมแดง และพยานผองเพื่อนมากกว่าร้อยคน....ทุกคนยิ้ม เธอเองก็ยิ้ม..." ตื่นเต้นจังค่ะพ่อ ..."เสียงหวานใส ทว่า เบาหวิว กระซิบกระซาบ ระหว่างทางเดิน ยศกรเลิกคิ้วให้ลูกสาว พร้อมรอยยิ้มแค่มุมปาก พยายามอย่างมากที่จะไม่ให้น้ำตาหยดแห่งความรู้สึกหน่วงๆ ซึ่งไข่ในหินถูกขโมยไปหยดนี้ไหลลงมา เมื่อรู้ว่าอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า เขาจะต้องยกลูกสาวให้กับผู้ชายคนอื่นไปครอบครองแล้ว" ใจเย็นๆลูกรัก.. มันคือเรื่องธรรมชาติมากสำหรับผู้หญิง "" แต่มันตื่นเต้นจริงๆนี่คะ ฟังเสียงหัวใจหนูสิ มันแทบจะระเบิด "" อื้ม...พ่อรู้ลูกพ่อรู้ เก็บความตื่นเต้นตรงนั้น ไว้ใช้ในยามเบ่งหลานของพ่อจะ
ค่ำคืนที่ขิมเหนื่อยมาก แต่คงไม่เท่ากับสาวใช้ในบ้านจรัญทิพย์ หลังเก็บแก้วเปล่ากับจานชามที่เขากินกันไม่หยุดไม่หย่อนไปเก็บหลายรอบ นับตั้งแต่เช้าจวบค่ำขิมเพิ่งจะได้พัก ใช้เวลาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านานพอสมควรจนกระทั่งดึก คืนนี้เธอคงจะค้างที่คฤหาสน์หลังใหญ่นี้ เนื่องจากว่าที่เจ้าบ่าวขอเมาไปส่งเธอไม่ได้ และจะไม่ให้ไปเองด้วย เพื่อนฝูงที่ไม่รู้มาจากทางไหนไหลกันเข้ามาจนงานไม่มีกร่อยทั้งๆที่เคลยืนยันหนักแน่นว่าไม่ได้เชิญจริงจัง เพียงแค่บอกต่อๆกันไปเท่านั้น ไม่คิดว่ามันจะเยอะขนาดนี้ ขิมเลยขอตัวตั้งแต่ตอนนั้นเพราะไม่อยากจะไปยืนเก้ๆกังๆ เป็นผู้หญิงคนเดียว“ เฮ้อ..”ก็อกๆๆ“ เข้ามาได้เลยจ๊ะ “เสียงใสตะโกนออกไปทางประตู ยืนรอคอยจนกระทั่งมันเปิด“ คุณขิมคะ การ์ดอวยพรและของขวัญจากแขก พี่เจิมเก็บมาให้หมดแล้วนะคะ วางอยู่ในห้องคุณเคลค่ะ ““ ค่ะ ขอบคุณนะคะ “เธอสาวเท้าเดินตามหลัง ไม่รอช้าด้วยความตื่นเต้น“ โห้ เยอะไปหมดเลย จากใครบ้างคะเนี่ย “ห่อปากตาเป็นประกายด้วยความตื้นตันเมื่อมาถึง พลิกไปพลิกมามองดูชื่อ เธอไม่เคยรู้สึกดีใจอะไรอย่างนี้มาก่อน“ หืม มีแต่ของพี่เคลทั้งนั้นเลยค่ะพี่เจิม “หันไปยิ้มกว้างกับสาว
กิจกรรมรับน้องบรรยากาศคึกครื้นสนุกสนานถูกจัดขึ้นด้วยรุ่นพี่มากฝีมือ ให้เข้ากับน้องๆวัยใสที่เพิ่งย่างก้าวผ่านมัธยมมาไม่กี่เดือน เครื่องหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยสีผสมอาหารชนิดล้างสามวันแทบจะไม่ออก หนึ่งในนั้นก็คงจะหนีไม่พ้นขิม ด้วยสภาพดูไม่จืด อาจจะเพ่งไม่ออกเลยด้วยซ้ำ หากไม่รู้จักมักจี่กันมาก่อนอย่างเช่นพรีม ที่ตอนนี้เธอยืนมองอยู่ไกลๆ รอจังหวะคนน้อยและความพร้อม คำขอโทษมันจะหลุดมาจากปากเธอตอนไหนนั้น ไม่มีใครรู้ ทว่า รับปากกับรัลโด้แล้ววันนี้เธอต้องทำ ไม่ใช่เพื่อกระเป๋าใบหรูราคาแสนแพง แต่เพื่อตัวเธอเองต่างหาก ที่แท้จริงก็ไม่อยากเป็นนักหรอกไอ้ศัตรูกับเพื่อนสมัยอนุบาล ความผูกพันธ์มันล้นเหลือมากกว่านั้นและที่สำคัญพ่อแม่ของทั้งคู่ต่างสนิทชิดเชื้อกันไม่ต่างกับญาติเพราะบ้านใกล้เรือนเคียง หนักใจแทนผู้ปกครองแน่นอน ถ้าพรีมยังคงทำตัวมีปัญหา นึกไปถึงรัลโด้ที่เคยขู่กันไว้ ตั้งแต่ต้นว่าจะทำให้เธอสิ้นอนาคตจนพ่อแม่อับอายแน่นอนถ้าหล่อนร้ายไม่เลิก ในเมื่อเลี้ยงไม่เชื่องสอนไม่จำ แถมนิสัยไม่เปลี่ยน ใครเล่าจะมายอมทน อย่างรัลโด้ยิ่งเสียเวลาเข้าไปใหญ่ การหักดิบเหล่านี้คงต้องเกิดขึ้นเข้าสักวันแน่ ขืนเธอคิดไม
ผ่านไปแล้วเรื่องดราม่า สิ่งที่ปัทมาหรือว่าขิม หญิงสาวจากชลบุรีที่บึ่งขึ้นมาเรียนกรุงเทพ เพราะเหตุผลน้ำเน่าแค่ว่า...หนีคนรัก.... วันนี้ถูกจับติด ติดกับด้วยมารดาของเธอเอง ที่มีความฉลาดไม่แพ้กัน สั่งขิมห่างกับเคลสักระยะหนึ่ง เพื่อดัดนิสัยผู้ชายใจรวนเรปากหนัก เพียงแค่สามวันเท่านั้น แต่เชื่อไหม เคลแทบจะกัดลิ้นตัวเองตาย“สามวันที่ห่างก็คือห่างจริงๆสิน่า ขิมไม่รับโทรศัพท์พี่เลย “หน้าเศร้าหงอยปนสลดเกาะกระจกรถ หลังจากเปิดประตูให้หญิงสาวขึ้นมานั่ง“ ขิมเรียนหนัก พี่เคลก็รู้นี่คะ มีกิจกรรมรับน้องด้วย ““ ห้านาทีก็ไม่มีให้กันเลยเหรอ ““ แน่ะ อย่ามางอแงนะ ก็เราตกลงกันก่อนแล้ว สามวันพี่มารับ ก็นี่ไงคะสามวันแล้ว ไปค่ะ ไปกันได้หรือยัง ขิมอยากให้ปากคำจะแย่ละ ““ ทีอย่างนี้รีบนักนะ ““ อะอ้าววว ช่วยไม่ได้ ก็เพราะแฟนเก่าพี่ไม่ใช่รึไง ที่ทำเราสองคนต้องห่างกันอย่างนี้น่ะ พี่ต้องมีความแค้นฝังลึกบ้างนะ”เหลือบตามองร่างสูง ขณะเขาจ้องลงมาขมวดคิ้ว แค่ขิมเพ่งลึกเข้าไปนัยม่านตาก็อ่านใจได้แล้วล่ะ เลยชิงพูด“ ขิมไม่ยอมโทษตัวเองหรอก ที่ขิมวิ่งออกมา เพราะพี่นั่นแหละ ทำท่าเหมือนอาลัยอาวรณ์แฟนเก่าก่อนเอง ชิ “ทำเคลหล
บรรยากาศชักจะทะแม่ง เมื่อทุกคนพากันมานั่งมองหน้า ไม่มีใครเริ่มเปิดประเด็น อึดอัดมายังขิมตอนนี้ที่นั่งเอามือจิกกันจนเจ็บ ก้มหน้างุนไม่กล้าเผชิญหน้ากับใคร เธอยังไม่รู้ว่าคดีเอเดลตกบันไดนั้นได้คลี่คลายไปแล้ว ทว่า ยังคิดว่าตัวเองคือคนผิด ส่วนเรื่องหล่อนขโมยเพชรเก้ๆกังๆพร่ำจะบอก แต่ดูเหมือนจังหวะตรงนั้นยังไม่มาหาเธอสักที“เอ่อ...”ลำบากมายังคุณนายนภา ผู้กล้าแสดงออก หล่อนเห็นว่าทุกอย่างเริ่มตึงเครียด ขี้คล้านจะอยู่ตรงนี้นาน อีกทั้งต้องมาสบตากับสามีเก่าอยู่บ่อยๆ เลยต้องเป็นฝ่ายจำใจพูด แต่ทว่า กลับถูกทางฝั่งฝ่ายชาย แย่งชิงซะก่อน คุณนายอารีย์ไม่อยากถูกมองว่าหล่อนนั้นหยิ่ง เป็นเจ้าบ้านแต่กลับนั่งเงียบ ทั้งๆที่หล่อนนี้ ไม่เคยเจอะเจอเรื่องแบบนี้ ที่เป็นฝ่ายผิดแล้วต้องมารับผิดชอบใคร เลยไม่ค่อยคุ้นชิน กับคำว่าขอโทษ“ ดิฉันต้องขอโทษทุกๆเรื่อง แทนลูกชายด้วยนะคะ ที่ทำไม่ดีต่อหนูขิม ทั้งเรื่องพาเข้ามาอยู่ที่นี่ ซึ่งดูเหมือนไม่ให้เกียรติ และการคบหาดูใจกัน ดิฉันเองก็เพิ่งจะมาทราบเรื่องนี้ ก็ไม่กี่วันที่ผ่านมาเองค่ะ “สบตากันระหว่างผู้เป็นแม่ ในขณะทุกคนเอาแต่นั่งเงียบ เนื่องจากมีมารยาท“ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ
‘ เอ่อ..พาไปไม่ได้หรอกค่ะ ตอนนี้หนูกะว่าจะเลิกกับเขา ‘‘ ห๊ะ!!’สองคนผสานเสียง หญิงสาวถึงทีสะดุ้งเฮือก ทบทวนประโยคใหม่ ตัวเองพูดอะไรผิดไป ปาดน้ำตาทิ้งยามที่สิงขรจ้องหน้า เค้นยิ้มเสมือนรู้สันดานน้องสาว“ เลิกเรอะ! โอเค งั้นกลับบ้าน แล้วไหนเสื้อผ้าล่ะ “แกล้งถาม ทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่ใช่เลย เสื้อผ้าเธอไม่มีติดตัวสักชิ้น รู้อยู่แก่ใจตั้งแต่ก้าวออกมาจากคฤหาสน์หลังนั้น คนมันคิดจะเลิก มีโอกาสขนาดนั้น ทำไมยังคงทิ้งไว้อยู่“ เอ่อ...”“ แม่ ขิมมันได้กับเขาแล้ว”เงยหน้าเบิกตาโตเท่าที่เคยทำ ครั้นได้ยินประโยคที่พูด พร้อมฝ่ามือใหญ่อีกรอบ บินว่อนแล้วลงตรงกลางหัวผั๊ว!!!“ โอ้ยแม่! ““ รู้แล้ว!! แกจะย้ำให้ฉันอกแตกตายเลยรึไง แค่นี้เป็นลมมาสิบตลบ ยังไม่สาแก่ใจอีกรึ ““ ฮ่าๆๆๆ “ขณะคนเปิดประเด็นย้ำขำลั่น ต่างจากเจ้าตัวอย่างขิม คราวนี้ก้มหน้าสลดหนักกว่าเก่า ความกดดันทำเธอผสานมือเข้าหากัน หยดน้ำตาหล่นแมะลงพื้นกระเบื้อง“ ขอโทษจ๊ะแม่ “ยกมือไหว้ รู้สึกแย่สุดๆ“ เฮ้อ...ขิมเอ๊ย มาตายน้ำตื้นๆ แกห่างบ้านมาได้กี่วันทำไมแม่จะไม่รู้เล่า คบกันไม่พ้นเดือน ได้กันก็ว่าทำใจลำบากแล้ว นี่มาบอกว่าจะเลิก คิดดีแล้วหรือ...”