Beranda / รักโบราณ / แม่หมอแห่งซูโจว / 13. เพียงสัมผัสและสบตา

Share

13. เพียงสัมผัสและสบตา

last update Terakhir Diperbarui: 2025-06-25 22:15:42

ลี่มี่ที่คิดได้ว่าบางทีนิมิตของนางอาจเกิดจากการสัมผัสผู้อื่น นางก็พยายามสัมผัสร่างกายของพ่อค้าแม่ค้าที่นางซื้อของ และก็เป็นดังที่นางคิดไว้ ภาพนิมิตของคนเหล่านั้นไหลเวียนเข้ามามิขาดสาย

เฮือก! ชายผู้นี้จะถูกภรรยาทุบตีโทษฐานแอบไปเที่ยวหอนางโลม

เฮือก! หญิงผู้นี้จะเหยียบชายกระโปรงตนเองล้ม

เฮือก! อ่า~ เด็กน้อยจะถ่ายหนักเลอะเทอะมารดาของนาง

“พี่มี่เอ๋อร์” ลี่หมิงกระตุกชายอาภรณ์ของพี่สาวที่กำลังดื่มด่ำอยู่กับความสุขใจ เพราะในที่สุดนางก็รู้แล้วว่าต้องทำอย่างไรจึงจะเกิดภาพนิมิต

“ว่าอย่างไรหรืออาหมิง”

“ข้าเอาขนมไปแบ่งให้ขอทานตาบอดคนนั้น ได้หรือไม่ขอยับ” ลี่มี่มองไปตามทิศทางที่มือเล็กชี้ไป ก็พบเข้ากับขอทานตาบอดที่นั่งอยู่ ผมเผ้าที่ยาวเฟื้อยและมีกลิ่นเหม็นสาบ ทำให้ผู้คนละแวกนั้นมิอยากเดินเข้าไปใกล้

“ได้สิ แต่พี่ว่าเราเอาเปาจื่อให้เขา น่าจะอิ่มท้องมากกว่า” ลี่มี่หยิบเปาจื่อออกมาสองลูก และเดินตรงไปหาขอทานตาบอดพลางคิดในใจว่าอยากเห็นภาพนิมิตว่าชายขอทานผู้นี้จะมีชีวิตอย่างไร

“ท่านอา ข้าเอาเปาจื่อมาให้เจ้าค่ะ” มือบางเอื้อมไปจับมือหนาที่แห้งกรังให้รับเปาจื่อไป ลี่มี่ตั้งใจดึงเวลาเล็กน้อย เพื่อรอภาพนิมิต ทว่าเรื่องราวกลับไม่เป็นไปตามที่นางคิด ภาพนิมิตมิได้เกิดขึ้น ทั้งที่นางสัมผัสมือกับคนตรงหน้า แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็น…

“คึๆ คึๆ เจ้าชมชอบข้าหรือ จับมือข้าเสียนาน คึๆ มาเป็นภรรยาข้าดีหรือไม่ คึๆ คึๆ” ชายขอทานทำท่าบิดเขิน ทั้งยังยิ้มเสียจนเห็นฟังครบทุกสี

อ่า ขาดสองซีด้านหน้าที่มิรู้ว่าหายไปที่ใด แหะๆ

“หยุดนะ พี่มี่เอ๋อร์ใจดีมอบเปาจื่อให้เจ้า ยังทำท่าทีมิเหมาะสมอีก ฮึ่! มิน่าเอ็นดูเอาเสียเยย” มือเล็กรีบดึงพี่สาว ให้ออกห่างจากขอทานมิรู้บุญคุณคนอย่างรวดเร็ว พลางคิดโทษตนเอง ที่นึกสงสารขอทานตาบอดผู้นั้น จนทำให้พี่สาวถูกล่วงเกินเช่นนี้

ด้านพี่สาวมิได้เข้าใจความกังวลของน้องชายเลยแม้แต่น้อย เอาแต่สงสัยว่าเหตุใดนางมิเห็นภาพนิมิตของชายตาบอดผู้นั้น จนเดินทางมาถึงเรือน นางก็ยังคิดไม่ตกว่าเป็นเพราะเหตุใดกันแน่

“เหตุใดเล่า ข้าก็สัมผัสกายเขาแล้วมิใช่หรือ” ใบหน้างอของพี่สาวทำให้ลี่หมิงอดสงสัยไม่ได้ว่าพี่สาวเป็นอันใด ทั้งนางยังยกมือเกาศีรษะจนผมยุ่งเหยิงไปหมด

“คิดสิ่งใดขอยับ ให้น้องช่วยคิดดีหยือไม่” ร่างเล็กขยับกายเข้าไปหาพี่สาว ขาเล็กนั่งขัดสมาธิ จุมปุ๊กอยู่ตรงหน้าลี่มี่

“พี่กำลังคิดว่า จะทำอย่างไรจึงจะเห็นภาพนิมิตในกาลข้างหน้าได้”

“เหมือนคราที่พี่มี่เอ๋อร์เห็นว่าน้องจะทำถังหูยู่ตกหยือ”

“ใช่~” เสียงเหนื่อยอ่อนของพี่สาว ทำให้คิ้วเล็กของลี่หมิงขมวดเข้าหากัน แขนน้อยๆ ถูกยกขึ้นมากอดอกอย่างใช้ความคิด

“อืม อืม ตอนนั้นพี่มี่เอ๋อร์จับมือน้อง น้องจำได้” ลี่มี่นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่นางกระทำในตอนนั้น และลองทำตามเป็นขั้นเป็นตอน

“ใช่ พี่จับมือเจ้าเช่นนี้ แล้ว…” เด็กสาวหลับตาย้อนนึกไป

“แล้วน้องก็แอบมองตาของท่าน มันงดงามนัก น้องอยากได้ คิกๆ” เด็กชายตัวน้อยสารภาพเองเสร็จสรรพ เขาหลงใหลดวงตาของพี่สาว มองอย่างไรก็มิเบื่อหน่าย งดงามยิ่งกว่าผู้ใดที่เขาเคยพบ

“แอบมองตา มองตา…จริงสิ ชายผู้นั้นตาบอด เขาจึงมิได้สบตาข้า” ทุกคนที่นางเห็นภาพนิมิต ล้วนแล้วแต่ได้พูดคุยสบสายตากันทั้งสิ้น คงจะมีเพียงขอทานตาบอดผู้นั้นที่นางมิได้สบตาด้วย นางจึงมิเห็นภาพนิมิต

“ขอ ขอพี่ลองดูภาพนิมิตจากเจ้าได้หรือไม่” ลี่มี่เอ่ยขออนุญาตน้องชาย แล้วทดลองใช้ความสามารถของตนเองทันที นางลองผิดลองถูกอยู่หลายครั้ง ทั้งลองทำเพียงสัมผัส ลองทำเพียงสบตา และลองทั้งสองอย่างพร้อมกัน บ้างก็ล้มเหลว บ้างก็สำเร็จ

“ท่านยายเจ้าคะ ข้าได้อาภรณ์มาแล้วนะเจ้าคะ มิรู้ว่าจะถูกใจท่านยายหรือไม่” หลังจากทานมื้อเย็น ทั้งสามยายหลานก็มานั่งพูดคุยกัน ลี่มี่หยิบเอาอาภรณ์ตัวใหม่มาให้ท่านยายได้ดู

“ยายบอกให้ซื้อเพียงของพวกเจ้าอย่างไรเล่า สิ้นเปลืองเงินของพวกเจ้านัก”

“ได้อย่างไรเจ้าคะ อาภรณ์ของท่านยายชำรุดหมดแล้ว อีกอย่างเราเป็นครอบครัวเดียวกันมิใช่หรือเจ้าคะ” เหมาไป่ลูบอาภรณ์ตัวใหม่อย่างซึ้งใจ นานมาแล้วที่นางมิมีเงินทองซื้อผ้ามาตัดอาภรณ์ จึงต้องใช้ของเก่าซ้ำๆ จนมันขาดรุ่ยแทบจะมิใช่เสื้อผ้า ยามนี้หลานสาว หลานชายตั้งใจซื้ออาภรณ์ชุดใหม่เอี่ยมมาให้ จะมิให้นางซึ้งใจได้อย่างไร

“ขอบใจ ยายขอบใจพวกเจ้านัก”

“ข้าและอาหมิงยินดีนักเจ้าค่ะ ต่อไปหากว่าข้าหาเงินทองได้มาก ข้าจะให้ท่านยายและอาหมิงได้อยู่อย่างสบาย”

“น้องก็จะช่วยหาเงินขอยับ”

“ฮ่าๆ เช่นนั้นเจ้าต้องมาช่วยพี่ต้อนรับผู้ศรัทธา” คำพูดของลี่มี่ทำให้เหมาไป่นึกเอะใจขึ้นมา

“ผู้ศรัทธาหรือ”

“เจ้าค่ะท่านยาย ข้าคิดจะเปิดสำนักแม่หมอกันเจ้าค่ะ ข้าพอจะรู้แล้วว่าทำอย่างไรถึงจะเห็นภาพนิมิตเจ้าค่ะ แม้จะไม่เห็นทุกครั้งที่ต้องการ แต่ก็ถือว่าสามารถนำไปทำมาหากินได้แล้ว” ลี่มี่คาดการณ์เอาไว้ว่าในช่วงแรกจะให้ทุกคนจ่ายเท่าที่ศรัทธา เชื่อมากจ่ายมาก เชื่อน้อยจ่ายน้อย หรือหากว่าผู้ใดที่มิมีวาสนาต่อกัน นางมิอาจเห็นภาพนิมิตได้ นางก็จะไม่คิดเงินกับพวกเขา

“หากเจ้าว่าเช่นนั้น ยายก็ตามใจเจ้า มีสิ่งใดให้ยายช่วยอย่าได้เกรงใจ” เหมาไป่ลูบศีรษะของหลานสาวและหลานชายอย่างอ่อนโยน

“เจ้าค่ะ…นี่อาหมิง ต่อไปเจ้าต้องเรียกพี่ว่าแม่หมอแห่งซูโจวแล้วนะ”

“ขอยับ แม่หมอแห่งซูโจว! แม่หมอแห่งซูโจว! ข้าเป็นน้องแม่หมอแห่งซูโจว!” เสียงหัวเราะคละเคล้าไปทั่วเรือน ก่อนที่ทั้งสามคนจะกลับเข้าไปพักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม

แปะ!กระดาษโพนทะนา เกี่ยวกับการจัดตั้งสำนักแม่หมอถูกติดไว้ที่ป้ายประกาศของหมู่บ้าน สารที่ระบุเอาไว้ในกระดาษเป็นลี่มี่ที่เขียนเอง นางเคยได้อ่านเขียนอยู่บ้าง จึงได้เขียนคำโพนทะนาขึ้นมาได้ แม้ว่าตัวอักษรของนางจะมิได้งดงาม แต่ก็พอจะอ่านออก

“ผู้ใดอ่านอักษรออก ช่วยอ่านให้ข้าฟังที่เถิด” ชายชราในหมู่บ้านที่เดินผ่านป้ายประกาศ บังเอิญเห็นกระดาษโพนทะนาของลี่มี่เข้า จึงนึกสนใจขึ้นมา

“มาๆ ข้าจะอ่านให้ฟังขอรับ ผู้ใดอยากรู้ก็เข้ามาฟังร่วมกันทีเดียวเถิด” เป็นกวนอู๋ท่งที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือ

“อะแฮ่ม! ด้วยสวรรค์เมตตา ทำให้ลี่มีหลานสาวของเหมาไป่ ได้รับพรจากฟ้าให้เห็นภาพนิมิตในกาลข้างหน้า สกุลเหมาจึงอยากใช้พรนี้ช่วยเหลือชาวบ้านในหมู่บ้านของเรา ตั้งแต่วันพรุ่งยามซื่อ (09:00 – 10:59 น.) เป็นต้นไป ที่เรือนสกุลเหมาจะตั้งสำนักแม่หมอแห่งซูโจว…” อ่านมาถึงตรงนี้เสียงผู้คนก็ฮือฮาขึ้น บ้างก็เชื่อ บ้างก็ไม่เชื่อ แต่หากถามอู๋ท่งแล้ว เขาเชื่อจนหมดใจว่าลี่มี่มีนิมิตรับรู้เรื่องราวในกาลข้างหน้า

“ผู้ใดมีวาสนาต่อสวรรค์ ผู้นั้นจะได้รับรู้เรื่องราวในกาลข้างหน้าของตน”

“ท่านย่า! ท่านแม่!” ซูเม่ยวิ่งเข้ามาในเรือนอย่างเร่งรีบ เช้านี้นางออกไปด้อมๆ มองๆ ท่านพี่อู๋ท่งของนางตามปกติ แต่วันนี้นางกลับได้รับข่าวใหญ่

“อันใดกันเม่ยเอ๋อร์ มาแล้วก็รีบมานั่งทานมื้อเช้า ให้ผู้ใหญ่รอเช่นนี้ใช้ได้ที่ใดกัน” ชุนไห่เอ่ยดุบุตรสาวที่มิรู้กาลเทศะ ปล่อยให้ทุกคนในเรือนรอทานข้าว เมื่อมาถึงยังจะตะโกนโหวกเหวก ราวกับมิได้รับการสั่งสอน

“ท่านพี่อย่าได้เอ็ดลูกเลยเจ้าค่ะ เม่ยเอ๋อร์มีสิ่งใดหรือ เหตุใดจึงรีบร้อนเช่นนั้น” ชุนเจียงลุกขึ้นไปประคองบุตรสาวให้มานั่งข้างกัน

“เอ่อ ลี่มี่เจ้าค่ะ นางกำลังจะตั้งสำนักแม่หมอ นางเอ่ยว่าตนเองได้รับพรจากสวรรค์ สามารถรับรู้นิมิตในกาลข้างหน้าได้เจ้าค่ะ” ซูเม่ยเอ่ยเล่าเรื่องราวที่ตนเองได้ฟังออกมามิขาดแม้เพียงครึ่งคำ

“ฮึ ฮ่าๆ นี่นางบ้าไปแล้วหรือ ฮ่าๆ” ชุนฉือหัวเราะออกมาอย่าออกรสออกชาติ มิต่างจากชุนเจียงที่บัดนี้กุมท้องหัวเราะเสียงดังลั่น

“นางมิมีกินมีใช้ ถึงขั้นตั้งตนเป็นผู้วิเศษ หมายหลอกลวงชาวบ้านเลยหรือเจ้าคะ ฮ่าๆ” ชุนไห่และชุนเต๋อได้ยินเรื่องราวก็นึกเป็นห่วงลี่มี่และลี่หมิงขึ้นมา มิรู้ว่าที่ซูเม่ยว่าเป็นเรื่องจริงหรือเพียงข่าวลือ แต่หากเป็นเรื่องจริง การตั้งตนเป็นผู้วิเศษให้ชาวบ้านหลงงมงายย่อมต้องถูกทางการจับเข้าคุกเป็นแน่ แต่หากเป็นเพียงข่าวลือ ลี่มี่มิได้มีนิมิต นางอาจถูกชาวบ้านรุมทำร้าย โทษฐานหลอกลวงได้เช่นกัน

“ท่านย่า ท่านแม่ พรุ่งนี้เราไปรอหยามน้ำหน้านางกันเถิดเจ้าคะ” ซูเม่ยยกยิ้มเหยียดอย่างผู้ชนะ นางแทบจะทนรอให้ถึงวันพรุ่งไม่ไหว

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • แม่หมอแห่งซูโจว   85. เพียงแค่พวกท่านที่เข้าใจ (ตอนพิเศษ 2)

    คำเตือน เนื้อหาในตอนพิเศษนี้จะเกี่ยวข้องกับความรักแบบชายรักชายแต่เล็กจนโตหวังเยี่ยนและลี่หมิง มิเคยทำให้ลี่มี่หนักใจได้เท่าวันนี้ คำพูดของเด็กหนุ่มทั้งสองยังคงวนอยู่ในศีรษะครั้งแล้วครั้งเล่า“เจ้าว่าอย่างไรนะ”“ข้ารักอาหมิงขอรับ รักแบบคู่รัก มิใช่พี่น้องหรือเพื่อนพ้อง” หวังเยี่ยนเอ่ยอย่างหนักแน่น ต่างจากลี่หมิงที่บัดนี้ก้มหน้ามิกล้าสู้หน้าพี่สาว“…แล้วเจ้าเล่าอาหมิง” ลี่มี่สูดหายใจเข้าเต็มอก ต้องยอมรับว่านางตกใจอยู่บ้าง ด้วยคิดว่าเด็กหนุ่มทั้งสองสนิทสนมกันเพราะถูกเลี้ยงดูมาด้วยกัน มิคิดว่าจะเป็นเช่นนี้ไปได้“ขอรับ น้องเองก็คิดเช่นเดียว อึก! กับคุณชาย” รู้อยู่เต็มอกว่าผิด และรู้ดีว่าไม่มีบิดามารดาคนใดอยากให้บุตรหลานเป็นเช่นนี้ แต่เขาและคุณชายก็ยังหวังว่าพวกเขาจะเข้าใจและยอมรับในตัวตนของพวกเราได้“เห้อ”“คราแรก ข้ามิคิดจะเอ่ยบอกเรื่องนี้กับผู้ใด แต่ไม่กี่วันมานี้ ท่านพ่อเอ่ยกับข้าและอาหมิงเรื่องแต่สตรีเข้าสกุล แม้อยากจะทดแทนบุญคุณที่พวกท่านเลี้ยงดูข้ามา แต่ข้าก็มิอาจฝืนใจตนเองได้” หวังเยี่ยนและลี่หมิงทิ้งตัวลงคุกเข่าต่อหน้าลี่มี่“ฮึก”“ขอท่านแม่ช่วยพูดกับท่านพ่อให้พวกเราทีเถิดขอรับ”“

  • แม่หมอแห่งซูโจว   84. วิถีของบิดาที่มีบุตรสาว (ตอนพิเศษ 1)

    ข่าวการสละราชบัลลังก์ขององค์ฮ่องเต้ฉางหลงและการขึ้นครองราชย์ขององค์รัชทายาทฉางเฟิง แพร่ไปทั่วแคว้น เหล่าประชาราษฎร์ต่างแห่สรรเสริญ และเฉลิมฉลองกันถ้วนหน้า มิเว้นแม้แต่ครอบครัวของอี้หานและฟ่งอู๋ ที่พากันมาร่วมพิธีราชาภิเษกถึงเมืองหลวง“พวกเจ้าจัดสำรับเย็นไว้มากหน่อย วันนี้ฝ่าบาทจะพาฮองเฮาและองค์ชายทั้งสองพระองค์มาทานมื้อเย็นที่จวน” ลี่มี่และผิงผิงต่างวุ่นอยู่กับการจัดการเรื่องในครัวมี่เอ๋อร์ ผิงผิง ไปให้นมบุตรเถิด ทางนี้ยายกับฮูหยินรองจะดูแลให้เอง” มาครานี้ท่านยายเหมาไป่และมารดาของอี้หานก็พากันมาเที่ยวชมเมืองหลวงด้วย เพราะบัดนี้ลี่มี่คลอดบุตรชายเพิ่มมาอีกสองคน จื้อเจาวัยสองหนาว และจ้านฉือวัยห้าเดือน ผิงผิงเองหลังจากคลอดอาไฉบุตรชายคนแรก ก็มีอินเอ๋อร์บุตรสาววัยแปดเดือน ทั้งเหมาไป่และเจียอีจึงอาสามาช่วยดูแล“เช่นนั้นข้าฝากท่านแม่กับท่านยายด้วยนะเจ้าคะ”“ไปเถิดลูก ป่านนี้หลานแม่คงหิวแย่แล้ว” ฮูหยินรองเจียงอีว่าเช่นนั้น ก็หันกลับไปสั่งการบ่าวไพร่ให้เตรียมขนมของว่างไว้ด้วยลี่มี่กับผิงผิงจึงแยกกันไปให้นมบุตร ยังดีที่ตอนนี้หวังเยี่ยนและลี่หมิงโตเป็นหนุ่มกันแล้วจึงพอจะช่วยดูแลเฟินเยว่และอาไฉไ

  • แม่หมอแห่งซูโจว   83. ชีวิตที่มีสุข (จบ)

    ชีวิตของมารดาที่มีบุตรถึงสองคน และมีน้องชายอีกหนึ่ง มิได้ง่ายดายอย่างที่คิด ตลอดสองเดือนที่ผ่านมา ลี่มี่มิได้ทำหน้าที่ใดขาดตกบกพร่อง คงจะมีแต่การเปิดสำนัก ที่นางมิได้เข้าไปช่วยเหลือผู้ศรัทธาเลยแม้แต่น้อย เพราะวันๆ ได้แต่วุ่นอยู่กับการเลี้ยงดูบุตรและน้องชาย“เยว่เอ๋อร์~ พี่อาเยี่ยนมาหาน้องแล้ว”“พี่อาหมิงก็มาหาเยว่เอ๋อร์เช่นกัน” และนี่คือเสียงที่อี้หานกับลี่มี่ได้ยินในทุกๆ เช้า ตั้งแต่บุตรสาวของนางคลอด พี่ชายทั้งสองก็เห่อน้องสาว เสียจนงอแงมิอยากไปสำนักศึกษา จนอี้หานต้องออกอุบายว่า พี่ชายที่ดีต้องเป็นแบบอย่างให้น้อง ทั้งสองจึงยอมไปเล่าเรียนที่สำนักศึกษาเช่นเดิม“เข้ามาเถิด น้องพึ่งดื่มนมเสร็จ กำลังอารมณ์ดีเชียวล่ะ” อี้หานลุกจากเตียงไปเปิดประตูให้เด็กชายทั้งสอง“โอ้โห! เยว่เอ๋อร์ดื่มนมเก่งเช่นนี้ วันหน้าคงโตไวเหมือนพี่อาหมิงแน่” เดิมทีลี่หมิงเอ่ยแทนตนเองว่าท่านอา แต่ฟังดูแล้วก็แปลกชอบกล ลี่มี่จึงให้ลี่หมิงแทนตนเองว่าพี่ไปก่อน วันหน้าค่อยเอ่ยบอกกับเฟินเยว่ ว่าแท้จริงแล้วลี่หมิงมีศักดิ์เป็นท่านอาของนาง“แอ้ๆ บู้ คิก” เยว่เอ๋อร์ตัวน้อยดิ้นดุกดิก อย่างชอบใจ“ห้ามเหมือนๆ ข้ากลัวว่าเยว่เอ๋อร์จ

  • แม่หมอแห่งซูโจว   82. เรื่องน่ายินดี (1)

    เจ้าเมืองซูโจวเดินวนไปมาไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ จนฟ่งอู๋ที่กำลังตรวจอาการของลี่มี่นึกรำคาญ“เจ้าหยุดเดินได้หรือไม่อี้หาน ข้ามิมีสมาธิในการตรวจ”“ขออภัย ข้าเพียงกังวล” อี้หานถอยกลับไปนั่งเก้าอี้ ทั้งที่ในใจนึกกลัวไปต่างๆ นานา หวาดกลัวว่าภรรยาจะป่วยหนักเมื่อสหายหยุดเดิน ฟ่งอู๋ก็รีบทำการตรวจต่อ มือของหมอหนุ่มคลำหาชีพจรบนข้อมือเล็ก ครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่ใบหน้านิ่งเฉยจะเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด“เฮ้อ!”“เกิดอันใดขึ้นฟ่งอู๋ เจ้าบอกข้าว่าลี่มี่เป็นอันใด ร้ายแรงหรือ” อี้หานเห็นสีหน้าบูดบึ้งของสหายก็ตีความไปแล้ว ว่าฮูหยินของเขาอาจเป็นโรคร้าย ในตาดำขลับสั่นระริกไปด้วยความกลัว“ฮูหยินเจ้าตั้งครรภ์”“ห๊ะ!!?”“ฟังไม่ผิด ลี่มี่ตั้งครรภ์ได้เกือบสองเดือนแล้ว ที่เป็นลมล้มพับไป คงเพราะเหนื่อยล้าร่วมกับอาการแพ้”“เจ้าว่าลี่มี่ตั้งครรภ์” ดวงหน้าคมคายชะงักค้าง สติที่มีอยู่น้อยนิดหลุดลอยไปจนหมด“ใช่!”“ละ แล้วเจ้าจะทำหน้าเช่นนั้นด้วยเหตุใด! ข้าหรือก็นึกว่าเกิดเรื่องร้าย ทั้งที่เป็นเรื่องน่ายินดีเช่นนี้” อี้หานดันกายฟ่งอู๋ให้ออกห่างจากเตียง แล้วทรุดตัวนั่งลงแทนที่ บัดนี้ฮูหยินของเขายังมิได้สติ คง

  • แม่หมอแห่งซูโจว   81. ยื่นมือเข้าช่วย

    ขบวนเดินทางกลับเมืองซูโจว เต็มไปด้วยผู้คนคละคล่ำ เพราะการเดินทางโปรดนี้มีองค์รัชทายาทและพระชายาร่วมเดินทางมาด้วย เป็นอย่างที่ทุกคนคิด หลังจากที่คุณหนูซินเหม่ยตอบตกลงเรื่องการอภิเษก องค์รัชทายาทก็หาฤกษ์ที่เร็วที่สุด โดยอ้างว่าจะได้เร่งมีโอรสธิดาเพื่อความมั่นคงของราชวงศ์ และแน่นอนว่าองค์ฮ่องเต้ก็เห็นดีเห็นงามด้วย เหล่าขุนนางกรมพิธีการจึงเร่งจัดงานกันจนหัวหมุนหลังจากเสร็จสิ้นพิธีอภิเษก อี้หานจึงพาครอบครัวกลับเมืองซูโจวทันที เพราะทนต่อเสียงรบเร้าของฟ่งอู๋ไม่ไหว“สหายท่านจ้องจะหลอกกินเต้าหู้ ผิงผิงของข้าอยู่เรื่อย”“ฮ่าๆ สงสารเขาเถิด เกี้ยวผิงผิงตั้งแต่ยังมิพ้นวัยปักปิ่น แต่กลับแพ้องค์รัชทายาทที่ได้แต่งชายาก่อน เจ้าคงมิรู้ว่าที่องค์รัชทายาทไปเข้าห้องหอช้า ก็เพราะถูกฟ่งอู๋กลั่นแกล้ง” ลี่มี่หัวเราะร่า จะว่าไปก็น่าสงสารจริงๆ นั่นแหละ“ว่าแต่เราใกล้จะถึงเรือนหรือยังเจ้าคะ ข้ารู้สึกเพลียๆ อยากกลับไปนอนพักแล้ว” ลี่มี่ว่าพลางซบลงไปบนไหล่กว้าง พวกเขาเดินทางมาแรมเดือน ได้พักเต็มอิ่มบ้าง ไม่เต็มอิ่มบ้าง ทั้งการอยู่ในรถม้าทั้งวันก็เมื่อยขบยิ่งนัก ดีที่นางไม่รบเร้าให้ท่านยายมาด้วย มิเช่นนั้นคงทำให้ท่

  • แม่หมอแห่งซูโจว   80. ตอบแทนรัก (2)

    หลังจากที่ตัดสินใจว่าจะเกี้ยวซินเหม่ยให้สำเร็จโดยเร็ว ฉางเฟิงก็เทียวเข้าเทียวออกเรือนเสนาบดีซินเป็นว่าเล่น บ้างก็นำสุรามาดื่มกินกับว่าที่พ่อตา บ้างก็นำตำราที่ซินเหม่ยสนใจมาให้ แต่ที่หนักสุดคงจะเป็นครานี้ เพราะองค์รัชทายาทหนุ่ม ถึงขั้นยกนางในประจำห้องเครื่อง มาสอนคุณหนูสกุลซินทำสำรับเย็นถึงในเรือน เพียงเพราะนางเอ่ยว่าอยากลองทำอาหารมื้อเย็นฉบับชาววังบ้าง“คารวะองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ” / “คารวะองค์รัชทายาทเพคะ”“ท่านพ่อตา ท่านแม่ยายตามสบายเถิด เจ้าก็ด้วย” แม้ปากจะพูดคุยอยู่กับบิดาและมารดาของซินเหม่ย แต่ตายังคงติดอยู่กับหญิงสาวตั้งแต่มาถึง“อะแฮ่ม! วันนี้เรียกพ่อตาเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีซินเอ่ยเย้า ทีเล่นทีจริงกับชายหนุ่ม“ข้าเรียกเผื่อไว้ จะได้ชินปาก วันนี้ข้าพานางในประจำห้องเครื่องมาสอนเจ้าทำสำรับ แล้ว…อยากขออยู่รับสำรับเย็นด้วย” แววตาออดอ้อนทำเอาซินเหม่ยยิ้มขำ นางรู้ดีว่าองค์รัชทายาทขี้เล่นมิต่างจากฟ่งอู๋ แต่ก็มิคิดว่าจะมีมุมน่าเอ็นดูถึงเพียงนี้“กระหม่อมยินดีพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าอยู่ได้หรือไม่” เมื่อได้รับคำตอบจากว่าที่พ่อตาแม่ยายแล้ว ร่างสูงจึงหันไปถามสตรีที่รัก“แต่อาหารที่ข้าพึ่งหัดทำ อา

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status