ว่ากันว่าตำหนักขององค์หญิงเฉินอิ๋งเออร์นั้นแปลกยิ่งนัก
ไม่ได้แปลกในแง่ของความประณีตบรรจงสร้างหรือยิ่งใหญ่โอ่โถงแต่ประการใด หากเป็นเรื่องของสภาพแวดล้อมรอบตำหนัก
เพียงคุณเดินผ่านประตูทางเข้าตำหนักเข้ามา สายตาก็แทบจะปรับตัวไม่ทันกับความเขียวขจีของทุกสรรพสิ่ง เขียวจนแทบจะกลายเป็นป่ารกชัฏ
บริเวณรอบๆ ตำหนักนั้นกว้างใหญ่ไพศาลก็จริง แต่ก็ถูกยึดครองไว้ด้วยเจ้าถิ่นมากมาย ทั้งโซนทุ่งหญ้าที่เต็มไปด้วยฝูงวัว คอกม้า โซนพืชผักสวนครัวที่เต็มไปด้วยพันธุ์พืชแปลกๆ มากมายจากเมืองนอกด่าน โซนคลองที่เต็มไปด้วยเหล่าเป็ดห่านหงส์ เต่าน้ำ โซนสวนสวยที่เต็มไปด้วยนก ผีเสื้อ และเต่าบก โซนทะเลทรายจำลองที่ถูกครอบครองโดยกิ้งก่ากับอูฐ และโซนป่าไผ่ที่มีครอบครัวหมีแพนด้าอาศัยอยู่หนึ่งครอบครัว
เหมือนหลุดมาอยู่อีกโลก
องค์หญิงช่างเป็นคนที่มีงานอดิเรกแปลกประหลาดเสียจริง
“เป่าเป่า ข้าบอกแล้วไงว่าข้าต้องไปแล้ว”
เสียงองค์หญิงวัยห้าชันษาพูดกับแพนด้าน้อยที่เกาะเอวของเธอไม่ยอมปล่อย
“ไม่ต้องมาเกาะเลย ข้าบอกแล้วไงว่าเจ้าไปด้วยไม่ได้” เท้าเอวบ่นด้วยท่าทางที่คิดว่าตัวเองดุเสียเต็มประดา แต่ภาพที่เหล่านางกำนัลเห็นคือเด็กน้อยตัวกลมที่กำลังทำแก้มพองซะจนน่าหยิก
“ฮึบ มันหนักนะ” พยายามลากตัวเองออกจากตรงนั้นก็แล้ว ก็ยังไม่เป็นผล
“ให้กระหม่อมช่วยเถอะขอรับ”
ร่างสูงของขุนนางหนุ่มวัยสิบสี่ชันษาปรากฏขึ้นตรงหน้า เขาเป็นหนึ่งในเพื่อนร่วมชั้นเรียนของบรรดาท่านพี่ขององค์หญิง และเป็นคนที่ชอบมาเล่นกับองค์หญิงเฉกเช่นเดียวกับคนอื่นๆ
แต่ทุกครั้งที่เขามาหาองค์หญิง มักมีคนอื่นติดสอยห้อยตามอยู่เสมอ ด้วยความที่องค์หญิงน้อยเป็นสตรีเพียงหนึ่งเดียวที่มีสายเลือดของราชวงศ์ ทำให้เหล่าบรรดาพี่ชายทั้งหก และลูกพี่ลูกน้องอีกสิบกว่าคนต่างแวะเวียนคอยซื้อของฝากมาให้ มาเล่นด้วยไม่ได้ขาด
เรียกได้ว่าหัวกระไดไม่แห้งและยังชื้นแฉะอีก
“อ้าว สวัสดี ขุนนางหลี่”
หลี่เฉิงไห่ยิ้มรับคำทักทายนั้น ก่อนจะขยับเข้าไปช่วยแงะแพนด้าน้อยที่ตัวพอๆ กับองค์หญิงออกมา จนเป่าเป่าตะกุยตะกายประท้วง
กลิ่นขององค์หญิงหอมที่สุด ร่างก็นุ่มนิ่มยิ่งกว่าท่านแม่ ข้าไม่อยากจากองค์หญิงไปเลย
น้ำตาใสๆ ของเจ้าแพนด้าน้อยหยดแหมะ เมื่อรู้ตัวว่าไม่สามารถต่อสู้กับกำลังกายอันมากผิดปกติของคนตรงหน้าได้
ขุนนางหลี่จัดการหิ้วเจ้าตัวขนหอมผิดปกติ (เพราะองค์หญิงคอยสั่งให้เหล่าข้าราชบริพารคอยอาบน้ำให้อยู่บ่อยๆ) ไปฝากไว้กับพ่อแม่ที่มัวแต่เคี้ยวใบไผ่อยู่โดยไม่สนใจดูแลลูกของตนเลยสักนิด
“เรียบร้อยแล้วขอรับ”
เดินกลับมาหาองค์หญิงน้อยที่กำลังนั่งยองๆ มองกองทัพมดดำ
“เจ้าว่าพวกมันกำลังไปที่ไหนกัน”
เด็กหนุ่มย่อตัวลงข้างๆ พิศมองไปทางเดียวกับองค์หญิง
“กระหม่อมว่าพวกมันกำลังหนีน้ำ ดูเหมือนว่าฝนกำลังจะตกในไม่ช้า”
“อืม เป็นไปได้”
หลี่เฉิงไห่แอบมองใบหน้าจริงจังครุ่นคิดขององค์หญิงน้อยอย่างเอ็นดู
ริมฝีปากจิ้มลิ้มสีแดงสดสวยขยับขมุบขมิบอย่างคนที่กำลังพูดกับตัวเอง เนื้อแก้มที่ยุ้ยออกมาชวนให้มันเขี้ยวอยากลองหยิกดูสักที แต่จะทำอย่างนั้นไม่ได้ เนื่องจากมีนางกำนัลส่วนพระองค์ยืนเฝ้าอยู่ห่างๆ
คงมีแต่ตอนที่องค์หญิงวิ่งไปเล่นกับบรรดาองค์ชายที่สำนักเรียนเท่านั้นแหละ ที่เขาจะพอผสมโรงแอบทำอย่างที่ใจอยากได้บ้าง
“โอ๊ะ ดูนั่นสิ! มดตัวหลังๆ เริ่มขนไข่ออกมากันเพียบเลย”
“ดูนั่นสิ มดขนไข่ออกมาเฉยเลย”
ประโยคใกล้เคียงกับความทรงจำในอดีตชาติทำให้ร่างสูงที่กำลังเดินเข้าไปยังบูธขายมดแอบหยุดชะงักครู่หนึ่ง
ขณะนี้พิรุณอยู่ในงานสัตว์เลี้ยงเอ็กโซติก (Exotic) ซึ่งถูกจัดขึ้นเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ในห้างดังใจกลางกรุงเทพ
จุดมุ่งหมายของเขาถูกเบี่ยงเบนไปยังหญิงสาวที่เปล่งประกายมาแต่ไกลตั้งแต่เดินเข้ามาในล็อกนี้
ไม่ต้องเสียเวลามองหาให้ยากเย็น เพราะรอบกายเธอมีช่องว่างอยู่อย่างชัดเจน ราวกับว่าเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่คนอื่นไม่กล้าขยับเข้าไปใกล้
แต่ถึงกระนั้นก็มีสายตาของคนมากมายคอยชะเง้อชำเลืองมองอยู่ไม่ห่าง ซึ่งเจ้าของจุดความสนใจนั้นดูไม่มีท่าทางอึดอัดใจเลยสักนิด
สงสัยจะชิน
“คราวนี้มีมดสายพันธุ์อื่นมาขายบ้างมั้ยครับ” ชายหนุ่มเข้าไปทักคนขายราวกับคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
เฌอเอมยังคงใจจดใจจ่อ ยืนมองรังมดจำลองสีใสที่ทำให้มองทะลุเข้าไปเห็นมดงานที่อยู่ตามเส้นทางต่างๆ ภายในรัง เห็นกระทั่งไข่และนางพญามด
“มีครับ รังนี้ผมเลี้ยงมาครึ่งปีแล้ว ค่อนข้างเลี้ยงง่ายทีเดียว ไม่ยากแบบมดเขี้ยวดาบที่คุณเคยเอาไปครั้งก่อน”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมามองพ่อค้าที่กุลีกุจอไปหยิบหลอดทดลองที่เชื่อมอยู่กับกล่องทรงสี่เหลี่ยมใส ข้างในบรรจุมดนางพญาและมดงานเอาไว้พอประมาณ
หูเงี่ยฟังรายละเอียดอย่างสนใจ ก่อนจะเหลือบไปมองเจ้าของมดเขี้ยวดาบอย่างทึ่งๆ
ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายที่ดูดีแบบนี้จะมีงานอดิเรกเลี้ยงมด
แต่ทำไมหน้าตาถึงเหมือนกับคนที่เธอเคยเจอที่ร้านกาแฟใต้ตึกออฟฟิศของนายจ้างเธอเลยล่ะ
“เจอกันอีกแล้วนะครับ”
อ่า... เธอไม่ได้จำคนผิดจริงๆ
หลังจากเหตุการณ์ที่ร้านกาแฟ ไปยันงานสัตว์เลี้ยงเอ็กโซติก และงานอีเว้นท์อื่นๆ อีกสองงาน ซึ่งทุกเหตุการณ์เกิดขึ้นในระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือน เธอก็ได้มาเจอเขาอีกครั้ง
...ในบ้านของตัวเอง
ขณะที่พ่อบังเกิดเกล้ากำลังงงเป็นไก่ตาแตกกับประโยคพูดของลูกสาว เฌอเอมก็เดินไปยืนข้างกายชายหนุ่มที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาเสียแล้ว
เธอชะงักอย่างลังเลไปเสี้ยววินาที ก่อนจะตัดสินใจถือวิสาสะคล้องแขนชายหนุ่มเบาๆ
“พิรุณเป็นแฟนเอมค่ะป๊า”
“อย่ามาตลกน่า”
ท่าทางของชายวัยกลางคนดูไม่เชื่อเป็นอย่างยิ่งจนเฌอเอมเริ่มใจแป้วนิดๆ
หรือพ่อจะรู้ว่าคุณพิรุณยังโสดอยู่ เลยไม่เชื่อเธอ?
“ปะป๊ารู้จักแฟนเอมแล้ว ทีนี้เอมไปอยู่กับแฟนได้แล้วใช่ไหมคะ” ถามอย่างคาดหวัง มือที่จับแขนอีกฝ่ายอยู่ก็ชื้นเหงื่อหน่อยๆ จนฝ่ายชายเห็นใจจนต้องปลดมือขาวนั้นออก แล้วจูงให้ไปนั่งบนโซฟาตรงข้ามกับคุณนเรศ โดยมีเขานั่งลงข้างๆ กัน
“เล่าให้ป๊าฟังทีสิ ว่าเรื่องราวมันเป็นมายังไงกันแน่”
สุดท้ายด้วยความที่เห็นใจคนที่ตัวเย็นและมือชื้นเหงื่อไปหมด พิรุณก็เป็นคนออกหน้าเล่าเรื่องทุกอย่างออกไป
หลังจากที่โดนซักฟอกไปนิดหน่อย พิรุณก็เปลี่ยนไปคุยเรื่องธุระที่มาหานเรศ ทำให้เฌอเอมได้ปลีกตัวหนีขึ้นไปพักหายใจในห้องนอนได้สะดวก
และโชคดีที่เธอลงมาหาน้ำดื่มก่อนพิรุณจะกลับพอดี ทำให้ได้ยินเหตุการณ์ที่ป๊าของเธอบอกให้พิรุณโทรตามเธอให้ลงมาส่งเขา
ถ้ามาช้าไปกว่านี้ ป๊าคงจะจับได้ว่าพวกเธอไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของกันและกัน
“ทำไมคุณถึงช่วยฉันเล่นละครล่ะคะ”
เป็นหญิงสาวที่ถามขึ้นขณะที่เดินออกไปส่งชายหนุ่มข้างนอกรั้วบ้านซึ่งมีรถของเขาจอดอยู่
“ผมรู้ว่าคุณก็รู้ว่าทำไม”
เธอก็แค่อยากจะยืนยันความคิดของเธอเองเท่านั้น ว่าเขากับเธอคิดตรงกันหรือเปล่า
เป็นไปไม่ได้หรอก ที่เธอจะยอมเอาคนมั่วๆ ซั่วๆ มาหลอกป๊าว่าเป็นแฟนของเธอ เพราะพิรุณคือคนที่เธอเจอหลายครั้งแล้วต่างหาก ถึงแม้แต่ละครั้งจะเป็นเพียงการพูดคุยแค่เล็กๆ น้อยๆ แต่ก็ทำให้เธอได้เห็นอะไรบางอย่างในตัวคนคนนี้และค่อนข้างจะมีใจให้นิดหน่อย เลยไม่อึดอัดลำบากใจใดๆ กับการหลอกลวงนี้
ในเมื่อเขาพูดแบบนี้ แสดงว่าเขาก็ไม่รังเกียจเธอใช่มั้ยนะ...
เห็นท่าทางดูไม่มั่นใจของหญิงสาว พิรุณก็พูดทุกอย่างออกไป
“หากเป็นคนที่ผมไม่สนใจ ผมคงไม่ยอมเล่นเป็นแฟนปลอมๆ ด้วยหรอกครับ จะเป็นการให้ความหวังอีกฝ่ายซะเปล่าๆ แถมการโกหกผู้ใหญ่ที่ผมเคารพนับถือก็เป็นเรื่องใหญ่ซะด้วย”
เรื่องที่คิดไว้ก็ส่วนหนึ่ง แต่พอมาได้ยินประโยคนี้จากปากเขาตรงๆ ก็ทำเอาเธอแทบจะกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่
“แล้วถ้าเกิดมีคนอื่นมาทำอย่างนี้กับคุณอีก และคุณก็สนใจเขาเหมือนกัน คุณจะยอมเล่นเป็นแฟนกับเขาใช่ไหมคะ”
“ฮั่นแน่~ หลอกถามผมเหรอว่าผมสนใจคนอื่นอยู่หรือเปล่า”
ชายหนุ่มยิ้มพราว แอบดีใจที่องค์หญิงของเขาดูเหมือนจะมีใจให้เขา
“มะ...ไม่ใช่สักหน่อยค่ะ ฉันแค่อยากรู้” ท้ายประโยคเสียงแผ่วลงอย่างคนเอียงอายที่ถูกจับได้
“เวลาผมสนใจใครแล้ว ผมก็ไม่สนคนอื่นแล้วครับ ยิ่งถ้าเป็นแฟนผมด้วยยิ่งแล้วใหญ่ ต่อให้ผู้หญิงคนนั้นจะสวยมากแค่ไหน ยังไงก็ไม่มีทางสวยไปกว่าแฟนของผมไปได้อีกแล้ว” ถึงแม้ว่าในโลกนี้นั้น ไม่มีใครที่สวยมากกว่าองค์หญิงจริงๆ ก็เถอะ
เฌอเอมรู้ว่าเธอกับเขาไม่ใช่แฟนกัน แต่ทำไมฟังแล้วถึงได้ใจฟูฟ่องไปหมดก็ไม่รู้... หญิงสาวได้แต่เม้มปากแน่นกลั้นเขิน สายตาก็เสมองไปทางอื่น ด้วยทนสบตาเป็นประกายของอีกฝ่ายไม่ไหว
“แล้วคุณจะทำยังไงต่อเหรอครับ”
“ก็คงต้องหาเช่าคอนโดอยู่นั่นแหละค่ะ เอาที่ระบบรักษาความปลอดภัยดีๆ หน่อย”
“ถ้าไม่รังเกียจ มาอยู่กับผมไหมครับ” เสียงทุ้มนุ่มทำเอาใจเขวเลยทีเดียว
“ล้อเล่นกันอยู่เหรอคะ” ถ้าหน้าหนากว่านี้หน่อย เธอคงจะถามไปแล้วว่า แล้วจะให้เธอไปอยู่ในฐานะอะไร
การชวนครั้งนี้ทำให้นึกถึงบทสนทนาหนึ่งระหว่างเธอกับพ่อในห้องนั่งเล่น
‘เพิ่งคบกันไม่นาน มั่นใจใช่มั้ยที่จะอยู่ด้วยกัน’
‘เรื่องของหัวใจมันห้ามกันไม่ได้นี่คะ’
‘ก็จริง พ่อยังได้กับแม่ตั้งแต่เดทครั้งที่สามเลย’
แค่คิดตามหน้าก็ร้อนฉ่า ถ้าหากว่า...
“คอนโดผมมีสองห้องนอน สะดวกแน่นอน หรือจะไปอยู่ที่บ้านผมแถวปากช่องก็ได้ ถ้าคุณอยากเปลี่ยนบรรยากาศจากเมืองกรุง”
ช่างเป็นคำเชื้อเชิญที่ล่อลวงใจซะเหลือเกิน
ในเมื่อพวกเขาต่างก็สนใจซึ่งกันและกัน ทำไมถึงไม่ทำให้ทุกอย่างมันง่ายขึ้นล่ะ
“ฉันเอาบรรดาสัตว์เลี้ยงของฉันไปด้วยได้ใช่ไหมคะ” หญิงสาวเลิกกลั้นยิ้ม ปลดปล่อยรอยยิ้มหวานหยดย้อยออกมาพร้อมกับสายตาเป็นประกายแวววาว
ใครจะหาว่าเธอใจง่ายก็ช่างเถอะ ไหนๆ ก็หลอกป๊าไปแล้ว ทำให้เข้าใกล้ความจริงอีกหน่อยจะเป็นอะไรไป
20คำสารภาพ ‘ไก่จิกเด็กตายเฎ็กฏายบนปากโอ่ง’ ‘...’ ‘แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู’ ‘...’ ‘คุณพิรุณ ธนจิรกานต์’ ‘องค์หญิง...’ ใบหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนไปเป็นลุ้นๆ ทันทีเมื่อได้ยินเสียงตอบกลับจากขุนนางหนุ่ม ‘ท่านควรคิดก่อนพูดนะขอรับ’ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งทันทีเมื่อได้ยินคำพูดต่อมา ถึงหน้าตาจะคล้ายพี่พาย และความคิดหรือกิริยาท่าทางจะเหมือนพี่พายมากยังไง แต่ความเงียบขรึมและระยะห่างที่จงใจเว้นไว้อย่างชัดเจน ทำให้เฌอเอมรู้ว่าคนตรงหน้าไม่ใช่พี่พายของเธอ และต่อให้โคลนนิ่งออกมาเหมือนแค่ไหน แต่ขุนนางหลี่ก็ไม่มีทางแทนที่แฟนหนุ่มของเธอได้ เขาไม่ใช่คนที่เธอเคยใช้ชีวิตร่วมกัน หรือผ่านการพูดคุยด้านทัศนคติและแนวคิดมาด้วยกัน นี่คือเหตุผลที่เธอไม่อยากเจอขุนนางหลี่เฉิงไห่อีกทั้งที่ตอนแรกคอยสอบถามนางกำนัลอยู่บ่อยๆ ว่าขุนนางหลี่อยู่ที่ใด และตามไปทดสอบเขาอยู่เสมอๆ แต่ไม่ว่าเธอจะทดสอบเขากี่ครั้งก็ตาม ก็ไม่มีทีท่าว่าพี่พายจะเข้ามาสิงร่างเขา เหมือนกับที่เธอเข้ามาสิงร่างขอ
19อดีตชาติ เฌอเอมลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งโดยไร้ซึ่งกายหยาบ แต่ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนตรงที่เธอสามารถเคลื่อนไหวไปไหนมาไหนได้สะดวก และไม่มีภาพเหมือนฉากหนังฉายผ่านให้เห็นอีก เพราะอิสระที่มีมากขึ้น ทำให้เธอได้ฉุกคิดและนึกย้อนไปถึงภาพความฝันที่ถูกฉายให้เห็น น่าแปลกที่องค์หญิงคนนั้นมีหน้าตาเหมือนเธอมาก ยิ่งโตก็ยิ่งเหมือน จนเธอแอบนึกว่าทุกอย่างคือเรื่องของเธอ แต่มันจะเป็นอย่างนั้นไปได้ยังไงกันล่ะ คนเราจะมีความทรงจำในสถานที่และยุคสมัยที่ไม่เหมือนกับที่ตัวเองอาศัยอยู่ได้ยังไงกัน นอกจากนี้ภาพฝันสุดท้ายยังทำให้เธอตกใจสุดๆ เพราะขุนนางหลี่คนนั้น... คนที่เธอเห็นหน้าเห็นตาไม่ชัดในฝันแรก กลับโผล่มาอย่างชัดเจนในความฝันที่สี่ และเขาก็มีหน้าตาคล้ายแฟนหนุ่มของเธอมาก ถึงจะไม่เหมือนกันร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่บุคลิกภาพและการพูดการจานั่นมันแฟนเธอชัดๆ นี่เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่ฝันถึงเรื่องของตัวเองและพี่พายได้เป็นตุเป็นตะ ฝันถึงเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริงเลยสักนิด โชคดีที่เธอยังคงจำเรื่องราวทุกอย่างได้ และระลึกได้ว่าต้องหาทางตื่นจากฝัน
18เรื่องที่ปิดบังไว้ เนินเขาขนาดกำลังพอดีซึ่งถูกปกคลุมไปทั่วด้วยหญ้าสีเขียวชอุ่มเพราะได้รับน้ำจากฤดูฝนอย่างสม่ำเสมอนั้น ถูกรายล้อมไปด้วยภูเขาสูงชันรอบด้าน มีเพียงข้างหน้าเท่านั้นที่เปิดโล่ง ทำให้เห็นวิวบ้านเรือนซึ่งตั้งอยู่ประปรายเบื้องล่าง ปะปนกันระหว่างสถาปัตยกรรมแบบโมเดิร์นของรีสอร์ท หมู่บ้านจัดสรร และโครงสร้างแบบสมัยก่อนของบ้านที่ถูกสร้างมานาน เขาใหญ่ก็ยังเป็นเขาใหญ่ ต่อให้พื้นที่หลายๆ ส่วนถูกเปลี่ยนให้เป็นรีสอร์ทหรือสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามเพียงใด แต่ธรรมชาติอันเขียวขจีก็ยังคงอยู่ คู่กับอากาศอันแสนสดชื่น เหมาะเป็นสถานที่ตากอากาศและสถานที่ทำงานสำหรับฟรีแลนซ์อย่างเฌอเอม ข้างบนเนินเขาซึ่งเป็นทุ่งหญ้าราบอันกว้างขวางและเป็นจุดชมวิวชั้นเยี่ยมที่น้อยคนนักจะรู้นั้น มีร่างของหญิงสาวแสนสวยในชุดเสื้อเปิดบ่าและกางเกงยีนส์ขายาวกำลังนั่งชันเข่าอยู่ ผมสีดำยาวถึงกลางหลังปลิวสยายเบาๆ ไปตามสายลมที่พัดโชยมาเป็นระยะ เพราะเมื่อวานฝนเพิ่งตกไป ทำให้ความชื้นหอบกลิ่นไอดินและกลิ่นเขียวของต้นไม้ขึ้นมา ฝุ่นและความสกปรกต่างๆ ถูกชำระล้างไปพร้อมกับสายฝน จนอากาศรอบกา
17คำเตือน “เธอมีดวงโดนมังกรกักขังกลืนกิน เขาจะครอบครองเธอให้เป็นของเขาเพียงคนเดียว” แม่หมออายุสามสิบกว่าปีอ่านไพ่ที่อยู่ตรงหน้า “…” “เขาไม่ชอบให้เธอพูดคุยกับผู้ชายคนอื่น แม้แต่จะพูดถึงก็ไม่ได้” “โอ้” “ไม่ใช่แค่นั้นนะ เขาไม่อยากให้เธอมีคนในครอบครัวหรือคนที่ต้องใส่ใจเยอะ เพราะเธอจะต้องใส่ใจเขาคนเดียวเท่านั้น เขาไม่อยากให้เธอเอาเวลาที่ควรจะเป็นของเขาไปให้กับคนอื่น” “ขนาดนั้นเลยเหรอคะ” ออกจะเกินไปนิด แต่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะเขาไม่ชอบให้เธอพูดถึงเพื่อนผู้ชายคนอื่นจริงๆ “ใช่แล้ว ไหนขอแม่หมอเปิดไพ่เพิ่มหน่อย...” เสียงสับไพ่ดังขึ้น “คุณเจอผู้ชายคนนี้แล้วหรือยัง” “…” “อ้าว ไพ่บอกว่าคุณเจอแล้วนะ แถมยังอยู่ใกล้ตัวมากๆ ด้วย” “น่าจะอย่างงั้นแหละค่ะ” ถ้าไม่ใช่พี่พาย แล้วจะเป็นใครไปได้อีก พวกเธอเล่นตัวติดกันซะขนาดนี้ “โอ๊ะ ดูเหมือนคุณกับเขาจะเป็น Twin Flame กันด้วย” “คู่กรรม?” “ไม่ใช่ เป็นทั้งคู่แท้ และวิญญาณที่ขาดหายเลย” พอได้ฟัง เฌอเอมถึงกับหันไปมองหน้าเพื่อนสา
16สายลมและแสงแดด “แล้วอีกอย่าง พี่ก็หวงเมียพี่เหมือนกัน ไม่ได้อยากจะแชร์ให้ใครเห็น” “ใครเป็นเมียพี่กัน” เสียงโวยวายดังมาจากร่างที่อยู่ในอ้อมแขน “ตอนปกติเป็นแฟน แต่ตอนเอากันเป็นเมีย ถูกมั้ยล่ะ” “พูดจาน่าเกลียด” “น่าเกลียด แล้วใครกันที่ร้องครวญครางเพราะXพี่ทุกคืน แถมยังร้องว่าเสียวๆๆ ซะถี่จัด” หญิงสาวหน้าแดงก่ำกับคำพูดห่ามๆ นั้น จะเถียงก็เถียงไม่ได้ เพราะมันคือเรื่องจริง ชายหนุ่มจ้องมองคนหน้าเปลี่ยนสีเพราะคำพูดของเขาอย่างเอ็นดู แต่ตอนนี้ความร้อนในร่างกายต้องการการปลดปล่อยและอยากให้เธอได้ดูเอ็นเขามากกว่า เขานั่งลงบนเก้าอี้ตัวใหญ่ตัวหนึ่ง โดยที่ให้แฟนสาวนั่งคร่อมตักของตน หันหน้าเข้าหากัน หลังจากมีอะไรกันมาร่วมจะสองเดือน แน่นอนว่าท่าทุกท่าย่อมถูกใช้ออกมาหมด และแฟนของเขาก็ถูกเคี่ยวกรำจนเริ่มจะช่ำชองเอามากๆ ไม่จำเป็นต้องบอกให้เธอทำอะไร เพราะเธอนั้นสามารถตอบสนองเขาได้อย่างรู้ใจสุุดๆ เหมือนกับคนที่เกิดมาคู่กัน นี่แหละที่เขาว่ากันว่าความรักจะไปกันรอดหรือไม่ ก็อยู่ที่ว่าเซ็กซ์จะเข้าขากันด
15งอน “อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่พาย” น้ำเสียงหวานเจืองัวเงียของหญิงสาวดังขึ้นในเช้าวันถัดมา เธอขยี้ตาอย่างพยายามทำตัวให้ตื่น เพราะเมื่อคืนดื่มไปหนักมาก จนแอบรู้สึกอึนๆ นิดหน่อย แต่น่าแปลกที่พอลืมตาตื่นขึ้นมาแล้ว กลับเห็นแฟนหนุ่มของเธอนอนลืมตามองหน้าเธออยู่เงียบๆ “ครับ” เสียงตอบเรียบๆ ทำให้เฌอเอมรู้สึกเอะใจ เพราะปกติเขามักตอบกลับมาเป็นจูบอรุณสวัสดิ์แสนหวาน ไม่ก็ตอบรับด้วยเสียงทุ้มนุ่มเสมอ เมื่อคืนหลังจากที่ตามตัวกอหญ้าซึ่งเผลอเข้าไปนอนหลับในห้องน้ำ (อย่างที่เธอกังวลไว้ไม่มีผิด) จนเจอแล้ว ทั้งสามคนก็ตรงไปยังรีสอร์ทที่กอหญ้าจองห้องไว้เพื่อมาพักผ่อนเป็นเวลาหนึ่งคืน แต่เพราะยังไม่รู้สึกเมาเท่าไหร่ และอยากจะสนุกต่อ ทำให้เฌอเอมเห็นดีเห็นงามกับไอเดียของกอหญ้าที่ว่าควรจะนั่งดื่มกันต่ออีกสักนิด เลยจบลงด้วยการที่พวกเธอและพี่พายตั้งวงดื่มเบียร์กระป๋องกันชิลล์ๆ ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบของรีสอร์ท และได้ดูดาวไปด้วยในตัว ขณะที่นั่งดื่ม เธอก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าตั้งวงดื่มกันที่รีสอร์ทตั้งแต่แรกก็จบแล้ว จะได้ไม่โดนคนหน้า