Share

บทที่ 3  

Aвтор: สั่งไม่หยุด
ฮ่องเต้น้อยขมวดคิ้ว สายตาที่มองไปยังครอบครัวซิ่นหยางโหว ไม่อ่อนโยนและใกล้ชิดเหมือนอย่างตอนเริ่มงานเลี้ยงแล้ว

ทว่าซิ่นหยางโหวไม่รอให้โอรสสวรรค์เปล่งวาจา ก็มองไปยังหรงจือจือ พลางเกลี้ยกล่อม “ลูกสะใภ้เอ๋ย บิดาของเจ้าสั่งสอนบุตรีได้ดีมาตลอด หากเขารู้เรื่องนี้ คิดว่าเขาเองก็คงจะขอให้เจ้าคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมเช่นกัน!”

หรงจือจือซึ่งนัยน์ตาสะท้อนรอยยิ้มดูแคลน ตอบกลับอย่างไม่เร่งรีบแต่ก็ไม่เนิบนาบ “ท่านพ่อสามี ท่านพ่อสอนให้ข้าคำนึงถึงประโยชน์ของส่วนรวม แต่ไม่เคยสอนให้ข้าเป็นอนุ!”

สิ้นเสียงนี้ นางคุกเข่าลงกับพื้นทันทีพร้อมเอ่ยว่า “ฝ่าบาทเพคะ หากต้องเป็นอนุ หม่อมฉันไม่ยอมรับอย่างเด็ดขาด ชื่อเสียงอันบริสุทธิ์ของสกุลหรงเรา จะพังทลายลงในมือของหม่อมฉันมิได้เป็นอันขาด ขอฝ่าบาทโปรดพิจารณาอย่างรอบคอบเป็นธรรม! เพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวมแล้ว หรงจือจือยินดีหย่าขาด สกุลหรงเราขอตัดขาดสัมพันธ์สมรสกับจวนซิ่นหยางโหวนับแต่บัดนี้เพคะ!”

พอกันที แค่สามปี นางยอมแพ้ให้ก็ได้!

ถึงอย่างไรพวกเขาสองคนก็ยังมิได้ร่วมเรือนหอ

ตั้งแต่เยาว์วัยท่านย่าเคยสอนนางไว้ว่า ชีวิตมนุษย์ก็เหมือนหมากรุกบนกระดาน ลูกหลานสกุลหรงต้องมีเกียรติยศศักดิ์ศรี หากพ่ายแพ้ ก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้อย่างมีน้ำใจ ยิ่งไปกว่านั้นจะต้องมีความกล้าหาญและความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

พวกจิ้งจอกเนรคุณอย่างครอบครัวนี้ นางยอมให้ก็ได้!

เมื่อคำว่าหย่าขาดถูกเอ่ยออกมา คนทั้งท้องพระโรงต่างอึ้งงัน

เพราะถึงแม้กฎหมายของต้าฉี จะนับว่าปกป้องสิทธิของภรรยาเอกอยู่ แต่อิสตรีที่ผ่านการหย่าร้างมาแล้วนั้น หากคิดจะสมรสใหม่อีกครั้ง การจะได้สมรสนั้นก็รังแต่จะยากลำบากขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้

ยิ่งไปกว่านั้น ยังส่งผลเสียต่อชื่อเสียงด้วย

ทว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจนั่นก็คือ คนแรกที่ส่งเสียงคัดค้านออกมา กลับเป็นฉีจื่อฟู่ “ไม่ได้! จือจือ เจ้าเป็นภรรยาของข้าแล้ว จะเป็นหรือตายเจ้าก็คือคนของสกุลฉีเรา จะหย่าขาดกันได้อย่างไร?”

หรงจือจือแดกดันไปที “ท่านพี่เองก็ทราบด้วยหรือ ก่อนหน้านี้ข้าแต่งเข้าเรือนพวกท่านมา ก็เพื่อเป็นภรรยาเอก!”

ฉีจื่อฟู่ได้ฟังถ้อยคำนี้ ก็หน้าเสียทันที “ข้ารู้ว่าเรื่องนี้ไม่เป็นธรรมกับเจ้า แต่ข้ายังรักเจ้ามาก!”

หรงจือจือเอ่ยด้วยเสียงจืดชืด “บุรุษดี ๆ ที่ไหน จะยอมให้คนที่ตนเองรักและให้ความสำคัญอย่างแท้จริง ไปเป็นอนุภรรยาผู้ต่ำต้อย แล้วรับคนที่ลักลอบมีสัมพันธ์อย่างผิดครรลองกลับมาเข้าพิธีสมรสเป็นภรรยาเอก ในเมื่อท่านพี่รักใคร่ทะนุถนอมองค์หญิงแคว้นเจาท่านนั้นมาก ไม่สู้ให้นางมาเป็นอนุภรรยาของท่านเช่นนั้นก็น่าจะเหมาะสมดีมิใช่หรือ?”

ฉีจื่อฟู่ : “…”

เขาคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าภรรยาที่แสนอ่อนโยนเชื่อฟังในความทรงจำของเขา จะปากคอเราะรายได้ถึงเพียงนี้ พูดจาแดกดันตนเอง ต่อหน้าฝ่าบาทและขุนนางทั้งราชสำนัก โดยที่ไม่ไว้หน้าตนเองแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังบังอาจพูดออกมาว่าตนเองลักลอบมีความสัมพันธ์อย่างผิดครรลองกับหญิงอื่น!

มาถึงขั้นนี้แล้ว หรงจือจือย่อมไม่มีทางไว้หน้าฉีจื่อฟู่อีกแล้ว นางตั้งใจเป็นสะใภ้ใหญ่ผู้มีคุณธรรมที่ได้รับคำเยินยอสรรเสริญจากผู้คน แต่พวกเขาทั้งครอบครัวกลับเพียรพยายามจะดึงเกียรติยศศักดิ์ศรีของนางลงมา เหยียบย่ำในดินโคลนให้ได้

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ใครก็อย่าได้หวังเลยว่าจะมีความสุข

คราวนี้นางถานเองก็เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ขึ้นเช่นกัน “นางหรง เจ้าบังอาจต่อว่าสามีของเจ้าเช่นนี้ได้อย่างไร? ข้ายังอุตส่าห์คิดว่าเจ้าเป็นลูกสะใภ้ที่ดีคนหนึ่งจริง ๆ เสียอีก!”

หรงจือจือตอบกลับด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “แม่สามีพูดถูกแล้ว! หากท่านคิดว่าข้าไม่ดี เช่นนั้นก็มาขอให้ฝ่าบาททรงเมตตาอนุญาตให้หย่าขาดพร้อมกันกับข้าเถิด!”

นางถาน : “นี่เจ้า…”

นางถูกตอกหน้าจนสะอึกไป

นางหรือจะไม่กระจ่างแจ้งแก่ใจ มหาราชครูหรงมีรากฐานหยั่งลึกในราชวงศ์มานาน และยังมีลูกศิษย์อีกจำนวนมาก เทียบกับอวี้ม่านหวาองค์หญิงของแคว้นที่ล่มสลายแล้ว หากบุตรชายต้องการมีอิทธิพลและอำนาจที่มากกว่านี้แล้ว ความช่วยเหลือที่สกุลหรงสามารถมอบให้เขาได้นั้นย่อมมีมากกว่า

นางรู้สึกหงุดหงิดมากจริง ๆ ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในเรือน หรงจือจือนอบน้อมเชื่อฟังและกตัญญูต่อตนเองอย่างถึงที่สุด ไม่ว่าตนเองจะกดขี่นางอย่างไร หรือจะตั้งกฎระเบียบขึ้นมาให้นางอย่างไร นางล้วนแต่อมยิ้มและยอมรับ ทุ่มเทสุดกำลังสุดดวงใจคิดคำนวณเพื่อคนทั้งครอบครัว

แต่วันนี้มันเกิดอะไรขึ้น?! คิดจะสร้างความวุ่นวายหรืออย่างไรกัน?

เห็นสายตาสอดรู้ของแต่ละสกุล ทอดมาบนตัวพวกเขา แววตาเหล่านั้นยังเต็มไปด้วยประกายดูถูกดูแคลนพวกเขาทั้งครอบครัว นางถานเองก็ไม่เคยรู้สึกอับอายเช่นนี้มาก่อนในชีวิต สิ่งนี้ยิ่งทำให้นางรู้สึกโกรธเกลียดทุกการกระทำของหรงจือจือในวันนี้มากขึ้นไปอีก!

ฮ่องเต้หย่งอันปวดพระเศียรเพราะเสียงทะเลาะโวยวาย จึงตรัสว่า “พอได้แล้ว! เรื่องนี้ส่งผลต่อแคว้นและเกี่ยวข้องกับการจัดการตำแหน่งที่เหมาะสมให้องค์หญิงแคว้นเจาเก่า เรายังไม่ถึงคราวว่าราชการด้วยตนเอง บัดนี้ท่านเสนาบดีก็กำลังมุ่งหน้าไปกวาดล้างกบฏที่แคว้นเจาด้วยตนเอง เรื่องนี้รอท่านเสนาบดีกลับมาก่อน แล้วค่อยตัดสินเถิด!”

ท่านเสนาบดีที่ฮ่องเต้หย่งอันตรัสถึง ก็คือเสิ่นเยี่ยนซู ผู้ซึ่งสอบได้ที่หนึ่งในทุกระดับการสอบ[footnoteRef:1] ในวัยสิบเจ็ดปี ได้เข้าสำนักขุนนางหลวง ในวัยยี่สิบเอ็ดดำรงตำแหน่งเป็นมหาราชครูขององค์รัชทายาท และได้เป็นสมุหราชเลขาธิการในวัยยี่สิบสามปี [1: การสอบระดับท้องถิ่น การสอบระดับกลาง และการสอบระดับจักรพรรดิ]

กล่าวได้ว่า ในปีที่เสิ่นเยี่ยนซูได้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งสมุหราชเลขาธิการ ฝ่าบาทมีพระชนมายุเพียงแปดพรรษา ก่อนที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนจะสวรรคต ได้มีพระบัญชาแต่งตั้งอัครมหาเสนาบดีเสิ่นขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทน และให้ฝ่าบาทนับถืออัครมหาเสนาบดีเสิ่นเป็นเสมือนบิดา พร้อมทั้งฝากฝังพระราชโอรสไว้กับอัครมหาเสนาบดีเสิ่น

หลังจากฮ่องเต้พระองค์ก่อนสวรรคต อัครมหาเสนาบดีเสิ่นได้ช่วยปกครองบ้านเมืองมาแล้วทั้งสิ้นห้าปี ท่านมหาเสนาบดีบัดนี้ก็วัยยี่สิบแปดแล้ว จนถึงตอนนี้ยังมิเคยสมรสภรรยา

สิ้นพระสุรเสียง ฮ่องเต้หย่งอันก็ลุกขึ้นมา “แยกย้าย!”

ทุกคนต่างลุกขึ้นยืน “น้อมส่งเสด็จฝ่าบาท ขอทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี!”

ทว่าสายตาสุดท้ายก่อนที่ฮ่องเต้จะเสด็จออกไป แววตาที่มองไปยังฉีจื่อฟู่นั้น เต็มไปด้วยประกายเยือกเย็นอย่างถึงที่สุด

สายตาเช่นนี้ ย่อมสะท้อนเข้าไปในดวงตาของครอบครัวซิ่นหยางโหว พวกเขารู้ดีแก่ใจ ว่าฝ่าบาททรงไม่พอใจในตัวฉีจื่อฟู่แล้ว ความโกรธเกลียดเคียดแค้นภายในใจของสามีภรรยาซิ่นหยางโหวที่มีต่อหรงจือจือก็ยิ่งขยายใหญ่ขึ้น

ฮ่องเต้หย่งอันมุ่งหน้าไปยังตำหนักใน

ขันทีอาวุโสหยางถามอย่างระมัดระวัง “ฝ่าบาท พระองค์ทรงไม่พอใจจวนซิ่นหยางโหวหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

ฮ่องเต้น้อยตรัสด้วยสีหน้ามืดครึ้ม “แน่นอนสิ! ครอบครัวนั้นทำอะไรลงไปแล้วบ้าง เจ้าดูไม่ออกหรือ? ชื่อเสียงคุณธรรมของนางหรง ทั่วทั้งเมืองหลวงยังมีใครไหนเล่าที่ไม่รับรู้?”

“จะให้องค์หญิงของแคว้นเจาเก่าอดทนกล้ำกลืนกับความไม่เป็นธรรมไม่ได้ ให้เป็นอนุไม่ได้ เช่นนั้นแล้วแม่นางแห่งแคว้นต้าฉีเรา เป็นถึงธิดาสายหลักคนโตของท่านมหาราชครู จะให้ทนแบกรับความอัปยศนี้ได้อย่างนั้นหรือ?”

“หากว่าท่านมหาอัครเสนาบดีอยู่ที่นี่ด้วย จะต้องกล่าวเช่นนี้แน่ : แคว้นต้าฉีเรายกทัพตีแคว้นเจา ก็เพื่อแสดงถึงอำนาจอันยิ่งใหญ่ของแคว้นเรา และทำให้ราษฎรแคว้นต้าฉีมีชีวิตที่ดีขึ้น แล้วหรงจือจือไม่ใช่ราษฎรของเราต้าฉีหรืออย่างไร ถึงต้องแบกรับความอัปยศเช่นนี้ไว้โดยไร้เหตุผล?”

ขันทีอาวุโสหยางผงกศีรษะเช่นกัน “มิได้อย่างเด็ดขาด! เรื่องนี้ซื่อจื่อซิ่นหยางโหว ทำผิดครรลองจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้หย่งอัน : “หากให้เราพูด อวี้ม่านหวาคนนั้นต่อให้ต้องแต่งแก่ฉีจื่อฟู่ ก็เป็นได้แค่อนุภรรยาเท่านั้น จะมาสั่นคลอนตำแหน่งภรรยาเอกของนางหรงมิได้เด็ดขาด”

“เพียงแต่เรื่องนี้ยังเกี่ยวโยงไปถึงอำนาจเก่าของแคว้นเจาด้วย พวกขุนนางเก่าแก่ในราชสำนัก คงจะเถียงกันจนเราปวดหัวอีกตามเคย ปล่อยให้ท่านเสนาบดีไปจัดการแทนเถิด!”

บัดนี้อวี้ม่านหวาตั้งครรภ์แล้ว หนทางที่ดีที่สุดสำหรับสถานการณ์ของหรงจือจือ ที่ฮ่องเต้หย่งอันพอจะคิดออกในยามนี้ ก็คือดูว่าท่านเสนาบดีจะสามารถจัดการให้อวี้ม่านหวาเป็นอนุภรรยาได้หรือไม่

หากหย่าขาดแล้ว ชื่อเสียงของนางหรง ต้องเสื่อมเสียเป็นแน่แท้

ขันทีอาวุโสหยางเองก็ได้แต่เดินตามหลังฝ่าบาท พลางส่งเสียงเห็นด้วยไม่ขาด

……

สามีภรรยาซิ่นหยางโหวสีหน้าบึ้งตึง เคียดแค้นราวกับว่าหรงจือจือได้ทำเรื่องผิดบาปขั้นร้ายแรงต่อครอบครัวเขา และไม่สมควรได้รับการอภัยอย่างยิ่ง พลางสืบเท้ายาวมุ่งตรงออกไปนอกตำหนัก

เหมันตฤดู อากาศเย็นเยือก มิหนำซ้ำวันนี้ยังมีหิมะตกด้วย

กระทั่งมาถึงนอกตำหนักแล้ว

เมื่อเห็นหรงจือจือเดินออกมา เจาซีสาวใช้ใหญ่เคียงกายยามออกเรือนซึ่งกำลังคอยนางอยู่ที่นอกตำหนักก็รีบพุ่งเข้าไปหาทันที พร้อมยื่นโถน้ำร้อนให้หรงจือจือ “ฮูหยินซื่อจื่อ รีบรับไว้เจ้าค่ะ รักษาความอบอุ่น”

หรงจือจือปรายสายตามองเจาซีปราดหนึ่ง ก่อนจะรับโถน้ำร้อนไว้ ฝ่ามือที่เย็นยะเยือกก็เริ่มมีความอบอุ่นขึ้นมาช้า ๆ

และทำให้หัวใจของนาง ที่ถูกครอบครัวซิ่นหยางโหวย่ำยีจนเยือกเย็นถึงขีดสุด กลับมาอบอุ่นขึ้นทีละน้อย “เจ้าช่างใส่ใจยิ่งนัก!”

หากมิได้ความอบอุ่นกลับมาอีกครั้ง ก็เกรงว่าหากมิได้ตายจากด้วยความโกรธแค้น ก็คงแข็งตายด้วยความเย็นที่เกาะกินหัวใจแล้ว

เจาซีผุดยิ้มพลางเอ่ยว่า “เป็นหน้าที่เจ้าค่ะ!”

ทว่าภายในใจของนางกลับรู้สึกแปลก อ้างตามเหตุผลแล้ววันนี้ควรเป็นวันมงคลวันหนึ่งไม่ใช่หรือ? เหตุใดสีหน้าของท่านโหวและฮูหยินถึงได้ย่ำแย่เพียงนั้น?

สิ่งนี้ทำให้เจาซีรีบสำรวมรอยยิ้มบนใบหน้าลงทันที

ทว่าโทสะของนางถาน บัดนี้คล้ายว่าถูกอดกลั้นมาถึงขีดจำกัดแล้ว นางมองหรงจือจือก่อนจะตำหนิว่า “วันนี้เจ้าช่างโง่เขลาเสียจริง ทำให้เกียรติยศศักดิ์ศรีของสกุลหรงเสื่อมเสียแล้ว มิหนำซ้ำยังทำลายเกียรติยศศักดิ์ศรีของพวกข้าจวนโหวด้วย! ต่อเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาท เจ้ากลับไม่สนใจไยดีสถานการณ์ของสามีเจ้าเลยแม้แต่น้อย ข้าขอสั่งให้เจ้าเดินกลับจวนด้วยตนเองเป็นการลงโทษ!”

เจาซีอึ้งไป “อะไรนะเจ้าคะ?”

จากประตูวังเดินไปถึงจวนโหว อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาราวครึ่งชั่วยาม อากาศเย็นเยือกถึงเพียงนี้ ฮูหยินอยากจะให้คุณหนูของพวกนางหนาวตายหรืออย่างไร?
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Комментарии (1)
goodnovel comment avatar
Juth Alak
อา่นสนุกมากคะ่
ПРОСМОТР ВСЕХ КОММЕНТАРИЕВ

Latest chapter

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 468

    ไทเฮาทรงพิโรธ ถลึงพระเนตรใส่ฮ่องเต้น้อย “ฮ่องเต้ นี่เจ้าปฏิบัติต่อเสด็จแม่ของเจ้าแบบนี้รึ?”เฉินเยี่ยนซูพูดด้วยเสียงนุ่มนวล “หากไทเฮาทรงรู้สึกว่าฝ่าบาทปฏิบัติต่อพระองค์ไม่ดี มองว่าท่านอ๋องดูแลพระองค์ได้ดีกว่า เช่นนั้นกระหม่อมก็ยินดีช่วยส่งพระองค์ไปยังที่ดินศักดินาของท่านอ๋องใหญ่ ให้ท่านอ๋องดูพระองค์ในช่วงบั้นปลาย”พระพักตร์ของไทเฮาซีดขาว สังเกตเห็นความประชดประชันในแววตาโอรสตัวเองใช้มือข้างหนึ่งจับพนักเก้าอี้พร้อมกับตรัส “ช่างเถอะ ข้าเองก็รู้สึกคิดถึงอดีตฮ่องเต้เช่นกัน”เช่นนี้ก็หมายความว่ายอมจำนน บ่งบอกว่ายอมถูกกักบริเวณและคัดคัมภีร์นางคิดมาโดยตลอดว่าฮ่องเต้ยังชันษาน้อย คงจะจำอะไรไม่ได้มาก แต่ดูจากตอนนี้ เหมือนว่าฮ่องเต้จะยังจำได้มิน่าเล่า เขาถึงได้ไม่ยืนอยู่ฝั่งของนางกับสกุลเซี่ย เอาแต่เข้าข้างราชเลขาธิการเมื่อพูดถึงท่านอ๋องใหญ่ หรือก็คือพระเชษฐาต่างมารดาของฮ่องเต้ นางเซี่ยมีอาการตกใจเช่นกัน เกี่ยวกับเรื่องเมื่อตอนนั้น นางยอมรับว่าไทเฮาเลอะเลือนไปเล็กน้อยฮ่องเต้น้อยมีท่าทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยิ้มว่า “ในเมื่อเรื่องนี้จบลงแล้ว เช่นนั้นเราจะกลับไปจัดการราชกิจก่อน”เฉินเ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 467

    แม้แต่ฮ่องเต้น้อยก็ยังต้องยกนิ้วหัวแม่มือให้หรงจือจือในใจ ไม่แปลกเลยที่ท่านราชเลขาธิการจะชอบนาง ช่างฉลาดหลักแหลม แม้แต่วิธีแก้ปัญหาเช่นนี้ก็ยังสามารถคิดออกมาได้ นางเซี่ยรีบพูดด้วยรอยยิ้ม “ความจริงจวนอ๋องเฉียนของพวกข้าก็ไม่เลว หากมหาราชครูหรงต้องเลือกระหว่างสองสกุลก็คงตัดสินใจได้ยากเช่นกัน”“จือจือ เจ้าลองเลือกใหม่อีกครั้งดีหรือไม่ หากเจ้าเลือกอู๋เหิง บิดาของเจ้าก็ไม่น่าจะว่าอะไร”“เจ้าก็รู้ แม่สามีของข้าชอบเจ้ามากมาโดยตลอด หลายปีมานี้ก็ปกป้องและรักใคร่เจ้าไม่น้อย”หัวคิ้วของหรงจือจือกระตุก เข้าใจว่านางเซี่ยกำลังยกพระชายาอ๋องเฉียนมาเพื่อโน้มน้าว อยากให้นางเห็นแก่การดูแลที่พระชายาอ๋องเฉียนมีต่อตัวเองตลอดหลายปีมานี้และเลือกจีอู๋เหิงไทเฮาฟังถึงตรงนี้ก็ตรัสเช่นกัน “พระชายาซื่อจื่อพูดได้ถูกต้อง! หรงจือจือ ตอนนี้ข้าต้องการให้เจ้าแต่งงานกับอู๋เหิง ส่วนฮ่องเต้นั้นต้องการให้เจ้าแต่งงานกับราชเลขาธิการเฉิน”“พวกข้าสองแม่ลูกแทบจะบาดหมางกันเพราะเจ้าอยู่แล้ว เจ้าลองตรองดูให้ดีว่าจะแต่งงานกับผู้ใด!”“ในเมื่อเจ้าแต่งเพราะคำสั่งของบิดา คิดว่าหากมีข้าอยู่ด้วย ต่อให้เจ้าเลือกอู๋เหิง บิดาเจ้าก็คงไ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 466

    ฮ่องเต้หย่งอันเข้าใจแล้วว่า เหตุใดท่านราชเลขาธิการได้ยินว่าเสด็จแม่เรียกตัวหรงจือจือมาพบแล้วจึง…เขามองไทเฮาพร้อมกับตรัสด้วยความเสียใจ “โอ้? มันสายไปแล้ว! ลูกพระราชทานสมรสไปแล้ว ราชโองการก็เขียนเสร็จแล้ว ประทับตราพระราชลัญจกรแล้วเช่นกัน!”“เหตุใดเสด็จแม่จึงไม่หารือกับลูกตั้งแต่เมื่อวาน หากเป็นเมื่อวาน เรื่องนี้คงพอมีหนทางให้ตกลงกันได้”ไทเฮาตรัสอย่างไม่เชื่อ “เป็นความจริงหรือ?”ฮ่องเต้หย่งอัน “ย่อมเป็นความจริง ราชโองการยังอยู่ในมือเซิ่งเฟิงอยู่เลย!”ตอนแรกเขาจะให้ขันทีอาวุโสหยางเป็นคนถือ ประเดี๋ยวหรงจือจือกลับสกุลหรงไปแล้วค่อยประกาศราชโองการ แต่ท่านราชเลขาธิการไม่วางใจยืนกรานที่จะขอรับไป ให้เซิ่งเฟิงเป็นคนเก็บรักษาไทเฮาพิโรธมากนางเซี่ยร้อนใจเช่นกัน รีบคุกเข่าว่า “ฝ่าบาท ได้โปรดถอนราชโองการด้วยเถิด อู๋เหิงต้องการแต่งงานกับท่านหญิงเช่นกัน!”ฮ่องเต้หย่งอันยิ้มเยาะ “พระชายาซื่อจื่อกล่าวเช่นนี้ ฟังดูเหมือนท่านราชเลขาธิการไม่ได้ตั้งใจจะแต่งงานกับหรงจือจืออย่างไรอย่างนั้น สินสอดแปดร้อยหาบ เกรงว่านี่คงเป็นครั้งแรกตั้งแต่ก่อตั้งแคว้นต้าฉีมา!”นางเซี่ยรีบพูด “ฝ่าบาท จวนอ๋องเฉียนของพ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 465

    ฮ่องเต้น้อยเห็นนางเซี่ยยอมรับผิดรวดเร็วแบบนี้ก็ไม่ได้ทำให้นางลำบากใจอีก อย่างไรเมื่อครู่นี้เขาก็เห็นว่า อีกฝ่ายก็พยายามช่วยขอความเมตตาให้หรงจือจืออย่างสุดความสามารถ แต่เมื่อฮ่องเต้น้อยมองไปที่นางกำนัลนางนั้น เขายิ่งคิดก็ยิ่งโมโหเดินเข้าไปถีบอีกฝ่าย “ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง แม้แต่ท่านราชเลขาธิการก็ยังกล้าสาด! เจ้าจงสวดภาวนาให้ท่านราชเลขาธิการปลอดภัย มิเช่นนั้น ครอบครัวเจ้าทั้งเก้าชั่วโคตรก็ยังชดใช้ไม่ได้!”นางกำนัลถูกถีบกลิ้งกับพื้นรู้สึกได้รับความอยุติธรรม นางจะรู้ได้อย่างไรว่าท่านราชเลขาธิการจะมาและช่วยบังน้ำเย็นให้กับท่านหญิง หากรู้มาก่อน ต่อให้นางจะใจกล้าเพียงใดก็ไม่กล้าทำแบบนี้แต่ฮ่องเต้กำลังพิโรธ นางไม่กล้าร้องว่าอยุติธรรม กลัวว่าฮ่องเต้จะพิโรธหนักกว่าเดิมได้แต่คำนับศีรษะด้วยความเคารพ “บ่าวสมควรตาย ฝ่าบาทโปรดประทานอภัย!”เจาซีมองด้วยความสะใจ เมื่อครู่นี้นางกำนัลคนนี้ใช้อำนาจข่มขู่ บอกว่าเป็นคำสั่งของไทเฮา ห้ามขัดขืนเด็ดขาดตอนนี้ ฮ่องเต้จะทุบตีนางอย่างไร สั่งสอนนางอย่างไร นางก็ได้แต่ทนรับไว้เสียงความเคลื่อนไหวด้านนอกย่อมดังเข้าไปในตำหนักเมื่อฮ่องเต้หย่งอันเข้าไป พระ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 464

    หรงจือจืออยากอธิบายว่าตัวเองไม่ได้กลัว แต่เมื่อสบเข้ากับสายตาห่วงใยของเขา จู่ๆ นางก็พบว่าตัวเองพูดอะไรไม่ออก ภายในใจอ่อนระทวยไปหมดทั้งๆ ที่เขาถูกราดน้ำเย็น ทั้งๆ ที่เขากำลังหนาวทว่าเขากลับไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย มีเพียงความรู้สึกที่เป็นห่วงนางนางรีบนำผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดน้ำเย็นบนใบหน้าเขาโดยไม่ได้มาสนใจว่าชายหญิงไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวกัน อย่างไรก็จะแต่งงานกับเขาอยู่แล้วเฉินเยี่ยนซูผงะ ดวงตาหงส์เร่าร้อนขึ้นมาหลายส่วนฮ่องเต้น้อยตรัส “มัวทำอันใดกันอยู่? ยังไม่รีบไปเตรียมเสื้อผ้าสะอาดกับน้ำร้อนให้ท่านราชเลขาธิการอีก!”“หากท่านราชเลขาธิการป่วยไข้ขึ้นมา! เราจะตัดหัวพวกเจ้าให้หมด”“น้ำขิงด้วย! เตรียมน้ำขิงให้ท่านหญิงกับท่านราชเลขาธิการทันที!”หรงจือจือจะบอกตัวเองไม่ต้องการน้ำขิง แต่เมื่อเห็นท่าทีของฮ่องเต้หย่งอัน นางก็ไม่ได้ปฏิเสธนางกำนัลที่ราดน้ำเย็นใส่เฉินเยี่ยนซูตกใจกลัวจนน้ำตาแทบเล็ด คุกเข่าตัวสั่นเทิ้มร่วมกับนางกำนัลคนอื่นๆผู้ที่ถูกราดน้ำเย็นคือท่านราชเลขาธิการ นั่นคือท่านราชเลขาธิการของฮ่องเต้เชียวนะ ก่อนที่ฮ่องเต้จะทรงว่าราชกิจ พระองค์จะต้องถวายการคำนับแด่ท่านราชเลขาธิการตาม

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 463

    ไทเฮาโกรธจนหน้าเขียว ชี้นิ้วไปที่นาง “ดี ดี ดี เจ้าดีมาก!”แม้ภายในใจนางจะไม่พอใจถึงขีดสุด กระนั้นก็มีความนับถือบางส่วนเจืออยู่ด้วยอดนึกถึงถ้อยคำที่อดีตฮ่องเต้เคยพูดกับตัวเองไม่ได้ มหาราชครูหรงเป็นเสาหลักของบ้านเมือง อุทิศความสามารถและความทุ่มเททั้งหมดเพื่อชาติบ้านเมือง เขาถึงกล้ากราบทูลฎีกาที่ภัยถึงชีวิต เสียก็แต่เถรตรงเกินไปมองหรงจือจือตอนนี้แล้วเหมือนบิดาของนางมาก!ทว่า ความชื่นชมนี้ไม่อาจระงับเพลิงโทสะภายในใจนางแต่อย่างใด “ไปเตรียมน้ำเย็นเดี๋ยวนี้ ข้าอยากเห็นนักว่าเจ้าจะมีชีวิตรอดไปเห็นผู้บันทึกประวัติศาสตร์กล่าวโทษข้าหนือไม่!”นางเซี่ย “ไทเฮา!”ไทเฮามองนางปราดหนึ่ง พูดด้วยหน้าบึ้งตึง “พอแล้ว พี่หญิงนั่งลงเถอะ ข้าเองก็ทำเพื่อสั่งสอนลูกสะใภ้ในอนาคตให้ท่าน!”นางเซี่ยเห็นหรงจือจือเดินออกไปภายในใจปั่นป่วนว้าวุ่น จากนั้นลุกขึ้นเพื่อเข้าไปห้ามปรามด้วยตัวเองพระพักตร์ของไทเฮาย่ำแย่กว่าเดิมเมื่อเห็นพี่หญิงของตนเป็นเช่นนี้สั่งว่า “ห้ามพระชายาซื่อจื่อเอาไว้ อย่าให้นางก่อกวน!”บรรดานางกำนัล “เพคะ!”หรงจือจือคุกเข่าท่ามกลางหิมะ มองนางกำนัลยกถังน้ำเย็นเข้ามา ส่วนนางเซี่ยที่จะเข้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status