공유

บทที่ 2  

작가: สั่งไม่หยุด
ความจริงหนนี้นางถานเองก็รู้สึกว่า บุตรชายของตนทำเกินไปหน่อย เพราะก่อนหน้านี้คนทั้งตระกูลฉีไม่เคยมีผู้ใดได้ยินเรื่องราวของอีกฝ่ายกับองค์หญิงท่านนั้นมาก่อน แล้วหรงจือจือจะเป็นฝ่ายขอเป็นอนุภรรยาด้วยตนเองได้อย่างไร?

ทว่าบุตรชายกำลังต้องโทษหลอกลวงเบื้องสูง เอ่ยวาจาเหล่านี้ออกมาต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท หากหรงจือจือไม่ยอมรับ แม้ฝ่าบาทจะมิได้ตัดสินโทษสถานหนักกับจื่อฟู่ แต่ก็เกรงว่าจวนซิ่นหยางโหว จะสูญเสียความไว้วางพระทัยจากฮ่องเต้ไป

นางจึงหันขวับมองไปทางหรงจือจือทันที คว้ามือของนางไว้พลางเอ่ยยิ้ม ๆ “จือจือ เจ้าเคยเอ่ยเรื่องนี้กับข้ามาก่อนแล้วมิใช่หรือ ถึงแม้เจ้าจะไม่เต็มใจ แต่เพื่อจื่อฟู่แล้ว ก็จำใจต้องยอมรับ”

“เจ้าก็เป็นคนมีเมตตาและคุณธรรมเช่นนี้มาตลอด เจ้าวางใจเถิด หลังจากนี้แม้เจ้าจะเป็นอนุ แต่สิ่งใดก็ตามที่เจ้าพึงมีในยามนี้ แม้จะไม่ให้เจ้าต้องขาดแม้เพียงสักอย่าง!”

นางถานออกแรงบีบไปที่มือเล็กน้อย นี่เป็นการเตือนหรงจือจือว่า จงให้ความสำคัญกับสถานการณ์โดยรวม จงเห็นแก่จวนโหวเป็นสำคัญ

หรงจือจือฟังวาจาของนางถานจบแล้ว ยิ่งไม่อยากเชื่อหูตนเอง

สุขภาพของนางถานไม่สู้ดีนัก และร่างกายมักจะอ่อนแรงครึ่งซีกอยู่เป็นประจำ ตลอดสามปีที่นางอาศัยอยู่ในจวนซิ่นหยางโหว ก็คอยบีบนวดฝังเข็มให้นางทุกวัน จนมือทั้งสองข้างหยาบกระด้างไปไม่น้อย ทว่าพอมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น นางถานไม่แม้แต่จะห้ามปรามบุตรชาย แต่กลับขอให้ตนเองยอมรับเรื่องนี้แทนหรือ?

สายตาของนาง เหลือบมองไปยังซิ่นหยางโหวโดยสัญชาตญาณ

แล้วพ่อสามีของนางเล่า จะคิดเห็นอย่างไรบ้าง?

ซิ่นหยางโหวเป็นสหายคนสนิทของท่านพ่อ และเป็นเพราะพวกเขาสองคน ที่จับคู่ให้ตนเองและฉีจื่อฟู่เป็นคู่หมั้นกันตั้งแต่แบเบาะ

หัวคิ้วของซิ่นหยางโหวบัดนี้ก็กำลังขมวดแน่นเช่นกัน เขาคิดไม่ถึงเลยว่าบุตรชายของตนเอง จะทำอะไรโดยไม่คำนึงถึงผลที่ตามมาเช่นนี้นี้!

เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เพื่อไม่ให้จวนโหวถูกฝ่าบาททอดทิ้ง เขาก็เอ่ยปากขึ้นทันที “จือจือก็มีคุณธรรมเช่นนี้ หลังจากนี้แม้ภรรยาเอกในเรือนจะเป็นองค์หญิงจากแคว้นต้าเจา ทว่าข้าก็จะกำชับให้ทุกคน ใช้ระเบียบมารยาทที่พึงปฏิบัติต่อภรรยาเอกปฏิบัติต่อจือจือ องค์หญิงแคว้นเจาท่านนั้นจะเป็นภรรยาเอกเพียงแค่ในนาม ส่วนเรื่องอื่น ล้วนเป็นของจือจือเช่นเดิม!”

หรงจือจือฟังจบก็หัวเราะออกมา ครอบครัวนี้ ก็แค่ต้องการสังเวยนางเพียงหนึ่งคน เพื่อรับผิดชอบต่อความไร้หัวใจและความไม่ซื่อสัตย์ของฉีจื่อฟู่ รวมถึงคำพูดไร้สาระของเขา ที่เอ่ยออกมาต่อหน้าพระพักตร์ในยามนี้เท่านั้น!

นางหลับตาลงและหายใจลึก ๆ

หลังจากไตร่ตรองแล้วครู่หนึ่ง นัยน์ตาก็เต็มไปด้วยความเยือกเย็น

ตลอดชีวิตของนางเสมือนเดินบนแผ่นน้ำแข็งบาง เพื่อชื่อเสียงของสกุลหรงและตนเองแล้ว ไม่กล้าย่างเท้าก้าวพลาดแม้แต่ก้าวเดียว จะเรื่องใดล้วนแต่ใคร่ครวญเพื่อสกุลฉีก่อนทุกเรื่อง น้อยนักที่จะคิดถึงตนเอง จนท้ายที่สุดก็ได้ชื่อว่าเป็นคนมีเมตตาคุณธรรม แต่วันนี้กลับต้องมาลงเอยเช่นนี้แล้ว

ช่างน่าเศร้า ช่างน่าขันเสียนี่กระไร!

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สะใภ้ใหญ่ผู้ทรงคุณธรรมนี้ นางไม่ขอเป็นแล้ว!

นางหยัดกายขึ้นและเดินไปข้างกายฉีจื่อฟู่ ก่อนจะคุกเข่าลงข้างเขา

น้ำเสียงอบอุ่นอ่อนโยน เอ่ยปากออกมาด้วยความสัตย์จริงและแน่วแน่ “ฝ่าบาทเพคะ อาจเพราะสามีและแม่สามีของหม่อมฉันดื่มสุราหนักไป ฉะนั้นจึงจำเรื่องราวผิดไปเพคะ ที่ท่านพี่เคยบอกกับหม่อมฉันไว้ก่อนหน้านี้ คือจะให้องค์หญิงพระองค์นั้นเป็นอนุเพคะ หม่อมฉันจึงตอบรับปากไป หากให้นางเป็นภรรยาเอก หม่อมฉันไม่มีทางตกปากรับคำอย่างเด็ดขาดเพคะ!”

“บิดาของหม่อมฉัน เป็นมหาราชครูในรัชสมัยปัจจุบัน เป็นอาจารย์ของฮ่องเต้องค์ก่อน หม่อมฉันในฐานะบุตรีของบิดา จะยอมลดขั้นด้อยค่าตนเอง ลงไปเป็นเพียงอนุภรรยาได้อย่างไรเพคะ?”

“จะว่าไป ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสามีและแม่สามีฟังอะไรพลาดไป ถึงได้เข้าใจความหมายของหม่อมฉันผิด จนกระทำเรื่องน่าขายหน้าเช่นนี้ออกมา! ขอฝ่าบาทได้โปรดเมตตา เห็นแก่คุณูปการที่คราวนี้ท่านพี่คว้าชัยกลับมาสำเร็จ ยกเว้นโทษที่ท่านพี่เสียมารยาทต่อเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาทด้วยเถิดเพคะ!”

นางจะไม่ทำเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ที่ไม่ว่าเรื่องใดล้วนบอกว่าเป็นความผิดของตนเอง แบกเอาความรับผิดชอบทั้งหมดเอาไว้ และจะไม่เก็บความรู้สึกเอาไว้ในใจ ไม่พูดออกมาเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว

แต่กลับชี้ชัดไปเลยว่าเป็นฉีจื่อฟู่และมารดาของเขาที่ทำผิด ดื่มสุราหนัก มิหนำซ้ำยังชี้ชัดลงไปเลยว่าฉีจื่อฟู่ก้าวล่วงเสียมารยาทต่อเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาท

ทว่าความ “ไร้คุณธรรม” ของนางในครั้งนี้ ทำให้หลายคน ณ ที่แห่งนี้ไม่อาจตำหนินางออกมาได้เต็มปาก ไม่ว่าใครเมื่อได้ฟังถ้อยคำนี้ของหรงจือจือ ย่อมรู้ว่าครอบครัวซิ่นหยางโหวไร้ยางอาย บีบบังคับให้ลูกสะใภ้จำต้องยอมเอ่ยปากว่าขอลดขั้นเป็นอนุด้วยตนเอง

คำพูดนี้ทำให้สายตาของทุกคนที่มองมายังครอบครัวซิ่นหยางโหว ล้วนเจือด้วยความดูแคลนเหยียดหยาม

ยิ่งเมื่อก่อนหรงจือจือมีชื่อเสียงในเมืองหลวงดีเพียงใด และทุ่มเททำเพื่อจวนซิ่นหยางโหวไว้มากเพียงใด บัดนี้ทุกคนจะยิ่งชิงชังรังเกียจพวกเขาทั้งครอบครัวมากขึ้นเพียงนั้น

ตอนนี้เอง

สีหน้าของซิ่นหยางโหวและนางถาน ล้วนเยือกเย็นลงมา จ้องมองหรงจือจืออย่างไม่อยากเชื่อสายตา อีกฝ่ายเอ่ยเช่นนี้ แล้วจากนี้ไปคนทั้งเมืองหลวงจะมองพวกเขาทั้งครอบครัวว่าอย่างไร?

ฉีจื่อฟู่เองก็ขมวดคิ้วด้วยความตะลึงงัน เพราะภาพในความทรงจำของเขา จือจืออ่อนโยนและเอาใจใส่มาโดยตลอด ไม่ว่าเขาจะบอกอะไรก็เชื่อฟังตามทุกอย่าง เพื่อช่วยชีวิตเขาไว้ นางถึงกับยอมคุกเข่าตลอดทางเดินขึ้นภูเขา เพื่อขอโอสถช่วยชีวิตจากปรมาจารย์ซื่อคงมาให้เขา

แต่ในยามนี้…

นางไม่เชื่อฟังตามที่ตนเองพูดอีกแล้ว! นี่นางไม่สนใจชื่อเสียงคุณธรรมของตนเองแล้วหรืออย่างไร?

นางเจียงซึ่งเป็นฮูหยินของเสนาบดีกรมพิธีการ เป็นคนแรกที่เปล่งวาจาถากถางออกมาด้วยความเหลืออด “มีครอบครัวแบบนี้อยู่จริงหรือ บังคับให้ลูกสะใภ้ดี ๆ คนหนึ่งไปเป็นอนุ วันนี้นับว่าข้าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว!”

นางถานสวนกลับทันควัน “ไม่จริง ก่อนหน้านี้จือจือ…”

หรงจือจือตัดบท “ท่านแม่ ท่านดื่มสุราหนักจนเลอะเลือนแล้ว”

นางถานตะคอกใส่ด้วยโทสะ “หรงจือจือ เจ้ากล้าอกตัญญูถึงเพียงนี้ได้อย่างไร พูดแทรกข้าต่อเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาท!”

นางเจียงตำหนิด้วยเสียงดูแคลน “เจอแม่สามีแบบนี้ ใครจะนอบน้อมกตัญญูไหวเล่า!”

นางถาน : “นางเจียง! ข้ากับเจ้าต่างไร้ความแค้นไร้ความบาดหมาง…”

นางเจียง : “เป็นความจริงที่ไร้ความแค้นไร้ความบาดหมาง ฉะนั้นวันนี้ ข้าก็แค่ออกมาพูดเพื่อปกป้องความยุติธรรมเท่านั้น! หากว่าลูกสะใภ้ดี ๆ อย่างนางหรง ต้องไปเป็นอนุ เกรงว่าใต้หล้านี้คงไม่จำเป็นต้องมีหลักการแห่งสวรรค์แล้วกระมัง! ไม่รู้เหมือนกันนะว่าบางครอบครัว กล้ากระทำเรื่องไร้สามัญสำนึกเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร!”

มารดาของนางเจียงก็คือองค์หญิงใหญ่อวี๋หยาง แม้แต่ฝ่าบาทยังต้องเรียกองค์หญิงใหญ่ว่าเสด็จย่า นางย่อมไม่เห็นนางถานในสายตาอยู่แล้ว

พระชายาอ๋องเฉียนเองก็ไม่พอใจมากเช่นกัน คนสกุลฉีกดขี่ข่มเหงหรงจือจือเช่นนี้ ทำให้คนที่เพิ่งยกย่องชมเชยหรงจือจือไปเมื่อสักครู่อย่างนาง รู้สึกโดนหยามเกียรติไปด้วยเช่นกัน

นางมองไปยังฮ่องเต้หย่งอันก่อนจะเอ่ยปาก “ฝ่าบาทเพคะ ราชวงศ์ของเราไม่เคยมีการลดขั้นภรรยาเอกเป็นอนุภรรยามาก่อน! หากเปิดช่องให้เกิดกรณีตัวอย่างเช่นนี้แล้ว ทุกคนพากันเลียนแบบขึ้นมา วันข้างหน้าต้าฉีของเราจะไม่กลายเป็นยุคที่ความสงบเรียบร้อยเสื่อมโทรมพังทลายลงหรือเพคะ?”

ฮ่องเต้หย่งอัน “ท่านย่าสะใภ้พูดถูก! ฉีจื่อฟู่ เจ้าดื่มสุราหนักเกินไปแล้ว กลับไปนั่งประจำที่ของเจ้าเถิด เห็นแก่ที่เจ้ามีคุณูปการนำชัยมาให้ต้าฉี ถ้อยคำเหลวไหลที่เจ้าเอ่ยมาเมื่อครู่ เราจะทำเสมือนว่าไม่ได้ยิน !”

ฉีจื่อฟู่รีบท้วงอย่างร้อนรน “แต่ว่าฝ่าบาท องค์หญิงม่านหวาตั้งครรภ์เลือดเนื้อเชื้อไขของกระหม่อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

ทันใดนั้นเอง ทั่วทั้งท้องพระโรงพลันเงียบกริบ

หากว่าฉีจื่อฟู่เพียงชมชอบอวี้ม่านหวา ก็มิใช่ปัญหาใหญ่โตอะไร หากไม่เห็นชอบแค่ปฏิเสธไปก็สิ้นเรื่องแล้ว ทว่าองค์หญิงของแคว้นเจาในอดีตมีพระครรภ์แล้ว ก็มีแต่ต้องจัดพิธีอภิเษกสมรสขึ้นเท่านั้น!

เพียงแต่ปัญหาอยู่ที่ว่าจะเป็นภรรยาเอกหรืออนุ…

เรื่องนี้ทำให้พระชายาอ๋องเฉียนและนางจาง ต่างไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี เรื่องเกี่ยวพันถึงท่าทีต่อองค์หญิงของแคว้นสิ้นเอกราช กับผู้ใต้บังคับบัญชาเก่าของแคว้นเจาในอดีต ถือเป็นเรื่องของรัฐ พวกนางสอดปากเข้าไปได้ที่ไหน?

เสี้ยวขณะนั้นสายตาของทุกคนที่มองมายังหรงจือจือ ล้วนเปลี่ยนไปเป็นความสงสาร

ท้ายที่สุดแล้วหากต้องวางแผนแก้ปัญหาเพื่อประเทศชาติจริง ๆ ก็เกรงจะทำให้แม่นางคนนี้ต้องน้อยเนื้อต่ำใจแล้ว

ฮ่องเต้หย่งอันได้ยินมาถึงตรงนี้ สายตาที่มองฉีจื่อฟู่ ก็เยือกเย็นขึ้นมาทันที “เจ้าบังอาจหมั้นหมายกับองค์หญิงแห่งแคว้นสิ้นเอกราชเองอย่างลับ ๆ งั้นหรือ?”

ต่อให้อวี้ม่านหวาคนนั้นควรจะต้องได้รับการดูแลอย่างดี และต้องเข้าพิธีสมรสอย่างที่ควรเป็น ก็ควรจะต้องจัดการตามคำบัญชาของตนเท่านั้น ใช่จะปล่อยให้ฉีจื่อฟู่ทำตามใจจนเรื่องราวลุกลามใหญ่โตเพียงนี้ได้ที่ไหน?

ฉีจื่อฟู่โขกศีรษะน้อมรับความผิด “กระหม่อมสมควรตาย กระหม่อมเลอะเลือนไปชั่วขณะพ่ะย่ะค่ะ!”

บัดนี้นางถานถลึงตาจ้องหรงจือจืออย่างเอาเรื่อง ทั้งหมดเป็นความผิดของนาง! หากว่าก่อนหน้านี้นางยอมรับว่าจะเป็นอนุ บุตรชายหรือจะเอ่ยเรื่องที่อวี้ม่านหวาตั้งครรภ์ออกมา ทำให้ฝ่าบาททรงกริ้ว?

ไม่หัดเข้าใจสถานการณ์บ้างเลย!

ทุกคนต่างบอกว่าได้ลูกสะใภ้แบบนี้นับว่าตนเองช่างมีวาสนา แบบนี้มีวาสนากับผีสิ!

ซิ่นหยางโหวลุกขึ้นยืนเพื่อปกป้องบุตรชายทันที เขาคุกเข่าลงพลางร้องอ้อนวอน “ฝ่าบาท เรื่องมาขั้นจุดนี้แล้ว แม้จะไม่เป็นธรรมต่อจือจือ แต่เพื่อส่วนรวมแล้ว ฝ่าบาทได้โปรดระงับโทสะเถิดพ่ะย่ะค่ะ แม้ไม่เห็นแก่สามีของตนเอง แต่เพื่อประเทศชาติแล้ว อย่างไรจือจือก็ยินดีจะสละตำแหน่งนี้ด้วยความเต็มใจแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요
댓글 (1)
goodnovel comment avatar
NudRa
บรรยายเยอะแบบน้ำท่วมทุ่ง กว่าจะเข้าประเด็น น่าเบื่อมาก
댓글 모두 보기

최신 챕터

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 475

    นี่คือคำพูดที่ออกมาจากปากท่านแม่ได้จริง ๆ หรือ? ไม่ว่าจะว่าอย่างไร หรงจือจือก็เป็นลูกที่ท่านแม่อุ้มท้องมาสิบเดือนจนคลอดนะ!หรงเจียวเจียวเอ่ย “แต่ว่าท่านแม่ หากท่านพ่อรู้เข้า จะดีได้อย่างไร?”หรงจือจือมองหรงซื่อเจ๋อทีหนึ่ง แล้วหัวเราะเย้ยหยันทีหนึ่ง “น้องรองพูดถูก พวกนางสนใจข้าด้วยใจจริงจริง ๆ”และไม่ได้มีความตั้งใจจะกดน้ำเสียงแต่อย่างใดนางหวังและหรงเจียวเจียวที่อยู่ด้านใน พลันเงียบเสียงไปทันใดหรงจือจือย่างเท้าเดินเข้าไปนางหวังหันกลับมาด้วยความไม่สบอารมณ์ พลางมองหรงจือจือแล้วกล่าวว่า “เจ้ามาทำไม?”หรงจือจือ “ข้ามีบางอย่างอยากจะพูดกับน้องสามเป็นการส่วนตัว แต่คิดไม่ถึงว่าจะมาได้จังหวะพอดี ถึงกับทำให้ฮูหยินกับน้องสามเสียเวลาในการหารือวางแผนทำร้ายข้า”“แต่พวกท่านไม่ต้องร้อนใจไป เดี๋ยวพอข้าออกไปแล้ว พวกท่านปรึกษาหารือกันต่อก็สิ้นเรื่องแล้ว”คิดวางแผนทำร้ายคนอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร ครั้นนางหวังกับหรงเจียวเจียวได้ยินถึงตรงนี้ หน้าก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อยยิ่งอดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่สาวใช้ของพวกนาง เจ้าพวกไร้ประโยชน์ ไม่คิดเลยว่าจะประมาทเลินเล่อขนาดนี้ ไม่รู้จักเฝ้าอยู่ข้

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 474

    ดังนั้นตอนที่นางเซี่ยบอกให้เขาพิจารณาจงเจิ้งอวี๋ดู เขาจึงปฏิเสธไปทว่าสภาพของพี่ใหญ่ในวันนี้...ในจวนแห่งนี้มีบุตรชายสายตรงเพียงพวกเขาสองคน เรื่องมีลูกหลานสืบสกุล คงหวังพึ่งได้แค่ตนแล้ว พูดตามตรง ในเรื่องนี้พี่ใหญ่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์โดยรวมเท่าตนบางทีผู้ที่รู้รสชาติแห่งความรัก ถึงได้เป็นเช่นนี้กระมังเขาเพียงโชคดี โชคดีที่ตนไม่เข้าใจความรัก!นางเซี่ยมองเขาทีหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างเหนื่อยล้า มีบุตรชายทำตามการจัดการของตนสักคนก็ดี บุตรชายคนโตคงบีบไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้วจริง ๆ...จวนสกุลหรง หลังจากอ่านราชโองการจบคนสกุลหรงรับพระประสงค์พร้อมกัน กระทั่งหรงเจียวเจียวที่ถูกเฆี่ยน ไม่ให้คนประคองลุกขึ้นมาจากเตียงไม่ได้ และคุกเข่าร่วมฟังด้วยกันครั้นฟังจบสีหน้าของนางก็ซีดเผือดไปหมดเพียงเพราะฝ่าบาทมีพระราชโองการมา คิดว่าเรื่องที่จะสลับเกี้ยวเกรงว่าจะไม่สำเร็จแล้ว เช่นนี้จะเป็นการหลอกลวงฮ่องเต้สีหน้าของนางหวังเองก็ปั้นยากเช่นกันไหนเลยเฉินเยี่ยนซูจะสนใจความรู้สึกของพวกนางสองแม่ลูก มองไปที่หรงจือจือเท่านั้น พร้อมเอ่ยขึ้นทั้งหูที่แดงเล็กน้อย “เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อนนะ”หรงจือจือ “

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 473

    ครั้นเฉินเยี่ยนซูเห็นนางทำเช่นนี้ และยังได้ยินคำพูดเช่นนี้ ความเย็นเยียบที่กลอกไปมาอยู่ในนัยน์ตาหงส์ ก็พลันสลายไป เป็นความกระตือรือร้นและรอยยิ้มไม่ขาดสายจากนั้นก็พลิกไปจับมือของนางด้วยความทะนุถนอมเป็นอย่างมาก พร้อมเอ่ยขึ้นอย่างขึงขังว่า “แน่นอนอยู่แล้ว ข้าจะขอให้แต่งตั้งเจ้าเป็นฮูหยินแห่งแคว้นขั้นหนึ่ง”“ฮูหยินตราตั้งขั้นหกอะไร ไม่คู่ควรกับเจ้าเลยแม้แต่น้อย”ครั้นเขาพูดจบ รถม้าก็หยุดลงพอดีคนขับรถม้าเปิดประตูรถม้าออก คำพูดนี้ของเขาย่อมเข้าไปในหูของเซิ่งเฟิงที่อยู่ด้านนอกเช่นกัน เซิ่งเฟิงอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นแล้วกลอกตาขาวทีหนึ่งอีกครั้งเยี่ยมไปเลย นี่ท่านเสนาบดีเหยียบขึ้นไปบนอดีตสามีของท่านหญิงแล้ว!ไหนเลยที่หรงจือจือจะไม่เข้าใจ จู่ ๆ เขาก็เอ่ยถึงฮูหยินตราตั้งขั้นหกเพื่ออะไร? วันนี้ก็เพิ่งรู้เช่นกัน ดูท่าท่านเสนาบดีที่อยู่เหนือผู้คน เย็นชาและลำพอง ไม่คิดเลยว่าจะมีความคิดเปรียบเทียบพวกนี้ด้วยนางกลั้นขำ ไม่ให้มีเสียงออกมาส่วนเฉินเยี่ยนซูมองไปนอกรถ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงชืด ๆ ว่า “ราชโองการสมรส ประกาศเสียตอนนี้เถอะ”เซิ่งเฟิง “ขอรับ”...ในขณะที่คนสกุลหรงรับราชโองการน

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 472

    เมื่อครู่นางเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ได้รับความหนาวเย็นเล็กน้อย แต่ไม่ได้เป็นอะไรมาก หลังกลับไปท่านเสนาบดีจะต้องกินน้ำขิงติดต่อกันสามวัน หนึ่งวันไม่ต่ำกว่าสามครั้ง”เฉินเยี่ยนซูยังเม้มริมฝีปากบาง ในใจกระวนกระวายไปหมดหรงจือจือ “ท่านเสนาบดี?”เขาได้สติกลับมา ในตอนนี้ถึงพยักหน้าอย่างไม่แยแส “ดื่มน้ำขิงสามวันใช่หรือไม่? ข้าจะจำเอาไว้”เห็นอีกฝ่ายแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง หรงจือจือก็คิดว่าอย่างไรตนก็ควรไว้หน้าเขาสองสามส่วน ฉะนั้นครานี้นางจึงไม่ได้โพล่งหัวเราะออกมาอีกหลังเงียบอยู่ครู่สั้น ๆท่านราชเลขาธิการก็อดกลั้นเอาไว้ไม่ไหว อดกลั้นเอาไว้ไม่ไหวจริง ๆ ก็ยังเอ่ยถามขึ้นว่า “นางเซี่ยยังไม่ละทิ้งความคิดชั่วร้ายเช่นเดิมหรือ?”หรงจือจือมองเขาทีหนึ่งเขารีบแสร้งทำเป็นไม่แยแส “ข้าเพียงแค่เอ่ยปากถามส่ง ๆ เท่านั้น อันที่จริง...”ทีแรกเขาอยากจะเอ่ยว่า อันที่จริงตนไม่ได้สนใจอะไร ปิดหูปิดตาหรงจือจือต่อ ซ่อนความคิดของตนทว่าเมื่อคำพูดนี้มาถึงข้างปาก ท่านราชเลขาธิการก็รู้สึกว่า หากบอกว่าตนไม่สนใจ ก็ฝืนตัวเองเกินไปจริง ๆกระทั่งดูปลอมจนเขายากจะรับไหวเล็กน้อยจึงหยุดไปทั้งดื้อ ๆหรงจือจือเ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 471

    กระทั่งนางอดกลั้นเอาไว้ไม่ไหว อยากจะเล่าถึงความพยายามทั้งหมดของอู๋เหิงที่ทำในจวน และการต่อกรที่ทำกับตนเพื่อให้ได้แต่งงานกับหรงจือจือ ให้หรงจือจือฟังในคราวเดียว“ที่จริงหลายวันมานี้ อู๋เหิงเพื่อ...”หรงจือจือพูดขัด “พระชายาซื่อจื่อ ในเมื่อไร้วาสนา เช่นนั้นคำพูดพวกนี้ก็ไม่จำเป็นต้องพูดอีกแล้ว บางทีในอนาคตข้ากับคุณชายใหญ่ อาจจะได้พบเจอกันอีก ตอนนี้รู้เยอะเกินไป เมื่อเจอกันในอนาคตอาจอึดอัดใจ”ครั้นนางเซี่ยฟังถึงตรงนี้ ในใจก็เย็นเยียบไปโดยสิ้นเชิง ไหนเลยจะไม่เข้าใจ นี่หรงจือจือไม่พิจารณาเลยแม้แต่น้อยแม้จะรู้สึกว่าตนพูดเช่นนี้จะไร้ยางอายเกินไปเล็กน้อย ทว่าเพื่อบุตรชายแล้ว นางก็ยังก้มหน้าแล้วเอ่ยว่า “เจ้าไม่เรียกท่านแม่เลยแม้แต่น้อย? ก่อนหน้านี้แม่คิดถึงเจ้าทุกเรื่อง มักจะช่วยเจ้าพูด...”หรงจือจือถอนหายใจเบา ๆ ทีหนึ่ง ทีแรกนางไม่ยอมพูดให้ชัดเจน กลับยิ่งทำให้ดูเหินห่างอย่างชัดเจน ทว่าในเมื่อนางเซี่ยคิดจะบีบให้ตอบแทนบุญคุณหรงจือจือเองก็ทำได้เพียงต้องเอ่ยว่า “พระชายาซื่อจื่อ ชายาอ๋องผู้เฒ่านางเป็นคนดีจริง ๆ แต่ขอท่านอย่าลืมว่า ข้าเป็นคนช่วยชายาอ๋องก่อน”หลายปีมานี้ชายาอ๋องดีกับตนทุกเรื่

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 470

    เหอะๆ หากหรงจือจือกลายเป็นหญิงปากร้ายจริงๆ เขาจะคอยดูว่าท่านราชเลขาธิการยังจะได้อยู่อย่างสงบสุขอีกหรือไม่! ท่านราชเลขาธิการเลอะเลือนไปแล้ว แม้แต่เรื่องแบบนี้ก็จะสนับสนุนหรือ?……หรงจือจือตามเฉินเยี่ยนซูออกจากวังนึกไม่ถึงว่านางเซี่ยจะยังไม่จากไป กำลังรอพวกนางอยู่นอกวังนางเซี่ยมีสีหน้ากระอักกระอ่วน เอ่ยถามว่า “จือจือ ข้าขอคุยกับเจ้าได้หรือไม่?”หรงจือจือลังเลเล็กน้อย นึกถึงการดูแลที่พระชายาอ๋องเฉียนมีต่อตัวเองตลอดหลายปีมานี้ ก่อนหน้านี้นางหลงผิด พูดแนะนำให้ฉีอวี่เยียนแต่งไปอยู่บ้านพวกเขา พวกเขาก็ไม่เคยถือโทษเรื่องนี้แต่อย่างไร มิหนำซ้ำ วันนี้นางเซี่ยก็ช่วยขอความเมตตาให้กับนางด้วยเหตุนี้จึงตอบตกลงนางเห็นไปมองเฉินเยี่ยนซูที่เม้มปากเหมือนไม่สบอารมณ์ “ผมของท่านราชเลขาธิการยังแห้งไม่สนิท ด้านนอกอากาศหนาว ท่านไปรอข้าบนรถม้าก่อนเถิด”เฉินเยี่ยนซู “ได้”เขาเหมือนจะเชื่อฟังดีมาก มีเพียงเซิ่งเฟิงที่มองออกว่าเขากำลังอดทนที่จะไม่โยนนางเซี่ยออกจากแคว้นต้าฉีผู้ใดจะมองไม่ออกกันว่านางเซี่ยยังคิดที่จะโน้มน้าวอยู่?น่าเสียดาย เวลาอยู่ต่อหน้าภรรยา เขาจำเป็นต้องแสร้งทำเป็นสุภาพอ่อนโยนเข้าไว้

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status