Share

บทที่ 2  

Aвтор: สั่งไม่หยุด
ความจริงหนนี้นางถานเองก็รู้สึกว่า บุตรชายของตนทำเกินไปหน่อย เพราะก่อนหน้านี้คนทั้งตระกูลฉีไม่เคยมีผู้ใดได้ยินเรื่องราวของอีกฝ่ายกับองค์หญิงท่านนั้นมาก่อน แล้วหรงจือจือจะเป็นฝ่ายขอเป็นอนุภรรยาด้วยตนเองได้อย่างไร?

ทว่าบุตรชายกำลังต้องโทษหลอกลวงเบื้องสูง เอ่ยวาจาเหล่านี้ออกมาต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท หากหรงจือจือไม่ยอมรับ แม้ฝ่าบาทจะมิได้ตัดสินโทษสถานหนักกับจื่อฟู่ แต่ก็เกรงว่าจวนซิ่นหยางโหว จะสูญเสียความไว้วางพระทัยจากฮ่องเต้ไป

นางจึงหันขวับมองไปทางหรงจือจือทันที คว้ามือของนางไว้พลางเอ่ยยิ้ม ๆ “จือจือ เจ้าเคยเอ่ยเรื่องนี้กับข้ามาก่อนแล้วมิใช่หรือ ถึงแม้เจ้าจะไม่เต็มใจ แต่เพื่อจื่อฟู่แล้ว ก็จำใจต้องยอมรับ”

“เจ้าก็เป็นคนมีเมตตาและคุณธรรมเช่นนี้มาตลอด เจ้าวางใจเถิด หลังจากนี้แม้เจ้าจะเป็นอนุ แต่สิ่งใดก็ตามที่เจ้าพึงมีในยามนี้ แม้จะไม่ให้เจ้าต้องขาดแม้เพียงสักอย่าง!”

นางถานออกแรงบีบไปที่มือเล็กน้อย นี่เป็นการเตือนหรงจือจือว่า จงให้ความสำคัญกับสถานการณ์โดยรวม จงเห็นแก่จวนโหวเป็นสำคัญ

หรงจือจือฟังวาจาของนางถานจบแล้ว ยิ่งไม่อยากเชื่อหูตนเอง

สุขภาพของนางถานไม่สู้ดีนัก และร่างกายมักจะอ่อนแรงครึ่งซีกอยู่เป็นประจำ ตลอดสามปีที่นางอาศัยอยู่ในจวนซิ่นหยางโหว ก็คอยบีบนวดฝังเข็มให้นางทุกวัน จนมือทั้งสองข้างหยาบกระด้างไปไม่น้อย ทว่าพอมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น นางถานไม่แม้แต่จะห้ามปรามบุตรชาย แต่กลับขอให้ตนเองยอมรับเรื่องนี้แทนหรือ?

สายตาของนาง เหลือบมองไปยังซิ่นหยางโหวโดยสัญชาตญาณ

แล้วพ่อสามีของนางเล่า จะคิดเห็นอย่างไรบ้าง?

ซิ่นหยางโหวเป็นสหายคนสนิทของท่านพ่อ และเป็นเพราะพวกเขาสองคน ที่จับคู่ให้ตนเองและฉีจื่อฟู่เป็นคู่หมั้นกันตั้งแต่แบเบาะ

หัวคิ้วของซิ่นหยางโหวบัดนี้ก็กำลังขมวดแน่นเช่นกัน เขาคิดไม่ถึงเลยว่าบุตรชายของตนเอง จะทำอะไรโดยไม่คำนึงถึงผลที่ตามมาเช่นนี้นี้!

เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เพื่อไม่ให้จวนโหวถูกฝ่าบาททอดทิ้ง เขาก็เอ่ยปากขึ้นทันที “จือจือก็มีคุณธรรมเช่นนี้ หลังจากนี้แม้ภรรยาเอกในเรือนจะเป็นองค์หญิงจากแคว้นต้าเจา ทว่าข้าก็จะกำชับให้ทุกคน ใช้ระเบียบมารยาทที่พึงปฏิบัติต่อภรรยาเอกปฏิบัติต่อจือจือ องค์หญิงแคว้นเจาท่านนั้นจะเป็นภรรยาเอกเพียงแค่ในนาม ส่วนเรื่องอื่น ล้วนเป็นของจือจือเช่นเดิม!”

หรงจือจือฟังจบก็หัวเราะออกมา ครอบครัวนี้ ก็แค่ต้องการสังเวยนางเพียงหนึ่งคน เพื่อรับผิดชอบต่อความไร้หัวใจและความไม่ซื่อสัตย์ของฉีจื่อฟู่ รวมถึงคำพูดไร้สาระของเขา ที่เอ่ยออกมาต่อหน้าพระพักตร์ในยามนี้เท่านั้น!

นางหลับตาลงและหายใจลึก ๆ

หลังจากไตร่ตรองแล้วครู่หนึ่ง นัยน์ตาก็เต็มไปด้วยความเยือกเย็น

ตลอดชีวิตของนางเสมือนเดินบนแผ่นน้ำแข็งบาง เพื่อชื่อเสียงของสกุลหรงและตนเองแล้ว ไม่กล้าย่างเท้าก้าวพลาดแม้แต่ก้าวเดียว จะเรื่องใดล้วนแต่ใคร่ครวญเพื่อสกุลฉีก่อนทุกเรื่อง น้อยนักที่จะคิดถึงตนเอง จนท้ายที่สุดก็ได้ชื่อว่าเป็นคนมีเมตตาคุณธรรม แต่วันนี้กลับต้องมาลงเอยเช่นนี้แล้ว

ช่างน่าเศร้า ช่างน่าขันเสียนี่กระไร!

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สะใภ้ใหญ่ผู้ทรงคุณธรรมนี้ นางไม่ขอเป็นแล้ว!

นางหยัดกายขึ้นและเดินไปข้างกายฉีจื่อฟู่ ก่อนจะคุกเข่าลงข้างเขา

น้ำเสียงอบอุ่นอ่อนโยน เอ่ยปากออกมาด้วยความสัตย์จริงและแน่วแน่ “ฝ่าบาทเพคะ อาจเพราะสามีและแม่สามีของหม่อมฉันดื่มสุราหนักไป ฉะนั้นจึงจำเรื่องราวผิดไปเพคะ ที่ท่านพี่เคยบอกกับหม่อมฉันไว้ก่อนหน้านี้ คือจะให้องค์หญิงพระองค์นั้นเป็นอนุเพคะ หม่อมฉันจึงตอบรับปากไป หากให้นางเป็นภรรยาเอก หม่อมฉันไม่มีทางตกปากรับคำอย่างเด็ดขาดเพคะ!”

“บิดาของหม่อมฉัน เป็นมหาราชครูในรัชสมัยปัจจุบัน เป็นอาจารย์ของฮ่องเต้องค์ก่อน หม่อมฉันในฐานะบุตรีของบิดา จะยอมลดขั้นด้อยค่าตนเอง ลงไปเป็นเพียงอนุภรรยาได้อย่างไรเพคะ?”

“จะว่าไป ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสามีและแม่สามีฟังอะไรพลาดไป ถึงได้เข้าใจความหมายของหม่อมฉันผิด จนกระทำเรื่องน่าขายหน้าเช่นนี้ออกมา! ขอฝ่าบาทได้โปรดเมตตา เห็นแก่คุณูปการที่คราวนี้ท่านพี่คว้าชัยกลับมาสำเร็จ ยกเว้นโทษที่ท่านพี่เสียมารยาทต่อเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาทด้วยเถิดเพคะ!”

นางจะไม่ทำเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ที่ไม่ว่าเรื่องใดล้วนบอกว่าเป็นความผิดของตนเอง แบกเอาความรับผิดชอบทั้งหมดเอาไว้ และจะไม่เก็บความรู้สึกเอาไว้ในใจ ไม่พูดออกมาเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว

แต่กลับชี้ชัดไปเลยว่าเป็นฉีจื่อฟู่และมารดาของเขาที่ทำผิด ดื่มสุราหนัก มิหนำซ้ำยังชี้ชัดลงไปเลยว่าฉีจื่อฟู่ก้าวล่วงเสียมารยาทต่อเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาท

ทว่าความ “ไร้คุณธรรม” ของนางในครั้งนี้ ทำให้หลายคน ณ ที่แห่งนี้ไม่อาจตำหนินางออกมาได้เต็มปาก ไม่ว่าใครเมื่อได้ฟังถ้อยคำนี้ของหรงจือจือ ย่อมรู้ว่าครอบครัวซิ่นหยางโหวไร้ยางอาย บีบบังคับให้ลูกสะใภ้จำต้องยอมเอ่ยปากว่าขอลดขั้นเป็นอนุด้วยตนเอง

คำพูดนี้ทำให้สายตาของทุกคนที่มองมายังครอบครัวซิ่นหยางโหว ล้วนเจือด้วยความดูแคลนเหยียดหยาม

ยิ่งเมื่อก่อนหรงจือจือมีชื่อเสียงในเมืองหลวงดีเพียงใด และทุ่มเททำเพื่อจวนซิ่นหยางโหวไว้มากเพียงใด บัดนี้ทุกคนจะยิ่งชิงชังรังเกียจพวกเขาทั้งครอบครัวมากขึ้นเพียงนั้น

ตอนนี้เอง

สีหน้าของซิ่นหยางโหวและนางถาน ล้วนเยือกเย็นลงมา จ้องมองหรงจือจืออย่างไม่อยากเชื่อสายตา อีกฝ่ายเอ่ยเช่นนี้ แล้วจากนี้ไปคนทั้งเมืองหลวงจะมองพวกเขาทั้งครอบครัวว่าอย่างไร?

ฉีจื่อฟู่เองก็ขมวดคิ้วด้วยความตะลึงงัน เพราะภาพในความทรงจำของเขา จือจืออ่อนโยนและเอาใจใส่มาโดยตลอด ไม่ว่าเขาจะบอกอะไรก็เชื่อฟังตามทุกอย่าง เพื่อช่วยชีวิตเขาไว้ นางถึงกับยอมคุกเข่าตลอดทางเดินขึ้นภูเขา เพื่อขอโอสถช่วยชีวิตจากปรมาจารย์ซื่อคงมาให้เขา

แต่ในยามนี้…

นางไม่เชื่อฟังตามที่ตนเองพูดอีกแล้ว! นี่นางไม่สนใจชื่อเสียงคุณธรรมของตนเองแล้วหรืออย่างไร?

นางเจียงซึ่งเป็นฮูหยินของเสนาบดีกรมพิธีการ เป็นคนแรกที่เปล่งวาจาถากถางออกมาด้วยความเหลืออด “มีครอบครัวแบบนี้อยู่จริงหรือ บังคับให้ลูกสะใภ้ดี ๆ คนหนึ่งไปเป็นอนุ วันนี้นับว่าข้าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว!”

นางถานสวนกลับทันควัน “ไม่จริง ก่อนหน้านี้จือจือ…”

หรงจือจือตัดบท “ท่านแม่ ท่านดื่มสุราหนักจนเลอะเลือนแล้ว”

นางถานตะคอกใส่ด้วยโทสะ “หรงจือจือ เจ้ากล้าอกตัญญูถึงเพียงนี้ได้อย่างไร พูดแทรกข้าต่อเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาท!”

นางเจียงตำหนิด้วยเสียงดูแคลน “เจอแม่สามีแบบนี้ ใครจะนอบน้อมกตัญญูไหวเล่า!”

นางถาน : “นางเจียง! ข้ากับเจ้าต่างไร้ความแค้นไร้ความบาดหมาง…”

นางเจียง : “เป็นความจริงที่ไร้ความแค้นไร้ความบาดหมาง ฉะนั้นวันนี้ ข้าก็แค่ออกมาพูดเพื่อปกป้องความยุติธรรมเท่านั้น! หากว่าลูกสะใภ้ดี ๆ อย่างนางหรง ต้องไปเป็นอนุ เกรงว่าใต้หล้านี้คงไม่จำเป็นต้องมีหลักการแห่งสวรรค์แล้วกระมัง! ไม่รู้เหมือนกันนะว่าบางครอบครัว กล้ากระทำเรื่องไร้สามัญสำนึกเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร!”

มารดาของนางเจียงก็คือองค์หญิงใหญ่อวี๋หยาง แม้แต่ฝ่าบาทยังต้องเรียกองค์หญิงใหญ่ว่าเสด็จย่า นางย่อมไม่เห็นนางถานในสายตาอยู่แล้ว

พระชายาอ๋องเฉียนเองก็ไม่พอใจมากเช่นกัน คนสกุลฉีกดขี่ข่มเหงหรงจือจือเช่นนี้ ทำให้คนที่เพิ่งยกย่องชมเชยหรงจือจือไปเมื่อสักครู่อย่างนาง รู้สึกโดนหยามเกียรติไปด้วยเช่นกัน

นางมองไปยังฮ่องเต้หย่งอันก่อนจะเอ่ยปาก “ฝ่าบาทเพคะ ราชวงศ์ของเราไม่เคยมีการลดขั้นภรรยาเอกเป็นอนุภรรยามาก่อน! หากเปิดช่องให้เกิดกรณีตัวอย่างเช่นนี้แล้ว ทุกคนพากันเลียนแบบขึ้นมา วันข้างหน้าต้าฉีของเราจะไม่กลายเป็นยุคที่ความสงบเรียบร้อยเสื่อมโทรมพังทลายลงหรือเพคะ?”

ฮ่องเต้หย่งอัน “ท่านย่าสะใภ้พูดถูก! ฉีจื่อฟู่ เจ้าดื่มสุราหนักเกินไปแล้ว กลับไปนั่งประจำที่ของเจ้าเถิด เห็นแก่ที่เจ้ามีคุณูปการนำชัยมาให้ต้าฉี ถ้อยคำเหลวไหลที่เจ้าเอ่ยมาเมื่อครู่ เราจะทำเสมือนว่าไม่ได้ยิน !”

ฉีจื่อฟู่รีบท้วงอย่างร้อนรน “แต่ว่าฝ่าบาท องค์หญิงม่านหวาตั้งครรภ์เลือดเนื้อเชื้อไขของกระหม่อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

ทันใดนั้นเอง ทั่วทั้งท้องพระโรงพลันเงียบกริบ

หากว่าฉีจื่อฟู่เพียงชมชอบอวี้ม่านหวา ก็มิใช่ปัญหาใหญ่โตอะไร หากไม่เห็นชอบแค่ปฏิเสธไปก็สิ้นเรื่องแล้ว ทว่าองค์หญิงของแคว้นเจาในอดีตมีพระครรภ์แล้ว ก็มีแต่ต้องจัดพิธีอภิเษกสมรสขึ้นเท่านั้น!

เพียงแต่ปัญหาอยู่ที่ว่าจะเป็นภรรยาเอกหรืออนุ…

เรื่องนี้ทำให้พระชายาอ๋องเฉียนและนางจาง ต่างไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี เรื่องเกี่ยวพันถึงท่าทีต่อองค์หญิงของแคว้นสิ้นเอกราช กับผู้ใต้บังคับบัญชาเก่าของแคว้นเจาในอดีต ถือเป็นเรื่องของรัฐ พวกนางสอดปากเข้าไปได้ที่ไหน?

เสี้ยวขณะนั้นสายตาของทุกคนที่มองมายังหรงจือจือ ล้วนเปลี่ยนไปเป็นความสงสาร

ท้ายที่สุดแล้วหากต้องวางแผนแก้ปัญหาเพื่อประเทศชาติจริง ๆ ก็เกรงจะทำให้แม่นางคนนี้ต้องน้อยเนื้อต่ำใจแล้ว

ฮ่องเต้หย่งอันได้ยินมาถึงตรงนี้ สายตาที่มองฉีจื่อฟู่ ก็เยือกเย็นขึ้นมาทันที “เจ้าบังอาจหมั้นหมายกับองค์หญิงแห่งแคว้นสิ้นเอกราชเองอย่างลับ ๆ งั้นหรือ?”

ต่อให้อวี้ม่านหวาคนนั้นควรจะต้องได้รับการดูแลอย่างดี และต้องเข้าพิธีสมรสอย่างที่ควรเป็น ก็ควรจะต้องจัดการตามคำบัญชาของตนเท่านั้น ใช่จะปล่อยให้ฉีจื่อฟู่ทำตามใจจนเรื่องราวลุกลามใหญ่โตเพียงนี้ได้ที่ไหน?

ฉีจื่อฟู่โขกศีรษะน้อมรับความผิด “กระหม่อมสมควรตาย กระหม่อมเลอะเลือนไปชั่วขณะพ่ะย่ะค่ะ!”

บัดนี้นางถานถลึงตาจ้องหรงจือจืออย่างเอาเรื่อง ทั้งหมดเป็นความผิดของนาง! หากว่าก่อนหน้านี้นางยอมรับว่าจะเป็นอนุ บุตรชายหรือจะเอ่ยเรื่องที่อวี้ม่านหวาตั้งครรภ์ออกมา ทำให้ฝ่าบาททรงกริ้ว?

ไม่หัดเข้าใจสถานการณ์บ้างเลย!

ทุกคนต่างบอกว่าได้ลูกสะใภ้แบบนี้นับว่าตนเองช่างมีวาสนา แบบนี้มีวาสนากับผีสิ!

ซิ่นหยางโหวลุกขึ้นยืนเพื่อปกป้องบุตรชายทันที เขาคุกเข่าลงพลางร้องอ้อนวอน “ฝ่าบาท เรื่องมาขั้นจุดนี้แล้ว แม้จะไม่เป็นธรรมต่อจือจือ แต่เพื่อส่วนรวมแล้ว ฝ่าบาทได้โปรดระงับโทสะเถิดพ่ะย่ะค่ะ แม้ไม่เห็นแก่สามีของตนเอง แต่เพื่อประเทศชาติแล้ว อย่างไรจือจือก็ยินดีจะสละตำแหน่งนี้ด้วยความเต็มใจแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 428

    เมื่อได้ยินน้ำเสียงนี้ สีหน้าของนางกงซุนก็เปลี่ยนไปทันที ไม่นานนักก็เห็นหญิงชราคนหนึ่ง ในมือถือไม้เท้าเดินออกมาเสิ่นเยี่ยนซูออกไปพยุงด้วยตนเอง “ท่านย่า!”นายหญิงผู้เฒ่าเสิ่นแซ่อวี๋ มองหลานชายแวบหนึ่ง “เจ้ามีน้ำใจแล้ว ไม่เหมือนใครบางคน เห็นข้าแล้วก็ยังไม่รู้จักคารวะ”นางกงซุนหนังหน้ากระตุก จากนั้นก็รีบคารวะ “ลูกสะใภ้คารวะท่านแม่เจ้าค่ะ” นางก็รู้สึกหงุดหงิดอยู่ภายในใจเช่นกัน เหตุใดเสิ่นเยี่ยนซูถึงเชิญหญิงชราคนนี้เข้ามา?นางอวี๋นั่งลง พลางมองนางอย่างสื่อความนัย “ยากนักที่เจ้าจำได้ว่าข้ายังเป็นแม่สามีของเจ้า แต่เจ้าตามเยี่ยนซูเข้าเมืองหลวงมานานหลายปีแล้ว ก็ยังไม่เคยไปทักทายข้าที่จวนสกุลอวี๋เลย มีลูกสะใภ้ที่กตัญญูเช่นเจ้า ช่างเป็นวาสนาของข้าเสียจริง!”“กตัญญู” สองคำนี้ นางอวี๋จงใจเน้นน้ำเสียง และแฝงไปด้วยความเย้ยหยันอย่างมากนางกงซุนหัวเราะอย่างกระอักกระอ่วน แล้วรีบก้มหน้ากล่าว “ท่านแม่พูดรุนแรงไปแล้วเจ้าค่ะ ความจริงลูกสะใภ้รู้ว่าท่านกำลังรักษาอาการป่วยอยู่ จึงกลัวว่าหากตนเองไปที่นั่น จะรบกวนความสงบของท่าน”นางกงซุนพูดจบก็เหลือบมองเสิ่นเยี่ยนซู ซึ่งภายในใจเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 427

    เขาถอนหายใจอีกครั้ง “เฮ้อ ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องพวกนี้ พวกเรามาคิดกันดีกว่า ว่าอีกไม่กี่เดือนหลังออกจากคุกหลวงแล้ว พวกเราจะไปอยู่ที่ไหน!”ตอนนี้อยู่ในห้องขัง ไม่ต้องกังวลเรื่องกินอยู่ก็จริง แต่เพื่อจัดการปัญหาเรื่องกินอยู่ ต่อไปพวกเขาจะต้องฝ่าฝืนกฎหมายซ้ำ ๆ แล้วพอออกจากคุกไปไม่กี่วัน ก็จะถูกจับกลับเข้ามาใหม่อีกอย่างนั้นหรือ?ฉีจื่อเสียนกล่าวอย่างทรมานว่า “พวกเรายังจะไปอยู่ที่ใดได้อีกขอรับ? ไปแย่งวัดร้างและใต้สะพานกับพวกขอทานเหล่านั้นงั้นหรือ?”ครานี้ ถานผิงถิงกลับเอ่ยปากขึ้นว่า “หรือว่า...ข้าจะกลับไปที่บ้านมารดาเพื่อขอร้องท่านแม่ แล้วให้นางรับพวกเราไว้สักระยะหนึ่งดีเจ้าคะ?”ทันทีที่นางพูดคำนี้ออกมา ทุกคนต่างก็นิ่งเงียบไปเพียงเพราะว่าจวนสกุลถานคือสถานที่ที่นางถานกับอันธพาลนั่นถูกจับได้ว่าเป็นชู้รักกัน จนทำให้คนสกุลฉีต้องอับอายขายขี้หน้าอย่างถึงที่สุด!ตามหลักการ นางหลิวยังตั้งท้องกับอันธพาลนั่นด้วย ซึ่งหากเจอกับครอบครัวที่เคร่งครัด และเพื่อชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลแล้ว จะต้องจับนางใส่กรงหมูแล้วนำไปถ่วงน้ำเป็นแน่แต่นางดันโชคดี สกุลหลิวกับสกุลถานเป็นครอบครัวขนาดเล็ก ถึงกับไม่มีคนเห

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 426

    อวี้หมัวมัวยังอยากจะพูดอะไรหรงจือจือกลับกล่าวเสียงราบเรียบว่า “หมัวมัว ข้ารู้ว่าเจ้าทำเพื่อข้า แล้วเจ้าก็หวังว่าข้าจะมีชีวิตแต่งงานที่ดีในอนาคต และมีคนคอยใส่ใจอยู่ข้างกาย เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากขึ้นในวันข้างหน้า”“แต่เจ้าคิดดูให้ดี ๆ หากแต่งเข้าไปในครอบครัวที่แม่สามีไม่ชอบข้า ข้าจะมีชีวิตที่ดีได้แค่ไหนกันเชียว?”อวี้หมัวมัวกลับไม่เห็นด้วย “คุณหนู หากสามีเป็นคนมีเหตุผล และปกป้องคุณหนูทุกอย่าง เช่นนั้นแม้จะเป็นแม่สามีที่ไร้เหตุผล แต่ก็ยังใช้ชีวิตที่ดีได้”“อย่างฮูหยินแซ่เจียงของเสนาบดีกรมพิธีการคนนั้น มิใช่ตัวอย่างที่ดีที่สุดแล้วหรือเจ้าคะ?”หรงจือจือคิดสักพัก มันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เสนาบดีกรมพิธีการมู่หรงเย่า เขามองนางเจียงด้วยความชื่นชม ไม่สนเรื่องที่ก่อนแต่งงานนางเจียงจะเคยชอบมหาราชครูหรง หลังจากแต่งงานก็ยังดูแลนางเป็นอย่างดีแต่เพราะเรื่องที่ก่อนแต่งงานนางเจียงเคยแย่งมหาราชครูหรงกับนางหวัง เลยทำให้แม่สามีของนางไม่พอใจเป็นอย่างมาก แม้นางเจียงจะเป็นองค์หญิงใหญ่ หลังแต่งงานก็ยังคงถูกทำให้ลำบากใจอยู่ดีแต่มู่หรงเย่าคอยปกป้องทุกอย่าง จึงทำให้แม่สามีของนางไม่สามา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 425

    เฉินเยี่ยนซูพยายามวางท่าสงบนิ่ง ทว่าในใจกลับสับสนว้าวุ่นไร้ที่พึ่ง กว่าจะเกลี้ยกล่อมให้นางยอมตกลงเรื่องแต่งงานได้สำเร็จ มาบัดนี้กลับเกิดเรื่องพลิกผันขึ้นเสียได้ด้วยนิสัยของนางแล้ว เกรงว่าคงยากที่จะให้อภัยเขาได้เรื่องนี้ทำให้ส่วนลึกในใจของเขาเกิดความรู้สึกโกรธแค้นต่อจวนกั๋วจิ้วเป็นครั้งแรก ความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นความเกลียดชัง ส่งผลให้แววตาของเขาเย็นเยียบประดุจน้ำแข็ง......เจาซีกลับมายังเรือนอี่เหมยเมื่อเห็นนางนำกล่องใบเล็กนั้นกลับมาด้วย หรงจือจือก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเจาซีถ่ายทอดคำพูดทั้งหมดของเฉินเยี่ยนซูให้ฟัง หรงจือจือได้แต่นิ่งเงียบ ไม่เอ่ยคำใดอวี้หมัวมัวกล่าวว่า “ท่านเสนาบดีก็ยังนับว่ารู้จักยับยั้งชั่งใจ ไม่ได้มายืนขวางหน้าประตูบ้านไม่ยอมไป จนเป็นที่ครหาของผู้คน ทั้งยังไม่ดึงดันที่จะเข้ามาพบท่านให้ได้ มิเช่นนั้นคงยิ่งทำให้ท่านขุ่นเคืองใจมากขึ้น”“คุณหนูเจ้าคะ บ่าวกลับเห็นว่า เรื่องการแต่งงานครั้งนี้ คุณหนูลองนำกลับไปไตร่ตรองดูอีกครั้งจะดีหรือไม่ แล้วค่อยรอดูว่าหลังจากนี้ท่านเสนาบดีจะมีคำชี้แจงใดให้ท่าน”หรงจือจือพยายามข่มอารมณ์ที่ปั่นป่วนใ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 424

    เพียงไม่นานหลังจากที่หรงซื่อเจ๋อได้แสดงอำนาจในฐานะบุตรชายสายตรงของตน ก็ถูกเรียกตัวไปพบมหาราชครูหรง และถูกตำหนิอย่างรุนแรง......เจาซีเดินออกจากเรือนพร้อมกุญแจในมือแล้วก็เห็นเสนาบดีเฉินยืนอยู่หน้าประตูในชุดขุนนาง ดูท่าว่าคงเพิ่งเสร็จจากว่าราชการแล้วรีบมาที่นี่อีกฝ่ายรูปงามโดดเด่น เย็นชาแต่สูงส่ง เฉิดฉายเหนือผู้ใด แถมยังปฏิบัติต่อคุณหนูของตนอย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เป็นว่าที่เขยที่เหมาะสมอย่างหาที่เปรียบมิได้ เพียงแต่...คาดไม่ถึงว่าเรื่องของเขาคล้ายกับสถานการณ์ของจวนอ๋องเฉียนนั่นทำให้ในใจของเจาซีอดรู้สึกเสียดายมิได้เมื่อเห็นกล่องผ้าไหมในมือนาง แววตาเฉินเยี่ยนซู ก็พลันหม่นลงทันที “นางให้เจ้าคืนของสิ่งนี้แก่ข้าหรือ?”เจาซีพยักหน้า และถ่ายทอดถ้อยคำที่หรงจือจือฝากมาให้นางเหล่านั้นพอพูดจบก็อดกลั้นไม่ไหว กล่าวขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือว่า “ท่านเสนาบดี คุณหนูของข้านับแต่หย่าขาดจากสามี ก็ถูกคนซุบซิบนินทาเสียๆ หายๆ คำนินทาแสนโหดร้ายแบบไหน นางก็เคยได้ยินมาหมดแล้ว”“บ่าวดูออกว่าเดิมทีคุณหนูไม่ได้คิดจะแต่งงานอีก หากไม่ใช่เพราะท่านแสดงความจริงใจ นางก็คงไม่รับของสิ่งนี้ไว้ด้วยซ้ำ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 423

    หรงเจียวเจียวเหมือนยังอยากจะเอ่ยอะไรอีก “ท่านพี่...”แต่หรงซื่อเจ๋อกลับตัดบท “หรือจริงๆ แล้วเจ้ามิได้ทำเพื่อข้า แต่เป็นเพราะเจ้ารู้ว่าตั้งแต่เด็กมา นางก็เก่งกว่าเจ้า เป็นเพราะเจ้าริษยาเรื่องท่านเสนาบดีเฉิน จึงหาเรื่องนางอยู่ร่ำไป แล้วก็อ้างเอาว่าทำเพื่อข้า?”ขณะกล่าว ดวงตาของหรงซื่อเจ๋อก็เพ่งมองนางอย่างพินิจพิจารณาความจริง ความคิดนี้เขาก็เคยแอบสงสัยอยู่หลายครั้ง เพียงแค่ไม่อยากนำมันมาคิดให้มากนักกับน้องสาวผู้เคยช่วยชีวิตเขาไว้ในอดีตจนกระทั่งนางทำเรื่องต่ำช้า ใช้แผนทรมานตัวเองกลั่นแกล้งหรงจือจือ แล้วยังกล้าโยนความผิดให้เขาต่อหน้าบิดา ความเชื่อใจที่เขามีต่อนางก็เริ่มร้าวรานหรงเจียวเจียวถูกทิ่มใจเข้าเต็มๆ แต่ก็รีบกลบเกลื่อน “ท่านพี่ ท่านพูดอะไรอย่างนั้นเล่า!”“ข้าแค่กลัว กลัวว่าท่านพี่จะทำร้ายคนอื่นเพียงเพื่อตัวเองอีก นางทำอย่างนั้นถึงสามครั้งแล้ว ข้าไม่กล้าผูกสัมพันธ์กับคนเช่นนี้ หากวันหน้าเกิดเรื่องขึ้นอีกเล่า?”หรงซื่อเจ๋อเม้มริมฝีปากแน่น ครู่หนึ่งก็พูดไม่ออกใช่ ถึงสามครั้ง! หนแรกเกือบคร่าชีวิตเขา หนที่สองพรากชีวิตพี่หญิงหนานจือ หนที่สามก็คือเรื่องหย่าร้างที่ทำให้น้องสาวร่ว

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status