Share

บทที่ 4  

Author: สั่งไม่หยุด
หรงจือจือได้ยินมาถึงตรงนี้ นัยน์ตาพลันฉายประกายดูแคลนออกมา วันนี้ใครกันแน่ที่ทำให้สกุลหรงและจวนโหวต้องอับอายขายหน้า ดูเหมือนแม่สามีของตนเองคนนี้ จะไม่เข้าใจอะไรเลยแม้แต่น้อย

ฉีจื่อฟู่ได้ยินคำพูดของนางถาน ใบหน้าพลันฉายประกายลังเลขึ้นมาหนึ่งส่วน “อากาศเย็นถึงเพียงนี้…”

เจาซีเอ่ยขึ้นทันควัน “ใช่แล้วเจ้าค่ะ ฮูหยิน ซื่อจื่อ อากาศเย็นเพียงนี้ จะให้ฮูหยินซื่อจื่อเดินกลับเองไม่ได้เด็ดขาดนะเจ้าคะ! ฮูหยินซื่อจื่อร่างกายอ่อนแอบอบบาง จะทนไหวที่ไหนเจ้าคะ”

เดิมทีนางคิดว่าหากพูดแบบนี้ออกไป ฉีจื่อฟู่จะเกิดความรู้สึกสงสาร และขอให้ฮูหยินโหวถอนคำสั่ง

กลับคิดไม่ถึงเลยว่าฉีจื่อฟู่เมื่อได้ยินแล้ว จะหันมองหรงจือจือและเอ่ยว่า “จือจือ อย่างที่สาวใช้ของเจ้าบอก เจ้าทนลมหนาวเย็นเยือกเช่นนี้ไม่ไหวหรอก!”

หรงจือจือทอดสายตามองไปยังบุรุษหนุ่มรูปงามที่ดูคล้ายจะอบอุ่นอ่อนโยนคนนี้นิ่ง ๆ ก่อนจะถามว่า “ท่านพี่หมายความว่า…”

ฉีจื่อฟู่ : “ตราบใดที่เจ้ายอมรับปาก ว่าวันรุ่งขึ้นจะตามข้าไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท และแสดงเจตจำนงขอเป็นอนุภรรยาด้วยตนเอง ข้าจะขอให้ท่านแม่อนุญาตให้เจ้าขึ้นรถม้า!”

หรงจือจือเหยียดแผ่นหลังขึ้นตรงอย่างถึงที่สุด “หากข้าไม่ล่ะ?”

ฉีจื่อฟู่ตัดบท “เช่นนั้นหากเจ้าหนาวจนเป็นอันตราย และเกิดตายขึ้นมาระหว่างทาง ก็อย่าโทษว่าข้าไม่เตือนเจ้าแล้วกัน! สำหรับเจ้าแล้ว ตำแหน่งภรรยาเอก มันสำคัญกว่าชีวิตอย่างนั้นหรือ?”

หรงจือจือผุดยิ้ม นางไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าฉีจื่อฟู่คนที่เมื่อสามปีก่อน ตอนก่อนออกจากเมืองหลวง เคยให้คำมั่นสัญญากับนางอย่างสัตย์จริงว่า ชีวิตนี้จะไม่มีวันทรยศนาง กลับมาวันนี้จะใช้อำนาจข่มขู่ตนเอง เพียงเพราะไม่ต้องการให้สตรีอีกคนหนึ่งต้องน้อยเนื้อต่ำใจเช่นนี้

น่าขันนักที่ตอนแรกนางยังอุตส่าห์คิดว่า เขาเป็นสุภาพบุรุษอบอุ่นอ่อนโยน

เห็นนางยิ้มเยาะเช่นนี้ ฉีจื่อฟู่รู้สึกขัดตาถึงขีดสุด “เจ้ายิ้มแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?”

คล้ายกับว่ากำลังดูถูกดูแคลนตนอยู่อย่างไรอย่างนั้น!

บัดนี้นางถานขึ้นไปบนรถม้า แล้วเปิดหน้าต่างรถม้าออก และเอ่ยกับฉีจื่อฟู่ “ช่างเถิด ลูกแม่ มิต้องมากวาจากับนางแล้ว! เมื่อก่อนข้ายังเคยคิดว่านางมีคุณธรรมจริง ๆ กลับคิดไม่ถึงความจริงจะดีแค่เปลือกนอก”

“เจ้าจะเสียเวลาไปพูดกับนางเพื่ออะไรอีก? คนอย่างนาง ดื้อรั้นหัวแข็ง วันนี้แม่สามีกำลังพูดอยู่ก็กล้าพูดขัด แม้แต่คำขอร้องของสามีนางก็มิได้สนใจ ไร้ซึ่งหลักสามเชื่อฟังสี่จริยา[footnoteRef:1]” [1: สามเชื่อฟังสี่จริยา หมายถึง กรอบสังคมที่ใช้อบรมกุลสตรีชั้นสูง]

“เจ้าปล่อยให้นางหนาวตายอยู่ข้างทางไปเถิด อย่างน้อยหลังจากนี้ จะได้ไม่ต้องมีเรื่องวุ่นวายอะไรเกิดขึ้นในจวนของพวกเราอีก! นางผู้หญิงชั้นต่ำไร้ค่า วัน ๆ เอาแต่เสแสร้งว่าเป็นคนว่านอนสอนง่าย เสแสร้งเก่งจนข้ายังโดนหลอกไปด้วย!”

หนนี้นางถานโกรธกรุ่นจนเลือดขึ้นหน้าแล้วจริง ๆ ถ้อยคำที่ใช้ก่นด่าออกมายิ่งปราศจากความระมัดระวัง

ความโปรดปรานของฝ่าบาทจะสำคัญสักเพียงใดเชียว?

บุตรชายของนางนอนป่วยติดเตียงมานานหลายปี หมดหนทางร่วมสอบเข้าเป็นขุนนาง แต่กว่าจะฝ่าฟันจนมีวันนี้ได้ เป็นจารชนแฝงตัวเข้าไปจนได้ข้อมูลเป็นประโยชน์มากมายเพียงนั้นกลับมา ฝ่าบาทยังถึงขั้นจัดงานเลี้ยงต้อนรับให้ด้วยพระองค์เอง แต่บัดนี้มันอะไร ให้หรงจือจือเข้ามาก่อเรื่องวุ่นวาย จนทุกอย่างมันพังทลายหมดแล้ว!

เห็นนางถานใช้ถ้อยคำหยาบคายด่าทอหรงจือจือเช่นนี้ เจาซีโกรธกรุ่นจนขอบตาแดงก่ำ ทว่าอีกฝ่ายเป็นแม่สามีของคุณหนูของนาง แม้นางจะกล้าโกรธอีกฝ่ายแต่กระนั้นก็ไม่กล้าด่าสวนกลับไป

แม้หรงจือจือจะเตรียมใจกับความไร้มโนธรรมของครอบครัวนี้ไว้แล้ว แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่านางถานจะปากร้ายพูดจาไม่รักษาน้ำใจถึงเพียงนี้

และคราวนี้ฉีจื่อฟู่ยังเสริมอีกว่า “จือจือ เจ้าเองก็เห็นแล้วว่าท่านแม่เดือดดาลถึงเพียงนี้ หากเจ้ายังไม่ยอมรับคำขอร้องของข้าอีก ประเดี๋ยวต่อให้ข้าจะเมตตาเจ้าและขอร้องให้เจ้าได้ขึ้นรถม้า ท่านแม่ก็ไม่ฟังแล้ว!”

หรงจือจือเหลือบสายตามองเขา “รถม้าคันนี้ คิดว่าข้าจะขึ้นไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”

ในเมื่อพวกเขาปฏิบัติเช่นนี้กับตนเอง หากเป็นเช่นนั้นแล้วนางก็ไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงต้องทะนุถนอมตนเองแล้ว นางจะหนาวตายข้างทางไม่ได้เด็ดขาด หากท่านย่ารู้เข้าจะต้องปวดใจแน่

ฉีจื่อฟู่ผงะไป ยิ่งรู้สึกชัดเจนว่านางไม่มีท่าทีอ่อนโยนสุภาพเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว

นางถานฟังหรงจือจือมาถึงตอนนี้ล้วนไม่มีความสำนึกผิดอยู่เลยแม้แต่น้อย ด้วยคำพูดหรือความหมายที่แฝงไว้ คล้ายกับจะดึงดันขึ้นรถม้าคันนี้ให้ได้ จึงยกนิ้วชี้หน้านางทันที “ข้าไม่ออกคำสั่ง ดูสิว่าเจ้าจะขึ้นมาอย่างไร!”

หรงจือจือจ้องนางถาน “แม่สามี ลูกสะใภ้หรงขอเตือนท่านไว้หนึ่งคำ ที่ท่านนั่งอยู่นั้น คือรถม้าของลูกสะใภ้!”

นางถานผงะไป ใบหน้าแข็งค้างแล้ว

หรงจือจือเอ่ยขึ้นต่อ “วันที่ข้าออกเรือน ขบวนแห่สินเดิมยาวสิบลี้ ท่านย่าเตรียมข้าวของเครื่องใช้จำเป็นให้ข้าพร้อมพรักทุกอย่างตั้งแต่เกิดจนตาย ทั้งโลงศพ รวมถึงรถม้า”

“แม่สามีรถม้าที่ท่านนั่งอยู่ คือรถม้าที่ท่านย่าของข้าได้ทุ่มเงินจำนวนมหาศาลไป เพื่อจ้างช่างฝีมือดีอันดับหนึ่งในใต้หล้า มาสร้างขึ้นให้ข้าด้วยความรักและสงสาร พรมที่บุด้านในรถม้ายังให้สัมผัสนุ่มนวลไร้ใดเปรียบ และรถม้าคันนี้ยังมีความโคลงเคลงน้อยกว่ารถม้าทั่วไป”

“ทว่าด้วยร่างกายของแม่สามีที่อ่อนแอ และท่านก็ดูจะโปรดปรานรถม้าคันนี้มาก ลูกสะใภ้จึงให้ท่านได้ยืมไปใช้ ข้าเชื่อว่า เรื่องนี้แม่สามีคงมิได้ลืมไปแล้วนะเจ้าคะ!”

นางถานโกรธจนแทบคุมสติไม่อยู่ ชี้ปลายจมูกของหรงจือจือพลางแผดเสียงตะคอก “เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? เจ้าคิดจะบอกว่า ข้ายึดรถม้าของเจ้าไปใช้อย่างนั้นหรือ?”

หรงจือจือยังคงอ่อนโยนเหมือนเก่า “ลูกสะใภ้ทราบมาตลอด ว่าท่านแม่สามีรักเกียรติหวงศักดิ์ศรีมากเพียงใด ดังนั้นหากท่านแม่สามีไม่อยากถูกชาวบ้านตำหนิว่ายึดของข้าไปใช้ส่วนตัวแล้ว จะลงจากรถม้าก็ย่อมได้เจ้าค่ะ”

นางถานหายใจติดขัดขึ้นมาทันใด ชี้หน้าประณามหรงจือจือ : “จะ…เจ้า…เจ้า…”

เมื่อได้ยินว่าจื่อฟู่ได้ชัยกลับมา ก็รีบตรงเข้าวังไปเข้าเฝ้าถวายรายงานต่อฝ่าบาททันที ทั้งนางและหรงจือจือต่างได้รับคำสั่งเช่นกันจึงนั่งรถม้าคันเดียวกันเดินทางเข้าวังหลวง ซิ่นหยางโหวเป็นคนร่ำรวยที่ว่างงาน เดิมกำลังตกปลาอยู่ด้านนอก ดังนั้นจึงควบอาชามาถึงวังหลวงด้วยตนเอง

ดังนั้นจวนโหวของพวกเขา จึงมีเพียงรถม้าคันนี้คันเดียวที่จอดอยู่ที่นี่

หากตนเองต้องลงจากรถม้า ดึกดื่นมืดค่ำเพียงนี้ เกรงว่าไม่มีทางจ้างรถม้าได้สำเร็จในระยะเวลาอันสั้นแน่ เช่นนั้นแล้วคนที่จะต้องหนาวตายก็คือตนเอง!

ฉีจื่อฟู่ฟังมาถึงตรงนี้ ก็ขมวดคิ้วมองหรงจือจือ ก่อนจะชี้หน้าตำหนินาง “เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้อกตัญญูเพียงนี้? เจ้าดูสิ ว่าเจ้าทำให้ท่านแม่โกรธขนาดไหนแล้ว?”

หรงจือจือยังคงอารมณ์สงบนิ่ง “ท่านพี่ ข้าเองก็กำลังคิดแทนท่านแม่”

“ลองคิดดูแล้วท่านพี่เองก็คงจะไม่อยากให้วันรุ่งขึ้น คนทั่วทั้งเมืองหลวงต่างพากันเล่าลือว่า ท่านแม่ยึดเอารถม้าที่เป็นสินเดิมของข้าไปใช้ส่วนตัวอย่างสง่าผ่าเผย แล้วทิ้งให้ข้าซึ่งเป็นเจ้าของรถม้าคันนี้ไว้ข้างทาง”

“หากเป็นเช่นนี้ ชื่อเสียงของท่านแม่ ก็คงจะฟังดูไม่ดีแน่!”

การที่นางขึ้นชื่อว่าเป็นสตรีคุณธรรมอันดับหนึ่งของเมืองหลวงได้นั้น มิได้อาศัยเพียงความอดทน แต่ยังอาศัยกลวิธีอันชาญฉลาดที่ทำให้จวนโหวทั้งสกุลมีชื่อเสียงโดดเด่นขึ้นมาในสังคม

เมื่อก่อนนางถานชอบกลอุบายเหล่านี้ของหรงจือจือมาก ที่สามารถทำให้คนภายนอกไม่กล้าดูหมิ่นดูแคลนพวกเขาจวนโหว แต่มาวันนี้กลอุบายของหรงจือจือกลับย้อนมาใช้กับนาง ในที่สุดนางก็ได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดแล้ว!

ซิ่นหยางโหวตะคอกอย่างไม่สบอารมณ์ “พอเสียที จะเถียงอะไรกันนักหนา รีบขึ้นรถม้ากลับกันไปให้หมด!”

วันนี้เพราะเรื่องของบุตรชาย ก็ทำให้พวกเขาจวนซิ่นหยางโหวต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงอับอายขายหน้าอย่างถึงที่สุดแล้ว หากเรื่องที่ยึดเอาสินเดิมของลูกสะใภ้ไปใช้ส่วนตัวถูกเล่าลือออกไปด้วยอีก เกรงว่าทั้งจวนคงได้จมน้ำลายหายไปแน่

นางถานหงุดหงิดใจอย่างยิ่ง แต่ก็ทำได้แค่ฝืนใจมองหรงจือจือขึ้นรถม้าอย่างจำใจ

ภายใต้ความอึดอัด นางสูดหายใจลึกหลายครั้ง ก่อนจะพูดแดกดันอีกฝ่าย “คนอย่างเจ้า พอไม่ได้ดั่งใจสักนิด ก็แยกเขี้ยวขู่ขวัญแล้ว ช่างน่ารังเกียจเสียจริง ไม่แปลกที่บุตรชายของข้าจะไม่ชมชอบเจ้า ถึงขั้นยอมถูกตราหน้าประณามว่าลักลอบมีสัมพันธ์อย่างผิดครรลองกับองค์หญิงแคว้นสิ้นเอกราช ดีกว่าให้เจ้าได้เป็นภรรยาเอกต่อไป!”

หรงจือจือเงียบสงัด บอกว่าไม่พอใจนิดหน่อยก็แยกเขี้ยวขู่อย่างนั้นหรือ?

ช่วงเวลาที่นางรู้สึกไม่พอใจนับแต่เข้ามาอยู่ในจวนโหวมีเยอะเกินไปเสียด้วยซ้ำ ทั้งที่นางทุ่มเทสุดหัวใจรับใช้ปรนนิบัติแม่สามีอย่างเต็มที่ ทว่าแม่สามีกลับตั้งกฎระเบียบให้นางทุกวัน ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัดมิให้ขาดตกบกพร่องสักวัน แม้กระทั่งวันใดที่ฝนถล่มหรือหิมะตกหนักก็มิเคยเว้น ในเรือนก็ไม่เคยมีใครสักคนที่จะเอาใจง่ายไม่เรื่องมาก นางเคยรู้สึกสบายใจได้สักวันหรือ?

หนนี้หากมิใช่เพราะฉีจื่อฟู่สั่งให้นางเป็นอนุ เหยียบย่ำขีดความอดทนของนางแล้ว นางก็ไม่เป็นเช่นนี้หรอก!

ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งที่ฉีจื่อฟู่ลอบเป็นชู้กับคนอื่น แต่กลับกลายมาเป็นความผิดของนางได้อย่างไร?

นางที่รู้สึกเหนื่อยล้าอย่างถึงที่สุด หลับตาลงพิงรถม้า เพื่อพักสายตาก่อนที่จะผล็อยหลับไป

ทว่านางถานกลับยังคงก่นด่าไม่เลิกรา “บุตรชายข้าไม่ขอหย่ากับเจ้า แต่แค่ขอให้เจ้าเป็นอนุภรรยา ก็นับว่าเมตตาสงสารเจ้าแล้ว เจ้าออกจากจวนซิ่นหยางโหวไป ใครที่ไหนเล่าจะไม่ดูแคลนรังเกียจเจ้า?”

“เจ้าดื้อด้านไม่รู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดี ทำให้บุตรชายของข้าต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง! บัดนี้มันก็ชัดเจนแล้วว่าเจ้าเป็นคนผิด ข้าจะคอยดู ว่าวันรุ่งขึ้นคนทั้งเมืองหลวงจะยังมีอีกสักกี่คนที่ยังสรรเสริญเยินยอเจ้า!”

“วันนี้เรื่องเลวร้ายทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะเจ้า หากเจ้ายังมีมโนสำนึกเหลืออยู่บ้าง พรุ่งนี้เจ้าจงกลับไปที่เรือนสกุลหรง แล้วไปบอกให้ท่านพ่อของเจ้าทำอะไรสักอย่างเพื่อบุตรชายของข้าซะ และเมื่อใดที่เขาได้รับอำนาจมา วันนั้นถึงจะเป็นวันที่เจ้ามีความสุข!”
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
นัฏฐกาญจน์ ศรีสมพจน์
เนรคุณทั้งครอบครัวโดยเฉพาะอินางแม่ผัวเลวหาที่เปรียบมิได้ หย่าซะ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 468

    ไทเฮาทรงพิโรธ ถลึงพระเนตรใส่ฮ่องเต้น้อย “ฮ่องเต้ นี่เจ้าปฏิบัติต่อเสด็จแม่ของเจ้าแบบนี้รึ?”เฉินเยี่ยนซูพูดด้วยเสียงนุ่มนวล “หากไทเฮาทรงรู้สึกว่าฝ่าบาทปฏิบัติต่อพระองค์ไม่ดี มองว่าท่านอ๋องดูแลพระองค์ได้ดีกว่า เช่นนั้นกระหม่อมก็ยินดีช่วยส่งพระองค์ไปยังที่ดินศักดินาของท่านอ๋องใหญ่ ให้ท่านอ๋องดูพระองค์ในช่วงบั้นปลาย”พระพักตร์ของไทเฮาซีดขาว สังเกตเห็นความประชดประชันในแววตาโอรสตัวเองใช้มือข้างหนึ่งจับพนักเก้าอี้พร้อมกับตรัส “ช่างเถอะ ข้าเองก็รู้สึกคิดถึงอดีตฮ่องเต้เช่นกัน”เช่นนี้ก็หมายความว่ายอมจำนน บ่งบอกว่ายอมถูกกักบริเวณและคัดคัมภีร์นางคิดมาโดยตลอดว่าฮ่องเต้ยังชันษาน้อย คงจะจำอะไรไม่ได้มาก แต่ดูจากตอนนี้ เหมือนว่าฮ่องเต้จะยังจำได้มิน่าเล่า เขาถึงได้ไม่ยืนอยู่ฝั่งของนางกับสกุลเซี่ย เอาแต่เข้าข้างราชเลขาธิการเมื่อพูดถึงท่านอ๋องใหญ่ หรือก็คือพระเชษฐาต่างมารดาของฮ่องเต้ นางเซี่ยมีอาการตกใจเช่นกัน เกี่ยวกับเรื่องเมื่อตอนนั้น นางยอมรับว่าไทเฮาเลอะเลือนไปเล็กน้อยฮ่องเต้น้อยมีท่าทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยิ้มว่า “ในเมื่อเรื่องนี้จบลงแล้ว เช่นนั้นเราจะกลับไปจัดการราชกิจก่อน”เฉินเ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 467

    แม้แต่ฮ่องเต้น้อยก็ยังต้องยกนิ้วหัวแม่มือให้หรงจือจือในใจ ไม่แปลกเลยที่ท่านราชเลขาธิการจะชอบนาง ช่างฉลาดหลักแหลม แม้แต่วิธีแก้ปัญหาเช่นนี้ก็ยังสามารถคิดออกมาได้ นางเซี่ยรีบพูดด้วยรอยยิ้ม “ความจริงจวนอ๋องเฉียนของพวกข้าก็ไม่เลว หากมหาราชครูหรงต้องเลือกระหว่างสองสกุลก็คงตัดสินใจได้ยากเช่นกัน”“จือจือ เจ้าลองเลือกใหม่อีกครั้งดีหรือไม่ หากเจ้าเลือกอู๋เหิง บิดาของเจ้าก็ไม่น่าจะว่าอะไร”“เจ้าก็รู้ แม่สามีของข้าชอบเจ้ามากมาโดยตลอด หลายปีมานี้ก็ปกป้องและรักใคร่เจ้าไม่น้อย”หัวคิ้วของหรงจือจือกระตุก เข้าใจว่านางเซี่ยกำลังยกพระชายาอ๋องเฉียนมาเพื่อโน้มน้าว อยากให้นางเห็นแก่การดูแลที่พระชายาอ๋องเฉียนมีต่อตัวเองตลอดหลายปีมานี้และเลือกจีอู๋เหิงไทเฮาฟังถึงตรงนี้ก็ตรัสเช่นกัน “พระชายาซื่อจื่อพูดได้ถูกต้อง! หรงจือจือ ตอนนี้ข้าต้องการให้เจ้าแต่งงานกับอู๋เหิง ส่วนฮ่องเต้นั้นต้องการให้เจ้าแต่งงานกับราชเลขาธิการเฉิน”“พวกข้าสองแม่ลูกแทบจะบาดหมางกันเพราะเจ้าอยู่แล้ว เจ้าลองตรองดูให้ดีว่าจะแต่งงานกับผู้ใด!”“ในเมื่อเจ้าแต่งเพราะคำสั่งของบิดา คิดว่าหากมีข้าอยู่ด้วย ต่อให้เจ้าเลือกอู๋เหิง บิดาเจ้าก็คงไ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 466

    ฮ่องเต้หย่งอันเข้าใจแล้วว่า เหตุใดท่านราชเลขาธิการได้ยินว่าเสด็จแม่เรียกตัวหรงจือจือมาพบแล้วจึง…เขามองไทเฮาพร้อมกับตรัสด้วยความเสียใจ “โอ้? มันสายไปแล้ว! ลูกพระราชทานสมรสไปแล้ว ราชโองการก็เขียนเสร็จแล้ว ประทับตราพระราชลัญจกรแล้วเช่นกัน!”“เหตุใดเสด็จแม่จึงไม่หารือกับลูกตั้งแต่เมื่อวาน หากเป็นเมื่อวาน เรื่องนี้คงพอมีหนทางให้ตกลงกันได้”ไทเฮาตรัสอย่างไม่เชื่อ “เป็นความจริงหรือ?”ฮ่องเต้หย่งอัน “ย่อมเป็นความจริง ราชโองการยังอยู่ในมือเซิ่งเฟิงอยู่เลย!”ตอนแรกเขาจะให้ขันทีอาวุโสหยางเป็นคนถือ ประเดี๋ยวหรงจือจือกลับสกุลหรงไปแล้วค่อยประกาศราชโองการ แต่ท่านราชเลขาธิการไม่วางใจยืนกรานที่จะขอรับไป ให้เซิ่งเฟิงเป็นคนเก็บรักษาไทเฮาพิโรธมากนางเซี่ยร้อนใจเช่นกัน รีบคุกเข่าว่า “ฝ่าบาท ได้โปรดถอนราชโองการด้วยเถิด อู๋เหิงต้องการแต่งงานกับท่านหญิงเช่นกัน!”ฮ่องเต้หย่งอันยิ้มเยาะ “พระชายาซื่อจื่อกล่าวเช่นนี้ ฟังดูเหมือนท่านราชเลขาธิการไม่ได้ตั้งใจจะแต่งงานกับหรงจือจืออย่างไรอย่างนั้น สินสอดแปดร้อยหาบ เกรงว่านี่คงเป็นครั้งแรกตั้งแต่ก่อตั้งแคว้นต้าฉีมา!”นางเซี่ยรีบพูด “ฝ่าบาท จวนอ๋องเฉียนของพ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 465

    ฮ่องเต้น้อยเห็นนางเซี่ยยอมรับผิดรวดเร็วแบบนี้ก็ไม่ได้ทำให้นางลำบากใจอีก อย่างไรเมื่อครู่นี้เขาก็เห็นว่า อีกฝ่ายก็พยายามช่วยขอความเมตตาให้หรงจือจืออย่างสุดความสามารถ แต่เมื่อฮ่องเต้น้อยมองไปที่นางกำนัลนางนั้น เขายิ่งคิดก็ยิ่งโมโหเดินเข้าไปถีบอีกฝ่าย “ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง แม้แต่ท่านราชเลขาธิการก็ยังกล้าสาด! เจ้าจงสวดภาวนาให้ท่านราชเลขาธิการปลอดภัย มิเช่นนั้น ครอบครัวเจ้าทั้งเก้าชั่วโคตรก็ยังชดใช้ไม่ได้!”นางกำนัลถูกถีบกลิ้งกับพื้นรู้สึกได้รับความอยุติธรรม นางจะรู้ได้อย่างไรว่าท่านราชเลขาธิการจะมาและช่วยบังน้ำเย็นให้กับท่านหญิง หากรู้มาก่อน ต่อให้นางจะใจกล้าเพียงใดก็ไม่กล้าทำแบบนี้แต่ฮ่องเต้กำลังพิโรธ นางไม่กล้าร้องว่าอยุติธรรม กลัวว่าฮ่องเต้จะพิโรธหนักกว่าเดิมได้แต่คำนับศีรษะด้วยความเคารพ “บ่าวสมควรตาย ฝ่าบาทโปรดประทานอภัย!”เจาซีมองด้วยความสะใจ เมื่อครู่นี้นางกำนัลคนนี้ใช้อำนาจข่มขู่ บอกว่าเป็นคำสั่งของไทเฮา ห้ามขัดขืนเด็ดขาดตอนนี้ ฮ่องเต้จะทุบตีนางอย่างไร สั่งสอนนางอย่างไร นางก็ได้แต่ทนรับไว้เสียงความเคลื่อนไหวด้านนอกย่อมดังเข้าไปในตำหนักเมื่อฮ่องเต้หย่งอันเข้าไป พระ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 464

    หรงจือจืออยากอธิบายว่าตัวเองไม่ได้กลัว แต่เมื่อสบเข้ากับสายตาห่วงใยของเขา จู่ๆ นางก็พบว่าตัวเองพูดอะไรไม่ออก ภายในใจอ่อนระทวยไปหมดทั้งๆ ที่เขาถูกราดน้ำเย็น ทั้งๆ ที่เขากำลังหนาวทว่าเขากลับไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย มีเพียงความรู้สึกที่เป็นห่วงนางนางรีบนำผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดน้ำเย็นบนใบหน้าเขาโดยไม่ได้มาสนใจว่าชายหญิงไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวกัน อย่างไรก็จะแต่งงานกับเขาอยู่แล้วเฉินเยี่ยนซูผงะ ดวงตาหงส์เร่าร้อนขึ้นมาหลายส่วนฮ่องเต้น้อยตรัส “มัวทำอันใดกันอยู่? ยังไม่รีบไปเตรียมเสื้อผ้าสะอาดกับน้ำร้อนให้ท่านราชเลขาธิการอีก!”“หากท่านราชเลขาธิการป่วยไข้ขึ้นมา! เราจะตัดหัวพวกเจ้าให้หมด”“น้ำขิงด้วย! เตรียมน้ำขิงให้ท่านหญิงกับท่านราชเลขาธิการทันที!”หรงจือจือจะบอกตัวเองไม่ต้องการน้ำขิง แต่เมื่อเห็นท่าทีของฮ่องเต้หย่งอัน นางก็ไม่ได้ปฏิเสธนางกำนัลที่ราดน้ำเย็นใส่เฉินเยี่ยนซูตกใจกลัวจนน้ำตาแทบเล็ด คุกเข่าตัวสั่นเทิ้มร่วมกับนางกำนัลคนอื่นๆผู้ที่ถูกราดน้ำเย็นคือท่านราชเลขาธิการ นั่นคือท่านราชเลขาธิการของฮ่องเต้เชียวนะ ก่อนที่ฮ่องเต้จะทรงว่าราชกิจ พระองค์จะต้องถวายการคำนับแด่ท่านราชเลขาธิการตาม

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 463

    ไทเฮาโกรธจนหน้าเขียว ชี้นิ้วไปที่นาง “ดี ดี ดี เจ้าดีมาก!”แม้ภายในใจนางจะไม่พอใจถึงขีดสุด กระนั้นก็มีความนับถือบางส่วนเจืออยู่ด้วยอดนึกถึงถ้อยคำที่อดีตฮ่องเต้เคยพูดกับตัวเองไม่ได้ มหาราชครูหรงเป็นเสาหลักของบ้านเมือง อุทิศความสามารถและความทุ่มเททั้งหมดเพื่อชาติบ้านเมือง เขาถึงกล้ากราบทูลฎีกาที่ภัยถึงชีวิต เสียก็แต่เถรตรงเกินไปมองหรงจือจือตอนนี้แล้วเหมือนบิดาของนางมาก!ทว่า ความชื่นชมนี้ไม่อาจระงับเพลิงโทสะภายในใจนางแต่อย่างใด “ไปเตรียมน้ำเย็นเดี๋ยวนี้ ข้าอยากเห็นนักว่าเจ้าจะมีชีวิตรอดไปเห็นผู้บันทึกประวัติศาสตร์กล่าวโทษข้าหนือไม่!”นางเซี่ย “ไทเฮา!”ไทเฮามองนางปราดหนึ่ง พูดด้วยหน้าบึ้งตึง “พอแล้ว พี่หญิงนั่งลงเถอะ ข้าเองก็ทำเพื่อสั่งสอนลูกสะใภ้ในอนาคตให้ท่าน!”นางเซี่ยเห็นหรงจือจือเดินออกไปภายในใจปั่นป่วนว้าวุ่น จากนั้นลุกขึ้นเพื่อเข้าไปห้ามปรามด้วยตัวเองพระพักตร์ของไทเฮาย่ำแย่กว่าเดิมเมื่อเห็นพี่หญิงของตนเป็นเช่นนี้สั่งว่า “ห้ามพระชายาซื่อจื่อเอาไว้ อย่าให้นางก่อกวน!”บรรดานางกำนัล “เพคะ!”หรงจือจือคุกเข่าท่ามกลางหิมะ มองนางกำนัลยกถังน้ำเย็นเข้ามา ส่วนนางเซี่ยที่จะเข้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status