Share

บทที่ 5  

Aвтор: สั่งไม่หยุด
หรงจือจือหลับตาสนิทไม่เปล่งวาจา รู้สึกเพียงว่านางถานไร้ยางอายไร้ใดเปรียบ พวกเขาทั้งครอบครัวข่มเหงรังแกนางเช่นนี้ หากเมื่อครู่นางไม่ดื้อรั้นก้าวร้าว คงได้หนาวตายอยู่ข้างทางจริง ๆ แน่

ถึงยามนี้แล้วยังมีหน้า มาขอให้นางไปอ้อนวอนท่านพ่อ ให้ทำอะไรเพื่อฉีจื่อฟู่อีกหรือ?

ช่างหน้าด้านเสียจริง!

นางถานเห็นนางเงียบกริบไม่ส่งเสียง ก็ขมวดคิ้วพลางตะคอกด้วยเสียงเหี้ยมว่า “นางหรง ข้ากำลังคุยกับเจ้า เจ้าไม่ได้ยินหรือ?”

หรงจือจือตอบกลับเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ “ได้ยินเจ้าค่ะ”

แต่ไม่คิดจะทำตามคำสั่งนั้นหรอก

นางถานกลับคิดว่าหรงจือจือยอมรับคำตามที่บอกแล้ว ท่าทางบึ้งตึงและเสียงตะคอกขู่เข็ญเมื่อครู่ ก็ดูจะผ่อนลงไปบ้างแล้ว ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นคำขอร้องต่อสกุลหรง

ต้องโทษสามีของตนเองที่ไม่เอาไหน ทั้งที่เป็นถึงท่านโหวในราชสำนักแต่กลับเงียบเชียบไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว

หลังจากสงบสติอารมณ์ลงได้แล้ว นางถานบ่นออกมาเบา ๆ “แบบนี้ถูกต้องแล้ว ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นภรรยาเอกหรืออนุ จื่อฟู่ก็คือสามีของเจ้า เจ้าต้องเทิดทูนเขาไว้เสมอท้องฟ้า!”

“หรือจะบอกว่าแค่เขามีสัมพันธ์กับองค์หญิงท่านนั้นแล้ว ก็ไม่ใช่สามีของเจ้าแล้ว?”

“หากเจ้ามีคุณธรรมจริง ก็ควรจะดูแลเด็กในพระครรภ์ขององค์หญิงเสมือนบุตรที่เจ้าคลอดออกมาเอง หากว่าเป็นเด็กชาย ก็ถือว่าเป็นบุตรชายคนโตของครอบครัวเรา”

“เจ้าเกิดเป็นสตรี จะไม่อาศัยพึ่งพิงบุรุษแล้วหรืออย่างไร? ดูแลบุตรขององค์หญิงให้ดี แล้ววันข้างหน้าแม้เจ้าจะเป็นเพียงอนุ แต่เขาก็จะหาข้าวปลาอาหารมาให้เจ้ากิน!”

เป็นครั้งแรกที่หรงจือจือรู้สึกว่า เสียงพูดของคน บางครั้งยังน่ารำคาญเสียยิ่งกว่าเสียงหมาหอน

ก่อนหน้านี้นางรู้สึกเพียงว่าแม่สามีคนนี้แค่กฎระเบียบเยอะ ยากจะปรนนิบัติดูแล พอมาวันนี้ถึงได้รู้ความจริง คิดไม่ถึงเลยว่าแม่สามีจะใจดำอำมหิตและเห็นแก่ตัวได้ถึงเพียงนี้

จริงอย่างที่คาดคนเรามักต้องเผชิญกับเหตุการณ์ร้ายแรงบางอย่างก่อน ถึงจะกระชากหน้ากากที่สวมอยู่ในชีวิตประจำวันออกมาได้

ท่ามกลางเสียงบ่นไม่หยุดของนางถาน ในที่สุดรถม้าก็เคลื่อนกลับมาถึงจวนโหวแล้ว หลังจากรถม้าจอดสนิท หรงจือจือที่นั่งอยู่นอกสุดก็ลงจากรถม้าก่อน

เพียงแต่หนนี้ นางกลับไม่หันไปประคองนางถานลงจากรถม้าด้วยความสุภาพนบนอบเหมือนอย่างทุกครั้งที่ผ่านมา แต่เอ่ยปากขึ้นว่า “วันนี้ข้ารู้สึกไม่สบายตัวนัก ขอตัวกลับไปที่เรือนก่อน!”

สิ้นเสียงนี้ นางก็นำหน้าเจาซีสืบเท้ายาว มุ่งตรงไปที่เรือนของตนเองทันที

เมื่อก่อนที่เคยทุ่มเทปรนนิบัตินางถานสุดดวงใจ นั่นก็เพราะความกตัญญู บัดนี้เมื่อมองย้อนกลับไปแล้ว นางถานไม่คู่ควรกับความกตัญญูของนางแม้แต่น้อย

ภายใต้การประคองของฉีจื่อฟู่ นางถานลงจากรถม้าพร้อมโทสะที่เดือดกรุ่น ชี้นิ้วไปยังเงาหลังของหรงจือจือ โกรธจนร่างกายแทบทรุดลงให้ได้ “เจ้าดูนางสิ พวกเจ้าดูนางสิ! วันนี้กลายเป็นบ้าอะไรไปแล้วไม่รู้!”

ฉีจื่อฟู่เอ่ยทันที “ท่านแม่ ลูกจะไปเกลี้ยกล่อมนาง คิดดูแล้วคงนางอาจจะแค่ทำใจยอมรับทันทีไม่ได้ ไว้ลูกได้คุยกับนางดี ๆ สักพัก ปัญหาจะต้องคลี่คลายได้แน่นอนขอรับ”

นางถานโบกมือ บอกเป็นนัยว่าหากเขาจะไปจงรีบไป วันนี้นางรู้สึกว่าประเดี๋ยวจะต้องขาดใจตายเพราะโทสะแน่

กระทั่งฉีจื่อฟู่เดินออกไปแล้ว

นางถานหวนคิดถึงเหตุการณ์บนรถม้าเมื่อครู่นี้ขึ้นมา ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด ทันใดนั้นก็ยกเท้าเตะรถม้าของหรงจือจือไปหนึ่งที ใครจะรู้ว่ารถม้าคันนั้นจะแข็งมาก ทำนางเจ็บจนหน้าถอดสี ร้องโอดครวญออกมาด้วยความเจ็บปวด

ซิ่นหยางโหวมองนางปราดหนึ่งด้วยความรำคาญ “ดูเจ้าสิ ไม่เหลือเค้าของฮูหยินโหวแม้เพียงสักนิด!”

สิ้นเสียงนั้น ก็สืบเท้ายาว ๆ เข้าไปในเรือน

นางถาน : “…!”

ทั้งหมดต้องโทษนางแพศยาชั้นเลวหรงจือจือ หากไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายทำให้ตนเองโมโหแล้ว ตนเองหรือจะถูกท่านโหวดูหมิ่นดูแคลน?

เช้าวันพรุ่งนี้ หรงจือจือจะต้องมาน้อมคารวะตนในยามเช้า นางจะต้องทำให้หรงจือจือได้คุกเข่านานขึ้นกว่าเดิมแน่!

……

หรงจือจือครั้นกลับมาถึงเรือนของตนเองแล้ว ก็หันไปมอบหมายหน้าที่ให้เจาซี “ส่งคนกลับไปถามเรือนสกุลหรง ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นในเรือน”

งานเลี้ยงค่ำวันนี้ ท่านพ่อมิได้มาเข้าร่วม คิดว่าคงส่งคนเข้ามาทูลขอพระราชทานลาจากฝ่าบาทแล้ว

งานเลี้ยงฉลองชัยของบุตรเขย ท่านพ่อยังไม่มาร่วมงานเลี้ยง เกรงว่าในเรือนคงเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่แล้ว

เจาซี : “เจ้าค่ะ!”

ทว่าสิ้นเสียงรับคำสั่ง ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าแว่วดังเข้ามา

หรงจือจือเหลือบสายตามอง ก็เห็นว่าเป็นฉีจื่อฟู่กำลังสืบเท้ายาวเดินเข้ามา แววตาของบุรุษนิ่งสงบ ภายในเปี่ยมล้นด้วยความภาคภูมิใจหลังจากที่ร่างกายฟื้นตัวและสร้างผลงานสำเร็จ

ไม่เหลือเค้าของคนป่วยซมติดเตียง ที่ไม่ว่าจะเรื่องอะไรล้วนต้องให้คนมาปรนนิบัติดูแลเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว

นางขอดอกบัวไหมสวรรค์มาเพื่อรักษาเขาที่จวนจะสิ้นใจให้หายดี ทว่ามันกลับแลกมาซึ่งสถานการณ์น่าขันในวันนี้ หากเป็นเช่นนี้ บางทีก็ไม่ควรจะสนใจความเป็นความตายของเขาตั้งแต่แรก…

ยอมเป็นแม่หม้ายไปเลยยังดีเสียกว่า

เมื่อฉีจื่อฟู่เข้ามาในห้อง ก็เหลือบสายตามองพวกสาวใช้ปราดหนึ่ง “ออกไปให้หมด ข้ามีเรื่องจะคุยกับฮูหยินซื่อจื่อ!”

เจาซีมองหรงจือจือปราดหนึ่งด้วยความเป็นห่วง

หรงจือจือผงกศีรษะเล็กน้อย เชิงว่าให้นางออกไปได้

ฉีจื่อฟู่เดินมาหยุดเบื้องหน้าหรงจือจือ สองยื่นมือไปจะกุมมือของนางไว้ กลับคิดไม่ถึงว่าเพียงยื่นมือออกไป หรงจือจือจะชักเท้าถอยหลังไปหนึ่งก้าวทันที

ทำให้มือของฉีจื่อฟู่ค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ

หรงจือจือ : “ท่านพี่มีเรื่องอันใด เชิญพูดมาอย่าได้เกรงใจ!”

ฉีจื่อฟู่ถูกหักหน้า ครั้นเก็บมือของตนเองกลับมาแล้ว ก็ขึงตาจ้องหรงจือจือพลางเอ่ยว่า “จือจือ ข้ารู้ว่าเจ้าน้อยใจ แต่ในเมื่อเจ้ารักข้า ก็ควรจะคำนึงถึงตัวข้ามากกว่านี้”

หรงจือจือขมวดคิ้ว นางไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าเหตุใดฉีจื่อฟู่ถึงได้กล้าพูดออกมาอย่างมั่นใจนักว่านางรักเขา

ไหนว่าการแต่งงานของพวกเขาสองคน เป็นคำสั่งของบุพการี มิอาจฝ่าฝืนมิใช่หรอกหรือ? ตัวนางก็ได้รับการอบรมสั่งสอนหน้าที่สะใภ้ใหญ่ที่ดีมานานหลายปี ฉะนั้นไม่ว่าเรื่องใดล้วนให้ความสำคัญกับสกุลฉีของเขาก่อนเสมอ

ทว่านางก็มิได้เปล่งวาจาโต้แย้ง แค่อยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรออกมาอีก

ฉีจื่อฟู่เอ่ยต่อในทันที “อันที่จริงเรื่องนี้ก็ยากจะทำใจยอมรับได้ แต่ว่าจือจือ เจ้าเองก็ต้องเข้าใจความรู้สึกข้าด้วย ข้าไปอยู่ต่างแคว้นแดนไกล ยากจะได้พบเจอใครสักคนที่ห่วงใยข้า ยามนั้นข้าเผลอไผลไปชั่วขณะถึงได้…”

“แต่ในเมื่อเรื่องเกิดขึ้นไปแล้ว ข้าก็จำเป็นต้องรับผิดชอบองค์หญิงม่านหวา”

“และอีกอย่าง หากตอนแรกองค์หญิงม่านหวามิได้ช่วยชีวิตข้าไว้ บัดนี้ข้าคงตายไปนานแล้ว ยามนี้เจ้าคงเห็นข้าด้วยตาเนื้อไม่ได้แล้ว นางเป็นผู้มีบุญคุณของพวกเราสองคน ขอแค่เจ้ายอมยกตำแหน่งภรรยาเอกให้นางมันจะเป็นอะไรไปหรือ?”

หรงจือจือ : “…”

ในฐานะของสะใภ้ใหญ่คุณธรรมซึ่งประพฤติตนตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดมานานหลายปี นางคงไม่ควรพูดออกไปว่า : บัดนี้ท่านกลับมาพร้อมก่อเรื่องวุ่นวายเสื่อมเสียเช่นนี้ มิสู้ให้ตายไปตั้งแต่ตอนอยู่ที่แคว้นเจาเสียจะยังดีกว่า?

ช่างเถิด ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นขุนนางที่สร้างคุณูปการให้กับต้าฉี หรงจือจือก็ไม่อยากใช้ถ้อยคำผรุสวาทรุนแรงถึงเพียงนี้เหมือนกัน

จึงเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ “ท่านพี่ จะขอหย่าก็ย่อมได้ จะรับอนุภรรยาก็ย่อมได้ ทว่านอกเหนือจากนี้ ไม่จำเป็นต้องคุยกันอีก!”

ฉีจื่อฟู่ดำรงตำแหน่งซื่อจื่อ หากจะรับอนุภรรยา หรงจือจือก็ไม่ว่าอะไร ตราบใดที่ไม่สั่นคลอนมาถึงตำแหน่งภรรยาเอกของนาง จะมีอนุสักกี่คน นางจะแสร้งทำเป็นไม่เห็นก็ย่อมได้

ฉีจื่อฟู่ : “ในใจเจ้ามีเพียงตำแหน่งภรรยาเอก ไม่มีอื่นใดเลยหรือ? เจ้ามองข้าเป็นอะไรกันแน่?”

หรงจือจือ : “เช่นนั้นข้าขอถามท่านพี่ ต่อเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาทในวันนี้ ที่ท่านบอกว่าข้าขอเป็นอนุด้วยตนเอง ท่านเห็นข้าเป็นอะไรหรือ?”

เรื่องนี้ความจริงแล้วเขาก็ทำผิดต่อหรงจือจือ ครั้นจะโต้แย้งก็พูดได้ไม่เต็มปาก

หรงจือจือยังเอ่ยขึ้นอีก “ท่านพี่คงจำได้ ในตอนนั้นหลังจากที่ข้าแต่งกับท่านแล้ว ก็รักษาโรคร้ายของท่านจนหายดี ท่านซาบซึ้งใจอย่างยิ่งยวด ในวันที่ต้องจากเมืองหลวงยังให้คำมั่นสัญญาว่าจะสร้างคุณงามความดีกลับมา และจะทูลขอต่อเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาท ให้พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้กับข้า วันนี้ถ้อยคำเหล่านั้นที่ท่านได้เอ่ยต่อเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาท คือถ้อยคำที่ท่าน จะใช้ทูลขอพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้ข้าหรือ?”

ฉีจื่อฟู่เป็นใบ้ไปอีกครั้ง นานครู่ใหญ่ถึงจะเอ่ยออกมา “จือจือ ข้าติดค้างเจ้าแล้ว วันข้างหน้าข้าจะชดใช้คืนให้เจ้าร้อยเท่าเลย!”

“ต่อให้เจ้าสูญเสียตำแหน่งภรรยาเอกไป ก็หาใช่เรื่องใหญ่อันใด เจ้ายังมีความรักของข้า ข้าสาบานอย่างสัตย์จริงว่าข้าจะดูแลเจ้าให้ดีกว่าที่ผ่านมา”

“ม่านหวานางกำลังตั้งครรภ์ ยามนี้ก็มิได้สะดวกปรนนิบัติดูแลข้า”

“จะว่าไปในตอนนั้นพวกเราสองคนยังมิทันได้ร่วมเรือนหอด้วยกันเลย ข้าแสร้งว่ากำลังป่วยหนักเพื่อจะแฝงตัวเข้าไปในแคว้นเจา เจ้าและข้าสามีภรรยามิได้พบกันนานหลายปี วันนี้ควรจะได้อยู่เคียงคู่คลอเคลียกันสิถึงจะถูก!”

“กลับปล่อยให้เรื่องน่าหงุดหงิดเหล่านี้ ทำให้เราสองต้องผิดใจกันเสียนาน เรียกพวกบ่าวรับใช้ให้ไปเตรียมน้ำ และเข้ามาปรนนิบัติระหว่างพวกเราพักผ่อนเถิด!”

เอ่ยพลาง เขาก็เตรียมจะเข้ามากอดหรงจือจือ…
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 428

    เมื่อได้ยินน้ำเสียงนี้ สีหน้าของนางกงซุนก็เปลี่ยนไปทันที ไม่นานนักก็เห็นหญิงชราคนหนึ่ง ในมือถือไม้เท้าเดินออกมาเสิ่นเยี่ยนซูออกไปพยุงด้วยตนเอง “ท่านย่า!”นายหญิงผู้เฒ่าเสิ่นแซ่อวี๋ มองหลานชายแวบหนึ่ง “เจ้ามีน้ำใจแล้ว ไม่เหมือนใครบางคน เห็นข้าแล้วก็ยังไม่รู้จักคารวะ”นางกงซุนหนังหน้ากระตุก จากนั้นก็รีบคารวะ “ลูกสะใภ้คารวะท่านแม่เจ้าค่ะ” นางก็รู้สึกหงุดหงิดอยู่ภายในใจเช่นกัน เหตุใดเสิ่นเยี่ยนซูถึงเชิญหญิงชราคนนี้เข้ามา?นางอวี๋นั่งลง พลางมองนางอย่างสื่อความนัย “ยากนักที่เจ้าจำได้ว่าข้ายังเป็นแม่สามีของเจ้า แต่เจ้าตามเยี่ยนซูเข้าเมืองหลวงมานานหลายปีแล้ว ก็ยังไม่เคยไปทักทายข้าที่จวนสกุลอวี๋เลย มีลูกสะใภ้ที่กตัญญูเช่นเจ้า ช่างเป็นวาสนาของข้าเสียจริง!”“กตัญญู” สองคำนี้ นางอวี๋จงใจเน้นน้ำเสียง และแฝงไปด้วยความเย้ยหยันอย่างมากนางกงซุนหัวเราะอย่างกระอักกระอ่วน แล้วรีบก้มหน้ากล่าว “ท่านแม่พูดรุนแรงไปแล้วเจ้าค่ะ ความจริงลูกสะใภ้รู้ว่าท่านกำลังรักษาอาการป่วยอยู่ จึงกลัวว่าหากตนเองไปที่นั่น จะรบกวนความสงบของท่าน”นางกงซุนพูดจบก็เหลือบมองเสิ่นเยี่ยนซู ซึ่งภายในใจเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 427

    เขาถอนหายใจอีกครั้ง “เฮ้อ ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องพวกนี้ พวกเรามาคิดกันดีกว่า ว่าอีกไม่กี่เดือนหลังออกจากคุกหลวงแล้ว พวกเราจะไปอยู่ที่ไหน!”ตอนนี้อยู่ในห้องขัง ไม่ต้องกังวลเรื่องกินอยู่ก็จริง แต่เพื่อจัดการปัญหาเรื่องกินอยู่ ต่อไปพวกเขาจะต้องฝ่าฝืนกฎหมายซ้ำ ๆ แล้วพอออกจากคุกไปไม่กี่วัน ก็จะถูกจับกลับเข้ามาใหม่อีกอย่างนั้นหรือ?ฉีจื่อเสียนกล่าวอย่างทรมานว่า “พวกเรายังจะไปอยู่ที่ใดได้อีกขอรับ? ไปแย่งวัดร้างและใต้สะพานกับพวกขอทานเหล่านั้นงั้นหรือ?”ครานี้ ถานผิงถิงกลับเอ่ยปากขึ้นว่า “หรือว่า...ข้าจะกลับไปที่บ้านมารดาเพื่อขอร้องท่านแม่ แล้วให้นางรับพวกเราไว้สักระยะหนึ่งดีเจ้าคะ?”ทันทีที่นางพูดคำนี้ออกมา ทุกคนต่างก็นิ่งเงียบไปเพียงเพราะว่าจวนสกุลถานคือสถานที่ที่นางถานกับอันธพาลนั่นถูกจับได้ว่าเป็นชู้รักกัน จนทำให้คนสกุลฉีต้องอับอายขายขี้หน้าอย่างถึงที่สุด!ตามหลักการ นางหลิวยังตั้งท้องกับอันธพาลนั่นด้วย ซึ่งหากเจอกับครอบครัวที่เคร่งครัด และเพื่อชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลแล้ว จะต้องจับนางใส่กรงหมูแล้วนำไปถ่วงน้ำเป็นแน่แต่นางดันโชคดี สกุลหลิวกับสกุลถานเป็นครอบครัวขนาดเล็ก ถึงกับไม่มีคนเห

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 426

    อวี้หมัวมัวยังอยากจะพูดอะไรหรงจือจือกลับกล่าวเสียงราบเรียบว่า “หมัวมัว ข้ารู้ว่าเจ้าทำเพื่อข้า แล้วเจ้าก็หวังว่าข้าจะมีชีวิตแต่งงานที่ดีในอนาคต และมีคนคอยใส่ใจอยู่ข้างกาย เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากขึ้นในวันข้างหน้า”“แต่เจ้าคิดดูให้ดี ๆ หากแต่งเข้าไปในครอบครัวที่แม่สามีไม่ชอบข้า ข้าจะมีชีวิตที่ดีได้แค่ไหนกันเชียว?”อวี้หมัวมัวกลับไม่เห็นด้วย “คุณหนู หากสามีเป็นคนมีเหตุผล และปกป้องคุณหนูทุกอย่าง เช่นนั้นแม้จะเป็นแม่สามีที่ไร้เหตุผล แต่ก็ยังใช้ชีวิตที่ดีได้”“อย่างฮูหยินแซ่เจียงของเสนาบดีกรมพิธีการคนนั้น มิใช่ตัวอย่างที่ดีที่สุดแล้วหรือเจ้าคะ?”หรงจือจือคิดสักพัก มันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เสนาบดีกรมพิธีการมู่หรงเย่า เขามองนางเจียงด้วยความชื่นชม ไม่สนเรื่องที่ก่อนแต่งงานนางเจียงจะเคยชอบมหาราชครูหรง หลังจากแต่งงานก็ยังดูแลนางเป็นอย่างดีแต่เพราะเรื่องที่ก่อนแต่งงานนางเจียงเคยแย่งมหาราชครูหรงกับนางหวัง เลยทำให้แม่สามีของนางไม่พอใจเป็นอย่างมาก แม้นางเจียงจะเป็นองค์หญิงใหญ่ หลังแต่งงานก็ยังคงถูกทำให้ลำบากใจอยู่ดีแต่มู่หรงเย่าคอยปกป้องทุกอย่าง จึงทำให้แม่สามีของนางไม่สามา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 425

    เฉินเยี่ยนซูพยายามวางท่าสงบนิ่ง ทว่าในใจกลับสับสนว้าวุ่นไร้ที่พึ่ง กว่าจะเกลี้ยกล่อมให้นางยอมตกลงเรื่องแต่งงานได้สำเร็จ มาบัดนี้กลับเกิดเรื่องพลิกผันขึ้นเสียได้ด้วยนิสัยของนางแล้ว เกรงว่าคงยากที่จะให้อภัยเขาได้เรื่องนี้ทำให้ส่วนลึกในใจของเขาเกิดความรู้สึกโกรธแค้นต่อจวนกั๋วจิ้วเป็นครั้งแรก ความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นความเกลียดชัง ส่งผลให้แววตาของเขาเย็นเยียบประดุจน้ำแข็ง......เจาซีกลับมายังเรือนอี่เหมยเมื่อเห็นนางนำกล่องใบเล็กนั้นกลับมาด้วย หรงจือจือก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเจาซีถ่ายทอดคำพูดทั้งหมดของเฉินเยี่ยนซูให้ฟัง หรงจือจือได้แต่นิ่งเงียบ ไม่เอ่ยคำใดอวี้หมัวมัวกล่าวว่า “ท่านเสนาบดีก็ยังนับว่ารู้จักยับยั้งชั่งใจ ไม่ได้มายืนขวางหน้าประตูบ้านไม่ยอมไป จนเป็นที่ครหาของผู้คน ทั้งยังไม่ดึงดันที่จะเข้ามาพบท่านให้ได้ มิเช่นนั้นคงยิ่งทำให้ท่านขุ่นเคืองใจมากขึ้น”“คุณหนูเจ้าคะ บ่าวกลับเห็นว่า เรื่องการแต่งงานครั้งนี้ คุณหนูลองนำกลับไปไตร่ตรองดูอีกครั้งจะดีหรือไม่ แล้วค่อยรอดูว่าหลังจากนี้ท่านเสนาบดีจะมีคำชี้แจงใดให้ท่าน”หรงจือจือพยายามข่มอารมณ์ที่ปั่นป่วนใ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 424

    เพียงไม่นานหลังจากที่หรงซื่อเจ๋อได้แสดงอำนาจในฐานะบุตรชายสายตรงของตน ก็ถูกเรียกตัวไปพบมหาราชครูหรง และถูกตำหนิอย่างรุนแรง......เจาซีเดินออกจากเรือนพร้อมกุญแจในมือแล้วก็เห็นเสนาบดีเฉินยืนอยู่หน้าประตูในชุดขุนนาง ดูท่าว่าคงเพิ่งเสร็จจากว่าราชการแล้วรีบมาที่นี่อีกฝ่ายรูปงามโดดเด่น เย็นชาแต่สูงส่ง เฉิดฉายเหนือผู้ใด แถมยังปฏิบัติต่อคุณหนูของตนอย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เป็นว่าที่เขยที่เหมาะสมอย่างหาที่เปรียบมิได้ เพียงแต่...คาดไม่ถึงว่าเรื่องของเขาคล้ายกับสถานการณ์ของจวนอ๋องเฉียนนั่นทำให้ในใจของเจาซีอดรู้สึกเสียดายมิได้เมื่อเห็นกล่องผ้าไหมในมือนาง แววตาเฉินเยี่ยนซู ก็พลันหม่นลงทันที “นางให้เจ้าคืนของสิ่งนี้แก่ข้าหรือ?”เจาซีพยักหน้า และถ่ายทอดถ้อยคำที่หรงจือจือฝากมาให้นางเหล่านั้นพอพูดจบก็อดกลั้นไม่ไหว กล่าวขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือว่า “ท่านเสนาบดี คุณหนูของข้านับแต่หย่าขาดจากสามี ก็ถูกคนซุบซิบนินทาเสียๆ หายๆ คำนินทาแสนโหดร้ายแบบไหน นางก็เคยได้ยินมาหมดแล้ว”“บ่าวดูออกว่าเดิมทีคุณหนูไม่ได้คิดจะแต่งงานอีก หากไม่ใช่เพราะท่านแสดงความจริงใจ นางก็คงไม่รับของสิ่งนี้ไว้ด้วยซ้ำ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 423

    หรงเจียวเจียวเหมือนยังอยากจะเอ่ยอะไรอีก “ท่านพี่...”แต่หรงซื่อเจ๋อกลับตัดบท “หรือจริงๆ แล้วเจ้ามิได้ทำเพื่อข้า แต่เป็นเพราะเจ้ารู้ว่าตั้งแต่เด็กมา นางก็เก่งกว่าเจ้า เป็นเพราะเจ้าริษยาเรื่องท่านเสนาบดีเฉิน จึงหาเรื่องนางอยู่ร่ำไป แล้วก็อ้างเอาว่าทำเพื่อข้า?”ขณะกล่าว ดวงตาของหรงซื่อเจ๋อก็เพ่งมองนางอย่างพินิจพิจารณาความจริง ความคิดนี้เขาก็เคยแอบสงสัยอยู่หลายครั้ง เพียงแค่ไม่อยากนำมันมาคิดให้มากนักกับน้องสาวผู้เคยช่วยชีวิตเขาไว้ในอดีตจนกระทั่งนางทำเรื่องต่ำช้า ใช้แผนทรมานตัวเองกลั่นแกล้งหรงจือจือ แล้วยังกล้าโยนความผิดให้เขาต่อหน้าบิดา ความเชื่อใจที่เขามีต่อนางก็เริ่มร้าวรานหรงเจียวเจียวถูกทิ่มใจเข้าเต็มๆ แต่ก็รีบกลบเกลื่อน “ท่านพี่ ท่านพูดอะไรอย่างนั้นเล่า!”“ข้าแค่กลัว กลัวว่าท่านพี่จะทำร้ายคนอื่นเพียงเพื่อตัวเองอีก นางทำอย่างนั้นถึงสามครั้งแล้ว ข้าไม่กล้าผูกสัมพันธ์กับคนเช่นนี้ หากวันหน้าเกิดเรื่องขึ้นอีกเล่า?”หรงซื่อเจ๋อเม้มริมฝีปากแน่น ครู่หนึ่งก็พูดไม่ออกใช่ ถึงสามครั้ง! หนแรกเกือบคร่าชีวิตเขา หนที่สองพรากชีวิตพี่หญิงหนานจือ หนที่สามก็คือเรื่องหย่าร้างที่ทำให้น้องสาวร่ว

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status