Share

บทที่ 5  

Author: สั่งไม่หยุด
หรงจือจือหลับตาสนิทไม่เปล่งวาจา รู้สึกเพียงว่านางถานไร้ยางอายไร้ใดเปรียบ พวกเขาทั้งครอบครัวข่มเหงรังแกนางเช่นนี้ หากเมื่อครู่นางไม่ดื้อรั้นก้าวร้าว คงได้หนาวตายอยู่ข้างทางจริง ๆ แน่

ถึงยามนี้แล้วยังมีหน้า มาขอให้นางไปอ้อนวอนท่านพ่อ ให้ทำอะไรเพื่อฉีจื่อฟู่อีกหรือ?

ช่างหน้าด้านเสียจริง!

นางถานเห็นนางเงียบกริบไม่ส่งเสียง ก็ขมวดคิ้วพลางตะคอกด้วยเสียงเหี้ยมว่า “นางหรง ข้ากำลังคุยกับเจ้า เจ้าไม่ได้ยินหรือ?”

หรงจือจือตอบกลับเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ “ได้ยินเจ้าค่ะ”

แต่ไม่คิดจะทำตามคำสั่งนั้นหรอก

นางถานกลับคิดว่าหรงจือจือยอมรับคำตามที่บอกแล้ว ท่าทางบึ้งตึงและเสียงตะคอกขู่เข็ญเมื่อครู่ ก็ดูจะผ่อนลงไปบ้างแล้ว ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นคำขอร้องต่อสกุลหรง

ต้องโทษสามีของตนเองที่ไม่เอาไหน ทั้งที่เป็นถึงท่านโหวในราชสำนักแต่กลับเงียบเชียบไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว

หลังจากสงบสติอารมณ์ลงได้แล้ว นางถานบ่นออกมาเบา ๆ “แบบนี้ถูกต้องแล้ว ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นภรรยาเอกหรืออนุ จื่อฟู่ก็คือสามีของเจ้า เจ้าต้องเทิดทูนเขาไว้เสมอท้องฟ้า!”

“หรือจะบอกว่าแค่เขามีสัมพันธ์กับองค์หญิงท่านนั้นแล้ว ก็ไม่ใช่สามีของเจ้าแล้ว?”

“หากเจ้ามีคุณธรรมจริง ก็ควรจะดูแลเด็กในพระครรภ์ขององค์หญิงเสมือนบุตรที่เจ้าคลอดออกมาเอง หากว่าเป็นเด็กชาย ก็ถือว่าเป็นบุตรชายคนโตของครอบครัวเรา”

“เจ้าเกิดเป็นสตรี จะไม่อาศัยพึ่งพิงบุรุษแล้วหรืออย่างไร? ดูแลบุตรขององค์หญิงให้ดี แล้ววันข้างหน้าแม้เจ้าจะเป็นเพียงอนุ แต่เขาก็จะหาข้าวปลาอาหารมาให้เจ้ากิน!”

เป็นครั้งแรกที่หรงจือจือรู้สึกว่า เสียงพูดของคน บางครั้งยังน่ารำคาญเสียยิ่งกว่าเสียงหมาหอน

ก่อนหน้านี้นางรู้สึกเพียงว่าแม่สามีคนนี้แค่กฎระเบียบเยอะ ยากจะปรนนิบัติดูแล พอมาวันนี้ถึงได้รู้ความจริง คิดไม่ถึงเลยว่าแม่สามีจะใจดำอำมหิตและเห็นแก่ตัวได้ถึงเพียงนี้

จริงอย่างที่คาดคนเรามักต้องเผชิญกับเหตุการณ์ร้ายแรงบางอย่างก่อน ถึงจะกระชากหน้ากากที่สวมอยู่ในชีวิตประจำวันออกมาได้

ท่ามกลางเสียงบ่นไม่หยุดของนางถาน ในที่สุดรถม้าก็เคลื่อนกลับมาถึงจวนโหวแล้ว หลังจากรถม้าจอดสนิท หรงจือจือที่นั่งอยู่นอกสุดก็ลงจากรถม้าก่อน

เพียงแต่หนนี้ นางกลับไม่หันไปประคองนางถานลงจากรถม้าด้วยความสุภาพนบนอบเหมือนอย่างทุกครั้งที่ผ่านมา แต่เอ่ยปากขึ้นว่า “วันนี้ข้ารู้สึกไม่สบายตัวนัก ขอตัวกลับไปที่เรือนก่อน!”

สิ้นเสียงนี้ นางก็นำหน้าเจาซีสืบเท้ายาว มุ่งตรงไปที่เรือนของตนเองทันที

เมื่อก่อนที่เคยทุ่มเทปรนนิบัตินางถานสุดดวงใจ นั่นก็เพราะความกตัญญู บัดนี้เมื่อมองย้อนกลับไปแล้ว นางถานไม่คู่ควรกับความกตัญญูของนางแม้แต่น้อย

ภายใต้การประคองของฉีจื่อฟู่ นางถานลงจากรถม้าพร้อมโทสะที่เดือดกรุ่น ชี้นิ้วไปยังเงาหลังของหรงจือจือ โกรธจนร่างกายแทบทรุดลงให้ได้ “เจ้าดูนางสิ พวกเจ้าดูนางสิ! วันนี้กลายเป็นบ้าอะไรไปแล้วไม่รู้!”

ฉีจื่อฟู่เอ่ยทันที “ท่านแม่ ลูกจะไปเกลี้ยกล่อมนาง คิดดูแล้วคงนางอาจจะแค่ทำใจยอมรับทันทีไม่ได้ ไว้ลูกได้คุยกับนางดี ๆ สักพัก ปัญหาจะต้องคลี่คลายได้แน่นอนขอรับ”

นางถานโบกมือ บอกเป็นนัยว่าหากเขาจะไปจงรีบไป วันนี้นางรู้สึกว่าประเดี๋ยวจะต้องขาดใจตายเพราะโทสะแน่

กระทั่งฉีจื่อฟู่เดินออกไปแล้ว

นางถานหวนคิดถึงเหตุการณ์บนรถม้าเมื่อครู่นี้ขึ้นมา ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด ทันใดนั้นก็ยกเท้าเตะรถม้าของหรงจือจือไปหนึ่งที ใครจะรู้ว่ารถม้าคันนั้นจะแข็งมาก ทำนางเจ็บจนหน้าถอดสี ร้องโอดครวญออกมาด้วยความเจ็บปวด

ซิ่นหยางโหวมองนางปราดหนึ่งด้วยความรำคาญ “ดูเจ้าสิ ไม่เหลือเค้าของฮูหยินโหวแม้เพียงสักนิด!”

สิ้นเสียงนั้น ก็สืบเท้ายาว ๆ เข้าไปในเรือน

นางถาน : “…!”

ทั้งหมดต้องโทษนางแพศยาชั้นเลวหรงจือจือ หากไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายทำให้ตนเองโมโหแล้ว ตนเองหรือจะถูกท่านโหวดูหมิ่นดูแคลน?

เช้าวันพรุ่งนี้ หรงจือจือจะต้องมาน้อมคารวะตนในยามเช้า นางจะต้องทำให้หรงจือจือได้คุกเข่านานขึ้นกว่าเดิมแน่!

……

หรงจือจือครั้นกลับมาถึงเรือนของตนเองแล้ว ก็หันไปมอบหมายหน้าที่ให้เจาซี “ส่งคนกลับไปถามเรือนสกุลหรง ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นในเรือน”

งานเลี้ยงค่ำวันนี้ ท่านพ่อมิได้มาเข้าร่วม คิดว่าคงส่งคนเข้ามาทูลขอพระราชทานลาจากฝ่าบาทแล้ว

งานเลี้ยงฉลองชัยของบุตรเขย ท่านพ่อยังไม่มาร่วมงานเลี้ยง เกรงว่าในเรือนคงเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่แล้ว

เจาซี : “เจ้าค่ะ!”

ทว่าสิ้นเสียงรับคำสั่ง ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าแว่วดังเข้ามา

หรงจือจือเหลือบสายตามอง ก็เห็นว่าเป็นฉีจื่อฟู่กำลังสืบเท้ายาวเดินเข้ามา แววตาของบุรุษนิ่งสงบ ภายในเปี่ยมล้นด้วยความภาคภูมิใจหลังจากที่ร่างกายฟื้นตัวและสร้างผลงานสำเร็จ

ไม่เหลือเค้าของคนป่วยซมติดเตียง ที่ไม่ว่าจะเรื่องอะไรล้วนต้องให้คนมาปรนนิบัติดูแลเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว

นางขอดอกบัวไหมสวรรค์มาเพื่อรักษาเขาที่จวนจะสิ้นใจให้หายดี ทว่ามันกลับแลกมาซึ่งสถานการณ์น่าขันในวันนี้ หากเป็นเช่นนี้ บางทีก็ไม่ควรจะสนใจความเป็นความตายของเขาตั้งแต่แรก…

ยอมเป็นแม่หม้ายไปเลยยังดีเสียกว่า

เมื่อฉีจื่อฟู่เข้ามาในห้อง ก็เหลือบสายตามองพวกสาวใช้ปราดหนึ่ง “ออกไปให้หมด ข้ามีเรื่องจะคุยกับฮูหยินซื่อจื่อ!”

เจาซีมองหรงจือจือปราดหนึ่งด้วยความเป็นห่วง

หรงจือจือผงกศีรษะเล็กน้อย เชิงว่าให้นางออกไปได้

ฉีจื่อฟู่เดินมาหยุดเบื้องหน้าหรงจือจือ สองยื่นมือไปจะกุมมือของนางไว้ กลับคิดไม่ถึงว่าเพียงยื่นมือออกไป หรงจือจือจะชักเท้าถอยหลังไปหนึ่งก้าวทันที

ทำให้มือของฉีจื่อฟู่ค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ

หรงจือจือ : “ท่านพี่มีเรื่องอันใด เชิญพูดมาอย่าได้เกรงใจ!”

ฉีจื่อฟู่ถูกหักหน้า ครั้นเก็บมือของตนเองกลับมาแล้ว ก็ขึงตาจ้องหรงจือจือพลางเอ่ยว่า “จือจือ ข้ารู้ว่าเจ้าน้อยใจ แต่ในเมื่อเจ้ารักข้า ก็ควรจะคำนึงถึงตัวข้ามากกว่านี้”

หรงจือจือขมวดคิ้ว นางไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าเหตุใดฉีจื่อฟู่ถึงได้กล้าพูดออกมาอย่างมั่นใจนักว่านางรักเขา

ไหนว่าการแต่งงานของพวกเขาสองคน เป็นคำสั่งของบุพการี มิอาจฝ่าฝืนมิใช่หรอกหรือ? ตัวนางก็ได้รับการอบรมสั่งสอนหน้าที่สะใภ้ใหญ่ที่ดีมานานหลายปี ฉะนั้นไม่ว่าเรื่องใดล้วนให้ความสำคัญกับสกุลฉีของเขาก่อนเสมอ

ทว่านางก็มิได้เปล่งวาจาโต้แย้ง แค่อยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรออกมาอีก

ฉีจื่อฟู่เอ่ยต่อในทันที “อันที่จริงเรื่องนี้ก็ยากจะทำใจยอมรับได้ แต่ว่าจือจือ เจ้าเองก็ต้องเข้าใจความรู้สึกข้าด้วย ข้าไปอยู่ต่างแคว้นแดนไกล ยากจะได้พบเจอใครสักคนที่ห่วงใยข้า ยามนั้นข้าเผลอไผลไปชั่วขณะถึงได้…”

“แต่ในเมื่อเรื่องเกิดขึ้นไปแล้ว ข้าก็จำเป็นต้องรับผิดชอบองค์หญิงม่านหวา”

“และอีกอย่าง หากตอนแรกองค์หญิงม่านหวามิได้ช่วยชีวิตข้าไว้ บัดนี้ข้าคงตายไปนานแล้ว ยามนี้เจ้าคงเห็นข้าด้วยตาเนื้อไม่ได้แล้ว นางเป็นผู้มีบุญคุณของพวกเราสองคน ขอแค่เจ้ายอมยกตำแหน่งภรรยาเอกให้นางมันจะเป็นอะไรไปหรือ?”

หรงจือจือ : “…”

ในฐานะของสะใภ้ใหญ่คุณธรรมซึ่งประพฤติตนตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดมานานหลายปี นางคงไม่ควรพูดออกไปว่า : บัดนี้ท่านกลับมาพร้อมก่อเรื่องวุ่นวายเสื่อมเสียเช่นนี้ มิสู้ให้ตายไปตั้งแต่ตอนอยู่ที่แคว้นเจาเสียจะยังดีกว่า?

ช่างเถิด ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นขุนนางที่สร้างคุณูปการให้กับต้าฉี หรงจือจือก็ไม่อยากใช้ถ้อยคำผรุสวาทรุนแรงถึงเพียงนี้เหมือนกัน

จึงเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ “ท่านพี่ จะขอหย่าก็ย่อมได้ จะรับอนุภรรยาก็ย่อมได้ ทว่านอกเหนือจากนี้ ไม่จำเป็นต้องคุยกันอีก!”

ฉีจื่อฟู่ดำรงตำแหน่งซื่อจื่อ หากจะรับอนุภรรยา หรงจือจือก็ไม่ว่าอะไร ตราบใดที่ไม่สั่นคลอนมาถึงตำแหน่งภรรยาเอกของนาง จะมีอนุสักกี่คน นางจะแสร้งทำเป็นไม่เห็นก็ย่อมได้

ฉีจื่อฟู่ : “ในใจเจ้ามีเพียงตำแหน่งภรรยาเอก ไม่มีอื่นใดเลยหรือ? เจ้ามองข้าเป็นอะไรกันแน่?”

หรงจือจือ : “เช่นนั้นข้าขอถามท่านพี่ ต่อเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาทในวันนี้ ที่ท่านบอกว่าข้าขอเป็นอนุด้วยตนเอง ท่านเห็นข้าเป็นอะไรหรือ?”

เรื่องนี้ความจริงแล้วเขาก็ทำผิดต่อหรงจือจือ ครั้นจะโต้แย้งก็พูดได้ไม่เต็มปาก

หรงจือจือยังเอ่ยขึ้นอีก “ท่านพี่คงจำได้ ในตอนนั้นหลังจากที่ข้าแต่งกับท่านแล้ว ก็รักษาโรคร้ายของท่านจนหายดี ท่านซาบซึ้งใจอย่างยิ่งยวด ในวันที่ต้องจากเมืองหลวงยังให้คำมั่นสัญญาว่าจะสร้างคุณงามความดีกลับมา และจะทูลขอต่อเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาท ให้พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้กับข้า วันนี้ถ้อยคำเหล่านั้นที่ท่านได้เอ่ยต่อเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาท คือถ้อยคำที่ท่าน จะใช้ทูลขอพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้ข้าหรือ?”

ฉีจื่อฟู่เป็นใบ้ไปอีกครั้ง นานครู่ใหญ่ถึงจะเอ่ยออกมา “จือจือ ข้าติดค้างเจ้าแล้ว วันข้างหน้าข้าจะชดใช้คืนให้เจ้าร้อยเท่าเลย!”

“ต่อให้เจ้าสูญเสียตำแหน่งภรรยาเอกไป ก็หาใช่เรื่องใหญ่อันใด เจ้ายังมีความรักของข้า ข้าสาบานอย่างสัตย์จริงว่าข้าจะดูแลเจ้าให้ดีกว่าที่ผ่านมา”

“ม่านหวานางกำลังตั้งครรภ์ ยามนี้ก็มิได้สะดวกปรนนิบัติดูแลข้า”

“จะว่าไปในตอนนั้นพวกเราสองคนยังมิทันได้ร่วมเรือนหอด้วยกันเลย ข้าแสร้งว่ากำลังป่วยหนักเพื่อจะแฝงตัวเข้าไปในแคว้นเจา เจ้าและข้าสามีภรรยามิได้พบกันนานหลายปี วันนี้ควรจะได้อยู่เคียงคู่คลอเคลียกันสิถึงจะถูก!”

“กลับปล่อยให้เรื่องน่าหงุดหงิดเหล่านี้ ทำให้เราสองต้องผิดใจกันเสียนาน เรียกพวกบ่าวรับใช้ให้ไปเตรียมน้ำ และเข้ามาปรนนิบัติระหว่างพวกเราพักผ่อนเถิด!”

เอ่ยพลาง เขาก็เตรียมจะเข้ามากอดหรงจือจือ…
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Onnapa
ใช้ไอโฟน ไม่ได้ตั้งใจจะบันทึกหน้าจอ มือไปโดนเข้าโดยไม่ตั้งใจ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 475

    นี่คือคำพูดที่ออกมาจากปากท่านแม่ได้จริง ๆ หรือ? ไม่ว่าจะว่าอย่างไร หรงจือจือก็เป็นลูกที่ท่านแม่อุ้มท้องมาสิบเดือนจนคลอดนะ!หรงเจียวเจียวเอ่ย “แต่ว่าท่านแม่ หากท่านพ่อรู้เข้า จะดีได้อย่างไร?”หรงจือจือมองหรงซื่อเจ๋อทีหนึ่ง แล้วหัวเราะเย้ยหยันทีหนึ่ง “น้องรองพูดถูก พวกนางสนใจข้าด้วยใจจริงจริง ๆ”และไม่ได้มีความตั้งใจจะกดน้ำเสียงแต่อย่างใดนางหวังและหรงเจียวเจียวที่อยู่ด้านใน พลันเงียบเสียงไปทันใดหรงจือจือย่างเท้าเดินเข้าไปนางหวังหันกลับมาด้วยความไม่สบอารมณ์ พลางมองหรงจือจือแล้วกล่าวว่า “เจ้ามาทำไม?”หรงจือจือ “ข้ามีบางอย่างอยากจะพูดกับน้องสามเป็นการส่วนตัว แต่คิดไม่ถึงว่าจะมาได้จังหวะพอดี ถึงกับทำให้ฮูหยินกับน้องสามเสียเวลาในการหารือวางแผนทำร้ายข้า”“แต่พวกท่านไม่ต้องร้อนใจไป เดี๋ยวพอข้าออกไปแล้ว พวกท่านปรึกษาหารือกันต่อก็สิ้นเรื่องแล้ว”คิดวางแผนทำร้ายคนอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร ครั้นนางหวังกับหรงเจียวเจียวได้ยินถึงตรงนี้ หน้าก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อยยิ่งอดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่สาวใช้ของพวกนาง เจ้าพวกไร้ประโยชน์ ไม่คิดเลยว่าจะประมาทเลินเล่อขนาดนี้ ไม่รู้จักเฝ้าอยู่ข้

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 474

    ดังนั้นตอนที่นางเซี่ยบอกให้เขาพิจารณาจงเจิ้งอวี๋ดู เขาจึงปฏิเสธไปทว่าสภาพของพี่ใหญ่ในวันนี้...ในจวนแห่งนี้มีบุตรชายสายตรงเพียงพวกเขาสองคน เรื่องมีลูกหลานสืบสกุล คงหวังพึ่งได้แค่ตนแล้ว พูดตามตรง ในเรื่องนี้พี่ใหญ่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์โดยรวมเท่าตนบางทีผู้ที่รู้รสชาติแห่งความรัก ถึงได้เป็นเช่นนี้กระมังเขาเพียงโชคดี โชคดีที่ตนไม่เข้าใจความรัก!นางเซี่ยมองเขาทีหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างเหนื่อยล้า มีบุตรชายทำตามการจัดการของตนสักคนก็ดี บุตรชายคนโตคงบีบไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้วจริง ๆ...จวนสกุลหรง หลังจากอ่านราชโองการจบคนสกุลหรงรับพระประสงค์พร้อมกัน กระทั่งหรงเจียวเจียวที่ถูกเฆี่ยน ไม่ให้คนประคองลุกขึ้นมาจากเตียงไม่ได้ และคุกเข่าร่วมฟังด้วยกันครั้นฟังจบสีหน้าของนางก็ซีดเผือดไปหมดเพียงเพราะฝ่าบาทมีพระราชโองการมา คิดว่าเรื่องที่จะสลับเกี้ยวเกรงว่าจะไม่สำเร็จแล้ว เช่นนี้จะเป็นการหลอกลวงฮ่องเต้สีหน้าของนางหวังเองก็ปั้นยากเช่นกันไหนเลยเฉินเยี่ยนซูจะสนใจความรู้สึกของพวกนางสองแม่ลูก มองไปที่หรงจือจือเท่านั้น พร้อมเอ่ยขึ้นทั้งหูที่แดงเล็กน้อย “เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อนนะ”หรงจือจือ “

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 473

    ครั้นเฉินเยี่ยนซูเห็นนางทำเช่นนี้ และยังได้ยินคำพูดเช่นนี้ ความเย็นเยียบที่กลอกไปมาอยู่ในนัยน์ตาหงส์ ก็พลันสลายไป เป็นความกระตือรือร้นและรอยยิ้มไม่ขาดสายจากนั้นก็พลิกไปจับมือของนางด้วยความทะนุถนอมเป็นอย่างมาก พร้อมเอ่ยขึ้นอย่างขึงขังว่า “แน่นอนอยู่แล้ว ข้าจะขอให้แต่งตั้งเจ้าเป็นฮูหยินแห่งแคว้นขั้นหนึ่ง”“ฮูหยินตราตั้งขั้นหกอะไร ไม่คู่ควรกับเจ้าเลยแม้แต่น้อย”ครั้นเขาพูดจบ รถม้าก็หยุดลงพอดีคนขับรถม้าเปิดประตูรถม้าออก คำพูดนี้ของเขาย่อมเข้าไปในหูของเซิ่งเฟิงที่อยู่ด้านนอกเช่นกัน เซิ่งเฟิงอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นแล้วกลอกตาขาวทีหนึ่งอีกครั้งเยี่ยมไปเลย นี่ท่านเสนาบดีเหยียบขึ้นไปบนอดีตสามีของท่านหญิงแล้ว!ไหนเลยที่หรงจือจือจะไม่เข้าใจ จู่ ๆ เขาก็เอ่ยถึงฮูหยินตราตั้งขั้นหกเพื่ออะไร? วันนี้ก็เพิ่งรู้เช่นกัน ดูท่าท่านเสนาบดีที่อยู่เหนือผู้คน เย็นชาและลำพอง ไม่คิดเลยว่าจะมีความคิดเปรียบเทียบพวกนี้ด้วยนางกลั้นขำ ไม่ให้มีเสียงออกมาส่วนเฉินเยี่ยนซูมองไปนอกรถ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงชืด ๆ ว่า “ราชโองการสมรส ประกาศเสียตอนนี้เถอะ”เซิ่งเฟิง “ขอรับ”...ในขณะที่คนสกุลหรงรับราชโองการน

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 472

    เมื่อครู่นางเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ได้รับความหนาวเย็นเล็กน้อย แต่ไม่ได้เป็นอะไรมาก หลังกลับไปท่านเสนาบดีจะต้องกินน้ำขิงติดต่อกันสามวัน หนึ่งวันไม่ต่ำกว่าสามครั้ง”เฉินเยี่ยนซูยังเม้มริมฝีปากบาง ในใจกระวนกระวายไปหมดหรงจือจือ “ท่านเสนาบดี?”เขาได้สติกลับมา ในตอนนี้ถึงพยักหน้าอย่างไม่แยแส “ดื่มน้ำขิงสามวันใช่หรือไม่? ข้าจะจำเอาไว้”เห็นอีกฝ่ายแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง หรงจือจือก็คิดว่าอย่างไรตนก็ควรไว้หน้าเขาสองสามส่วน ฉะนั้นครานี้นางจึงไม่ได้โพล่งหัวเราะออกมาอีกหลังเงียบอยู่ครู่สั้น ๆท่านราชเลขาธิการก็อดกลั้นเอาไว้ไม่ไหว อดกลั้นเอาไว้ไม่ไหวจริง ๆ ก็ยังเอ่ยถามขึ้นว่า “นางเซี่ยยังไม่ละทิ้งความคิดชั่วร้ายเช่นเดิมหรือ?”หรงจือจือมองเขาทีหนึ่งเขารีบแสร้งทำเป็นไม่แยแส “ข้าเพียงแค่เอ่ยปากถามส่ง ๆ เท่านั้น อันที่จริง...”ทีแรกเขาอยากจะเอ่ยว่า อันที่จริงตนไม่ได้สนใจอะไร ปิดหูปิดตาหรงจือจือต่อ ซ่อนความคิดของตนทว่าเมื่อคำพูดนี้มาถึงข้างปาก ท่านราชเลขาธิการก็รู้สึกว่า หากบอกว่าตนไม่สนใจ ก็ฝืนตัวเองเกินไปจริง ๆกระทั่งดูปลอมจนเขายากจะรับไหวเล็กน้อยจึงหยุดไปทั้งดื้อ ๆหรงจือจือเ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 471

    กระทั่งนางอดกลั้นเอาไว้ไม่ไหว อยากจะเล่าถึงความพยายามทั้งหมดของอู๋เหิงที่ทำในจวน และการต่อกรที่ทำกับตนเพื่อให้ได้แต่งงานกับหรงจือจือ ให้หรงจือจือฟังในคราวเดียว“ที่จริงหลายวันมานี้ อู๋เหิงเพื่อ...”หรงจือจือพูดขัด “พระชายาซื่อจื่อ ในเมื่อไร้วาสนา เช่นนั้นคำพูดพวกนี้ก็ไม่จำเป็นต้องพูดอีกแล้ว บางทีในอนาคตข้ากับคุณชายใหญ่ อาจจะได้พบเจอกันอีก ตอนนี้รู้เยอะเกินไป เมื่อเจอกันในอนาคตอาจอึดอัดใจ”ครั้นนางเซี่ยฟังถึงตรงนี้ ในใจก็เย็นเยียบไปโดยสิ้นเชิง ไหนเลยจะไม่เข้าใจ นี่หรงจือจือไม่พิจารณาเลยแม้แต่น้อยแม้จะรู้สึกว่าตนพูดเช่นนี้จะไร้ยางอายเกินไปเล็กน้อย ทว่าเพื่อบุตรชายแล้ว นางก็ยังก้มหน้าแล้วเอ่ยว่า “เจ้าไม่เรียกท่านแม่เลยแม้แต่น้อย? ก่อนหน้านี้แม่คิดถึงเจ้าทุกเรื่อง มักจะช่วยเจ้าพูด...”หรงจือจือถอนหายใจเบา ๆ ทีหนึ่ง ทีแรกนางไม่ยอมพูดให้ชัดเจน กลับยิ่งทำให้ดูเหินห่างอย่างชัดเจน ทว่าในเมื่อนางเซี่ยคิดจะบีบให้ตอบแทนบุญคุณหรงจือจือเองก็ทำได้เพียงต้องเอ่ยว่า “พระชายาซื่อจื่อ ชายาอ๋องผู้เฒ่านางเป็นคนดีจริง ๆ แต่ขอท่านอย่าลืมว่า ข้าเป็นคนช่วยชายาอ๋องก่อน”หลายปีมานี้ชายาอ๋องดีกับตนทุกเรื่

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 470

    เหอะๆ หากหรงจือจือกลายเป็นหญิงปากร้ายจริงๆ เขาจะคอยดูว่าท่านราชเลขาธิการยังจะได้อยู่อย่างสงบสุขอีกหรือไม่! ท่านราชเลขาธิการเลอะเลือนไปแล้ว แม้แต่เรื่องแบบนี้ก็จะสนับสนุนหรือ?……หรงจือจือตามเฉินเยี่ยนซูออกจากวังนึกไม่ถึงว่านางเซี่ยจะยังไม่จากไป กำลังรอพวกนางอยู่นอกวังนางเซี่ยมีสีหน้ากระอักกระอ่วน เอ่ยถามว่า “จือจือ ข้าขอคุยกับเจ้าได้หรือไม่?”หรงจือจือลังเลเล็กน้อย นึกถึงการดูแลที่พระชายาอ๋องเฉียนมีต่อตัวเองตลอดหลายปีมานี้ ก่อนหน้านี้นางหลงผิด พูดแนะนำให้ฉีอวี่เยียนแต่งไปอยู่บ้านพวกเขา พวกเขาก็ไม่เคยถือโทษเรื่องนี้แต่อย่างไร มิหนำซ้ำ วันนี้นางเซี่ยก็ช่วยขอความเมตตาให้กับนางด้วยเหตุนี้จึงตอบตกลงนางเห็นไปมองเฉินเยี่ยนซูที่เม้มปากเหมือนไม่สบอารมณ์ “ผมของท่านราชเลขาธิการยังแห้งไม่สนิท ด้านนอกอากาศหนาว ท่านไปรอข้าบนรถม้าก่อนเถิด”เฉินเยี่ยนซู “ได้”เขาเหมือนจะเชื่อฟังดีมาก มีเพียงเซิ่งเฟิงที่มองออกว่าเขากำลังอดทนที่จะไม่โยนนางเซี่ยออกจากแคว้นต้าฉีผู้ใดจะมองไม่ออกกันว่านางเซี่ยยังคิดที่จะโน้มน้าวอยู่?น่าเสียดาย เวลาอยู่ต่อหน้าภรรยา เขาจำเป็นต้องแสร้งทำเป็นสุภาพอ่อนโยนเข้าไว้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status