공유

บทที่ 3  

작가: สั่งไม่หยุด
ฮ่องเต้น้อยขมวดคิ้ว สายตาที่มองไปยังครอบครัวซิ่นหยางโหว ไม่อ่อนโยนและใกล้ชิดเหมือนอย่างตอนเริ่มงานเลี้ยงแล้ว

ทว่าซิ่นหยางโหวไม่รอให้โอรสสวรรค์เปล่งวาจา ก็มองไปยังหรงจือจือ พลางเกลี้ยกล่อม “ลูกสะใภ้เอ๋ย บิดาของเจ้าสั่งสอนบุตรีได้ดีมาตลอด หากเขารู้เรื่องนี้ คิดว่าเขาเองก็คงจะขอให้เจ้าคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมเช่นกัน!”

หรงจือจือซึ่งนัยน์ตาสะท้อนรอยยิ้มดูแคลน ตอบกลับอย่างไม่เร่งรีบแต่ก็ไม่เนิบนาบ “ท่านพ่อสามี ท่านพ่อสอนให้ข้าคำนึงถึงประโยชน์ของส่วนรวม แต่ไม่เคยสอนให้ข้าเป็นอนุ!”

สิ้นเสียงนี้ นางคุกเข่าลงกับพื้นทันทีพร้อมเอ่ยว่า “ฝ่าบาทเพคะ หากต้องเป็นอนุ หม่อมฉันไม่ยอมรับอย่างเด็ดขาด ชื่อเสียงอันบริสุทธิ์ของสกุลหรงเรา จะพังทลายลงในมือของหม่อมฉันมิได้เป็นอันขาด ขอฝ่าบาทโปรดพิจารณาอย่างรอบคอบเป็นธรรม! เพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวมแล้ว หรงจือจือยินดีหย่าขาด สกุลหรงเราขอตัดขาดสัมพันธ์สมรสกับจวนซิ่นหยางโหวนับแต่บัดนี้เพคะ!”

พอกันที แค่สามปี นางยอมแพ้ให้ก็ได้!

ถึงอย่างไรพวกเขาสองคนก็ยังมิได้ร่วมเรือนหอ

ตั้งแต่เยาว์วัยท่านย่าเคยสอนนางไว้ว่า ชีวิตมนุษย์ก็เหมือนหมากรุกบนกระดาน ลูกหลานสกุลหรงต้องมีเกียรติยศศักดิ์ศรี หากพ่ายแพ้ ก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้อย่างมีน้ำใจ ยิ่งไปกว่านั้นจะต้องมีความกล้าหาญและความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

พวกจิ้งจอกเนรคุณอย่างครอบครัวนี้ นางยอมให้ก็ได้!

เมื่อคำว่าหย่าขาดถูกเอ่ยออกมา คนทั้งท้องพระโรงต่างอึ้งงัน

เพราะถึงแม้กฎหมายของต้าฉี จะนับว่าปกป้องสิทธิของภรรยาเอกอยู่ แต่อิสตรีที่ผ่านการหย่าร้างมาแล้วนั้น หากคิดจะสมรสใหม่อีกครั้ง การจะได้สมรสนั้นก็รังแต่จะยากลำบากขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้

ยิ่งไปกว่านั้น ยังส่งผลเสียต่อชื่อเสียงด้วย

ทว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจนั่นก็คือ คนแรกที่ส่งเสียงคัดค้านออกมา กลับเป็นฉีจื่อฟู่ “ไม่ได้! จือจือ เจ้าเป็นภรรยาของข้าแล้ว จะเป็นหรือตายเจ้าก็คือคนของสกุลฉีเรา จะหย่าขาดกันได้อย่างไร?”

หรงจือจือแดกดันไปที “ท่านพี่เองก็ทราบด้วยหรือ ก่อนหน้านี้ข้าแต่งเข้าเรือนพวกท่านมา ก็เพื่อเป็นภรรยาเอก!”

ฉีจื่อฟู่ได้ฟังถ้อยคำนี้ ก็หน้าเสียทันที “ข้ารู้ว่าเรื่องนี้ไม่เป็นธรรมกับเจ้า แต่ข้ายังรักเจ้ามาก!”

หรงจือจือเอ่ยด้วยเสียงจืดชืด “บุรุษดี ๆ ที่ไหน จะยอมให้คนที่ตนเองรักและให้ความสำคัญอย่างแท้จริง ไปเป็นอนุภรรยาผู้ต่ำต้อย แล้วรับคนที่ลักลอบมีสัมพันธ์อย่างผิดครรลองกลับมาเข้าพิธีสมรสเป็นภรรยาเอก ในเมื่อท่านพี่รักใคร่ทะนุถนอมองค์หญิงแคว้นเจาท่านนั้นมาก ไม่สู้ให้นางมาเป็นอนุภรรยาของท่านเช่นนั้นก็น่าจะเหมาะสมดีมิใช่หรือ?”

ฉีจื่อฟู่ : “…”

เขาคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าภรรยาที่แสนอ่อนโยนเชื่อฟังในความทรงจำของเขา จะปากคอเราะรายได้ถึงเพียงนี้ พูดจาแดกดันตนเอง ต่อหน้าฝ่าบาทและขุนนางทั้งราชสำนัก โดยที่ไม่ไว้หน้าตนเองแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังบังอาจพูดออกมาว่าตนเองลักลอบมีความสัมพันธ์อย่างผิดครรลองกับหญิงอื่น!

มาถึงขั้นนี้แล้ว หรงจือจือย่อมไม่มีทางไว้หน้าฉีจื่อฟู่อีกแล้ว นางตั้งใจเป็นสะใภ้ใหญ่ผู้มีคุณธรรมที่ได้รับคำเยินยอสรรเสริญจากผู้คน แต่พวกเขาทั้งครอบครัวกลับเพียรพยายามจะดึงเกียรติยศศักดิ์ศรีของนางลงมา เหยียบย่ำในดินโคลนให้ได้

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ใครก็อย่าได้หวังเลยว่าจะมีความสุข

คราวนี้นางถานเองก็เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ขึ้นเช่นกัน “นางหรง เจ้าบังอาจต่อว่าสามีของเจ้าเช่นนี้ได้อย่างไร? ข้ายังอุตส่าห์คิดว่าเจ้าเป็นลูกสะใภ้ที่ดีคนหนึ่งจริง ๆ เสียอีก!”

หรงจือจือตอบกลับด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “แม่สามีพูดถูกแล้ว! หากท่านคิดว่าข้าไม่ดี เช่นนั้นก็มาขอให้ฝ่าบาททรงเมตตาอนุญาตให้หย่าขาดพร้อมกันกับข้าเถิด!”

นางถาน : “นี่เจ้า…”

นางถูกตอกหน้าจนสะอึกไป

นางหรือจะไม่กระจ่างแจ้งแก่ใจ มหาราชครูหรงมีรากฐานหยั่งลึกในราชวงศ์มานาน และยังมีลูกศิษย์อีกจำนวนมาก เทียบกับอวี้ม่านหวาองค์หญิงของแคว้นที่ล่มสลายแล้ว หากบุตรชายต้องการมีอิทธิพลและอำนาจที่มากกว่านี้แล้ว ความช่วยเหลือที่สกุลหรงสามารถมอบให้เขาได้นั้นย่อมมีมากกว่า

นางรู้สึกหงุดหงิดมากจริง ๆ ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในเรือน หรงจือจือนอบน้อมเชื่อฟังและกตัญญูต่อตนเองอย่างถึงที่สุด ไม่ว่าตนเองจะกดขี่นางอย่างไร หรือจะตั้งกฎระเบียบขึ้นมาให้นางอย่างไร นางล้วนแต่อมยิ้มและยอมรับ ทุ่มเทสุดกำลังสุดดวงใจคิดคำนวณเพื่อคนทั้งครอบครัว

แต่วันนี้มันเกิดอะไรขึ้น?! คิดจะสร้างความวุ่นวายหรืออย่างไรกัน?

เห็นสายตาสอดรู้ของแต่ละสกุล ทอดมาบนตัวพวกเขา แววตาเหล่านั้นยังเต็มไปด้วยประกายดูถูกดูแคลนพวกเขาทั้งครอบครัว นางถานเองก็ไม่เคยรู้สึกอับอายเช่นนี้มาก่อนในชีวิต สิ่งนี้ยิ่งทำให้นางรู้สึกโกรธเกลียดทุกการกระทำของหรงจือจือในวันนี้มากขึ้นไปอีก!

ฮ่องเต้หย่งอันปวดพระเศียรเพราะเสียงทะเลาะโวยวาย จึงตรัสว่า “พอได้แล้ว! เรื่องนี้ส่งผลต่อแคว้นและเกี่ยวข้องกับการจัดการตำแหน่งที่เหมาะสมให้องค์หญิงแคว้นเจาเก่า เรายังไม่ถึงคราวว่าราชการด้วยตนเอง บัดนี้ท่านเสนาบดีก็กำลังมุ่งหน้าไปกวาดล้างกบฏที่แคว้นเจาด้วยตนเอง เรื่องนี้รอท่านเสนาบดีกลับมาก่อน แล้วค่อยตัดสินเถิด!”

ท่านเสนาบดีที่ฮ่องเต้หย่งอันตรัสถึง ก็คือเสิ่นเยี่ยนซู ผู้ซึ่งสอบได้ที่หนึ่งในทุกระดับการสอบ[footnoteRef:1] ในวัยสิบเจ็ดปี ได้เข้าสำนักขุนนางหลวง ในวัยยี่สิบเอ็ดดำรงตำแหน่งเป็นมหาราชครูขององค์รัชทายาท และได้เป็นสมุหราชเลขาธิการในวัยยี่สิบสามปี [1: การสอบระดับท้องถิ่น การสอบระดับกลาง และการสอบระดับจักรพรรดิ]

กล่าวได้ว่า ในปีที่เสิ่นเยี่ยนซูได้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งสมุหราชเลขาธิการ ฝ่าบาทมีพระชนมายุเพียงแปดพรรษา ก่อนที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนจะสวรรคต ได้มีพระบัญชาแต่งตั้งอัครมหาเสนาบดีเสิ่นขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทน และให้ฝ่าบาทนับถืออัครมหาเสนาบดีเสิ่นเป็นเสมือนบิดา พร้อมทั้งฝากฝังพระราชโอรสไว้กับอัครมหาเสนาบดีเสิ่น

หลังจากฮ่องเต้พระองค์ก่อนสวรรคต อัครมหาเสนาบดีเสิ่นได้ช่วยปกครองบ้านเมืองมาแล้วทั้งสิ้นห้าปี ท่านมหาเสนาบดีบัดนี้ก็วัยยี่สิบแปดแล้ว จนถึงตอนนี้ยังมิเคยสมรสภรรยา

สิ้นพระสุรเสียง ฮ่องเต้หย่งอันก็ลุกขึ้นมา “แยกย้าย!”

ทุกคนต่างลุกขึ้นยืน “น้อมส่งเสด็จฝ่าบาท ขอทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี!”

ทว่าสายตาสุดท้ายก่อนที่ฮ่องเต้จะเสด็จออกไป แววตาที่มองไปยังฉีจื่อฟู่นั้น เต็มไปด้วยประกายเยือกเย็นอย่างถึงที่สุด

สายตาเช่นนี้ ย่อมสะท้อนเข้าไปในดวงตาของครอบครัวซิ่นหยางโหว พวกเขารู้ดีแก่ใจ ว่าฝ่าบาททรงไม่พอใจในตัวฉีจื่อฟู่แล้ว ความโกรธเกลียดเคียดแค้นภายในใจของสามีภรรยาซิ่นหยางโหวที่มีต่อหรงจือจือก็ยิ่งขยายใหญ่ขึ้น

ฮ่องเต้หย่งอันมุ่งหน้าไปยังตำหนักใน

ขันทีอาวุโสหยางถามอย่างระมัดระวัง “ฝ่าบาท พระองค์ทรงไม่พอใจจวนซิ่นหยางโหวหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

ฮ่องเต้น้อยตรัสด้วยสีหน้ามืดครึ้ม “แน่นอนสิ! ครอบครัวนั้นทำอะไรลงไปแล้วบ้าง เจ้าดูไม่ออกหรือ? ชื่อเสียงคุณธรรมของนางหรง ทั่วทั้งเมืองหลวงยังมีใครไหนเล่าที่ไม่รับรู้?”

“จะให้องค์หญิงของแคว้นเจาเก่าอดทนกล้ำกลืนกับความไม่เป็นธรรมไม่ได้ ให้เป็นอนุไม่ได้ เช่นนั้นแล้วแม่นางแห่งแคว้นต้าฉีเรา เป็นถึงธิดาสายหลักคนโตของท่านมหาราชครู จะให้ทนแบกรับความอัปยศนี้ได้อย่างนั้นหรือ?”

“หากว่าท่านมหาอัครเสนาบดีอยู่ที่นี่ด้วย จะต้องกล่าวเช่นนี้แน่ : แคว้นต้าฉีเรายกทัพตีแคว้นเจา ก็เพื่อแสดงถึงอำนาจอันยิ่งใหญ่ของแคว้นเรา และทำให้ราษฎรแคว้นต้าฉีมีชีวิตที่ดีขึ้น แล้วหรงจือจือไม่ใช่ราษฎรของเราต้าฉีหรืออย่างไร ถึงต้องแบกรับความอัปยศเช่นนี้ไว้โดยไร้เหตุผล?”

ขันทีอาวุโสหยางผงกศีรษะเช่นกัน “มิได้อย่างเด็ดขาด! เรื่องนี้ซื่อจื่อซิ่นหยางโหว ทำผิดครรลองจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้หย่งอัน : “หากให้เราพูด อวี้ม่านหวาคนนั้นต่อให้ต้องแต่งแก่ฉีจื่อฟู่ ก็เป็นได้แค่อนุภรรยาเท่านั้น จะมาสั่นคลอนตำแหน่งภรรยาเอกของนางหรงมิได้เด็ดขาด”

“เพียงแต่เรื่องนี้ยังเกี่ยวโยงไปถึงอำนาจเก่าของแคว้นเจาด้วย พวกขุนนางเก่าแก่ในราชสำนัก คงจะเถียงกันจนเราปวดหัวอีกตามเคย ปล่อยให้ท่านเสนาบดีไปจัดการแทนเถิด!”

บัดนี้อวี้ม่านหวาตั้งครรภ์แล้ว หนทางที่ดีที่สุดสำหรับสถานการณ์ของหรงจือจือ ที่ฮ่องเต้หย่งอันพอจะคิดออกในยามนี้ ก็คือดูว่าท่านเสนาบดีจะสามารถจัดการให้อวี้ม่านหวาเป็นอนุภรรยาได้หรือไม่

หากหย่าขาดแล้ว ชื่อเสียงของนางหรง ต้องเสื่อมเสียเป็นแน่แท้

ขันทีอาวุโสหยางเองก็ได้แต่เดินตามหลังฝ่าบาท พลางส่งเสียงเห็นด้วยไม่ขาด

……

สามีภรรยาซิ่นหยางโหวสีหน้าบึ้งตึง เคียดแค้นราวกับว่าหรงจือจือได้ทำเรื่องผิดบาปขั้นร้ายแรงต่อครอบครัวเขา และไม่สมควรได้รับการอภัยอย่างยิ่ง พลางสืบเท้ายาวมุ่งตรงออกไปนอกตำหนัก

เหมันตฤดู อากาศเย็นเยือก มิหนำซ้ำวันนี้ยังมีหิมะตกด้วย

กระทั่งมาถึงนอกตำหนักแล้ว

เมื่อเห็นหรงจือจือเดินออกมา เจาซีสาวใช้ใหญ่เคียงกายยามออกเรือนซึ่งกำลังคอยนางอยู่ที่นอกตำหนักก็รีบพุ่งเข้าไปหาทันที พร้อมยื่นโถน้ำร้อนให้หรงจือจือ “ฮูหยินซื่อจื่อ รีบรับไว้เจ้าค่ะ รักษาความอบอุ่น”

หรงจือจือปรายสายตามองเจาซีปราดหนึ่ง ก่อนจะรับโถน้ำร้อนไว้ ฝ่ามือที่เย็นยะเยือกก็เริ่มมีความอบอุ่นขึ้นมาช้า ๆ

และทำให้หัวใจของนาง ที่ถูกครอบครัวซิ่นหยางโหวย่ำยีจนเยือกเย็นถึงขีดสุด กลับมาอบอุ่นขึ้นทีละน้อย “เจ้าช่างใส่ใจยิ่งนัก!”

หากมิได้ความอบอุ่นกลับมาอีกครั้ง ก็เกรงว่าหากมิได้ตายจากด้วยความโกรธแค้น ก็คงแข็งตายด้วยความเย็นที่เกาะกินหัวใจแล้ว

เจาซีผุดยิ้มพลางเอ่ยว่า “เป็นหน้าที่เจ้าค่ะ!”

ทว่าภายในใจของนางกลับรู้สึกแปลก อ้างตามเหตุผลแล้ววันนี้ควรเป็นวันมงคลวันหนึ่งไม่ใช่หรือ? เหตุใดสีหน้าของท่านโหวและฮูหยินถึงได้ย่ำแย่เพียงนั้น?

สิ่งนี้ทำให้เจาซีรีบสำรวมรอยยิ้มบนใบหน้าลงทันที

ทว่าโทสะของนางถาน บัดนี้คล้ายว่าถูกอดกลั้นมาถึงขีดจำกัดแล้ว นางมองหรงจือจือก่อนจะตำหนิว่า “วันนี้เจ้าช่างโง่เขลาเสียจริง ทำให้เกียรติยศศักดิ์ศรีของสกุลหรงเสื่อมเสียแล้ว มิหนำซ้ำยังทำลายเกียรติยศศักดิ์ศรีของพวกข้าจวนโหวด้วย! ต่อเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาท เจ้ากลับไม่สนใจไยดีสถานการณ์ของสามีเจ้าเลยแม้แต่น้อย ข้าขอสั่งให้เจ้าเดินกลับจวนด้วยตนเองเป็นการลงโทษ!”

เจาซีอึ้งไป “อะไรนะเจ้าคะ?”

จากประตูวังเดินไปถึงจวนโหว อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาราวครึ่งชั่วยาม อากาศเย็นเยือกถึงเพียงนี้ ฮูหยินอยากจะให้คุณหนูของพวกนางหนาวตายหรืออย่างไร?
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요
댓글 (1)
goodnovel comment avatar
Juth Alak
อา่นสนุกมากคะ่
댓글 모두 보기

최신 챕터

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 475

    นี่คือคำพูดที่ออกมาจากปากท่านแม่ได้จริง ๆ หรือ? ไม่ว่าจะว่าอย่างไร หรงจือจือก็เป็นลูกที่ท่านแม่อุ้มท้องมาสิบเดือนจนคลอดนะ!หรงเจียวเจียวเอ่ย “แต่ว่าท่านแม่ หากท่านพ่อรู้เข้า จะดีได้อย่างไร?”หรงจือจือมองหรงซื่อเจ๋อทีหนึ่ง แล้วหัวเราะเย้ยหยันทีหนึ่ง “น้องรองพูดถูก พวกนางสนใจข้าด้วยใจจริงจริง ๆ”และไม่ได้มีความตั้งใจจะกดน้ำเสียงแต่อย่างใดนางหวังและหรงเจียวเจียวที่อยู่ด้านใน พลันเงียบเสียงไปทันใดหรงจือจือย่างเท้าเดินเข้าไปนางหวังหันกลับมาด้วยความไม่สบอารมณ์ พลางมองหรงจือจือแล้วกล่าวว่า “เจ้ามาทำไม?”หรงจือจือ “ข้ามีบางอย่างอยากจะพูดกับน้องสามเป็นการส่วนตัว แต่คิดไม่ถึงว่าจะมาได้จังหวะพอดี ถึงกับทำให้ฮูหยินกับน้องสามเสียเวลาในการหารือวางแผนทำร้ายข้า”“แต่พวกท่านไม่ต้องร้อนใจไป เดี๋ยวพอข้าออกไปแล้ว พวกท่านปรึกษาหารือกันต่อก็สิ้นเรื่องแล้ว”คิดวางแผนทำร้ายคนอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร ครั้นนางหวังกับหรงเจียวเจียวได้ยินถึงตรงนี้ หน้าก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อยยิ่งอดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่สาวใช้ของพวกนาง เจ้าพวกไร้ประโยชน์ ไม่คิดเลยว่าจะประมาทเลินเล่อขนาดนี้ ไม่รู้จักเฝ้าอยู่ข้

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 474

    ดังนั้นตอนที่นางเซี่ยบอกให้เขาพิจารณาจงเจิ้งอวี๋ดู เขาจึงปฏิเสธไปทว่าสภาพของพี่ใหญ่ในวันนี้...ในจวนแห่งนี้มีบุตรชายสายตรงเพียงพวกเขาสองคน เรื่องมีลูกหลานสืบสกุล คงหวังพึ่งได้แค่ตนแล้ว พูดตามตรง ในเรื่องนี้พี่ใหญ่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์โดยรวมเท่าตนบางทีผู้ที่รู้รสชาติแห่งความรัก ถึงได้เป็นเช่นนี้กระมังเขาเพียงโชคดี โชคดีที่ตนไม่เข้าใจความรัก!นางเซี่ยมองเขาทีหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างเหนื่อยล้า มีบุตรชายทำตามการจัดการของตนสักคนก็ดี บุตรชายคนโตคงบีบไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้วจริง ๆ...จวนสกุลหรง หลังจากอ่านราชโองการจบคนสกุลหรงรับพระประสงค์พร้อมกัน กระทั่งหรงเจียวเจียวที่ถูกเฆี่ยน ไม่ให้คนประคองลุกขึ้นมาจากเตียงไม่ได้ และคุกเข่าร่วมฟังด้วยกันครั้นฟังจบสีหน้าของนางก็ซีดเผือดไปหมดเพียงเพราะฝ่าบาทมีพระราชโองการมา คิดว่าเรื่องที่จะสลับเกี้ยวเกรงว่าจะไม่สำเร็จแล้ว เช่นนี้จะเป็นการหลอกลวงฮ่องเต้สีหน้าของนางหวังเองก็ปั้นยากเช่นกันไหนเลยเฉินเยี่ยนซูจะสนใจความรู้สึกของพวกนางสองแม่ลูก มองไปที่หรงจือจือเท่านั้น พร้อมเอ่ยขึ้นทั้งหูที่แดงเล็กน้อย “เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อนนะ”หรงจือจือ “

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 473

    ครั้นเฉินเยี่ยนซูเห็นนางทำเช่นนี้ และยังได้ยินคำพูดเช่นนี้ ความเย็นเยียบที่กลอกไปมาอยู่ในนัยน์ตาหงส์ ก็พลันสลายไป เป็นความกระตือรือร้นและรอยยิ้มไม่ขาดสายจากนั้นก็พลิกไปจับมือของนางด้วยความทะนุถนอมเป็นอย่างมาก พร้อมเอ่ยขึ้นอย่างขึงขังว่า “แน่นอนอยู่แล้ว ข้าจะขอให้แต่งตั้งเจ้าเป็นฮูหยินแห่งแคว้นขั้นหนึ่ง”“ฮูหยินตราตั้งขั้นหกอะไร ไม่คู่ควรกับเจ้าเลยแม้แต่น้อย”ครั้นเขาพูดจบ รถม้าก็หยุดลงพอดีคนขับรถม้าเปิดประตูรถม้าออก คำพูดนี้ของเขาย่อมเข้าไปในหูของเซิ่งเฟิงที่อยู่ด้านนอกเช่นกัน เซิ่งเฟิงอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นแล้วกลอกตาขาวทีหนึ่งอีกครั้งเยี่ยมไปเลย นี่ท่านเสนาบดีเหยียบขึ้นไปบนอดีตสามีของท่านหญิงแล้ว!ไหนเลยที่หรงจือจือจะไม่เข้าใจ จู่ ๆ เขาก็เอ่ยถึงฮูหยินตราตั้งขั้นหกเพื่ออะไร? วันนี้ก็เพิ่งรู้เช่นกัน ดูท่าท่านเสนาบดีที่อยู่เหนือผู้คน เย็นชาและลำพอง ไม่คิดเลยว่าจะมีความคิดเปรียบเทียบพวกนี้ด้วยนางกลั้นขำ ไม่ให้มีเสียงออกมาส่วนเฉินเยี่ยนซูมองไปนอกรถ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงชืด ๆ ว่า “ราชโองการสมรส ประกาศเสียตอนนี้เถอะ”เซิ่งเฟิง “ขอรับ”...ในขณะที่คนสกุลหรงรับราชโองการน

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 472

    เมื่อครู่นางเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ได้รับความหนาวเย็นเล็กน้อย แต่ไม่ได้เป็นอะไรมาก หลังกลับไปท่านเสนาบดีจะต้องกินน้ำขิงติดต่อกันสามวัน หนึ่งวันไม่ต่ำกว่าสามครั้ง”เฉินเยี่ยนซูยังเม้มริมฝีปากบาง ในใจกระวนกระวายไปหมดหรงจือจือ “ท่านเสนาบดี?”เขาได้สติกลับมา ในตอนนี้ถึงพยักหน้าอย่างไม่แยแส “ดื่มน้ำขิงสามวันใช่หรือไม่? ข้าจะจำเอาไว้”เห็นอีกฝ่ายแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง หรงจือจือก็คิดว่าอย่างไรตนก็ควรไว้หน้าเขาสองสามส่วน ฉะนั้นครานี้นางจึงไม่ได้โพล่งหัวเราะออกมาอีกหลังเงียบอยู่ครู่สั้น ๆท่านราชเลขาธิการก็อดกลั้นเอาไว้ไม่ไหว อดกลั้นเอาไว้ไม่ไหวจริง ๆ ก็ยังเอ่ยถามขึ้นว่า “นางเซี่ยยังไม่ละทิ้งความคิดชั่วร้ายเช่นเดิมหรือ?”หรงจือจือมองเขาทีหนึ่งเขารีบแสร้งทำเป็นไม่แยแส “ข้าเพียงแค่เอ่ยปากถามส่ง ๆ เท่านั้น อันที่จริง...”ทีแรกเขาอยากจะเอ่ยว่า อันที่จริงตนไม่ได้สนใจอะไร ปิดหูปิดตาหรงจือจือต่อ ซ่อนความคิดของตนทว่าเมื่อคำพูดนี้มาถึงข้างปาก ท่านราชเลขาธิการก็รู้สึกว่า หากบอกว่าตนไม่สนใจ ก็ฝืนตัวเองเกินไปจริง ๆกระทั่งดูปลอมจนเขายากจะรับไหวเล็กน้อยจึงหยุดไปทั้งดื้อ ๆหรงจือจือเ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 471

    กระทั่งนางอดกลั้นเอาไว้ไม่ไหว อยากจะเล่าถึงความพยายามทั้งหมดของอู๋เหิงที่ทำในจวน และการต่อกรที่ทำกับตนเพื่อให้ได้แต่งงานกับหรงจือจือ ให้หรงจือจือฟังในคราวเดียว“ที่จริงหลายวันมานี้ อู๋เหิงเพื่อ...”หรงจือจือพูดขัด “พระชายาซื่อจื่อ ในเมื่อไร้วาสนา เช่นนั้นคำพูดพวกนี้ก็ไม่จำเป็นต้องพูดอีกแล้ว บางทีในอนาคตข้ากับคุณชายใหญ่ อาจจะได้พบเจอกันอีก ตอนนี้รู้เยอะเกินไป เมื่อเจอกันในอนาคตอาจอึดอัดใจ”ครั้นนางเซี่ยฟังถึงตรงนี้ ในใจก็เย็นเยียบไปโดยสิ้นเชิง ไหนเลยจะไม่เข้าใจ นี่หรงจือจือไม่พิจารณาเลยแม้แต่น้อยแม้จะรู้สึกว่าตนพูดเช่นนี้จะไร้ยางอายเกินไปเล็กน้อย ทว่าเพื่อบุตรชายแล้ว นางก็ยังก้มหน้าแล้วเอ่ยว่า “เจ้าไม่เรียกท่านแม่เลยแม้แต่น้อย? ก่อนหน้านี้แม่คิดถึงเจ้าทุกเรื่อง มักจะช่วยเจ้าพูด...”หรงจือจือถอนหายใจเบา ๆ ทีหนึ่ง ทีแรกนางไม่ยอมพูดให้ชัดเจน กลับยิ่งทำให้ดูเหินห่างอย่างชัดเจน ทว่าในเมื่อนางเซี่ยคิดจะบีบให้ตอบแทนบุญคุณหรงจือจือเองก็ทำได้เพียงต้องเอ่ยว่า “พระชายาซื่อจื่อ ชายาอ๋องผู้เฒ่านางเป็นคนดีจริง ๆ แต่ขอท่านอย่าลืมว่า ข้าเป็นคนช่วยชายาอ๋องก่อน”หลายปีมานี้ชายาอ๋องดีกับตนทุกเรื่

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 470

    เหอะๆ หากหรงจือจือกลายเป็นหญิงปากร้ายจริงๆ เขาจะคอยดูว่าท่านราชเลขาธิการยังจะได้อยู่อย่างสงบสุขอีกหรือไม่! ท่านราชเลขาธิการเลอะเลือนไปแล้ว แม้แต่เรื่องแบบนี้ก็จะสนับสนุนหรือ?……หรงจือจือตามเฉินเยี่ยนซูออกจากวังนึกไม่ถึงว่านางเซี่ยจะยังไม่จากไป กำลังรอพวกนางอยู่นอกวังนางเซี่ยมีสีหน้ากระอักกระอ่วน เอ่ยถามว่า “จือจือ ข้าขอคุยกับเจ้าได้หรือไม่?”หรงจือจือลังเลเล็กน้อย นึกถึงการดูแลที่พระชายาอ๋องเฉียนมีต่อตัวเองตลอดหลายปีมานี้ ก่อนหน้านี้นางหลงผิด พูดแนะนำให้ฉีอวี่เยียนแต่งไปอยู่บ้านพวกเขา พวกเขาก็ไม่เคยถือโทษเรื่องนี้แต่อย่างไร มิหนำซ้ำ วันนี้นางเซี่ยก็ช่วยขอความเมตตาให้กับนางด้วยเหตุนี้จึงตอบตกลงนางเห็นไปมองเฉินเยี่ยนซูที่เม้มปากเหมือนไม่สบอารมณ์ “ผมของท่านราชเลขาธิการยังแห้งไม่สนิท ด้านนอกอากาศหนาว ท่านไปรอข้าบนรถม้าก่อนเถิด”เฉินเยี่ยนซู “ได้”เขาเหมือนจะเชื่อฟังดีมาก มีเพียงเซิ่งเฟิงที่มองออกว่าเขากำลังอดทนที่จะไม่โยนนางเซี่ยออกจากแคว้นต้าฉีผู้ใดจะมองไม่ออกกันว่านางเซี่ยยังคิดที่จะโน้มน้าวอยู่?น่าเสียดาย เวลาอยู่ต่อหน้าภรรยา เขาจำเป็นต้องแสร้งทำเป็นสุภาพอ่อนโยนเข้าไว้

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status