“พี่ว่าเราอย่ายืนคุยกันตรงนี้ดีกว่าแดดมันร้อนน่ะ น้องพราวนั่งรถไปกับพี่ละกันครับไหน ๆ เราก็จะไปที่เดียวกันอยู่แล้ว พี่เข็นจักรยานไปเก็บให้นะ”
ภราดรกุลีกุจอเข็นจักรยานไปไว้ในโรงรถตามเดิมพร้อมกับปิดประตูรั้วให้อย่างเรียบร้อย ก่อนจะผายมือให้หญิงสาวขึ้นไปนั่งข้างคนขับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ขอบคุณค่ะพี่บาส” พราวนภายิ้มจนแก้มบุ๋มก่อนจะเดินอ้อมตัวรถไปนั่งอีกฝั่งโดยมีสายตาของภราดรมองใบหน้าสวยหวานที่มีลักยิ้มบนแก้มซ้ายนั่นตามหลังไปตาปรอย
ชายหนุ่มถอนหายใจแผ่วก่อนจะเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ เห็นเธอกำลังคาดเข็มขัดนิรภัยเขาจึงลอบมองเสี้ยวหน้าของหญิงสาวอย่างอดใจไม่อยู่
เขาเองก็แอบชอบพราวนภาเช่นเดียวกับเพื่อนรักอย่างนฤบดินทร์ แต่เขาเพิ่งมารู้สึกชอบเธอเมื่อตอนที่หญิงสาวขึ้นชั้นมัธยมปลาย ผิดกับนฤบดินทร์ที่แทบจะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของกันและกันไปแล้ว และเพราะความเป็นเพื่อนที่มีมาอย่างยาวนาน เขาจึงยอมถอยเพราะรู้ดีว่าความรู้สึกที่นฤบดินทร์มีให้หญิงสาวนั้นลึกซึ้งมากกว่าเขานัก
แต่พอได้มาอยู่ใกล้กันอย่างนี้ เขาก็อดหวั่นไหวไม่ได้ คิดแล้วก็นึกโทษตัวเองที่
ทั้งสองหนุ่มคุยกันอีกเพียงไม่กี่ประโยคก็พากันแยกย้าย และไม่มีใครแตะเรื่องที่อัครัฐเคยลักพาตัวพราวนภาไปที่บ้านเพราะไม่ต้องการขุดเอาเรื่องเก่ามาพูดให้ขัดเคืองใจนฤบดินทร์ดูเวลาแล้วเห็นว่าเพิ่งบ่ายสี่โมงเท่านั้น เขาจึงตัดสินใจว่าคืนนี้จะกลับบ้าน คิดได้ดังนั้นจึงรีบกลับไปโรงแรมเพื่อเก็บข้าวของทุกอย่างลงกระเป๋าไว้ตามเดิม กระเป๋าเหลือพื้นที่ว่างอีกเพียบเพราะของฝากหลายรายการได้ถูกนำออกไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงจัดใหม่ให้เหลือเพียงสองกระเป๋าเพื่อให้ง่ายต่อการขนย้ายหลังจากเช็กเอาต์ ชายหนุ่มก็ขับรถไปคืนเพื่อนที่ร้านอาหาร จากนั้นก็นั่งแท็กซี่กลับมาบ้านด้วยตนเองโดยมาถึงบ้านในเวลาประมาณสองทุ่มนฤบดินทร์กดออดหน้าบ้านแล้วยืนรอให้คนในบ้านมาเปิดด้วยใบหน้าเรียบนิ่งหากแต่แววตานั้นระยิบระยับไปด้วยความตื่นเต้นเพราะอยากเห็นสีหน้าบิดามารดาว่าจะเป็นอย่างไรเมื่อเห็นหน้าเขาคนมาเปิดประตูเป็นบิดาของเขาตามคาด ท่านเขม้นมองเขาจนหัวคิ้วขมวดมุ่นจนเขาต้องแกล้งพูดออกไปว่า“อะไรกันครับพ่อ อายุยังไม่เข้าเลขเจ็ดเลย หูตาฝ้าฟางแล้วหรือครับ”“ไอ้ดิน! นี่แกมาโผล่อยู่ที
ในเมื่อเขาจะมาขอลูกสาวบ้านนี้เขาก็ต้องเรียกอีกฝ่ายว่าน้ากับยายตามพราวนภา ไม่ได้เรียกพี่กับป้าเหมือนเมื่อก่อน ครั้นจะเรียกจันทร์เจ้าว่าคุณแม่ตามแฟนสาวก็ยังเกรงใจอีกฝ่ายมากอยู่จันทร์เจ้ายิ้มกว้างก่อนจะหันไปพูดกับมารดา “ว่าไงคะคุณแม่ มีหนุ่มมาขอหนูพราวแล้วนะ”“แม่จะว่าอะไรล่ะ ก็สองคนนี้เขารักกันมาตั้งนานแล้วนี่นา ใคร ๆ เขาก็ดูออกกันทั้งนั้นแหละ แหม...” ได้ยินอย่างนั้นนฤบดินทร์จึงได้แต่ยิ้มเขิน“ส่วนน้าน่ะไม่ขัดข้องหรอก น้าเห็นดินมาตั้งแต่เด็ก ดินดูแลน้องยังไงบ้างน้าก็เห็นอยู่ในสายตาทั้งหมด เพราะฉะนั้นน้าเชื่อว่าในอนาคตข้างหน้าดินก็จะดูแลน้องได้ดีแน่นอน บอกตามตรงว่าถ้าเป็นดิน น้าก็หมดห่วงเรื่องหนูพราวแล้วนะ” ทั้งน้าและยายยิ้มให้ชายหนุ่มอย่างเอ็นดูเมื่อเห็นเขายกมือไหว้ขอบคุณอย่างอ่อนน้อม“ลุกนั่งข้างบนเถอะดิน ว่าแต่พ่อเขาน่ะรู้รึยัง” จันทร์เจ้าถามถึงภาวิน“ยังครับ ผมยังไม่ได้เข้าบ้านก็เลยยังไม่มีใครรู้ว่าผมกลับมาแล้ว เพราะตามจริงกำหนดกลับของผมจะต้องเป็นอีกหกเดือนข้างหน้า”“นั่นสิ
พราวนภาหอบหายใจถี่จนอกกระเพื่อมไหว นฤบดินทร์เลื่อนตัวขึ้นมานอนด้านข้าง ดึงผ้าห่มมาคลุมไว้ด้วยกันแล้วกอดเธอไว้แนบอกหญิงสาวสังเกตเห็นกล่องถุงยางอนามัยที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงแล้วรู้สึกแปลก ๆ จู่ ๆ ก็ไม่รู้สึกตื่นเต้นอย่างที่คิดแต่กลับกลัวมากกว่า ใบหน้าของบิดาลอยเข้ามาในห้วงความคิดก็ยิ่งรู้สึกผิดจนในใจปวดหนึบ“พี่ดิน” เธอเปลี่ยนใจแล้ว ขอเลื่อนของขวัญออกไปก่อนดีกว่าเพราะตอนนี้รู้สึกไม่สบายใจ“ครับ” น้ำเสียงอ่อนโยนของเขาที่ขานรับก็ทำให้เธอรู้สึกผิดอีกเช่นกัน อุตส่าห์รับปากเขาไว้เองแท้ ๆ แต่ทำไม่ได้ กลายเป็นว่าเธอผิดคำพูดทั้งกับบิดาของตัวเองและคนรัก“วันนี้พราวขอเลื่อนไปก่อนได้ไหม พราวขอโทษ” เธอไม่กล้าเงยหน้ามองเขา แต่ถ้าทำตามคำพูดของตนที่ให้ไว้ เธอก็จะไม่กล้ามองหน้าบิดาเช่นกันนฤบดินทร์เชยคางของเธอให้รับจูบจากเขาครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า“จะขอโทษทำไม พี่เข้าใจพราว พี่เคยบอกแล้วไงครับว่าทุกอย่างแล้วแต่พราว ถ้าพราวไม่พร้อมพี่ก็รอได้ไม่ซีเรียส พี่ไม่ได้รักพราวเพราะเรื่องอย่างว่าสักหน่อย”
“พี่ดิน นี่มันโรงแรมหรูกลางกรุงเลยนะ มันไม่ได้มีแค่ห้องพักอย่างเดียว แต่มีบุฟเฟ่ต์นานาชาติหัวละพันห้า บุฟเฟ่ต์เบเกอรี่หัวละห้าร้อย มีสปาที่ค่าเมมเบอร์แพ้งแพง และมีห้องจัดเลี้ยงนั่นนี่เยอะแยะไปหมด และที่พราวพูดไปทั้งหมดนั้น พราวมาใช้บริการหมดแล้วในชุดนักศึกษานี่แหละ เพราะฉะนั้นถ้าพราวจะขึ้นไปห้องพักกับพี่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกจนคนอื่นต้องหันมามองหรอก”นฤบดินทร์คิดตามที่พราวนภาพูดแล้วก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย...เธอพูดถูก เป็นเขาที่กังวลไปเองเมื่อขึ้นมาถึงห้องพัก พราวนภาก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นกระเป๋าสัมภาระใบใหญ่ถึงสามใบ เขาจึงบอกไปว่า“แค่ของฝากก็ใบหนึ่งเต็ม ๆ แล้ว อีกสองใบเป็นเสื้อผ้ากับรองเท้าที่พี่ซื้อใหม่ตอนอยู่ที่โน่น” เขาพูดจบก็เดินไปสวมกอดเธอจากทางด้านหลังแล้วก้มลงจูบซอกคอหอมกรุ่นของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา“คิดถึง” เขาซุกหน้าอยู่กับลาดไหล่ของเธอนิ่ง รู้สึกเหมือนว่าความวูบโหวงในใจได้รับการเติมเต็มแล้วนฤบดินทร์นึกได้ว่าตั้งแต่กลับมาถึงเขายังไม่ได้อาบน้ำชำระร่างกายเลย หากจะนัวเนียกับหญิงสาวก็เกรงว่าจะมีกลิ่นไม่พึ
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ ไม่ดีใจหรือที่พี่มาหา” ชายหนุ่มเอาคำพูดที่เธอเคยพูดกับเขาตอนอยู่สนามบินเมื่อครั้งไปหาเขาที่บอสตันมาพูดบ้าง ทำเอาเธอเบิกตากว้างเมื่อได้ยินเสียงของเขาชัดเจน“พี่ดิน! ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ” พราวนภาทั้งตกใจและแทบไม่อยากเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง ก่อนจะถูกความดีใจเข้ามาแทนที่จนอัดแน่นเต็มอก“ใช้ประตูสารพัดที่ของโดราเอมอนน่ะเลยมาโผล่ที่นี่ได้” เขาตอบหน้าตาย แต่เพื่อนทั้งสองคนของพราวนภาแอบหัวเราะกันคิกคัก หญิงสาวจึงตีแขนเขาเบา ๆ หนึ่งทีก่อนจะแนะนำเพื่อนสนิทของตนให้นฤบดินทร์รู้จัก“พี่ดิน นี่เก้ากับหลิงหลิง ที่พราวเคยเล่าให้ฟังบ่อย ๆ ไง”นฤบดินทร์ยิ้มและผงกศีรษะให้เล็กน้อยอย่างเป็นมิตร ก่อนจะถามแฟนสาวของตน “จะไปไหนกันหรือ”“พราวว่าจะไปเดินเล่นหาอะไรกินที่ห้างกับเพื่อนน่ะ”“เราไปกับหลิงหลิงสองคนก็ได้ พราวไปกับพี่เขาเถอะ” กาญจน์เกล้ารีบพูดขึ้นทันทีเพราะอยากให้ทั้งสองคนใช้เวลาอยู่ด้วยกันนาน ๆ อีกทั้งเพิ่งได้ยินพราวนภาบ่นไปหมาด ๆ ว่าคิดถึงแฟน
หลังจากสองหนุ่มขึ้นมานั่งบนรถกันเรียบร้อยแล้ว ศิวัฒน์ซึ่งทำหน้าที่ขับก็ถามขึ้น “แล้วนี่นึกยังไงถึงจะไปอยู่โรงแรมก่อนวะ บ้านช่องมีก็ไม่กลับ”นฤบดินทร์ยิ้มบาง ๆ เมื่อใบหน้าของพราวนภาลอยเข้ามาในหัว แต่เขาไม่อาจบอกเรื่องนี้กับเพื่อนได้ จึงได้แต่บอกเหตุผลอื่นไป“อยากจัดการเรื่องงานอะไรให้เรียบร้อยก่อนน่ะแล้วค่อยเข้าบ้านทีเดียว พรุ่งนี้นัดที่บริษัทไว้แล้วด้วยไงว่าจะเอาเอกสารไปยื่นให้เขา” เพราะเขาอยากจะเซอร์ไพรส์บิดามารดาเรื่องงานด้วย ก็เลยยังไม่เข้าบ้านวันนี้“มึงนี่ก็โชคดีว่ะ ไม่ต้องวิ่งหางานให้เหนื่อย เออใช่ กูลืมเล่าไป มึงจำไอ้เวย์ได้ใช่ไหมที่มันค้ายาน่ะ” ศิวัฒน์มองหน้าเขาก่อนจะหันไปมองถนนตามเดิม“อืม ทำไม”“มันโดนขาใหญ่สั่งเก็บไปตั้งแต่สองเดือนที่แล้วน่ะ เห็นพี่โตบอกว่ามันคงทำตัวเอิกเกริกเกินไป อย่างคราวยายเกรซก็ทีหนึ่งแล้วที่มันทำให้เรื่องราวบานปลายจนคนวงในเขารู้กันไปทั่วว่ามันค้ายา”“อ้อ พวกขาใหญ่ก็เลยกลัวว่าจะโดนลากไปเอี่ยวด้วยก็เลยฆ่าตัดตอนงั้นสิ” คราว