“มากันแล้วหรือ เด็กๆ โอ้โห! หนูราเชลวันนี้สวยมากนะจ๊ะ สมกับเป็นว่าที่ลูกสะใภ้ป้า” ภิรณีย์เอ่ยทัก ราเชลยิ้มเยาะชานนท์แล้วเข้าไปทำความเคารพภิรณีย์อย่างนอบน้อม “ขอบคุณค่ะ คุณป้า ถึงหนูแต่งสวยยังไงก็ยังมีใครบางคนไม่เห็นค่าอยู่ดี” “ไงเรา เจ้าลูกชาย ว่าที่คู่หมั้นพูดมาแบบนี้ไม่คิดจะชมน้องให้อารมณ์ดีมั่งรึไง” ภิรณีย์หันไปค้อนคนต้นเรื่องชานนท์ถึงกับทำหน้าไม่ถูก ได้แต่พูดแก้เก้อ “ชมคนอื่นทำไม ก็แม่ผมสวยสุดอยู่แล้ว”“โอ๊ย! ไม่ต้องมาแกล้งชมเลย นี่ถ้าแม่ไม่โทรตามวันนี้จะกลับมาไหม แม่กลับมาตั้งนานไม่เห็นหน้าเลย ไปเข้าบ้านกันดีกว่า หนูราเชลด้วย อ้อ พ่อหนุ่มนี่คนขับรถหนูหรือจ๊ะ เข้ามาก่อนนะ” ภิรณีย์ทักทายอย่างใจดี กรณ์ไหว้ทำความเคารพกำลังจะเดินตามเข้าไปโดยที่ราเชลไม่ได้ใส่ใจแม้จะมองด้วยซ้ำแต่การกระทำของชานนท์ก็หยุดทุกคนที่กำลังจะเข้าไปในบ้านให้หยุดชะงัก เมื่อเขาเดินอ้อมรถเบนซ์สีดำฟิล์มมืดสนิทแล้วเปิดประตูรถฝั่งด้านข้างคนขับออก “ลงมาสิ” ชานนท์ค้อมตัวพูดกับเอรินที่อิดออดไม่ยอมเพราะเกรงทั้งภิรณีย์ ทั้งราเชล ไหนจะเพื่อนรักที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย “จะดีห
ชายหาดปราณบุรียามเย็นทอดยาวท่ามกลางแสงอาทิตย์อัสดง สองพี่น้องเดินเลียบชายหาดอย่างสบายอารมณ์ เพราะบ้านพักรับรองของครอบครัวอยู่ไม่ไกล เวลามาทะเลทีไรทั้งสองมักจะมาเดินเล่นยามเย็นด้วยกันเสมอสิทธิ์ชี้ชวนน้องสาวดูบ้านริมเขาหลังใหญ่สีขาวที่อยู่ชายหาดอีกด้านไกลจากบ้านพักของครอบครัว ภิรณีย์ถึงกับตะลึงในความสวยงามใหญ่โตของบ้านหลังนั้นเช่นกัน “โอ้โห พี่สิทธิ์ สวยมากๆ อย่างกับวังแน่ะ แถวนี้มีแต่หมู่บ้านชาวประมงไม่น่าเชื่อจะมีบ้านสวยขนาดนี้อยู่ด้วยนะคะ” ภิรณีย์เกาะแขนพี่ชายเขย่าไปมาอย่างตื่นเต้น“เห็นว่าเป็นบ้านตระกูลคหบดีเก่า คงเป็นมรดกตกทอดกันมา”“งั้นก็ต้องเป็นพวกลูกท่านหลานเธอสินะคะ จะแค่ไหนกันเชียว”ภิรณีย์ตอบอย่างถือดี ถึงครอบครัวของหล่อนจะเป็นเศรษฐีใหม่ พ่อแม่เป็นลูกหลานพ่อค้าชาวจีน แต่ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าที่ดินในกรุงเทพหลายแห่งตกอยู่ในมือครอบครัว ซึ่งนั่นทำให้ภิรณีย์ภูมิใจหนักหนาว่าเงินซื้อหาได้ทุกอย่างที่ต้องการ ไม่เว้นแม้แต่ผู้ชายที่ต้องใจกลุ่มหนุ่มสาววัยทำงานสามสี่คนเดินแกมวิ่งออกมาจากประตูรั้วสีขาวฝั่งที่ติดชายหาด ภาพที่ปรากฏตรงหน้า ทำให้ภิรณีย์ถึงกับตะลึงมองนิ่งงัน สิท
ผมยาวเป็นลอนสยายถูกรวบสูงเป็นพวง ดวงหน้าเฉี่ยวตกแต่งสีสันอ่อนบางไม่ฉูดฉาดเหมือนเคย ชุดเดรสสั้นสีฟ้าอ่อนทำให้เธอดูเรียบร้อยเหมือนไม่ใช่ตัวเอง ราเชลสำรวจตัวเองในกระจกก่อนจะเดินออกมากรณ์นั่งรอหลังจากบึ่งรถจากปราณบุรีมาหาแต่เช้ามืด ชายหนุ่มยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่โซฟา ทันทีที่เห็นหล่อนออกมาเขาก็มองอย่างไม่เชื่อสายตา ท่าทางนิ่งเฉยราวกับไม่รู้สึกรู้สมของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มที่มั่นใจในเสน่ห์ของตัวเองหนักหนารู้สึกไม่สบอารมณ์“วันนี้คุณดูเรียบร้อยผิดปกติ กินอะไรผิดสำแดงรึเปล่านี่ หรือว่า...” เขาแกล้งหยอดแต่หล่อนกลับเสไปอีกเรื่อง “ไปกันรึยัง ฉันเสร็จแล้ว” ราเชลคว้ากระเป๋าสะพายใบเล็กเรียบหรูมาคล้องไหล่ ท่าทางนิ่งเฉยราวกับเขาไม่มีตัวตนเช่นเดิม กรณ์มองตามทุกย่างก้าวแต่ไม่ยอมขยับเขยื้อนเริ่มหงุดหงิด “เร็วสิ ฉันรีบนะ อีกสองชั่วโมงจะถึงเวลานัดกับคุณป้าแล้ว” ราเชลเหลือบมองคนจ้องตนหน้านิ่วคิ้วขมวด ดวงตาคมเฉี่ยวตวัดมองแล้วเมินแสดงชัดว่าไม่พอใจที่เขาทำนิ่งเหมือนแกล้ง “ก็ได้ เอาเป็นว่าฉันไปเอง นายจะไปไหนก็ไป คืนนี้ฉันจะไม่มาค้างที่นี่แล้ว ขอบใจที่ดูแลมาตลอดสองเดือน ลาขาดเลยก็แล้วกั
น้ำเสียงออดอ้อนของศานต์กับวาสิฏฐีสร้างความปั่นป่วนในอารมณ์ให้พัชระเป็นอย่างมาก แต่ไม่สามารถแสดงอะไรออกมาได้ “เอ่อ กลับกันเถอะ ป่านนี้พิมกับพี่กองใกล้จะกลับมาจากเกาะแล้วด้วย” พัชระพูดตัดบท ก่อนจะลุกขึ้นปัดทรายที่ติดอยู่ตามเนื้อตัวออกอย่างไม่ใส่ใจนัก “เออ จะทันส่งวารึเปล่าก็ไม่รู้เดี๋ยวผมโดนพี่คุณซ้อมแน่ๆ เลยวา ไปๆ พัช นายไปเตรียมรถเลยด่วน ใกล้ถึงแล้วมั้ง ผมกลัวพี่คุณจังเลยวา” “อ๊ะ... พี่ศานต์ เดี๋ยวเถอะ” ศานต์ขโมยจูบแก้มวาสิฏฐีก่อนจะลุกวิ่งหนีสาวน้อยที่ตามไล่ตี ไม่ได้สนใจพัชระที่เดินตามหนุ่มสาวอย่างอ้อยสร้อยหมดแรงราวกับมันคือภาพฝันสดใหม่ที่เพิ่งเกิดเมื่อไม่นาน...พัชระสะดุ้งตื่นหลังจากเอนกายพิงพนักเก้าอี้ในห้องทำงานงีบไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เหงื่อกาฬผุดพราวเต็มใบหน้ายามนึกถึงความหลังที่ผ่านมาหลายสิบปีก่อนอย่างเคร่งเครียดอะไรบางอย่างทำให้เขาหวนนึกถึง ศานต์... เพื่อนรุ่นพี่ที่เขารักและเคารพยิ่งกว่าสิ่งใด และสาวน้อยคนนั้น วาสิฏฐี... หญิงสาวสวยบอบบางที่กุมหัวใจของเขา กลิ่นชาเอิร์ลเกรย์หอมกรุ่นรสชาติโปรดลอยมาแตะจมูกจนต้อง
เอรินยืนสูดอากาศบนคอนโดสีขาวสิบชั้นตั้งอยู่ไม่ไกลจากชายหาดหัวหินมากนัก เสียงฝนตกโปรยปรายดังแข่งกับเสียงซัดสาดหาดทรายของคลื่นลมท่ามกลางความมืดของคืนแรม ชานนท์ยืนมองหญิงสาวอยู่ภายในห้องด้วยสายตาที่บอกไม่ถูก หลังจากโทรศัพท์ไปขออนุญาตจากแม่ของเอรินและโดนบ่นยกใหญ่ แต่เขาอ้างเหตุผลว่าฝนตกหนัก ลมแรงจึงไม่อยากเดินทางกลับเกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งอติมาจำต้องยอมและจะแก้ตัวกับสามีเอง ชานนท์ถอนใจโล่งอกหลังจากวางสายแล้วเดินเข้าไปหาเอรินเงียบๆ หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้สึกถึงมือเย็บเฉียบที่โอบกอดรอบเอวไว้จากด้านหลัง ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้หน้าท้องแบนราบจากด้านนอกเสื้อเชิ๊ตตัวยาวที่เธอเปลี่ยนหลังจากอาบน้ำเสร็จ “หอมจัง กลิ่นเธอ” “ก็กลิ่นสบู่คุณนั่นแหละค่ะ” เธอตอบเสียงเบา “อย่าค่ะ เดี๋ยวมีคนเห็น” หล่อนขืนตัวออกจากการโอบกอดก่อนจะหันมาสบตาคนรุ่มร่าม และต้องหลบวูบหน้าแดงซ่านเมื่อเห็นแผ่นอกหนาเปลือยเปล่าอยู่ระดับสายตาและระยะประชิด ชานนท์สวมกางเกงขายาวตัวเดียวไม่ใส่เสื้อยิ้มกรุ่มกริ่มกระซิบ “เข้าห้องกันเถอะนะ อยากกอดอยากรักเมียใจจะขาดอยู่แล้ว” “คุ
“อะไร ไม่เอานะคะ ฉันต้องกลับบ้าน เมื่อกี้เราออกมาพ่อก็เห็น ขืนไม่กลับ พ่อด่าฉันตายแน่” “ไม่กลับ คืนนี้อย่ากลับเลยนะเอริน ฉันอยากนอนกอดเมียให้หายคิดถึง ” ชานนท์เสียงอ่อนลง เพราะนึกรู้ว่าเอรินต้องไม่พอใจ แล้วก็เป็นอย่างที่คิด “คุณเอาแต่ใจแบบนี้ตลอด” หล่อนเสียงอ่อย “หายไปสองเดือนฉันยังไม่ได้บ่นคุณเลย” “ฉันไปจัดการธุระหลายอย่าง และตอนนี้ฉันฟรีไม่มีอะไรติดค้างอีกแล้ว ส่วนถ้าฉันไม่เอาแต่ใจจะได้เธอมาแบบนี้รึไง” เขาเถียงข้างๆ คูๆ “ถึงเราจะจดทะเบียนกันแล้ว แต่พ่อของฉัน และแม่ของคุณยังไม่รับรู้เรื่องของเรา ฉันว่ามันไม่ถูกต้องนะคะ” “มาจนขนาดนี้ ฉันก็ปูนนี้ เธอก็เกินยี่สิบห้าแล้ว ยังกลัวอะไรไม่เข้าเรื่องอยู่อีก” “คุณไม่คิดว่าเราควรทำให้ถูกต้องก่อนหรือคะ” “ก็แค่ลัดขั้นตอนไปหน่อย แต่ฉันจะโทรไปบอกแม่เธอเอง เถอะนะเอริน อย่าขัดใจฉันเลย วันนี้ฉันอยากเดทกับเมีย” ชานนท์ยิ้มให้เอรินตาเป็นประกาย แต่ดวงตากลับมีความหม่นหมองและไหวหวั่นซ่อนอยู่ลึกๆ อย่างน้อยก่อนที่เขาจะต้องไปเจอกับแม่พรุ่งนี้ เขาก็อยากจะทำอะไรเพื่อเอรินบ้า