คล้อยหลังพี่ชายต่างมารดาไม่นาน หลี่หลานหมิงที่สายป่านอารมณ์เหมือนจะขาดก่อนหน้าก็ตามจินซิงซินกลับไปที่เรือนเหม่ยจิ้ง แต่ไม่ทันถึงหน้าประตูก็ถูกดักไว้ด้วยหม่าชิงเทียนที่โผล่พรวดเข้ามาขวาง“ท่านอ๋อง”“ข้าไม่ว่าง” หลี่หลานหมิงว่าพลางโบกมือห้าม “มีเรื่องอันใดค่อยคุยกันพรุ่งนี้”“แต่กระหม่อมจะรายงานเรื่อง...”“เอาไว้ก่อน เจ้าไม่เห็นหรือว่าข้ายุ่ง”อ๋องสี่ผู้แสนเย็นชาตวัดหางตาตอบโต้เท่านั้นก็ทำให้หม่าชิงเทียนต้องหลีกทางให้ คล้อยหลังผู้เป็นนาย บุรุษผู้ไม่รู้ร้อนหนาวอย่างหม่าชิงเทียนพลันส่ายหน้ารู้สึกถึงความยุ่งยากที่จะตามมาในไม่กี่อึดใจ“มีเรื่องอันใดหรือ... ชิงเทียน”หม่าชิงเทียนหันไปเจอหวังเฉาเสี่ยนเดินออกมาจากมุมมืดก็ได้แต่ถอนใจก่อนตอบ “ข้าจะบอกท่านอ๋องอย่างไรเล่าว่าสาส์นที่ส่งไปวังหลวงกับบ้านสกุลจินช้าไปแล้ว… เฮ้อ! ไม่ฟังกันเลย”“นี่ก็ดึกแล้ว เจ้าก็ไปพักเถอะ”“แล้วเจ้า?”“ข้าจะอยู่แถวนี้” หวังเฉาเสี่ยนเอ่ยเสียงเครียดหม่าชิงเทียนจึงตบบ่าสหายคู่ใจเบาๆ “เจ้าเป็นห่วงเพราะท่านอ๋องสามพักที่นี่ใช่หรือไม่”“อืม...” “ทหารเวรยามมากมายเหตุใดต้อง...”“ข้าไม่ไว้ใจ”“เช่นน
“ได้ยิน? ได้ยินจากที่ใด ข้าที่เป็นเจ้าบ่าวยังไม่รู้ แต่พี่สามกลับรู้ไปได้ยินมาจากที่ใดกัน”ชิงอ๋องชงเหอถึงกับงันไปที่เจอคำถามจึงได้แต่เอ่ยแก้เก้อ “มิใช่ข้าหรอกเป็นองครักษ์ข้าต่างหากที่ได้ยินมาไม่กี่วันก่อนที่ขบวนแม่สื่อจะไปทาบทามบุตรสาวตระกูลจินให้เจ้า ว่ากันว่างดงามกิริยามารยาทเพียบพร้อมเป็นกุลสตรีที่ดีคนหนึ่ง แต่ช่างต่างกับน้องสาวที่... เอ่อ”“กิริยาราวกับเด็กน้อย”“นั่นเจ้าพูดเอง” ชิงอ๋องชงเหอเอ่ยเสียงแข็ง “ข้ามิได้หมายความเช่นเจ้าว่า”“แต่ท่าทางพี่สามอยากรู้มาก เช่นนั้นข้าจะตอบให้ว่าต้องขอบคุณใครก็ตามที่ป่าวประกาศเรื่องงานแต่งข้าจนเป็นที่โจษย์ขานไปทั่ว หากไม่มีข่าวลือข้าก็คงไม่คิดมาดูหน้าว่าที่พระชายาและคงมิได้พบ หากมิใช่ซิงซินข้าก็ไม่มีวันแต่งกับผู้ใด”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขัดคำสั่งฝ่าบาท หรือว่าที่แท้เจ้าคิดล้มเลิกสมรสพระราชทานครังนี้”หลี่หลานหมิงแสยะยิ้ม ไม่คิดไขข้อข้องใจให้พี่ชายต่างมารดารับรู้เรื่องราวที่เคยรับปากกับมารดาเอาไว้ เป็นเช่นนี้ก็เท่ากับว่าเขาไม่ต้องเสาะแสวงหาแต่ก็ได้นางมาอยู่ในความดูแลอย่างชอบธรรม “เรื่องนี้มิใช่เวลาจะมาพูดกันตอนนี้ พี่สามควรพักผ่อนได้แล้วอย่ามายุ่ง
“ข้าแค่นอนไม่หลับจึงออกมาเดินชมนกชมไม้”“ในคืนเดือนดับเช่นนี้หรือ” หลี่หลานหมิงสวนกลับชิงอ๋องชงเหอเหลือบตาขึ้นมองท้องฟ้าพลันแสยะยิ้มก่อนตอบ “แล้วมีกฎข้อใดห้ามมิให้ข้าออกมานอกเรือนยามวิกาลหรือ”“ไม่มี แต่ข้ามิได้บอกหรือว่าเขตเรือนเหม่ยจิ้งเป็นสถานที่ต้องห้าม” “ก็แค่เรือนเก่าโทรมๆ ของไทเฮาผู้ล่วงลับ เหตุใดเจ้ายังหวงทรัพย์สมบัติเก่าๆ ของมารดาที่ตายไปแล้วมากกว่าคนเป็นที่อยู่ในวังกันเล่า” “พี่สามอย่าพูดจาโอหังกับท่านแม่ข้าในบริเวณตำหนักของข้า” หลี่หลานหมิงคำราม แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะชอบใจที่ได้ยั่วยุมากกว่า เพราะนอกจากจะทำไม่รู้ร้อนรู้หนาวแล้วยังก้าวเข้ามาใกล้แต่สายตามองเลยไปด้านหลัง ทำให้อารมณ์คุกรุ่นของอ๋องสี่ผู้เย็นชาปะทุขึ้นมาอีกครั้ง “หรือว่าเจ้าลืมแล้วว่าที่ท่านแม่เจ้าต้องตายไปนั้นเพราะใคร” “พี่สาม!” “อย่ามาโทษแม่ข้า ต้องโทษชะตาฟ้าลิขิตมากกว่า ต่างคนต่างอยู่เสียแต่ทีแรกก็คงไม่มีเรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้น ทั้งหมดเพราะแม่เจ้าไร้ความปราณีก่อน” “พอรึยัง” หลี่หลานหมิงคำรามอารมณ์ขุ่นมัวมากขึ้นแต่ก็พยายามควบคุมไม่ให้เข้าทา
“ข้าเก็บมันได้เรื่องอะไรจะคืน แต่หากว่าบอกชื่อเจ้ากับข้า ไม่แน่ว่า...”จินซิงซินถอยหลังกรูดเพราะถูกคนตรงหน้าก้าวเข้าประชิด นางถอยหนีจนแผ่นหลังชนต้นเหมยแต่คนผู้นี้ก็ยังไม่หยุดจึงได้แต่ละล่ำละลัก “เจ้าเป็นคนหรือผี เหตุใดออกมายามวิกาลเช่นนี้ เป็นคนดีๆ คงมิใช่ เจ้าต้องเป็นผีแน่ เสี่ยวเซียนช่วยข้าด้วย!”“แม่นาง เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังพูดอยู่กับใคร”“มะ... ไม่รู้! ข้าไม่รู้” นางปฏิเสธลั่นหันหน้าหนีอีกฝ่ายที่เข้ามาใกล้มากจนรู้สึกถึงลมหายใจรด เพียงแค่ได้กลิ่นสุราลอยออกมาจากริมฝีปากคนผู้นี้ นางก็แทบทนไม่ได้ “ถอยไปนะ อย่ามายุ่งกับข้า!”“เช่นนั้นแสดงว่าเจ้านี่ก็คงมิใช่ของเจ้า ดีล่ะ ข้าจะหักคอมันเสียโทษฐานที่กล้าวิ่งซุกซนมาชนข้า”“ไม่นะ!” จินซิงซินร้องลั่นกับท่าทีของอีกฝ่ายที่ชูตุ้งตุ้งขึ้นสูง อีกมือตั้งท่าจะบีบคอมันเท่านั้น...นางก็พุ่งถลาเข้าไปคว้าจนเกิดการยื้อแย่งกันขึ้น ชิงอ๋องชงเหอรู้สึกพึงพอใจที่ได้แกล้งดรุณีน้อยจึงเบี่ยงตัวไปมากระทั่งจินซิงซินสะดุดขาตัวเองเกือบล้มจึงโผเข้ารับไว้ แรกสัมผัสก็ถึงกับงันไป“เหตุใดเจ้าร้องไห้ ข้ายังมิได้ทำอะไรเจ้าเลยแม่นางน้อย”“เจ้าแกล้งข้า เจ้าจะฆ่าตุ้งตุ้งขอ
หิมะหยุดตกแล้ว...แต่หัวใจของคนครุ่นคิดถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมานานนับสิบปีกลับวูบโหวง...หลี่หลานหมิงพรูลมหายใจหนักหน่วงขณะยืนชมจันทร์ด้านนอกหน้าต่าง หากเป็นฤดูใบไม้ผลิป่านนี้เขาคงได้เห็นดวงจันทร์กระจ่างสะท้อนน้ำในสระมรกตเป็นประกายงดงามแล้วแต่ยามหิมะห่มคลุมทั่วทั้งตำหนักเช่นนี้ทำให้เขาอดหวนระลึกถึงอดีตไม่ได้ เรือนเหม่ยจิ้งที่เคยเป็นที่ประทับของท่านแม่ว่างเปล่านานเหลือคณา บัดนี้มีแสงจากโคมตะเกียงทั้งในและนอกวับแวมให้ใจอบอุ่น “ข้าพาซิงซินกลับมาตามที่สัญญาไว้แล้ว...ท่านแม่” อ๋องสี่ผู้แสนเย็นชาเปรยต่อฟ้าฝากผ่านดวงดาวระยิบระยับหวังว่าถ้อยคำสัญญาที่เคยให้ไว้จะส่งไปถึงผู้เป็นมารดาที่อยู่เบื้องบน...ล่วงเข้าปลายยามโฉว่[1] เรือนเหม่ยจิ้งเงียบสงบมีเพียงลมแผ่วล้อป่าไผ่ลู่ไปมาจินซิงซินกระสับกระส่ายราวกับคนฝันร้าย “ชะ... ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!” เสียงร้องแผ่วและสองมือยกปัดป่ายไปมา คล้ายคนละเมอของจินซิงซินทำให้เสี่ยวเซียนผุดลุกจากที่นอนเปิดม่านนั่งข้างเตียงแล้วเขย่าแขนเรียกสติทันที “คุณหนูเจ้าคะ! เกิดเรื่องอันใดหรือคุณหนู คุณหนูอย่าทำข้า
“ไม่ดีแน่ ข้าว่าตามไปดูดีกว่า”หม่าชิงเทียนตั้งท่าจะตาม แต่ทว่าหลี่หลานหมิงกลับยกมือห้ามก่อนถอนใจหนักหน่วงหันมา“อย่าตาม”“ท่านอ๋อง ข้าคิดว่า...” หวังเฉาเสี่ยนแย้งหลี่หลานหมิงพลันถอนใจก่อนเอ่ย “พวกเจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ช้าเร็วเขาก็ต้องรู้ว่าคนที่ข้าจะแต่งด้วยคือซิงซิน”“แต่คนนอกไม่รู้ว่าที่แท้แล้วบุตรสาวฮูหยินใหญ่ตัวจริงคือคุณหนูซิงซินนะพ่ะย่ะค่ะ” หวังเฉาเสี่ยนทักท้วงหม่าชิงเทียนลูบคางครุ่นคิดถึงเหตุการณ์วันแรกที่ติดตามผู้เป็นนายไปเยือนแคว้นฉู่ด้วยเพราะอ๋องสี่หลี่หลานหมิงอยากเห็นหน้าว่าที่พระชายาและได้พบบุตรสาวคนรองของตระกูลจินที่น้ำตกนั่น“หรือว่า!”“หรือว่าอะไรของเจ้า” หวังเฉาเสี่ยนถามกลับสีหน้างุนงงเพราะยังตามไม่ทัน“หรือว่าที่คุณหนูมาที่นั่นมิใช่เรื่องบังเอิญกัน”หลี่หลานหมิงพลันหันกลับมาทางขุนพลหน้าหยกทั้งสอง ดวงตาลึกล้ำจ้องเขม็งมายังคนพูด “เจ้าก็คิดเช่นเดียวกับข้าใช่หรือไม่ ชิงเทียน”“พ่ะย่ะค่ะ” หม่าชิงเทียนตอบก่อนจะหันไปหาสหายคู่ใจผู้เคร่งขรึมอีกคน “ข้าคิดว่ามีคนหลอกล่อคุณหนูซิงซินให้ตามเจ้ากระต่ายหูเทามาที่นั่นเพื่อให้ท่านอ๋องและเห็นนางเป็น... เอ่อ เป็นเช่นนั้นเพื่อท่านอ๋องจะไ