บทที่ 37
“เรื่องอะไรฉันต้องทำแบบนั้นไม่ทราบ อีกอย่างฉันไม่ได้คิดพิศวาสนายสักนิด เข้าข้างตัวเองหน้าด้านๆ” นาตาเซียควันออกหู
“ก็เห็นผู้หญิงชอบใช้มุกนี้บ่อยๆ”“คนอื่นอาจใช่ แต่ฉันไม่มีทาง” หญิงสาวนั่งกำหมอนอิงในมือแน่น ลูคัสยักไหล่ให้ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องนอนชายหนุ่มยังไม่วายเดินเข้ามาหาหญิงสาวที่นั่งตัวลีบอยู่“ฉันว่าบนโซฟานี่มันน่าจะนอนไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ ว่าไหม?” “ฉันนอนได้” นาตาเซียรีบบอกทันที เพราะน้ำเสียงและแววตาของลูคัสดูแล้วรู้สึกว่ามันไม่ค่อยน่าไว้ใจสักเท่าไหร่ “สองปีครึ่ง” ชายหนุ่มเอ่ยเงื่อนไขของเวลาอีกครั้ง คราวนี้มันเพิ่มขึ้นอีกเช่นเคย “อะไรของนาย ตอนมาถึงก็สองปี มาตอนนี้ยังเพิ่มเป็นสองปีครึ่งอีก มันจะเอาเปรียบกันมากไปแล้วนะ” นาตาเซียเด้งตัวขึ้นจากโซฟาทันที สงสัยคืนนี้เธอคงต้องลงไปนอนที่ชั้นล่าง เป็นไงเป็นกัน เจอผียังดีกว่ามาเจอผู้ชายคนนี้ก็เป็นได้ “สัญญาว่าไง เธอจะทำตามที่ฉันสั่ง ทำตัวน่ารักๆ ไม่ใช่เหรอ หรือลืมไปแลบทที่ 40“สวย” น้ำอ้อยเอ่ยกับตัวเองเบาๆ พอเห็นนาตาเซียเดินเข้ามาในครัว เพราะหญิงสาวดูสวยโดดเด่นมาก แม้จะสวมเพียงเสื้อผ้าแสนธรรมดาก็ตาม พอเห็นสายตาที่น้ำอ้อยมองมายังตน นาตาเซียก็ก้มดูตัวเองทันที ว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า“มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะป้า”“เปล่า ไปกันเถอะ” น้ำอ้อยละสายตาจากหญิงสาว ก่อนจะหยิบปิ่นโตและกระเช้าอาหารเช้าบวกเที่ยงของลูคัสเดินไปยังรถที่จอดรออยู่หน้าบ้าน ซึ่งนาตาเซียก็ช่วยถืออีกคนด้วยเช่นกัน เมื่อจัดวางของเรียบร้อยทั้งคู่ก็นั่งรถตรงไปยังบริษัทของลูคัสที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลกันมากนัก ซึ่งเป็นจุดเดียวกับที่นาตาเซียเห็นเมื่อคืน ว่ามันคือโดมแสงสว่างๆ แต่ภาพในตอนเช้าเธอมองเห็นอะไรได้กว้างกว่านั้นนาตาเซียไม่ได้ตื่นตาตื่นใจกับภาพการขุดเจาะน้ำมันแบบนี้สักเท่าไหร่นัก เพราะที่บรูไนก็มีธุรกิจประเภทนี้อยู่ จึงเห็นจนชินตาไปแล้ว แต่ที่หญิงสาวสนใจนั่นคือบ้านเรือนของผู้คน ตอนมาเมื่อคืนเธอไม่ยักจะเห็น แถมยังมีร้านรวงขายของมากมายเสียด้วย ภาพความเป็นอยู่ของคนที่นี่ดูเรียบง่ายประมาณสิบนาทีรถเบนซ์
บทที่ 39เช้าวันรุ่งขึ้น นาตาเซียนอนอยู่บนเตียงของลูคัสตามลำพัง เพราะชายหนุ่มลุกขึ้นไปทำงานตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางด้วยซ้ำไป แม้จะอยากนอนกอดร่างอุ่นๆ ของเธอต่อ แต่ก็เลือกที่จะไม่ทำเช่นนั้น หญิงสาวสะดุ้งตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุกที่ดังมาจากนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะเด้งตัวขึ้นจากเตียง สำรวจความเสียหายของร่างกาย พอรู้ว่าตัวเองรอดก็เป่าลมออกปากหนักๆ ทั้งๆ ที่ไม่อยากหลับแต่กลับหลับสนิทไปซะได้ พอตื่นก็รู้สึกปวดศีรษะและมึนๆ ภาพที่มองก็หมุนเคว้งหญิงสาวมองหาเจ้าของห้องแต่กลับไม่พบ จึงกระชับเสื้อตัวใหญ่ก้าวเดิน แต่กลับเซจนต้องไปยืนเกาะขอบโต๊ะ นาตาเซียสลัดภาพมึนๆ ภายในสมองออกไป หญิงสาวรู้สึกตัวร้อน แต่ก็ยังฝืนเดินลงไปชั้นล่าง เพื่อหาน้ำอ้อย ตลอดเวลาที่ทำงานชดใช้หนี้อยู่ที่นี่เธอต้องตั้งใจ จะได้กลับออกไปเร็วๆ“ตื่นแต่เช้ากว่าที่คิด” น้ำอ้อยและเด็กรับใช้เงยหน้าขึ้นมองนาตาเซีย ก่อนที่ผู้อาวุโสจะเอ่ยทัก เพราะไม่คิดว่าเช้านี้จะได้เจอหญิงสาวด้วย“ก็ฉันต้องทำตัวดีๆ นายน้อยป้าจะได้หักเงินให้คุ้มๆ”“คิดแบบนั้นก็ดีแล้ว”&nbs
บทที่ 38“ใช่ ปืนอันนี้ไม่มีกระสุน คราวนี้ก็ถึงตาฉัน” ลูคัสคว้าปืนจากมือของนาตาเซียมาถือไว้ท่ามกลางแรงยื้อของหญิงสาว ซึ่งไม่เป็นผลนัก เพราะตอนนี้ปืนมาอยู่ในมือลูคัสเรียบร้อยแล้ว กลัวว่าเธอจะคิดได้ว่าควรเอาสันปืนมาตีหัวเขา ถ้าโดนเข้าจังๆ ก็สลบไปเหมือนกัน แต่ถือว่าเขายังโชคดีที่เก็บปืนมีกระสุนใส่ในตู้เซฟไปแล้ว อันนี้แค่ของหลอกเด็ก“ไม่นะ” หญิงสาวเบือนใบหน้าหนี เมื่อชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงมาหา มือทั้งสองข้างของนาตาเซียตอนนี้ถูกชายหนุ่มจับไขว้ไว้เหนือศีรษะไม่ยอมปล่อยเป็นอิสระแน่นอน เสื้อเชิ้ตตัวโตของลูคัสที่นาตาเซียสวมอยู่ถูกร่นขึ้นสูง ครั้งนี้ไม่มีคำว่าอ่อนโยนให้เห็นแม้แต่น้อย เพราะชายหนุ่มอยากลงโทษหญิงสาวให้หลาบจำนาตาเซียตัวสั่น หญิงสาวตกใจกับสัมผัสที่น่ารังเกียจนี้ แต่ร่างกายกลับตอบสนอง ลูคัสบดจูบเธออย่างไม่ปรานี ริมฝีปากอิ่มเริ่มบวมเพราะจูบที่ไม่ต้องการ ซึ่งดูเหมือนลูคัสเองก็จะไม่ยอมหยุดเพียงแค่นี้ ชายหนุ่มยอมถอนจูบออกจากริมฝีปากอันหอมหวาน ก่อนจะซุกไซ้ต่ำลงมาเรื่อยๆ จนถึงเนินอกที่นาตาเซียพยายามห่อตัวหลบเต็มที่เหมือนกัน“อ
บทที่ 37“เรื่องอะไรฉันต้องทำแบบนั้นไม่ทราบ อีกอย่างฉันไม่ได้คิดพิศวาสนายสักนิด เข้าข้างตัวเองหน้าด้านๆ” นาตาเซียควันออกหู“ก็เห็นผู้หญิงชอบใช้มุกนี้บ่อยๆ”“คนอื่นอาจใช่ แต่ฉันไม่มีทาง” หญิงสาวนั่งกำหมอนอิงในมือแน่น ลูคัสยักไหล่ให้ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องนอนชายหนุ่มยังไม่วายเดินเข้ามาหาหญิงสาวที่นั่งตัวลีบอยู่“ฉันว่าบนโซฟานี่มันน่าจะนอนไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ ว่าไหม?”“ฉันนอนได้” นาตาเซียรีบบอกทันที เพราะน้ำเสียงและแววตาของลูคัสดูแล้วรู้สึกว่ามันไม่ค่อยน่าไว้ใจสักเท่าไหร่“สองปีครึ่ง” ชายหนุ่มเอ่ยเงื่อนไขของเวลาอีกครั้ง คราวนี้มันเพิ่มขึ้นอีกเช่นเคย“อะไรของนาย ตอนมาถึงก็สองปี มาตอนนี้ยังเพิ่มเป็นสองปีครึ่งอีก มันจะเอาเปรียบกันมากไปแล้วนะ” นาตาเซียเด้งตัวขึ้นจากโซฟาทันที สงสัยคืนนี้เธอคงต้องลงไปนอนที่ชั้นล่าง เป็นไงเป็นกัน เจอผียังดีกว่ามาเจอผู้ชายคนนี้ก็เป็นได้“สัญญาว่าไง เธอจะทำตามที่ฉันสั่ง ทำตัวน่ารักๆ ไม่ใช่เหรอ หรือลืมไปแล
บทที่ 36“ร้อนใจไปก็เท่านั้น ถ้าเธอขืนไปเคาะห้องนายน้อยตอนนี้ เธอนั่นแหละจะเดือดร้อน”“แต่...”“ขอเตือนไว้อย่าง ถ้าเธออยากอยู่ที่นี่ต้องทำตามคำสั่งของนายน้อยแบบไม่มีข้อแม้ อย่าทำตัวให้มีปัญหาไป เพราะถ้าคนที่เขาพาเธอมาโกรธ ชีวิตเธอก็จะถูกลบทันที” คำขู่ของน้ำอ้อยทำให้นาตาเซียหน้าซีดเป็นไก่ต้ม แม้จะไม่เห็นกับตาว่าเขาโหดร้ายแค่ไหน แต่คำขู่และสีหน้าแววตาน่ากลัวแบบนั้นเธอเคยเจอมาแล้ว“น่ากลัวขนาดนั้นเชียวเหรอ?” แม้จะรู้ทั้งรู้นาตาเซียก็ยังถามให้ตัวเองใจแป้ว“ใช่ นายน้อยน่ากลัว สำหรับเรื่องที่ไม่ถูกต้อง”“เขา...เขาเคยฆ่าคนเหรอป้า” นาตาเซียดูจะกล้าๆ กลัวๆ ที่จะถามคำถามนี้ออกไป เพราะถ้ามาอยู่กับผู้ชายที่เคยฆ่าคนมาแล้ว ชีวิตเธอจะรอดหรือเปล่า“ใช่ ฆ่าโจรที่มักดักปล้นชาวบ้านแถวนี้”“ฮะ! ฆ่าคนจริงๆ ด้วย”“เลิกถาม แต่ตามป้ามาได้แล้ว” น้ำอ้อยเอ่ยสั่ง ก่อนจะเดินนำนาตาเซียขึ้นไปยังห้องพักที่อยู่ติดกับห้องของลูคัส เธอไ
บทที่ 35“นายน้อย...เอ่อ” น้ำอ้อยที่ทำหน้าที่เป็นแม่บ้านให้ลูคัสตั้งแต่รุ่นพ่อของชายหนุ่มเหมือนจะมีอะไรถาม ก่อนจะมองไปยังนาตาเซีย เพราะเธอนั้นอยู่กับครอบครัวนี้มานานแล้ว จับพลัดจับผลูย้ายจากเมืองไทยมาทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ที่ซาอุฯ นี่ก็เพราะเป็นห่วงเจ้านายทั้งสองคน ยิ่งนายน้อยคนนี้ด้วยแล้วก็ยิ่งห่วงมากกว่าอดัม ผู้เป็นพ่อของลูคัสเสียอีก “แม่บ้าน ช่วยดูแล สอนงานเธอหน่อยนะป้าอ้อย” การสนทนาของทั้งคู่ ทำให้นาตาเซียใจชื้นขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยที่นี่ก็มีคนไทยให้เธอพอได้พึ่งพายามต้องมาทำงานชดใช้ให้ผู้ชายคนนี้“มะ...แม่บ้าน แต่นายน้อยก็มีป้าแล้วนี่จ๊ะ” คนฟังงง ก่อนจะมองมายังหญิงสาว หน้าตาสวยคม ที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะเป็นแค่แม่บ้าน “ฉันหามาเพิ่มไง ป้าจะได้ไม่เหงา เห็นบ่นว่าไม่มีเพื่อนคุย” น้ำเสียงของลูคัสยามพูดกับน้ำอ้อยดูอ่อนโยนมาก ดูจะมีคนไทยเพียงคนเดียวที่ชายหนุ่มยอมพูดดีๆ ด้วย นั่นคือแม่บ้านคนนี้ แม้แรกๆ จะตั้งแง่กับแม่บ้านคนไทยของพ่อนักต่อนัก แต่น้ำอ้อยกลับอดทนกับความเกเรเอาแต่ใจของเขา นานเข้าจึงเป็นแม่บ้านผู้รู้ใจ และเขาก็ยอมให้คนเดียวเท่านั้น “เอ๋...” น้ำอ้อยงงเข้าไปใหญ่ จำไม่ได้ว่าเธอเคยพู
บทที่ 35“นายน้อย...เอ่อ” น้ำอ้อยที่ทำหน้าที่เป็นแม่บ้านให้ลูคัสตั้งแต่รุ่นพ่อของชายหนุ่มเหมือนจะมีอะไรถาม ก่อนจะมองไปยังนาตาเซีย เพราะเธอนั้นอยู่กับครอบครัวนี้มานานแล้ว จับพลัดจับผลูย้ายจากเมืองไทยมาทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ที่ซาอุฯ นี่ก็เพราะเป็นห่วงเจ้านายทั้งสองคน ยิ่งนายน้อยคนนี้ด้วยแล้วก็ยิ่งห่วงมากกว่าอดัม ผู้เป็นพ่อของลูคัสเสียอีก“แม่บ้าน ช่วยดูแล สอนงานเธอหน่อยนะป้าอ้อย” การสนทนาของทั้งคู่ ทำให้นาตาเซียใจชื้นขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยที่นี่ก็มีคนไทยให้เธอพอได้พึ่งพายามต้องมาทำงานชดใช้ให้ผู้ชายคนนี้“มะ...แม่บ้าน แต่นายน้อยก็มีป้าแล้วนี่จ๊ะ” คนฟังงง ก่อนจะมองมายังหญิงสาว หน้าตาสวยคม ที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะเป็นแค่แม่บ้าน“ฉันหามาเพิ่มไง ป้าจะได้ไม่เหงา เห็นบ่นว่าไม่มีเพื่อนคุย” น้ำเสียงของลูคัสยามพูดกับน้ำอ้อยดูอ่อนโยนมาก ดูจะมีคนไทยเพียงคนเดียวที่ชายหนุ่มยอมพูดดีๆ ด้วย นั่นคือแม่บ้านคนนี้ แม้แรกๆ จะตั้งแง่กับแม่บ้านคนไทยของพ่อนักต่อนัก แต่น้ำอ้อยกลับอดทนกับความเกเรเอาแต่ใจของเขา นานเข้าจึงเป็นแม่บ้านผู้รู้
บทที่ 34“รู้ไหมตอนเข้าเมือง ฉันเสียเงินไปเท่าไหร่เพื่อช่วยเธอ ค่าเสียหายครั้งนี้มันมากพอตัว”“ยะ...อย่าบอกนะว่านายจะคิดบวกเรื่องนั้นด้วย แล้วให้ฉันทำงานชดใช้ให้” สมองของนาตาเซียคิดได้แค่ทางเดียวเท่านั้น ทำไมชีวิตเธอต้องมาเจอเรื่องบ้าๆ แบบนี้ด้วย“ใช่ เพราะฉันเป็นนักธุรกิจ ทำอะไรต้องได้ผลตอบแทนคืน”“ทุเรศ สารเลวที่สุด” มือบางกำเข้าหากันแน่นจนรู้สึกเจ็บ เพราะเล็บที่จิกเนื้อตรงฝ่ามือบาง แต่มันคงไม่เท่าเจ็บใจ ที่คิดว่าผู้ชายคนนี้หวังดีจะช่วยเธอ ที่แท้ก็สารเลว“บนโลกนี้มันโหดร้ายเสมอสาวน้อย” ลูคัสยักคิ้วให้เพราะเป็นต่ออยู่มาก ชายหนุ่มใช้วิธีนี้รั้งตัวนาตาเซียให้อยู่กับเขาต่อ“แล้วฉันต้องทำงานชดใช้คนอย่างนายไปถึงเมื่อไหร่”“อาทิตย์ สองอาทิตย์ เดือน สองเดือน ครึ่งปี หนึ่งปี” ชายหนุ่มไล่ระยะเวลา ที่มันดูจะมีแต่เพิ่มขึ้นทั้งนั้น“นานขนาดนั้นเชียวเหรอ ไม่มีทาง” นาตาเซียส่ายหน้าให้ ระยะเวลานานแบบนั้นใครจะยอมทำได้“นานหรือไ
บทที่ 33“แกล้งอ้วกไง แค่แกล้ง อยากเจอคุกหรือไง” ลูคัสเอ่ยย้ำอีกครั้งหน้าตาจริงจัง จนนาตาเซียหน้าเหลอหลา กลัวตำรวจจับได้จึงยอมทำตามที่เขาบอกทันที ก่อนจะแกล้งอาเจียนออกมาอย่างหนัก ยกมือขึ้นปิดปากไว้ บวกกับหน้าซีดๆ เพราะความกลัวของเธอ ฉากนี้จึงสมบทบาท“คุณผู้หญิงเป็นอะไรมากไหมครับ” นายตำรวจหนุ่มเห็นท่าทางของนาตาเซียก็รู้สึกเห็นใจขึ้นมา เพราะสีหน้าของเธอดูทรมานมาก“ที่รัก...ใจเย็นๆ เดี๋ยวผมจะพาไปโรงพยาบาลนะ” คนที่แกล้งเป็นสามีเอ่ยถามเสียงเป็นห่วงเป็นใยต่อภรรยาจอมปลอมของตัวเอง ความที่อยากเอาตัวรอดทำให้นาตาเซียยิ่งแกล้งอาเจียนให้หนักมากขึ้นไปอีก“ผมเรียกรถพยาบาลให้ไหม”“ไม่ต้องครับ พวกผมไปกันเองได้ ขอบคุณมากที่เป็นห่วง” ลูคัสปฏิเสธความหวังดีของนายตำรวจตรงหน้า ก่อนจะพยุงนาตาเซียแยกตัวออกไป ชายหนุ่มตรงไปยังรถคันใหญ่ที่จอดอยู่หน้าสนามบิน เมื่อเข้าไปนั่งก็สั่งให้ลูกน้องขับรถออกไปทันที จากที่สนามบินไปถึงอาณาจักรของเขาแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้น“เฮ้อ...โล่งอกไป” นาตาเซียถอนหาย