ตอนที่
[7] พยัคฆ์ซ่อนเล็บ ไจ้หลินใช้เวลาไม่นานนักก็กลับมาถึงเรือนเล็กพร้อมกับห่อผ้าเล็ก ๆ ในมือ นางทำทุกอย่างตามที่คุณหนูสั่งอย่างระมัดระวังที่สุด และมอบห่อผ้าให้หลี่ซ่างเอินโดยไม่ถามอะไรเพิ่มเติมอีก หลี่ซ่างเอินเปิดห่อผ้าออกอย่างแผ่วเบา ภายในคือกล่องไม้เล็ก ๆ ที่บรรจุเข็มเงินเนื้อดีสิบกว่าเล่ม แต่ละเล่มบางเฉียบและแวววาวกว่าเข็มเงินทั่วไป มันคือเครื่องมือชั้นดีที่จะใช้ขัดขวางแผนการร้ายของสองแม่ลูกอสรพิษ นางเก็บกล่องเข็มเงินไว้ในที่ลับอย่างดี ก่อนจะหันมามองไจ้หลินที่ยืนรอคำสั่งอยู่ด้วยสีหน้าจริงจัง “ไจ้หลิน จากนี้ไป อาหารทุกอย่างที่มาจากครัวใหญ่ หรือที่ถูกส่งมาจากเรือนของฮูหยินใหญ่และคุณหนูใหญ่ เจ้าจะต้องนำมาให้ข้าตรวจสอบก่อนทุกครั้ง ห้ามให้ข้ากินหรือดื่มอะไรโดยที่ข้ายังไม่ได้อนุญาตเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่” “เจ้าค่ะคุณหนู!” ไจ้หลินรับคำอย่างหนักแน่น แม้จะไม่เข้าใจทั้งหมด แต่ก็รู้ว่าคุณหนูต้องกำลังป้องกันตัวจากอันตรายบางอย่างเป็นแน่ “ดีมาก” หลี่ซ่างเอินพยักหน้าอย่างพอใจ นางรู้ดีว่าแผนการวางยาพิษจะต้องเริ่มขึ้นในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน เพราะสองแม่ลูกนั่นคงทนรอให้นางมีชีวิตที่ดีต่อไปไม่ได้อีกแม้แต่วันเดียว เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้นางยังไม่ได้อธิบายให้กับไจ้หลินฟังว่าแท้จริงเกิดอะไรขึ้นหรือเป็นฝีมือของผู้ใด แต่หลังจากถ้าเกิดเหตุการณ์วางยาพิษ นางคิดว่าไจ้หลินจะต้องเริ่มเข้าใจอะไรขึ้นมาแน่ ขณะที่กำลังวางแผนรับมือกับศัตรูในบ้าน ความคิดของหลี่ซ่างเอินก็ลอยไปถึงบุรุษผู้เป็นหมากตัวสำคัญที่สุดในกระดานแก้แค้นของนาง... เซวียอ๋อง ซ่งเว่ยหลิง การพบเจอกันในวันนี้เป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น นางทำได้เพียงสร้างความประทับใจที่ ‘น่าสนใจ’ และ ‘น่าสงสัย’ ให้เขาได้ฉุกคิด แต่การที่จะทำให้บุรุษผู้เย็นชาและเกลียดสตรีเจ้ามารยาเป็นที่สุดเช่นเขายอมก้าวเข้ามาในเกมของนาง หรือถึงขั้นยอมแต่งงานกับนางก่อนที่หลี่ซวงอี๋จะได้แต่งงานกับองค์ชายรองนั้น... เป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่ง บุรุษเช่นซ่งเว่ยหลิง... ย่อมไม่ชอบสตรีที่พุ่งเข้าหาอย่างโจ่งแจ้ง เขาเบื่อหน่ายสตรีที่เสแสร้งแสร้งทำ มีจริตมารยาเกินงาม และมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความต้องการ... หลี่ซ่างเอินยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย เช่นนั้น... ข้าก็จะเป็นทุกอย่างที่ตรงกันข้ามกับสตรีที่เขาเกลียด นางจะสวมบทบาทของคุณหนูผู้ใสซื่อ บริสุทธิ์ ไม่ทันคน ไม่สนใจในยศถาบรรดาศักดิ์ ไม่มีความทะเยอทะยานใด ๆ ในชีวิตนอกจากการใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและเทิดทูนพี่สาวของตนเองเหนือสิ่งอื่นใด นางจะไม่แสดงท่าทีสนใจในตัวเขาแม้แต่น้อย จะปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นเพียงผู้มีพระคุณธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ความไม่สนใจ... คือเหยื่อล่อชั้นดีที่สุดสำหรับพยัคฆ์ร้ายที่คุ้นเคยกับการถูกไล่ล่ามาตลอดชีวิตอย่างเขา ยิ่งนางทำตัวไม่สนใจมากเท่าไร เขาก็จะยิ่งสงสัยและอยากจะเข้าใกล้มากขึ้นเท่านั้น และเมื่อเขาเข้ามาใกล้พอ... นางก็จะค่อย ๆ เผยความน่าสงสารและ ความอ่อนแอของตนเองให้เขาเห็น ให้เขาได้รู้ว่านางกำลังถูกรังแกจากคนในครอบครัวอย่างไร้ทางสู้ บุรุษผู้ยิ่งใหญ่และทรงอำนาจเช่นเขา เมื่อเห็นลูกกวางน้อยที่น่าสงสารกำลังจะถูกอสรพิษร้ายรุมขย้ำ ย่อมต้องเกิดความรู้สึกอยากจะ ปกป้องขึ้นมาอย่างแน่นอน ข้าจะไม่ร้องขอให้ท่านช่วย... แต่ข้าจะทำให้ท่านอยากจะช่วยข้าเอง... ซ่งเว่ยหลิง วันต่อมา... ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นตามที่หลี่ซ่างเอินคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดเพี้ยน ในช่วงมื้อกลางวัน สาวใช้จากเรือนใหญ่ได้ยกถาดอาหารที่ดูน่ากินเป็นพิเศษมาให้ที่เรือนเล็ก พร้อมกับบอกว่า “ฮูหยินใหญ่เห็นว่าเมื่อวานคุณหนูรองเพิ่งเจอเรื่องร้ายมา วันนี้จึงสั่งให้ห้องครัวทำของบำรุงมาให้เป็นพิเศษเจ้าค่ะ” ไจ้หลินรับถาดอาหารมาด้วยรอยยิ้ม ทว่าในใจกลับระแวงเต็มที่ นางรีบนำถาดอาหารเข้ามาในห้องนอนและปิดประตูลงทันที “คุณหนูเจ้าคะ” หลี่ซ่างเอินเดินเข้ามาดูอาหารบนถาด มีทั้งน้ำแกงไก่ตุ๋นโสมและของว่างหน้าตาน่ากินอีกหลายอย่าง นางหยิบเข็มเงินเล่มหนึ่งออกมาจากที่ซ่อน ก่อนจะจุ่มมันลงไปในถ้วยน้ำแกงอย่างแผ่วเบา เพียงชั่วอึดใจ... ปลายเข็มเงินที่เคยสว่างแวววาวก็พลันเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท! ไจ้หลินเบิกตากว้างด้วยความตกใจจนแทบสิ้นสติ นางรีบยกมือขึ้นปิดปากเพื่อไม่ให้ตัวเองกรีดร้องออกมา “พิษ! มีพิษจริง ๆ ด้วย! พวก... พวกเขาใจร้ายถึงเพียงนี้เชียวหรือเจ้าคะ!” ความโกรธและความกลัวแล่นพล่านขึ้นมาในใจของนาง หากวันนี้คุณหนูไม่ได้เตรียมการไว้ก่อน... ป่านนี้คง... ก่อนที่ในหัวจะปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตนและผู้เป็นนายด้วยความรวดเร็ว นี่พวกเขา!! ตรงกันข้ามกับไจ้หลิน หลี่ซ่างเอินกลับมีสีหน้าเรียบเฉยอย่างน่าประหลาดใจ นางเพียงแค่มองเข็มเงินสีดำในมือด้วยแววตาเย็นชา ก่อนจะยกยิ้มมุมปากขึ้นมา “ใจเย็นก่อนไจ้หลิน” นางกล่าวเสียงเรียบ “นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น” นางทดสอบอาหารทุกอย่างบนถาด และพบว่ามียาพิษผสมอยู่ในน้ำแกงไก่เพียงอย่างเดียว พิษชนิดนี้เป็นพิษที่ออกฤทธิ์ช้าตามที่นางคาดไว้ หากกินเข้าไปในปริมาณน้อย ๆ จะไม่แสดงอาการในทันที แต่จะค่อย ๆ สะสมในร่างกาย ทำให้ร่างกายอ่อนแอลงเรื่อย ๆ ก่อนจะเกิดเป็นตุ่มหนองน่าเกลียดน่ากลัวขึ้นตามผิวหนังในภายหลัง เป็นวิธีการฆ่าคนที่โหดเหี้ยมและทรมานอย่างช้า ๆ “แล้ว... แล้วเราจะทำอย่างไรดีเจ้าคะคุณหนู” ไจ้หลินถามเสียงสั่น “จะให้บ่าวนำอาหารพวกนี้ไปทิ้งหรือไม่” “ทิ้งหรือ?” หลี่ซ่างเอินหัวเราะเบา ๆ “ไม่... อย่าทิ้งเป็นอันขาด” นางมองไปยังถ้วยน้ำแกงพิษนั้นด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ “ในเมื่อพวกเขาส่ง ‘ของขวัญ’ มาให้เราถึงที่ มีหรือที่เราจะไม่รับไว้” หลี่ซ่างเอินหันไปหาไจ้หลินแล้วกระซิบแผนการบางอย่างที่ทำเอาบ่าวรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ถึงกับตาโตด้วยความทึ่งในความกล้าหาญและแผนการอันแยบยลของคุณหนู ในเมื่อพวกเจ้าอยากจะเล่นละคร ข้าก็จะเล่นด้วย แต่บทละครของข้า มันเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น!ตอนพิเศษที่[3]ทายาทของเทพสงคราม (นางมารน้อย)สามเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว...ช่วงเวลาที่เมืองเซวียเต็มไปด้วยความสงบสุขและความหวานชื่น แต่แล้วก็มีเทียบเชิญจากวังหลวงส่งมาถึง... งานฉลองวันพระราชสมภพของไทเฮากำลังจะมาถึงอีกครั้ง ทำให้ซ่งเว่ยหลิงและหลี่ซ่างเอินจำต้องเดินทางกลับสู่เมืองหลวงไทเฮาเมื่อได้เห็นหน้าสะใภ้คนโปรดก็แทบจะวิ่งเข้ามากอดด้วยความคิดถึง พระองค์จับมือหลี่ซ่างเอินเอาไว้ไม่ยอมปล่อย คอยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบอย่างละเอียดลออ ก่อนที่สุดท้าย... สายตาที่คาดคั้นจะหันไปทางโอรสองค์เล็กของพระองค์“เว่ยหลิง... เรื่องที่แม่ฝากฝังไปถึงไหนแล้ว”ซ่งเว่ยหลิงถึงกับหน้าเจื่อนลงทันที เขากระแอมไอออกมาเบา ๆ อย่างเก้อเขิน “เอ่อ... เสด็จแม่ ลูก... ลูกก็พยายามอย่างเต็มที่แล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่... มันยังไม่มีวี่แววเลย”ไทเฮาส่ายพระพักตร์อย่างระอาใจ พระองค์ขยับพระโอษฐ์แต่ไม่ได้เปล่งเสียงออกมาเป็นคำพูดที่ชัดเจนว่า ไม่ได้เรื่อง! ทำเอาเทพสงครามผู้ยิ่งใหญ่ถึงกับหน้าแดงก่ำ ไม่กล้าสบพระเนตรพระมารดางานเลี้ยงฉลองวันพระราชสมภพของไทเฮาถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ แขกเหรื่อและเชื้อพระวงศ์มากมายมาร่วมถวายพระพร ในงานนี้ห
ตอนพิเศษที่[2]การต่อสู้ในโลกที่ไม่คุ้นเคยคืนหนึ่งในตำหนักเซวียอ๋องที่เงียบสงบ...หลังจาก ‘ทำภารกิจ’ ที่ได้ให้สัญญาไว้กับไทเฮาเสร็จสิ้นลง ซ่งเว่ยหลิงและหลี่ซ่างเอินก็นอนกอดกันอยู่บนเตียงกว้างอย่างมีความสุข ความเหนื่อยล้าและเรื่องราววุ่นวายที่ผ่านมาทำให้ทั้งสองค่อย ๆ ผล็อยหลับไปในอ้อมแขนของกันและกันทว่าในนิทรานั้นเอง... จิตของพวกเขาทั้งสองกลับถูกดึงไปยังสถานที่แปลกประหลาดแห่งหนึ่ง...หลี่ซ่างเอินหลังจากที่สิ้นลมหายใจในห้องขังท้ายตำหนัก นางก็ได้ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง แต่ที่นี่ไม่ใช่ปรโลกที่นางเคยจินตนาการไว้ มันคือโลกที่เต็มไปด้วยแสงสี ตึกรามบ้านช่องสูงเสียดฟ้า นางพบว่าตนเองอยู่ในร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งที่หน้าตาเหมือนนางราวกับเป็นคนคนเดียวกัน แต่กลับไม่มีใครรู้จักนางเลยแม้แต่คนเดียว นางกลายเป็นคนแปลกหน้าในโลกที่แปลกประหลาดและแล้ววันหนึ่ง นางก็ได้เห็นเรื่องราวชีวิตของตนเองถูกฉายผ่าน ‘จอสี่เหลี่ยม’ ประหลาด มันเล่าเรื่องราวตั้งแต่เด็กจนโต ความใสซื่อ ความโง่เขลา การถูกหลอกใช้ การถูกทำร้ายจนเสียโฉม และจุดจบอันน่าสลดใจในห้องขัง... นางได้เห็นความจริงทั้งหมดด้วยสายตาของบุคคลที่สาม ได้เห็นรอยย
ตอนพิเศษที่[1]แผนการลองใจ (ที่ล้มไม่เป็นท่า)หลังจากกลับมาถึงเมืองเซวีย ชีวิตของซ่งเว่ยหลิงและหลี่ซ่างเอินก็เข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้ซึ่งกันและกันอย่างแท้จริง คราวนี้ไม่มีหน้ากากแห่งความใสซื่อมาบดบัง ไม่มีภารกิจแก้แค้นมาเป็นเป้าหมายหลัก มีเพียงสามีภรรยาที่กำลังค่อย ๆ ค้นพบตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่ายซ่งเว่ยหลิงพบว่าพระชายาของเขานั้นน่าสนใจยิ่งกว่าที่เขาเคยจินตนาการไว้หลายเท่านัก นางไม่ได้มีเพียงความงามและความฉลาดหลักแหลม แต่ยังมีความแข็งแกร่งและเด็ดเดี่ยวที่ซ่อนอยู่ภายใต้ท่าทีที่สงบเยือกเย็น ในยามว่างจากการช่วยเขาวางแผนพัฒนาเมือง ทั้งสองมักจะใช้เวลาอยู่ในลานฝึกซ้อมส่วนตัว“อีกครั้งนะเพคะ” หลี่ซ่างเอินในชุดฝึกซ้อมที่ทะมัดทะแมงเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มท้าทาย ในมือของนางคือดาบไม้ที่ชี้ตรงมายังเขาซ่งเว่ยหลิงเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะตั้งท่ารับอย่างมั่นคง เขายอมรับว่าในช่วงแรกที่ประมือกัน เขายังคงออมมือให้นางอยู่บ้าง แต่หลังจากที่พ่ายแพ้ให้กับกลยุทธ์และเพลงดาบที่แปลกประหลาดแต่ร้ายกาจของนางไปหลายครั้งติด ๆ กัน บัดนี้... เขาต้องใช้ฝีมือทั้งหมดที่มีเพื่อต่อกรกับนาง!เพลงดาบของนางนั้นไม่เหมือนใคร
ตอนที่[46]บทสรุปของหนี้แค้น (ตอนจบ)วันประหารมาถึงในที่สุด...หลี่ซู่ หวังฮุ่ยจี้ และหลี่ซวงจวน รวมถึงคนที่เกี่ยวข้องถูกคุมตัวมายังลานประหารกลางเมือง ท่ามกลางสายตาของผู้คนนับพันที่มามุงดูจุดจบของตระกูลที่เคยมีหน้ามีตา บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงสาปแช่งและสมน้ำหน้าหลี่ซู่นั่งคุกเข่าอยู่บนลานประหารด้วยแววตาที่เลื่อนลอยและว่างเปล่า เขาไม่ได้สนใจเสียงก่นด่ารอบข้างแม้แต่น้อย ในหัวของเขาเอาแต่ฉายภาพเหตุการณ์เมื่อสองวันก่อนซ้ำไปซ้ำมา... เหตุการณ์ที่บุตรสาวซึ่งเขาละเลยมาตลอดชีวิตได้มาหาเขาเป็นครั้งสุดท้ายในคุกหลวงวันนั้น... ประตูห้องขังของเขาถูกเปิดออก ร่างในอาภรณ์งดงามของหลี่ซ่างเอินเดินเข้ามาอย่างสง่างาม พร้อมกับกลุ่มชายชราในชุดหมอหลวงและหมอทั่วไปอีกหลายคนหวังฮุ่ยจี้ที่ถูกขังอยู่ด้วยกัน พอเห็นหน้าหมอเหล่านั้นก็ถึงกับใบหน้าซีดเผือดราวกับเห็นผี!‘ท่านพ่อ’ หลี่ซ่างเอินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ ‘ท่านยังจำหมอเหล่านี้ได้หรือไม่ พวกเขาคือหมอที่เคยรักษาท่านแม่’ หลี่ซู่มองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ ก่อนที่เขาจะเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดต่อมาของบุตรสาว!‘และนอกจากนั้นพวก
ตอนที่[45]บทสนทนาสุดท้ายในห้องขังเดิมแสงจันทร์สีเลือดสาดส่องผ่านช่องหน้าต่างเล็ก ๆ เข้ามาในห้องขังที่อับชื้นและเหม็นคาวเลือด หลี่ซวงอี๋นอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้นฟางสกปรก ร่างกายของนางเต็มไปด้วยบาดแผลเหวอะหวะ ใบหน้าที่เคยงดงามบัดนี้ถูกกรีดทำลายจนไม่เหลือเค้าเดิม ความเจ็บปวดแล่นปราดไปทั่วร่างจนแทบจะทานทนไม่ไหว แต่น่าแปลกที่ความเจ็บปวดทางกายนั้นยังไม่เท่ากับความเจ็บปวดและอัปยศในใจนางแพ้แล้ว... แพ้อย่างราบคาบ...ทุกสิ่งทุกอย่างที่นางเคยไขว่คว้าได้พังทลายลงในพริบตา หญิงสาวคร่ำครวญกับตนเองเพียงลำพังก่อนที่จะได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบาที่ค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้... ในตอนแรกนางคิดว่าเป็นเพียงผู้คุมที่มาตรวจตรา แต่ฝีเท้านั้นกลับมาหยุดลงตรงหน้าห้องขังของนาง เงาร่างของใครผู้หนึ่งยืนนิ่งอยู่ในความมืดสลัว... ร่างนั้นสง่างามในอาภรณ์หรูหราที่ดูสูงค่า ตัดกับสภาพอันน่าสมเพชของนางโดยสิ้นเชิง “ใคร...” หลี่ซวงอี๋เค้นเสียงถามออกมาอย่างยากลำบาก ร่างนั้นค่อย ๆ ก้าวเข้ามาในแสงจันทร์ที่สาดส่องผ่านช่องลมเล็ก ๆ เผยให้เห็นใบหน้างดงามหมดจดที่นางทั้งเกลียดชังและคุ้นเคยเป็นอย่างดี... หลี่ซ่างเอิน! “น้อง... น้องรอง
ตอนที่[44]ละครฉากสุดท้ายข่าวการกลับมาของกองทัพเซวียอ๋องสร้างความโกลาหลและแตกตื่นไปทั่วทั้งตำหนักองค์ชายรอง! ซ่งซือเหยียนแทบจะสิ้นสติเมื่อได้ยินข่าวร้ายนั้น ความฝันอันหอมหวานของเขาพังทลายลงในพริบตา เขารู้ในทันทีว่าตนเองติดกับดักของเสด็จอาผู้ชาญฉลาดเข้าให้แล้ว!“เป็นไปได้อย่างไร! เขาชนะได้อย่างไร!” เขาทึ้งผมตัวเองอย่างบ้าคลั่ง “แล้วเหตุใดเขาจึงกลับมาเงียบ ๆ เขาต้องการจะทำอะไรกันแน่!”ในขณะที่องค์ชายรองกำลังสติแตกอยู่นั้น ที่คุกหลวง...หลี่ซู่ที่ถูกคุมขังมาหลายวันจนร่างกายซูบผอมและจิตใจย่ำแย่ ก็กำลังพยายามหาทางเอาตัวรอดอย่างสิ้นหวัง เขาใช้เส้นสายและเงินทองที่ยังพอมีเหลืออยู่ลักลอบส่งสารออกไปขอความช่วยเหลือจากองค์ชายรองผู้เป็นลูกเขย เขายังคงเชื่อมั่นว่าองค์ชายรองจะต้องหาทางช่วยเขาได้อย่างแน่นอนเพราะที่เขาตัดสินใจนำลงตนเองลงมาย่ำโคลนตมในครั้งนี้ก็เพราะว่าอีกฝ่ายเป็นคนยื่นข้อเสนอมา ข้อเสนอที่เย้ายวนใจทางด้านหวังฮุ่ยจี้ก็เอาแต่ร้องไห้ฟูมฟาย นางไม่ได้เป็นห่วงชะตากรรมของสามีหรือตระกูลแม้แต่น้อย แต่กลับเป็นห่วงบุตรสาวสุดที่รักอย่างหลี่ซวงอี๋ที่ถูกขังอยู่ที่ตำหนักองค์ชายรอง นางกลัวว่าบุตร