“อ๊าก...!”
เสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้นในอาคารที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จของเช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากเกิดเรื่อง ทำให้คนที่เดินเข้ามาด้วยท่าทีร้อนใจถึงกับชะงัก จดจำเสียงนั้นได้ดี“พีช” เขาถลาจะเข้าไปในตึกแห่งนั้น หาลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตนให้พบ “เดี๋ยวครับ ยังเข้าไปไม่ได้ครับ” เบนปราดมาขวางหน้าด้วยท่าทางขึงขัง นายตำรวจใหญ่ใกล้เกษียณมองตอบด้วยท่าทีไม่พอใจสุดฤทธิ์ ตะคอกถาม ดวงตากร้าว “นายมีสิทธิ์อะไรมาห้ามฉัน รู้ไหมฉันเป็นใคร” “อย่าถามคำถามนี้ได้ไหมครับ มันล้าสมัย เอาใหม่ที่คลาสสิกกว่า”“ต้องการอะไรว่ามา อย่าเล่นลิ้น”“นายจะเป็นคนบอกคุณเอง”“แล้วนายของพวกนายอยู่ไหน เมื่อไหร่มันจะโผล่หัวออกมา หรือว่าขี้ขลาด ไม่กล้าพบหน้าฉัน”“อย่าเข้าใจผิดครับ เพราะจะมีผลต่อความปลอดภัยของลูกชายท่าน” “ทำไม นายไรวินทร์มันกลัวฉัน แล้วจะไปลงกับลูกชายฉันงั้นหรือ”“เปล่าครับ ผมเกรงตัวเองรัชตะเปลี่ยนเรื่องเสีย คิดว่าทรัพย์สินหลายชิ้นเก็บไว้ที่เดิมก่อนก็ได้ แต่ถ้าเป็นบ้าน...ณิชาอาจยอมรับไว้ เพราะเป็นของแทนใจจากพ่อแม่และสมบัติตกทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษของเธอ“นิด...บ้านก็ไม่ใช่ของนิดอีกนั่นแหละค่ะ” แม้เสียงเบาลง แต่ก็รู้ว่าเปลี่ยนใจกันยาก“ดื้ออย่างที่คิดไว้จริงๆ”ไรวินทร์บ่น แล้วเดินไปโกยเอกสารตั้งใหญ่มาเก็บไว้เอง รัชตะที่นั่งผ่อนคลายบนเก้าอี้ทำงานเหลือบมองหนุ่มรุ่นน้องด้วยสีหน้ายิ้มๆ“ถ้าจัดการอะไรไม่ได้ ก็อยู่กันอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ งั้นสิ”“ไม่เกินสองเดือนน่า”“แล้วจะคอยดู”พวกเขาพูดอะไรกันก็ไม่รู้ หันมองปิ่นลดาก็เห็นสีหน้าเปื้อนยิ้ม ประกายตามีแววลุ้นอยู่...ณิชารู้สึกเหมือนถูกกันนอกวงแม้ตอนแรกจะอยากได้บ้านและทรัพย์สินอื่นคืน ส่วนหนึ่งก็เพราะอคติที่มีต่อไรวินทร์ ไม่ใช่ความอยากได้อยากมี แต่พอวันนี้หล่อนเข้าใจเขาดีแล้ว ซาบซึ้งกับความรู้สึกดีๆ ที่มีให้ แค่นี้มันดีที่สุดแล้วสำหรับณิชา...แต่ทำไมถึงไม่มีใครเข้าใจเธอเลยนะไรวินทร์มาหยุดตรงหน้าณิชา หญิงสาวแหงน
ณิชามองคนท้วง ปกติไรวินทร์ไม่ใช่คนสนใจเรื่องจุกจิกพวกนี้ แต่นี่ถามอย่างกับเป็นเรื่องใหญ่“บัวเขาเมมเอง นิดก็ขี้เกียจเปลี่ยน แต่ก็ดีออก เวลาเขาโทร.รู้สึกเหมือนมีคนบอกรักทุกวัน”“ต่อไปไม่จำเป็นแล้ว ผมจะบอกรักคุณเอง”“ได้ยังไง ของบัวก็ส่วนบัวสิ เดี๋ยวบัวน้อยใจ...ส่วนของคุณ นิดก็อยากได้เหมือนกัน” ณิชายิ้มประจบ “ว่าแต่ทำไมถึงดูเป็นเดือดเป็นร้อนกับเรื่องนี้จังเลย”ไรวินทร์ไม่ตอบ แต่สีหน้าและแววตาของเขา ณิชารู้ทันว่าแปลกไป ก่อนจะคลี่แย้มหวาน แววตาล้อเลียน“อย่าบอกนะว่าคุณคิดว่าเป็นคนอื่น” หล่อนยื่นหน้ายิ้มๆ ไปหา รุกเร้าจะให้เขาตอบเสียให้ได้ “ใช่แน่เลย อย่าคิดว่านิดไม่รู้นะว่ามือถือของนิด คุณก็เคยแอบเปิดดู”“แล้วไง ใครจะรู้ล่ะว่านั่นเพื่อนของคุณ เพื่อนประสาอะไรบันทึกชื่อกันแปลกๆ”“คุณสิแปลก เพื่อนรักกันมากก็เป็นกันอย่างนี้แหละ บางทีก็มีกอดให้กำลังใจกัน”“เพื่อนคุณมีแฟนหรือยัง”“ยัง”“แล้วเขาจะมีไหม”“
“คุณณิชาเพ้อเพราะป่วยหรือเปล่าคะ อย่ามาพูดอย่างนี้นะ ใส่ร้ายกันชัดๆ” สิริปกป้องตัวเองเสียงหลง ไม่คิดว่าเรื่องจะถึงตัวไวขนาดนี้ ไม่ทันได้เตรียมตัวหลบหลีกเลยไรวินทร์นั่งนิ่ง สอดมือโอบรอบเอวณิชา ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เชื่อในตัวเธอ แต่มันไม่มีหลักฐานจริงๆ นอกจากการยืนยันของเธอแต่แค่พักเดียว เบนที่ยืนฟังอยู่ก็โพล่งออกมา“เนกไทหลายเส้นที่คุณสิริเอาเข้าไปในห้องของนายเมื่อวานซืนใช่หรือเปล่า”สิริเนื้อตัวชาวูบ ลืมไปได้อย่างไรว่าเดินสวนกับเบนตรงบันได และเขาก็เห็นชัดตา แต่ในเมื่อไม่มีหลักฐานตำตา หล่อนไม่ยอมรับเสียอย่าง ใครจะทำอะไรได้“หลายเส้นที่ไหนกันคะ ดิฉันจำได้ตอนเจอคุณเบน เป็นเนกไทของนายที่เอาไปซักรีดนั่นแหละ”“ผมติดตามนายมาหลายปี เสื้อผ้าทุกตัว ของส่วนตัวนายทุกชิ้น คิดว่าผมจำไม่ได้หรือ ผมก็ไม่ได้ฟั่นเฟือนขนาดลืมคำพูดคุณสิริที่บอกว่าคนที่โรงแรมของคุณอรุณวดีเอามาให้เพราะนายต้องการ...จะว่าไปมันก็เป็นไปได้ยาก เพราะมีคนดูแลเรื่องนี้ให้นายอยู่แล้ว แต่ยังคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวอื่นเลยไม่เอะใจตั้งแต่ตอนนั้น ทั้งที่จริงมันก็ไม่
ไรวินทร์รีบตรงกลับบ้านทันทีเมื่อจัดการธุระเสร็จ รถสปอร์ตจอดพรืดที่หน้าบ้าน ก่อนเจ้าตัวก้าวลิ่วเพื่อจะขึ้นชั้นบน แต่สวนกับแพทริเซียตรงโถงเสียก่อน“ฉันกลับล่ะ เมื่อกี้แวะดูนิดมาแล้ว คุยกันนิดหน่อย เขาหายดีไม่มีอาการข้างเคียงจากฤทธิ์ยา”“ขอบใจมาก ฉันจะให้เบนบอกคนรถไปส่ง”“ไม่เป็นไร นายขึ้นไปดูนิดเถอะ ฉันบอกคนรถไว้แล้ว ฉันจัดการเองได้”พอไรวินทร์จะเดินผ่าน แพทริเซียกลับรั้งไว้ด้วยคำพูดที่ชวนงง“อย่าลืมเคลียร์เรื่องเสื้อเชิ้ตกับเนกไทด้วยนะ”จบถ้อยคำ หญิงสาวก็เดินออกไป ไม่สนใจสองหนุ่มสาวอีก คิดว่าพวกเขาควรได้พูดคุยกันเองในทุกเรื่องที่ยังค้างคาใจกันไรวินทร์เข้ามาในห้องนอน มองคนที่นั่งพิงหัวเตียง สีหน้าของเธอดีขึ้น ดวงหน้านวลเจือรอยยิ้ม เหมือนไม่ใช่คนที่เพิ่งประสบเหตุการณ์ชวนใจหายใจคว่ำมาเมื่อวาน“เป็นไงบ้างคะ หลักฐานของนิด”“ดี ดีมาก แม่ตัวดี”ไรวินทร์กัดฟันกรอด พุ่งตัวเข้าไปกอดรัดแม่เนื้อนวลจนแน่นที่ดูท่าจะไม่เดือดเนื้อร้อนใจว่าได้ทำให้เขาหัวใจแทบขาดรอนมาแ
“อ๊าก...!”เสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้นในอาคารที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จของเช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากเกิดเรื่อง ทำให้คนที่เดินเข้ามาด้วยท่าทีร้อนใจถึงกับชะงัก จดจำเสียงนั้นได้ดี“พีช”เขาถลาจะเข้าไปในตึกแห่งนั้น หาลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตนให้พบ“เดี๋ยวครับ ยังเข้าไปไม่ได้ครับ”เบนปราดมาขวางหน้าด้วยท่าทางขึงขัง นายตำรวจใหญ่ใกล้เกษียณมองตอบด้วยท่าทีไม่พอใจสุดฤทธิ์ ตะคอกถาม ดวงตากร้าว“นายมีสิทธิ์อะไรมาห้ามฉัน รู้ไหมฉันเป็นใคร”“อย่าถามคำถามนี้ได้ไหมครับ มันล้าสมัย เอาใหม่ที่คลาสสิกกว่า”“ต้องการอะไรว่ามา อย่าเล่นลิ้น”“นายจะเป็นคนบอกคุณเอง”“แล้วนายของพวกนายอยู่ไหน เมื่อไหร่มันจะโผล่หัวออกมา หรือว่าขี้ขลาด ไม่กล้าพบหน้าฉัน”“อย่าเข้าใจผิดครับ เพราะจะมีผลต่อความปลอดภัยของลูกชายท่าน”“ทำไม นายไรวินทร์มันกลัวฉัน แล้วจะไปลงกับลูกชายฉันงั้นหรือ”“เปล่าครับ ผมเกรงตัวเอง
เป็นพักใหญ่ถึงยิ้มได้อีกหนเพราะเสียงครางในลำคอระหงดังขึ้นอีก เหมือนเธอพยายามจะพูด“หิวน้ำไหม คุณหลับไปนานคงกระหาย รอเดี๋ยวนะ”ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นหายไปจากเธอ แต่แค่อึดใจเดียวเขาก็มาพร้อมกับแก้วน้ำทรงสวย ยกประคองเธอขึ้นแล้วจ่อแก้วน้ำนั้นถึงปากลำคอแห้งผากจนเหมือนจะแตกระแหงได้กลับมาชุ่มชื่นเมื่อน้ำเย็นไหลผ่าน ณิชาเหลือบมองชายหนุ่ม จ้องอยู่นิ่งนาน จนคนถูกมองสงสัย จึงวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะเล็กข้างหัวเตียง แล้วประคองณิชาให้นอนลงเช่นเดิม“คุณ...ฉัน...เป็นอะไร พีช...”ถ้าเป็นเมื่อก่อน ไรวินทร์คงหงุดหงิดที่ได้ยินชื่อนี้จากปากของณิชา แต่บางสิ่งที่ได้รู้จากโทรศัพท์ของเธอที่ยังติดอยู่ในกระเป๋าสะพายซึ่งทางรีสอร์ตได้เก็บไว้ให้และเพิ่งนำมาคืนเขา มันทำให้เข้าใจหญิงสาวมากขึ้น แต่ก็ยังไม่กระจ่างในความคิดเธอทั้งหมด“คุณไม่เป็นไร” ไรวินทร์รีบบอก แล้วคิดว่าควรให้เธอรู้เหตุการณ์วันนี้ดีกว่าปล่อยให้คิดไปเอง “คุณไปที่รีสอร์ตจำได้ใช่ไหม พบนายพีช แล้วคุณก็หลับไป หมอแฟรงค์มาดูอาการแล้วบอกว่าคุณโดนยาสลบ ผมตามไปอุ้มคุณกลับมานอนต่อที่บ้านเร