Beranda / แฟนตาซี / การสวมร่างของหมอผีปากแซ่บ / บทที่ 6 “ตำหนักสายหมอก”

Share

บทที่ 6 “ตำหนักสายหมอก”

last update Terakhir Diperbarui: 2024-11-04 21:26:22

บทที่ 6

“ตำหนักสายหมอก”

เขียนโดย : รสผลไม้

เจ้าจอมมองหน้าคนสองคนที่นั่งอยู่โซฟาฝั่งตรงข้าม โดยพระเพลิงกำลังนั่งจิ้มมือถือ ส่วนอาร์ก้านั่งจิบกาแฟ จิรพัฒน์จึงเลือกที่จะถามอาร์ก้า เพราะเห็นว่าเพลิงอัคคีกำลังขมวดคิ้วกับโทรศัพท์มือถือของตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่

"อาร์ก้า…"

"ว่าไงดิน"

"กู…เราเก็บกุญแจรถไว้ไหนอะ?"

"กุญแจรถ?" อีกฝ่ายทำหน้าฉงนแล้วทวนคำถามกับคนตัวเล็ก

"ใช่ ๆ กุญแจรถของเรานะ"

"ดินไม่สบายรึเปล่า? ดินไม่มีรถนะครับ ดินไม่เคยซื้อรถ" อาร์ก้าอธิบาย

เจ้าจอมเลิกคิ้วสูง ในหัวเดือดปุด ๆ อะไรคือไม่เคยซื้อรถ? เงินที่หามาได้มันไปไหนหมด? โฆษณาแต่ละตัวได้เป็นแสนเป็นล้าน

โอ๊ย!หงุดหงิดโว้ย จิรพัฒน์ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่ทีวีแอลอีดีขนาดใหญ่ ก่อนที่จะยกเท้าขึ้นมาถีบมันหล่นลงพื้น ทีวีร่วงหล่นตามแรงกระแทกอย่างรุนแรง

ด้วยอารมณ์ที่โมโหกับสถานการณ์อันไม่เป็นดั่งใจหวัง ยังต้องมาเจอวิญญาณปัญญาอ่อนห้อยขาต่องแต่งอยู่ขอบทีวี มันทำให้หมอผีปากแซ่บอย่างจอมหัวร้อนแบบเขาอยากจะจับไอ้ผีตนนี้ลงหม้อดินให้รู้แล้วรู้รอด เพื่อลดอารมณ์ความหงุดหงิดลงบ้างสักเล็กน้อยก็ยังดี

~โครม~

เสียงทีวีที่หล่นลงพื้นกระเบื้องสีขาวขุนของห้องโถง ทำให้พระเพลิงและอาร์ก้าสะดุ้งโหยง เมื่อทีวีจอยักษ์ร่วงลงสู่พื้นวิญญาณตนนั้นก็หนีหายไปจากสายตาของจินพัฒน์ เขาเดินกลับหลังหันไปยังเคาน์เตอร์ตรงกลางห้องโถง กะจะหาน้ำดื่มดับกระหายหน่อย แต่สายตาเจ้ากรรมดันไปเหลือบเห็นกุญแจรถลัมโบร์กินีวางอยู่นั้นพอดี จอมรีบเดินไปคว้ามันมาไว้ในมือ เขาชูกุญแจรถชิ้นสวยถามคนทั้งสองว่าใครคือเจ้ากรรมสิทธิ์ของมัน

"ของใคร?" จิรพัฒน์ในร่างเดินดินถามนายแบบผู้ซึ่งกำลังยืนอยู่ด้านข้างของโซฟาทั้งสองคน เนื่องจากทั้งคู่ตกใจกับการกระทำของเดินดินจึงรีบลุกจากโซฟา ตัวของอาร์ก้าสติยังไม่เข้าที่ดีรีบชี้นิ้วไปหาพระเพลิง

"ของพี่ ทำไมครับ?" พระเพลิงเอ่ยถาม

"ยืม"

ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบรับ จอมรีบวิ่งออกมาจากเพนท์เฮ้าท์ทั้งชุดนอนผ้าซาตินตัวบาง เขามาหยุดอยู่หน้าลานจอดรถ

ลัมโบร์กีนีสีแดงสด มีอยู่เพียงคันเดียวในลานจอด จิรพัฒน์ขึ้นไปนั่งเตรียมขับมันเพื่อเดินทางไปยังจุดหมายที่คิดไว้ในตอนแรก

เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่ม ทำให้ผู้อาศัยอื่นในเพนท์เฮ้าท์ตื่นขึ้นมาจากห้วงนิทราเนื่องจากพวกเขาเพียงนอนหลับไปได้ไม่กี่ชั่วโมง ก็คนที่เหลือเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศช่วงเช้ามืดนี่เอง เป็นตัวของพระเพลิงและอาร์ก้ารีบวิ่งตามคนตัวเล็กออกมายังลานจอดรถ แต่...พวกเขาช้าไป เจ้าจอมซึ่งอยู่ในร่างของเดินดินขับรถออกไปแล้ว

เพลิงอัคคีรีบเดินกลับเข้าไปด้านในเพนท์เฮ้าท์ เขาหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรหาเมืองเหนืออดีตคู่หมั้นของเดินดินทันที เพราะระหว่างเขากับเมืองเหนือ อีกคนนั้นคอนเนคชั่นดีกว่าเขาเป็นไหน ๆ

(มีไรเพลิง?) ไม่กี่อึดใจปลายสายก็ตอบรับ

"มึง...กูเจอเรื่องผิดปกติ"

(ผิดปกติอะไร?)

"ตื่นเช้ามา...น้องดินใส่ชุดนอนแบบ สภาพไม่ติดกระดุมออกมาเดินนอกห้อง" ใช่แล้ว! นี่มันคือเรื่องผิดปกติเรื่องแรก เดินดินไม่เคยแต่งตัวรุ่มร่าม คนน้องแต่งตัวมิดชิดมาก แม้กระทั้งเวลานอน

(...)

"ไม่พอนะมึง ตอนแรกกูคิดว่าจะไม่มีอะไรแล้ว แต่สาย ๆ หน่อย น้องออกมาถีบโซฟาที่ห้องโถง อาร์ก้ากับกูมาเจอพอดี อาร์ก้ามันเลยถามไงว่าน้องทำอะไร"

"ปกตินิสัยน้อง ถ้าก้าถามคือต้องตอบนะ นี่ไม่ตอบ แล้วจุดพีคคือน้องโทรหาใครก็ไม่รู้ พูดคำหยาบเต็มไปหมด" พระเพลิงอธิบายให้ปลายสายฟังอย่างร้อนใจ

"กูต้องแอบทำเป็นเล่นโทรศัพท์ แล้วเหลือบมองอะ เหมือนจะโทรขอเงินหรืออะไรเกี่ยวกับเงินนี่แหละ"

"พอวางสาย น้องก็เดินไปถีบทีวี ล่าสุดคือเอารถกูออกไปข้างนอกแล้ว!!"

(...ขับรถได้เหรอ จำได้ว่าล่าสุดขับรถไม่เป็น หรือไปเรียน?)

"เอาเวลาไหนไปเรียนขับรถอะ ในบรรดานายแบบน้องทำงานหนักสุดแล้ว เวลากินข้าวยังไม่มีเลย"

(...)

"ไม่พอนะ...น้องดริฟท์ลัมโบร์ลูกรักกูออกไปจากบ้านเลย สกิลนี่อย่างจี๊ด"

(สรุปคือเดินดินหายไปไหนมึงก็ไม่รู้...แต่เสือกอารัมภบทยาว ๆ ให้กูฟังก่อน)

"มึงจะได้จับต้นชนปลายถูกไง กูต้องเล่าเหตุการณ์ตั้งแต่แรก"

(เพลิง ตั้งแต่มึงไปทำอาชีพนายแบบนี่ รู้สึกสมองมึงจะเริ่มปัญญาอ่อนขึ้นทุกทีแล้วนะ)

"อ้าว..."

หลังจากที่เมืองเหนือตัดสายไป เพลิงอัคคีก็เดินออกมาที่ห้องโถง

ครั้งนี้เขาเจอ อาร์ก้า เทมเปอร์และ เจย์แลนด์ ทั้งสามช่วยกันยกทีวีจอยักษ์ขึ้นมาตั้งเหมือนเดิมด้วยสีหน้าหงุดหงิด ถ้าจะรู้สึกหงุดหงิดก็ไม่แปลก เพราะดั้่งเดินสวรรค์ไม่เคยเป็นแบบนี้ ปกติน้องจะยอมทุกคนตลอด ไม่เคยทำตัวไม่น่ารักหรือทำให้คนอื่นหงุดหงิดใจ วันนี้รู้สึกว่ามันแปลกเหลือเกิน

ณ ตำหนักสายหมอก

รถลัมโบร์กินีหรูจอดเทียบท่าเรือนไทยหลังงาม พร้อมกับร่างของเดินดินที่วิญญาณข้างในเป็นจิรพัฒน์ เขาเดินลงมาจากรถด้วยเท้าสวยซึ่งไม่ได้สวมรองเท้า แต่จอมหาสนใจไม่ คนตัวเล็กรีบวิ่งขึ้นเรือนไป โชคดีที่ตอนนี้เจ้าแดงน่าจะอยู่วัด ในตำหนักสายหมอกจึงไม่มีใคร

ส่วนที่ว่าทิ้งเรือนไว้เช่นนี้แล้วจะโดนขโมยขึ้นรึเปล่า ตัดประเด็นนั้นไปได้เลย แค่เหยียบหัวกระไดเรือน โจรมันไม่ตายก็บุญหัวมันแล้วกระมั้ง

จิรพัฒน์รีบเข้าไปในห้องนอนของเขาซึ่งอยู่ส่วนลึกสุด ลิ้นชักไม้ของห้องนอนถูกเปิดออก มือสวยหยิบธนบัตรรวมถึงบัตรเครดิตมาจำนวนหนึ่ง ชายหนุ่มเดินเข้าไปในห้องเก็บคัมภีร์แล้วกวาดเอาคัมภีร์ที่คิดว่าจะสามารถช่วยเขาได้ เอามาไว้ที่ตนเองทั้งหมด

ต้องรอให้ราชาสืบให้แน่ใจว่าในร่างของเขาตอนนี้ใช้เดินดินไหม หากใช่คงต้องคุยกันดีดีและหาทางออกร่วมกัน ถ้าหากว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนที่พวกเขาคิด คงต้องมีการทำพิธีกำจัดวิญญาณ แต่พิธีนี้คงต้องรอให้ลุงนินกลับมาเสียก่อน

ในตอนนี้ราชรณวรยังไม่เก่งถึงขนาดทำพิธีนี้ได้ ตัวของเจ้าจอมสามารถทำได้ก็จริง แต่ต้องเป็นกรณีที่ร่างนั้นมันไม่ใช่ร่างของเขา จะให้ไปทำพิธีกำจัดวิญญาณออกจากร่างตัวเองด้วยสภาพที่อยู่ในร่างของดั่งเดินสวรรค์เนี่ยนะ แค่คิดก็มีแต่คำว่าฉิบหายวายวอด

ถุงเงินสดและตำราโบราณถูกคล้องไว้ที่แขนเล็ก ร่างของดั่งเดินสวรรค์หอบหิ้วมันด้วยความทุลักทุเล ขาสวยก้าวลงจากเรือนหลังใหญ่ สายตาพลันเหลือบมองไปที่สวนลีลาวดีซึ่งอยู่ข้างตัวเรือนไทยหลังงาม

สายลมโชยมา หวนเอากลิ่นดอกไม้พัดเข้าจมูกของคนตัวเล็ก ผมสวยพลิ้วไหวตามสายลมนั้น เจ้าจอมพลันปรับสายตาไปที่สุดทางเดินของสวนลีลาวดี ความงดงามของดอกลีลาวดีที่ผู้ใดได้พบต่างเยินยอ ยังไม่เท่าร่างสวยของตนที่อยู่ปลายทางนั่น ผมยาวสลวยของเธอสั่นไหวไปตามแรงลม แม้ไม่มีผู้ใดมองเห็น แต่เขามองเห็นเธอตลอด 'ช่อลดา' หญิงสาวอายุราวสามสิบสิบช่วงปลาย ไม่รู้ว่าเธอเป็นใครมาตากไหน ครั้นที่เจ้าจอมเกิดมา เจ้าหล่อนก็ยืนยิ้มสวยอยู่ตรงนี้นานแล้ว

เขาเคยถามลุงนินว่าเห็นเหมือนกันไหม ตนที่ยืนอยู่ข้างหลังสวนลีลาวดี สิ่งที่ได้รับกลับมาคือการที่ผู้เป็นลุงมองเจ้าจอมด้วยแววตาแปลกประหลาดใจ นั้นมันก็เพียงพอสำหรับคำตอบที่จิรพัฒน์ต้องการ ลุงของเขาไม่เคยเห็นหล่อนเลยสักครั้ง แม้แต่ราชาเองก็เช่นกัน

รอยยิ้มสวยถูกยกยิ้มขึ้นมาให้เขา แต่นั้นมันก็เป็นเพียงชั่วครู่ ก่อนที่เธอจะหุบยิ้มแล้วหายตัวไป แปลก นับวันยิ่งแปลก เจ้าจอมสะบัดหัวละทิ้งภาพตรงหน้า

ไม่ใช่ว่าไม่เคยทำพิธีไล่เธอนะ เขาไม่ใช่คนใจดี เขาไล่จนไม่รู้จะไล่ยังไงแล้วแต่อีกฝ่ายไม่ยอมจากไปเสียที ครั้นจะจับใส่หม้อถ่วงน้ำเกรงว่าจะดูสารเลวเกิน ก็ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร หล่อนอยากจะอยู่ชมดอกลีลาวดีอยู่ตรงนั้นทุกวันก็ให้หล่อนทำไปเสีย

นิสสันจีทีอาร์ สีดำคันงามแล่นเข้ามาจอดในเรือนไทยสมัยโบราณอย่างรีบเร่ง เสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์มันดังมากพอที่จะเบี่ยงความสนใจจากจิรพัฒน์ให้หันไปมองได้ ร่างสูงของชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวออกมาจากตัวรถหรู ด้านหลังมีดูคาติคันงามสองคันตามประกบมาจอดเทียบท่า การแต่งกายที่บ่งบอกได้ชัดเจนว่าอีกสองคนที่ตามมาคราหลังนั้นเป็นบอดี้การ์ด

ใบหน้าที่คุ้นตาปรากฏขึ้น จอมจำได้ดีเขาคือ 'เมืองเหนือ' หนึ่งในคนที่ราชาพาไปเจอเมื่อวาน สงสัยมาหาราชรณวรกระมั้ง เจ้าจอมละสายตาจากสุวภัทน์และหันหลังกลับไปมองนาฬิกาแขวนผนังที่อยู่ด้านหน้าตัวเรือน จากตอนที่เขาคุยกับราชรณวรครั้งล่าสุด ดูท่าว่าอีกไม่กี่นาทีราชาก็คงจะกลับมาแล้ว

ไม่อยากยุ่ง ไม่อยากสุงสิง ไม่ชอบ ไม่ถูกชะตา ความรู้สึกของเจ้าจอมบอกตนเองอย่างนั้น จิรพัฒน์รีบกำชับถุงในมือแน่นและเดินลงจากตัวเรือนสวยไป แต่ต้องวนกลับมาใหม่อีกครั้ง ก็ในเมื่อตอนนี้เขาไม่ได้สวมรองเท้าอยู่ที่เท้าคู่งามเลยนี่

หากเป็นร่างของตัวเองแล้วนั้น เขาคงจะเดินเท้าเปล่าออกไปให้จบ ๆ แต่นี่มันร่างของคนสวยขาของเขาไง

ถ้าเท้าของน้องเป็นรอยขึ้นมาจะทำไงละ เจ้าจอมก้มมองเท้าสีขาวซีดของตนและเดินกลับไปสวมรองเท้าแตะอันใหญ่เกินขนาดของเท้าสวยไปมากโข

คนเรามันจะมีขนาดเท้าแตกต่างกันแบบนี้ได้ยังไงวะ?

เขาเดินหมุนตัวกลับเพื่อไปยังรถลัมโบร์กินีสีแดงหรู แต่ระหว่างทางที่กำลังจะเดินไปหาตัวรถสวย เขากลับถูกกระชากไว้โดยเมืองเหนือหรือสุวภัทน์นั่นเอง

แรงกระชากของอีกฝ่ายทำให้เดินดินซึ่งเจ้าจอมสวมร่างอยู่ถึงขั้นปลิวไปหาคนที่ออกแรงดึง ร่างเล็กมองหน้าอีกคนปนโมโห กล้าดียังไงมากระชากกันแบบนี้

"เรียกร้องความสนใจอะไร?" นั้นคือคำแรกที่ออกมาจากปากของคนพี่อย่างสุวภัทน์

"เรียกร้องความสนใจเหี้ยอะไรของมึง!" เจ้าจอมตอบด้วยความเหลืออด เขาเจ็บแขน ร่างของเดินดินบอบบางเกินไป

ดูการกระทำของเมืองเหนือสิ แค่หน้ายังไม่ถูกชะตา ยิ่งพอมาเจอกริยาแล้ว เจ้าจอมกลายเป็นเกลียดอีกคนไปเลย

ความปวดหนึบบริเวณแขนบางซึ่งถูกฉุดกระชาก ยิ่งเพิ่มอารมณ์เดือดของเจ้าจอมเป็นทวีคูณ เขาพยายามสกัดกั้นอารมณ์เดือดของตัวเองอยู่ จะมีเรื่องก็ไม่ได้ หามลืมนะจอม เดินดินเป็นบุคคลสาธารณะ เจ้าจอมลอบถอนหายใจเพื่อสกัดกั้นอารมณ์คุกรุ่น ร้อนรุ่มนะใช่! ร้อนจนอยากจะถามอีกฝ่ายว่าสักหมัดไหมเลยแหละ

"ก็ที่เธอทำอยู่นี่ไง เรียกร้องความสนใจอยู่"

"เป็นแค่อดีตคู่หมั้นอย่าเสือกเรื่องของกูให้มันมากนะเหนือ" ร่างเล็กเอ่ยเตือน

เจ้าจอมรู้ดีเลยแหละว่าทั้งคู่เคยหมั้นกัน จากการที่คนน้องบันทึกไว้ในไดอารี่ และเขาก็ได้อ่านมันทั้งหมดแล้ว พบว่าทั้งคู่ไม่ได้มีความรู้สึกดีดีให้กันเลยแม้แต่น้อย

ไม่สิดั่งเดินสวรรค์รู้สึกดีกับสุวภัทน์นะใช่ แต่สุวภัทน์รู้สึกยังไงนั่นก็อีกเรื่อง นี่จึงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เดินดินและเมืองเหนือถอนหมั้นกัน

เพราะฉะนั้นแล้วเขาไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงภาพลักษณ์ของเดินดินที่มีต่อคนตรงหน้านี้เลย

"กลับ!"

เหมือนสุวภัทน์ไม่สนใจในสิ่งที่จอมพูด เขาดึงแขนบางของร่างดั่งเดินสวรรค์อย่างรุนแรง หวังให้ร่างเล็กถูกลากไปตามการกระทำของเขา ไม่รู้ว่าที่ผ่านมาเดินดินรับมือยังไงกับเรื่องแบบนี้

แต่นี่เขาคือเจ้าจอมไง เขาคือไอ้จอมเลยนะ! ใหญ่มาจากไหนถึงได้กล้ามากระชากแขนของเขา จิรพัฒน์สะบัดแขนออก พร้อมกับหมัดของร่างเล็กที่ถูกปล่อยออกไปกระทบใบหน้าอีกคน

ผลั๊วะ~

หมัดแมวที่ถูกปล่อยออกไป แต่มันกลับทำให้เจ้าจอมเดือดกว่าเดิมอีก ไฉนความรุนแรงมันไม่ได้เป็นดั่งที่เขาหวัง แถมมือเล็กของตัวเองยังปวดร้าวไปทั้งมือ สรุปใครต่อยใครกันแน่! จิรพัฒน์รีบหมุนตัวไปขึ้นลัมโบร์กินีสีแดงสด แล้วขับออกไปจากเรือนไทยโบราณหลังงามทันที พอดีกับรถยนต์ของราชาที่สวนเข้ามาด้านในตัวเรือน

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • การสวมร่างของหมอผีปากแซ่บ    บทที่ 46 “END”

    ตอนที่ 46“Saturn”ดั่งดาวที่อยู่เคียงเดือน ดั่งดวงอาทิตย์ที่อยู่เคียงคู่โลก ดังอากาศที่ลอยอยู่ตามท้องนภา ดังเวลาที่ไม่มีวันหยุดเดิน.ความรักของเมืองเหนือที่มอบให้จิรพัฒน์ไม่ได้แปรเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย.กลับกันแล้ว...ความรักของเจ้าจอมที่มอบให้สุวภัทน์ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปแม้เวลาจะเวียนไหว้หมุนวนไปหลายร้อยภพก็ตามแต่.ดอกกุหลาบถูกจัดเรียงใส่แจกันสวยด้วยมือเรียวของอดีตหมอผีหนุ่มอย่างจิรพัฒน์ ในขณะที่ราชานั่งมองน้องคนสนิททำกิจกรรมดังกล่าวด้วยความเอ็นดูบัดนี้เจ้าของรัตติกาลจันทร์อัปสรเปลี่ยนมือเป็นราชรณวรแล้ว ส่วนลุงนินนั้นปลีกวิเวกเน้นทางธรรม เข้าป่าฝ่าดงละทางโลก ตำหนักสายหมอกจึงมีเพียงราชรณวรและจิรพัฒน์ที่คอยดูแล และมีดั่งเดินสวรรค์แวะเวียนมาหาบ้างเป็นครั้งคราว เช่นเดียวกับเมืองเหนือและคนอื่น ๆณ สุสานอี้ฟางศพของสุวนีย์แม่เลี้ยงของเดินดินถูกฝังไว้ที่สุสานแห่งใหญ่ของประเทศ ด้วยความเคารพอันน้อยนิดที่เดินดินมีให้อีกฝ่ายซึ่งครั้งหนึ่งเคยเลี้ยงดูปูเสื่อดั่งเดินสวรรค์มาอย่างดีดอกลิลลี่สีขาวถูกวางลงหน้าสุสานเป็นการทำความเคารพบุพการีไม่แท้ด้วยความนอบน้อมแม้ว่าอีกฝ่ายจะประพฤติปฏิบัติตนไม่ด

  • การสวมร่างของหมอผีปากแซ่บ    บทที่ 45 “เรียกพี่เหนือสิครับคนดี”

    ตอนที่ 45“เรียกพี่เหนือสิครับคนดี”ภายในห้องนอนของจิรพัฒน์ ดอกกุหลาบช่องามถูกวางไว้ข้างเตียง มือซึ่งขึ้นเส้นเลือดนิดหน่อยของจิรพัฒน์ จับช่อดอกไม้เบา ๆ ไม่ใช่ว่าไม่เคยได้ หากแต่เมื่อได้รับมักรู้สึกพิเศษเสมอเตียงยุบลงเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าสุวภัทน์เดินมาหา เจ้าจอมจึงละสายตาจากช่อดอกไม้และหันมาหาคนพี่แทน"สวยไหมคะ?"คะขา? คะขา? คะขา?"สวยครับ""พี่คิดไว้แล้วว่าจอมต้องชอบดอกไม้..."ดอกไม้ที่ว่ามันแปลว่าดอกไม้จริง ๆ ใช่ไหม?มือหนาค่อย ๆ เลื่อนเข้าไปสัมผัสใบหน้าของจิรพัฒน์ราวกับต้องการสำรวจความเพอร์เฟกต์ของใบหน้าคมซ่อนหวานตรงหน้าปลายนิ้วไล่เกลี่ยริมฝีปากของเจ้าจอมไปมาคล้ายกับต้องการสัมผัสมันอยู่อย่างนั้น เมืองเหนือขบกรามแน่นกับภาพตรงหน้าที่เห็นเมื่อเจ้าจอมใช้ปากของตนรับเอาก้านนิ้วของเขาเข้าไปลิ้มรส ลิ้นเรียวตวัดชิมก้านนิ้วเหมือนทานไอศกรีมแท่งเล็กก็ไม่ต่าง น้ำสีใสไหลเยิ้มออกมาจากมุมปากของจิรพัฒน์ก่อนที่อีกฝ่ายจะใช้สายตาออดอ้อนเหลือบมองมาที่คนพี่ ภาพตรงหน้ามันช่างตราตรึงในใจของสุวภัทน์ยิ่ง"อืมมมม~"[MuangNuea Talk]ผมว่า...ผมไม่เคยต้านทานตัวตนของเจ้าจอมได้เลยสักครั้งผมหมายถึง...ตัวตนในมุมน

  • การสวมร่างของหมอผีปากแซ่บ    บทที่ 44 “เพลิงอัคคี”

    ตอนที่ 44“เพลิงอัคคี”พิธีกรรมเสร็จสิ้นพร้อมกับหยดเลือดของสาปอักษรที่หยดลงสู่พานเป็นหยดสุดท้าย ที่จิรพัฒน์และราชาเคยสงสัยบัดนี้คงได้คำตอบแล้ว สาเหตุที่ว่าเสือป่าเก็บเลือดตัวเองไว้ในตู้เย็นของสนามแข่งทำไม เหตุก็เพราะเลือดของเขาสามารถอัญเชิญวิญญาณได้ และผู้ที่ใช้มันคือเจตตินทร์ เทพสงครามผู้มากบารมี"เสร็จแล้ว"เสียงของผู้อาวุโสเอ่ยกล่าว ท่ามกลางความโล่งใจของทุกฝ่ายเมื่อทุกอย่างจบสิ้นลง ทั้งหมดจึงแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนเอง ทิ้งไว้เพียงราชาและเดินดินอยู่ที่ตำหนักสายหมอกเท่านั้นด้านจิรพัฒน์และลุงนิน ยืนมองวิญญาณของช่อลดาที่อยู่สวนลีลาวดีโดยไม่ได้พูดกล่าวอะไรออกไป หากแต่เป็นอีกฝ่ายที่เอ่ยพูดแทน"โชคดีนะลูก ขอบคุณนะที่เกิดมาบนโลกใบนี้...""...""พี่นิน ช่อจะขึ้นไปอยู่บนนู้นแล้วนะ""สะเหล่อทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง ขึ้นไปอยู่บนนั้นอะไรของมึงล่ะ""พี่นินจ๊ะ...""รู้ทั้งรู้ว่าวิญญาณจะดับสลายก็ยังจะเสือกไปแลกเปลี่ยนกับทวยเทพ" ลุงนินสุดจะทนกับความคิดของช่อลดาน้องสาวตนเหลือเกินเพียงเพราะเจ้าจอมของเมืองเหนือแล้วไม่สมหวังหรือถึงขั้นต้องยอมแลกเปลี่ยนวิญญาณของตนเพื่อให้ลูกตัวเองสมหวังในความรัก ช่างสิ้

  • การสวมร่างของหมอผีปากแซ่บ    บทที่ 43 “ON THE FLOOR”

    ตอนที่ 43“ON THE FLOOR”รถยนต์คันงามเข้าเส้นชัยไปได้อย่างรวดเร็ว สมฉายานักแข่งไร้พ่ายประจำสนาม ท่ามกลางความยินดีของกองเชียร์ ในขณะที่ดั่งเดินสวรรค์กระโดดขึ้นยืนปรบมือด้วยความดีใจ เหมือนไม่เคยได้สัมผัสความรู้สึกเช่นนี้มาก่อนแชมเปญถูกแจกจ่ายให้ผู้ได้รับชัยชนะสามอันดับแรก เพลิงอัคคีมองไปที่ดั่งเดินสวรรค์ด้วยความรู้สึกหลากหลาย ยอมรับว่าไม่เคยเห็นคนน้องมีความสุขและสดใสมากขนาดนี้มาก่อน เพลิงรู้สึกเหมือนปล่อยวางเรื่องเดินดินได้เกือบครึ่งหนึ่ง อย่างไรเสียเขาก็เป็นห่วงดั่งเดินสวรรค์เหมือนคนในครอบครัวด้วยใจจริงณ ตำหนักสายหมอกเจ้าของตำหนักเดินขึ้นเรือนไม้หลังงามไปด้วยความใจเย็นลุงนินกลับมาแล้ว.....จิรพัฒน์ที่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่บ้านหรูสไตล์ยุโรปของตนรีบทิ้งสายยางในมือและวิ่งไปหาผู้เป็นครอบครัวเพียงหนึ่งเดียวของตนทันที"ลุง!!""มึงจะตะโกนทำไม""ลุงหายไปไหนมา?""..."เรื่องราวทั้งหมดถูกถ่ายทอดให้จิรพัฒน์ได้รับรู้ เจ้าจอมนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ ยืนขึ้นและก้าวลงจากตำหนักไป โทรศัพท์ถูกหยิบยกขึ้นมาต่อสายหาราชรณวรโดยลุงนินด้วยความรู้สึกหลากหลายเพียงไม่นานนักราชาก็เดินทางมาถึงตำหนักส

  • การสวมร่างของหมอผีปากแซ่บ    บทที่ 42 “ความจริงจากลุงนิน”

    ตอนที่ 42“ความจริงจากลุงนินและการจากไปของเหมันต์”เมื่อกลับมาถึงบ้านหลังเล็กในป่าลึกของตัวเอง เหมันต์ก็จัดการกวาดของทุกอย่างลงบนพื้นของบ้านทันที น้ำตาหลั่งรินไหลอาบแก้มคู่งาม ชายหนุ่มผิวสองสีใบหน้าคมพยายามกักเก็บอารมณ์ไว้แต่คราแรกบัดนี้หาเป็นเช่นนั้นไม่ เหมันต์ยกมือหนาขึ้นมาปิดบังใบหน้าตน ซึ่งยามนี้น้ำตาไหลไม่มีท่าว่าจะหยุดได้เลยแม้แต่น้อยฮึก ฮึก ฮึก~เสียงจิ้งหรีดเรไรร้องจัดแข่งกับเสียงสะอื้นของหมอผีหนุ่ม การรอคอยของเขามันไร้ค่าสิ้นดี อยู่ไปก็เหมือนคนที่ตกนรกทั้งเป็น สู้ตกตายไปเสียยังจะดีกว่า ไม่น่าเลย...ไม่น่าพาเจ้าจอมมาทำอะไรแบบนี้เลย สุดท้ายแล้วผลกรรมทั้งหมดก็ตกแด่เขา ผู้เป็นดั่งคนคอยเปิดประตูสู่ความเลวทรามในใจของจิรพัฒน์ไซยาไนด์ชนิดไร้สีสันถูกนำมาผสมน้ำเปล่าหวังดื่มเพื่อจบชีวิตตน มือเรียวยาวลูบไล้ขอบแก้วน้ำสีใสไปมา เหมันต์มีความคิดจะจบชีวิตอยู่หลายครา แน่นอนว่าทุกครั้งที่เจ้าตัวปลิดชีพผู้อื่น เขาคิดตลอด คิดมาตลอด เพียงแต่ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ในการรอคอยจิรพัฒน์มันทำให้เขาไม่กล้าตัดสินใจเดิมทีเหมันต์นั้นเป็นคนจิตใจดี แต่ด้วยงานที่ทำอาจจะดูเลวทรามไปบ้าง แต่อย่างไรเสียเขาก็มีความร

  • การสวมร่างของหมอผีปากแซ่บ    บทที่ 41 “ความสัมพันธ์กับเมืองเหนือ”

    ตอนที่ 41“ความสัมพันธ์กับเมืองเหนือ”"กูฝากดูหน่อย" ราชาเอ่ยพูดกับเมืองเหนือด้วยใบหน้ากังวลใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน"แล้วทำไมมึงต้องพูดตัดความสัมพันธ์ขนาดนั้นด้วยวะ?""เหนือ...กูรู้นะว่ามึงชอบจอม มึงรับได้เหรอถ้ากูกับจอมยังเป็นแบบนี้อยู่""ไม่" เมืองเหนือรีบสั่นศีรษะปฏิเสธทันที"เห็นไหม มึงหวงเจ้าจอมจะตาย กูถึงต้องตัดความสัมพันธ์นี้ไง กูต้องขีดเส้นให้ชัดเจน""ทั้งหมดที่ทำไปอาจจะดูใจร้ายไปบ้าง แต่เพราะกูชอบน้องดิน ถ้ายังไม่ชัดเจนเรื่องจอมอยู่แบบนี้ เดินดินจะรู้สึกยังไงวะ?" ราชาพูดต่อเมืองเหนือเคยแอบสงสัยอยู่บ้างว่าราชรณวรนั้นชอบดั่งเดินสวรรค์ เพียงแต่ไม่กล้าฟันธง เพราะเพื่อนเขาคนนี้เป็นพวกชอบใจดีกับคนอื่นไปทั่ว ยอมรับว่ารู้สึกแปลกใจอยู่พอควรที่ราชายอมบอกกับเขาตรง ๆ ว่าตัวเองนั้นชอบดั่งเดินสวรรค์อีกฝ่ายตบไหล่สุวภัทน์สองสามทีก่อนจะขอตัวกลับไปหาเดินดินซึ่งรออยู่ที่คฤหาสน์ของสุวภัทน์นานแล้วส่วนเจ้าแดงเองก็ขอตามราชรณวรไปด้วย เพราะไม่อยากอยู่ในเขตของตำหนักสายหมอกอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรูทรงยุโรปของจิรพัฒน์ ตัวของแดงเองก็ไม่อยากจะอยู่เช่นกันณ คฤหาสน์ของเมืองเหนือ"เมื่อไหร่พี่ราชาจะ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status