อลิซ โปรแกรมเมอร์สาวจากโลกปัจจุบัน พลันเสียชีวิตและตื่นขึ้นมาในร่าง เลดี้เซเรน่า ฟอน วาลดีส ตัวร้ายผู้มีชะตากรรมสุดเศร้าในนิยายที่เธอเพิ่งอ่านจบ! เมื่อรู้ว่าเหลือเวลาอีกไม่กี่วันก่อนถูกปรักปรำและเนรเทศ เธอต้องพลิกชะตาตัวเอง และร่วมมือกับ คล้าว พ่อค้าหนุ่มผู้ลึกลับ เพื่อเปิดโปงแผนร้ายของ มหาเสนาบดีซิลเวสเตอร์ ผู้ที่กำลังจะทำลายทั้งอาณาจักร เธอจะใช้ความรู้จากอีกโลก เปลี่ยนจากตัวร้ายที่ถูกลืม ให้กลายเป็นผู้กอบกู้ในตำนานได้หรือไม่? เรื่องราวของชีวิตใหม่ที่เธอเลือกเองกำลังจะเริ่มต้นขึ้น!
view moreติ๊ง!
เสียงแจ้งเตือนจากหน้าจอแล็ปท็อปดังขึ้นอีกครั้ง แสงสีฟ้าอมขาวที่สะท้อนจากจอมอนิเตอร์ส่องกระทบแว่นตาของ อลิซ ขณะที่เธอกำลังจดจ่ออยู่กับการแก้ไขโค้ดที่ยุ่งเหยิงราวกับใยแมงมุม เธอขยับแว่นขึ้นเล็กน้อย สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วลงมือพิมพ์โค้ดอย่างรวดเร็วและแม่นยำ
“อีกนิดเดียว… อีกนิดเดียวก็จะเสร็จแล้ว!” เธอพึมพำกับตัวเอง
อลิซ วัย 28 ปี คือโปรแกรมเมอร์ผู้ทุ่มเทให้กับงานเป็นชีวิตจิตใจ นอกจากงานแล้ว สิ่งที่เธอหลงใหลไม่แพ้กันคือนิยายแฟนตาซี โดยเฉพาะแนวเกิดใหม่ในต่างโลก หรือเกมจีบหนุ่มแนวโอโตเมะที่ตัวเอกต้องไปเผชิญชะตากรรมในโลกแฟนตาซี ทุกคืนหลังเลิกงาน เธอมักจะใช้เวลาดำดิ่งไปในโลกแห่งจินตนาการเหล่านั้นเพื่อผ่อนคลายจากความเครียดของการเขียนโปรแกรม
คืนนี้ก็เช่นกัน หลังจากแก้บั๊กสำคัญของโปรเจกต์ใหญ่สำเร็จ อลิซก็รีบคว้าแท็บเล็ตคู่ใจมาเปิดอ่านนิยายเรื่องล่าสุดที่เธอเพิ่งกดซื้อมาได้ไม่กี่ชั่วโมง เรื่อง “ตำนานเจ้าหญิงแห่งแสงและเงา” เป็นนิยายแนวโอโตเมะที่เนื้อเรื่องเข้มข้น ตัวละครน่าสนใจ และที่สำคัญ… ตัวร้ายอย่าง เลดี้เซเรน่า ฟอน วาลดีส ก็ร้ายได้ใจจนเธออดหมั่นไส้ไม่ได้ แต่ก็แอบสงสารจุดจบอันน่าอนาถของเธออยู่ลึกๆ
“จบแล้ว!” อลิซร้องออกมาอย่างดีใจเมื่ออ่านหน้าสุดท้ายของนิยายจบลง เวลานั้นคือตีสอง เธอแทบจะไม่ได้พักสายตาเลย เธอถอนหายใจยาว พลางบิดขี้เกียจเพื่อคลายความเมื่อยล้า แล้วจึงปิดแท็บเล็ตและเดินไปล้มตัวลงบนเตียงนอนที่แสนสบาย
เช้าวันรุ่งขึ้น อลิซตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่นกว่าที่เคยเป็น เธอจัดการธุระส่วนตัวอย่างรวดเร็ว และรีบก้าวออกจากอพาร์ตเมนต์เพื่อไปทำงานให้ทันเวลา แม้จะต้องเดินผ่านทางม้าลายที่แสนวุ่นวายใจกลางเมืองในชั่วโมงเร่งด่วน เธอก็ไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็กตารางงานของวันนี้ พร้อมกับยิ้มให้กับข้อความตลกๆ ที่เพื่อนร่วมงานส่งมา เสียงแตรรถดังเซ็งแซ่ไปทั่วบริเวณ ผู้คนเบียดเสียดกันเดินบนทางเท้า อลิซก้าวเท้าลงบนทางม้าลายอย่างไม่รีบร้อน สายตาจดจ่ออยู่กับหน้าจอโทรศัพท์
ทันใดนั้นเอง…
เสียงเบรกดังเอี๊ยดดด! สนั่นหวั่นไหว ร่างของเธอถูกกระแทกอย่างแรงจากด้านข้าง แรงปะทะนั้นมหาศาลจนทำให้เธอรู้สึกเหมือนกระดูกทุกส่วนในร่างกายแหลกละเอียด ความเจ็บปวดรุนแรงแล่นปราดไปทั่วร่างราวกับถูกไฟช็อต ก่อนที่สติของเธอจะดับวูบลงพร้อมกับภาพสุดท้ายที่เห็นคือแสงไฟหน้ารถบรรทุกคันใหญ่ที่พุ่งเข้าหาเธออย่างไร้ความปรานี
ความมืดมิดเข้าครอบงำ… อลิซรู้สึกว่าร่างกายของเธอเบาหวิว คล้ายกับวิญญาณที่ล่องลอยอย่างไร้จุดหมาย
เธอไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร จนกระทั่ง… แสงสว่างจ้าอีกครั้งก็สาดส่องเข้ามา
และเมื่อเปลือกตาหนักอึ้งของเธอเปิดขึ้น สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาไม่ใช่โรงพยาบาล แต่เป็นเพดานไม้แกะสลักอันวิจิตรตระการตาในห้องที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน พร้อมกับความจริงที่ว่า… เธอไม่ได้อยู่ในร่าง ของอลิซอีกต่อไปแล้ว
หลายเดือนผ่านไปนับตั้งแต่การปราบปรามดยุกเรย์มอนด์ เมืองพอร์ตเวลล์ได้พลิกฟื้นและเติบโตอย่างก้าวกระโดด กลายเป็นสัญลักษณ์ของความหวังและนวัตกรรมที่ได้รับการยอมรับจากทั่วอาณาจักร กำแพงหินที่แข็งแกร่งถูกสร้างขึ้นใหม่ โครงสร้างพื้นฐานทันสมัยขึ้น ระบบการศึกษาขยายตัว และร้านยาแสงจันทร์ของอลิซก็กลายเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งรวมผลิตภัณฑ์สมุนไพรคุณภาพสูงอลิซในชุดเสื้อผ้าที่ดูเรียบง่ายแต่ทว่าสง่างาม ยืนอยู่บนระเบียงบ้าน มองดูชาวเมืองที่เดินไปมาอย่างมีความสุข ใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มพึงพอใจ เธอกับคล้าวได้สร้างเมืองในฝันของพวกเขาขึ้นมาจริงๆ"อากาศดีจริงๆ นะคะคุณคล้าว" อลิซเอ่ยขณะที่คล้าวเข้ามาสวมกอดเธอจากด้านหลังคล้าวพยักหน้า เขามองออกไปยังเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา "ผมไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะได้ลงหลักปักฐานที่ไหนแบบนี้ครับคุณเซเรน่า แต่การได้อยู่กับคุณ... ที่นี่ก็เหมือนบ้าน"ชีวิตประจำวันของพวกเขาเต็มไปด้วยความสุขเล็กๆ น้อยๆ โดยเฉพาะอลิซที่มักจะใช้เวลาในห้องทดลองเพื่อคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ หรือปรับปรุงสูตรยา ส่วนคล้าวก็จะดูแลเรื่องการค้า การรักษาความปลอดภัย และคอยเป็นกำลังใจให้อลิซอยู่เสมอเจ้าชายคาเ
หลังจากการต่อสู้สิ้นสุดลง แสงแดดยามเช้าก็สาดส่องลงมายังพอร์ตเวลล์อีกครั้ง ความเสียหายจากการรบปรากฏให้เห็น แต่ท่ามกลางซากปรักหักพัง ผู้คนกลับเต็มไปด้วยความหวังและขวัญกำลังใจที่เปี่ยมล้นดยุกเรย์มอนด์และบรรดาผู้สมรู้ร่วมคิดถูกนำตัวกลับไปยังเมืองหลวงเพื่อไต่สวนอย่างเป็นทางการ เจ้าชายคาเลบทรงจัดการเรื่องนี้อย่างโปร่งใส และใช้หลักฐานที่อลิซและคล้าวมอบให้เพื่อเปิดโปงเครือข่ายอำนาจมืดที่ฝังรากลึกมานานในที่สุด ดยุกเรย์มอนด์ก็ถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหากบฏและสมคบคิดกระทำการอันเป็นภัยต่อราชบัลลังก์ เขาและผู้สมรู้ร่วมคิดได้รับโทษตามกฎหมายอย่างสาสม ทรัพย์สินและอำนาจที่ตระกูลเรย์มอนด์ยึดครองมาอย่างไม่ชอบธรรมถูกริบคืน และนำมาใช้เพื่อฟื้นฟูอาณาจักรและช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบในเมืองพอร์ตเวลล์ การฟื้นฟูเริ่มขึ้นทันที ชาวเมืองร่วมแรงร่วมใจกันซ่อมแซมความเสียหาย อลิซใช้ความรู้ด้านวิศวกรรมและการจัดการของเธอ เพื่อวางแผนสร้างกำแพงและโครงสร้างป้องกันเมืองให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยมีคล้าวเป็นกำลังหลักในการดูแลการก่อสร้างและฝึกฝนทหารพิทักษ์เมืองให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเจ้าชายคาเลบและเจ้าหญิงเอ
การมาถึงของเจ้าชายคาเลบพร้อมกององครักษ์หลวง เปรียบได้กับแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมากลางสมรภูมิที่มืดมิดในพอร์ตเวลล์ แรงฮึดของชาวเมืองกลับคืนมา คล้าวและเจ้าชายคาเลบร่วมกันต่อสู้อย่างดุดัน พลังเวทมนตร์ธาตุพฤกษาของคล้าวกับทักษะดาบที่เหนือชั้นของเจ้าชายคาเลบ ผนึกกำลังกันจนยากที่ทหารของดยุกเรย์มอนด์จะต้านทานได้ดยุกเรย์มอนด์ซึ่งเฝ้าดูการรบอยู่จากแนวหลังถึงกับกุมขมับ เขาไม่คาดคิดว่าเจ้าชายคาเลบจะมาปรากฏตัวที่นี่ และที่สำคัญคือพระองค์ยังนำทัพมาด้วยพระองค์เอง บัดนี้แผนการของเขาที่ต้องการยึดพอร์ตเวลล์อย่างลับๆ ได้ถูกเปิดเผยต่อหน้าธารกำนัล และกำลังจะพลิกกลับมาเป็นภัยต่อตัวเขาเอง"ถอยทัพ! ถอยทัพเดี๋ยวนี้!" ดยุกเรย์มอนด์ตะโกนสั่งนายพลด้วยความตื่นตระหนก แต่ก็ดูเหมือนจะสายเกินไป ทหารของเขากำลังถูกตีโอบ และการมาถึงของเจ้าหญิงเอลิเซียพร้อมขบวนเสบียงและยาบำรุง ทำให้ขวัญกำลังใจของทหารพอร์ตเวลล์พุ่งสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดอลิซในฐานะผู้บัญชาการเบื้องหลัง สั่งการให้ทหารพอร์ตเวลล์ที่เหลือปิดล้อมกองทัพที่กำลังถอยร่น ประสานงานกับเจ้าชายคาเลบเพื่อปิดทางหนีทั้งหมด การต่อสู้ดำเนินไปอีกพักใหญ่ ก่อนที่ฝ่ายกองทัพของ ด
เช้าตรู่วันนั้น แสงอาทิตย์ยังไม่ทันทอประกายเต็มที่ เสียงแตรศึกก็ดังก้องไปทั่วป่ารอบเมืองพอร์ตเวลล์ กองทหารของดยุกเรย์มอนด์นับพันนาย ที่นำโดยนายพลผู้มากประสบการณ์ พร้อมด้วยเครื่องยิงก้อนหินขนาดใหญ่และธนูเพลิง เคลื่อนทัพเข้าประชิดกำแพงไม้ชั่วคราวของพอร์ตเวลล์อย่างพร้อมเพรียงในเมือง อลิซและคล้าวยืนอยู่บนหอสังเกตการณ์ที่สูงที่สุด มองดูภาพกองทัพที่กำลังรุกคืบด้วยสายตาที่มุ่งมั่น ชาวเมืองทุกคนที่สามารถจับอาวุธได้ หรือช่วยเหลือได้ กำลังประจำตำแหน่งที่ถูกจัดเตรียมไว้ พวกเขามีจำนวนน้อยกว่ามาก แต่ดวงตาของทุกคนเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะปกป้องบ้านของตัวเอง"คุณคล้าวคะ... เราจะรับมือไหวไหม" อลิซกระซิบถามคล้าวโอบไหล่อลิซแน่น "เราต้องไหวครับคุณเซเรน่า เราได้เตรียมการทุกอย่างเท่าที่เราทำได้แล้ว"แผนการป้องกันของอลิซและคล้าวอาศัยภูมิประเทศเป็นหลัก พวกเขาใช้ป่าทึบและลำธารรอบเมืองให้เป็นประโยชน์ มีการวางกับดักง่ายๆ ซ่อนอยู่ตามเส้นทางที่คาดว่าศัตรูจะเดินทัพเข้ามา และเตรียมพลธนูที่แม้จะมีจำนวนน้อย แต่ก็ได้รับการฝึกฝนให้ยิงจากตำแหน่งที่ได้เปรียบเสียงโห่ร้องของทหารฝ่ายดยุกเรย์มอนด์ดังสนั่น เมื่อพวกเขาเร
หลังจากการค้นพบอันน่าตกใจเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่าง ดยุกเรย์มอนด์และเครือข่ายของซิลเวสเตอร์ในอดีต อลิซและคล้าวรู้ดีว่าพวกเขาไม่สามารถรับมือกับภัยคุกคามนี้เพียงลำพังได้ การต่อสู้ครั้งนี้ใหญ่เกินกว่าแค่การปกป้องพอร์ตเวลล์ แต่มันคือการชำระล้างความมืดมิดที่ฝังรากลึกในอาณาจักร"เราต้องไปหาเจ้าชายคาเลบค่ะคุณคล้าว" อลิซกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว "หลักฐานทั้งหมดนี้จะต้องถึงมือพระองค์ให้ได้"แต่การเข้าถึงเจ้าชายคาเลบในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะในตอนนี้ดยุกเรย์มอนด์เพิ่มการควบคุมเมืองหลวงอย่างเข้มงวด คล้าวใช้ความสามารถพิเศษของเขาในการติดต่อกับมาร์คัสพ่อค้าคนสนิทที่ยังคงอยู่ในเมืองหลวง มาร์คัสเป็นคนเดียวที่พวกเขาสามารถไว้ใจให้เป็นผู้ส่งสารได้"มาร์คัส ผมต้องการให้คุณนำจดหมายฉบับนี้ไปมอบให้เจ้าชายคาเลบด้วยตัวคุณเอง" คล้าวเอ่ยผ่านเครื่องมือสื่อสารลับที่อลิซได้ประดิษฐ์ขึ้นเพื่อการติดต่อระยะไกลระหว่างพอร์ตเวลล์กับเมืองหลวง "มันคือหลักฐานที่จะเปิดโปงดยุกเรย์มอนด์ทั้งหมด"มาร์คัสรับคำสั่งด้วยความมุ่งมั่น "วางใจได้เลยครับ ผมจะนำมันไปถึงมือพระองค์ให้ได้ ไม่ว่าจะต้องเสี่ยงแค่ไหนก็ตาม"ในระหว่างที่รอข่าวจา
ความมืดมิดปกคลุมเมืองพอร์ตเวลล์อีกครั้ง ไม่ใช่แค่เพียงความมืดของค่ำคืน แต่เป็นเงาของความกังวลที่คืบคลานเข้าสู่จิตใจของผู้คน อลิซและคล้าวสัมผัสได้ถึงความสิ้นหวังที่เริ่มกัดกินเมืองที่พวกเขาสร้างขึ้นมา"เราต้องหาทางพลิกสถานการณ์ให้ได้ค่ะคุณคล้าว" อลิซกล่าว ขณะที่เธอกำลังตรวจสอบสต็อกวัตถุดิบที่ร่อยหรอลงทุกวัน "ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เราจะผลิตสินค้าออกมาไม่ได้ และชาวบ้านก็จะไม่มีงานทำ"คล้าวพยักหน้า สีหน้าของเขาเคร่งเครียด "ผมพยายามหาเส้นทางขนส่งใหม่ๆ แล้วครับคุณเซเรน่า แต่คนของดยุกเรย์มอนด์คุมเข้มทุกทางจริงๆ"ในขณะที่ทั้งสองกำลังเผชิญหน้ากับทางตัน คล้าวก็คิดถึงบางสิ่งบางอย่างที่เขาเคยได้ยินมานานแล้ว มันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับตระกูลเรย์มอนด์ที่มีประวัติยาวนานและบางครั้งก็มืดดำกว่าที่คนทั่วไปรู้"คุณเซเรน่าครับ ผมคิดว่าเราต้องสืบให้ลึกกว่านี้" คล้าวเอ่ยขึ้น "ดยุกเรย์มอนด์ไม่ได้เป็นแค่ขุนนางหัวเก่าที่ยึดติดกับอำนาจ เขาอาจจะมีอะไรที่ซ่อนเร้นอยู่มากกว่านั้น"คล้าวตัดสินใจเดินทางไปยังหอจดหมายเหตุลับแห่งหนึ่งที่เขารู้จักในเมืองหลวง ซึ่งเป็นสถานที่ที่เก็บรวบรวมบันทึกเก่าแก่และประวัติศาสตร์ที่ถูกซ่อนไ
Mga Comments