ผู้นำการค้าอย่างซุนอี้หาน มองสูตรถุงหอมสมุนไพรแล้วตาวาวขึ้นเล็กน้อย ในหัวคิดถึงผลประโยชน์อันมากมาย
อวิ๋นฮูหยินไม่เข้าใจในท่าทีของบุตรชาย “หานเอ๋อร์มีสิ่งใดไม่ถูกต้องรึ ทำไมเจ้าเอาแต่จ้องสูตรยาเล่า”
“ท่านแม่ไม่มีขอรับ ข้าเพียงคิดว่าสูตรถุงหอมนี่สามารถทำการค้าได้เหมือนกัน”
คนเป็นมารดาถึงกับพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ “เจ้านี่ในหัวมีแต่เรื่องเงินจริง ๆ ฉีฉีมอบให้ข้านะ”
“ท่านแม่มีเงินเยอะย่อมดีกว่ามีน้อย อีกอย่างอนาคตยังต้องใช้เงินอีกมากมาย”
ซุนอี้หานไม่รู้จะอธิบายอย่างไรกับมารดา จึงหันไปทางหลินลู่ฉีแทน “ฉีฉีเจ้าขายสูตรถุงหอมนี่ให้ข้าได้หรือไม่”
บทที่ 247 : หวีครั้งแรกขอให้ชีวิตคู่ยืนยาว หลินลู่ฉีไปหาฉินซื่อที่เรือน พบว่านางกำลังปักชุดเจ้าสาวให้ตัวเองอยู่ หวงจื่อเหยาที่ได้เวลาใกล้คลอดแล้ว นางมาหามารดาเพื่อดูว่ามีอะไรให้ช่วยบ้าง “ท้องโตขนาดนี้ยังขึ้นรถม้าไปโน่นมานี่อีก ชุดเจ้าสาวของฉีฉีข้าทำเองได้เจ้าไม่ต้องช่วย” เสียงของฉินซื่อเอ่ยบ่นบุตรสาว ดังออกมาจากเรือนของนาง “ท่านแม่ฉีฉีของพวกเราจะออกเรือนทั้งที นางไม่ยอมรับสินเดิมจากพวกเรา มีเพียงชุดแต่งงานนี่แหละ ที่พวกเราพอจะทำให้นางได้” หลินลู่ฉีกระแอมเบา ๆ สองแม่ลูกก็หันมามองนางในทันที “เจ้ามาแอบฟังข้ากับท่านแม่พูดคุยกันใช่ไหม” “พี่จื่อเหยาท่านใส่ร้ายข้า” นางออดอ้อนเป็นเด็กน้อยทันที &ld
บทที่ 246 : ข้าจะนำผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวผืนนี้ไปมอบให้นางเองกับมือ “ท่านจริงจังทำไม ข้าแค่ล้อเล่น” แต่นางกลับชอบท่าทางเช่นนี้ของเขา “พี่อี้หานท่านเป็นพ่อค้าร่ำรวยอยู่อย่างสบาย ๆ ก็ได้ ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมท่านต้องอยากหนุนหนังฮ่องเต้ หรือว่าเข้ารับตำแหน่งประมุขหอการค้า” ซุนอี้หานเลิกคิ้วมองนางอย่างเอ็นดู “เจ้าอยากรู้จริงรึ” “อื้ม” นางทำหน้าจริงจังขึ้นมา “ฉีฉีเจ้าว่าข้าร่ำรวยแล้วมีประโยชน์อันใด หากบ้านเมืองล่มสลาย ราษฎรทุกข์ยาก ใครจะมาซื้อข้าวของของข้ากัน” หลินลู่ฉีถึงกับคาดไม่ถึงว่าคำตอบของเขา จะออกมาคุณธรรมค้ำจุนโลกเช่นนี้ “ก็จริงของท่าน” “ส่วนที่รับตำแ
บทที่ 245 : เป็นเจ้านี่เองที่แอบดูข้าแต่ไม่ช่วยวันนั้น ขณะที่หลินลู่ฉีที่กำลังเคลิ้ม ๆ หลับอยู่นั้น บานหน้าต่างก็ถูกคนเปิดแง้มเข้ามา นางลืมตาขึ้นหยิบมีดสั้นที่อยู่หัวเตียงออกมาถือไว้ คนผู้นั้นย่องเงียบเข้ามาหานาง “ฮึ่ย !” “ข้าเอง” ซุนอี้หานจับข้อมือนางเอาไว้ได้ทัน พร้อมทั้งปลดมีดสั้นเล่มนั้นออกมา เดินไปจุดตะเกียงภายในห้อง ทำให้เห็นมีสั้นได้ถนัดตา หลินลู่ฉีเห็นเขายืนจ้องมีดสั้นของตัวเองก็ไม่เข้าใจ “พี่อี้หานมีอะไร” “นี่เป็นมีดสั้นของเจ้ารึ” “อืม เป็นของข้าเอง ข้าออกแบบเองและสั่งโรงผลิตทำให้ มีแค่ข้าที่ใช้มีดสั้นแบบนี้” นางเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ ซุนอี้หา
บทที่ 244 : คนพวกนั้นมีบุญแค่ไหนที่ได้ตายด้วยมือของเจ้า “ไม่มีอะไรหรอก แค่เป็นห่วงชื่อเสียงของสตรีโสด” หลินลู่ฉีชิงตอบก่อนหันไปทางองค์หญิงสิบเอ็ด “เฟินเฟินเจ้ามาขี่หลังข้า ข้าจะพาปีนลงไปเอง” “ฉีฉีเจ้าล้อข้าเล่นใช่ไหม เจ้าจะปีนพาข้าลงไปได้อย่างไร” องค์หญิงสิบเอ็ดคิดว่ารูปร่างของนางกับอีกฝ่ายพอ ๆ กัน หากแบกปกติทั่วไปย่อมได้ แต่นี่ต้องปีนไต่เชือกลงไปอีก ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริง ๆ “ข้าทำได้น่า พี่อี้หานท่านแบกพระชายาลงไปก่อน” นางหันไปทางคู่หมั้นตัวเอง “ล่วงเกินพระชายาแล้ว” ซุนอี้หานย่อตัวลง พระชายารุ่ยอ๋องไม่ใช่คนไร้เหตุผล นางรู้ว่าทุกคนย่อมไม่กล่าวหาสตรีที่มีสามีมีบุตรแล้วอย่างนาง อีกอย่างนี่คือการช่วยเหล
บทที่ 243 : เลิกเถียงกันได้แล้ว ข้าจะขึ้นไปรับพวกนางเอง พระจันทร์เต็มดวงลอยเด่นกลางท้องนภา ทว่าราตรีนี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก สตรีสามนางยืนอยู่บนปากทางระบายน้ำ มองไปยังป่าไม้ฝั่งตรงข้ามด้วยความหวังอันริบหรี่ “คุณหนูหลินดูเจ้าไม่รู้สึกกลัว หรือว่าเจ้ามั่นใจว่าจะมีคนมาช่วย” พระชายารุ่ยอ๋องเกิดสงสัยขึ้นมา “นั่นสิฉีฉี เจ้าดูใจเย็นมากเลย” องค์หญิงสิบเอ็ดเห็นด้วย หลินลู่ฉียิ้มบาง ๆ “เรื่องอื่นข้าไม่รู้ แต่ว่าวันนี้พวกเราสามคน ไม่สิ ทั้งสี่คนต่างหาก” นางมองไปที่หน้าท้องแบนราบของพระชายารุ่ยอ๋อง เอ่ยต่อว่า “ยังไม่มีใครถึงคราวเคราะห์ร้ายแรงหรือว่าเสียชีวิต” องค์หญิงสิบเอ็ดกับพี่สะใภ้ของนาง มองสบสายตากันในความมืดสลัว ในใจของพวกนางเกิดความผ่อนคลายขึ้น&
บทที่ 242 : พวกเจ้าจะเอากบหรือผีเสื้อล่ะ รุ่ยอ๋องแบ่งหน้าที่ทุกคนอย่างชัดเจน แม่ทัพหยวนควบคุมกองกำลังก่อกบฏ รองแม่ทัพหยวนกับคนอื่นไปไล่ล่าตามหาจิ้นอ๋อง จงซือหยางกับที่ปรึกษาคนอื่นคอยจัดการขุนนางที่เข้าข้างจิ้นอ๋อง ซุนอี้หานกับหวงจื่อถงให้ไปตามหาน้องสาว เท่ากับได้ตามหาพระชายาของตนด้วย ส่วนหมิงกุ้ยเฟยเมื่อหายตกใจแล้ว จึงให้คนไปจัดการส่งตัวสตรีสูงศักดิ์ทั้งหลาย ออกจากวังหลวงอย่างปลอดภัย รวมถึงส่งฉีเฟินเยว่กลับไปด้วย เมื่อนางไปถึงเรือนของตนเอง จึงได้เล่าเรื่องราวน่าตื่นเต้นให้บิดามารดาฟัง พวกเขารีบพาบุตรสาวไปที่ตระกูลหวงเพื่อส่งข่าวให้รู้ ภายในทางระบายน้ำ ทุกคนเริ่มเหนื่อยล้าและหมดเรี่ยวแรงจะเดินต่อ เพราะการเดินในน้ำที่สูงท่วมเข่านั้นไม่ใช่เรื่องง่าย พระชายาจิ้นอ๋องเดินได้ช้าที่สุด ต้องมีคนคอยพยุงไปตลอดทาง “เจ้าไปดูที่ปลายทางทีว่าใกล้ถึงหรือยัง” จิ้นอ๋องสั่งทหารคนหนึ่งให้ล่วงหน้าไปก่อน ไม่ช้าทหารคนนั้นก็กลับมารายงาน ว่าราวหนึ่งลี้ก็พบแสงสว่างปากทางออกแล้ว ทำให้คนอื่น ๆ มีสีหน้าดีขึ้น ยกเว้นเหล่าตัวประกันทั้งสามคน “ไม่เป็นไรเดินใกล้ข้าเข้าไว้