ไป๋เหวินหลงยังคงยืนตรงอยู่นิ่งๆคิดอะไรบางอย่างในใจ ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้หว่านชิงเล็กน้อย เขาก้มหน้าและพูดเสียงต่ำ “ข้าไม่อยากให้ท่านต้องอยู่ในอันตรายเช่นกัน ข้าจะคอยดูแลท่านเอง”แหม่ ช่วงนี้ท่านแม่ทัพไป๋เหวินหลงช่างขยันทำงานจริงๆ ขออารักขาถึงสองสามครั้งแล้ว หว่านชิงยิ้มแย้มแล้วตอบกลับไป “ข้าไม่ได้อยู่คนเดียวหรอกน้า ต่อไปหานเฟิงคือองครักษ์ประจำกายของข้า ตอนนี้มีทุกคนอยู่รอบตัว อาจารย์ก็ฝีมือไม่เลว ข้ารู้สึกปลอดภัยดี ท่านวางใจแล้วดูแลหยางหลินเถอะ”“จริงสินะข้าลืมไปเลยว่าท่านมีคนอื่นรอบกายมากมาย” ไป๋เหวินหลงหลุบตามองพื้นก่อนจะหันหลังหลับแต่หว่านชิงกลับยิ้มแย้ม“ขอบคุณท่านมากน้า ท่านแม่ทัพ” ก่อนจะขยับออกไปจากที่นั่นพร้อมกับโม่ชิงเหยียนและหานเฟิงเสียงระบบดังขึ้นในใจของหว่านชิงดังติ้งงงง【สรุปช่วงเวลา +100 แต้ม! ข้อหาทำให้ท่านแม่ทัพน้อยใจและห่วงใยกว่าใครทั้งหมด】หว่านชิงขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะยิ้มอย่างไม่ค่อยพอใจนัก ไม่ค่อยชอบที่ระบบเพิ่มแต้มให้แบบนี้เลย แต่ก็ควบคุมไม่ได้ว่าจะต้องจัดการกับสถานการณ์นี้ยังไงหลังจากที่ไป๋เหวินหลงกลับมาแสดงอาการห่วงใยมากเกินไปในคืนนี้ มันเป็นความรู้สึกที่หว่าน
ราชครูโม่ชิงเหยียนค่อยๆเปิดจดหมายที่ดูธรรมดาอย่างระมัดระวัง ก่อนส่งให้หว่านชิงได้อ่านในทันที หว่านชิงจับจดหมายด้วยมือทั้งสองแล้วเริ่มอ่าน ข้อความในนั้นเป็นลายมือของฮองเฮาเองที่เขียนถึงท่านโหว“เยี่ยนอิงก่อเรื่องเองโดยไม่ปรึกษาข้าเลย ทำร้ายหลี่เซวียนอี้จนล้มป่วยหนัก แต่ไม่คาดคิดว่าหลี่เซวียนอี้เจ้าเล่ห์ได้มอบตราประทับให้หว่านชิงเก็บไว้ก่อนเพื่อเตรียมการเรื่องนี้ตอนนี้วังหลวงตึงเครียด เตรียมพร้อมคนของท่านไว้เสมอเพื่อรอดูสถานการณ์รอบๆเมืองหลวงส่วนตัวของท่านก็ให้เร่งเดินทางมาวังหลวงเพื่อช่วยเยี่ยนอิงที่นี่ เพราะตอนนี้หว่านชิงกุมอำนาจทุกอย่างไว้หมดแล้ว แต่หากท่านมาด้วยตัวเองคงทำอะไรได้มากกว่าเดิม”อ่านจบหว่านชิงยกมือขึ้นกุมขมับ ร่างกายเหมือนจะตึงเครียดไปทั้งตัว จดหมายของฮองเฮาดูเหมือนจะมีแผนบางอย่างและกำลังร้องขอพันธมิตรยื่นมือเข้าช่วย หากจะจัดการเรื่องนี้…ยังมีอีกเรื่อง“เยี่ยนอิง...เป็นคนทำร้ายเสด็จพ่อจริงๆด้วย...แล้ววันนั้นยังมีหน้าทำหน้าซื่อตาใสแบบนั้นอีก ข้าอยากจะ...หึ” หว่านชิงพึมพำขณะที่กำมือแน่นจนข้อนิ้วขาวซีด“อย่าได้ร้อนใจไป ข้ากลัวเจ้าจะทำอะไรวู่วาม” โม่ชิงเหยียนพูดอย่างตรงไปต
แต่แทนที่จะได้คำปลอบโยน ฮองเฮาหลี่หลันซือกลับปรายตามองบุตรสาวอย่างเย็นชา น้ำเสียงเรียบเฉยชวนขนลุก “เจ้าทำอะไรช่างโง่งมยิ่งนัก ไม่คิดให้รอบคอบก่อนหรือ เยี่ยนอิง…เจ้าไม่ต่างจากคนโง่ที่ทำให้ทุกอย่างพังลง”คำด่านั้นทำให้เยี่ยนอิงชะงัก น้ำตาที่ไหลอยู่แล้วพลันยิ่งพรั่งพรู คุกเข่าลงกับพื้น ร้องไห้สะอื้นจนเสียงขาดเป็นห้วง “ข้าผิดแล้ว… ข้าผิดจริง ๆ ขอโทษเสด็จแม่ ขอโทษ… แต่ยังไงเสด็จแม่ก็ต้องช่วยข้า อย่าทิ้งข้า อย่าทิ้งลูกเลย!”ฮองเฮาหลี่หลันซือจ้องเยี่ยนอิงนิ่งนานก่อนจะก้าวเข้าไปใกล้ พูดเสียงเย็นเยียบ “จงสงบปากสงบคำไว้ อยู่เงียบ ๆ อย่าได้เอ่ยอะไรออกมากับผู้ใด ข้าจะหาทางจากข้างนอกเอง หากเจ้าพูดอะไรผิดพลาดแม้แต่ครึ่งคำ ข้าเองก็ช่วยเจ้าไม่ได้แน่จำต้องปล่อยมือเพื่อรักษาชีวิตของข้าเช่นกัน”เยี่ยนอิงเงยหน้าทั้งน้ำตา พยายามพยักหน้าอย่างสิ้นหวัง ขณะที่ฮองเฮากลับหันหลัง ก้าวออกไปโดยไม่หันกลับมาอีก เสียงประตูเหล็กปิดดัง ครืน ทิ้งไว้เพียงร่างเล็กของเยี่ยนอิงที่ยังคงสะอื้นสะเทือนใจอยู่ในความมืดเดียวดายยามราตรีคลี่คลุมวังหลวงด้วยแสงจันทร์ขุ่นมัว องค์หญิงใหญ่หลี่หว่านชิงสวมผ้าคลุมยาวคลุมเรือนกายและศีรษะ
หว่านชิงหันไปยิ้มเย็นให้ฮองเฮา รอยยิ้มที่ดูไม่ค่อยจะเป็นมิตรสักเท่าไหร่ ก่อนที่จะพูดด้วยเสียงที่หนักแน่นว่า"ฮองเฮา ต่อไปนี้ อย่าลืมเรียกข้าว่าผู้สำเร็จราชการแทนฮ่องเต้หลี่เซวียนอี้… ข้าจะเป็นผู้ที่ดูแลการปกครองราชสำนักต่อจากนี้เอง"ฮองเฮามองหว่านชิงด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว "เจ้าจะทำอะไรได้ ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าสามารถจะลงโทษนางได้อย่างไร... เยี่ยนอิงเสียใจสุดซึ้งแล้ว หว่านชิง อย่าคิดว่าการกล่าวโทษเยี่ยนอิงจะทำได้จเ้ามีหลักฐานใดกันกล่าวโทษเยี่ยนอิง"หว่านชิงยิ้มเย็นและยืนขึ้น ก่อนที่จะพูดต่ออย่างแน่วแน่ "ฮองเฮา ท่านพูดอะไร… ข้าก็ไม่สนใจหรอก ตอนนี้ ข้าแค่จะทำตามหน้าที่ของข้า ไม่ต้องพูดถึงหลักฐาน ตอนนี้สิ่งที่ข้าทำคือเยี่ยนอิงไม่สามารถหนีได้และนางไม่ควรออกมาลอยหน้าลอยตาข้างนอกคุกหลวงเพื่อทำลายหลักฐาน และถ้าฮองเฮาท่านคิดจะพานางหนี... ก็คงทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน"ฮองเฮาแทบจะไม่มีแรงยืนอีกต่อไป ร่างกายสั่นไปทั้งตัวเมื่อผู้สำเร็จราชการแทนฮ่องเต้พูดถึงความจริงที่ไม่อยากยอมรับ ฮองเฮาหลี่หลันซื่อสูญเสียทุกสิ่งไปในพริบตา สิ่งที่คิดจะกุมอำนาจไว้ กลับพังทลายต่อหน้าต่อตาฮองเฮากัดฟันแน่นจนเป็นสันนูนบนกราม
เยี่ยนอิงยืนอยู่หน้าห้อง สีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจและเจ็บปวด นางก็ทรุดตัวลงตรงพื้น มือสั่นเทิ้มไปหมด น้ำตาไหลรินไม่หยุด นางสะอื้นออกมาอย่างสุดชีวิต เปล่งเสียงร้องเรียกออกมาอย่างรุนแรง"ช่วยด้วยๆๆๆ! เสด็จพ่อ! เสด็จพ่อล้ม!" เสียงสะอื้นดังขึ้นทั่วทั้งตำหนัก ราวกับเป็นเสียงเรียกร้องจากใจที่แตกสลายเสียงร้องนั้นดังลั่นท่ามกลางความเงียบสงัดของตำหนักยามค่ำคืน ความหวาดกลัวในเสียงของเยี่ยนอิงดังไปถึงทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้น คนที่กำลังพักผ่อนหรือทำงานอยู่ต่างก็หยุดชะงักฟังเสียงของเยี่ยนอิง ทุกคนต่างมองไปที่ห้องที่เยี่ยนอิงวิ่งเข้าไปและได้ยินเสียงหวานนั้นขาดห้วง"เสด็จพ่อ!" เยี่ยนอิงร้องเรียกเสียงดังขณะวิ่งไปที่ประตูห้องฮ่องเต้หลี่เซวียนอี้นอนอยู่บนเตียง ขยับตัวไม่ได้ ลิ้นแข็งและดวงตามีแต่คราบน้ำตา ร่างกายของฮ่องเต้นิ่งเหมือนไม่มีชีวิตอยู่ เยี่ยนอิงมองเห็นภาพนั้นแล้วก็ยิ่งตกใจ น้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย ท่าทางของนางเต็มไปด้วยความตกใจที่ไม่สามารถควบคุมได้"เสด็จพ่อ!!" เยี่ยนอิงร้องลั่นเมื่อเห็นฮ่องเต้ในสภาพนี้ มือของนางสั่นเทามากจนแทบจะจับประตูไม่อยู่ ขันทีจื่อกงที่อยู่ข้างนอกวิ่งเข้าไปทันที"ข้า
เยี่ยนอิงเดินไปที่หน้าประตูห้องของฮ่องเต้หลี่เซวียนอี้ ดวงตาของนางยังคงมีร่องรอยของน้ำตาเมื่อสักครู่ แต่ในตอนนี้กลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เยือกเย็นและมีท่าทีเยือกเย็นยิ่งนักความเศร้าที่เคยพรั่งพรูออกมากลับหายไปหมดสิ้น เยี่ยนอิงยืนมองขันทีจื่อกงที่ยืนเงียบอยู่ก่อนแล้ว“กงกง...” เสียงเยี่ยนอิงดังขึ้นอย่างนุ่มนวล พร้อมกับยิ้มบางๆ“เยี่ยนอิงจะอาสาส่งเสด็จพ่อเข้านอนด้วยตัวเอง ท่านไปพักเสียเถิด”จื่อกงมองเยี่ยนอิงด้วยสายตาฉงน แต่ในที่สุดก็พยักหน้าตามมารยาทแม้จะยังคงมีความสงสัยเล็กน้อยในใจ “ข้าน้อยเหมือนได้ยินว่าฝ่าบาทเรียกหาข้าน้อย…”เยี่ยนอิงยิ้มอีกครั้ง รอยยิ้มที่ไม่ต่างอะไรจากการยิ้มของสิงโตที่จ้องมองเหยื่อ “ข้าเองก็ได้ยินเช่นกัน ท่านรีบไปพักเถอะ ท่านดูแลเสด็จพ่อมาทั้งวันแล้ว หลายวันมานี้ข้าไม่กล้าเข้าใกล้เสด็จพ่อ เพราะเรื่องของพี่หว่านชิง วันนี้จึงตั้งใจมาทำหน้าที่ลูก…”คำพูดที่แฝงความเจ็บปวดในบางคำกลับถูกพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานแต่ปนๆ ปด้วยความน้อยใจ เยี่ยนอิงโค้งศีรษะเล็กน้อยเพื่อให้ดูเป็นการแสดงความเคารพจื่อกงยังคงลังเลแต่เยี่ยนอิงก็ไม่ได้ปล่อยให้เขาคิดนาน ก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องขอ