หว่านชิงหันไปสบตากับซื่อซื่อที่ยังทำหน้าห่วง ๆ อยู่ ซื่อซื่อเรียกสติหว่านชิงอย่างร้อนรน
"คุณหนู! คุณหนู! เป็นอะไรไปเจ้าคะ!"
บัตรเช่าหนึ่งชั่วโมงของเธอ...เตะตัดขา ความฝันไปเลยลูก! 5555 แต่เดี๋ยวก่อน ยังไม่ทันได้ซึมซับความน้อยใจ บรรยากาศก็เปลี่ยนฮวบ!
"หว่านชิงลูกพ่อออออออออ!!!"
เสียงตะโกนกังวานของฮ่องเต้หลี่เซวียนอี้แว่วมา พร้อมเสียงฝีเท้าดัง ตุบตุบตุบ และชุดคลุมจักรพรรดิสะบัดอย่างองอาจเข้ามาหาเธอ
"ลูกพ่อ! เจ้าเป็นอะไรหรือไม่! เจ้าเจ็บตรงไหน!!โอ๊ย ใจพ่อร้อนยิ่งกว่าเปลวเพลิงเสียอีก!”
ขันทีข้างกายหน้าซีดเป็นกระดาษ แต่ยังไม่ทันพูดอะไร ฮ่องเต้ก็ตวาดลั่น
"ยังจะยืนโง่อยู่ทำไม! ไปตามหมอหลวงมาเดี๋ยวนี้!!!ลูกข้าอาการเป็นอย่างไรทำไมพวกเจ้าไม่ใส่ใจเรื่องความปลอดภัยขององค์หญองค์ใหญ่ให้มากกว่านี้ ลูกพ่อออเจ้าทำไมนิ่งไปเล่าช็อคหรือไรหรือว่าเจ็บตรงไหน"
หว่านชิงถึงกับสะดุ้ง รีบยกมือห้ามทัพ
"ท่านพ่อเจ้าขา ใจเย็นๆ ก่อนเพคะ ลูกไม่เป็นอะไรเลย แค่... แค่ตกใจนิดหน่อยเอง"
ในใจเธอก็แอบขำตัวเอง ก็แค่กำลังคุยกับระบบอยู่นี่นา ฮ่องเต้หรี่ตามองไปทางแม่ทัพที่เดินหันหลังไปไกลแล้ว
"ไป๋เหวินหลง...เจ้าบ้านั่น! ข้าบอกแล้วใช่หรือไม่ว่าอย่าเข้าใกล้หว่านชิงของข้า! แล้วดูสิเกิดอะไรขึ้น!! ถ้าลูกข้าเจ็บขึ้นมาจะทำยังไงห๊ะ!!โอ้ๆๆๆๆๆ ลูกพ่อมานั่งตรงนี้มา"พยุงหว่านชิงทมาที่แท่นนั่ง
ไป๋เหวินหลงได้ยินถนัดชัดทุกถ้อยคำแต่แสร้งไมjได้ยินเสีย ไป๋เหวินหลงก็เดินต่ออย่างเงียบๆ ...เงียบจริง เป็นไปได้ว่าหูไม่ได้ยิน หรือจิตใจของเขากำลังหลุดไปอยู่ในมิติใดมิติหนึ่งแล้ว และถอนหายใจยาว
ทันใดนั้น ท่านพ่อฮ่องเต้หันกลับมาเปลี่ยนโหมดเร็วราวกับเปิดแอร์
"โถ่ ลูกรักของพ่อ... เจ้าอย่าไปคิดมากเลยนะ เขาก็แค่คนทื่อๆ เจ้าก็อย่าไปโกรธเขาเลย โดยเนื้อแท้แล้วเขาไม่ได้ร้ายกาจอะไร"
โหมดโมโหแค่พอหอมปากหอมคอไม่จริงจัง กำลังทำงานอย่างเต็มที่
หว่านชิงพยักหน้าช้าๆ แต่ในใจกำลังคิดว่า...
อืม ไหนใครว่าเจ้าท่านพ่อคนนี้ กับไป๋เหวินหลงไม่ถูกกันนะ? ดูเหมือนแก้ตัวแทนออกหน้าออกตาแทบจะพนมมือขออภัยแทนแล้วเนี่ย... แถมไป๋เหวินหลงก็เป็นน้องชายของกุ้ยเฟย น้องเมียแหละก็ต้องเกรงใจเมียสินะ... แถมยังเป็นคู่หูในสนามรบตอนท่านพ่อยังเป็นแม่ทัพอีก ไม่แปลกใจเลยที่ไว้ใจขนาดนี้
จากนั้นซื่อซื่อรีบเอาพัดมาพัดให้หว่านชิงอย่างเอาใจ ขันทีและนางกำนัล กุลีกุจอวิ่งวุ่นไปรอบทิศ จัดที่นั่ง จัดเบาะ จัดลมระบาย ดูแลองค์หญิงใหญ่ราวกับเทพธิดาแห่งวังหลวง
หว่านชิงนั่งลงบนตั่ง หอบเบาๆ ด้วยความตื่นเต้น...
แล้วนางก็นึกขึ้นได้ ต้องแสดงต่อนี่หว่า!
เธอรีบคว้าชายเสื้อของฮ่องเต้ไว้แน่น ทำตาแป๋ว ใส่ฟิลลิ่งแบบ
"คุณพ่อ~ ลูกกลัว! กลัว…ที่สุด …..ข่อยย้าน"
น้ำเสียงเบาบางสั่นคลอนใจ สีหน้าหม่นหมองราวกับผ่านคืนไร้หลับใหลมาอย่างยาวนา ทั้งที่จริงๆ แล้วอดนอนเพราะมัวแต่เตรียมตัวไปเรียนตั้งแต่เช้า
"ท่านพ่อเจ้าขา..."
เสียงของเธอสั่นเครือ "ลูกว่าแล้วเชียว... ลูกกลัวเหลือเกิน ว่าฝันของลูกจะเป็นจริง... มันคงเป็นฝันลางบอกเหตุแน่ๆ เลยเพคะ..."
ฮ่องเต้หน้าซีดกว่าเดิม!
"ลูกพ่อฝันอะไร?! มีเรื่องใดกังวลใจหรือไม่?! รีบเล่ามา! พ่อจะช่วยลูกเอง!"
หว่านชิงกัดริมฝีปาก ทำหน้าอึกอักแบบ ทำท่าทีหเหมือนหนักใจที่จะต้องพูด จนท่านพ่อกระวนกระวายแทบบินไปเรียกเทพบนสวรรค์มาฟังแทน
เธอสูดหายใจ... เงยหน้าขึ้นอย่างน่าสงสาร
"คือว่า...ลูกฝันประหลาดซ้ำๆ ว่าลูกจมดิ่งดำลึกลงไปในบ่อปลาคราฟน้ำเย็นเฉียบและลมหายใจหลุดลอยไปมองเห็นปลาคราฟตัวอ้วนว่ายเวียนยิ้มหยันให้กับลูก ไม่มีใครช่วยข้าแม้แต่คนเดียว แม้แต่ปลาคราฟก็ยังเย้ยหยันลูก” (จะบอกอย่างไรว่าไป๋เหวินหลงยังไม่ช่วยด้วยซ้ำเขาเลือกที่จะช่วยนางมารเหยียนอิงนั่น)
“โธ่ลูกพ่อ ช่างน่าสงสารยิ่งนัก”
“ยังไม่ใช่แค่นั้นฝันร้ายนั่นยังตามหลอกหลอนข้าแม้ยามหลับและยามตื่น วันนี้ข้าเอาแต่กังวลจิตใจหม่นหมองจนทำให้ซวยไปทั้งวัน ฝันร้ายนั่นยังทำให้ข้าจิตใจเหม่อลอยจนจนในที่สุดก็สะดุดล้มก่อนที่จะพบท่านพ่อด้วยซ้ำ ตั้งใจมาที่นี่แต่ท่านพ่อกลับไม่ว่างทุกอย่างล้วนไม่ได้ดั่งใจ พอมาถึงกลับมาล้มตรงหน้าแม่ทัพคนนั้นจนทำให้ข้าขายหน้าและเจ็บตัว ลำบากท่านแม่ทัพต้องพยุงข้าไว้”
“อืมม ช่างเป็นฝันที่น่ากลัวจริงๆ เช่นนั้นพ่อบัญชาออกไปว่าหากใครเห็นว่าเจ้าตกน้ำแล้วช่วยเจ้าพ่อจะตกรางวัลให้อย่างงาม”
“ม่ายๆๆๆ เจ้าค่ะท่านพ่อ ข้าตกน้ำแล้วพวกเขาช่วยแล้วพวกเขาได้รางวัลต่อไปพวกเขาก้จะผลักข้าตกน้ำข้ายิ่งฝันเห็นมือประหลาดเดาไม่ได้ว่าเป็นใครผลักข้าตกลงไปในบ่อปลาคราฟ”
“เช่นนั้นพ่อบัญชาออกไปหากใครเห็นเจ้ากำลังลำบากแล้วช่วยเจ้าพ่อมอบรางวัลให้อย่างงามดีไหม” ประเด็นคือบ่อปลาคราฟ หว่านชิงจมน้ำตายในบ่อปลาคราฟที่มานี่ก็เพื่อการนี้
“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นเพคะท่านก็แค่สั่งให้คนกลบบ่อปลาคราฟในวังหลวงให้หมดก็เท่านั้น ลูกขอท่านพ่อแค่เรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้”
“บ่อปลาคราฟที่วังหลวงของเรามีราวๆ ยี่สิบแห่งและยังสิบหกตำหนักสนมหนึ่งคนมีบ่อปลาคราฟหน้าตำหนักสามพันตำหนักของสนมของฝ่าบาททั้งบ่อเล็กบ่อน้อยของสนมทั้งสามพัน องค์หญิงนับด้วยหรือเปล่า” ขันทีจือกงพูดขึ้นด้วยความวิตก
“เช่นนั้นกลบแต่บ่อใหญ่ยี่สิบบ่อดีไหมลูกพ่อ” ฮ่องเต้หลี่เซวียนอี้ยิ้มเจื่อนๆ
“ได้ เพคะ แต่ว่าลูกไม่แน่ใจว่าบ่อที่ลูกตกลงไปนั้นเห็นปลาคราฟว่ายยิ้มหยันเป็นของสนมหรือของตำหนักไหน ท่านพ่อรักลูกมากแค่ไหนก็กลบไปเท่านั้น ลูกยินดีจะไม่ตัดพ้อต่อโชคชะตา เสียใจที่ท่านแม่ด่วนจากไปไม่เช่นนั้นสองคนท่านคงกลบบ่อปลาคราฟให้ลูกหมดทั้งแคว้น” ปาดน้ำตาปรอยๆ
ฮ่องเต้หลี่เซวียนอี้อ้าปากค้างหันมองสบตากับขันทีจื่อกง
“อ่าาา เช่นนั้นกลบนอกเขตวังหลวงด้วยก็แล้วกัน”
“ขอบ
【เริ่มโครงการกลบบ่อปลาคาฟ】
【แต้มโน้มน้าวฮ่องเต้สำเร็จ +20 แต้ม】
【ฉายา ‘ปลาคาร์ฟสเลเยอร์’ ปลดล็อก สามารถเลือกใช้ฉายาได้】
ท่านโหวจงซื่อที่บาดเจ็บจากการโจมตีของไป๋เหวินหลงและหานเฟิงดึงตัวเองออกไปได้อย่าลำบากแต่ไม่อาจสู้ต่อไปได้อีกแล้ว ล้มลงไปข้างหน้า ไม่มีเสียงใดๆ จากท่านโหวเลือดสีแดงสดท่วมตัวเขาเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากทางด้านหลัง ฮองเฮาหลี่หลันซือที่ถูกกักบริเวณแต่ผู้คุมกันข้างกายทำลายประตูตำหนักและช่วยออกมา เมื่อได้ยินข่าวก็รีบวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของนางซีดเซียวเต็มไปด้วยความตกใจ และเมื่อเห็นท่านโหวจงซื่อล้มลงไปกับพื้น ร่างของฮองเฮาหลี่หลันซือสะดุดหยุดลงทันที"ท่านโหว!" ฮองเฮากรีดร้องเสียงดังวิ่งไปข้างหน้าแล้วประคองร่างอ่อนแรงของท่านโหวขึ้นมา โดยไม่สนใจว่าตอนนี้ท่านโหวได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก หยดน้ำตาของฮองเฮาหลี่หลันซือไหลออกจากดวงตาหยดลงบนแก้มท่านโหวจงซื่อ ฮองเฮากล่าวเสียงอ่อนด้วยความเสียใจราวกับดวงใจแตกสลาย"ท่านโหว...ท่านโหว ข้าขอโทษ…ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาจะ…รุมทำร้ายท่านเช่นนี้…"หว่านชิงที่กอดหยางหลินอยู่มองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและหันไปมองไป๋เหวินหลงและโม่ชิงเหยียนที่ยังคงยืนเคียงข้าง“อาจาร์ย รีบตามหมอหลวงและทหารมา” หว่านชิงรีบพูดอย่างร้อนใจ มือกดห้ามเลือดหยางหลินแน่นโม่ชิงเหยียนเข้าใจทันทีร
แม้ว่าหยางหลินจะมีแผนอยู่แล้ว แต่การเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็ทำให้เขาเกิดความกลัวและกังวลอย่างเลี่ยงไม่ได้ท่านโหวหันไปมองหยางหลินด้วยท่าทางเย็นชาพลางส่ายหัวไปมา ใครจะอยากปล่อยหอกข้างแคร่นี้ไปกันเล่า ท่านโหวไม่ละสายตาจากหว่านชิง แม้จะเห็นความสับสนในน้ำเสียงของหยางหลินไป๋เหวินหลงจ้องท่านโหวด้วยสายตาเย็นเยียบและพยายามที่จะหาทางเอาตัวเองเข้าช่วยหว่านชิงให้ได้ แต่ทุกการเคลื่อนไหวกลับถูกหยุดยั้งด้วยกระบี่ที่กดคอหว่านชิงเอาไว้หว่านชิงที่ยืนอยู่ในตำแหน่งที่ยากจะหนี ได้แต่กัดฟันแน่น"หยางหลิน...พี่หว่านชิงไม่เคยคิดที่จะทำร้ายเจ้า" น้ำเสียงเต็มไปด้วยความจริงใจพยายามที่จะทำให้หยางหลินเข้าใจแต่ก็รู้ดีว่ามันคงยากในสถานการณ์แบบนี้ อาจจะสายไปแล้วไม่รู้หยางหลินจะยังรับฟังหรือไม่หรืออาจจะคิดว่าหว่านชิงเพียงพูดจาหลอกล่ออ้อนวอนขอชีวิต"ไท่จือไหนคนของท่าน เรียกคนของท่านและส่งสัญญาณถึงคนของข้าได้แล้ว!" ท่านโหวจงซื่อปายเหลียวรีบจะตะคอกขึ้นดังๆเสียงของท่านโหวที่ก้องกังวานไปทั่วท้องพระโรง ทุกสายตาพุ่งมาที่หยางหลินเป็นฉับพลันหยางหลินยิ้มมุมปากก้าวไปข้างหน้า มือข้างหนึ่งเลื่อนคมกระบี่ขึ้นอย่างเฉียบคม แววตาข
หยางหลินไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย ยังคงยืนตรงอย่างสง่างาม ปัดเสื้อคลุมของตัวเองเบาๆ เหมือนไม่รู้ไม่สนใจ พูดด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ"ข้าคือไท่จือ แต่เสด็จพ่อก็ได้มอบตราผู้สำเร็จราชการให้กับพี่หว่านชิง" หว่านชิงที่ยืนอยู่ตรงกลางของสถานการณ์นี้หันไปมองหยางหลินที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย หว่านชิงไม่อาจปิดบังสีหน้าเสียใจได้อีกแล้ว ไม่คิดเลยว่าหยางหลินจะมีความคิดเช่นนี้ต่อเรื่องนี้"หยางหลิน...เจ้าคิดผิดแล้ว""เขาเข้าใจถูกแล้ว" พูดเสียงต่ำด้วยความดูถูกท่านโหวจงซื่อปายเหลียวยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้าย เขาไม่ใช่คนหูหนวกตาบอดที่ผ่านมาได้รับฟังสถานะการณ์วังหลวงมาตลอด ความโปรดปรานของหลี่เซวียนอี้ต่อหว่านชิงที่หลายครั้งละเลยหยางหลินอย่างโหดร้าย เขาเองก็เคยนึกสงสัยหลายครั้งไท่จือผู้นี้เป็นอย่างไรกันแน่ ช่างจืดจางและเงียบเชียบ ตอนนี้ได้รู้แล้วว่าเขาคือคนที่อดทนและเก็บกลั้นความไม่พอใจเช่นข้า ท่านโหวขมวดคิ้วแล้วมองหว่านชิงอย่างไม่พอใจ"เจ้ามันก็ไม่ต่างจากหลี่เซวียนอี้เลย เป็นพี่ที่จ้องเอาเปรียบน้อง ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะยกบัลลังก์ให้กับหยางหลินหากทุกอย่างจบลง" เขากล่าวเสริมด
หยางหลินเห็นท่าทางของท่านโหวก็ยิ้มขำออกมาเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ยังคงเต็มไปด้วยความเย็นชา"ท่านโหวไม่ต้องตกใจไปหรอก คนขององค์หญิงใหญ่หว่านชิงนางแอบสับเปลี่ยนจดหมายของฮองเฮาที่ส่งให้ท่าน แล้วยังเอาจดหมายของท่านไปอ่านไปหัวเราะไป" หยางหลินชี้แจงไปอย่างใจเย็น ราวกับว่ากำลังบอกท่านโหวว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรแปลกใจ"เจ้ามือสังหารไร้สังกัดหานเฟิงนั่นคือคนขององค์หญิงใหญ่" เขาพูดเนิบๆท่านโหวอ้าปากค้างอย่างตกใจและทึ่ง ที่ว่าเอาจดหมายขอเขาและฮองเฮามาอ่านยิ่งทำให้ความโมโหพลุ่นพล่านแต่ก็สะกดกั้นตัวเองไว้ก่อนจะพูดออกมาเบาๆ"ใครวางกลยุทธ์ให้นางกันแน่...ปกติแล้วหว่านชิงนางเอาแต่ใจและโง่งม..."ท่านโหวรู้สึกถึงความผิดปกติในสถานการณ์นี้ รู้ดีว่าหว่านชิงมีความเด็ดขาดในเรื่องบางเรื่อง ซึ่งมาในรูปแบบของเด็กนิสัยเสียเอาแต่ใจ แต่ไม่เคยคิดมาก่อนว่า นางจะสามารถวางแผนซับซ้อนได้ถึงเพียงนี้“ท่านแม่ทัพไป๋ที่หลงเสน่ห์ยั่วยวนของนาง แล้วก็ยังท่านราชครูโม่ที่แอบกิ๊กกั๊กกับนางอีก" หยางหลินหยุดพูดชั่วครู่ ก่อนที่จะยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มบางๆ“สองคนนี้แหละ...ก็คือคนที่วางกลยุทธ์ให้นาง”ในคืนที่มืดมิดโม่ชิง
ค่ายพักของท่านโหวจงซื่อปายเหลียวเงียบสงัด ท่ามกลางความมืดที่เริ่มปกคลุมท้องฟ้าแสงไฟจากโคมไฟลอยอยู่ในอากาศ ความตึงเครียดแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ เมื่อทหารนับสิบเดินตรวจตรารอบค่ายอย่างเคร่งครัด ทุกการเคลื่อนไหวถูกจับตามองไม่คลาดสายตาเสียงฝีเท้าดังขึ้นในความเงียบสะท้อนมาไกลก่อนที่คนสนิทของท่านโหวอย่างซือห่าวจะวิ่งมาด้วยท่าทางรีบร้อน ใบหน้าของเขาดูจริงจังจนยากจะคาดเดาความคิดในใจซือห่าวหยุดอยู่หน้าท่านโหวจัดระเบียบลมหายใจสักครู่ก่อนที่จะยกมือประสานไว้ในท่าทางเคารพและกล่าวเสียงดังชัดเจน "ท่านโหวขอรับ ตอนนี้ขบวนของไท่จือหยางหลินรอท่านที่ด้านหน้าค่ายขอรับ บอกว่าให้ท่านโหวรีบออกไปรับเขา"โหวจงซื่อปายเหลียวที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะไม้ใหญ่ขมวดคิ้วอย่างชัดเจน หยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาแล้วจิบเพียงเล็กน้อย หันไปมองซือห่าวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด น้ำเสียงของเขาดังขึ้นแฝงไปด้วยความไม่พอใจและรำคาญ"ทำไมต้องไปรับเขาล่ะ เจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนนั้นกำลังคิดว่าตัวเองเป็นใครกันแน่" เขาพูดเสียงต่ำมีพลังที่น่ากลัวรอบตัวซือห่าวก้มหน้าลง เขารู้ดีว่าไม่ควรจะพูดอะไรเพิ่มเติม เพราะคำถามนี้ตอบอย่างไรก็อันตราย
โม่ชิงเหยียนโค้งตัวเล็กน้อยและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ"งั้นข้าขอตัวก่อน" เสียงของเขานุ่มนวล ทิ้งรอยยิ้มเล็กน้อยไว้บนใบหน้าที่ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกของเขาหว่านชิงยิ้มกว้างและโบกมือที่ประตูเบาๆพร้อมกับตะโกนเสียงใส"เดินดีๆนะเจ้าคะ ท่านอาจารย์"เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง ไป๋เหวินหลงที่ยืนพิงกรอบประตูท่ามกลางเงียบสงัด เขาจ้องมองไปที่หว่านชิงอย่างไม่วางตา ดวงตาคมกริบของเขาแฝงไว้ด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ไม่สามารถคาดเดาได้หว่านชิงรู้สึกถึงแรงกดดันจากการจ้องมองนั้น ถึงแม้จะไม่ได้หันไปมองเขาโดยตรง แต่ความรู้สึกเหมือนสายตาของไป๋เหวินหลงจะแทงหลังจึกๆ ทำให้รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว รีบหันขวับไปมองเขาทันที"เอ๊ะ! เมื่อกี้ท่านแม่ทัพคิดจะหักคอข้าจากด้านหลังรึป่าว” หว่านชิงพูดอย่างขบขันแต่ก็งุนงงกับสายตาจ้องเขม็งของไป๋เหวินหลงไป๋เหวินหลงไม่ได้ตอบแต่กลับสะบัดหน้าไม่มองหว่านชิงอีก ทำตัวขรึมงอนๆ เหมือนเด็กน้อยที่ไม่พอใจหว่านชิงมองเขาด้วยความงุนงง แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกถึงขบขันในใจ เมื่อไป๋เหวินหลงยังไม่พูดอะไรเลย หว่านชิงก็ยืนรออยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งไป๋เหวินหลงส่งเสียงจิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์ออกมาเพ