“พ่อกับแม่อย่ามาโกหกน้อง..อย่าคิดว่าน้องไม่รู้นะ พ่อกับแม่รู้มาสักพักแล้วใช่ไหมคะ ว่าน้องไม่ใช่ลูกแท้ๆ และถ้าน้องเดาไม่ผิด..พ่อกับแม่ต้องไปขอเงินธารินแล้วแน่ๆ”“.….”“….”“ที่เงียบคือน้องเดาถูกใช่ไหมคะ?” ขนิษฐายกยิ้ม พร้อมแบมือออกมาด้านหน้า“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว น้องขอด้วยค่ะ”นางสาลี่ชี้นิ้วมือ พร้อมประกาศกร้าว“กูไม่ให้!!” “อุ้ย งั้นน้องคงต้องไปคุยกับคุณย่าน้อยแล้วละคะ”“เอ็งจะคุยว่าอะไร” นายมานพถามอย่างระวังตัว พลางเหล่ตามองลูกสาวที่ในอดีตแสนจะหัวอ่อน มาวันนี้เจ้าหล่อนกลับดูเจ้าเล่ห์เหลือเกิน“น้องก็จะคุยว่า...ฮึก..ชีวิตน้องลำบากมากแค่ไหน เงินติดตัวแม้แต่นิดก็ไม่มี กลับกันหลานปลอมๆ” คำว่าปลอมถูกเน้นเสียง ก่อนประโยคต่อไปที่ตามมาส่งผลให้สองผัวเมียถึงกับปวดหัวจี๊ดขึ้นทันที“กลับอยู่ดีมีสุข ใช้เงินอย่างกับเบี้ย..จากที่น้องเห็นคุณย่าน้อยน่าจะชอบน้องอยู่ ส่วนหลานสาวตัวปลอมดูท่านจะเหม็นขี้หน้าไม่น้อย แม่สาลี่ว่าถ้าน้องพูดแบบนี้ออกไป ตัวธารินเองจะโดนลดเงินประจำเดือนไหมคะ?”“นี่ มึงขู่กูเหรออีน้อง”“น้องเปล่า”“นังน้องเอ๊ย ฟังพ่อนะ แทนที่เอ็งจะมาไถพ่อกับแม่ เอ็งก็ไปไถบรรดาท่านๆ สิ”ใช่..พอนังน
คำถามถูกส่งมาเป็นระยะ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากคุณหญิงดวงกมล ในขณะที่แม่แท้ๆ เพียงแต่รับฟัง ในอ้อมกอดมีลูกสาวที่ฟูมฟักเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กส่วนท่านรัฐมนตรีนั้นรู้ประวัติของคนตรงหน้าหมดแล้วขนิษฐาเองก็รู้ เพราะในชาติที่แล้วท่านไม่ยอมให้หล่อนเข้าบ้าน และหล่อนมารู้ทีหลังว่าท่านให้คนไปสืบประวัติ..การใช้ชีวิตตั้งแต่เล็กจนโต และ ‘จุดด่างพร้อย’ ที่ท่านไม่สามารถยอมรับลูกสาวคนนี้ได้ก็คือการค้นพบว่าหล่อนเป็น ‘เด็กเสี่ย’ถ้าหากแวดวงสังคมรู้ว่าลูกสาวเพียงคนเดียวของท่านรัฐมนตรีเคยขายตัวมาก่อน คนในครอบครัวจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนทั้งที่ตอนนั้นพวกเขาต้องการให้หล่อน ‘เสียสละ’ เพื่อรักษาลูกสาวตัวปลอม แต่การกระทำที่มีให้กลับขาดความจริงใจไปหลายส่วนหล่อนเป็นได้แค่ ‘ลูกสาวบุญธรรม’ และได้เงินต่อเดือนอีกนิดหน่อยแถมที่น่าตลกพวกเขาไม่รู้ว่า ‘เสี่ย’ ของหล่อนเป็นใคร ในชาตินี้หล่อนก็ขอร้องให้สามีปิดบังความจริงไว้ ดังนั้นคนตรงหน้าจึงยังไม่รู้ว่าลูกสาวแท้ๆ แต่งงานกับชายหนุ่มที่ร่ำรวยและทรงอิทธิพลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว“โถ่ น่าเอ็นดูจริงลูก” เสียงคุณย่าน้อยเอ่ยขึ้นด้วยความสงสาร ก่อนจะมองไปที่ลูกสะใภ้ที่ตอนนี้ยังเอาแต่โอ๋ลูก
“เฮ้อ พิท..เฮียไม่เคยขออะไรนายมาก่อน ครั้งนี้ถือว่าเฮียขอนะ”“เหอะ แล้วถ้าผมไม่ให้ล่ะ? ถ้าผมทำลายผู้หญิงคนนั้น เฮียจะทำอะไรได้?” คำพูดท้าทายของน้องชาย ส่งผลให้คนเป็นพี่เริ่มหน้าเครียดเขารู้ น้องทำได้..“งั้นนายต้องการอะไร?”รถแท็กซี่สีเหลืองที่หอบพ่อแม่ลูกควบมาจอดตรงหน้ารั้วคฤหาสน์ตระกูลวรรณศิลป์ นายมานพเลือกจะลงรถก่อน ตามมาด้วยนางสาลี่ ส่วนค่ารถสองผัวเมียรีดไถให้ลูกสาวตัวปลอมจ่ายขนิษฐาลอบยิ้มเยาะในใจ แต่เปลือกหน้ายังแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว“แม่พาน้องมาที่นี่ทำไมคะ?”“เออน่า เดี๋ยวเอ็งก็รู้เอง อย่าถามเยอะ” นายมานพตอบ พลางขยับสูทสีน้ำตาลตัวเก่งให้เข้าที่ ในขณะที่นางสาลี่สวมใส่ชุดเดรสสีหวานตัวเดียวที่มีอยู่ คนทั้งคู่ไม่ได้บอกลูกสาวตัวปลอมล่วงหน้าว่าจะพาเจ้าหล่อนมาหาพ่อแม่ที่แท้จริง อีกทั้งยังคิดไปเองว่าลูกสาวไม่มีเงิน เสื้อผ้าที่สวมใส่เวลาไปพบบรรดาพวกท่านๆ คงจะดูกะโปโลบ้านนอกแต่เหมือนหญิงสาวจะยังพอมีโชค เพราะเจ้าตัวเลือกจะสวมใส่ชุดเดรสคลุมเข่า แม้ราคาจะไม่แพง แต่ก็ดูเรียบร้อยสมวัยดีหลังจากเสียงกริ่งไม่นานคนใช้ในบ้านก็มาเปิดประตู และเดินนำเข้าไปในคฤหาสน์ ระหว่างนั้นนางสาลี่จึงย
เส้นเสียงที่แทบไม่ต่างจากเขา ถูกส่งมาจากชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่เอวสอบในเสื้อยืดสบายสีฟ้าอ่อน ขณะพูดมือยังโปรยอาหารให้ปลาทองในบ่ออย่างสบายอารมณ์ ชินณธรแปลกใจเล็กน้อย ด้วยบรรยากาศรอบตัวน้องชายตอนนี้ผิดแผกกับในอดีตที่มีแต่ความอึมครึมดวงตาคมกริบภายใต้แว่นดูเฉยเมยเย็นชา รูปลักษณ์คนตรงหน้า แม้แต่องศาการยิ้มช่างเหมือนกับเขาราวถอดแบบกันมาพิทธิยะ เฉกท์อภิรมย์ฝาแฝดของเขาเองความรู้สึกหนักอึ้งภายในใจกลับมาอีกครั้ง สองเท้าก้าวเดินไปนั่งตรงเก้าอี้อัลลอยสีขาว ระยะห่าง..ไม่ใกล้ ไม่ไกลมันช่างคล้ายกับความสัมพันธ์ของเขากับน้องไม่มีผิด“หึ ตอนแรก..ผมยังคิดว่าเฮียจะมาหาผมเร็วกว่านี้อีกนะ” เสียงทุ้มเรียบเรื่อย คนเป็นพี่ถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะตอบน้องชายไปว่า"ผู้หญิงคนนั้น เฮียขอ”“จุ๊ๆ เป็นครั้งแรกไหมนะ? ที่พี่ชายคนดีมาขอร้องผมถึงที่?” พูดพลาง เช็ดนิ้วมือกับทิชชูเปียกที่อยู่บนโต๊ะ ใบหน้าหล่อเหลาคมคายหันสายตากลับมามองพี่ชายฝาแฝดที่พึ่งเห็นหน้าในรอบปีแน่ล่ะ ก่อนหน้านี้ไม่ว่าเขาจะฆ่าหมา..ทำร้ายคนรอบข้าง..เฮียชินก็ไม่เคยเดินเข้ามาคุยกับเขาถึงบ้านอาจเพราะคำสาบานที่เฮียให้กับแม่ก่อนตาย…‘ชิน..ฮึก..ลูกสา
พิทธิยะมองไปทางอื่น พลางปฏิเสธเสียงพร่า“เปล่า”“นี่พิทไม่เชื่อเราเหรอ ว่าเราเลี้ยงข้าวพิทได้ เรามีเงินนะ ถ้าพิทอยากกินอาหารดีๆ เราพาไปได้” ขนิษฐายังคงยืนยันคำเดิม ส่วนเขาก็ยังย้อนถามด้วยประโยคเดิมเช่นกัน“เธอจะโกหกไหม?”“ชาติที่แล้วเราไม่เคยโกหก แต่ชาตินี้มีบ้าง” หญิงสาวตอบอย่างทะเล้นพิทธิยะเหม่อมองตามแผ่นหลังบอบบางที่กำลังเดินกลับหออย่างสบายอารมณ์..ภายในใจชักหนักอึ้ง เกิดความลังเลที่น้อยครั้งจะมีเขาควรจะ 'ปล่อย' เจ้าหล่อนไปดีไหม? อย่างน้อยเราสองคนก็เป็นเพื่อนกัน..ตอนที่ชินณธรเห็นรายงานการพบกันของคนทั้งคู่ ภายในใจก็ถึงกับเครียด..คนทั้งคู่เจอกันแล้ว แถมความสัมพันธ์ที่ได้รับฟังมาก็ค่อนข้างดีพิทธิยะ...หลานชายผู้ถูกลืมเจ้านั่นคิดจะทำอะไรกันแน่? เดิมทีชายหนุ่มคิดเพียงแต่ว่าน้องชายคงจะใช้วิธีหมาลอบกัดในการทำลายสิ่งที่เขารัก หรือ ‘สิ่งที่เป็นของเขา’ ทว่าครั้งนี้เจ้านั้นมาแปลก...แถมเป็นการแปลกที่ชวนให้กังวลใจไม่น้อยเป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มตั้งใจไปพบน้องชายที่ไม่ถูกกัน หรือจะบอกว่ามันไม่ถูกกับเขาฝ่ายเดียวก็ไม่ผิดรถกอล์ฟไฟฟ้าเคลื่อนจากตัวคฤหาสน์ใหญ่ วิ่งไปตามถนน ผ่านตึกและสวนที่ถูกตกแต่
ระหว่างที่ธารินยอมกัดฟันจ่ายเงินค่าปิดปากให้พ่อแท้ๆ ฝั่งขนิษฐาเองก็มีเรื่องวุ่นวายกวนใจไม่น้อยกว่ากันซึ่งสาเหตุก็มาจากพฤติกรรมของสามีในนามที่พาให้หล่อนคิดมากจนหัวจะปวดแน่ละ..เวลาที่เขาทำดีมากๆ หล่อนก็ดันกลัวว่าเขาจะเสแสร้งแกล้งทำภพชาติที่แล้วก็แบบนี้ แกล้งทำเป็นอ่อนโยน เอาใจใส่ สุดท้ายทิ้งหล่อนเหมือนหมาไม่มีเจ้าของแถมช่วงนี้ยังขยันทำดีจนหล่อนขนลุก“หน้าเธอตลกจัง” เสียงทุ้มห้าวของไอ้หน้าหล่อ เรียกสติขนิษฐาให้หันมาค้อนควัก ปากมุมมิบเจริญพรเขาอีกหลายประโยคเขาเองก็แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ยังโปรยอาหารให้น้องปลาตรงลำคลองลานวัดเฉยพิทธิยะ...เพื่อนใหม่ของหล่อนนั่นเองความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ค่อนข้างแปลก คล้ายจะสนิท แต่คล้ายจะไม่สนิทเราเหมือนจะรู้จักกัน..ทว่าก็คล้ายจะไม่รู้จักยกตัวอย่างเช่นตัวหล่อนเองก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร หรือถ้าจะบอกว่าเป็นญาติของสามี หล่อนก็ไปตระกูลอรุณเวทย์หลายครั้ง หรือแม้แต่ลองเลียบๆ เคียงๆ กับบรรดาคนงานในบ้าน แต่ทุกคนกลับบอกว่าไม่มีผู้ชายที่ชื่อพิทธิยะอยู่ในตระกูลในขณะที่เขาเองก็ไม่เคยถามว่าหล่อนเป็นใคร ทว่าเรากลับคุยกันในหลายๆ เรื่องๆบางทีเขาก็ปรึกษาเรื่องสูตรอาห