LOGINวันสุดท้ายของช่วงตัดสินใจ สุดท้ายเฟิงถิงเซินก็ยังไม่สามารถกลับมาทันเวลาได้ช่วงตัดสินใจในครั้งนี้ ก็ผ่านไปแบบนั้นแล้วหรงฉือคิดว่าเฟิงถิงเซินคงจะกลับมาอีกไม่กี่วัน แต่วันรุ่งขึ้น ตอนที่เธอกับอวี้มั่วซวินกำลังคุยงานกันอยู่ เฟิงจิ่งซินจู่ ๆ ก็โทรศัพท์มาบอกกับเธอว่าเฟิงถิงเซินกลับมาแล้วอวี้มั่วซวินโมโหจนหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “ไม่สิ เขาไม่กลับมาเร็วและไม่กลับมาช้า แต่ดันกลับมาทันทีหลังจากช่วงตัดสินใจสิ้นสุดพอดี เขาจงใจใช่ไหมเนี่ย?”หรงฉือวางโทรศัพท์ลง ไม่ได้พูดอะไรจงใจอะไรกัน แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วน่าจะเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่าอวี้มั่วซวินก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้แน่ ๆ แต่เขาก็แค่ถูกทำให้โมโหก็เท่านั้นเขาอดไม่ได้พูดขึ้นว่า “ไม่อย่างนั้นก็ฟ้องหย่าไปเลยเถอะ...แต่ว่า ตั้งแต่ยื่นฟ้องจนถึงเริ่มการพิจารณาคดีในศาล ก็ต้องใช้เวลาอีกประมาณหนึ่งเดือน...” พวกเขาไม่ทันได้พูดอะไรมาก ก็มีคนเคาะประตูเข้ามา บทสนทนาจึงหยุดชะงักไปชั่วขณะในเวลาเดียวกันกลุ่มแชทของพวกเฟิงถิงเซินกับฉีอวี้หมิงสี่คน จู่ ๆ เฟิงถิงเซินก็แท็กเฮ่อฉางปั่ว ฉีอวี้หมิงและหลินอู๋ [เย็นนี้กินข้าวด้วยกันไหม?]ฉีอวี้หมิ
โปรเจกต์ดี ๆ ที่สร้างรายได้มหาศาลแบบนี้ พวกเขากลับไม่ได้ส่วนแบ่งอะไรเลยและได้แต่มอง ซุนซู่ซานก็แค่อิจฉาเท่านั้น ไม่ได้จะบ่นอะไรจริงจังอย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ความสัมพันธ์ระหว่างเฟิงถิงเซินกับหลินอู๋ยังเหมือนเดิม โอกาสสร้างรายได้ของพวกเขาก็มีอีกมาก ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนในตอนนี้เหตุผลนี้พวกเขาที่อยู่ตรงนั้นทุกคนล้วนเข้าใจดีอีกอย่าง เทียบกับเรื่องนี้ ตอนนี้พวกเขากังวลอีกเรื่องหนึ่งมากกว่าดูจากข่าวที่เปิดเผยออกมา เฟิงถิงเซินดูเหมือนยังมีเรื่องที่ต้องจัดการอีกมากมาย และไม่สามารถกลับประเทศภายในเวลาสั้น ๆ ได้คุณยายซุนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลเล็กน้อย “ถิงเซินคงไม่ใช่จะกลับมาไม่ทันช่วงตัดสินใจสิ้นสุดลงหรอกใช่ไหม?”ซุนเยว่ชิงก็ถึงกับขมวดคิ้วแน่นขึ้นมาอย่างหาได้ยากถึงเธอจะไม่ได้รีบร้อนเท่าไรนัก แต่การยืดเวลาออกไป มันไม่ใช่เรื่องดีอะไรสำหรับพวกเขาเลยคุณย่าหลินก็อดถามหลินอู๋ไม่ได้ว่า “เสี่ยวอู๋ ถิงเซินว่าอย่างไร?”หลินอู๋ได้สติกลับมา ก่อนจะพูดตามจริงว่า “เขาบอกว่าไม่แน่ใจค่ะ”คนตระกูลหลินและตระกูลซุนพลันเริ่มกังวลมากขึ้นแล้วสุดท้าย คุณยายซุนทำได้แค่ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ถ้าเสร็จงานแล้
บ่ายวันนั้น ตอนที่หรงฉือเพิ่งถึงบ้าน เฟิงจิ่งซินก็เพิ่งจะเลิกโรงเรียนกลับมาถึงบ้านตระกูลหรงได้ไม่นานหรงฉือเพิ่งเหยียบเท้าเข้าประตูใหญ่บ้านตระกูลหรง ก็ได้ยินเฟิงจิ่งซินกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ เห็นเธอกลับมาแล้ว เฟิงจิ่งซินก็ตะโกนเรียกอย่างดีใจว่า “คุณแม่”พูดจบ ไม่รู้ว่าคนที่อยู่ปลายสายพูดอะไร เฟิงจิ่งซินก็หยิบโทรศัพท์วิ่งเข้ามาหาเธอพูดว่า “คุณแม่ คุณพ่ออยากคุยด้วยค่ะ”หรงฉือ “...”เธอรับโทรศัพท์มาแนบหู ก่อนจะเอ่ยปากว่า “ฮัลโหล”“สุขสันต์วันเกิด”หรงฉือ “...”หลังนิ่งเงียบไปไม่กี่วินาที เธอจึงจะเอ่ยปากพูดว่า “ขอบคุณ”ตามหลักเหตุผลแล้ว ในเวลานี้เธอควรจะพูดถึงของขวัญที่เขาส่งให้เธอเมื่อตอนเช้า แล้วกล่าวขอบคุณเขาสักหน่อยแต่เธอถือโทรศัพท์ไว้ กลับไม่พูดถึงแม้แต่คำเดียวเฟิงถิงเซินก็ดูเหมือนไม่คิดจะพูดถึง ราวกับของขวัญราคาแพงแบบนั้นเขาไม่ได้เป็นคนส่งให้เสียอย่างนั้นเขาพูดว่า “ทางผมมีงานค่อนข้างเยอะ อีกสักพักถึงจะสามารถกลับไปได้”หรงฉือเข้าใจความหมายของเขาแล้วเธอเม้มริมฝีปากไว้ ไม่ได้พูดอะไรเห็นเธอไม่พูด เฟิงถิงเซินก็เอ่ยปากว่า “โกรธเหรอ?”หรงฉือไม่ตอบ แค่ถามเสียงเรียบว่า “ยังม
ที่ส่งมาพร้อมกับดอกไม้ของเฮ่อฉางปั่ว ยังมีการ์ดอวยพรกับดอกไม้ทำมือเล็ก ๆ จากตานตานด้วยของขวัญของตานตานเฮ่อฉางปั่วเป็นคนช่วยส่งมาให้เธอ ในความคิดของหรงฉือ เหตุผลที่เฮ่อฉางปั่วส่งดอกไม้ให้เธอ เป็นแค่มารยาทเท่านั้นแม้จะเป็นมารยาท ในเมื่อเธอรับของขวัญแล้ว ย่อมต้องเป็นคนกล่าวขอบคุณเขาด้วยตัวเองเธอจึงโทรศัพท์ไปหาเฮ่อฉางปั่วเฮ่อฉางปั่วรู้ว่าหลังจากที่เธอรับดอกไม้แล้วจะต้องโทรศัพท์มาหาเขาอย่างแน่นอนเขารอโทรศัพท์ของเธอมาสักพักหนึ่งแล้ว ด้วยเหตุนี้ หรงฉือเพิ่งโทรศัพท์เข้ามา เฮ่อฉางปั่วก็รับแล้ว เขาเป็นฝ่ายพูดก่อนว่า “ได้รับของขวัญแล้วใช่ไหม? สุขสันต์วันเกิด”“ค่ะ ได้รับแล้ว ขอบคุณสำหรับดอกไม้ของคุณ แล้วก็รบกวนคุณบอกตานตานด้วยว่าฉันชอบของขวัญของเธอมาก”เฮ่อฉางปั่วยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ผมจะบอกแน่นอน ตานตานเตรียมของขวัญเสร็จตั้งแต่ครึ่งเดือนก่อนและส่งมา ถ้าตานตานรู้ว่าคุณชอบของขวัญของเธอ คงจะดีใจมากแน่ ๆ”พอรู้ว่าตานตานมีตั้งใจแบบนี้ หรงฉือรู้สึกอบอุ่นหัวใจพูดว่า “รบกวนคุณบอกตานตานว่า พอเธอมีเวลากลับมาเมืองตูเฉิง ฉันอยากเลี้ยงอาหารเธอ” “ได้ ผมจะบอกเธอ”“งั้นก็รบกวนคุณแล้ว” หรงฉื
หรงอวิ๋นเฮ่อตกใจทันที “นี่มัน แพงขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”อย่าว่าแต่หรงอวิ๋นเฮ่อเลย แม้แต่คุณยายหรงกับเหอหมิงเสว่ต่างก็ตกใจเช่นกันคุณยายหรงมองไปทางหรงฉือแล้วพูดว่า “เสี่ยวฉือ เข้ามาดูนี่หน่อย”คำที่พวกเขาพูดเมื่อสักครู่ หรงฉือได้ยินทั้งหมดแล้วแม้ตอนที่เธอเพิ่งรับของขวัญมา อาศัยแค่สัมผัสกล่องของขวัญด้วยมือก็รู้แล้ว ว่าของขวัญที่เฟิงถิงเซินให้เธอเป็นไปไม่ได้ที่จะราคาถูกแต่เธอไม่คาดคิดเลยว่ามันจะเป็นเพชรที่ล้ำค่าขนาดนี้หากตามที่เหอหมิงเส่ว ป้าสะใภ้ของเธอพูดไว้ ว่าเพชรเม็ดนี้ที่เฟิงถิงเซินให้เธอนั้นเจิดจ้าและบริสุทธิ์กว่าเพชรที่เธอนำไปประมูลก่อนหน้านี้จริง ๆ หนึ่งหมื่นล้านที่ป้าสะใภ้เธอพูด สามารถบอกได้ว่าเป็นการประเมินแบบระมัดระวังที่สุดแล้วเมื่อมองดูสีหน้าของหรงฉือ หรงอวิ๋นเฮ่อกับคุณยายหรงและคนอื่น ๆ ต่างก็ดูออกว่าเธอก็คิดไม่ถึงว่าเฟิงถิงเซินจะให้ของขวัญราคาแพงแบบนี้กับเธอหรงอวิ๋นเฮ่อถาม “แล้วตอนนี้จะทำยังไงดี? ส่งกลับไปเลยไหมครับ?”ถึงอย่างไรหรงฉือกับเฟิงถิงเซินใกล้จะหย่ากันแล้ว ของขวัญราคาแพงแบบนี้...“เก็บไว้เถอะ”คุณยายหรงปิดกล่องกำมะหยี่ พูดกับหรงฉือว่า “ก็ถือเสียว่าร
เฟิงจิ่งซินส่งของขวัญที่เฟิงถิงเซินต้องการให้หรงฉือกับเธอ แต่พอยื่นไปก็ชักมือกลับ แล้วจับมือของหรงฉืออย่างออดอ้อน “คุณแม่ดูของขวัญที่หนูให้คุณแม่ก่อนสิคะ”หรงฉือ “...อื้ม”หรงฉือเปิดกล่องของขวัญตามที่เธอบอกในกล่องของขวัญเป็นภาพวาดสีน้ำมันที่ใส่กรอบไว้เรียบร้อย และบุคคลในภาพก็คือเธอมุมขวาล่างของภาพยังเขียนตัวอักษรเล็ก ๆ ไว้หนึ่งแถวว่า คุณแม่ของหนู สุขสันต์วันเกิดนะคะหัวใจหรงฉือเหมือนถูกอะไรบางอย่างกระแทก มือที่กำกรอบรูปอยู่หยุดกึกทันทีเฟิงจิ่งซินแกว่งมือของเธอไปมา พูดว่า “นี่คือรูปที่หนูวาดเสร็จตั้งแต่ครึ่งเดือนก่อนแล้ว คุณแม่ชอบไหมคะ?”ทันใดนั้นสติของหรงฉือก็กลับมา เธอมองสีหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของเธอ อารมณ์ซับซ้อนแต่ก็ยังพูดตามจริงว่า “แม่ชอบมาก ตอนนี้ซินซินวาดภาพนับวันยิ่งดีขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว”พอได้ยินหรงฉือบอกว่าชอบ เฟิงจิ่งซินก็ดีใจมาก “ถ้าคุณแม่ชอบ คราวหน้าหนูจะวาดให้คุณแม่อีกนะคะ!”หรงฉือ “...จ้ะ”คราวนี้เฟิงจิ่งซินจึงจะเอาของขวัญที่เฟิงถิงเซินต้องการให้เธอยัดใส่มือเธอ “คุณแม่ หนูต้องไปเรียนแล้ว ไม่งั้นจะสายเอา ตอนเย็นหนูมาหาคุณยายทวดที่นี่ แล้วอยู่ทานอาหารเป็น







