อวี้มั่วซวินพูดจบ ก็ถามขึ้นว่า “เช้านี้ก็บังเอิญเจอเขาอีกแล้วเหรอ?”หรงฉือ “อืม”อยู่ในช่วงรอการหย่า แล้วยังต้องบังเอิญเจออดีตสามีอยู่บ่อยครั้ง มันช่างน่ารำคาญจริง ๆ แต่ตอนนี้บริษัทของพวกเขาได้บรรลุข้อตกลงกันแล้ว การจะบังเอิญเจอหน้ากันเป็นครั้งคราว ถือเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้กลับมาทำงานในบริษัทได้สองวัน เช้าวันพุธ ประธานเฉวียนก็กล่าวถึงเธอกับอวี้มั่วซวินในกลุ่มไลน์อวี้มั่วซวินอยู่บนเครื่องเตรียมจะไปทำงานต่างจังหวัด หลังฟังคำอธิบายของประธานเฉวียน หรงฉือเก็บของเสร็จ ก็พาเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคมุ่งหน้าไปซวิ่นตู้พร้อมกันนี่ยังเป็นครั้งแรกที่หรงฉือไปซวิ่นตู้ หลังจากเฟิงถิงเซินยกซวิ่นตู้ให้หลินอู๋พอมาถึงซวิ่นตู้ หรงฉือกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคหลายคนของบริษัทเพิ่งลงจากรถ ก็เห็นเหรินจี่เฟิงที่ลงมาจากรถเช่นเดียวกันเดิมทีเขากับซวิ่นตู้มีความร่วมมือกันอยู่แล้วเรื่องนี้จะไม่เปลี่ยนแปลง เพียงเพราะเฟิงถิงเซินยกบริษัทให้หลินอู๋ที่แตกต่างกันคือ หลังเฟิงถิงเซินยกบริษัทให้หลินอู๋ คนที่เขาติดต่อมาคุยธุรกิจกับซวิ่นตู้ ก็เปลี่ยนจากเฟิงถิงเซินมาเป็นหลินอู๋แทนเมื่อเห็นกันและกัน พว
ผู้อาวุโสอวี๋ไม่แม้แต่จะสนใจเขาด้วยซ้ำหรงฉือได้ยินเขาพูดแบบนี้ ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเมื่อไม่มีใครสนใจเขา เฟิงถิงเซินก็ไม่ใส่ใจ เห็นว่าน้ำชาในแก้วของหรงฉือใกล้จะหมดแล้ว จึงยกกาน้ำชาดินเผาขึ้นมาเติมชาให้เธอกับผู้อาวุโสอวี๋ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ดื่มชา หรือรับประทานอาหารกลางวัน หรงฉือก็แทบจะพูดอยู่กับผู้อาวุโสอวี๋และเฟิงจิ่งซินมากกว่าไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขามองออกว่าเธอไม่อยากคุยกับเขา หรือเฟิงถิงเซินเองก็ไม่อยากจะคุยกับเธอเหมือนกันตอนบ่ายสองกว่า ๆ ตอนที่พวกเขาเตรียมจะออกจากบ้านตระกูลอวี๋ จู่ ๆ หรงฉือก็นึกขึ้นได้ว่า พวกเขาอยู่ในห้องเดียวกันมาเกือบสี่ชั่วโมง แต่ระหว่างนั้นกลับไม่ได้พูดคุยอะไรกันแม้แต่คำเดียว...ผู้อาวุโสอวี๋ก็ย่อมสังเกตเห็นจุดนี้เช่นกันแต่เฟิงถิงเซินไม่คิดจะย้อนกลับไป หรงฉือก็ปล่อยวางความรู้สึกที่มีต่อเฟิงถิงเซินไปแล้ว วันนี้เขาให้ทั้งสองคนมาที่นี่ ไม่ใช่เพื่อจะให้พวกเขาคืนดีกัน เพราะระหว่างพวกเขาไม่มีอะไรจะพูดกันอีก เขาก็ไม่มีอะไรจะพูดเช่นกัน พอรู้ว่าต้องเตรียมตัวกลับบ้านแล้ว เฟิงจิ่งซินก็เงยหน้าถามหรงฉือว่า “คุณแม่ วันนี้คุณแม่จะกลับบ้านไหมคะ?” ไม่รอให้เธอพูด เฟิง
หลังหรงฉือมาถึงฐาน ก็เข้าสู่โหมดทำงานอย่างเข้มข้นในทันทีการปรับปรุงการต่อสู้ระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักรให้สมบูรณ์ขึ้น จำเป็นต้องมีข้อมูลมาช่วยสนับสนุนวันที่สองที่หรงฉือเข้าสู่ฐาน ในฐานก็จัดให้มีการทดสอบการต่อสู้ระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักรอีกครั้ง คืนวันนั้น ดึกมาแล้วหรงฉือจึงจะมากินข้าวที่แคนทีน ตอนที่เธอมาถึงแคนทีน ในแคนทีนก็แทบจะไม่มีคนเหลืออยู่แล้วเธอตักข้าวเสร็จ และเตรียมจะนั่งลง ก็เห็นจี้ชิงเยว่เพิ่งตักข้าวเสร็จเหมือนกันจี้ชิงเยว่ชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้ม แล้วเดินมาหาเธอ “เข้ามาตั้งแต่เมื่อไร?”“เมื่อวานน่ะ” หรงฉือพูดจบก็ถามว่า “เพิ่งฝึกเสร็จเหรอคะ?”“ครับ ภารกิจการฝึกในปีนี้ค่อนข้างหนัก”สงครามอวกาศในอนาคตจะไม่ใช่แค่การต่อสู้ระหว่างมนุษย์ด้วยกันเองเท่านั้น แต่จะเป็นการเล่นเกมระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักรดังนั้น การฝึกซ้อมกับวิธีการต่อสู้ของนักบินอย่างพวกเขาในตอนนี้ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไม่น้อยเมื่อเทียบกับปีก่อน ๆ หรงฉือถาม “จะมีความกดดันไหมคะ?”AI มีการประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลที่ทรงพลัง สามารถระบุจุดอ่อนของฝั่งตรงข้ามได้อย่างรวดเร็ว แถมยังสามารถกำหนดกลยุทธ์ที
จริง ๆ แล้ว เฟิงจิ่งซินไม่ได้เกลียดสีชมพูตราบใดที่เป็นของสวย ๆ น่ารัก ๆ เธอก็ชอบทั้งนั้นแหละได้ยินตานตานอวดกับเธอด้วยความดีใจ เธอก็พยักหน้ากล่าวชมว่า “ใช่ น่ารักและสวยมาก ๆ”พูดจบ ก็มอบของขวัญที่ตัวเองเตรียมไว้ให้ตานตานหลังตานตานพูดขอบคุณเฟิงจิ่งซิน ก็อดไม่ได้ที่จะพูดกับเฟิงจิ่งซินว่า “คุณน้าฉันยังทำเค้กให้ฉันเองกับมือด้วย เป็นสีฟ้า สวยมาก ๆ เลยล่ะ!”ตานตานพูดจบ เธอก็รีบขอให้เฮ่อฉางปั่วช่วยเปิดกล่องเค้กด้วยความดีใจได้ยินตานตานเรียกคุณน้าอยู่ตลอด ฉีอวี้หมิงเลิกคิ้วเอ่ย “คนเขาทั้งทำเค้กให้ตานตาน ทั้งซื้อของขวัญให้ ใส่ใจมากจริง ๆ ฉางปั่ว นายยังจะพูดอะไรได้อีก?”แค่หรงฉือสละเวลาจากความวุ่นวาย เพื่อตั้งใจตื่นแต่เช้ามาทำเค้กให้ตานตานตามสัญญา เฮ่อฉางปั่วก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความใส่ใจที่หรงฉือมีต่อตานตานแล้วแม้ตอนนี้เฟิงถิงเซินกับเฟิงจิ่งซินจะอยู่ด้วยกันตรงนี้ แต่พอฉีอวี้หมิงเอ่ยถึงหรงฉือ เฮ่อฉางปั่วยังคงอดไม่ได้ที่จะเผลอยิ้มอย่างอ่อนโยนออกมาหากบอกว่าเมื่อวานเธอยังไม่แน่ใจว่าเฮ่อฉางปั่วจะชอบหรงฉือจริงหรือไม่ แต่ในวินาทีนี้ หลังจากเห็นรอยยิ้มอ่อนโยนที่เฮ่อฉางปั่วเผยออกมาเพราะ
วินาทีนั้น หลินอู๋มีสีหน้าตกตะลึง ถึงกับสงสัยว่าตัวเองตาฝาดไปหรือเปล่าแต่ภาพที่หรงฉือจับมือตานตานไว้ กับรอยยิ้มที่แต้มบนใบหน้าของเฮ่อฉางปั่วเมื่อมองหรงฉือ มันชัดเจนเสียเหลือเกินทั้งหมดนี้ทำให้เธอรู้ว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดแล้วก็ไม่ใช่ความฝันด้วยหรงฉืออยู่กับเฮ่อฉางปั่ว และตานตานจริง ๆ ดูจากบรรยากาศเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน และการที่ตานตานจับมือหรงฉือ ไม่ใช่เฮ่อฉางปั่ว ก็พอจะเดาได้แล้วว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาทั้งสามออกมากินข้าวด้วยกันทันใดนั้น ความคิดหนึ่งก็แล่นผ่านเข้ามาในสมองหรือว่า หรงฉือก็คือ ‘คุณน้า’ คนนั้นที่ก่อนหน้านี้ตานตานเคยเอ่ยถึงอยู่หลายครั้ง?แต่นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?ในใจเธอรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ในสมองเธอกลับอดไม่ได้ที่จะนึกถึงภาพตอนเฮ่อฉางปั่วมาประชุมที่ซวิ่นตู้เมื่อปีที่แล้ว เป็นฝ่ายเดินเข้าไปทักหรงฉือก่อนอีกอย่าง ในงานเลี้ยงช่วงหลัง ๆ มานี้ ตราบใดที่หรงฉือกับอวี้มั่วซวินอยู่ เฮ่อฉางปั่วจะเดินเข้าไปทักทาย เขาก็มักจะอยู่คุยกับพวกเขาสักพัก แทนที่จะทักทายเสร็จแล้วก็เดินจากไปทันทีก่อนหน้านี้เธอยังคิดว่าเฮ่อฉางปั่วเป็นฝ่ายพูดคุยกับหรงฉือ และแสดงท่าทีอ่
เมื่อต้องรู้ว่าเธอไม่สามารถมาฉลองวันเกิดให้ตานตานได้ด้วยตัวเอง เฮ่อฉางปั่วค่อนข้างผิดหวัง แต่ก็เข้าใจจึงพูดว่า “ไม่เป็นไร เรื่องสำคัญต้องมาก่อน ตานตานต้องเข้าใจแน่”หลังจากวางสาย หรงฉือเพิ่งจะล้างหน้าแปรงสีฟันเสร็จ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีกครั้งเป็นเฮ่อฉางปั่ววิดีโอคอลมามีแค่ตานตานเท่านั้นที่จะใช้โทรศัพท์ของเฮ่อฉางปั่ววีดิโอคอลมาหาเธอพอหรงฉือเห็น ก็กดรับ ใบหน้าของตานตานปรากฏแก่สายตาในทันที หรงฉือยิ้มอย่างอ่อนโยน ยังไม่ได้พูดอะไร ตานตานก็พูดกับเธอว่า “สวัสดีตอนเช้าค่ะป้าหรง เรื่องที่คุณป้าไม่มีเวลามาฉลองวันเกิดให้หนู คุณลุงบอกหนูแล้ว ไม่เป็นไรค่ะ ครั้งนี้คุณป้าไม่ว่าง ครั้งหน้าค่อยมาฉลองวันเกิดให้หนูก็ได้”ตานตานยังต้องไปโรงเรียน ไม่รอให้หรงฉือพูดอะไร เธอก็พูดต่อว่า “หนูได้ยินจากคุณลุงว่าคุณป้าทำเค้กให้หนูเองกับมือ แถมยังเตรียมของขวัญอย่างอื่นให้หนูด้วย ขอบคุณค่ะคุณป้า คุณป้าลำบากแล้ว อีกอย่างคุณยายบอกว่าได้รับขอบขวัญจากคนอื่นต้องเลี้ยงข้าวเขาด้วย มีร้านอาหารเปิดใหม่อยู่ร้านหนึ่ง ที่นั่นอาหารอร่อยมาก คืนนี้คุณป้าว่างไหมคะ? หนูกับคุณลุงอยากเลี้ยงข้าวคุณป้าค่ะ!”พอได้ยินตานตานพูดยาว