Share

บทที่ 3

Penulis: คุณชายสายฝน
โจวซือเหย่เดินทางกลับบ้านพร้อมกับสร้อยคอที่เลขาหลู่เลือกซื้อมาให้ แต่เมื่อกลับมาถึงบ้านก็พบว่าเจียงซู่ไม่อยู่ และเพิ่งนึกถึงเรื่องที่เธอออกไปทำงานนอกสถานที่

โดยปกติแล้วเจียงซู่ออกไปทำงานนอกสถานที่อยู่บ่อย ๆ อยู่แล้ว เขาเลยไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรเป็นพิเศษ และวันนั้นเขาก็ทานอาหารมื้อค่ำคนเดียวในห้องอาหาร

เมื่อเขาทานเสร็จ เขารอให้คนเอาผ้าเช็ดมือมาให้ด้วยความเคยชิน แต่เมื่อนึกได้ว่าเจียงซู่ไม่อยู่ เขาจึงต้องเช็ดมือด้วยตัวเอง

โจวซือเหย่ถามขึ้น “เธอได้บอกไหมว่าจะกลับมาเมื่อไหร่? ”

แม่บ้านเฉินตอบกลับว่า “คุณผู้หญิงไม่ได้บอกค่ะ”

เมื่อก่อนเวลาเจียงซู่ออกไปทำงานนอกสถานที่เขาจะบอกกำหนดการเดินทางให้เขาเสมอ แต่ครั้งนี้กลับไม่บอก โจวซือเหย่จึงขมวดคิ้วขึ้นด้วยความไม่พอใจ

ส่วนเจียงซู่ผู้เป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมดก็นั่งทานอาหารมื้อค่ำเพียงคนเดียวเช่นกัน เธอเก็บกวาดขยะในบ้านก่อนจะไปล้างหน้าแปรงฟันและเข้านอน

เตียงใหม่ สถานที่ใหม่ แต่กลับไม่ได้ทำให้เจียงซู่รู้สึกแปลกที่แปลกทางเลยสักนิด เธอสามารถนอนได้อย่างสบาย

เช้าวันถัดมา

ในช่วงเช้าเจียงซู่ไม่ได้ไปทำงาน แต่เธอตั้งใจไปเยี่ยมคุณย่าที่โรงพยาบาล

คุณย่าเป็นโรคหายากชนิดหนึ่ง ซึ่งไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ต้องใช้ยาราคาแพงเพื่อประคองอาการไว้ทุกวัน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนามว่า โรคของคนรวย

เมื่อเห็นเจียงซู่ คุณย่าก็ดีใจยกใหญ่ จากนั้นก็ถามด้วยความเป็นห่วงขึ้นมาว่า “ทำไมผอมลง? ตระกูลโจวเขาไม่ดีกับหนูเหรอ? ”

เจียงซู่ยิ้มอ่อนก่อนจะตอบคุณย่าว่า “เปล่าค่ะ แม่สามีและคนอื่น ๆ ดีกับหนูมาก”

คุณย่าอี้พูดต่อว่า “มีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็อย่าเก็บไว้คนเดียว เล่าให้ย่าฟังได้นะ”

เธอรู้จักหลานสาวตัวเองดีว่าชอบเก็บความทุกข์ไว้ในใจคนเดียว

แต่กลับเป็นครอบครัวตระกูลเจียงเองที่ทำไม่ดีกับเด็กคนนี้

เรื่องการแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดให้โจวซือเหย่ความจริงแล้วเธอไม่เต็มใจเลยไม่แต่น้อย แต่เธอรู้ดีว่าหากพูดคัดค้านไปก็ไม่มีใครฟังเธออยู่ดี

โชคดีที่ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีติดขัด เธอจึงไม่ต้องได้ชื่อว่าเป็นหญิงหม้าย

เจียงซู่ตอบกลับคุณย่าว่า “คุณย่าคะ หนูสบายดีค่ะ”

ตอนนั้นที่เธอแต่งงานกับโจวซือเหย่ความจริงเธอก็ไม่ได้ลำบากใจอะไรมากนัก เพราะเธอรู้ดีว่านั้นเป็นโอกาสเดียวที่เธอจะได้แต่งงานกับเขา

และในตอนนี้ที่เธอตัดสินใจหย่า ตัวเธอเองก็รู้สึกเหมือนกับตอนนั้น ไม่ได้รู้สึกลำบากใจและทุกอย่างเป็นความสมัครใจของเธอเอง

เธอยังไม่ทันได้ออกจากโรงพยาบาล ก็ได้รับการติดต่อจากโจวซือเหย่ ซึ่งเธอรู้ดีว่าอีกฝ่ายโทรมาด้วยเหตุใด ดูจากเวลาแล้ว ไต้ซานเหอน่าจะส่งเอกสารหย่าไปถึงมือเขาพอดี

ทันทีที่รับสาย โจวซือเหย่ก็ถามโจมตีเธอ “คุณอยู่ไหน?! ”

เจียงซู่ไม่สนใจคำถามของอีกฝ่ายและตอบกลับไปว่า “คุณเซ็นเอกสารแล้วใช่ไหม? ”

“คุณจะพอได้หรือยัง? ”

โจวซือเหย่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ

เจียงซู่ “ตอนนี้ไปสำนักเขตก็น่าจะจัดการเรื่องหย่าได้เรียบร้อยพอดี”

เมื่อจบประโยค เธอรู้สึกได้ถึงเสียงลมหายใจอันหนักอึ้งจากปลายสาย แม้จะอยู่คนละที่ แต่เธอรับรู้ได้ถึงความโกรธของเขาได้อย่างชัดเจน

เจียงซู่นะเจียงซู่ เธอชักจะเก่งเกินไปแล้วนะที่กล้าทำให้โจวซือเหย่โกรธเป็นฝืนเป็นไฟได้ขนาดนี้

แต่ไม่กี่วินาทีต่อมา ความโกรธที่เอ่อล้มในสายก็กลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง โจวซือเหย่ยังคงถามคำถามเดิมว่า “ตอนนี้คุณอยู่ไหน? ”

เจียงซู่อยากให้การหย่าร้างครั้งนี้สำเร็จลุล่วง จึงไม่อยากทำตัวยั่วโมโหเขาอีกและบอกที่อยู่ไปในที่สุด

ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถของโจวซือเหย่มาจอดอยู่ที่หน้าประตูโรงพยาบาล

เจียงซู่เปิดประตูขึ้นรถไป

ทันทีที่อีกฝ่ายขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว โจวซือเหย่จึงถามขึ้นว่า “ช่วงนี้คุณย่าเป็นไงบ้าง? ”

เจียงซู่พูดขึ้นว่า “เวิงอี๋เอาโซ่มาล็อคขาคุณไว้หรือไง? ”

เป็นคำพูดที่กำลังจิกกัดว่า ขึ้นไปเยี่ยมคุณย่าด้วยตัวเองไม่เป็นหรือไง?

โจวซือเหย่มองเธอด้วยสายตาเคร่งขรึมก่อนจะเริ่มปริปากไต่สวนเธอทันที

“เมื่อคืนไปนอนที่ไหนมา? ทำไมไม่กลับบ้าน? ”

เขาได้รู้ความจริงแล้วว่าเธอไม่ได้ออกไปทำงานนอกสถานที่จริง ๆ

การกระทำของเขามันแสดงถึงความไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย ที่ตัวเองจะทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ แต่คนอื่นกลับทำอะไรไม่ได้เลยแม่แต่นิด เขาคงลืมไปแล้วว่าตัวเองไม่ได้กลับบ้านบ่อยแค่ไหน

เจียงซู่พูดขึ้นว่า “ฉันไม่เหมือนคุณหรอกนะ ฉันมีคุณธรรมมากพอ ใบหย่ายังไม่มาถึงมือ ฉันไม่นอกใจคุณหรอก”

เมื่อได้ยินคำพูดที่แฝงไปด้วยความประชดประชัน โจวซือเหย่จึงโต้กลับไปว่า “เพียงแค่คุณเชื่อฟัง ตำแหน่งคุณผู้หญิงโจวก็ไม่มีใครสามารถมาแทนที่คุณได้”

คำพูดนั้นของเขากำลังหมายความว่า เขาจะให้เธอเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแบบนี้ไปเรื่อย ๆ โดยตัวเขาก็ไปมีความสัมพันธ์กับคนอื่นไปเรื่อย ๆ เช่นกัน แบบนี้สินะ?

แต่เธอไม่อยากเป็นภรรยาผู้ซื่อสัตย์มองดูสามีตัวเองไปมีคนอื่นอีกแล้ว

“คืนนี้กลับไปนอนบ้าน”

เมื่อเขาพูดเสร็จก็ไม่รอให้อีกคนได้มีโอกาสปฏิเสธ โจวซือเหย่พูดต่อขึ้นมาทันทีว่า “แม่ให้พวกเรากลับไปกินข้าวที่บ้าน”

เมื่อเธอได้ยินดังนั้นจึงเงียบลง ไม่ต่อปากต่อคำอีก เพราะก่อนที่จะได้ใบหย่า เธอไม่อยากให้เรื่องไปถึงหูแม่สามี จะได้ไม่เพิ่มความยุ่งยาก

บริเวณทางทิศเหนือของเมือง ณ คฤหาสน์ตระกูลโจว

ตระกูลโจวเป็นตระกูลเก่าแก่ของเมืองเป่ยเชิงที่ได้รับการสืบทอดมาอย่างยาวนาน ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยสาธารณรัฐจีนมาจนถึงปัจจุบันนี้ อำนาจของตระกูลเหลือล้นฟ้า

โจวซือเหย่เป็นลูกชายของบ้านใหญ่ นอกจากนี้ยังแบ่งแยกย่อยเป็นบ้านสอง บ้านสาม และญาติพี่น้องห่าง ๆ อีกมากมาย

ในปัจจุบัน ผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจของตระกูลโจวคือ คุณปู่ของโจวซือเหย่ นามว่า โจวซื่อสง

ตอนนี้พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปที่บ้านใหญ่

พ่อของโจวซือเหย่เสียชีวิตไปแล้วเมื่อห้าปีก่อนจากอุบัติเหตุเดียวกันกับเขา ตอนนี้ในบ้านใหญ่จึงเหลือแค่เขาที่เป็นผู้ชายคนเดียว นอกนั้นเป็นผู้หญิงหมด

ด้วยเหตุผลนี้เอง ที่ทำให้เธอในฐานะผู้ที่ช่วยเขาดึงเขาออกมาจากความตาย แม่สามีจึงให้ ‘ความสำคัญ’ เธอเป็นอย่างมาก

สำคัญถึงขนาดที่ว่าพอเธอเข้าไปในบ้านก้าวแรก ก็ได้ยาบำรุงครรภ์มาหนึ่งถ้วยทันที

เวินเหยาฉินเอ่ยขึ้นมาว่า “นี่เป็นยาที่แม่ให้คนไปหามาจากฮ่องกง เขาบอกว่าดื่มแล้วเตรียมตัวมีลูกชายได้เลย”

“รีบดื่มตอนยังอุ่น ๆ นะ”

และในชั่วขณะ แม่บ้านก็ยื่นถ้วยยามาให้ กลิ่นฉุนของยาก็แทบจะทำให้เธอหยุดหายใจ

และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอต้องดื่มยาอะไรแบบนี้

ตั้งแต่คืนแรกที่พวกเขาเริ่มนอนด้วยกัน เวินเหยาฉินก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอยที่จะได้อุ้มหลานชายทันที

เวลาผ่านไปสี่ปีครึ่งแห่งการตั้งหน้าตั้งตารอคอย หากไม่ใช่ดวงชะตาที่แข็งแกร่งของเธอ บางทีเธออาจจะถูกเขี่ยทิ้งไปตั้งแต่ปีแรกที่ไม่มีลูกแล้วก็ได้

ในช่วงสี่ปีครึ่งที่ผ่านมา ไม่ได้มีเพียงแค่เวินเหยาฉินที่รออยู่คนเดียว แม้แต่เจียงซู่เองก็หวังว่าจะได้อุ้มครรภ์ลูกที่เกิดจากเธอกับโจวซือเหย่เช่นกัน

เธอคิดว่ากาลเวลาจะพิสูจน์คน และหากมีลูกด้วยกัน ข้อผูกมัดของพวกเขาก็จะมากยิ่งขึ้น

แต่เธอก็ต้องผิดหวัง เมื่อพบว่า กาลเวลาพิสูจน์คน มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับความรู้สึกในความสัมพันธ์เลย

คนจะไม่ชอบ ต่อให้ทำอย่างไรมันก็คือไม่ชอบ

และในตอนนี้ เจียงซู่ไม่คิดอยากมีลูกที่เกี่ยวข้องกับเขาอีกต่อไปแล้ว

เจียงซู่หันตัวหลบ หลีกเลี่ยงถ้วยยาด้วยท่าทางปฏิเสธ ก่อนจะหันไปมองโจวซือเหย่ เพื่อต้องการสื่อเป็นนัยยะให้เขาช่วยปฏิเสธแทนเธอ

แต่โจวซือเหย่กำลังถอดเสื้อโค้ชอยู่พอดี จึงไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าเธอกำลังขอความช่วยเหลือ

เมื่อเห็นดังนั้น เธอจึงหันกลับมาและพูดตอบกลับว่า “แม่คะ พอดีหนูกำลังทานยาแก้หวัดอยู่ ทานยาตัวอื่นไม่ได้ค่ะ”

ได้ยินดังนั้น เวินเหยาฉินขมวดคิ้วจนเป็นปม และถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงว่า “ทำไมเป็นหวัดอีกแล้วล่ะ? แม่ว่าที่เธอท้องไม่ติดสักที คงเป็นเพราะร่างกายเธอไม่แข็งแรงแน่เลย”

“พวกเธอกลับมาอยู่ที่บ้านเถอะ เดี๋ยวแม่ให้ป้าอู๋ทำอาหารบำรุงให้อย่างดีเลย จะได้บำรุงร่างกายให้พร้อมกับการมีลูกเสียก่อน เธอก็อายุยี่สิบแปดแล้ว ถ้ายังปล่อยไว้อยู่อย่างนี้เดี๋ยวจะเข้าข่ายภาวะตั้งครรภ์เมื่ออายุมาก”

ขณะที่พูด สายตาของเวินเหยาฉินก็เพ่งเล็งไปที่โจวซืออเหย่ ซึ่งเขาตอบกลับว่า “ผมไม่มีปัญหาครับ”

เจียงซู่ “...”

เขาจะมาเล่นบทลูกแสนกตัญญูอะไรตอนนี้?

จะได้หย่ากันอยู่แล้ว ทำไมเธอต้องกลับมาอยู่บ้านที่ราวกับเป็นนรกเพื่อเพิ่มความลำบากใจให้ตัวเองด้วย? หรือชีวิตในตอนนี้มันยังทุกข์ไม่พออีกเหรอ ถึงยังต้องคอยเติมไฟหาเรื่องใส่ตัวเองแบบนี้?
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 100

    เจียงซู่ดันชามโจ๊กทะเลตรงหน้าออกไป “ฉันอยากกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อ”โจวซือเหย่มีสีหน้าอึ้งไปเล็กน้อย เขายังคงรอคำขอบคุณจากเจียงซู่ แต่ไม่คิดว่าจะได้คำพูดที่ทำให้เขาอารมณ์เสียป้าเฉินได้ยินดังนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอแอบชำลืองมองโจวซือเหย่ และพยายามที่จะช่วยคลี่คลาย “คุณผู้หญิงคะ การทำก๋วยเตี๋ยวเนื้อสด ๆ ต้องใช้เวลามาก จะไม่ทันอาหารเช้านะคะ”เจียงซู่ “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันรอได้”เมื่อได้ยินดังนั้น ป้าเฉินก็มองไปที่โจวซือเหย่อีกครั้ง แล้วโจวซือเหย่ก็โบกมือให้เธอไปทำเมื่อเห็นเช่นนี้ ป้าเฉินจึงไม่พูดอะไรอีกและรีบไปที่ห้องครัวโจวซือเหย่มองขาที่ยังคงเข้าเฝือกของเธอ “คุณไม่ต้องไปที่ทำงานแล้ว พักรักษาตัวที่บ้านให้ดี พอหายดีแล้ว ถ้ายังอยากทำงานเดิมอยู่ ผมจะจัดหาที่ทำงานใหม่ให้”เขาหมายความว่าไง?เขาคิดว่าการที่เธอมีเพศตรงข้ามอยู่รอบตัวจะทำให้ภาพลักษณ์ของเขาเสียหายใช่ไหม? เขาต้องการที่จะกำจัดคนรอบตัวเธอใช่ไหม?สำหรับพฤติกรรมสองมาตรฐานของเขา เจียงซู่รู้สึกว่ามันน่าขำ แต่เธอก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด ๆโจวซือเหย่ “ขอแค่คุณยังคงเป็นเหมือนเมื่อก่อน เชื่อฟังและทำตัวดี ๆ ตำแหน่งคุณผู้หญิงโจว

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 99

    โจวซือเหย่คิดว่าการที่เธอแต่งงานกับเขาเป็นการขายตัวหรือไง?เขาเห็นเธอเป็นอะไรกันแน่?เป็นโสเภณีหรือไง?เจียงซู่กัดฟันกรามแน่น ราวกับได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองที่แตกสลาย เธอกลืนความปวดร้าวในลำคอ และเบิกตากว้าง พยายามไม่ให้น้ำตาไหลออกมา“ฉันเสียใจ”เธอเสียใจที่แต่งงานกับเขาเขาจะไม่ชอบเธอก็ได้ แต่เขาไม่ควรเหยียบย่ำหัวใจของเธอแบบนี้เธอเพ้อฝันอยู่ฝ่ายเดียว คิดว่าหยดน้ำจะทำให้หินกร่อนได้ แต่เธอกลับลืมไปว่าหัวใจของเขานั้นแข็งเสียยิ่งกว่าหิน มันทำจากเหล็กกล้าเมื่อเห็นความแตกสลายอย่างชัดเจนในดวงตาของเธอ โจวซือเหย่ก็ชะงักไปครู่หนึ่งเจียงซู่พึมพำคำเดิม “ฉันเสียใจ”โจวซือเหย่ไม่เข้าใจว่าความเสียใจของเธอหมายถึงอะไร และเขาก็ไม่สนใจที่จะรู้ด้วย แต่จู่ ๆ เขาก็ผลักเธอล้มลงไปเจียงซู่ที่ตอบสนองช้าไปครึ่งก้าว กว่าจะรู้ตัวว่าเขาจะทำอะไร เขาก็เริ่มถอดเสื้อผ้าของเธอออกแล้ว เธอพยายามดิ้นรนอย่างเต็มที่“ฉันไม่ทำ!”โจวซือเหย่จับข้อมือของเธอตรึงไว้ที่เหนือศีรษะ และใช้ขาอีกข้างล็อกขาเธอที่พยายามขัดขืน“คุณเลิกคิดเรื่องหย่าได้เลย ตระกูลโจวไม่มีทางเกิดเรื่องอื้อฉาวอย่างเรื่องหย่าร้างเด็ดขาด” โจวซื

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 98

    เจียงซู่ลืมตาขึ้นอย่างมึนงง ไม่รู้เลยว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ความทรงจำที่ขาดหายไปของเธอยังคงอยู่ที่ตอนที่เว่ยชิงหางจะไปส่งเธอกลับบ้าน“รุ่นพี่ ขอบคุณที่มาส่งฉันกลับบ้านนะคะ”คำพูดของเจียงซู่ฟังดูติด ๆ ขัดๆ แต่ในมุมมองของโจวซือเหย่ คำพูดเหล่านั้นเหมือนเป็นการออดอ้อนเว่ยชิงหาง“คุณไปกลับก่อนเถอะ อย่าให้โจวซือเหย่เห็น เดี๋ยวเขาจะหาเรื่องคุณ”เมื่อได้ยินดังนั้น นัยน์ตาของโจวซือเหย่ก็มืดลง“ทำไมผมต้องหาเรื่องเขาด้วย?”เสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันนี้ ทำให้สติที่ขุ่นมัวของเจียงซู่แจ่มชัดขึ้นเล็กน้อย เธอมองไปรอบ ๆ และเพิ่งรู้ตัวว่าเธอนอนอยู่บนเตียงในห้องนอนใหญ่เจียงซู่ส่ายหัวที่เวียนหัวของเธอ และพูดว่า “ตัวฉันมีกลิ่นเหล้า คืนนี้ฉันจะไปนอนห้องข้าง ๆ”แม้ว่าเธอจะไม่ได้มีสติสมบูรณ์ครบถ้วน แต่เธอก็ยังจำได้ว่าเขาไม่ชอบกลิ่นเหล้าจากตัวเธอในอดีต ทุกครั้งที่กลับมาจากการเลี้ยงสังสรรค์ เจียงซู่จะแยกห้องนอนกับโจวซือเหย่เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เขารังเกียจเธอเธอลงจากเตียงกำลังจะจากไป แต่โจวซือเหย่กลับกดไหล่ของเธอไว้ แล้วผลักเธอล้มลงบนเตียงเจียงซู่ยืนไม่มั่นคงอยู่แล้ว การล้มลงบนเตียงอีกครั้ง ทำให้ส

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 97

    “รุ่นน้อง”ในขณะที่เจียงซู่กำลังแหม่อลอย เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นเมื่อรู้สึกตัว เธอก็สบตากับเว่ยชิงหาง“รุ่นพี่”เขาถามว่า “มาทำอะไรที่นี่?”เจียงซู่หลีกเลี่ยงประเด็นหลัก “ออกมาสูดอากาศสักหน่อย คุณล่ะ? มาทำอะไรที่นี่?”เว่ยชิงหาง “เพิ่งคุยงานกับลูกค้าเสร็จ”พูดไป เขาก็มองเข้าไปในรถของเธอ แล้วพูดอีกว่า “คุณยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงขับรถออกมาคนเดียว?”“ขาที่เหยียบคันเร่งยังปกติดี” เจียงซู่ถาม “อีกเดี๋ยวจะยุ่งไหมคะ?”เว่ยชิงหางถาม “คุณมีธุระอะไรหรือเปล่า?”เจียงซู่ “ฉันอยากไปดื่มสักแก้ว คุณอยากไปด้วยกันไหม?”เว่ยชิงหางไม่ได้ขัดจังหวะ “ไปที่ไหน?”จากนั้นพวกเขาไปที่บาร์เงียบ ๆ แห่งหนึ่งแสงในร้านสลัว ๆ ช่วยปกปิดความหม่นหมองและความอ้างว้างในตัวของเจียงซู่เว่ยชิงหางเป็นเพื่อนร่วมทางที่ดี เขาเพียงแค่อยู่เงียบ ๆ เป็นเพื่อนเจียงซู่ไม่ได้มาเพื่อระบายความในใจ ตอนนี้เธอแค่รู้สึกเหงามาก ๆ เท่านั้น อยากมีใครสักคนอยู่เป็นเพื่อน ไม่อยากอยู่คนเดียวแม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดอะไร แต่เว่ยชิงหางก็รู้สึกได้ว่าเจียงซู่อยู่ในอารมณ์ที่เศร้าหมองมากจริง ๆ แล้วตั้งแต่ที่เขารู้จักเธอ เ

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 96

    เจียงซู่รู้ดีว่าแม่สามีตั้งใจพูดกระทบเธอมากกว่าในสายตาของแม่สามี เธอไม่ได้ดีไปกว่าคนในตระกูลเล็ก ๆ เลยด้วยซ้ำเวินเหยาฉินตั้งใจจะหนุนหลังโจวหว่านซิน และตั้งใจจะให้เธอยอมจำนนแต่โดยดี แน่นอนว่าต้องกลั่นแกล้งเธออย่างหนักแต่เวินเหยาฉินไม่ได้ลงไม้ลงมือกับเจียงเจียเหวิน เพราะอย่างไรก็เป็นลูกของคนอื่น แต่สำหรับเธอแล้วไม่เหมือนกัน เธอเป็นลูกสะใภ้ที่ถูกต้องตามกฎหมายการที่แม่สามีใช้ให้ลูกสะใภ้ทำอะไร ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาภรรยาหลวงอย่างเธอต้องมาทำหน้าที่ของอนุภรรยา แม้แต่มื้อกลางวัน เธอก็ต้องเป็นคนทำอาหารให้พวกเขาทานด้วยอาการปวดเอวและเจ็บเท้า การถูกกลั่นแกล้งขนาดนี้ ทำให้ใบหน้าของเจียงซู่ซีดลงเล็กน้อยเวินเหยาฉินเห็นท่าทางที่ดูเหมือนคนตายของเธอก็รู้สึกหงุดหงิด และพูดอย่างไม่พอใจว่า “เธอทำหน้าบึ้งให้ใครดู? ฉันใช้ให้เธอปรนนิบัติฉัน แล้วเธอไม่พอใจอีกเหรอ?”เจียงซู่ “เปล่าค่ะ”พอพูดจบ ก็มีเหงื่อเย็น ๆ หยดหนึ่งไหลลงมาจากขมับของเธอพอดีเวินเหยาฉินพูดอย่างรังเกียจว่า “พอแล้ว พอแล้ว ที่นี่ไม่ต้องการเธอแล้ว”แม้ว่าจะไม่ได้มองตรง ๆ แต่เจียงซู่ก็รู้สึกได้ถึงความสะใจของเวิงอี๋เธอเดินลากสังข

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 95

    ความห่วงใยของโจวซือเหย่ก็เหมือนกับอากาศในเดือนมิถุนายน เพราะเมื่อยามหนาวเหน็บก็หนาวเหมือนราวกับน้ำแข็ง แต่เมื่ออบอุ่นก็อบอุ่นจนร้อนซึ่งสามารถแผดเผาได้ เปลี่ยนแปลงรวดเร็วเกินกว่าคนปกติจะรับไหวอาหารถูกยกขึ้นโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ตอนที่โจวซือเหย่อุ้มเธอลงมา คุณป้าเฉินแอบยิ้มอย่างโล่งใจไหน ๆ ก็มาถึงโต๊ะแล้ว เจียงซู่ก็ไม่อยากทำให้เสียเปล่า“ซินซินยังเด็กอยู่ คุณเป็นพี่สะใภ้ ก็ควรจะทนกับเธอหน่อย”คำพูดนั้นทำให้มือเจียงซู่ที่กำลังจับตะเกียบชะงักไปทันที เธอค่อย ๆ เงยหน้ามองเขาแสงไฟนุ่มนวลคลอร่างเขา ทำให้เสี้ยวหน้าคมเข้มดูอบอุ่นขึ้นมาบ้าง แต่สำหรับเธอมันกลับไม่เหลือความรู้สึกอบอุ่นใด ๆ อาหารในปากพลันจืดชืดลงทันทีเขารู้ดีอยู่แล้วว่าใครผิด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังปกป้องอยู่ดี เขาจะไร้ความยุติธรรม เพียงแต่หัวใจมันลำเอียงนั้นเองเจียงซู่วางตะเกียบลง เช็ดปากเบา ๆ “ฉันอิ่มแล้ว”โจวซือเหย่มองอาหารที่แทบไม่ถูกแตะต้อง เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เจียงซู่ก็เรียกป้าเฉินให้มาช่วยพยุงขึ้นไปบนห้องเสียแล้วป้าเฉินมองชายหนุ่มที่เอาแต่เงียบด้วยความหงุดหงิด ในสายจาของป้าเฉินรู้สึกว่าโจวซือเหย่ยังไม่รู้จัก

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status