공유

บทที่ 2

작가: คุณชายสายฝน
โจวซือเหย่เคยชินและชอบที่เจียงซู่เป็นคนที่ว่านอนสอนง่าย เชื่อฟังคำเขามาโดยตลอด การที่เธอแสดงท่าทีต่อต้านไม่เหมือนดั่งเก่าอย่างกระทันหันเช่นนี้ จึงทำให้เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก

เจียงซู่รู้สึกเหมือนตัวเองหาเรื่องใส่ตัว ถามคำถามที่ตัวเองนั้นรู้คำตอบอยู่แก่ใจอยู่แล้ว และยังจะทำให้ตัวเองรู้สึกอับอายอีก

คนเราเมื่ออ่อนแอลง มักจะรู้สึกน้อยใจได้ง่าย สิ่งต่าง ๆ ที่เก็บซ่อนไว้ในใจ มันเริ่มจะกลั้นไว้ไม่อยู่ ควบคุมไม่ได้ เจียงซู่มองหน้าเขาอย่างไม่หลบสายตา และพูดต่อว่า “วันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานห้าปีของเรา”

สิ้นเสียงของอีกคน โจวซือเหย่ถึงกับยืนอึ้ง เขาลืมเรื่องนี้ไปจริง ๆ

เมื่อเห็นสีหน้าของเขาตอนนี้ ก็ไม่มีอะไรให้ต้องพูดต่ออีกแล้ว

จริง ๆ การที่เขาจำไม่ได้มันก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะอย่างไรเสีย ในปีนั้นตัวเธอก็แต่งงานกับไก่ตัวผู้

โจวซือเหย่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบลง “เดี๋ยวชดเชยให้ทีหลัง”

คำตอบของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าทำให้เธอใจเย็นลง

เรื่องมันก็ดำเนินมาถึงตอนนี้แล้ว เธอจึงไม่อยากจะทะเลาะอะไรกับเขาอีก เจียงซู่จึงเป็นคนเลือกการจบบทสนทนานี้โดยการ “พรุ่งนี้ไปทำเรื่องหย่ากันเถอะ”

เมื่อเขาได้ยินเธอยังคงพูดถึงเรื่องหย่าขึ้นมาอีกครั้ง ก็ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจและพูดเสียงต่ำว่า “พอได้แล้ว คำพวกนั้นผมไม่อยากได้ยินมันเป็นรอบที่สาม”

ถ้าเป็นปกติตัวเธอในเมื่อก่อน เมื่อเห็นว่าเขามีสีหน้าท่าทีไม่พอใจ ก็จะยอมทำตามใจเขาทุกครั้ง แต่ไม่ใช่กับครั้งนี้ เจียงซู่ไม่อ่อนข้อให้เขาแล้ว “ฉันไม่ได้ล้อคุณเล่นนะ”

ทันทีที่คำพูดนั้นถูกเอ่ยขึ้นมา อากาศในห้องราวกับถูกดูดจนไม่เหลือ พวกเขาทั้งคู่แทบจะหยุดหายใจ

ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของโจวซือเหย่ดังขึ้น ภายในห้องที่เงียบสงัดทำให้เขาได้ยินเสียงสะอื้นร้องไห้ในลำคอของเวิงอี๋เล็ดรอดออกมาจากปลายสาย

“ซือเหย่ ฉันล้มในห้องน้ำ เหมือนข้อเท้าจะพลิก...”

โจวซือเหย่ไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ เขาก็ตอบกลับในทันที “พี่ไปหาเดี๋ยวนี้”

เมื่อวางสายเขาพลิกตัวลุกออกไปจากเตียงทันทีทันใด

หลังจากลุกออกจากเตียง โจวซือเหย่ก็ไม่หันมามองเจียงซู่อีกแม้แต่หางตา ท่าทีของเธอในคืนนี้ทำให้เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขาเลยตั้งใจทิ้งให้เธออยู่อย่างนั้น

เมื่อเห็นว่าร่างสูงของอีกคนกำลังจะเดินออกไป ในใจเจียงซู่อยากจะคว้าตัวเขา รั้งไว้ไม่ให้ไปเหลือเกิน แต่เธอทำได้แค่กระตุกนิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหักห้ามใจไว้ได้ในที่สุด

เสียงเครื่องยนต์จากข้างล่างดังขึ้น เป็นสัญญาณบอกว่าเขาได้ออกไปแล้ว

เจียงซู่ได้แต่ขดตัวบนเตียง ใบหน้าของเธอค่อย ๆ จมลงไปในผ้าห่ม

.......

เช้าวันถัดมา เวลาเจ็ดโมงครึ่ง เจียงซู่ถูกปลุกขึ้นด้วยจังหวะที่คุ้นเคยในทุกเช้า

เธอลุกขึ้นนั่งบนเตียงตั้งใจจะลงไปข้างล่างเตรียมอาหารเช้าให้โจวซือเหย่ แต่ร่างกายเธอก็หยุดชะงักแข็งทื่อขึ้นทันที ดูเหมือนว่าเธอจะต้องปรับเปลี่ยนนิสัยความเคยชินที่ทำมาตลอดห้าปีแล้ว

เธอหยิบกระเป๋าเดินทางออกมาพร้อมกับเก็บทรัพย์สินของมีค่าต่าง ๆ รวมถึงของจำเป็นลงกระเป๋า สร้อยคอเงินทองที่อยู่ในกระเป๋าพวกนั้นล้วนแล้วคือโจวซือเหย่ซื้อให้กับเธอทั้งนั้น

ตลอดห้าปีของการแต่งงาน ถึงแม้เธอจะไม่ได้รับความรักเลยแม้แต่นิด แต่ในเรื่องของสิ่งของต่าง ๆ โจวซือเหย่ก็ไม่เคยปล่อยให้เธอขาดมือ

ถ้าเวิงอี๋ไม่เข้ามาปรากฏตัวในชีวิตของพวกเขา บางทีเธออาจจะยังคงอยู่ต่อไป

แต่ในเมื่อการแต่งงานนี้มันไม่มีทั้งความรักและความซื่อสัตย์ งั้นเธอจะประคองความสัมพันธ์ต่อไปอย่างไง จะเอาอะไรมาหลอกตัวเองต่อไปอีก?

ป้าเฉินเมื่อเห็นเจียงซู่หิ้วกระเป๋าเดินทางลงมาจากชั้นบนจึงถามด้วยความสงสัยว่า “คุณผู้หญิงจะไปดูงานนอกสถานที่เหรอคะ?”

เจียงซู่ทำท่าเห็นด้วยไปตามน้ำ และไม่ได้บอกว่าตัวเองกำลังจะย้ายออก ขืนเธอพูดออกไป รับรองได้เลยว่าข่าวจะไปถึงหูแม่สามีในวินาทีถัดไปอย่างแน่นอน

ถ้าแม่สามีรู้ขึ้นมา เขาจะต้องออกมาขัดขว้างยืนกร่านไม่ให้เธอไป แต่ไม่ใช่เพราะชื่นชอบในตัวเธอหรอกนะ แต่เป็นเพราะว่า ‘โชคลาภ’ ในตัวเธอต่างหากที่มีล้นหลาม จนแม่สามีคงไม่อยากจะเสียบุคคลที่นำโชคมาให้หรอก

เมื่อออกจากคฤหาสน์จิ่งหยวนได้เรียบร้อยแล้ว เธอตรงดิ่งไปยังเรือนหอของเธอก่อนจะจัดการของสัมภาระต่าง ๆ และออกไปหาเพื่อนสนิทของเธออย่างซานเหอทันที

“แกจะหย่าจริง ๆ เหรอ?”

เจียงซู่พยักหน้า “แกช่วยฉันเจรจาขอทรัพย์สินมาให้ได้มากที่สุด”

เธอไม่ได้มีเจตนาอยากแย่งชิงทรัพย์สินครอบครัวของโจวซือเหย่หรอก แค่เธอได้มาหนึ่งในห้าก็พอใจแล้ว

เพราะจริง ๆ แล้วเธอจะไม่เอาเงินก็ได้ แต่คุณย่าที่นอนป่วยอยู่โรงพยาบาลต้องการเงินเป็นจำนวนมาก

หากยึดตามหลักทางเหตุผล ไต้ซานเหอไม่เห็นด้วย เพราะไม่ว่าจะในด้านไหนโจวซือเหย่ก็ถือได้ว่าเป็นคู่แต่งงานที่สมบูรณ์แบบมากที่สุด

แต่เมื่อยึดความรู้สึกเป็นหลักแล้ว เธอก็พร้อมที่จะซัพพอร์ตเพื่อนอย่างไม่มีเงื่อนไข

ในเรื่องความรัก ใครตกหลุมรักใครก่อน คนนั้นเป็นผู้เสียเปรียบทันที

เพราะความหลงใหล จึงทำให้เธอถึงแม้รู้ตัวดีว่ามีสิทธิกลายเป็นหม้าย และอาจถึงขั้นต้องติดอยู่ในตระกูลโจวอย่างทุกข์ทรมานไปตลอดชีวิต เจียงซู่ก็ยังคงยินดีที่จะเป็นเจ้าสาวปัดเป่าโชคร้ายให้อย่างไม่ลังเล ไต้ซานเหอรู้ดีว่าเจียงซู่รักโจวซือเหย่มากแค่ไหน

จนถึง ณ เวลานี้ ที่เจียงซู่ต้องการหย่าล้าง เธอก็รู้ซึ้งถึงเหตุผลนั้นเช่นกัน

ไต้ซานเหอถ่มน้ำลาย “ชายโฉดหญิงชั่ว!”

เธอไม่สนหรอกว่าใครจะโฉดหรือใครจะชั่ว เจียงซู่ไม่อยากลงไป play ในเกมของทั้งคู่อีกต่อไป เธอขอเลือกที่จะหลีกทางและถอยออกมา

เมื่อเธอได้คุยกับไต้ซานเหอเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้นเธอก็กลับไปที่บริษัท

ตอนนี้เธอทำงานอยู่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทกั่งรุ่ย

ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของตระกูลโจว

ในตอนแรกแม่สามีจะให้เธอทำตำแหน่งผู้ช่วยโจวซือเหย่ โดยบอกว่าเธอจะได้คอยนำโชคมาให้ แต่โจวซือเหย่ไม่ยอม เพราะเหตุนี้ สุดท้ายเธอจึงต้องทำงานในตำแหน่งรองลงมา

ในเมื่อตั้งใจจะหย่ากันแล้ว เธอก็ไม่มีความจำเป็นที่จะทำงานที่นี่อีกต่อไป

เมื่อถึงบริษัท ใบขอลาออกก็อยู่ในกำมือของเธอแล้ว

หัวหน้าประหลาดใจกับการลาออกของเธอ

“ทำไมจู่ ๆ ถึงลาออก? ”

เจียงซู่ไม่ได้ตอบลงรายละเอียด “เหตุผลส่วนตัวค่ะ”

“คิดดีแล้วใช่ไหม? ”

“ค่ะ”

เจียงซู่เป็นคนเก่งและมีความสามารถ การลาออกของเธอจึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก แต่ในเมื่อรั้งไว้ไม่อยู่ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะพูดรั้งอีกต่อไป

ในขณะที่เธอเริ่มขั้นตอนการลาออก เจียงซู่ก็เริ่มจัดการงานที่ค้างคาทั้งหมดเช่นกัน

เวลาเที่ยงตรง ณ โรงอาหารของบริษัท

ในขณะที่เธอกำลังรับประทานอาหารอยู่ จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงของเพื่อนร่วมงานดังขึ้นที่ข้างหู

“ทำไมท่านประธานโจวถึงมาทานข้าวที่โรงอาหารล่ะ? แล้วผู้หญิงที่อยู่อยู่ข้าง ๆ คือใครอ่ะ? ”

ได้ยินดังนั้น เจียงซู่จึงหันไปมองอัตโนมัติ เธอเห็นโจวซือเหย่กับเวิงอี๋อยู่ด้วยกันท่ามกลางหมู่คนมากมาย

“ฉันได้ยินมาว่าเธอคือผู้ช่วยคนใหม่ของท่านประธานโจว”

“ไม่เห็นจะเหมือนเลย”

เวิงอี๋พูดบางสิ่งบางอย่างขึ้นข้างหูโจวซือเหย่ จนทำให้อีกฝ่ายยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย ความสนิทสนมของทั้งคู่เกินเลยคำว่าเจ้านายกับลูกน้องไปแล้ว

“ท่านประธานโจวแต่งงานแล้วไม่ใช่เหรอ เธอคือคุณผู้หญิงโจวหรือเปล่า?”

เจียงซู่จ้องมองไปที่พวกเขาอย่างไม่หลบสายตา

ในตอนที่เธอเข้ามาทำงานที่บริษัทวันแรก โจวซือเหย่กำชับย้ำเตือนตลอดไม่ให้เธอเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเธอ ซึ่งเธอเองก็เชื่อฟังและทำตามมาโดยตลอด

ดังนั้น จนมาถึงทุกวันนี้ ก็ไม่มีใครเคยรู้เลยว่าเธอคือคุณผู้หญิงโจว

“ฉันว่าก็เป็นไปได้นะ ไม่เคยเห็นท่านประธานโจวสนิทกับผู้หญิงคนไหนขนาดนี้มาก่อนเลย?”

ในตอนนั้นเอง เลขาหลู่ที่นำข้าวมาเสิร์ฟให้โจวซือเหย่เป็นคนหยิบตะเกียบยื่นให้กับเวิงอี๋ และเธอตอบรับการดูแลของอีกฝ่ายได้อย่างเป็นธรรมชาติ มองจากดาวอังคารก็ดูออกว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกอย่างแน่นอน

เจียงซู่กำมือที่ถือตะเกียบอยู่แน่นจนข้อนิ้วมือขาวซีด

เขาแต่งงานกับโจวซือเหย่มาห้าปี เป็นเขาตลอดที่ดูแลอีกฝ่าย เธอไม่เคยได้รับการดูแลแบบนั้นมาก่อนเลย

แท้จริงแล้วไม่ใช่ว่าเขาทำไม่เป็น แต่เป็นตัวเขาเองที่ไม่มีค่ามากพอที่จะได้รับมัน

“เจียงซู่ เป็นอะไรหรือเปล่า สีหน้าดูไม่ค่อยดีเลยนะ?”

ได้ยินดังนั้นเธอจึงรีบก้มหน้าเก็บซ่อนความรู้สึกในใจที่ออกมาทางดวงตา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นด้วยรอยยิ้มฝืน

“ไม่มีอะไร ฉันอิ่มแล้ว พวกเธอค่อย ๆ กินนะ”

เมื่อพูดจบ เธอจึงยกถาดอาหารตนเองรีบเดินออกจากโรงอาหารทันที

โจวซือเหย่นั่งหันไปทางประตูทางออกพอดี เมื่อเงยหน้าขึ้นสายตาจึงเห็นการเดินออกไปที่ดูร้อนรนของเจียงซู่ คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อยจนไม่อาจะสังเกตุเห็นได้

เวิงอี๋ที่สังเกตุเห็นเช่นนั้น จึงหันไปมองตามสายตาของอีกคน แต่เมื่อเห็นเจียงซู่ที่ท่าทางดูร้อนรนเพียงเท่านั้น จากสายตาที่ขุ่นมัวของเธอก็หายไปทันที และตามมาด้วยสายตาแห่งความภาคภูมิใจ

โจวซือเหย่ถามเลขาหลู่ “เมื่อวานที่โรงพยาบาลเกิดอะไรขึ้น?”

เลขาหลู่ตอบกลับว่า “คุณผู้หญิงเป็นหวัดครับ”

และนี่คือคำตอบของเจียงซู่

โจวซือเหย่ได้ยินดังนั้นก็เข้าใจได้ทันที และไม่แปลกใจว่าเมื่อคืนทำไมเธอถึงอารมณ์ไม่คงที่

“ฉันได้ยินมาว่า tiii มีเพชรสีชมพูเข้ามาใหม่ นายช่วยไปเลือกสร้อยคอสักเส้นแล้วเอาไปให้เธอ”

เมื่อจบประโยคนั้นแล้ว เลขาหลู่ยังไม่ทันได้ตอบกลับ โจวซือเหย่ก็พูดต่ออีกว่า “เอามาให้ฉันดูก่อน”

เวิงอี๋เอ่ยขึ้นด้วยดวงตาที่เปล่งประกายว่า “เมื่อคืนฉันเรียกพี่ออกมา พี่สะใภ้โกรธหรือเปล่าคะ? ถ้าฉันทำให้เธอเข้าใจผิดอะไร เดี๋ยวฉันไปอธิบายให้เองค่ะ”

โจวซือเหย่ “ไม่ต้อง”

เวิงอี๋แอบยกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ

........

ตอนเย็นเมื่อเลิกงานแล้ว เจียงซู่ตั้งใจว่าจะทำหม้อไฟกินในคืนนี้ จึงไปซุปเปอร์มาร์เก็ตซื้อของ

หลังจากแต่งงาน เธอก็ไม่ได้กินสิ่งนี้อีกเลย เพราะโจวซือเหย่ไม่ชอบ

ในห้องขนาดเก้าสิบตารางเมตร ไฟที่ส่องสว่าง ภายในห้องที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของหม้อไฟ มีเพียงเจียงซู่ที่อยู่โต๊ะกินข้าวเพียงคนเดียว

เธอไม่ได้ทำอาหารมาเป็นเวลานาน แต่ทุกอย่างยังคงคุ้นเคยอยู่ แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เธอไม่ค่อยจะคุ้นชินเสียเท่าไหร่

แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวเวลาจะแปรเปลี่ยนทุกอย่างไปเอง
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 90

    เจียงซู่ไม่ได้สนใจว่าพวกเขาสองพ่อลูกกำลังคิดอะไรอยู่ แต่คุณย่า...เธอโบกมือให้คนมาช่วยขนกระเป๋าสัมภาระต่าง ๆ ให้อีกคนเจียงเจียเหวินเชิดคอด้วยท่าทางภาคภูมิใจพร้อมกับเดินเข้าไปในห้องรับรองโจวซือเหย่กลับมาถึงบ้านในเวลาอาหารเย็น และเมื่อเขาเข้ามาในบ้าน ก็สังเกตเห็นเจียงเจียเหวินทันที“พี่เขย”เจียงเจียเหวินฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับเดินเข้าไปหา “พี่กลับมาแล้วเหรอคะ? ฉันกับพี่เจียงกำลังจะทานอาหารเย็นพอดี แต่ฉันก็บอกพี่เจียงแล้วนะคะว่าให้รอพี่ก่อน แต่พี่เจียงก็บอกว่าไม่ต้องรอ แถมยังบอกว่าพี่จะไม่กลับมากินข้าวที่บ้านอีก”“ดูสิ เหมือนว่าพี่สาวเธอจะเดาผิดนะ เธอดูไม่สนใจอะไรเลย ไม่รอ ละไม่โทรถามด้วย”ระหว่างที่พูด เจียงเจียเหวินเดินไปหาอีกคนเพื่อรับเสื้อโค้ทที่โจวซือเหย่ถอดออก“เดี๋ยวฉันจัดการเอง”เมื่อพูดจบ เธอก็แย่งเสื้อโค้ทมาจากมือป้าเฉินป้าเฉิน “...”ป้าเฉินไม่เคยเห็นใครชอบแย่งงานทำขนาดนี้มาก่อนเจียงเจียเหวิน “ป้าเฉินคะ ไปหยิบตะเกียบกับชามเพิ่มอีกหนึ่งชุดให้พี่เขยหน่อยค่ะ”“พี่เขย นั่งตรงนี้นะคะ”เมื่อถึงโต๊ะอาหาร เจียงเจียเหวินดึงเก้าอี้ให้โจวซือเหย่ตำแหน่งที่เขานั่งคือฝั่งตรง

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 89

    ในยามกลางคืนที่มืดดำสนิท ในห้องนอนที่เงียบสงดมีเสียงแปลก ๆ ดังขึ้น โจวซือเหย่พยายามปลุกเจียงซู่ที่มีท่าทางที่ไม่ปกติให้ตื่นเมื่อเจียงซู่ตื่น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสับสนและความหวาดกลัว ใบหน้าของเธอซีดเผือดหลังจากหลงอยู่ในห้วงของความฝันโจวซือเหย่ “ฝันร้ายเหรอ?”ใช่ เธอเพิ่งตื่นจากฝันร้ายจริง ๆ เธอฝันถึงอุบัติเหตุรถยนต์อีกแล้วเธออยากจะมองข้ามมัน อยากจะลืมมันไปให้พ้น ๆ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างกลับตามมาหลอกหลอนเธอเหมือนเงาที่ตามติด ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องขึ้น เจียงซู่จำไม่ได้แล้วว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่เธอบอกกับตัวเองซ้ำ ๆ ว่าทุกอย่างได้ผ่านไปแล้ว ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว แต่เธอยังคงฝันร้ายเช่นนี้อยู่อย่างควบคุมไม่ได้เจียงซู่สูดอากาศหายใจเข้าลึก ๆ และหลับตาลง พร้อมกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่จนลำคอขยับอย่างเห็นได้ชัด กลิ่นคาวเลือดที่อบอวลราวกับว่ายังคงวนเวียนอยู่ที่ปลายจมูก โจมตีเข้ากับระบบการรับกลิ่นของเธออย่างไม่หยุดยั้ง จนทำลายสัมผัสทั้งห้าของเธอจากการที่เขาได้ยินคำพูดละเมอตอนเธอตอนอยู่ในห้วงแห่งความฝัน ทำให้โจวซือเหย่รู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังฝันถึงอะไรอยู่ แววตาของเขาฉายแววความสงสารจึงเอ่ยขึ้นมา

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 88

    เมื่อคุณหญิงย่าเห็นเจียงซู่ที่กลับมาพร้อมกับขาที่บาดเจ็บ จึงมองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสารจับใจ และหันไปตำหนิโจวซือเหย่ทันทีว่า “ทำไมไม่บอกย่าว่าเมียแกบาดเจ็บ? ถ้าย่ารู้ ย่าจะไม่ให้มาหรือไง แกดูแลเมียแกเป็นไหมเนี่ย?”โจวซือเหย่รับบททำตัวเป็นหลานชายผู้แสนดี “คุณย่าสอนถูกแล้วครับ เป็นความผิดของผมเอง”เจียงซู่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “คุณย่าคะ หนูไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ อาเหย่ดูแลหนูดีค่ะ”หากต้องพูดถึงการหย่าร้าง คนในตระกูลโจวทั้งหมดที่เธอรู้สึกเสียดายมากที่สุดก็คงเป็นคุณย่าโจวด้วยความรักและความเอ็นดูอย่างแท้จริงที่คุณย่ามีให้แก่หลานสะใภ้ที่ถูกซื้อมาคนนี้ จึงทำให้เธอยอมให้ความร่วมมือกับโจวซือเหย่เล่นละครเพื่อเอาใจคุณหญิงย่าเหวินเหยาฉินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มองเจียงซู่ที่กำลังนั่งอยู่บนรถเข็น พร้อมกับขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ทำไมถึงบาดเจ็บอีกแล้ว? สรุปร่างกายของเธอไหวไหมเนี่ย?เมื่อเห็นว่าเจียงซู่ผอมลง คุณหญิงย่าจึงสั่งให้ทางห้องครัวทำอาหารบำรุงมาให้เธอทานเยอะ ๆ และตกเย็นเมื่อถึงเวลากลับ ก็ยังจัดเตรียมอาหารเสริมมากมายใส่ขึ้นรถให้อีกด้วยคุณหญิงย่า “ถ้ากินหมดแล้วก็บอกย่านะ เดี๋ยวย่าส

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 87

    เจียงซู่พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก็เป็นผู้หญิงวัยผู้ใหญ่นี่นะเธอหยิบของขวัญออกมาจากกระเป๋าเดินทางที่เตรียมไว้ให้สำหรับไต้ซานเหอไต้ซานเหอหิ้วกระเป๋าลิมิเต็ดอิดิชั่นที่อีกคนให้ขึ้นมาอย่างพออกพอใจ พลางพูดขึ้นว่า “ทำไมไม่ซื้อมาหลาย ๆ ใบล่ะ? ทางที่ดีนะ ซื้อจนโจวซือเหย่ล้มละลายไปเลย! ถ้าแกไม่รีบใช้เงิน ถึงตอนนั้นก็จะตกไปเป็นของคนต่ำสถุน อย่างเวิงอี๋ละนะ”เธอประเมินความสามารถในการซื้อของตัวเองสูงเกินไป และประเมินสินทรัพย์ของโจวซือเหย่ต่ำไปเช่นกัน แค่กระเป๋าไม่กี่ใบ จะทำให้เขาล้มละลายได้อย่างไงกัน“ฉันหิวแล้ว”เมื่อมนุษย์ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ทำให้รู้สึกสบายใจ ก็จะรู้สึกเหนื่อยง่าย และเกิดความต้องการต่าง ๆ ได้ง่าย ความอยากอาหารก็เป็นหนึ่งในความต้องการนั้นเช่นกันเธอเป็นคนติดรสชาติอาหารจีนมาก อาหารต่างประเทศเธอไม่ค่อยชินเท่าไหร่ ทั้งร่างกายที่มีอาการบาดเจ็บประกอบกับสภาพอากาศรอบตัวที่ไม่คุ้นเคย การเดินทางครั้งนี้ จึงทำให้เจียงซู่ผอมลง น้ำหนักหายไปหลายกิโลกรัมฝีมือการทำอาหารของไต้ซานเหอไม่เลวเลย เธอทำแต่อาหารที่เจียงซู่ชอบแต่ทว่า เธอยังไม่ทันได้อ้าปากลิ้มรสอาหารที่อยู่ตรงหน้าสักคำเดียว โจ

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 86

    “พี่เจียงคะ เดี๋ยวฉันช่วยเข็นพี่เข้าไปพักผ่อนข้างในนะคะ ฉันจะบอกพี่ให้ ว่าที่นี่หรูหรามาก ข้าวของเครื่องใช้ครบครัน ถ้าพี่ต้องการอะไรบอกฉันได้เลยนะคะ เดี๋ยวฉันช่วย...”เวิงอี๋แสดงท่าทีราวกับเป็นเจ้าของเครื่องบินเจียงซู่ยกมือขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณให้อีกคนหยุดพูด พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ตามีปัญหาหรือไง?”เวิงอี๋ได้ยินดังนั้นจึงชะงักขึ้นมาทันที และพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่งงงวยว่า “หมายความว่าไงคะ?”เจียงซู่พูดตอบกลับ “ดูไม่ออกเหรอว่าฉันไม่ชอบเธอ”เธอกำลังรำคาญอยู่ เวิงอี๋ดูไม่ออกได้อย่างไร?“พี่เจียง...”เวิงอี๋เบะปาก ทำท่าตะกุกตะกักเหมือนกำลังถูกรังแก และใบหน้าที่เต็มไปด้วยความน้อยใจในตอนนั้น โจวซือเหย่จึงพูดเข้าข้างเวิงอี๋ว่า “เธอก็แค่อยากดูแลคุณเท่านั้นเอง ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีสักหน่อย”เจียงซู่มองเขาที่กำลังเข้าข้างอีกคนด้วยแววตาเยาะเย้ย ไม่รู้ว่าเขาไม่เห็นความคิดแอบแฝงของเวิงอี๋จริง ๆ? หรือแค่แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นกันแน่?เธอต้องการความช่วยเหลือจากเวิงอี๋เหรอ?ถึงแม้เธอจะตายและเอาศพไปทิ้งกลางป่า ก็คงไม่ถึงคราวที่ชู้ต้องมาเอาศพให้หรอก เว้นก็เสียแต่ พวกเขารู้สึกว่าเธอตา

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 85

    “ผมรู้”เขารู้เรื่องทั้งหมด เลขาหลู่เป็นคนบอกเขาเองทั้งหมดแล้วโจวซือเหย่ตอนแรกเห็นว่าเจียงซู่ไม่เป็นอะไร จริง ๆ แล้วเขาดีใจด้วยซ้ำ ดีใจที่เธอไม่เป็นอะไรมากแต่ว่าหลังจากรู้เรื่องที่เธอประสบอุบัติเหตุรถชน เขาก็รู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมาอีกครั้ง เพราะเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นใบหน้าของเจียงซู่ไม่ได้ดีขึ้นเพราะเรื่องนี้ ในทางกลับกันยิ่งเปลี่ยนเป็นแย่ลงกว่าเดิม เพราะความสงสารที่เขาแสดงออกมาในเวลานี้ สำหรับเธอแล้วทั้งหมดนี้มันคือการถูกเยาะเย้ยมิตรภาพที่มาช้ามันดูไร้ค่ายิ่งกว่าหญ้าอีกโจวซือเหย่พูดขึ้น “ครั้งนี้มันเป็นแค่อุบัติเหตุ ต่อไปผมจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก”“ความบังเอิญที่มากเกินไปก็ไม่ใช่ว่าความบังเอิญ เหตุผลเดียวกัน เรื่องอุบัติเหตุก็เช่นกัน” เจียงซู่ยกมุมปากขึ้นด้วยท่าทางเยาะเย้ย “ระหว่างฉันกับเวิงอี๋ คุณจะเลือกใคร จริง ๆ แล้วในใจคุณรู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าคุณเลือกใคร”ตอนนี้เขาก็แค่ทำตัวเป็นเหมือนขงเบ้งหลังเกิดเหตุ เพื่อที่จะรักษาศักดิ์ศรีตัวเองเอาไว้แววตาของเจียงซู่สิ้นหวัง เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แฝงการอ้อนวอนขอร้อง “เป็นสามีภรรยากันมาก็ห้าปี เห็น

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status