Share

บทที่ 2

Author: คุณชายสายฝน
โจวซือเหย่เคยชินและชอบที่เจียงซู่เป็นคนที่ว่านอนสอนง่าย เชื่อฟังคำเขามาโดยตลอด การที่เธอแสดงท่าทีต่อต้านไม่เหมือนดั่งเก่าอย่างกระทันหันเช่นนี้ จึงทำให้เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก

เจียงซู่รู้สึกเหมือนตัวเองหาเรื่องใส่ตัว ถามคำถามที่ตัวเองนั้นรู้คำตอบอยู่แก่ใจอยู่แล้ว และยังจะทำให้ตัวเองรู้สึกอับอายอีก

คนเราเมื่ออ่อนแอลง มักจะรู้สึกน้อยใจได้ง่าย สิ่งต่าง ๆ ที่เก็บซ่อนไว้ในใจ มันเริ่มจะกลั้นไว้ไม่อยู่ ควบคุมไม่ได้ เจียงซู่มองหน้าเขาอย่างไม่หลบสายตา และพูดต่อว่า “วันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานห้าปีของเรา”

สิ้นเสียงของอีกคน โจวซือเหย่ถึงกับยืนอึ้ง เขาลืมเรื่องนี้ไปจริง ๆ

เมื่อเห็นสีหน้าของเขาตอนนี้ ก็ไม่มีอะไรให้ต้องพูดต่ออีกแล้ว

จริง ๆ การที่เขาจำไม่ได้มันก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะอย่างไรเสีย ในปีนั้นตัวเธอก็แต่งงานกับไก่ตัวผู้

โจวซือเหย่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบลง “เดี๋ยวชดเชยให้ทีหลัง”

คำตอบของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าทำให้เธอใจเย็นลง

เรื่องมันก็ดำเนินมาถึงตอนนี้แล้ว เธอจึงไม่อยากจะทะเลาะอะไรกับเขาอีก เจียงซู่จึงเป็นคนเลือกการจบบทสนทนานี้โดยการ “พรุ่งนี้ไปทำเรื่องหย่ากันเถอะ”

เมื่อเขาได้ยินเธอยังคงพูดถึงเรื่องหย่าขึ้นมาอีกครั้ง ก็ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจและพูดเสียงต่ำว่า “พอได้แล้ว คำพวกนั้นผมไม่อยากได้ยินมันเป็นรอบที่สาม”

ถ้าเป็นปกติตัวเธอในเมื่อก่อน เมื่อเห็นว่าเขามีสีหน้าท่าทีไม่พอใจ ก็จะยอมทำตามใจเขาทุกครั้ง แต่ไม่ใช่กับครั้งนี้ เจียงซู่ไม่อ่อนข้อให้เขาแล้ว “ฉันไม่ได้ล้อคุณเล่นนะ”

ทันทีที่คำพูดนั้นถูกเอ่ยขึ้นมา อากาศในห้องราวกับถูกดูดจนไม่เหลือ พวกเขาทั้งคู่แทบจะหยุดหายใจ

ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของโจวซือเหย่ดังขึ้น ภายในห้องที่เงียบสงัดทำให้เขาได้ยินเสียงสะอื้นร้องไห้ในลำคอของเวิงอี๋เล็ดรอดออกมาจากปลายสาย

“ซือเหย่ ฉันล้มในห้องน้ำ เหมือนข้อเท้าจะพลิก...”

โจวซือเหย่ไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ เขาก็ตอบกลับในทันที “พี่ไปหาเดี๋ยวนี้”

เมื่อวางสายเขาพลิกตัวลุกออกไปจากเตียงทันทีทันใด

หลังจากลุกออกจากเตียง โจวซือเหย่ก็ไม่หันมามองเจียงซู่อีกแม้แต่หางตา ท่าทีของเธอในคืนนี้ทำให้เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขาเลยตั้งใจทิ้งให้เธออยู่อย่างนั้น

เมื่อเห็นว่าร่างสูงของอีกคนกำลังจะเดินออกไป ในใจเจียงซู่อยากจะคว้าตัวเขา รั้งไว้ไม่ให้ไปเหลือเกิน แต่เธอทำได้แค่กระตุกนิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหักห้ามใจไว้ได้ในที่สุด

เสียงเครื่องยนต์จากข้างล่างดังขึ้น เป็นสัญญาณบอกว่าเขาได้ออกไปแล้ว

เจียงซู่ได้แต่ขดตัวบนเตียง ใบหน้าของเธอค่อย ๆ จมลงไปในผ้าห่ม

.......

เช้าวันถัดมา เวลาเจ็ดโมงครึ่ง เจียงซู่ถูกปลุกขึ้นด้วยจังหวะที่คุ้นเคยในทุกเช้า

เธอลุกขึ้นนั่งบนเตียงตั้งใจจะลงไปข้างล่างเตรียมอาหารเช้าให้โจวซือเหย่ แต่ร่างกายเธอก็หยุดชะงักแข็งทื่อขึ้นทันที ดูเหมือนว่าเธอจะต้องปรับเปลี่ยนนิสัยความเคยชินที่ทำมาตลอดห้าปีแล้ว

เธอหยิบกระเป๋าเดินทางออกมาพร้อมกับเก็บทรัพย์สินของมีค่าต่าง ๆ รวมถึงของจำเป็นลงกระเป๋า สร้อยคอเงินทองที่อยู่ในกระเป๋าพวกนั้นล้วนแล้วคือโจวซือเหย่ซื้อให้กับเธอทั้งนั้น

ตลอดห้าปีของการแต่งงาน ถึงแม้เธอจะไม่ได้รับความรักเลยแม้แต่นิด แต่ในเรื่องของสิ่งของต่าง ๆ โจวซือเหย่ก็ไม่เคยปล่อยให้เธอขาดมือ

ถ้าเวิงอี๋ไม่เข้ามาปรากฏตัวในชีวิตของพวกเขา บางทีเธออาจจะยังคงอยู่ต่อไป

แต่ในเมื่อการแต่งงานนี้มันไม่มีทั้งความรักและความซื่อสัตย์ งั้นเธอจะประคองความสัมพันธ์ต่อไปอย่างไง จะเอาอะไรมาหลอกตัวเองต่อไปอีก?

ป้าเฉินเมื่อเห็นเจียงซู่หิ้วกระเป๋าเดินทางลงมาจากชั้นบนจึงถามด้วยความสงสัยว่า “คุณผู้หญิงจะไปดูงานนอกสถานที่เหรอคะ?”

เจียงซู่ทำท่าเห็นด้วยไปตามน้ำ และไม่ได้บอกว่าตัวเองกำลังจะย้ายออก ขืนเธอพูดออกไป รับรองได้เลยว่าข่าวจะไปถึงหูแม่สามีในวินาทีถัดไปอย่างแน่นอน

ถ้าแม่สามีรู้ขึ้นมา เขาจะต้องออกมาขัดขว้างยืนกร่านไม่ให้เธอไป แต่ไม่ใช่เพราะชื่นชอบในตัวเธอหรอกนะ แต่เป็นเพราะว่า ‘โชคลาภ’ ในตัวเธอต่างหากที่มีล้นหลาม จนแม่สามีคงไม่อยากจะเสียบุคคลที่นำโชคมาให้หรอก

เมื่อออกจากคฤหาสน์จิ่งหยวนได้เรียบร้อยแล้ว เธอตรงดิ่งไปยังเรือนหอของเธอก่อนจะจัดการของสัมภาระต่าง ๆ และออกไปหาเพื่อนสนิทของเธออย่างซานเหอทันที

“แกจะหย่าจริง ๆ เหรอ?”

เจียงซู่พยักหน้า “แกช่วยฉันเจรจาขอทรัพย์สินมาให้ได้มากที่สุด”

เธอไม่ได้มีเจตนาอยากแย่งชิงทรัพย์สินครอบครัวของโจวซือเหย่หรอก แค่เธอได้มาหนึ่งในห้าก็พอใจแล้ว

เพราะจริง ๆ แล้วเธอจะไม่เอาเงินก็ได้ แต่คุณย่าที่นอนป่วยอยู่โรงพยาบาลต้องการเงินเป็นจำนวนมาก

หากยึดตามหลักทางเหตุผล ไต้ซานเหอไม่เห็นด้วย เพราะไม่ว่าจะในด้านไหนโจวซือเหย่ก็ถือได้ว่าเป็นคู่แต่งงานที่สมบูรณ์แบบมากที่สุด

แต่เมื่อยึดความรู้สึกเป็นหลักแล้ว เธอก็พร้อมที่จะซัพพอร์ตเพื่อนอย่างไม่มีเงื่อนไข

ในเรื่องความรัก ใครตกหลุมรักใครก่อน คนนั้นเป็นผู้เสียเปรียบทันที

เพราะความหลงใหล จึงทำให้เธอถึงแม้รู้ตัวดีว่ามีสิทธิกลายเป็นหม้าย และอาจถึงขั้นต้องติดอยู่ในตระกูลโจวอย่างทุกข์ทรมานไปตลอดชีวิต เจียงซู่ก็ยังคงยินดีที่จะเป็นเจ้าสาวปัดเป่าโชคร้ายให้อย่างไม่ลังเล ไต้ซานเหอรู้ดีว่าเจียงซู่รักโจวซือเหย่มากแค่ไหน

จนถึง ณ เวลานี้ ที่เจียงซู่ต้องการหย่าล้าง เธอก็รู้ซึ้งถึงเหตุผลนั้นเช่นกัน

ไต้ซานเหอถ่มน้ำลาย “ชายโฉดหญิงชั่ว!”

เธอไม่สนหรอกว่าใครจะโฉดหรือใครจะชั่ว เจียงซู่ไม่อยากลงไป play ในเกมของทั้งคู่อีกต่อไป เธอขอเลือกที่จะหลีกทางและถอยออกมา

เมื่อเธอได้คุยกับไต้ซานเหอเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้นเธอก็กลับไปที่บริษัท

ตอนนี้เธอทำงานอยู่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทกั่งรุ่ย

ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของตระกูลโจว

ในตอนแรกแม่สามีจะให้เธอทำตำแหน่งผู้ช่วยโจวซือเหย่ โดยบอกว่าเธอจะได้คอยนำโชคมาให้ แต่โจวซือเหย่ไม่ยอม เพราะเหตุนี้ สุดท้ายเธอจึงต้องทำงานในตำแหน่งรองลงมา

ในเมื่อตั้งใจจะหย่ากันแล้ว เธอก็ไม่มีความจำเป็นที่จะทำงานที่นี่อีกต่อไป

เมื่อถึงบริษัท ใบขอลาออกก็อยู่ในกำมือของเธอแล้ว

หัวหน้าประหลาดใจกับการลาออกของเธอ

“ทำไมจู่ ๆ ถึงลาออก? ”

เจียงซู่ไม่ได้ตอบลงรายละเอียด “เหตุผลส่วนตัวค่ะ”

“คิดดีแล้วใช่ไหม? ”

“ค่ะ”

เจียงซู่เป็นคนเก่งและมีความสามารถ การลาออกของเธอจึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก แต่ในเมื่อรั้งไว้ไม่อยู่ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะพูดรั้งอีกต่อไป

ในขณะที่เธอเริ่มขั้นตอนการลาออก เจียงซู่ก็เริ่มจัดการงานที่ค้างคาทั้งหมดเช่นกัน

เวลาเที่ยงตรง ณ โรงอาหารของบริษัท

ในขณะที่เธอกำลังรับประทานอาหารอยู่ จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงของเพื่อนร่วมงานดังขึ้นที่ข้างหู

“ทำไมท่านประธานโจวถึงมาทานข้าวที่โรงอาหารล่ะ? แล้วผู้หญิงที่อยู่อยู่ข้าง ๆ คือใครอ่ะ? ”

ได้ยินดังนั้น เจียงซู่จึงหันไปมองอัตโนมัติ เธอเห็นโจวซือเหย่กับเวิงอี๋อยู่ด้วยกันท่ามกลางหมู่คนมากมาย

“ฉันได้ยินมาว่าเธอคือผู้ช่วยคนใหม่ของท่านประธานโจว”

“ไม่เห็นจะเหมือนเลย”

เวิงอี๋พูดบางสิ่งบางอย่างขึ้นข้างหูโจวซือเหย่ จนทำให้อีกฝ่ายยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย ความสนิทสนมของทั้งคู่เกินเลยคำว่าเจ้านายกับลูกน้องไปแล้ว

“ท่านประธานโจวแต่งงานแล้วไม่ใช่เหรอ เธอคือคุณผู้หญิงโจวหรือเปล่า?”

เจียงซู่จ้องมองไปที่พวกเขาอย่างไม่หลบสายตา

ในตอนที่เธอเข้ามาทำงานที่บริษัทวันแรก โจวซือเหย่กำชับย้ำเตือนตลอดไม่ให้เธอเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเธอ ซึ่งเธอเองก็เชื่อฟังและทำตามมาโดยตลอด

ดังนั้น จนมาถึงทุกวันนี้ ก็ไม่มีใครเคยรู้เลยว่าเธอคือคุณผู้หญิงโจว

“ฉันว่าก็เป็นไปได้นะ ไม่เคยเห็นท่านประธานโจวสนิทกับผู้หญิงคนไหนขนาดนี้มาก่อนเลย?”

ในตอนนั้นเอง เลขาหลู่ที่นำข้าวมาเสิร์ฟให้โจวซือเหย่เป็นคนหยิบตะเกียบยื่นให้กับเวิงอี๋ และเธอตอบรับการดูแลของอีกฝ่ายได้อย่างเป็นธรรมชาติ มองจากดาวอังคารก็ดูออกว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกอย่างแน่นอน

เจียงซู่กำมือที่ถือตะเกียบอยู่แน่นจนข้อนิ้วมือขาวซีด

เขาแต่งงานกับโจวซือเหย่มาห้าปี เป็นเขาตลอดที่ดูแลอีกฝ่าย เธอไม่เคยได้รับการดูแลแบบนั้นมาก่อนเลย

แท้จริงแล้วไม่ใช่ว่าเขาทำไม่เป็น แต่เป็นตัวเขาเองที่ไม่มีค่ามากพอที่จะได้รับมัน

“เจียงซู่ เป็นอะไรหรือเปล่า สีหน้าดูไม่ค่อยดีเลยนะ?”

ได้ยินดังนั้นเธอจึงรีบก้มหน้าเก็บซ่อนความรู้สึกในใจที่ออกมาทางดวงตา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นด้วยรอยยิ้มฝืน

“ไม่มีอะไร ฉันอิ่มแล้ว พวกเธอค่อย ๆ กินนะ”

เมื่อพูดจบ เธอจึงยกถาดอาหารตนเองรีบเดินออกจากโรงอาหารทันที

โจวซือเหย่นั่งหันไปทางประตูทางออกพอดี เมื่อเงยหน้าขึ้นสายตาจึงเห็นการเดินออกไปที่ดูร้อนรนของเจียงซู่ คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อยจนไม่อาจะสังเกตุเห็นได้

เวิงอี๋ที่สังเกตุเห็นเช่นนั้น จึงหันไปมองตามสายตาของอีกคน แต่เมื่อเห็นเจียงซู่ที่ท่าทางดูร้อนรนเพียงเท่านั้น จากสายตาที่ขุ่นมัวของเธอก็หายไปทันที และตามมาด้วยสายตาแห่งความภาคภูมิใจ

โจวซือเหย่ถามเลขาหลู่ “เมื่อวานที่โรงพยาบาลเกิดอะไรขึ้น?”

เลขาหลู่ตอบกลับว่า “คุณผู้หญิงเป็นหวัดครับ”

และนี่คือคำตอบของเจียงซู่

โจวซือเหย่ได้ยินดังนั้นก็เข้าใจได้ทันที และไม่แปลกใจว่าเมื่อคืนทำไมเธอถึงอารมณ์ไม่คงที่

“ฉันได้ยินมาว่า tiii มีเพชรสีชมพูเข้ามาใหม่ นายช่วยไปเลือกสร้อยคอสักเส้นแล้วเอาไปให้เธอ”

เมื่อจบประโยคนั้นแล้ว เลขาหลู่ยังไม่ทันได้ตอบกลับ โจวซือเหย่ก็พูดต่ออีกว่า “เอามาให้ฉันดูก่อน”

เวิงอี๋เอ่ยขึ้นด้วยดวงตาที่เปล่งประกายว่า “เมื่อคืนฉันเรียกพี่ออกมา พี่สะใภ้โกรธหรือเปล่าคะ? ถ้าฉันทำให้เธอเข้าใจผิดอะไร เดี๋ยวฉันไปอธิบายให้เองค่ะ”

โจวซือเหย่ “ไม่ต้อง”

เวิงอี๋แอบยกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ

........

ตอนเย็นเมื่อเลิกงานแล้ว เจียงซู่ตั้งใจว่าจะทำหม้อไฟกินในคืนนี้ จึงไปซุปเปอร์มาร์เก็ตซื้อของ

หลังจากแต่งงาน เธอก็ไม่ได้กินสิ่งนี้อีกเลย เพราะโจวซือเหย่ไม่ชอบ

ในห้องขนาดเก้าสิบตารางเมตร ไฟที่ส่องสว่าง ภายในห้องที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของหม้อไฟ มีเพียงเจียงซู่ที่อยู่โต๊ะกินข้าวเพียงคนเดียว

เธอไม่ได้ทำอาหารมาเป็นเวลานาน แต่ทุกอย่างยังคงคุ้นเคยอยู่ แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เธอไม่ค่อยจะคุ้นชินเสียเท่าไหร่

แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวเวลาจะแปรเปลี่ยนทุกอย่างไปเอง
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 128

    หลังจากออกจากกั่งรุ่ย เจียงซู่ก็รีบตรงกลับไปโรงพยาบาลทันทีคุณย่ายังไม่ฟื้น เธอก็ไม่สบายใจส่วนทางโจวซือเหย่นั้น หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจช่วงเช้า เขาก็เปิดดูโทรศัพท์ แต่เจียงซู่ไม่ได้ติดต่อมาสีตาคมมืดมิด ดูเหมือนว่าเธอไม่ได้ให้ความสำคัญกับตระกูลเจียงเท่าไหร่เวิงอี๋เห็นโจวซือเหย่เหม่อลอยจึงอดไม่ได้ตะโกนว่า “พี่ซือเหย่…”เมื่อได้ยินเสียง โจวซือเหย่ถึงมีสติกลับมา ถามว่า “มีอะไรเหรอ?”เวิงอี๋กัดริมฝีปาก: “ฉันบอกว่าคุณหมอเหมี่ยวให้ฉันไปรับผลตรวจค่ะ”สายตาของโจวซือเหย่กวาดมองไปที่หน้าอกของเธอ ก่อนเอ่ยว่า “ฉันจะไปเป็นเพื่อน”เวิงอี๋พูดอย่างเกรงใจ่วา “จริง ๆ ฉันไปเองได้ค่ะ”โจวซือเหย่พูดตรง ๆ ว่า “ฉันจะไปขับรถ”เมื่อรู้สึกว่าตัวเองได้รับความสำคัญ ดวงตาของเวิงอี๋ก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจที่โรงพยาบาลเจียงซู่จ้องมองคุณย่าอี้ที่ยังคงหมดสติอยู่ด้วยความหนักใจ เพราะคุณหมอบอกว่าการหมดสติครั้งนี้เป็นเหมือนการซ้ำเติมร่างกายที่อ่อนแอของคุณย่าให้แย่ลงไปอีกหลังจากออกมาจากห้องตรวจของหมอ เจียงซู่ก็ขาอ่อนแรง เซถลาเกือบจะล้ม แต่โชคดีที่คว้ากำแพงไว้ได้ทันในเวลานั้นเอง เธอพลันได้ยินเสียงของโ

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 127

    “คุณย่า—”เจียงซงหวาเห็นดังนั้นก็เตรียมจะเดินเข้าไป แต่แม่เจียงกลับรั้งเขาไว้ ทั้งคู่เป็นสามีภรรยากันมาหลายสิบปี แค่มองตากันก็เข้าใจความหมายของกันและกันเจียงซู่พูดอย่างร้อนรน “พ่อคะ รีบพาคุณย่าไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ”ระหว่างผลประโยชน์กับความกตัญญู เจียงซงหวาเลือกอย่างแรก“หาทางให้โจวซือเหย่หยุดให้ได้”“พ่อ!”เจียงซู่มองด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เขายังเป็นคนอยู่หรือเปล่า?ความน่าเกลียดของมนุษย์ เธอมองเห็นได้อย่างชัดเจนในตัวเจียงซงหวาเจียงซู่กัดฟันกรามแน่น พูดว่า “ได้ หนูสัญญา!”หลังจากการนำตัวคุณย่าอี้ส่งโรงพยาบาล ท่านก็ได้รับการช่วยชีวิต แต่จะฟื้นเมื่อไหร่นั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวผู้ป่วยเองเจียงซงหวาเร่งเร้า “ย่าของแกไม่เป็นอะไรแล้ว ตอนนี้แกไปขอร้องโจวซือเหย่ซะ”เจียงซู่ไม่ได้ลุกขึ้น “รอคุณย่าฟื้นก่อนค่ะ”เจียงซงหวาพูดว่า “ฉันให้เวลาแกคืนหนึ่ง พรุ่งนี้ไม่ว่าจะฟื้นหรือไม่ก็ตาม แกต้องไปขอร้องโจวซือเหย่ให้ได้”เขาทิ้งท้ายคำพูดแล้วทำท่าทางราวกับรังเกียจความอัปมงคล ไม่อยากจะอยู่ต่อแม้แต่วินาทีเดียว เดินออกไปอย่างเด็ดเดี่ยวเจียงซู่กุมมือที่เหี่ยวย่นของคุณย่าไว้ ในใจเต็มไปด้วยความเจ็บปว

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 126

    กิ๊กของเจียงเจียเหวินกลับไปแล้ว เหลือเพียงคนในตระกูลเจียงอยู่ในห้องวีไอพีเท่านั้นเสียงสะอื้นของเจียงเจียเหวินและเสียงหายใจหอบถี่ของเจียงซงหวาทำให้ความกดอากาศในห้องลดลงถึงจุดเยือกแข็งเมื่อละครตลกที่ไร้สาระนี้จบลง เจียงซู่ก็ไม่อยากจะอยู่ต่อแล้วเธอประคองคุณย่าเพื่อจะเดินออกไป ทว่าเธอเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เจียงซงหวาก็เรียกไว้ “หยุดเดี๋ยวนี้!”เจียงซู่เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “มีอะไรอีกไหมคะ?”เจียงซงหวาใช้อำนาจความเป็นพ่อสั่งว่า “เรื่องนี้แกจะจัดการยังไง?”เจียงซู่: “พ่อคะ พ่อถามผิดคนแล้วล่ะ”ตั้งแต่เกิดขึ้นเรื่องจนกระทั่งจบลง เรื่องทั้งหมดไม่เกี่ยวข้องกับเธอเลยสักนิดใบหน้าแก่ ๆ ของเจียงซงหวาดูไม่สู้ดีนัก “แกหมายความว่ายังไง? ตอนนี้โจวซือเหย่ยังคงเล่นงานตระกูลเจียงอยู่ แกคิดจะยืนดูเฉย ๆ ไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยอย่างนั้นเหรอ? แกยังเป็นคนในตระกูลเจียงอยู่ไหม? อย่าลืมนะ ถ้าไม่มีฉัน แกอดตายไปนานแล้ว!”“อะไรกันเนี่ย นังลูกอกตัญญู”เจียงซู่: “ก่อนห้าขวบ แม่หนูเป็นคนเลี้ยงหนูค่ะ หลังห้าขวบ คุณย่าเป็นคนเลี้ยงหนูจนโต”เจียงซงหวา: “ถ้าไม่มีเงินของฉัน พวกเขาจะเอาอะไรมาเลี้ยงแก?!”เจียงซู่: “

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 125

    เจียงซงหวาพูดเสียงหนัก “ลูกในท้องเหวินเหวิน เป็นลูกของนายแน่นอน!”“ผมไม่ได้แตะต้องลูกสาวคุณแม้แต่ปลายก้อย” โจวซือเหย่กล่าวเย้ยหยัน “ลูกสาวคุณมีความสามารถแบบนั้นจริง แต่ตระกูลโจวเราไม่เคยคิดจะเลี้ยงลูกให้คนอื่น”กล่าวจบ นอกจากโจวซือเหย่ ทุกคนต่างมีหน้าแตกต่างกันไป แม้แต่เจียงซู่เองยังเบิกตากว้างเขาหมายความว่ายังไง?เธอเห็นพวกเขานอนด้วยกันกับตาแท้ ๆ...เจียงซงหวาโกรธจัดทันที “นายไม่คิดจะรับผิดชอบงั้นเหรอ?”โจวซือเหย่: “ไม่ใช่ลูกผม ทำไมผมจะรับ?”จังหวะนั้นเอง ผู้ชายที่โจวซือเหย่ให้คนพาเข้ามาก็เปิดปากพูด “เจียงเจียเหวิน ทำไมเธอถึงให้ลูกของฉัน เรียกคนอื่นว่าพ่อล่ะ?! เธอทำแบบนี้ไม่ละอายใจต่อฉันบ้างเหรอ?”แม่เจียงถลึงตาพลางตะคอกใส่เขา “พูดเพ้อเจ้ออะไร? ถ้ายังใส่ร้ายลูกสาวฉันอีก ระวังฉันจะแจ้งตำรวจจับแก!”ผู้ชายคนนั้นสวนกลับทันควัน “ผมพูดเพ้อเจ้อหรือไม่ ก็ถามลูกสาวคุณดูก็รู้เอง! ผมกับเธอไม่รู้ว่านอนด้วยกันมากี่ครั้งแล้ว คืนนั้นที่โจวซือเหย่เมามาก ไม่ได้แตะเธอเลยด้วยซ้ำ เธออยากแสดงให้สมจริงและให้ตรงกับช่วงเวลาที่จะตั้งท้อง คืนนั้นเธอยังจงใจมาหาผม คืนนั้น เราเอากันตลอดทั้งคืน”“เจียงเ

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 124

    โจวซือเหย่ยังคงนิ่งสงบ ราวกับกำลังคุยกันว่า คืนนี้จะกินอะไรดีเจียงเจียเหวินกลับไม่ใจเย็นแบบนั้น ถึงกับหัวใจสั่นวูบเมื่อโดนสายตาเย็นเฉียบของเขามองมา เธอกลืนน้ำลายที่ไม่มีอยู่จริง จู่ ๆ ดวงตาเริ่มแดงก่ำขึ้น “พี่เขย ถึงเรื่องนี้จะผิดต่อพี่เค้า แต่พี่จะปฏิเสธลูกของตัวเองไม่ได้นะ พี่พูดแบบนี้ พี่กำลังอยากบีบให้พวกเราสองแม่ลูกไปตายนะคะ”แม่เจียงเห็นลูกสาวช้ำใจก็รู้สึกสงสาร “ซือเหย่ เป็นผู้ชายกล้าทำก็ต้องกล้ารับหน่อยสิ จะได้แล้วทิ้งแบบนี้ไม่ได้นะ!”เจียงเจียเหวินกัดฟันแน่น “ถ้าพี่จะไม่ยอมรับ ฉันก็จะพาลูกไปตายด้วย!”พูดจบ เธอก็ทำท่าจะวิ่งออกไปแม่เจียงเห็นดังนั้นก็รีบคว้าไว้ทันที “เหวินเหวิน! คนดีของแม่ ลูกพูดอะไรออกมาน่ะ? อะไรคือตายไม่ตาย? ถ้าลูกตาย แล้วแม่กับพ่อจะอยู่ยังไง? ลูกเป็นลูกสาวคนเดียวของแม่นะ!”สองแม่ลูกร้องไห้ฟูมฟาย ทำตัวราวกับกำลังแสดงละครโศกนาฏกรรมแม่เจียงกอดเจียงเจียเหวินแน่น แล้วหันไปจ้องโจวซือเหย่ “ถ้านายไม่ยอมรับเด็กคนนี้ล่ะก็ ฉันจะไปหาคุณท่านโจว! นี่เป็นเหลนคนแรกของท่านนะ! ฉันไม่เชื่อว่าคนใจดีแบบท่าน จะปล่อยให้นายบีบลูกสาวฉันไปตาย!”เจียงซงหวาขัดภรรยาได้จังหวะเหมา

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 123

    แม่เจียงรีบเสริมทันที “ฉันบอกแล้วว่าเด็กคนนี้มันอกตัญญู โตมาก็เลี้ยงไม่เชื่อง ตอนนั้นคุณควรทิ้งมันไปตั้งแต่วันนั้นแล้ว แถมยังเสียเงินมากมายไปกับมันเปล่า ๆ ไม่ได้ประโยชน์อะไรกลับมาเลยสักนิด!”ทั้งครอบครัวเป็นใจเดียวกัน ต่างรุมประณามเจียงซูไม่เว้นคำเจียงซงหวาถึงกับไปหาความช่วยเหลือจากภายนอกพอได้รับโทรศัพท์จากคุณย่า เจียงซู่ถึงรู้ว่าพวกเขาลากเรื่องทั้งหมดไปกดดันผู้ใหญ่ท่านแล้วที่โรงพยาบาลคุณย่าอี้จับมือเธอไว้แน่น พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสาร “ลำบากหนูมากแล้ว”พอได้ยินประโยคนั้น จมูกของเจียงซู่ก็แอบร้อนผ่าวขึ้นมา ตั้งแต่เรื่องเกิดจนถึงตอนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนสนใจความรู้สึกของเธอจริง ๆโจวซือเหย่มองว่าเธอคิดร้ายตระกูลเจียงคิดว่าเธอไม่สำนึกบุณคุณแต่ไม่มีใครคิดเลยว่าเธอต่างหากที่เจ็บหนักที่สุดในเรื่องนี้คุณย่าอี้ถอนหายใจ “เป็นความผิดของย่าเอง ที่สอนพ่อของหนูไม่ดี”ความจริงคุณย่าอี้เป็นคนมีการศึกษา สมัยสาว ๆ เป็นถึงครูสอนหนังสือ ในยุคสมัยของท่าน ผู้หญิงน้อยคนนักที่จะได้เรียนหนังสือคนมีการศึกษา แต่กลับเลี้ยงลูกชายออกมาเป็นพวกเห็นแก่ได้แต่งงานครั้งแรกเป็น

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status