공유

บทที่ 4

작가: คุณชายสายฝน
เจียงซู่รู้ดีว่าเฉินเหยาฉินคลั่งไคล้การมีหลานชายมากแค่ไหน และเธอไม่อยากถูกจับตาดูแม้กระทั่งตอนนอน

“แม่คะ ที่นี่อยู่ไกลจากบริษัท ต้องตื่นเช้าทุกวัน เดี๋ยวจะไปรบกวนเวลาพักผ่อนของอาเหย่เอานะคะ”

ตอนนี้ลูกชายคือทั้งชีวิตของเวินเหยาฉิน เจียงซู่จึงใช้จุดนี้ให้เป็นประโยชน์ในการต่อรอง

เป็นไปตามแผน เวินเหยาฉินมีสีหน้าลังเลขึ้นมาทันที

โจวซือเหย่หันมามองเธอด้วยสายตาขรึมเล็กน้อย เธอช่างฉลาดในการใช้เขาเป็นโล่กำบังจริง ๆ

เจียงซู่รู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างจากสายตาของเขาที่มองมา แต่เธอเลือกที่จะเพิกเฉยเหมือนที่เขาทำเมื่อครู่

เรื่องที่จะให้กลับมาอยู่ที่บ้านหลังนี้จึงหยุดไว้แต่เพียงเท่านั้น แต่แม่สามีผู้แสนดีของเธอไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ โดยการลงมือจัดแจงให้แม่บ้านอู๋ย้ายจากบ้านใหญ่มาอยู่กับพวกเขา

เจียงซู่พยายามจะลองปฏิเสธอีกครั้ง แต่มันไม่เป็นผล เวินเหยาฉินมีท่าทีเด็ดขาด และตัดสินใจทันที

“ป้าอู๋คะ ฉันหิวแล้ว เมื่อไหร่จะเริ่มทานข้าวคะ? ”

เมื่อเสียงพูดจบ ร่างเพรียวบางของหญิงสาวคนหนึ่งก็ได้ปรากฏตัวขึ้น เธอคือโจวหว่านซิน น้องสาวของโจวซือเหย่

เมื่อเจ้าของร่างเพรียวบางนั้นเห็นพวกเขาทั้งสอง ก็กล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงร่าเริง

“พี่ชาย พี่สะใภ้”

โจวซือเหย่พยักหน้าตอบกลับพร้อมกับพูดว่า “กลับมาแล้ว”

เจียงซู่ตอบกลับด้วยรอยยิ้มบางบนใบหน้า

โจวหว่านซินปีนี้อายุครบสิบหกปีบริบูรณ์ เธอเป็นน้องเล็กสุดของตระกูลโจว และเป็นลูกสาวคนสุดท้องของพ่อโจวซือเหย่ด้วย ซึ่งนั่นทำให้เธอเป็นที่รักและเอ็นดูของทุกคนในบ้าน

เวินเหยาฉินสั่งให้แม่บ้านยกอาหารมา

ณ โต๊ะทานอาหาร โจวหว่านซินเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่แสนไร้เดียงว่า “ซ้อคะ วันศุกร์นี้ที่โรงเรียนหนูมีประชุมผู้ปกครอง ซ้อมาช่วยหนูได้ไหมคะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น มือของเจียงซู่ที่กำลังคีบอาหารอยู่หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง

โจวหว่านซินหน้าตาไม่ค่อยเหมือนโจวซือเหย่สักเท่าไหร่ เพราะโจวหว่านซินหน้าออกไปทางแม่ ส่วนโจวซือเหย่หน้าออกไปทางพ่อเสียมากกว่า แต่ทั้งคู่ได้รับยีนส์ดวงตาของพ่อสามี นามว่า โจวผิงคาง มาเหมือนกัน

ถึงอย่างนั้น ดวงตาของทั้งคู่กลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน ดวงตาของโจวซือเหย่จะดูมีความเยือกเย็น ไร้อารมณ์ ส่วนดวงตาของอีกคนที่กำลังจ้องมองมาที่เธออยู่ตอนนี้ กลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มอยู่เสมอ ทำให้รู้สึกเข้าถึงได้ง่าย

แต่เจียงซู่รู้ดีว่านั่นเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาที่อีกคนสร้างขึ้น

เจียงซู่ปฏิเสธว่า “วันศุกร์นี้พี่ต้องไปทำงาน ซินซินให้คุณแม่ไปแทนแล้วกันนะ”

แต่โจวหว่านซินกลับไม่ยอม เธอหันไปหาโจวซือเหย่พร้อมกับทำปากจู๋พูดอ้อนวอน “พี่ชาย พี่รักหนูที่สุดเลยใช่ไหมคะ ให้หนูยืมซ้อมาอยู่กับหนูสักวันหนึ่งได้ไหมคะ”

เจียงซู่หันไปมองโจวซือเหย่ เธอหวังว่าเขาจะช่วยเธอปฏิเสธ แต่แล้วความหวังของเธอก็สลายไปในพริบตา

โจวซือเหย่ยังไม่ทันได้ปริปากพูด เวินเหยาฉินก็ได้ตัดสินใจแทนเขาเรียบร้อยว่า “ในเมื่อซินซินอยากให้เจียงซู่ไป งั้นวันศุกร์นี้ก็ไม่ต้องไปทำงานละกัน”

ประโยคนี้คือเวินเหยาฉินพูดกับเจียงซู่

ขอเพียงแค่โจวหว่านซินขอ เวินเหยาฉินก็พร้อมจะทำตามใจลูกสาวได้ทุกอย่าง

ส่วนโจวซือเหย่นิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่ต้นจนจบราวกับว่าเรื่องเล็กน้อยแบบนี้เขาไม่อยากจะเสียน้ำลายเข้าไปพูดด้วย

ผ่านมาหลายปีแล้ว แต่เธอก็ยังคงไม่มีสิทธิ์มีเสียงใด ๆ ในบ้าน แม้แต่เรื่องของตัวเอง เธอก็ยังไม่มีสิทธิตัดสินใจ

ทันใดนั้นเอง เจียงซู่ก็รู้สึกว่าอาหารเริ่มฝืดคอเหลือเกิน

มื้อเที่ยงนี้ช่างไร้รสชาติสิ้นดี

...........

หลังจากออกมาจากบ้านใหญ่ ระหว่างทางกลับบริษัท เจียงซู่อดไม่ได้ที่จะพูดความคิดของเธอออกมา

“ประชุมผู้ปกครองนั้น ฉันไม่อยากไป”

โจวซือเหย่ตอบกลับว่า “ลางานหนึ่งวัน ไม่หักเงินเดือนคุณหรอก”

เขาคิดว่าเธอกลัวถูกหักเงินเดือน?

เจียงซู่ยังคงพูดคำเดิม “โจวซือเหย่ ฉันไม่อยากไป”

เพราะความดื้อดึงของเธอ ทำให้โจวซือเหย่ถึงกับหันมามองด้วยความไม่เข้าใจ “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของคุณนะ”

ก็เพราะว่ามันไม่ใช่ครั้งแรกนี่แหละ เธอถึงไม่อยากไปอีก

โจวซือเหย่พูดเตือนขึ้นมา “หว่านซินชอบคุณมาก อย่าทำให้น้องเสียใจ”

ชอบงั้นเหรอ?

มีแค่คนในครอบครัวเขาที่คิดว่ามันเป็นแบบนั้น

การเสแสร้งสามารถหลอกลวงคนได้ และยิ่งไปกว่านั้นคือพวกเขาเป็นคนในครอบครัวที่อยู่ใต้ชายคาบ้านร่วมกันมาเป็นสิบปี ส่วนเธอเป็นแค่คนนอก

ถ้าเจียงซู่บอกว่าโจวหว่านซินมีท่าทีทำตัวเป็นศัตรูต่อเธอ ก็คงไม่มีใครเชื่อ และเธอก็คงถูกมองว่ากำลังสร้างเรื่อง เป็นตัวปัญหาที่คอยยุแยงให้แตกแยก

เจียงซู่ถามขึ้นว่า “โจวซือเหย่ ความคิดเห็นของฉันในสายตาของพวกคุณ มันไม่มีค่าอะไรเลยใช่ไหม? ”

เธอไม่อยากไป ไม่ไปไม่ได้เหรอ?

โจวซือเหย่ขมวดคิ้วกับปฏิกิริยาโต้กลับของเธอ “หว่านซินมองคุณเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว การที่คุณไปงานประชุมผู้ปกครองของหว่านซินมันมีปัญหาตรงไหน? คุณเป็นพี่สะใภ้นะ เรื่องแค่นี้ก็ทำให้ไม่ได้เหรอ? ”

ลองฟังดู คำพูดประโยคนั้นเหมือนกับกำลังบอกเธอว่า เธอเป็นพี่สะใภ้ที่ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรเลย

เจียงซู่พยายามฝืนยิ้มยกมุมมาก เยาะเย้ยตัวเองอย่างเหนื่อยหน่าย “ฉันปฏิเสธก็กลายเป็นว่าฉันงี่เง่าไม่มีเหตุผลงั้นเหรอ? แล้วการที่เวิงอี๋เข้ามาเป็นมือที่สามนี่มันคืออะไร? สำออยหรือเปล่า?”

เมื่อเธอพูดจบประโยค สีหน้าโจวซือเหย่หม่นลงอย่างเห็นได้ชัด “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเวิงอี๋ คุณจะลากเอาเขามาพูดทำไม”

“คุณไม่รู้เหรอว่าการพูดจาใส่ร้ายคนอื่นมันทำลายชื่อเสียงของคนได้ คุณก็เป็นผู้หญิงนี่ เรื่องแค่นี้ไม่เข้าใจ? ”

เจียงซู่ “พวกคุณทำได้ แล้วทำไมฉันถึงพูดไม่ได้? ”

โจวซือเหย่ “ผมจะพูดอีกครั้งเดียว ผมกับเวิงอี๋เราไม่ได้มีอะไรกันทั้งนั้น และผมก็มองเขาเหมือนน้องสาวคนหนึ่งเพียงเท่านั้น”

เจียงซู่พูดเยาะเย้ยต่อ “ที่คุณพูดมาคุณเชื่อเองไหม? ”

น้องสาว?

เธอว่าน่าจะเป็นน้องสาวสุดที่รักเสียมากกว่า

การโต้เถียงในครั้งนี้ จบลงโดยไม่มีข้อสรุป

ระหว่างเดินทางกลับบริษัท เจียงซู่ต้องลงจากรถกลางคัน เพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าแท้จริงแล้วเธอคือใคร

เธอมองดูรถที่ค่อย ๆ แล่นออกไป และได้แต่เยาะเย้ยตัวเองในใจ

ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแต่ต้องทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ หลบซ่อนราวกับขโมย ส่วนคนที่เป็นมือที่สามที่ทุกคนต่างรังเกียจกลับมีสิทธิ์มีเสียงเปิดเผย โอ้อวดได้อย่างไม่อายใคร

โลกนี้มันกลับตาลปัตรไปหมดแล้ว

เรื่องที่เวิงอี๋เป็นผู้ช่วยโจวซือเหย่ราวกับพายุงวงช้าง ที่ใช้เวลาเพียงพริบตาก็แพร่กระจายไปทุกซอกทุกมุมของบริษัท

ทุกคนต่างก็เข้าใจว่า เวิงอี๋คือ ‘ภรรยา’ ของโจวซือเหย่ เป็นนายหญิงของพวกเขา

เจียงซู่ปิดหูของตนเอง ไม่รับรู้เรื่องราวภายนอกใด ๆ ทั้งสิ้น และดำเนินการส่งมอบงานต่อไป

เธอไม่อยากจะสนใจเรื่องบ้าเหล่านั้น ขอเพียงแค่เธอได้หย่าให้ได้เร็วที่สุดก็พอ

เพียงชั่วพริบตา วันศุกร์ก็มาถึง

เจียงซู่ไม่อยากไปประชุมผู้ปกครองให้โจวหว่านซิน ในวันนั้น เธอจึงจงใจปิดมือถือ และไม่ไปบริษัท

ในเมื่อโจวซือเหย่เป็นคนพูดเองกับปากว่าสามารถลางานได้โดยไม่หักเงินเดือน งั้นเธอก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปทำร้ายตัวเองด้วยการไปโรงเรียน และเธอเลือกที่จะไปเยี่ยมคุณย่าที่โรงพยาบาลแทน

แต่เธอเหมือนจะประเมินความพยายามของโจวหว่านซินต่ำไปหน่อย เพราะเมื่อไม่สามารถติดต่อเธอได้ โจวหว่านซินก็รีบไปฟ้องโจวซือเหย่ และด้วยความที่เป็นพี่ชายที่แสนดีประดุจเทวดา เขาจึงให้เลขาหลู่มาตามตัวเธอที่โรงพยาบาล

ณ ห้องผู้ป่วย เลขาหลู่เข้ามาพร้อมกับทักทายคุณย่าก่อนตามมารยาท และหลังจากนั้นก็หันมาทางเจียงซู่

“คุณผู้หญิงครับ ท่านประธานให้ผมมารับคุณไปโรงเรียนครับ”

วินาทีที่เลขาหลู่ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเธอ นั้นก็เป็นวินาทีที่รอยยิ้มบนใบหน้าเธอเลือนหายไปเช่นกัน

กัดไม่ปล่อยเลยนะ

ขนาดเธอหนีมาแล้ว ยังจะตามตัวเธอเจออีก

คุณย่าอี้ไม่เข้าใจจึงถามขึ้นว่า “ไปโรงเรียนทำไมเหรอ? ”

เลขาหลู่ได้ยินดังนั้น จึงอธิบายขึ้น “คุณผู้หญิงต้องไปประชุมผู้ปกครองให้คุณหนูหว่านซินที่โรงเรียนครับ”

ได้ยินดังนั้น คุณย่าก็หันไปบอกเจียงซู่ทันทีว่า “ถ้าอย่างนั้นรีบไปทำธุระให้เสร็จนะ”

ตอนแรกคุณย่ากลัวว่าบ้านตระกูลโจวจะดูถูกเหยียดหยามหลานสาวของเธอ แต่เมื่อได้ยินดังนั้น เหมือนว่าเธอจะคิดมากไปเอง ในเมื่อเจียงซู่สามารถไปงานประชุมผู้ปกครองได้ ก็แสดงว่าคนในบ้านตระกูลโจวยอมรับหลานสาวเธอเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวแล้ว

เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของคุณย่า เธอจึงไม่อยากให้คุณย่าต้องเกิดความกังวล สุดท้าย ทำได้เพียงเดินตามเลขาหลู่ออกไป

โรงเรียนของโจวหว่านซินเป็นโรงเรียนนานาชาติสำหรับคนชนชั้นสูง เด็ก ๆ ที่มาเรียนที่นี่ล้วนมาจากครอบครัวมีฐานะ และมีอำนาจ

ความจริงแล้วเจียงซู่รู้ดีถึงจุดประสงค์อันแท้จริงที่ให้เธอมาที่นี่ว่ามันคืออะไร แต่ในตอนแรกเธอไม่เข้าใจว่าเธอไปทำอะไรให้คุณหนูโจวหว่านซินไม่ชอบใจ และเพราะอะไรคุณหนูถึงมองเธอเป็นศัตรูถึงขนาดนี้

แต่ตอนนี้เธอเข้าใจแล้ว การที่คนไม่ชอบขี้หน้าใครสักคนมันไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลมารองรับ มันก็เหมือนกับการโดนบลู่ลี่ มักจะเลือกรังแกคนที่อ่อนแอกว่า ไร้ทางสู้เป็นเหยื่อ และเธอก็คือเหยื่อในสายตาของโจวหว่านซิน

ในขณะที่เธอกำลังเดินผ่านสระน้ำ เจียงซู่รู้สึกได้ว่ามีเสียงเคลื่อนไหวที่แผ่วเบาดังขึ้นจากข้างหลังเธอ ดวงตาของเธอหรี่มองด้วยหางตาอย่างระแวดระวัง ก่อนที่เสียงการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายจะค่อย ๆ ดังขึ้น เพื่อเข้ามาประชิดตัว แต่เธอหันตัวหลบทันด้วยไหวพริบ ทำให้รอดพ้นจากมือคู่นั้น ที่จงใจยื่นมาผลักเธอ

เธอโชคดีที่หลบจากการซุ่มโจมตีของอีกฝ่ายได้ แต่คนที่จงใจผลักเธอดูเหมือนจะไม่ได้โชคดีอย่างเธอ

เสียงตู้มดังขึ้น

พร้อมกับร่างคนที่ตกลงไปในสระน้ำ

จากนั้นก็มีเสียงอุทานดังขึ้นมาติด ๆ และตามมาด้วยเสียงประณามด้วยความเกรี้ยวกราด “แกผลักคนตกน้ำทำไม? ”

เด็กอายุประมาณสิบหกถึงสิบเจ็ดปี ราว ๆ ห้าถึงหกคนโผล่ออกมา ซึ่งหนึ่งในกลุ่มเด็กนั่นก็มีโจวหว่านซินด้วย
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 90

    เจียงซู่ไม่ได้สนใจว่าพวกเขาสองพ่อลูกกำลังคิดอะไรอยู่ แต่คุณย่า...เธอโบกมือให้คนมาช่วยขนกระเป๋าสัมภาระต่าง ๆ ให้อีกคนเจียงเจียเหวินเชิดคอด้วยท่าทางภาคภูมิใจพร้อมกับเดินเข้าไปในห้องรับรองโจวซือเหย่กลับมาถึงบ้านในเวลาอาหารเย็น และเมื่อเขาเข้ามาในบ้าน ก็สังเกตเห็นเจียงเจียเหวินทันที“พี่เขย”เจียงเจียเหวินฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับเดินเข้าไปหา “พี่กลับมาแล้วเหรอคะ? ฉันกับพี่เจียงกำลังจะทานอาหารเย็นพอดี แต่ฉันก็บอกพี่เจียงแล้วนะคะว่าให้รอพี่ก่อน แต่พี่เจียงก็บอกว่าไม่ต้องรอ แถมยังบอกว่าพี่จะไม่กลับมากินข้าวที่บ้านอีก”“ดูสิ เหมือนว่าพี่สาวเธอจะเดาผิดนะ เธอดูไม่สนใจอะไรเลย ไม่รอ ละไม่โทรถามด้วย”ระหว่างที่พูด เจียงเจียเหวินเดินไปหาอีกคนเพื่อรับเสื้อโค้ทที่โจวซือเหย่ถอดออก“เดี๋ยวฉันจัดการเอง”เมื่อพูดจบ เธอก็แย่งเสื้อโค้ทมาจากมือป้าเฉินป้าเฉิน “...”ป้าเฉินไม่เคยเห็นใครชอบแย่งงานทำขนาดนี้มาก่อนเจียงเจียเหวิน “ป้าเฉินคะ ไปหยิบตะเกียบกับชามเพิ่มอีกหนึ่งชุดให้พี่เขยหน่อยค่ะ”“พี่เขย นั่งตรงนี้นะคะ”เมื่อถึงโต๊ะอาหาร เจียงเจียเหวินดึงเก้าอี้ให้โจวซือเหย่ตำแหน่งที่เขานั่งคือฝั่งตรง

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 89

    ในยามกลางคืนที่มืดดำสนิท ในห้องนอนที่เงียบสงดมีเสียงแปลก ๆ ดังขึ้น โจวซือเหย่พยายามปลุกเจียงซู่ที่มีท่าทางที่ไม่ปกติให้ตื่นเมื่อเจียงซู่ตื่น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสับสนและความหวาดกลัว ใบหน้าของเธอซีดเผือดหลังจากหลงอยู่ในห้วงของความฝันโจวซือเหย่ “ฝันร้ายเหรอ?”ใช่ เธอเพิ่งตื่นจากฝันร้ายจริง ๆ เธอฝันถึงอุบัติเหตุรถยนต์อีกแล้วเธออยากจะมองข้ามมัน อยากจะลืมมันไปให้พ้น ๆ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างกลับตามมาหลอกหลอนเธอเหมือนเงาที่ตามติด ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องขึ้น เจียงซู่จำไม่ได้แล้วว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่เธอบอกกับตัวเองซ้ำ ๆ ว่าทุกอย่างได้ผ่านไปแล้ว ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว แต่เธอยังคงฝันร้ายเช่นนี้อยู่อย่างควบคุมไม่ได้เจียงซู่สูดอากาศหายใจเข้าลึก ๆ และหลับตาลง พร้อมกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่จนลำคอขยับอย่างเห็นได้ชัด กลิ่นคาวเลือดที่อบอวลราวกับว่ายังคงวนเวียนอยู่ที่ปลายจมูก โจมตีเข้ากับระบบการรับกลิ่นของเธออย่างไม่หยุดยั้ง จนทำลายสัมผัสทั้งห้าของเธอจากการที่เขาได้ยินคำพูดละเมอตอนเธอตอนอยู่ในห้วงแห่งความฝัน ทำให้โจวซือเหย่รู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังฝันถึงอะไรอยู่ แววตาของเขาฉายแววความสงสารจึงเอ่ยขึ้นมา

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 88

    เมื่อคุณหญิงย่าเห็นเจียงซู่ที่กลับมาพร้อมกับขาที่บาดเจ็บ จึงมองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสารจับใจ และหันไปตำหนิโจวซือเหย่ทันทีว่า “ทำไมไม่บอกย่าว่าเมียแกบาดเจ็บ? ถ้าย่ารู้ ย่าจะไม่ให้มาหรือไง แกดูแลเมียแกเป็นไหมเนี่ย?”โจวซือเหย่รับบททำตัวเป็นหลานชายผู้แสนดี “คุณย่าสอนถูกแล้วครับ เป็นความผิดของผมเอง”เจียงซู่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “คุณย่าคะ หนูไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ อาเหย่ดูแลหนูดีค่ะ”หากต้องพูดถึงการหย่าร้าง คนในตระกูลโจวทั้งหมดที่เธอรู้สึกเสียดายมากที่สุดก็คงเป็นคุณย่าโจวด้วยความรักและความเอ็นดูอย่างแท้จริงที่คุณย่ามีให้แก่หลานสะใภ้ที่ถูกซื้อมาคนนี้ จึงทำให้เธอยอมให้ความร่วมมือกับโจวซือเหย่เล่นละครเพื่อเอาใจคุณหญิงย่าเหวินเหยาฉินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มองเจียงซู่ที่กำลังนั่งอยู่บนรถเข็น พร้อมกับขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ทำไมถึงบาดเจ็บอีกแล้ว? สรุปร่างกายของเธอไหวไหมเนี่ย?เมื่อเห็นว่าเจียงซู่ผอมลง คุณหญิงย่าจึงสั่งให้ทางห้องครัวทำอาหารบำรุงมาให้เธอทานเยอะ ๆ และตกเย็นเมื่อถึงเวลากลับ ก็ยังจัดเตรียมอาหารเสริมมากมายใส่ขึ้นรถให้อีกด้วยคุณหญิงย่า “ถ้ากินหมดแล้วก็บอกย่านะ เดี๋ยวย่าส

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 87

    เจียงซู่พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก็เป็นผู้หญิงวัยผู้ใหญ่นี่นะเธอหยิบของขวัญออกมาจากกระเป๋าเดินทางที่เตรียมไว้ให้สำหรับไต้ซานเหอไต้ซานเหอหิ้วกระเป๋าลิมิเต็ดอิดิชั่นที่อีกคนให้ขึ้นมาอย่างพออกพอใจ พลางพูดขึ้นว่า “ทำไมไม่ซื้อมาหลาย ๆ ใบล่ะ? ทางที่ดีนะ ซื้อจนโจวซือเหย่ล้มละลายไปเลย! ถ้าแกไม่รีบใช้เงิน ถึงตอนนั้นก็จะตกไปเป็นของคนต่ำสถุน อย่างเวิงอี๋ละนะ”เธอประเมินความสามารถในการซื้อของตัวเองสูงเกินไป และประเมินสินทรัพย์ของโจวซือเหย่ต่ำไปเช่นกัน แค่กระเป๋าไม่กี่ใบ จะทำให้เขาล้มละลายได้อย่างไงกัน“ฉันหิวแล้ว”เมื่อมนุษย์ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ทำให้รู้สึกสบายใจ ก็จะรู้สึกเหนื่อยง่าย และเกิดความต้องการต่าง ๆ ได้ง่าย ความอยากอาหารก็เป็นหนึ่งในความต้องการนั้นเช่นกันเธอเป็นคนติดรสชาติอาหารจีนมาก อาหารต่างประเทศเธอไม่ค่อยชินเท่าไหร่ ทั้งร่างกายที่มีอาการบาดเจ็บประกอบกับสภาพอากาศรอบตัวที่ไม่คุ้นเคย การเดินทางครั้งนี้ จึงทำให้เจียงซู่ผอมลง น้ำหนักหายไปหลายกิโลกรัมฝีมือการทำอาหารของไต้ซานเหอไม่เลวเลย เธอทำแต่อาหารที่เจียงซู่ชอบแต่ทว่า เธอยังไม่ทันได้อ้าปากลิ้มรสอาหารที่อยู่ตรงหน้าสักคำเดียว โจ

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 86

    “พี่เจียงคะ เดี๋ยวฉันช่วยเข็นพี่เข้าไปพักผ่อนข้างในนะคะ ฉันจะบอกพี่ให้ ว่าที่นี่หรูหรามาก ข้าวของเครื่องใช้ครบครัน ถ้าพี่ต้องการอะไรบอกฉันได้เลยนะคะ เดี๋ยวฉันช่วย...”เวิงอี๋แสดงท่าทีราวกับเป็นเจ้าของเครื่องบินเจียงซู่ยกมือขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณให้อีกคนหยุดพูด พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ตามีปัญหาหรือไง?”เวิงอี๋ได้ยินดังนั้นจึงชะงักขึ้นมาทันที และพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่งงงวยว่า “หมายความว่าไงคะ?”เจียงซู่พูดตอบกลับ “ดูไม่ออกเหรอว่าฉันไม่ชอบเธอ”เธอกำลังรำคาญอยู่ เวิงอี๋ดูไม่ออกได้อย่างไร?“พี่เจียง...”เวิงอี๋เบะปาก ทำท่าตะกุกตะกักเหมือนกำลังถูกรังแก และใบหน้าที่เต็มไปด้วยความน้อยใจในตอนนั้น โจวซือเหย่จึงพูดเข้าข้างเวิงอี๋ว่า “เธอก็แค่อยากดูแลคุณเท่านั้นเอง ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีสักหน่อย”เจียงซู่มองเขาที่กำลังเข้าข้างอีกคนด้วยแววตาเยาะเย้ย ไม่รู้ว่าเขาไม่เห็นความคิดแอบแฝงของเวิงอี๋จริง ๆ? หรือแค่แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นกันแน่?เธอต้องการความช่วยเหลือจากเวิงอี๋เหรอ?ถึงแม้เธอจะตายและเอาศพไปทิ้งกลางป่า ก็คงไม่ถึงคราวที่ชู้ต้องมาเอาศพให้หรอก เว้นก็เสียแต่ พวกเขารู้สึกว่าเธอตา

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 85

    “ผมรู้”เขารู้เรื่องทั้งหมด เลขาหลู่เป็นคนบอกเขาเองทั้งหมดแล้วโจวซือเหย่ตอนแรกเห็นว่าเจียงซู่ไม่เป็นอะไร จริง ๆ แล้วเขาดีใจด้วยซ้ำ ดีใจที่เธอไม่เป็นอะไรมากแต่ว่าหลังจากรู้เรื่องที่เธอประสบอุบัติเหตุรถชน เขาก็รู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมาอีกครั้ง เพราะเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นใบหน้าของเจียงซู่ไม่ได้ดีขึ้นเพราะเรื่องนี้ ในทางกลับกันยิ่งเปลี่ยนเป็นแย่ลงกว่าเดิม เพราะความสงสารที่เขาแสดงออกมาในเวลานี้ สำหรับเธอแล้วทั้งหมดนี้มันคือการถูกเยาะเย้ยมิตรภาพที่มาช้ามันดูไร้ค่ายิ่งกว่าหญ้าอีกโจวซือเหย่พูดขึ้น “ครั้งนี้มันเป็นแค่อุบัติเหตุ ต่อไปผมจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก”“ความบังเอิญที่มากเกินไปก็ไม่ใช่ว่าความบังเอิญ เหตุผลเดียวกัน เรื่องอุบัติเหตุก็เช่นกัน” เจียงซู่ยกมุมปากขึ้นด้วยท่าทางเยาะเย้ย “ระหว่างฉันกับเวิงอี๋ คุณจะเลือกใคร จริง ๆ แล้วในใจคุณรู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าคุณเลือกใคร”ตอนนี้เขาก็แค่ทำตัวเป็นเหมือนขงเบ้งหลังเกิดเหตุ เพื่อที่จะรักษาศักดิ์ศรีตัวเองเอาไว้แววตาของเจียงซู่สิ้นหวัง เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แฝงการอ้อนวอนขอร้อง “เป็นสามีภรรยากันมาก็ห้าปี เห็น

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status