แชร์

บทที่ 4

ผู้เขียน: คุณชายสายฝน
เจียงซู่รู้ดีว่าเฉินเหยาฉินคลั่งไคล้การมีหลานชายมากแค่ไหน และเธอไม่อยากถูกจับตาดูแม้กระทั่งตอนนอน

“แม่คะ ที่นี่อยู่ไกลจากบริษัท ต้องตื่นเช้าทุกวัน เดี๋ยวจะไปรบกวนเวลาพักผ่อนของอาเหย่เอานะคะ”

ตอนนี้ลูกชายคือทั้งชีวิตของเวินเหยาฉิน เจียงซู่จึงใช้จุดนี้ให้เป็นประโยชน์ในการต่อรอง

เป็นไปตามแผน เวินเหยาฉินมีสีหน้าลังเลขึ้นมาทันที

โจวซือเหย่หันมามองเธอด้วยสายตาขรึมเล็กน้อย เธอช่างฉลาดในการใช้เขาเป็นโล่กำบังจริง ๆ

เจียงซู่รู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างจากสายตาของเขาที่มองมา แต่เธอเลือกที่จะเพิกเฉยเหมือนที่เขาทำเมื่อครู่

เรื่องที่จะให้กลับมาอยู่ที่บ้านหลังนี้จึงหยุดไว้แต่เพียงเท่านั้น แต่แม่สามีผู้แสนดีของเธอไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ โดยการลงมือจัดแจงให้แม่บ้านอู๋ย้ายจากบ้านใหญ่มาอยู่กับพวกเขา

เจียงซู่พยายามจะลองปฏิเสธอีกครั้ง แต่มันไม่เป็นผล เวินเหยาฉินมีท่าทีเด็ดขาด และตัดสินใจทันที

“ป้าอู๋คะ ฉันหิวแล้ว เมื่อไหร่จะเริ่มทานข้าวคะ? ”

เมื่อเสียงพูดจบ ร่างเพรียวบางของหญิงสาวคนหนึ่งก็ได้ปรากฏตัวขึ้น เธอคือโจวหว่านซิน น้องสาวของโจวซือเหย่

เมื่อเจ้าของร่างเพรียวบางนั้นเห็นพวกเขาทั้งสอง ก็กล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงร่าเริง

“พี่ชาย พี่สะใภ้”

โจวซือเหย่พยักหน้าตอบกลับพร้อมกับพูดว่า “กลับมาแล้ว”

เจียงซู่ตอบกลับด้วยรอยยิ้มบางบนใบหน้า

โจวหว่านซินปีนี้อายุครบสิบหกปีบริบูรณ์ เธอเป็นน้องเล็กสุดของตระกูลโจว และเป็นลูกสาวคนสุดท้องของพ่อโจวซือเหย่ด้วย ซึ่งนั่นทำให้เธอเป็นที่รักและเอ็นดูของทุกคนในบ้าน

เวินเหยาฉินสั่งให้แม่บ้านยกอาหารมา

ณ โต๊ะทานอาหาร โจวหว่านซินเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่แสนไร้เดียงว่า “ซ้อคะ วันศุกร์นี้ที่โรงเรียนหนูมีประชุมผู้ปกครอง ซ้อมาช่วยหนูได้ไหมคะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น มือของเจียงซู่ที่กำลังคีบอาหารอยู่หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง

โจวหว่านซินหน้าตาไม่ค่อยเหมือนโจวซือเหย่สักเท่าไหร่ เพราะโจวหว่านซินหน้าออกไปทางแม่ ส่วนโจวซือเหย่หน้าออกไปทางพ่อเสียมากกว่า แต่ทั้งคู่ได้รับยีนส์ดวงตาของพ่อสามี นามว่า โจวผิงคาง มาเหมือนกัน

ถึงอย่างนั้น ดวงตาของทั้งคู่กลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน ดวงตาของโจวซือเหย่จะดูมีความเยือกเย็น ไร้อารมณ์ ส่วนดวงตาของอีกคนที่กำลังจ้องมองมาที่เธออยู่ตอนนี้ กลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มอยู่เสมอ ทำให้รู้สึกเข้าถึงได้ง่าย

แต่เจียงซู่รู้ดีว่านั่นเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาที่อีกคนสร้างขึ้น

เจียงซู่ปฏิเสธว่า “วันศุกร์นี้พี่ต้องไปทำงาน ซินซินให้คุณแม่ไปแทนแล้วกันนะ”

แต่โจวหว่านซินกลับไม่ยอม เธอหันไปหาโจวซือเหย่พร้อมกับทำปากจู๋พูดอ้อนวอน “พี่ชาย พี่รักหนูที่สุดเลยใช่ไหมคะ ให้หนูยืมซ้อมาอยู่กับหนูสักวันหนึ่งได้ไหมคะ”

เจียงซู่หันไปมองโจวซือเหย่ เธอหวังว่าเขาจะช่วยเธอปฏิเสธ แต่แล้วความหวังของเธอก็สลายไปในพริบตา

โจวซือเหย่ยังไม่ทันได้ปริปากพูด เวินเหยาฉินก็ได้ตัดสินใจแทนเขาเรียบร้อยว่า “ในเมื่อซินซินอยากให้เจียงซู่ไป งั้นวันศุกร์นี้ก็ไม่ต้องไปทำงานละกัน”

ประโยคนี้คือเวินเหยาฉินพูดกับเจียงซู่

ขอเพียงแค่โจวหว่านซินขอ เวินเหยาฉินก็พร้อมจะทำตามใจลูกสาวได้ทุกอย่าง

ส่วนโจวซือเหย่นิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่ต้นจนจบราวกับว่าเรื่องเล็กน้อยแบบนี้เขาไม่อยากจะเสียน้ำลายเข้าไปพูดด้วย

ผ่านมาหลายปีแล้ว แต่เธอก็ยังคงไม่มีสิทธิ์มีเสียงใด ๆ ในบ้าน แม้แต่เรื่องของตัวเอง เธอก็ยังไม่มีสิทธิตัดสินใจ

ทันใดนั้นเอง เจียงซู่ก็รู้สึกว่าอาหารเริ่มฝืดคอเหลือเกิน

มื้อเที่ยงนี้ช่างไร้รสชาติสิ้นดี

...........

หลังจากออกมาจากบ้านใหญ่ ระหว่างทางกลับบริษัท เจียงซู่อดไม่ได้ที่จะพูดความคิดของเธอออกมา

“ประชุมผู้ปกครองนั้น ฉันไม่อยากไป”

โจวซือเหย่ตอบกลับว่า “ลางานหนึ่งวัน ไม่หักเงินเดือนคุณหรอก”

เขาคิดว่าเธอกลัวถูกหักเงินเดือน?

เจียงซู่ยังคงพูดคำเดิม “โจวซือเหย่ ฉันไม่อยากไป”

เพราะความดื้อดึงของเธอ ทำให้โจวซือเหย่ถึงกับหันมามองด้วยความไม่เข้าใจ “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของคุณนะ”

ก็เพราะว่ามันไม่ใช่ครั้งแรกนี่แหละ เธอถึงไม่อยากไปอีก

โจวซือเหย่พูดเตือนขึ้นมา “หว่านซินชอบคุณมาก อย่าทำให้น้องเสียใจ”

ชอบงั้นเหรอ?

มีแค่คนในครอบครัวเขาที่คิดว่ามันเป็นแบบนั้น

การเสแสร้งสามารถหลอกลวงคนได้ และยิ่งไปกว่านั้นคือพวกเขาเป็นคนในครอบครัวที่อยู่ใต้ชายคาบ้านร่วมกันมาเป็นสิบปี ส่วนเธอเป็นแค่คนนอก

ถ้าเจียงซู่บอกว่าโจวหว่านซินมีท่าทีทำตัวเป็นศัตรูต่อเธอ ก็คงไม่มีใครเชื่อ และเธอก็คงถูกมองว่ากำลังสร้างเรื่อง เป็นตัวปัญหาที่คอยยุแยงให้แตกแยก

เจียงซู่ถามขึ้นว่า “โจวซือเหย่ ความคิดเห็นของฉันในสายตาของพวกคุณ มันไม่มีค่าอะไรเลยใช่ไหม? ”

เธอไม่อยากไป ไม่ไปไม่ได้เหรอ?

โจวซือเหย่ขมวดคิ้วกับปฏิกิริยาโต้กลับของเธอ “หว่านซินมองคุณเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว การที่คุณไปงานประชุมผู้ปกครองของหว่านซินมันมีปัญหาตรงไหน? คุณเป็นพี่สะใภ้นะ เรื่องแค่นี้ก็ทำให้ไม่ได้เหรอ? ”

ลองฟังดู คำพูดประโยคนั้นเหมือนกับกำลังบอกเธอว่า เธอเป็นพี่สะใภ้ที่ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรเลย

เจียงซู่พยายามฝืนยิ้มยกมุมมาก เยาะเย้ยตัวเองอย่างเหนื่อยหน่าย “ฉันปฏิเสธก็กลายเป็นว่าฉันงี่เง่าไม่มีเหตุผลงั้นเหรอ? แล้วการที่เวิงอี๋เข้ามาเป็นมือที่สามนี่มันคืออะไร? สำออยหรือเปล่า?”

เมื่อเธอพูดจบประโยค สีหน้าโจวซือเหย่หม่นลงอย่างเห็นได้ชัด “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเวิงอี๋ คุณจะลากเอาเขามาพูดทำไม”

“คุณไม่รู้เหรอว่าการพูดจาใส่ร้ายคนอื่นมันทำลายชื่อเสียงของคนได้ คุณก็เป็นผู้หญิงนี่ เรื่องแค่นี้ไม่เข้าใจ? ”

เจียงซู่ “พวกคุณทำได้ แล้วทำไมฉันถึงพูดไม่ได้? ”

โจวซือเหย่ “ผมจะพูดอีกครั้งเดียว ผมกับเวิงอี๋เราไม่ได้มีอะไรกันทั้งนั้น และผมก็มองเขาเหมือนน้องสาวคนหนึ่งเพียงเท่านั้น”

เจียงซู่พูดเยาะเย้ยต่อ “ที่คุณพูดมาคุณเชื่อเองไหม? ”

น้องสาว?

เธอว่าน่าจะเป็นน้องสาวสุดที่รักเสียมากกว่า

การโต้เถียงในครั้งนี้ จบลงโดยไม่มีข้อสรุป

ระหว่างเดินทางกลับบริษัท เจียงซู่ต้องลงจากรถกลางคัน เพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าแท้จริงแล้วเธอคือใคร

เธอมองดูรถที่ค่อย ๆ แล่นออกไป และได้แต่เยาะเย้ยตัวเองในใจ

ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแต่ต้องทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ หลบซ่อนราวกับขโมย ส่วนคนที่เป็นมือที่สามที่ทุกคนต่างรังเกียจกลับมีสิทธิ์มีเสียงเปิดเผย โอ้อวดได้อย่างไม่อายใคร

โลกนี้มันกลับตาลปัตรไปหมดแล้ว

เรื่องที่เวิงอี๋เป็นผู้ช่วยโจวซือเหย่ราวกับพายุงวงช้าง ที่ใช้เวลาเพียงพริบตาก็แพร่กระจายไปทุกซอกทุกมุมของบริษัท

ทุกคนต่างก็เข้าใจว่า เวิงอี๋คือ ‘ภรรยา’ ของโจวซือเหย่ เป็นนายหญิงของพวกเขา

เจียงซู่ปิดหูของตนเอง ไม่รับรู้เรื่องราวภายนอกใด ๆ ทั้งสิ้น และดำเนินการส่งมอบงานต่อไป

เธอไม่อยากจะสนใจเรื่องบ้าเหล่านั้น ขอเพียงแค่เธอได้หย่าให้ได้เร็วที่สุดก็พอ

เพียงชั่วพริบตา วันศุกร์ก็มาถึง

เจียงซู่ไม่อยากไปประชุมผู้ปกครองให้โจวหว่านซิน ในวันนั้น เธอจึงจงใจปิดมือถือ และไม่ไปบริษัท

ในเมื่อโจวซือเหย่เป็นคนพูดเองกับปากว่าสามารถลางานได้โดยไม่หักเงินเดือน งั้นเธอก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปทำร้ายตัวเองด้วยการไปโรงเรียน และเธอเลือกที่จะไปเยี่ยมคุณย่าที่โรงพยาบาลแทน

แต่เธอเหมือนจะประเมินความพยายามของโจวหว่านซินต่ำไปหน่อย เพราะเมื่อไม่สามารถติดต่อเธอได้ โจวหว่านซินก็รีบไปฟ้องโจวซือเหย่ และด้วยความที่เป็นพี่ชายที่แสนดีประดุจเทวดา เขาจึงให้เลขาหลู่มาตามตัวเธอที่โรงพยาบาล

ณ ห้องผู้ป่วย เลขาหลู่เข้ามาพร้อมกับทักทายคุณย่าก่อนตามมารยาท และหลังจากนั้นก็หันมาทางเจียงซู่

“คุณผู้หญิงครับ ท่านประธานให้ผมมารับคุณไปโรงเรียนครับ”

วินาทีที่เลขาหลู่ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเธอ นั้นก็เป็นวินาทีที่รอยยิ้มบนใบหน้าเธอเลือนหายไปเช่นกัน

กัดไม่ปล่อยเลยนะ

ขนาดเธอหนีมาแล้ว ยังจะตามตัวเธอเจออีก

คุณย่าอี้ไม่เข้าใจจึงถามขึ้นว่า “ไปโรงเรียนทำไมเหรอ? ”

เลขาหลู่ได้ยินดังนั้น จึงอธิบายขึ้น “คุณผู้หญิงต้องไปประชุมผู้ปกครองให้คุณหนูหว่านซินที่โรงเรียนครับ”

ได้ยินดังนั้น คุณย่าก็หันไปบอกเจียงซู่ทันทีว่า “ถ้าอย่างนั้นรีบไปทำธุระให้เสร็จนะ”

ตอนแรกคุณย่ากลัวว่าบ้านตระกูลโจวจะดูถูกเหยียดหยามหลานสาวของเธอ แต่เมื่อได้ยินดังนั้น เหมือนว่าเธอจะคิดมากไปเอง ในเมื่อเจียงซู่สามารถไปงานประชุมผู้ปกครองได้ ก็แสดงว่าคนในบ้านตระกูลโจวยอมรับหลานสาวเธอเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวแล้ว

เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของคุณย่า เธอจึงไม่อยากให้คุณย่าต้องเกิดความกังวล สุดท้าย ทำได้เพียงเดินตามเลขาหลู่ออกไป

โรงเรียนของโจวหว่านซินเป็นโรงเรียนนานาชาติสำหรับคนชนชั้นสูง เด็ก ๆ ที่มาเรียนที่นี่ล้วนมาจากครอบครัวมีฐานะ และมีอำนาจ

ความจริงแล้วเจียงซู่รู้ดีถึงจุดประสงค์อันแท้จริงที่ให้เธอมาที่นี่ว่ามันคืออะไร แต่ในตอนแรกเธอไม่เข้าใจว่าเธอไปทำอะไรให้คุณหนูโจวหว่านซินไม่ชอบใจ และเพราะอะไรคุณหนูถึงมองเธอเป็นศัตรูถึงขนาดนี้

แต่ตอนนี้เธอเข้าใจแล้ว การที่คนไม่ชอบขี้หน้าใครสักคนมันไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลมารองรับ มันก็เหมือนกับการโดนบลู่ลี่ มักจะเลือกรังแกคนที่อ่อนแอกว่า ไร้ทางสู้เป็นเหยื่อ และเธอก็คือเหยื่อในสายตาของโจวหว่านซิน

ในขณะที่เธอกำลังเดินผ่านสระน้ำ เจียงซู่รู้สึกได้ว่ามีเสียงเคลื่อนไหวที่แผ่วเบาดังขึ้นจากข้างหลังเธอ ดวงตาของเธอหรี่มองด้วยหางตาอย่างระแวดระวัง ก่อนที่เสียงการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายจะค่อย ๆ ดังขึ้น เพื่อเข้ามาประชิดตัว แต่เธอหันตัวหลบทันด้วยไหวพริบ ทำให้รอดพ้นจากมือคู่นั้น ที่จงใจยื่นมาผลักเธอ

เธอโชคดีที่หลบจากการซุ่มโจมตีของอีกฝ่ายได้ แต่คนที่จงใจผลักเธอดูเหมือนจะไม่ได้โชคดีอย่างเธอ

เสียงตู้มดังขึ้น

พร้อมกับร่างคนที่ตกลงไปในสระน้ำ

จากนั้นก็มีเสียงอุทานดังขึ้นมาติด ๆ และตามมาด้วยเสียงประณามด้วยความเกรี้ยวกราด “แกผลักคนตกน้ำทำไม? ”

เด็กอายุประมาณสิบหกถึงสิบเจ็ดปี ราว ๆ ห้าถึงหกคนโผล่ออกมา ซึ่งหนึ่งในกลุ่มเด็กนั่นก็มีโจวหว่านซินด้วย
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 128

    หลังจากออกจากกั่งรุ่ย เจียงซู่ก็รีบตรงกลับไปโรงพยาบาลทันทีคุณย่ายังไม่ฟื้น เธอก็ไม่สบายใจส่วนทางโจวซือเหย่นั้น หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจช่วงเช้า เขาก็เปิดดูโทรศัพท์ แต่เจียงซู่ไม่ได้ติดต่อมาสีตาคมมืดมิด ดูเหมือนว่าเธอไม่ได้ให้ความสำคัญกับตระกูลเจียงเท่าไหร่เวิงอี๋เห็นโจวซือเหย่เหม่อลอยจึงอดไม่ได้ตะโกนว่า “พี่ซือเหย่…”เมื่อได้ยินเสียง โจวซือเหย่ถึงมีสติกลับมา ถามว่า “มีอะไรเหรอ?”เวิงอี๋กัดริมฝีปาก: “ฉันบอกว่าคุณหมอเหมี่ยวให้ฉันไปรับผลตรวจค่ะ”สายตาของโจวซือเหย่กวาดมองไปที่หน้าอกของเธอ ก่อนเอ่ยว่า “ฉันจะไปเป็นเพื่อน”เวิงอี๋พูดอย่างเกรงใจ่วา “จริง ๆ ฉันไปเองได้ค่ะ”โจวซือเหย่พูดตรง ๆ ว่า “ฉันจะไปขับรถ”เมื่อรู้สึกว่าตัวเองได้รับความสำคัญ ดวงตาของเวิงอี๋ก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจที่โรงพยาบาลเจียงซู่จ้องมองคุณย่าอี้ที่ยังคงหมดสติอยู่ด้วยความหนักใจ เพราะคุณหมอบอกว่าการหมดสติครั้งนี้เป็นเหมือนการซ้ำเติมร่างกายที่อ่อนแอของคุณย่าให้แย่ลงไปอีกหลังจากออกมาจากห้องตรวจของหมอ เจียงซู่ก็ขาอ่อนแรง เซถลาเกือบจะล้ม แต่โชคดีที่คว้ากำแพงไว้ได้ทันในเวลานั้นเอง เธอพลันได้ยินเสียงของโ

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 127

    “คุณย่า—”เจียงซงหวาเห็นดังนั้นก็เตรียมจะเดินเข้าไป แต่แม่เจียงกลับรั้งเขาไว้ ทั้งคู่เป็นสามีภรรยากันมาหลายสิบปี แค่มองตากันก็เข้าใจความหมายของกันและกันเจียงซู่พูดอย่างร้อนรน “พ่อคะ รีบพาคุณย่าไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ”ระหว่างผลประโยชน์กับความกตัญญู เจียงซงหวาเลือกอย่างแรก“หาทางให้โจวซือเหย่หยุดให้ได้”“พ่อ!”เจียงซู่มองด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เขายังเป็นคนอยู่หรือเปล่า?ความน่าเกลียดของมนุษย์ เธอมองเห็นได้อย่างชัดเจนในตัวเจียงซงหวาเจียงซู่กัดฟันกรามแน่น พูดว่า “ได้ หนูสัญญา!”หลังจากการนำตัวคุณย่าอี้ส่งโรงพยาบาล ท่านก็ได้รับการช่วยชีวิต แต่จะฟื้นเมื่อไหร่นั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวผู้ป่วยเองเจียงซงหวาเร่งเร้า “ย่าของแกไม่เป็นอะไรแล้ว ตอนนี้แกไปขอร้องโจวซือเหย่ซะ”เจียงซู่ไม่ได้ลุกขึ้น “รอคุณย่าฟื้นก่อนค่ะ”เจียงซงหวาพูดว่า “ฉันให้เวลาแกคืนหนึ่ง พรุ่งนี้ไม่ว่าจะฟื้นหรือไม่ก็ตาม แกต้องไปขอร้องโจวซือเหย่ให้ได้”เขาทิ้งท้ายคำพูดแล้วทำท่าทางราวกับรังเกียจความอัปมงคล ไม่อยากจะอยู่ต่อแม้แต่วินาทีเดียว เดินออกไปอย่างเด็ดเดี่ยวเจียงซู่กุมมือที่เหี่ยวย่นของคุณย่าไว้ ในใจเต็มไปด้วยความเจ็บปว

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 126

    กิ๊กของเจียงเจียเหวินกลับไปแล้ว เหลือเพียงคนในตระกูลเจียงอยู่ในห้องวีไอพีเท่านั้นเสียงสะอื้นของเจียงเจียเหวินและเสียงหายใจหอบถี่ของเจียงซงหวาทำให้ความกดอากาศในห้องลดลงถึงจุดเยือกแข็งเมื่อละครตลกที่ไร้สาระนี้จบลง เจียงซู่ก็ไม่อยากจะอยู่ต่อแล้วเธอประคองคุณย่าเพื่อจะเดินออกไป ทว่าเธอเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เจียงซงหวาก็เรียกไว้ “หยุดเดี๋ยวนี้!”เจียงซู่เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “มีอะไรอีกไหมคะ?”เจียงซงหวาใช้อำนาจความเป็นพ่อสั่งว่า “เรื่องนี้แกจะจัดการยังไง?”เจียงซู่: “พ่อคะ พ่อถามผิดคนแล้วล่ะ”ตั้งแต่เกิดขึ้นเรื่องจนกระทั่งจบลง เรื่องทั้งหมดไม่เกี่ยวข้องกับเธอเลยสักนิดใบหน้าแก่ ๆ ของเจียงซงหวาดูไม่สู้ดีนัก “แกหมายความว่ายังไง? ตอนนี้โจวซือเหย่ยังคงเล่นงานตระกูลเจียงอยู่ แกคิดจะยืนดูเฉย ๆ ไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยอย่างนั้นเหรอ? แกยังเป็นคนในตระกูลเจียงอยู่ไหม? อย่าลืมนะ ถ้าไม่มีฉัน แกอดตายไปนานแล้ว!”“อะไรกันเนี่ย นังลูกอกตัญญู”เจียงซู่: “ก่อนห้าขวบ แม่หนูเป็นคนเลี้ยงหนูค่ะ หลังห้าขวบ คุณย่าเป็นคนเลี้ยงหนูจนโต”เจียงซงหวา: “ถ้าไม่มีเงินของฉัน พวกเขาจะเอาอะไรมาเลี้ยงแก?!”เจียงซู่: “

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 125

    เจียงซงหวาพูดเสียงหนัก “ลูกในท้องเหวินเหวิน เป็นลูกของนายแน่นอน!”“ผมไม่ได้แตะต้องลูกสาวคุณแม้แต่ปลายก้อย” โจวซือเหย่กล่าวเย้ยหยัน “ลูกสาวคุณมีความสามารถแบบนั้นจริง แต่ตระกูลโจวเราไม่เคยคิดจะเลี้ยงลูกให้คนอื่น”กล่าวจบ นอกจากโจวซือเหย่ ทุกคนต่างมีหน้าแตกต่างกันไป แม้แต่เจียงซู่เองยังเบิกตากว้างเขาหมายความว่ายังไง?เธอเห็นพวกเขานอนด้วยกันกับตาแท้ ๆ...เจียงซงหวาโกรธจัดทันที “นายไม่คิดจะรับผิดชอบงั้นเหรอ?”โจวซือเหย่: “ไม่ใช่ลูกผม ทำไมผมจะรับ?”จังหวะนั้นเอง ผู้ชายที่โจวซือเหย่ให้คนพาเข้ามาก็เปิดปากพูด “เจียงเจียเหวิน ทำไมเธอถึงให้ลูกของฉัน เรียกคนอื่นว่าพ่อล่ะ?! เธอทำแบบนี้ไม่ละอายใจต่อฉันบ้างเหรอ?”แม่เจียงถลึงตาพลางตะคอกใส่เขา “พูดเพ้อเจ้ออะไร? ถ้ายังใส่ร้ายลูกสาวฉันอีก ระวังฉันจะแจ้งตำรวจจับแก!”ผู้ชายคนนั้นสวนกลับทันควัน “ผมพูดเพ้อเจ้อหรือไม่ ก็ถามลูกสาวคุณดูก็รู้เอง! ผมกับเธอไม่รู้ว่านอนด้วยกันมากี่ครั้งแล้ว คืนนั้นที่โจวซือเหย่เมามาก ไม่ได้แตะเธอเลยด้วยซ้ำ เธออยากแสดงให้สมจริงและให้ตรงกับช่วงเวลาที่จะตั้งท้อง คืนนั้นเธอยังจงใจมาหาผม คืนนั้น เราเอากันตลอดทั้งคืน”“เจียงเ

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 124

    โจวซือเหย่ยังคงนิ่งสงบ ราวกับกำลังคุยกันว่า คืนนี้จะกินอะไรดีเจียงเจียเหวินกลับไม่ใจเย็นแบบนั้น ถึงกับหัวใจสั่นวูบเมื่อโดนสายตาเย็นเฉียบของเขามองมา เธอกลืนน้ำลายที่ไม่มีอยู่จริง จู่ ๆ ดวงตาเริ่มแดงก่ำขึ้น “พี่เขย ถึงเรื่องนี้จะผิดต่อพี่เค้า แต่พี่จะปฏิเสธลูกของตัวเองไม่ได้นะ พี่พูดแบบนี้ พี่กำลังอยากบีบให้พวกเราสองแม่ลูกไปตายนะคะ”แม่เจียงเห็นลูกสาวช้ำใจก็รู้สึกสงสาร “ซือเหย่ เป็นผู้ชายกล้าทำก็ต้องกล้ารับหน่อยสิ จะได้แล้วทิ้งแบบนี้ไม่ได้นะ!”เจียงเจียเหวินกัดฟันแน่น “ถ้าพี่จะไม่ยอมรับ ฉันก็จะพาลูกไปตายด้วย!”พูดจบ เธอก็ทำท่าจะวิ่งออกไปแม่เจียงเห็นดังนั้นก็รีบคว้าไว้ทันที “เหวินเหวิน! คนดีของแม่ ลูกพูดอะไรออกมาน่ะ? อะไรคือตายไม่ตาย? ถ้าลูกตาย แล้วแม่กับพ่อจะอยู่ยังไง? ลูกเป็นลูกสาวคนเดียวของแม่นะ!”สองแม่ลูกร้องไห้ฟูมฟาย ทำตัวราวกับกำลังแสดงละครโศกนาฏกรรมแม่เจียงกอดเจียงเจียเหวินแน่น แล้วหันไปจ้องโจวซือเหย่ “ถ้านายไม่ยอมรับเด็กคนนี้ล่ะก็ ฉันจะไปหาคุณท่านโจว! นี่เป็นเหลนคนแรกของท่านนะ! ฉันไม่เชื่อว่าคนใจดีแบบท่าน จะปล่อยให้นายบีบลูกสาวฉันไปตาย!”เจียงซงหวาขัดภรรยาได้จังหวะเหมา

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 123

    แม่เจียงรีบเสริมทันที “ฉันบอกแล้วว่าเด็กคนนี้มันอกตัญญู โตมาก็เลี้ยงไม่เชื่อง ตอนนั้นคุณควรทิ้งมันไปตั้งแต่วันนั้นแล้ว แถมยังเสียเงินมากมายไปกับมันเปล่า ๆ ไม่ได้ประโยชน์อะไรกลับมาเลยสักนิด!”ทั้งครอบครัวเป็นใจเดียวกัน ต่างรุมประณามเจียงซูไม่เว้นคำเจียงซงหวาถึงกับไปหาความช่วยเหลือจากภายนอกพอได้รับโทรศัพท์จากคุณย่า เจียงซู่ถึงรู้ว่าพวกเขาลากเรื่องทั้งหมดไปกดดันผู้ใหญ่ท่านแล้วที่โรงพยาบาลคุณย่าอี้จับมือเธอไว้แน่น พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสาร “ลำบากหนูมากแล้ว”พอได้ยินประโยคนั้น จมูกของเจียงซู่ก็แอบร้อนผ่าวขึ้นมา ตั้งแต่เรื่องเกิดจนถึงตอนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนสนใจความรู้สึกของเธอจริง ๆโจวซือเหย่มองว่าเธอคิดร้ายตระกูลเจียงคิดว่าเธอไม่สำนึกบุณคุณแต่ไม่มีใครคิดเลยว่าเธอต่างหากที่เจ็บหนักที่สุดในเรื่องนี้คุณย่าอี้ถอนหายใจ “เป็นความผิดของย่าเอง ที่สอนพ่อของหนูไม่ดี”ความจริงคุณย่าอี้เป็นคนมีการศึกษา สมัยสาว ๆ เป็นถึงครูสอนหนังสือ ในยุคสมัยของท่าน ผู้หญิงน้อยคนนักที่จะได้เรียนหนังสือคนมีการศึกษา แต่กลับเลี้ยงลูกชายออกมาเป็นพวกเห็นแก่ได้แต่งงานครั้งแรกเป็น

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status