บทที่ 6 ท่ามกลางธรรมชาติที่โอบกอด
รุ่งเช้าของอีกวัน
หลิ่งฟู่ได้ตื่นมาแต่เช้าเตรียมตัวออกไปที่หมู่บ้านทางด้านใต้กับจวิ้นอ๋อง
วันนี้ซูฮวานางไม่ได้เดินทางไปด้วยเพราะท่านอ๋อนจะเดินทางโดยการควบม้าไป ทำให้หลิ่งฟู่ต้องไปกับจวิ้นอ๋องและทหารของเขา
"เจ้าเตรียมตัวเสร็จแล้วรึ" จวิ้นอ๋องที่เดินเข้ามาจากด้านนอกเพราะเขาออกไปสั่งให้บ่าวรับใช้เตรียมม้าไว้ให้
''ข้าเตรียมตัวเสร็จแล้วเพคะ "
"งั้นดีเลย เราออกเดินทางกันเถอะสายมากเดี๋ยวเจ้าจะร้อน"
"ได้เพคะ ซูฮวาเจ้าอยู่ที่จวนอย่าทำเรื่องอันใดให้ข้าเดือดร้อนเข้าใจมั้ย" ก่อนนางจะออกไปจากห้องได้หันกลับไปสั่งสาวใช้อย่างเป็นห่วง
''เข้าใจแล้วเพคะ ขอให้ท่านทั้งสองคนเที่ยวให้สนุกนะเพคะ"
"เดี๋ยวข้าจะแวะซื้อขนมอร่อยๆ มาฝากเจ้านะซูฮวา"
"ขอให้ท่านอ๋องและพระชายาเดินทางปลอดภัยนะเพคะ "
ซูฮวาโบกมือให้กับเจ้านายของตนที่นั่งม้าไปกับท่านอ๋องพร้อมออกเดินทาง หลิ่งฟู่เองก็เช่นกัน
ทั้งสองคนเดินทางมาถึงกลางทางก็ได้พักกินข้าวที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งตอนนี้ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว
จวิ้นอ๋องสั่งอาหารมาให้หลิ่งฟู่นั่งกินอยู่ผู้เดียวก่อนที่เขาจะขอตัวออกไปทำธุระด้านนอกสักครู่ โดยให้ทหารของเขาเฝ้าคออยคุ้มกันนางอยู่ใกล้ๆ
สักพักจวิ้นอ๋องก็กลับมาทั้งคู่ก็ออกเดินทางต่อ จนถึงหมู่บ้านทางใต้ของเมือง ผู้ที่จวิ้นอ๋องมาพบอย่างลับๆ นั้นคือแม่ทัพหยวนเป่า เพื่อนัดหาลือเรื่องกองกำลังทหาร เขาก็ได้เอ่ยทักทายหลิ่งฟู่
"พระชายาของท่านช่างงามสมคำลำลือยิ่งนัก สมแล้วที่ท่านไปอ้อนฝ่าบาทให้ประทานงานแต่งอย่างเร็วที่สุด ก็เพราะเช่นนี้เองสินะ ฮาฮ่า" แม่ทัพหยวนพูดออกมาอย่างไม่ได้คิดอะไรเพราะเขาเป็นคนตรงและซื่อสัตย์ทำให้ท่านอ๋องเองก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจเช่นกัน
"ใช่มั้ยล่ะ ตอนแรกข้าก็คิดว่าข้านั้นบ้าแน่ๆ ที่รักหญิงสาวที่เจอหน้าตั้งแต่แรกเห็น แต่นางงามเช่นนี้ใครบ้างจะอดใจไม่ให้หลุ่มหลงนางได้ "
"ท่านก็พูดเกินไปนะเพคะ ท่านพี่" หลิ่งฟู่ที่นั่งฟังทั้งสองคนชมตนเองจนนางเองก็แทบจะทำอะไรไม่ถูกเพราะความอาย
"พระชายาดูยังเด็กอายุคงเท่าๆ กับบุตรสาวของกระหม่อมเห็นหน้าท่านแล้วกระหม่อมช่างคิดถึงนางเหลือเกินชีวิตของนางน่าเวทนา มีเพียวแค่บิดามารดาของนางได้ตายไปตั้งแต่นางยังเด็ก ถ้ามีโอกาสกระหม่อมจะพาบุตรสาวของกระหม่อมไปเที่ยวหาท่านที่จวนนะพะย่ะค่ะ" สายตาที่บ่งบอกอาการคิดถึงและเป็นห่วงบุตรสาวเพียงผู้เดียวของแม่ทัพทำให้หลิ่งฟู่รีบพูดออกมาปลอบใจเขาทันที
"ได้สิ ข้าจะเตรียมขนมน้ำชาไว้รองรับ บุตรสาวของท่านเองก็คงจะงดงามเช่นกันเพราะมีท่านพ่อที่มีจิตใจดียอมเสียสละตนเพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง นางคงไม่คิดน้อยเนื้อต่ำใจที่ไม่มีมารดาหรอก เพราะท่านเองก็คงจะมอบความรักให้นางเพียงพอสำหรับพ่อคนหนึ่งที่ทำให้บุตรสาวของตนได้ นางคงภูมิใจเสียด้วยซ้ำที่มีบิดากล้าหารเช่นท่าน"
"พระชายาของท่านช่างพูดช่างจาเหลือเกินนะพะย่ะค่ะ งั้นกระหม่อมต้องขอไปที่ทัพก่อนปล่อยไว้นานกระหม่อมก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา" แม่ทัพหยวนโค้งคำนับแล้วเดินจากไป
"ขอให้ท่านเดินทางปลอดภัยนะทานแม่ทัพหยวนเป่า" หลิ่งฟู่ได้บอกกล่าวเมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินออกไป
"เจ้ารู้สึกเบื่อหรือไม่ ที่ข้าเจ้ามานั่งฟังเรื่องเช่นนี้ด้วยกัน"
"ไม่เลยเพคะ แล้วนี่เราจะไปที่ใดกันอีกหรือเพคะ"
"ข้าจะพาเจ้าไปเดินเล่นที่ลำธารที่ข้าเคยบอกกับเจ้าอย่างไรเล่า " พูดจบจวิ้นอ๋องผายมือให้หลิ่งฟู่เดินไปหาม้าที่ผูกไว้
"พวกเจ้ากลับกันไปก่อนไม่ต้องเป็นห่วงข้า " ท่านอ๋องตะโกนบอกทหารที่คอยคุ้มกันเขากับหลิ่งฟู่ เพื่อพวกเขาทั้งสองคนจะได้อยู่กันอย่างลำพัง
"ได้พะย่ะค่ะ ท่านอ๋องโปรดรักษาตัวด้วย"
ท่านอ๋องพาหลิ่งฟู่ขึ้นมาควบมาที่ลำธารเงียบสงัดได้ยินเพียงเสียงน้ำที่ไหลกระทบก้อนหินและเสียงนกที่ประสานเสียงร้องส่งกันไปมา ทำให้หลิ่งฟู่รู้สึกสบายใจเมื่อได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ท่านอ๋องกระโดดลงจากม้าอย่างชำนาญก่อนจะอุ้มหลิ่งฟู่ลงตามมา
"ถึงแล้วลงมาเถิด"
"ที่นี่สวยมากเลยนะเพคะ" หลิ่งฟู่ยิ้มออกมาอย่างพอใจแม้นางจะเป็นบุตรของใต้เท้าก็ใช่ว่านางจะออกไปไหนมาไหนได้อย่างตามใจ เพราะนางต้องถูกทางบ้านอบรมบ่มนิสัยให้เป็นสตรีที่ดี
"มานี่สิข้าจะพาเจ้าเดินไปดูอีกฝั่ง ฝั่งนั้นสวยงามยิ่งกว่าฝั่งอย่างมาก" ท่านอ๋องนำม้ามาผูกกับต้นไม้ก่อนจะพาหลิ่งฟู่เดินข้ามก้อนหินไปอีกฝั่ง หลิ่งฟู่นางไม่ค่อยชำนาญอีกทั้งวันนี้ยังใส่ชุดที่ไม่ทะมัดทะแมงทำให้นางเดินข้ามก้อนหินยากนัก ทำให้นางเกือบล้มตกน้ำ แต่ทว่าท่านอ๋องนั้นช่างรวดเร็วคว้าตัวของนางไว้ได้ก่อนที่จะตกน้ำไป
"เจ้าไม่เป็นไรใช่มั้ย"
"ไม่เพคะ เมื่อครู่ข้าลื่นเท่านั้นโชคดีที่ท่านพี่คว้าข้าไว้ทันไม่งั้นข้าคงต้องตกน้ำเปียกทั้งตัวเป็นแน่"
"เยี่ยงนี้ต้องมีรางวัลแล้วสิ" ท่านอ๋องยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะพาหลิ่งฟู่ข้ามไปจนถึงอีกฝั่งอย่างง่ายดาย
"ท่านอยากได้รางวัลอะไรกับข้าหรือท่านพี่"
"ตอนนี้ข้ายังไม่รู้ เมื่อไหร่ที่ข้ารู้จะบอกเจ้าอีกที มานี่เถิด"ท่านอ๋องจูงมือหลิ่งฟู่ให้เดินตามเขาไป ในถ่ำและไปโผล่อีกฝั่งหนึ่ง ภาพเบื้องหน้าทำให้หลิ่งฟู่แทบไม่เชื่อสายตาว่ามีที่เช่นนี้อยู่ด้วย ทุ่งดอกไม้หลากสีที่หล่ายล้อมไปด้วยฝูงแมลงปอและเหล่าผีเสื้อบินกันอยู่เต็มท้องฟ้าราวกับภาพวาด
"ท่านพี่นี่ที่ใดกันเพคะ อย่างกับสวรรค์เลย"
"งดงามมากใช่หรือไม่ เพราะเจ้าเป็นคนพิเศษของข้า ข้าเลยพาเจ้ามาที่พิเศษเช่นนี้ นี่คือสวรรค์ที่อยู่บนดินเวลาที่ข้าไม่สบายใจข้ามักจะมาที่นี่เสมอและนี่ของขวัญจากข้าเมื่อครั้งที่เราแวะกินอาหารข้าเห็นร้านนี่เข้าพอดีมันสวยเหมาะกับเจ้ามากข้าเลยซื้อมาฝาก " ท่านอ๋องมอบปิ่นปักผมที่สวยงามที่สุดเท่าที่หลิ่งฟู่เคยมีมานางรับจากมือของท่านอ๋องก่อนจะปักเข้าที่ผมของตนเองและเอ่ยขอบคุณ
"ข้าชอบมากเลยเพคะ ขอบคุณท่านพี่มากๆ นะเพคะ ว่าแต่สวยเข้ากับข้าจริงหรือ ท่านพี่ช่วยดูให้ข้าที"ท่านอ๋องจับหลิ่งฟู่เอียงซ้ายที ขวาทีก่อนเอ่ยปากชมนาง
"ข้านี่ตาถึงจริงๆ ช่างเหมาะสมกับเจ้ายิ่งนัก" หลิ่งฟู่ยิ้มกริ่มและหันไปชมทิวทัศน์ที่ยากจะได้เห็นอีก ท่านอ๋องโอบกอดหลิ่งฟู่มาจากด้านหลังสอดแขนทั้งสองข้างเข้ามาข้างๆ กายของนาง หลิ่งฟู่พิงอกแกร่งของท่านอ๋องอย่างอบอุ่นใจ
"ท่านพี่รักข้าจริงหรอเพคะ หรือเพียงแค่ท่านหลงในความงามของข้าเท่านั้น"
"เหตุใดเจ้าถึงถามข้าเรื่องนี้เล่า หากข้าไม่รักเจ้าข้าจะแต่งเจ้ามาเป็นชายาของข้าทำไมกัน"
"ก็เพราะว่าท่านยังไม่เคยบอกว่าชอบหรือรักในตัวข้านี่เพคะ ข้าเลยไม่แน่ใจและข้าเองก็อยากรู้หัวใจของท่านเช่นกัน"
"ในใจของข้ามีเพียงเจ้าผู้เดียว ผู้หญิงใดในทั่วหล้าก็มิอาจมาแทนที่เจ้าได้ ข้ารักเจ้าเหลือเกินหลิ่งฟู่ยอดรักของข้า" หลิ่งฟู่เอี้ยวตัวหันหน้ากลับมาหาท่านอ๋อง ทั้งคู่จ้องตาด้วยความลึกซึ้งท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นใจ ท่านอ๋องอดที่จะเชยชมนางไม่ได้
เขาบดขยี้ริมฝีปากหนาของเขาลงบนริมฝีปากที่เผยอรอสัมผัสของเขาอยู่ หลิ่งฟู่รู้สึกดีเหลือเกินที่ได้รักความรักจากคนที่นางเองก็หลงรักตั้งแต่แรกเจอ นางตวัดลิ้นอุ่นๆ ไปทั่วปากของท่านอ๋องทำให้เขาเองตอนนี้คุมอารมณ์ตนเองไม่ได้อีกต่อไป ท่านอ๋องอุ้มหลิ่งฟู่นอนลงที่ดงดอกไม้ก่อนที่ทั้งสองคนจะร่วมรักเพื่อปลดปล่อยความใคร่ใต้สายตาของเหล่าผีเสื้อแมลงปอเป็นนับพันที่ร่วมเป็นสักขีพยานในรักของพวกเขา
ตอนพิเศษเวลาล่วงเลยผ่านมาหลายเดือนสายลมพัดผ่านร่างเล็กที่ยืนมองทอดไปด้านหน้าสายตาจับจ้องไปที่ท้องฟ้ายามนี้บ้านเมืองสงบสุข ความรักของนางก็เช่นกันไม่มีวันใดที่นางไม่เคยได้รับความรักความห่วงใยจากท่านจวิ้นอ๋องเลย“พระชายาเจ้ามายืนอยู่ด้านนอกเช่นนี้ไม่หนาวรึ เข้าไปด้านในกันเถอะ” ท่านอ๋องเดินมาจากด้านหลังสวมกอดร่างเล็ก“ข้าหวนนึกถึงอดีตเพคะ เข้าฤดูหนาวทีไรใจของข้ามักจะเจ็บปวดทุดครั้งเลยเพคะ” หลิ่งฟู่เงยหน้ามองชายที่โอบกอดนางอยู่“ใยเจ้าต้องนึกถึงอดีตอีกเล่าตอนนี้ข้าเองก็ได้แก้ไขทุกอย่างไปหมดสิ้นแล้ว เจ้าทำใจสบายเถิด ซูฮวาเจ้าไปนำชาอุ่นๆ มาให้พระชายาทีร่างกายจะได้อบอุ่น” ท่านอ๋องได้หันไปบอกแก่สาวใช้“เพคะ” ซูฮวาเดินเข้าไปด้านในหลิ่งฟู่เองก็เช่นกันนางได้เดินตามท่านอ๋องเข้ามาในห้อง สักพักฉางอู่ก็ได้เข้ามาหาท่านอ๋อง“ท่านอ๋องพะย่ะค่ะ ตอนนี้ท่านแม่ทัพหยวนเป่ามาขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ”“งั้นรึ เจ้าพาแม่ทัพหยวนเป่าไปรอที่ห้องรับรองเถิดเดี๋ยวข้ากับพระชายาจะตามไป”“พะย่ะค่ะ” ฉางอู่ได้เดินออกไป“ท่านแม่ทัพมาหาท่านทำไมกันนะเพคะ ช่วงเวลานี้บ้านเมืองก็สุขสงบไม่มีข้าศึกโจมตีแล้วแท้ๆ” หลิ่งฟู่ถามออกมาด้วยคว
บทที่ 33 ครองรักกันอีกครั้งนางได้นั่งรถม้ามาหาท่านจวิ้นอ๋องถึงกองทัพพร้อมกับซูฮวา ยามนั้นนางปากแข็งหากว่าเขาเป็นอะไรหรือหายไปจากชีวิตของนางก็คงดี บัดนี้ท่านจวิ้นอ๋องได้รับบาดเจ็บจริงๆ นางกลับรู้สึกใจหาย และกระวนกระวายอยากไปพบท่านจวิ้นอ๋องด้วยตัวของนางเองเพียงไม่นานรถม้าก็ได้มาหยุดอยู่ที่หน้ากองทัพ ทหารก็ได้เข้ามาถามว่าแม่นางทั้งสองมาหาผู้ใด"ไม่ทราบว่าแม่นางทั้งสองมาหาผู้ใดกันหรือขอรับ ข้าจะได้ไปแจ้งให้แม่ทัพหยวนเป่าได้รู้""ข้าเป็นคนรักของท่านจวิ้นอ๋อง ข้าได้รู้ข่าวว่าท่านจวิ้นอ๋องได้รับบาดเจ็บข้าขอเขาไปพบได้หรือไม่""เดี๋ยวข้าต้องเข้าไปเรียนท่านแม่ทัพแม่นางโปรดรอสักครู่" ทหารผู้นั้นวิ่งเข้าไปที่กองทัพ แม่ทัพหยวนเป่าต่างแปลกใจที่กองทัพเช่นนี้สตรีนางใดก็ไม่กล้าเข้ามาเยือน เขาจึงได้ออกมาพบนาง เมื่อนางเห็นแม่ทัพหยวนเป่าหลิ่งฟู่รีบวิ่งไปหาเขาทันที."แม่ทัพหยวนเป่าท่านจวิ้นอ๋องเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ บาดเจ็บมากน้อยเพียงใด" แม่ทัพถึงกับงงงวยว่าสตรีนางนี้รู้จักชื่อเขาได้อย่างไร สงสัยเป็นเพราะท่านจวิ้นอ๋องคงเล่าเรื่องของเขาให้นางฟัง เขาเลยเชื่อว่าเป็นคนรักของท่านจวิ้นอ๋องจริงๆ"ท่านจวิ้นอ๋อง
บทที่ 32 ลาก่อนหมอกควันหนาเตอะทำให้หลิ่งฟู่มองไม่เห็นหนทางด้านหน้า มือของนางเต็มไปด้วยเลือดที่ไม่รู้ว่าเป็นเลือดของผู้ใด บรรยากาศช่างเยือกเย็น นางหันมองซ้ายมองขวาและเห็นเงาของบุรุษผู้หนึ่งที่กำลังเดินจากนางไป นางจึงรีบเดินตามหลังชายผู้นั้นหวังจะออกมาหมอกควันนี้ไป"นี่เจ้าเป็นผู้ใด รอข้าด้วยให้ข้าออกไปกับเจ้าด้วย" หลิ่งฟู่ตะโกนบอกชายตรงหน้าและเขาก็หันหน้ามามองหลิ่งฟู่ด้วยรอยยิ้มที่แสนหวานแต่แววตากลับโศกเศร้า"ในที่สุดเจ้าก็เรียกข้าและจะมาพร้อมกับข้าแล้วหรือพระชายา" ทันทีที่ชายผู้นั้นหันกลับมาหลิ่งฟู่ก็จำได้ว่านั้นคือท่านจวิ้นอ๋อง แต่ทว่าตอนนี้ใบหน้าของเขาซีดขาวริมฝีปากแห้งเกรอะ เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่เป็นชุดเกาะที่สวมใส่เพื่อออกรบเต็มไปด้วยเลือด นางมองต่ำลงเรื่อยๆ ก็พบเลือดที่ไหลรินอกมาจากหน้าท้องด้านซ้ายของจวิ้นอ๋องที่ไม่ยอมหยุดเสียที"ท่านเกิดอะไรขึ้นเหตุใดเลือดของท่านถึงไหลออกมามากมายขนาดนี้ " หลิ่งฟู่รีบเดินเข้าไปไกลแต่เหมือนท่านจวิ้นอ๋องนั้นไกลจากนางยิ่งกว่าเดิม"ข้าทำได้แล้วนะ ข้าไม่ต้องรับมู่เอ๋อร์เข้าที่จวนของเราแล้ว แต่ข้าคงไม่มีวาสนาได้เคียงข้างกับเจ้า วันนี้ข้าเลยจะมาลา ได้โปร
บทที่ 31 โหยหาวันคืนไม่ย้อนกลับวันเวลาแห่งความสุขไปสิ้นหายไปตั้งแต่คืนนั้นมาหลิ่งฟู่เอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ที่ห้องของตนเองไม่ออกไปพบเจอผู้ใด ไม่ว่าใต้เท้าโจและท่านแม่ของนางจะเข้ามาหาเพื่อถามถึงเหตุุที่บุตรสาวของตนเองเปลี่ยนไปก็ไม่รู้แจ้งซูฮวานางรู้สึกสงสารที่คุณหนูของนางเอาแต่เม่อลอย นางไม่รู้เลยว่าคุณหนูของนางกับท่านจวิ้นอ๋องโกรธเคืองเรื่องใดกันถึงทำให้คุณหนูหลิ่งฟู่ถึงเอาแต่เหม่อลอยอยู่ทุกคืนวัน"คุณหนูเจ้าคะ ช่วงนี้ก็หมดฤดูฝนแล้วเราออกไปเดินเล่นที่ตลาดกันดีมั้ยเจ้าคะ ""ข้าเหนื่อย ไม่อยากออกไปที่ใดเลย ""คุณหนูรู้มั้ยเจ้าคะ ที่คุณหนูเป็นอยู่เช่นนี้ทุกคนต่างก็เป็นห่วงข้าไม่รู้หรอกนะเจ้าคะว่าคุณหนูกับท่านจวิ้นอ๋องเกิดเรื่องอันใดขึ้น และข้าก็รู้ว่าคุณหนูเองก็ชอบท่านอ๋องทำไมท่านต้องคอยไล่ให้ท่านอ๋องไปไกลๆ จากชีวิตท่านด้วยละเจ้าคะ ""ข้าไม่ได้ชอบท่านจวิ้นอ๋องเสียหน่อย" หากแต่ว่านางดันรักเขาหมดหัวใจ"หากท่านไม่ได้ชอบแล้วท่านจะมานั่งเศร้าโศกเสียใจในวันที่ท่านอ๋องไม่มาหาท่านอย่างนี้ทำไมเจ้าคะ ท่านต้องดีใจมิใช่หรือ ชีวิตของคนเรานั้นมันสั้นนักนะเจ้าคะ ข้าไม่อยากให้คุณนูของข้าต้องมานั่งเสียใจภ
บทที่ 30 ข้ารักเจ้าท่านจวิ้นอ๋องเองก็เฝ้าคิดทั้งคืนวันเขาเป็นห่วงนางเหลือเกินแต่ก็ออกตามนางไปไม่ได้ หากเขาตามนางไปจะคอยทำให้นางเสียใจมากกว่าเดิม จนรุ่งเช้าท่านอ๋องก็ยังคงเป็นห่วงนาง ท่านอ๋องจึงตัดสินใจไปหานางที่บ้านเมื่อมาถึงท่านอ๋องก็ได้เข้าไปพบกับใต้เท้าโจก่อนจะขอมาหาบุตรสาวของเขาและรู้ว่าหลิ่งฟู่ไม่สบายเป็นไข้หวัด"ซูฮวาคุณหนูของเจ้าอยู่ด้านในหรือไม่" ท่านอ๋องเดินมาที่หน้าห้องของหลิ่งฟู่เห็นซูฮวากำลังนำน้ำไปเช็ดตัวเขาเลยนอ่ยถามนาง"คาระวะท่านจวิ้นอ๋อง วันนี้คุณหนูของหม่อมฉันไม่สบายนอนที่ในห้องเพคะ""นางป่วยหนักเลยรึ ข้าขอเข้าไปพบนางได้หรือไม่""หม่อมฉันขอเข้าไปถามคุณหนูก่อนนะเพคะ ท่านจวิ้นอ๋องโปรดรอสักครู่"ซูฮวาเดินเข้าไปหาฟลิ่งฟู่ที่ห้องนอนเพื่อถามว่าจะออกไปพบท่านจวิ้นอ๋องหรือไม่"คุณหนูเจ้าคะ เมื่อครู่นี้ก่อนที่ข้าจะเข้ามาท่านจวิ้นอ๋องขอเข้ามาพบท่าน ท่านจะอกไปพบท่ายจวิ้นอ๋องมั้ยเจ้าคะ" หลิ่งฟู่ที่นอนอยู่ก็ลุกขึ้นทันที"ไม่ ข้าไม่ต้องการพบบุรุษผู้นี้เจ้าจงไปบอกท่านจวิ้นอ๋องว่าชาตินี้ไม่ต้องมาหาข้าอีก ""ได้เจ้าค่ะ " ซูฮวาก็ได้รู้ทันทีว่าที่คุณหนูของนางร้องไห้เมื่อวานต้องเกิดมาจ
บทที่ 29 อย่าได้พบเจอกันอีกเลยข้าไม่อยากมีชะตาเช่นดังอดีตเมื่อใกล้แจ้งนางจึงรีบไปหาท่านจวิ้นอ๋องที่จวนของเขา และนางจำได้ดีว่าทางไปที่จวนของท่านจวิ้นอ๋องนั้นไปทางใด แม้ตอนนี้นางฝนยังคงตกอยู่ไม่รู้จักหยุดแต่ก็ไม่ได้ทำให้นางหวนกลับบ้านของตน วันนี้นางต้องไปพบเจอท่านจวิ้นอ๋องให้ได้ นางไม่ลืมที่จะคว้านำปิ่นที่เขานำมาให้นางกลับไปให้เขาดังเดิม และถือร่มเดินตากฝนไปที่จวนของงท่านจวิ้นอ๋องโดยไร้ความกลัวใดๆเมื่อนางมาถึงที่จวนของจวิ้นอ๋องก็ได้บอกให้ทหารแจ้งต่อท่านอ๋อง เมื่อเขารู้ว่านางมาหาเขาถึงที่จวน เขาดีใจอย่างมากและเป็นเห่วงนางซะเหลือเกินที่เดินผ่าฝนมาทหารได้พาหลิ่งฟู่ไปพบท่านจวิ้นอ๋องที่ตำหนักของเขา ทันทีที่เห็นหน้าหลิ่งฟู่ท่านจวิ้นอ๋องยิ้มในนางด้วยความดีใจแต่ทว่าเมื่อหลิ่งฟู่เข้ามาถึงนางก็โยนปิ่นอันนั้นใส่หน้าของท่านจวิ้นอ๋องอย่างแรง"ที่ท่านนำปิ่นมาให้ข้าเพราะว่าจะให้ข้าได้รับรู้ว่าปิ่นอันนี้ข้าใช้ปลิดชีพตนเองหรือไร ไม่ว่าเมื่อใดท่านก็ยังคงใจร้ายเช่นเคย" นางเปล่งเสียงออกมาอย่างติดขัดเพราะตอนนี้น้ำตาของนางกำลังไหลรินออกมาด้วยความคับแค้นใจและเจ็บปวดเจียนตายจวิ้นอ๋องหุบยิ้มทันที เขาไม่เข้า