"เจ้าเทพสงครามนั่นใช้ไม่ได้จริงๆ เขาไม่สามารถยับยั้งความโกรธของตัวเอง อยากจะจัดการเผ่าเทียนเฝิน แต่กลับเปิดเผยตำแหน่งที่ตั้งกองบัญชาการของสำนักซิวหลัวให้เผ่าเทียนเฝินรู้ ทำให้ยอดฝีมือของเผ่าเทียนเฝินพร้อมใจกันมาโจมตีสำนักซิวหลัวของพวกเรา ยังดีที่กองบัญชาการเราเพิ่งเปลี่ยนที่ตั้ง ในสำนักเหลือคนอยู่ไม่มาก ไม่เช่นนั้นพวกเราคงต้องสูญเสียครั้งใหญ่เป็นแน่" เสี่ยวลู่กรอกตามองบนใส่จินเฉียง "เจ้านี่ช่างสะเพร่าเสียจริง คิดอะไรของเจ้า หากข้าเดาไม่ผิด เทพสงครามคงสืบรู้แล้วว่าพวกเราย้ายกองบัญชาการออกมาแล้ว ถึงได้จงใจล่อเผ่าเทียนเฝินไปที่สำนักซิวหลัว เขาเองก็ซุ่มโจมตีทุกอย่างเรียบร้อยทั้งหมด ตีขนาบประสานกับพวกเรา จัดการคนของเผ่าเทียนเฝินได้จนหมด" "นั่นก็เพราะเขาเปิดเผยตำแหน่งกองบัญชาการของสำนักซิวหลัวไปเรื่อยเปื่อยอย่างไรเล่า ครั้งนี้เผ่าเทียนเฝินเสียหายหนัก แทบจะบาดเจ็บล้มตายเกือบหมด เช่นนั้นหากครั้งนี้ เขาไม่ได้ตีขนาบประสานกับพวกเรา พวกเราจะไม่เกิดเหตุนองเลือดครั้งใหญ่เลยรึ" "พวกเราควรจะทบทวนตนเอง ที่ตั้งกองบัญชาการของสำนักซิวหลัวที่ยิ่งใหญ่ กลับปล่อยให้เย่จิ่งหานสืบเจอได้ แม้กระทั่งข่าวก
กู้ชูหน่วนมองไปทางเขา ก่อนจะเอ่ยถาม "นี่คือ..." "นายท่าน พวกเราตามสืบอยู่นาน ในที่สุดก็เจอข้อมูลสำคัญมากข้อมูลหนึ่ง ขอเพียงแค่แกะหล่อแกนี่ออก ก็จะได้ข้อมูลของแก้วมังกรลูกที่หก" "คนของพวกเราพยายามแกะอยู่นาน แต่ก็แกะไม่ออก ต่อมาจึงไปขอคำแนะนำจากอาจารย์เวิน อาจารย์เวินศึกษาอยู่นาน บอกว่า หล่อแกนี่มีหลุมเว้ารูปดาวสามหลุม ทั้งยังมีหลุมเว้ารูปหัวใจอีกหลุม น่าจะมีกุญแจสี่ดอก มีแต่ต้องรวบรวมกุญแจสี่ดอกนี้ให้ครบ ถึงจะเปิดหล่อแกได้ และรู้ที่อยู่ของแก้วมังกร" "แต่เพราะเวลาผ่านมาเป็นพันสองพันปีแล้ว เกี่ยวกับหลักแหล่งของกุญแจรูปดาวสามดอกนั้น พวกเรายังสืบหาไม่พบ แต่หลุมรูปหัวใจบนหล่อแก หรือเรียกอีกอย่างว่าดวงตาหล่อแก พวกเรากลับได้ข่าวมาแล้ว มันอยู่ที่คลังสมบัติวังหลวง" เสี่ยวลู่และคนอื่นๆ ต่างก็ตื่นเต้น สืบหาเบาะแสที่อยู่แก้วมังกรจนเจอ เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขา สาเหตุที่ก่อตั้งหอเลิศหล้าขึ้นมา ก็เพื่อที่จะสืบค้นข้อมูลของแก้วมังกร กู้ชูหน่วนลูบหลุมรูปดาวทั้งสามหลุมบนหล่อแก ทันใดนั้น ในสมองของนางพลันผุดความคิดที่กล้าบ้าบิ่นขึ้นมาอย่างหนึ่ง บนม้วนหนังแกะโบราณบั
เสี่ยวลู่ยิ้มจืดเจื่อน ทว่าท่าทางดูเก่งกาจไม่มีใครเทียม "นายท่าน เสียความทรงจำไปก็ไม่เป็นไร อย่าลืมข้าก็พอ" จินเฉียงลูบหัวตัวเอง พลางยิ้มเก้อเขิน "เจ้าเป็นใคร" "นายท่าน ข้าคือจินเฉียงอย่างไรเล่า ผู้ที่ถือขวานยักษ์น่ะ ท่านยังชมว่าข้าเรี่ยวแรงดี วิทยายุทธแกร่งกล้า ทั้งยังละเอียดอ่อน" เรี่ยวแรงดี นางเชื่อ วิทยายุทธแกร่งกล้า นางก็เชื่อ เพราะส่วนใหญ่แล้วผู้ที่ขมับสูงนูนออกมา แค่มองแวบเดียวก็รู้ว่าล้วนแต่เป็นยอดฝีมือทั้งสิ้น ส่วนเรื่องละเอียดอ่อน นางมองแล้วไม่ค่อยเหมือนเท่าไหร่ คนอื่นๆ พากันปิดปากหัวเราะ "นายท่าน ข้าคือจางเหวินหู่ รับผิดชอบรวบรวมของล้ำค่าหายากมาประมูลในงาน" "นายท่าน ข้าคือจางอวิ๋นเฉียว เป็นน้องสาวของจางเหวินอู่ เบื้องหน้ารับผิดชอบจัดระเบียบของประมูล ความจริงแล้วรับผิดชอบเรื่องการกระจายข่าว" "นายท่าน ข้าคือเฉียวหลง รับผิดชอบดูแลความปลอดภัยในงานประมูลทั้งหมด" "……" ที่นี่มีทั้งหมดเจ็ดแปดคน กู้ชูหน่วนยังจำได้ไม่หมดว่าพวกเขาเป็นใครกันบ้าง เพียงแค่เอ่ยถามด้วยความสงสัย "ในเมื่อพวกเจ้าบอกว่า ตอนนั้นข้าเจ็บหนัก เช่นนั้นเหตุใดหลังจากที่ข้าฟื้นมา
กู้ชูหน่วนแทบจะหงายเงิบ นายท่าน......? "เรียกข้ารึ ?" "นายท่าน ข้ารอคอยนายท่านมานานเหลือเกิน ในที่สุดก็มาเสียที" ใบหน้าของเสี่ยวลู่และคนอื่นๆ เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ราวกับมีเรื่องอัดอั้นมากมายอยากจะคุยกับนาง กู้ชูหน่วนทำท่าห้ามปราม ยังคงตั้งสติไม่ได้ "ช้าก่อน เจ้าบอกว่าข้าคือนายท่านของเจ้า เจ้าของลานประมูลเฟิงเซียงน่ะหรือ พวกเจ้าไม่ได้จำผิดคนหรอกนะ" "นายท่าน ล้อกันเล่นอีกแล้ว นอกจากท่าน ทั่วทั้งใต้หล้านี้จะยังมีผู้ใดเป็นเจ้าของลานประมูลเฟิงเซียงได้อีก ข้าติดตามรับใช้ท่านมาหลายปี จะจำผิดได้อย่างไร" "คุณหนูสามไร้ความสามารถที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนอัครเสนาบดี คือนายของพวกเจ้า ?" จินเฉียงที่อยู่ข้างกายเสี่ยวลู่พูดด้วยรอยยิ้ม "นายท่าน ผู้ใดกล้าบอกว่าท่านไร้ความสามารถ ข้าจะเป็นคนแรกที่ขยี้เขาให้แหลก เห็นๆ กันอยู่ว่าท่านเจิดจรัสไม่มีผู้ใดเทียม เป็นนักวางแผนผู้มีกลยุทธนับพัน คุณหนูสามแห่งจวนอัครเสนาบดีเป็นเพียงหน้ากากบังหน้าที่ไม่สะดุดตาที่สุดของท่านก็เท่านั้น" บ้าไปแล้ว ไปๆมาๆ พวกเขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่านางคือนายของพวกเขา ? เช่นนั้นก่อนหน้านี้ยังต่อรองราคากันเ
ไม่ผิดไปจากที่คาด ทันทีที่เปิดประมูลยา ผู้คนทั้งงานประมูลต่างก็ตกตะลึง นอกจากจะมียาชำระไขกระดูกแล้ว ยังมีจำนวนหลายขวด ทั้งยังเปิดประมูลทีละสามขวด ผู้คนในงานพากันแย่งประมูลอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง ยังมีคนใหญ่คนโตจากตระกูลขุนนางที่ขนเงินทองมาถลุง อยากจะประมูลยาชำระไขกระดูกมาให้หมด จะได้เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับลูกศิษย์ในสำนัก งานประมูลที่เดิมก็มีผู้คนพลุกพล่านอยู่แล้ว แน่นขนัดยิ่งกว่าเดิม แม้แต่บริเวณที่ยืนก็เบียดเสียดกันไปหมด กู้ชูหน่วนนั่งอยู่ในห้องแขกพิเศษชั้นสาม มองลงไปยังด้านล่างที่ผู้คนกำลังแข่งกันประมูลอย่างดุเดือดด้วยความตกตะลึง ยาชำระไขกระดูกเป็นแค่ยาที่นางกลั่นออกมาโดยไม่ได้ใส่ใจ เดิมนางตั้งใจจะทิ้งไปแล้วเสียด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าจะได้รับความนิยมขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ยาชำระไขกระดูกทุกชุดถูกประมูลออกไปด้วยราคาสูงลิ่ว และถูกชิงไปหมดเกลี้ยงเพียงเวลาสั้นๆ ทั้งยังถึงขั้นมีการทะเลาะวิวาทกันเพื่อยาชำระไขกระดูก กู้ชูหน่วนกัดฟัน "รู้เช่นนี้ ข้าทำมาเยอะหน่อยดีกว่า" เสี่ยวลู่ลงไปจัดการประมูลแล้ว ภายในห้องมีเพียงกู้ชูหน่วนและเย่จิ่งหานสองคน เย่จิ่งหานเอ่ยถาม "เจ้าไปเอายามากม
สายตาที่ทอดมองไปยังกู้ชูหน่วนของเย่จิ่งหานค่อนข้างซับซ้อน เสี่ยวลู่เอ่ยด้วยความตกใจ "แม่นางกู้ เบื้องหลังท่านคงต้องมียอดอาจารย์นักกลั่นยาอยู่กระมัง ไม่รู้ว่าจะแนะนำอาจารย์กลั่นยาท่านนั้นให้พวกข้าลานประมูลเฟิงเซียงได้หรือไม่" "เช่นนั้นท่านคิดจะตอบแทนข้าเช่นไร" กู้ชูหน่วนทำท่าเขี่ยยาบนโต๊ะ เสี่ยวลู่แสร้งทำเป็นฮึดฮัด ทว่าบนใบหน้าที่งามชวนตะลึงกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม "ดูท่านสิ มียาเม็ดชั้นดีมากมายขนาดนี้ ยังจะสนใจเงินค่านายหน้าเล็กน้อยอีก เก้าจุดเจ็ดส่วนแล้วกัน พวกเราลานประมูลเฟิงเซียงหักออกแค่ศูนย์จุดสามส่วน" "พี่เสี่ยวลู่ ท่านช่างไม่มีน้ำใจไมตรีเอาเสียเลย กำไรน้อยแต่เน้นขายเยอะ ท่านไม่รู้จักหรือ ศูนย์จุดสามส่วนก็ทำเงินได้จำนวนมากแล้ว เมืองหลวงเรายังมีลานประมูลอีกแห่งชื่อว่าอะไรแล้วนะ ลานประมูลหมู่ตาน แม้ชื่อจะเชยไปบ้าง แต่มีอิทธิพลมากทีเดียว ท่านเชื่อหรือไม่ หากข้านำยาเม็ดเหล่านี้ไปที่ลานประมูลหมู่ตาน พวกเขาจะต้องไม่หักค่านายหน้ามากขนาดนั้น อย่างไรก็ล้วนแต่เป็นของชั้นดี" เสี่ยวลู่กัดฟันทน "เก้าจุดแปดส่วน น้อยกว่านี้ไม่ได้แล้ว" "เก้าจุดแปดส่วน ก็ยังแพงเกินไป พี่เสี่ยวลู่ ข