แต่ก็ไม่น่าจะใช่ นางดูอายุใกล้เคียงกับจ้านจ้าน แต่บุตรสาวเคยพูดว่ามีบุตรชายเพียงคนเดียว เป็นไปไม่ได้ที่จู่ ๆ จะมีหลานสาวที่โตขนาดนี้โผล่มาอีกคนหนึ่งเหยาเสวี่ยนึกอะไรขึ้นได้ จึงแสดงสีหน้าเคร่งขรึม “จิ่งสิง นี่คือบุตรสาวนอกสมรสของเจ้าหรือ?”มือของจิ่งสิงที่ถือถ้วยชาสั่นเล็กน้อย และแทบจะพ่นน้ำชาออกมา“ไม่ใช่นะขอรับ” จะเป็นบุตรสาวของเขาอีกทั้งยังเป็นบุตรสาวนอกสมรสได้อย่างไรกัน? !“ไม่ใช่จริง ๆ หรือไม่ใช่ปลอม ๆ ข้าเคยบอกเจ้าแล้วนะว่า ชั่วชีวิตนี้เจ้ามีได้แค่บุตรสาวของข้าเพียงคนเดียวเท่านั้น!” เหยาเสวี่ยกล่าวอย่างปกป้องบุตรของตัวเองกู้หว่านเยว่ถึงกับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก กำลังจะอธิบาย แต่จ้านจ้านชิงเอ่ยปากก่อนว่า “ท่านยาย นางเป็นน้องสาวบุญธรรมของข้าขอรับ”“น้องสาวบุญธรรม หมายความว่าอย่างไรกัน?” จงเอ้าก็สงสัยเช่นกันเขารู้มาว่ามีผู้ชายบางคนแอบปันใจให้คนนอก อีกทั้งยังปล่อยให้ภรรยานอกสมรสให้กำเนิดบุตร แล้วชอบพาบุตรมาอยู่ในเรือน แล้วบันทึกภายใต้ชื่อของภรรยาหลัก และให้บุตรของภรรยาหลักยอมรับเด็กเหล่านั้นเป็นพี่น้องหรือว่า...กู้หว่านเยว่เห็นผู้อาวุโสทั้งสองที่เริ่มคิดไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ จ
จงหลี่ดึงสายตากลับ พลางส่ายหน้าเล็กน้อย “ไม่ได้รับบาดเจ็บ”เขาประหลาดใจเล็กน้อย “น้องเล็ก จิ่งสิง พวกเจ้ามาตั้งแต่เมื่อไรกัน?”กู้หว่านเยว่เดินมุ่งตรงหน้ายังหน้าโต๊ะ แล้วรินน้ำชาดื่มถ้วยหนึ่งเพื่อดับกระหาย“เพิ่งมาถึงน่ะ กะว่าจะทำให้พี่ใหญ่ประหลาดใจสักหน่อย”แท้จริงแล้วเป็นเพราะระบบในมิติเตือนว่าจงหลี่กำลังจะถูกลอบสังหาร กู้หว่านเยว่จึงมุ่งตรงมาที่นี่“ลุงใหญ่”ศีรษะน้อย ๆ ที่มีผมนุ่มฟู โผล่ออกมาจากด้านหลังของกู้หว่านเยว่เผยให้เห็นใบหน้าที่คล้ายกับมารดาของเขาเป็นอย่างยิ่ง มุมปากของเขาแฝงไปด้วยรอยยิ้มที่ไม่มีพิษมีภัยบนใบหน้าของจงหลี่ที่มักสงบนิ่งเสมอมาได้ปรากฏความตกตะลึงเล็กน้อย“เจ้าก็คือ จ้านจ้านหรือ?”จ้านจ้านพยักหน้าเล็กน้อย “ใช่แล้วข้าเอง”ในแววตาของจงหลี่แสดงความรักใคร่เอ็นดูอย่างยากที่จะปิดบัง “น้องเล็ก เด็กคนนี้หน้าตาเหมือนกับเจ้าเลย”คิ้วและดวงตาของเขาคล้ายกับกู้หว่านเยว่เป็นอย่างยิ่ง ทว่าลักษณะท่าทางและอากัปกิริยากลับถอดแบบมาจากซูจิ่งสิง เวลาที่เขาไม่พูด จะดูเย็นชา และมีเสน่ห์“พี่ใหญ่ ท่านไม่คิดว่าจ้านจ้านดูคล้ายกับอีกคนมากกว่าหรือ?”ว่ากันว่าหลานชายมักเหมือนน
จงหลี่มองพ่อของเขาแวบหนึ่ง แล้วนั่งลงอย่างจนปัญญา“เสด็จแม่ ข้าไม่มีผู้หญิงที่ชอบ”“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่มีผู้หญิงที่ชอบ ดังนั้นจึงยิ่งควรลองดู หากเจอคนที่ถูกใจขึ้นมาล่ะ?”จงหลี่ส่ายศีรษะ “ลูกไม่มีกะจิตกะใจในเรื่องความรัก แล้วเหตุใดต้องไปทำให้พวกนางเสียเวลา”เหยาเสวี่ยยังคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จงหลี่ลุกขึ้นยืนแล้ว“ลูกนึกขึ้นได้ว่ายังมีธุระต้องไปจัดการ ขอตัวก่อนแล้ว”เหยาเสวี่ยมองตามแผ่นหลังที่เดินจากไปของจงหลี่ นางไม่ได้ดูกระตือรือร้นเหมือนเมื่อครู่แล้ว และยังถอนหายใจยาวทีหนึ่ง“เอาม้วนภาพเอาไปเถอะ”นางนั่งลงอย่างจนปัญญา “เด็กคนนี้ยังคงดื้อรั้นเช่นนี้ ไม่ยอมฟังใครเลย”จงเอ้าขมวดคิ้วกล่าว “เจ้าก็อย่ากังวลนักเลย ลูกหลานมีบุญกรรมตามลิขิต ในเมื่อเขาไม่อยากแต่งงาน ก็แล้วแต่เขาเถอะ”“เพราะข้าที่เป็นแม่คนนี้ไม่ดีเอง”จงเอ้าทนดูนางโทษตัวเองไม่ได้ “หากเจ้าพูดเช่นนี้ ข้าที่เป็นพ่อคนนี้ก็ยิ่งบกพร่องในหน้าที่แล้ว ล้วนเป็นเพราะข้าไม่สามารถปกป้องพวกเขาให้ดี ทำให้หลี่เอ๋อร์ต้องแบกรับภาระที่หนักอึ้งมานานหลายปี จนไม่สามารถแต่งงานมีลูกเหมือนคนทั่วไป”“ตอนนั้นแคว้นเป่ยตี้บุกมาอย่างดุดัน ท่านไป
จ้านจ้านตื่นเต้นมาก “ท่านแม่ ข้ากำลังจะได้เจอครอบครัวท่านตาแล้วใช่หรือไม่!”“ใช่แล้ว พวกท่านต้องชอบเจ้ามากแน่ๆ”เฮลิคอปเตอร์ค่อยๆ ลอยขึ้นอย่างมั่นคง จ้านจ้านไม่เคยเห็นภาพที่แปลกใหม่เช่นนี้ ไม่เพียงไม่กลัว ยังตื่นเต้นมากด้วยนอกจากมิติแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ไม่ได้ปิดบังสิ่งของอื่นๆ ที่นางนำออกมาอีกแล้วเพราะในที่ราบแห่งความโกลาหล นางถูกขนานนามว่าเป็นเทพธิดาผู้กอบกู้ เทพธิดาจะนำสิ่งของแปลกๆ เอามาบ้าง มันก็เป็นเรื่องปกติขณะเดียวกัน ภายในพระราชวังของที่ราบแห่งความโกลาหล จงหลี่กำลังกัดฟันรับคำด่าทอ“หลี่อ๋องนะหลี่อ๋อง น้องหญิงของเจ้าไปแล้ว เหตุใดเจ้าไม่ส่งคนไปบอกพวกเราสักคำ?” จงเอ้าโมโหจนน้ำลายแทบกระเด็นออกมาแล้วตั้งกี่ปีแล้ว พวกเขาอุตส่าห์ได้เจอลูกสาวคนเล็กแล้วเดิมทีคิดว่าลูกสาวคนเล็กจะอยู่ที่ราบแห่งความโกลาหลตลอดไป นี่เพิ่งจะออกไปข้างนอกเที่ยวเดียว ก็ถูกคนพาหนีไปเสียแล้วเหยาเสวี่ยเช็ดน้ำตา “เมื่อไรข้าถึงจะได้เจอลูกสาวอีก?”นางผลักแขนของจงเอ้า “อินทรีสิงโตยังอยู่ไม่ใช่หรือ หรือไม่พวกเรานั่งอินทรีสิงโตข้ามไปหาลูกสาวที่อีกฟากของป่าซิงโตว”อย่างไรพวกเขาก็นัดกันว่าจะเดินทางท่องเที่ย
ซูจิ่นเอ๋อร์ส่ายศีรษะ“หลังจากเรื่องคราวก่อน ข้ากับนางก็แตกหักกันโดยสิ้นเชิงแล้ว ข้ากลัวว่าบอกนางแล้ว กลับทำให้ตัวเองไม่สบายใจ ดังนั้นจึงไม่ได้ให้คนไปบอก”ส่วนทางฟู่หลานเหิงบอกหรือไม่ได้บอก อันนี้ซู่จิ่นเอ๋อร์ไม่รู้กู้หว่านเยว่พยักหน้า “เจ้าไม่บอกก็ดี ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวนางปล่อยวางไม่ได้ มาหาเรื่องอะไรเจ้าอีก ช่วงสามเดือนแรกสำคัญที่สุด ทางที่ดีก็ไม่ต้องให้ฟู่หลานเหิงบอก หากอยากส่งข่าวดีนี้กลับไปจริงๆ รอผ่านสามเดือนแรกแล้วก็ยังไม่สาย”ซูจิ่นเอ๋อร์พยักหน้า จดจำคำพูดของพี่สะใภ้ใหญ่ไว้ทุกคำนิสัยของนางหยางใจเย็นเกินไป เมื่อเจอปัญหาก็รู้จักแต่อดกลั้น ตอนนั้นแม่เฒ่าซูแปลกประหลาดเช่นนั้น นางหยางก็ยังไม่คิดจะต่อต้านเลยหากหลังจากฮูหยินผู้เฒ่าฟู่เรื่องข่าวการตั้งครรภ์ของซูจิ่นเอ๋อร์ แล้วยืนกรานจะมาเมืองหลวง เพื่อเผชิญหน้ากันตรงๆ ล่ะ กู้หว่านเยว่ยังคงไม่วางใจมากนัก“พี่สะใภ้ใหญ่วางใจได้ ข้าเข้าใจได้ ทางท่านพี่ข้าก็จะไปเตือนเช่นกัน ให้เขาอย่าเพิ่งบอกเรื่องที่ข้าตั้งครรภ์ให้ผู้อื่นรู้”ซูจิ่นเอ๋อร์พยักหน้าอย่างเชื่อฟังแม้ยายหนูนี่ไม่ฉลาดนัก และมักจะก่อปัญหา แต่ตอนนี้มีข้อดีอย่างหนึ่งก็คือ
เนื่องจากก่อนหน้านี้กู้หว่านเยว่ไม่ได้บอกพวกเขา พวกเขาจึงคิดว่าหลังจากทั้งสองกลับมา ก็จะไม่ไปไหนแล้ว เมื่อได้ยินว่าทั้งสองยังจะไปที่ราบแห่งความโกลาหล ทุกคนจึงตกใจกันถ้วนหน้านางหยางชิงเอ่ยปากเป็นคนแรก นางไม่อยากให้ซูจิ่งสิงกับกู้หว่านเยว่ไป และยิ่งไม่อยากให้จ้านจ้านหลานชายที่ตนเองเลี้ยงมากับมือไป“หว่านเยว่ พวกเจ้าจะกลับที่ราบแห่งความโกลาหลอีกหรือ? เพราะอะไร เรื่องของทางนั้นจัดการเรียบร้อยหมดแล้วไม่ใช่หรือ?”ความอาลัยอาวรณ์ของซูจิ่นเอ๋อร์ไม่ได้มากเท่านางหยาง นางมีครอบครัวใหม่เป็นของตนเองแล้ว จึงเป็นห่วงพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่เสียมากกว่า“พี่สะใภ้ใหญ่ พวกท่านบอกเองไม่ใช่หรือว่าที่ราบแห่งความโกลาหลอันตรายมาก ในเมื่ออุตส่าห์กลับมาแล้ว เหตุใดยังต้องไปอีกล่ะ?”ซูจิ้งก็พยักหน้า “ใช่ ทั้งครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาดีจะตาย เหตุใดต้องไปอีกแล้ว?”กู้หว่านเยว่อธิบายอย่างอดทน “มีเรื่องที่ท่านพ่อกับท่านแม่ยังไม่รู้ ข้าตามหาพ่อแม่แท้ๆ ของข้าเจอในที่ราบแห่งความโกลาหลแล้ว ครั้งนี้ตั้งใจว่าจะพาจ้านจ้านไปเยี่ยมตากับยายของเขาหน่อย”เมื่อคำพูดนี้ออกมา ทุกคนต่างทำหน้าประหลาดใจก่อนหน้านี้ กู้หว่