Share

บทที่ 4

Author: ฮวาฮวาตีลังกาแปล
เสียงอิเล็กทรอนิกส์ดังขึ้นภายในสมอง ทำให้กู้หว่านเยว่ตกใจแทบแย่

“เจ้าเป็นใคร?”

“สวัสดีเจ้านาย ข้าเป็นผู้ดูแลระบบมิติ รับผิดชอบตอบปัญหาที่ท่านสงสัยโดยเฉพาะ”

มิติคือพลังวิเศษที่นางมีตั้งแต่ชาติก่อน ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยได้ยินเรื่องผู้ดูแลระบบอันใด

“ก่อนนี้เจ้านายอยู่ในขั้นเริ่มต้น จึงไม่ได้เปิดใช้งานฟังก์ชันของระบบ แต่อิงตามการกักตุนสินค้าเต็มพื้นที่ของท่านในวันนี้ มิติได้เปิดใช้งานผู้ดูแลระบบและอาคารทางการแพทย์ให้ท่านแล้ว”

กู้หว่านเยว่หลับตาลง เพียงนึกคิดก็เข้าสู่มิติได้แล้ว ดังคาด ภายในพื้นที่กักตุนสินค้า นอกจากสิ่งของที่นางเก็บมา ก็มีอาคารทางการแพทย์เครื่องมือล้ำสมัยหลังหนึ่ง

ทว่า เหตุใดเป็นอาคารทางการแพทย์เล่า?

“ซูจิ่งสิงต้องการอาคารทางการแพทย์ เจ้าก็เปิดการใช้งานอาคารทางการแพทย์ ตกลงเจ้าของร่างคือข้าหรือซูจิ่งสิงกันแน่?”

กู้หว่านเยว่ไม่สบอารมณ์อย่างมากในใจ

“...” ผู้ดูแลระบบแกล้งตายไปแล้ว

กู้หว่านเยว่ทำเพียงสำรวจการเปลี่ยนแปลงภายในมิติ นอกจากอาคารทางการแพทย์ นางยังพบหน้าจอคล้ายศูนย์ควบคุมทำนองนั้นเพิ่มขึ้นมาในระบบอย่างหนึ่ง ข้างบนเขียนการเปิดใช้งานอาคารใหม่หลากหลายแบบ

อาคารใหม่ที่จะเปิดลำดับถัดไป คือห้องครัวอาหารเลิศรส

นั่นก็หมายความว่า ขอเพียงนางพยายามกักตุนสินค้า ก็สามารถเปิดใช้งานห้องครัวอาหารเลิศรสได้แล้ว ไม่ต้องใส่อาหารเลิศรสเข้าไปด้วยตนเอง?

ให้ตายเถอะ ไม่ต้องสบายถึงเพียงนี้ก็ได้กระมัง!

กู้หว่านเยว่มีความสุขจนไม่สามารถหุบปากได้ ออกจากมิติแล้ว เห็นซูจิ่งสิงหมดสติไปอีกครั้ง ก็หยิบผงยาฆ่าเชื้อมาหนึ่งห่อ จากนั้นทาลงบนกล้ามท้องของเขา

ขณะเดียวกัน เสียงตะโกนเรียกสองสายก็ดังขึ้นห่างออกไปไม่ไกลนัก

“ท่านแม่!” “ท่านยาย!”

เพียงได้ยินเสียงนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าก็รีบเงยหน้ามองออกไป ผู้มาเยือนก็คือบุตรีคนที่ห้าที่นางรักที่สุดซูหวู่อวิ๋นและบุตรีของนางหลี่ซือซือ

“หวู่อวิ๋นเอ๋ย เจ้ามาส่งพวกเราใช่หรือไม่?”

ฮูหยินผู้เฒ่าทอดสายตามองสัมภาระห่อใหญ่ข้างหลังนาง ครุ่นคิดในใจ มิได้เอ็นดูบุตรีคนนี้โดยเสียเปล่าดังคาด

ใครจะรู้ว่าซูหวู่อวิ๋นกลับร้องไห้ออกมาแล้ว “หลี่เปียวเขาไม่ใช่คน ได้ยินว่าเกิดเรื่องกับจวนอ๋องแล้ว เขากลัวเดือดร้อนไปด้วย ถึงขั้นขอหย่าข้าแล้ว...”

ฮูหยินผู้เฒ่ายังดึงสติกลับมาไม่ได้ “มิใช่พูดว่าโทษไม่มีผลต่อลูกสาวออกเรือนแล้วหรือ?”

ซูหวู่อวิ๋นเช็ดน้ำตา “เขาเห็นข้าขวางหูขวางตาตั้งแต่แรกแล้ว รังเกียจข้าที่ไม่ให้กำเนิดลูกชาย อาศัยว่าสกุลซูของพวกเราเกิดเรื่องพอดี กังวลข้าตอแย ยังไปกราบทูลฝ่าบาทขอให้เนรเทศข้าไปพร้อมกับสกุลซูด้วย”

ฮูหยินผู้เฒ่าเกือบโมโหจนหมดสติ ชี้ทางจวนสกุลหลี่พลางสาปแช่ง

“ซือซือเล่า หลี่เปียวไม่เอาแม้แต่ลูกสาวของตนกระนั้นหรือ?”

ดรุณีน้อยอายุราวสิบห้าสิบหกปีทางด้านข้าง ก็คือหลี่ซือซือ

ขอบตานางแดงก่ำ “ท่านพ่อต้องการเพียงลูกชาย ไม่ต้องการลูกสาว ไล่ข้าออกมาแล้วเจ้าค่ะ”

ได้ยินว่าหลี่เปียวไร้เหตุผลถึงเพียงนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธแทบตาย อยากถกแขนเสื้อบุกสกุลหลี่เสียให้ได้

ซูหวู่อวิ๋นและหลี่ซือซือกอดกันร้องไห้พักหนึ่ง จู่ๆ หลี่ซือซือก็หันมองทางเกวียนสีหน้ากังวล “เหตุใดญาติผู้พี่จิ่งถูกโบยจนกลายเป็นเช่นนี้ไปได้?”

สีหน้าฮูหยินผู้เฒ่าเข้มขึ้น ไม่เปล่งวาจา

ซูหัวหลินกลับสบถด่าบ้านสามออกมาอย่างไม่คิดปิดบังต่อหน้าทุกคน “มิใช่เพราะเขาขายบ้านเมืองเพื่อความรุ่งโรจน์ ถูกฝ่าบาทสั่งโบยหรือ ล้วนต้องตำหนิเขา สกุลซูของพวกเราถูกเขาทำให้เดือดร้อนไปด้วย!”

หลี่ซือซือบีบนิ้วมือ “เรื่องนี้ ตำหนิญาติผู้พี่จิ่งไม่ได้เจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นตำหนิใครได้เล่า?”

“ท่านยายและพวกท่านลุงอย่ารำคาญข้าเลย เมื่อครึ่งเดือนก่อน ข้าไปจุดธูปที่วัด ระหว่างทางบังเอิญพบนักพรตเต๋าท่านหนึ่ง

พูดว่าคุณหนูสกุลกู้มีดาวหายนะ จะนำพาภัยพิบัติมาสู่สกุลซูของพวกเรา

เมื่อนั้นข้ากลัวยิ่งนัก ทั้งยังได้เห็นฝ่าบาทพระราชทานสมรสก็ไม่กล้าพูด ใครจะรู้ ว่าจะกลายเป็นจริงเสียแล้ว...”

เพียงนางพูดถ้อยคำนี้ออกมา ทุกคนก็ล้วนหันมองทางกู้หว่านเยว่ สายตาพินิจพิเคราะห์อยู่บนตัวกู้หว่านเยว่ ต้องการหาหลักฐานว่านางคือดาวหายนะ

“เพราะเหตุนี้จวนโหวถึงต้องการตัดความสัมพันธ์กับนาง”

“ล้วนต้องตำหนินาง ที่ทำร้ายพวกเราแล้ว!”

เสียงสบถด่าของทุกคนในสกุลซูดังขึ้นมา สายตาจับจ้องกู้หว่านเยว่ อยากถลกหนังนางออกมาเสียให้ได้ โดยเฉพาะพวกฝ่ายชายอารมณ์วู่วามเหล่านั้น ยกกำปั้นเดินเข้าหากู้หว่านเยว่แล้ว

ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็ไม่ห้าม กู้หว่านเยว่ตัดความสัมพันธ์กับจวนโหวแล้ว ระหว่างเดินทางเนรเทศก็ไม่ลงแรงเลยแม้แต่น้อย ถูกตีก็สมควรแล้ว!

เห็นว่าคนเหล่านั้นใกล้เดินมาถึงหน้ากู้หว่านเยว่แล้ว ซูจื่อชิงที่หลบอยู่ข้างหลังนางหยางพลันโผล่พรวดออกมา

“พวกเจ้าห้ามรังแกพี่สะใภ้ใหญ่ของข้า!”

เขายังไม่ลืมยามพี่ใหญ่และท่านแม่ถูกเจียงเต๋อจื้อรังแก มีเพียงพี่สะใภ้ใหญ่ออกมาช่วยเหลือ

เป็นคนต้องรู้จักตอบแทนบุญคุณ พี่ใหญ่หมดสติยังไม่ฟื้น เขาต้องเป็นคนปกป้องพี่สะใภ้ใหญ่!

ซูหัวหลินพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ซูจื่อชิงเจ้าหลีกไปที่ด้านข้าง พวกเราสกุลซูถูกนางทำร้ายจนกลายเป็นเช่นนี้ วันนี้จะต้องสั่งสอนนางให้ได้!”

“พวกเราสกุลซูถูกใส่ความ หาใช้ถูกพี่สะใภ้ใหญ่ทำร้ายไม่ ข้าไม่หลีก”

“ไม่หลีกก็จะตีเจ้าไปพร้อมกันเสียเลย”

ซูหัวหลินเองก็ไม่เกรงใจ ยื่นมือออกไปผลักซูจื่อชิงให้พ้นทาง กู้หว่านเยว่รีบถลันเข้าไปรับคน ขณะเดียวกันก็จับข้อมือของซูหัวหลิน หักแรงๆ

“ให้ตายเถอะ เจ็บจะตายอยู่แล้ว...”

ซูหัวหลินจับข้อมือที่ถูกหักพลางร้องไห้ตะโกนหามารดา นางเฉียนและลูกชายอีกสองคนรีบถลันขึ้นไป

“นางแพศยาหาญกล้าทำร้ายท่านพ่อ (สามี) ข้า เจ้าจะได้เห็นดี...”

มองเห็นคนกลุ่มนั้นของบ้านรองถลันขึ้นมา กู้หว่านเยว่กลับไม่ว้าวุ่น หนึ่งมือดึงซูจื่อชิงไปไว้ข้างหลัง หนึ่งมือจับคอเสื้อเหวี่ยงพวกเขาแรงๆ ล้มลงตรงหน้าหลี่ซือซือ

ถัดมาเดินเข้าไปตบหลี่ซือซือสองฉาด

“สร้างเรื่องเท็จมีความสุขมากกระมัง ถูกตบมีความสุขหรือไม่เล่า?”

หลี่ซือซือคนนี้มาทีหลัง สายตาจับจ้องซูจิ่งสิงอยู่ตลอด ดึงก็ดึงออกมาไม่ได้ คิดว่านางกู้หว่านเยว่เป็นคนโง่หรืออย่างไร?

ในต้นฉบับนิยาย หลี่ซือซือหลงรักซูจิ่งสิง แต่น่าเสียดายซูจิ่งสิงยังไม่ทันเดินทางก็พิษกำเริบตายไปแล้ว

ท้ายที่สุด นางแต่งงานกับบุตรสายตรงของบ้านใหญ่ซู ก็มิได้ทำให้เจ้าของร่างเดิมลำบาก บัดนี้เห็นว่าชะตาชีวิตของซูจิ่งสิงถูกเปลี่ยนแปลงแล้ว น่ากลัวว่าภายภาคหน้าต้องเกิดปัญหาเป็นแน่

แต่ คิดสร้างปัญหาบนตัวนางกู้หว่านเยว่? ฝันไปเถอะ

หลี่ซือซือถูกตบจนงุนงงแล้ว หลั่งน้ำตาดุจดอกสาลี่ต้องหยาดพิรุณ “นางบ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ เจ้าพูดเลื่อนเปื้อน ข้ามิได้...”

สีหน้าฮูหยินผู้เฒ่าดำทะมึน “นางกู้ เจ้าจะก่อกบฏหรือ!”

“ก่อกบฏ? ท่านนับเป็นอันใด ท่านเป็นฮ่องเต้หรือ ท่านเองก็คู่ควร?”

ปากของกู้หว่านเยว่นี้สามารถทำให้คนโมโหตายได้

อาศัยนางมีวรยุทธ์แข็งแกร่ง สกุลซูไม่กล้าขยับขึ้นมาแม้คนเดียว ทำได้เพียงสบถด่าสาปแช่งนางอยู่ไม่ไกล

ด่าก็ด่า อย่างไรเสียก็ไม่มีเนื้อชิ้นใดตกไป กู้หว่านเยว่ไม่สนใจ

ขณะเดียวกัน นักการในศาลาว่าการก็ตะโกน “นักโทษจัดเรียงแถวให้ดี เตรียมออกเดินทางแล้ว”

ได้ยินว่าใกล้จะออกเดินทางแล้ว เสียงร่ำไห้บนเนินเขาสิบลี้ยังมิอาจระงับไหว ไม่ว่าญาติที่มาส่งหรือนักโทษถูกเนรเทศล้วนร่ำไห้คร่ำครวญ

กาลข้างหน้ามิอาจคาดเดา ไม่มีวันกลับมาเมืองหลวงได้อีกแล้ว...

ท่ามกลางเสียงร่ำไห้ ทุกคนถูกนักการในศาลาว่าการเร่งให้เดินทาง

บ้านสกุลซูเหล่านั้นเดินอยู่ข้างหลังสุด ปกติพวกเขาล้วนใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไร้กังวล บนเท้าเกิดตุ่มน้ำพองอย่างรวดเร็ว เจ็บปวดทุกย่างก้าว

“เดินมานานถึงเพียงนี้แล้ว ไม่พักผ่อนสักหน่อยหรือ อยากทำให้พวกเราเหนื่อยตายใช่หรือไม่?”

คนมากมายยังมิอาจแก้อุปนิสัยของขุนนางผู้สูงศักดิ์ เหนื่อยจนทนไม่ไหวแล้วก็อ้าปากบ่นๆ ด่าๆ นางหลิวไม่ชอบออกกำลังกายร่างกายอ้วนท้วมอยู่บ้าง บัดนี้เหนื่อยมากแล้ว

ดวงตานางกลิ้งกลอก อุทานไอหยาเสียงหนึ่งก็ล้มลงแกล้งหมดสติบนพื้น

ทุกคนมีแบบอย่างก็เลียนแบบ คิดอยากล้มลงไปด้วย ใครรู้นักการในศาลาว่าการรีบหยิบแส้เข้าไปแล้วฟาดลงบนตัวนางหลิวทีหนึ่ง

“หมดสติแล้วหรือ? ข้าเชี่ยวชาญรักษาอาการหมดสติยิ่งนัก รีบลุกขึ้นมาแล้วเร่งเดินทาง หาไม่แล้วจะตีเจ้าให้ตาย!”

นางหลิวเจ็บจนร่ำไห้โอดครวญ กลิ้งบนพื้นขอความเมตตา นักการในศาลาว่าการกลับไม่ใจอ่อน นักโทษถูกเนรเทศตายกลางทางบ่อยครั้ง ขอเพียงไม่ตายทั้งหมดก็ไม่เป็นไร
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (4)
goodnovel comment avatar
จีรพันธ์
ติดตามต่อ ๆๆๆๆ
goodnovel comment avatar
Dumpjea
เพิ่งเข้ามา ก็ก่อเรื่อง สร้างความแตกแยกซะแล้ว อยากได้ญาติผู้พี่ละสิ
goodnovel comment avatar
วรรณดี ศาลาทอง
ขอบคุณมากค่ะสนุกมาก
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1768

    ตอนนี้ ดูเหมือนว่าสิ่งที่คนทั้งสองกล่าวนั้นพอจะมีมูล และอาจเป็นไปได้จริง ๆ “ท่านพอจะทราบหรือไม่ว่าหมอเทวดาเผยศิษย์น้องของท่านอยู่ที่ใด?”เป่ยหมิงโยวหลานประสานมือคารวะพลางเอ่ยถาม เขาเร่งรีบที่จะรักษาอาการป่วยของเสด็จแม่ มิเช่นนั้นคงไม่เสียเวลามาพูดคุยกับนักต้มตุ๋นผู้นี้หมอเทวดาเผยกระแอมเบา ๆ แล้วลูบเคราของตน“ท่านหมายถึงศิษย์น้องของข้าผู้นี้น่ะหรือ ศิษย์น้องของข้าเขาพเนจรไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ตามร่องรอยได้ยาก แม้แต่ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนแต่ว่านะ ข้าเห็นท่าทางของท่านดูเหมือนอยากจะพบเขาจากใจจริง ข้าลองช่วยท่านติดต่อเขาดูก็ได้”เขาก็คิดไม่ถึงว่ายาเซินถุ่ยเติงเหยี่ยนของเขาจะมีสรรพคุณถึงเพียงนี้ ทำให้ทั้งสองคนนี้ท้องเสียได้เช่นนั้นก็ถือเป็นการชดเชยเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้พวกเขาก็แล้วกัน“ท่านพูดจริงหรือ?”เป่ยหมิงโยวหลานประสานมือคารวะพลางเอ่ยขึ้น“หากผู้อาวุโสสามารถช่วยตามหาหมอเทวดาเผยได้ ข้าน้อยจะมอบรางวัลตอบแทนให้ท่านอย่างงาม ซาบซึ้งในบุญคุณนี้อย่างหาที่สุดมิได้”“รางวัลตอบแทนไม่ต้องหรอก เมื่อครู่ท่านก็ให้ข้าไปแล้วมิใช่หรือ”หมอเทวดาเผยไม่เคยให้ความสำคัญกับชื่อเสียงลาภ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1767

    “เจ้าเป็นศิษย์ของตาเฒ่าจอมหลอกลวงผู้นี้หรือ?”ถังซือมองเผยหยวนตั้งแต่หัวจรดเท้า ดีจริง ๆ เจ้าคนหลอกลวงมาคนเดียวยังไม่พอ ยังมีพรรคพวกมาอีกเป็นโขยงไม่นึกเลยว่าตาเฒ่าหลอกลวงผู้นี้จะเป็นคนมีอิทธิพล พรรคพวกบางคนในกลุ่มนี้ถึงกับสวมชุดเกราะอีกด้วย“ศิษย์ข้า ช่วยข้าด้วย!” หมอเทวดาเผยคร่ำครวญเผยหยวนจนปัญญา “ท่านอาจารย์ ท่านไปก่อเรื่องอะไรมาอีกแล้ว?”“พวกเขาโดนพิษจากก๊าซในหนองน้ำ ข้าอุตส่าห์หวังดีช่วยเหลือพวกเขา แต่พวกเขากลับกล่าวหาว่าข้าเป็นคนหลอกลวง” หมอเทวดาเผยกล่าวเสียงแผ่วเบา “ข้าก็ไม่ได้หลอกพวกเขาสักหน่อย พิษข้าก็แก้ให้แล้ว เพียงแต่ขายยาปลอมให้พวกเขาไปเท่านั้นเอง”เผยหยวน นี่เรียกว่าไม่ได้หลอกลวงได้ด้วยหรือ?หมอเทวดาเผยเบ้ปาก เขาก็ไม่ได้อยากหลอกลวงใครนะ แต่พอเขาบอกว่าเขาสามารถใช้นิ้วเพียงไม่กี่นิ้วก็แก้พิษให้พวกเขาได้แล้ว พวกเขากลับไม่เชื่อ ดึงดันจะให้เขาเอายาออกมาให้ได้นี่มิใช่การเสนอตัวมาให้โดนหลอกเองหรอกหรือ?เขาจนปัญญา จึงได้แต่ล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อ ปั้นยาเซินถุ่ยเติงเหยี่ยนขึ้นมาสองสามเม็ด แล้วยื่นให้พวกเขาอาจเป็นเพราะเขาไม่ได้อาบน้ำมานานเกินไปกระมังพอพวกเขากินเข้าไปก

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1766

    ไม่รู้ว่าเหล่าสหายที่อยู่ในต้าฉี ตอนนี้จะเป็นอย่างไรกันบ้าง“น้องเล็ก การเดินทัพของวันพรุ่งนี้ให้ข้าจัดการเถิด เจ้าไปพักผ่อนเสีย”จงหลี่เดินเข้ามาพลางมองกู้หว่านเยว่ด้วยสีหน้าอ่อนโยนเมื่อเห็นดวงตาของน้องเล็กเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย บนใบหน้าของเขาก็แสดงความเจ็บปวดใจออกมา ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“อย่าหักโหมเกินไปนัก”“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ จัดการเรื่องพวกนี้เสร็จก็เรียบร้อยแล้ว”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า แม้ว่านางจะเหนื่อยล้า ทว่ากลับรู้สึกตื่นเต้นเสียมากกว่าวันรุ่งขึ้น กองทัพใหญ่ยังคงมุ่งหน้าไปยังเมืองอื่น ๆ ต่อไปหน่วยลาดตระเวนของแคว้นเป่ยตี้ที่อยู่ในตงโจวนั้น แทบจะถอนกำลังออกไปจนหมดแล้ว ส่วนน้อยที่เหลืออยู่ก็วิ่งหนีกันแตกกระเจิงไปคนละทิศละทางการยึดคืนเมืองเหล่านี้ จึงราบรื่นเป็นพิเศษ ขณะเข้าเมือง กู้หว่านเยว่ก็พลันได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทดังมาจากข้างหน้า“ข้าว่าตาเฒ่า เจ้าเลวเกินไปแล้ว เหตุใดจึงนำยาปลอมมาหลอกพวกเราล่ะ?!”“ใช่แล้ว รีบคืนเงินให้พวกเราเดี๋ยวนี้!”เสียงสองเสียงดังขึ้น จากนั้นก็ตามด้วยเสียงของตาเฒ่า“ยาปลอมอะไรกัน? นี่คือยาจริง พวกเจ้าดูไม่เป็นเองต่างหาก มีตาแต่ห

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1765

    “ใส่ใจให้มากหน่อย ดูว่ามีข่าวคราวของหมอเทวดาเผยหรือไม่ เรื่องซุบซิบนินทาพวกนี้ ฟังให้น้อยลงหน่อย”เป่ยหมิงโยวหลานกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“อ้อ” ถังซือพยักหน้าด้วยความหดหู่ นี่เขาถูกรังเกียจแล้วหรือ?กลางโรงน้ำชา การซุบซิบนินทาของคนเหล่านั้นยังคงดำเนินไปอย่างเผ็ดร้อน โดยไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่าเจ้าตัวก็นั่งอยู่ข้าง ๆ พวกเขา“คนกลุ่มนี้พูดจาเหลวไหลสิ้นดี ไม่มีอะไรเป็นความจริงเลยสักประโยคเดียว”เสียงห้าว ๆ ดังขึ้น ที่แท้ก็เป็นคนของกลุ่มทหารรับจ้างฉื่อหรงที่เดินทางมาถึงที่นี่เช่นกัน หลังจากที่พวกเขาจัดการกลุ่มทหารรับจ้างเสินสุ่ยแล้ว ก็เดินทางมายังเมืองศูนย์กลางเพื่อรับภารกิจไม่คิดเลยว่า จะมาได้ยินเรื่องซุบซิบนินทาเข้าพอดีลั่วหรงมองพวกเขาอย่างเห็นใจ แม้ว่าท่านจะเป็นถึงองค์ชายหลาน แต่ท้ายที่สุดแล้ว ก็คงไม่มีวันได้หัวใจของหว่านเยว่ไปครอง“หัวหน้า คนที่ประกาศภารกิจดูเหมือนจะอยู่ทางนั้น” หลันเตี๋ยชี้ไปยังบุรุษอาภรณ์สีเขียวที่สวมหน้ากากคนหนึ่งซึ่งอยู่ตรงมุมหนึ่ง“ไป พวกเราไปกันเถอะ”ลั่วหรงพยักหน้า พาคนของตนมาอยู่ตรงหน้าเป่ยหมิงโยวหลาน...ทางด้านนี้ กู้หว่านเยว่ยังไม่รู้ว่า เรื่องเ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1764

    ...กู้หว่านเยว่สร้างชื่อเสียงโด่งดังจากศึกที่เมืองปิงเสวี่ยเพียงครั้งเดียว ภายในเวลาไม่กี่วัน ก็แพร่สะพัดไปทั่วที่ราบแห่งความโกลาหล“ได้ยินข่าวแล้วหรือไม่? ตงโจวมีองค์หญิงน้อยท่านหนึ่งปรากฏตัว ตีเมืองข่าหลอแตกไปแล้ว”ในเมืองศูนย์กลางที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดของที่ราบแห่งความโกลาหล ผู้คนกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งสนทนากันอย่างออกรสในโรงน้ำชาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้“จะไม่ได้ยินได้อย่างไร? หลังจากนั้นองค์ชายห้าแห่งแคว้นเป่ยตี้ยังยกทัพไปล้อมเมือง เจ้าทายสิว่าผลเป็นอย่างไร องค์หญิงน้อยท่านนั้น ใช้กำลังพลแค่ห้าพันนาย ก็สามารถเอาชนะกองทัพนับแสนของข่าปัวได้”“เรื่องนี้เจ้าคงยังไม่รู้กระมัง เป็นเพราะว่าองค์หญิงน้อยมีดินปืนอยู่ในครอบครอง ได้ยินมาว่าในวันเปิดศึกนั้น มีป้อมปืนตั้งอยู่บนกำแพงเมืองปิงเสวี่ย ขอเพียงมีคนกล้าเข้าใกล้ประตูเมืองปิงเสวี่ย กระสุนจากป้อมปืนก็จะระเบิดคนผู้นั้นจนแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี” ชายผู้หนึ่งในกลุ่มบรรยายด้วยความตื่นเต้นตอนที่เมืองปิงเสวี่ยเปิดศึก เขาบังเอิญติดอยู่ในเมืองพอดีเดิมทีคิดว่าโชคไม่ดี คงจะต้องเสียชีวิตในศึกครั้งใหญ่นี้เสียแล้วไม่คิดเลยว่าจะได

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1763

    “สั่งการลงไป บอกให้ทุกคนออกไปเก็บกวาดสนามรบ”“คืนนี้ ปูนบำเหน็จแก่ทั้งสามกองทัพ!”ดวงตาของกู้หว่านเยว่ทอประกายไม่นานนัก การสู้รบในวันนี้ก็จะแพร่สะพัดไปทั่วที่ราบแห่งความโกลาหลก่อนที่ศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าจะมาถึง พวกเขาต้องเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่“พ่ะย่ะค่ะ!”บนใบหน้าของทุกคนเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ไม่เคยมีช่วงเวลาใดที่สุขใจได้มากเท่าตอนนี้ประตูเมืองเปิดออก พวกเขาก็ทยอยกันออกไปเก็บกวาดสนามรบในฤดูหนาวอันหนาวเหน็บจนถึงกระดูก มหาสงครามอันยิ่งใหญ่และยืดเยื้อยาวนานที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ได้เปิดฉากขึ้นแล้วยามค่ำคืน ทหารทั้งสามเหล่าทัพได้แบ่งปันสุราและเนื้อสัตว์ รวมถึงอาหาร นำมากินดื่มกันกู้หว่านเยว่นั่งอยู่ริมหน้าต่าง เริ่มเขียนแผนการ การตั้งมั่นอยู่ในเมืองปิงเสวี่ย ไม่ใช่หนทางที่ยั่งยืน นางได้ปรึกษากับจงหลี่ไว้แล้วว่า จะนำทัพไปยึดดินแดนตงโจวกลับคืนมาก่อน จากนั้นจึงค่อยย้ายเมืองหลวงไปตั้งไว้ที่เมืองจ่าวเจ๋อของตงโจวด้วยประสบการณ์ในการปกครองเจดีย์หนิงกู่มาก่อน ทำให้นางเชี่ยวชาญขึ้นมากก่อนนอน กู้หว่านเยว่ได้ไปเติมเสบียงในยุ้งฉางใหญ่ ๆ แต่ละแห่งของเมืองปิงเสวี่ยจนเต็มเสบียงเหล่านี้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status