Share

บทที่ 4

Author: ฮวาฮวาตีลังกาแปล
เสียงอิเล็กทรอนิกส์ดังขึ้นภายในสมอง ทำให้กู้หว่านเยว่ตกใจแทบแย่

“เจ้าเป็นใคร?”

“สวัสดีเจ้านาย ข้าเป็นผู้ดูแลระบบมิติ รับผิดชอบตอบปัญหาที่ท่านสงสัยโดยเฉพาะ”

มิติคือพลังวิเศษที่นางมีตั้งแต่ชาติก่อน ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยได้ยินเรื่องผู้ดูแลระบบอันใด

“ก่อนนี้เจ้านายอยู่ในขั้นเริ่มต้น จึงไม่ได้เปิดใช้งานฟังก์ชันของระบบ แต่อิงตามการกักตุนสินค้าเต็มพื้นที่ของท่านในวันนี้ มิติได้เปิดใช้งานผู้ดูแลระบบและอาคารทางการแพทย์ให้ท่านแล้ว”

กู้หว่านเยว่หลับตาลง เพียงนึกคิดก็เข้าสู่มิติได้แล้ว ดังคาด ภายในพื้นที่กักตุนสินค้า นอกจากสิ่งของที่นางเก็บมา ก็มีอาคารทางการแพทย์เครื่องมือล้ำสมัยหลังหนึ่ง

ทว่า เหตุใดเป็นอาคารทางการแพทย์เล่า?

“ซูจิ่งสิงต้องการอาคารทางการแพทย์ เจ้าก็เปิดการใช้งานอาคารทางการแพทย์ ตกลงเจ้าของร่างคือข้าหรือซูจิ่งสิงกันแน่?”

กู้หว่านเยว่ไม่สบอารมณ์อย่างมากในใจ

“...” ผู้ดูแลระบบแกล้งตายไปแล้ว

กู้หว่านเยว่ทำเพียงสำรวจการเปลี่ยนแปลงภายในมิติ นอกจากอาคารทางการแพทย์ นางยังพบหน้าจอคล้ายศูนย์ควบคุมทำนองนั้นเพิ่มขึ้นมาในระบบอย่างหนึ่ง ข้างบนเขียนการเปิดใช้งานอาคารใหม่หลากหลายแบบ

อาคารใหม่ที่จะเปิดลำดับถัดไป คือห้องครัวอาหารเลิศรส

นั่นก็หมายความว่า ขอเพียงนางพยายามกักตุนสินค้า ก็สามารถเปิดใช้งานห้องครัวอาหารเลิศรสได้แล้ว ไม่ต้องใส่อาหารเลิศรสเข้าไปด้วยตนเอง?

ให้ตายเถอะ ไม่ต้องสบายถึงเพียงนี้ก็ได้กระมัง!

กู้หว่านเยว่มีความสุขจนไม่สามารถหุบปากได้ ออกจากมิติแล้ว เห็นซูจิ่งสิงหมดสติไปอีกครั้ง ก็หยิบผงยาฆ่าเชื้อมาหนึ่งห่อ จากนั้นทาลงบนกล้ามท้องของเขา

ขณะเดียวกัน เสียงตะโกนเรียกสองสายก็ดังขึ้นห่างออกไปไม่ไกลนัก

“ท่านแม่!” “ท่านยาย!”

เพียงได้ยินเสียงนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าก็รีบเงยหน้ามองออกไป ผู้มาเยือนก็คือบุตรีคนที่ห้าที่นางรักที่สุดซูหวู่อวิ๋นและบุตรีของนางหลี่ซือซือ

“หวู่อวิ๋นเอ๋ย เจ้ามาส่งพวกเราใช่หรือไม่?”

ฮูหยินผู้เฒ่าทอดสายตามองสัมภาระห่อใหญ่ข้างหลังนาง ครุ่นคิดในใจ มิได้เอ็นดูบุตรีคนนี้โดยเสียเปล่าดังคาด

ใครจะรู้ว่าซูหวู่อวิ๋นกลับร้องไห้ออกมาแล้ว “หลี่เปียวเขาไม่ใช่คน ได้ยินว่าเกิดเรื่องกับจวนอ๋องแล้ว เขากลัวเดือดร้อนไปด้วย ถึงขั้นขอหย่าข้าแล้ว...”

ฮูหยินผู้เฒ่ายังดึงสติกลับมาไม่ได้ “มิใช่พูดว่าโทษไม่มีผลต่อลูกสาวออกเรือนแล้วหรือ?”

ซูหวู่อวิ๋นเช็ดน้ำตา “เขาเห็นข้าขวางหูขวางตาตั้งแต่แรกแล้ว รังเกียจข้าที่ไม่ให้กำเนิดลูกชาย อาศัยว่าสกุลซูของพวกเราเกิดเรื่องพอดี กังวลข้าตอแย ยังไปกราบทูลฝ่าบาทขอให้เนรเทศข้าไปพร้อมกับสกุลซูด้วย”

ฮูหยินผู้เฒ่าเกือบโมโหจนหมดสติ ชี้ทางจวนสกุลหลี่พลางสาปแช่ง

“ซือซือเล่า หลี่เปียวไม่เอาแม้แต่ลูกสาวของตนกระนั้นหรือ?”

ดรุณีน้อยอายุราวสิบห้าสิบหกปีทางด้านข้าง ก็คือหลี่ซือซือ

ขอบตานางแดงก่ำ “ท่านพ่อต้องการเพียงลูกชาย ไม่ต้องการลูกสาว ไล่ข้าออกมาแล้วเจ้าค่ะ”

ได้ยินว่าหลี่เปียวไร้เหตุผลถึงเพียงนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธแทบตาย อยากถกแขนเสื้อบุกสกุลหลี่เสียให้ได้

ซูหวู่อวิ๋นและหลี่ซือซือกอดกันร้องไห้พักหนึ่ง จู่ๆ หลี่ซือซือก็หันมองทางเกวียนสีหน้ากังวล “เหตุใดญาติผู้พี่จิ่งถูกโบยจนกลายเป็นเช่นนี้ไปได้?”

สีหน้าฮูหยินผู้เฒ่าเข้มขึ้น ไม่เปล่งวาจา

ซูหัวหลินกลับสบถด่าบ้านสามออกมาอย่างไม่คิดปิดบังต่อหน้าทุกคน “มิใช่เพราะเขาขายบ้านเมืองเพื่อความรุ่งโรจน์ ถูกฝ่าบาทสั่งโบยหรือ ล้วนต้องตำหนิเขา สกุลซูของพวกเราถูกเขาทำให้เดือดร้อนไปด้วย!”

หลี่ซือซือบีบนิ้วมือ “เรื่องนี้ ตำหนิญาติผู้พี่จิ่งไม่ได้เจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นตำหนิใครได้เล่า?”

“ท่านยายและพวกท่านลุงอย่ารำคาญข้าเลย เมื่อครึ่งเดือนก่อน ข้าไปจุดธูปที่วัด ระหว่างทางบังเอิญพบนักพรตเต๋าท่านหนึ่ง

พูดว่าคุณหนูสกุลกู้มีดาวหายนะ จะนำพาภัยพิบัติมาสู่สกุลซูของพวกเรา

เมื่อนั้นข้ากลัวยิ่งนัก ทั้งยังได้เห็นฝ่าบาทพระราชทานสมรสก็ไม่กล้าพูด ใครจะรู้ ว่าจะกลายเป็นจริงเสียแล้ว...”

เพียงนางพูดถ้อยคำนี้ออกมา ทุกคนก็ล้วนหันมองทางกู้หว่านเยว่ สายตาพินิจพิเคราะห์อยู่บนตัวกู้หว่านเยว่ ต้องการหาหลักฐานว่านางคือดาวหายนะ

“เพราะเหตุนี้จวนโหวถึงต้องการตัดความสัมพันธ์กับนาง”

“ล้วนต้องตำหนินาง ที่ทำร้ายพวกเราแล้ว!”

เสียงสบถด่าของทุกคนในสกุลซูดังขึ้นมา สายตาจับจ้องกู้หว่านเยว่ อยากถลกหนังนางออกมาเสียให้ได้ โดยเฉพาะพวกฝ่ายชายอารมณ์วู่วามเหล่านั้น ยกกำปั้นเดินเข้าหากู้หว่านเยว่แล้ว

ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็ไม่ห้าม กู้หว่านเยว่ตัดความสัมพันธ์กับจวนโหวแล้ว ระหว่างเดินทางเนรเทศก็ไม่ลงแรงเลยแม้แต่น้อย ถูกตีก็สมควรแล้ว!

เห็นว่าคนเหล่านั้นใกล้เดินมาถึงหน้ากู้หว่านเยว่แล้ว ซูจื่อชิงที่หลบอยู่ข้างหลังนางหยางพลันโผล่พรวดออกมา

“พวกเจ้าห้ามรังแกพี่สะใภ้ใหญ่ของข้า!”

เขายังไม่ลืมยามพี่ใหญ่และท่านแม่ถูกเจียงเต๋อจื้อรังแก มีเพียงพี่สะใภ้ใหญ่ออกมาช่วยเหลือ

เป็นคนต้องรู้จักตอบแทนบุญคุณ พี่ใหญ่หมดสติยังไม่ฟื้น เขาต้องเป็นคนปกป้องพี่สะใภ้ใหญ่!

ซูหัวหลินพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ซูจื่อชิงเจ้าหลีกไปที่ด้านข้าง พวกเราสกุลซูถูกนางทำร้ายจนกลายเป็นเช่นนี้ วันนี้จะต้องสั่งสอนนางให้ได้!”

“พวกเราสกุลซูถูกใส่ความ หาใช้ถูกพี่สะใภ้ใหญ่ทำร้ายไม่ ข้าไม่หลีก”

“ไม่หลีกก็จะตีเจ้าไปพร้อมกันเสียเลย”

ซูหัวหลินเองก็ไม่เกรงใจ ยื่นมือออกไปผลักซูจื่อชิงให้พ้นทาง กู้หว่านเยว่รีบถลันเข้าไปรับคน ขณะเดียวกันก็จับข้อมือของซูหัวหลิน หักแรงๆ

“ให้ตายเถอะ เจ็บจะตายอยู่แล้ว...”

ซูหัวหลินจับข้อมือที่ถูกหักพลางร้องไห้ตะโกนหามารดา นางเฉียนและลูกชายอีกสองคนรีบถลันขึ้นไป

“นางแพศยาหาญกล้าทำร้ายท่านพ่อ (สามี) ข้า เจ้าจะได้เห็นดี...”

มองเห็นคนกลุ่มนั้นของบ้านรองถลันขึ้นมา กู้หว่านเยว่กลับไม่ว้าวุ่น หนึ่งมือดึงซูจื่อชิงไปไว้ข้างหลัง หนึ่งมือจับคอเสื้อเหวี่ยงพวกเขาแรงๆ ล้มลงตรงหน้าหลี่ซือซือ

ถัดมาเดินเข้าไปตบหลี่ซือซือสองฉาด

“สร้างเรื่องเท็จมีความสุขมากกระมัง ถูกตบมีความสุขหรือไม่เล่า?”

หลี่ซือซือคนนี้มาทีหลัง สายตาจับจ้องซูจิ่งสิงอยู่ตลอด ดึงก็ดึงออกมาไม่ได้ คิดว่านางกู้หว่านเยว่เป็นคนโง่หรืออย่างไร?

ในต้นฉบับนิยาย หลี่ซือซือหลงรักซูจิ่งสิง แต่น่าเสียดายซูจิ่งสิงยังไม่ทันเดินทางก็พิษกำเริบตายไปแล้ว

ท้ายที่สุด นางแต่งงานกับบุตรสายตรงของบ้านใหญ่ซู ก็มิได้ทำให้เจ้าของร่างเดิมลำบาก บัดนี้เห็นว่าชะตาชีวิตของซูจิ่งสิงถูกเปลี่ยนแปลงแล้ว น่ากลัวว่าภายภาคหน้าต้องเกิดปัญหาเป็นแน่

แต่ คิดสร้างปัญหาบนตัวนางกู้หว่านเยว่? ฝันไปเถอะ

หลี่ซือซือถูกตบจนงุนงงแล้ว หลั่งน้ำตาดุจดอกสาลี่ต้องหยาดพิรุณ “นางบ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ เจ้าพูดเลื่อนเปื้อน ข้ามิได้...”

สีหน้าฮูหยินผู้เฒ่าดำทะมึน “นางกู้ เจ้าจะก่อกบฏหรือ!”

“ก่อกบฏ? ท่านนับเป็นอันใด ท่านเป็นฮ่องเต้หรือ ท่านเองก็คู่ควร?”

ปากของกู้หว่านเยว่นี้สามารถทำให้คนโมโหตายได้

อาศัยนางมีวรยุทธ์แข็งแกร่ง สกุลซูไม่กล้าขยับขึ้นมาแม้คนเดียว ทำได้เพียงสบถด่าสาปแช่งนางอยู่ไม่ไกล

ด่าก็ด่า อย่างไรเสียก็ไม่มีเนื้อชิ้นใดตกไป กู้หว่านเยว่ไม่สนใจ

ขณะเดียวกัน นักการในศาลาว่าการก็ตะโกน “นักโทษจัดเรียงแถวให้ดี เตรียมออกเดินทางแล้ว”

ได้ยินว่าใกล้จะออกเดินทางแล้ว เสียงร่ำไห้บนเนินเขาสิบลี้ยังมิอาจระงับไหว ไม่ว่าญาติที่มาส่งหรือนักโทษถูกเนรเทศล้วนร่ำไห้คร่ำครวญ

กาลข้างหน้ามิอาจคาดเดา ไม่มีวันกลับมาเมืองหลวงได้อีกแล้ว...

ท่ามกลางเสียงร่ำไห้ ทุกคนถูกนักการในศาลาว่าการเร่งให้เดินทาง

บ้านสกุลซูเหล่านั้นเดินอยู่ข้างหลังสุด ปกติพวกเขาล้วนใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไร้กังวล บนเท้าเกิดตุ่มน้ำพองอย่างรวดเร็ว เจ็บปวดทุกย่างก้าว

“เดินมานานถึงเพียงนี้แล้ว ไม่พักผ่อนสักหน่อยหรือ อยากทำให้พวกเราเหนื่อยตายใช่หรือไม่?”

คนมากมายยังมิอาจแก้อุปนิสัยของขุนนางผู้สูงศักดิ์ เหนื่อยจนทนไม่ไหวแล้วก็อ้าปากบ่นๆ ด่าๆ นางหลิวไม่ชอบออกกำลังกายร่างกายอ้วนท้วมอยู่บ้าง บัดนี้เหนื่อยมากแล้ว

ดวงตานางกลิ้งกลอก อุทานไอหยาเสียงหนึ่งก็ล้มลงแกล้งหมดสติบนพื้น

ทุกคนมีแบบอย่างก็เลียนแบบ คิดอยากล้มลงไปด้วย ใครรู้นักการในศาลาว่าการรีบหยิบแส้เข้าไปแล้วฟาดลงบนตัวนางหลิวทีหนึ่ง

“หมดสติแล้วหรือ? ข้าเชี่ยวชาญรักษาอาการหมดสติยิ่งนัก รีบลุกขึ้นมาแล้วเร่งเดินทาง หาไม่แล้วจะตีเจ้าให้ตาย!”

นางหลิวเจ็บจนร่ำไห้โอดครวญ กลิ้งบนพื้นขอความเมตตา นักการในศาลาว่าการกลับไม่ใจอ่อน นักโทษถูกเนรเทศตายกลางทางบ่อยครั้ง ขอเพียงไม่ตายทั้งหมดก็ไม่เป็นไร
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (4)
goodnovel comment avatar
จีรพันธ์
ติดตามต่อ ๆๆๆๆ
goodnovel comment avatar
Dumpjea
เพิ่งเข้ามา ก็ก่อเรื่อง สร้างความแตกแยกซะแล้ว อยากได้ญาติผู้พี่ละสิ
goodnovel comment avatar
วรรณดี ศาลาทอง
ขอบคุณมากค่ะสนุกมาก
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1954

    องค์หญิงน้อย นี่...”“ต่อกระดูกเจ็บอยู่บ้าง กลัวเขาจะร้องไห้คร่ำครวญกัดลิ้นตนเองขาด ไม่สู้ตีเขาให้หมดสติไปก่อน เจ้าออกไปเถอะ”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่งอย่างใจเย็น หลันเตี๋ยพยักหน้า กลัวรบกวนกู้หว่านเยว่จึงรีบหันหลังเดินจากไป ก่อนจากไปยังตั้งใจมัดกระโจมให้แน่น ป้องกันมีคนไปรบกวนกู้หว่านเยว่เห็นนางเชื่อฟังเพียงนี้ พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ รีบนำเครื่องมือออกจากระบบเพื่อช่วยรักษาอาการให้เหล่าคังภายนอกกระโจม หลันเตี๋ยรายงานสถานการณ์ให้ลั่วหรงรับรู้ “องค์หญิงน้อยกำลังช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้เหล่าคัง ก่อนออกมาได้สั่งไว้ ห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าไปรบกวน”ลั่วหรงพยักหน้า“ก็ได้ เช่นนั้นข้าจะอยู่เฝ้านอกกระโจม”เห็นใต้ตาดำคล้ำอยู่จางๆ ของหลันเตี๋ย เขาโบกมือพลางพูดว่า “เจ้าเองก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว รีบไปพักผ่อนเถอะ”หลันเตี๋ยมีวิชาแพทย์อยู่บ้าง ก่อนกู้หว่านเยว่มา นางเป็นผู้รักษาผู้ได้รับบาดเจ็บคนอื่น เพียงแต่อาการของเหล่าคังร้ายแรงมาก ยารักษาในมือนางไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าสมควรทำเช่นไร“ก็ดี เช่นนั้นข้าไปพักผ่อนก่อนสักครู่ มีเรื่องใดก็รีบแจ้งข้า”หลันเตี๋ยพยักหน้า กลับไม่ฝืนร่างกายทนไม่ไ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1953

    คิดไม่ถึงเลยว่าบัดนี้ความคิดที่มีต่อนางจะเปลี่ยนไปใหญ่หลวงเพียงนี้ นับว่าหาได้ยากยิ่งกู้หว่านเยว่ยิ้มอ่อนโยน “มาหาของกับสามีข้า”“สามี?”หลันเตี๋ยหันมองชายข้างกายกู้หว่านเยว่ในทันใด นี่ถึงพบว่าทางด้านข้างมีชายหล่อเหลาไม่ธรรมดาท่านหนึ่ง คนทั้งกลุ่มทหารรับจ้างสู้คนผู้นี้ไม่ได้กลับไม่ได้พูดเกินจริงนางปิดปากพูดด้วยความตกตะลึง “ก่อนหน้านี้หัวหน้าหน่วยเกี้ยวพาท่าน ท่านบอกพวกเราว่าท่านมีสามีแล้ว ทีแรกคิดว่าท่านบ่ายเบี่ยง คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นความจริง ยิ่งไปกว่านั้นยังหล่อเหลาเพียงนี้!”ซูจิ่งสิงเลิกคิ้วขึ้น สีหน้าแปลกใจไม่มากนักนับตั้งแต่ได้เห็นสายตาลั่วหรงยามสบมองกู้หว่านเยว่ครั้งแรก เขาก็รับรู้ได้ว่านี่คือแอบรัก ทว่าเขาไว้ใจภรรยาของตนลั่วหรงกระแอมทีหนึ่ง “เอาล่ะ หลันเตี๋ย ตอนนี้ไม่ใช่เวลารำลึกความหลัง พาองค์หญิงน้อยไปดูเหล่าคังก่อนเถอะ”“อ้อ”หลันเตี๋ยแลบลิ้น รีบพากู้หว่านเยว่เข้าไปภายใน“องค์หญิงน้อย ท่านตามข้ามาดูอาการของเหล่าคังในกระโจมเถอะ อีกสองคนที่ได้รับบาดเจ็บข้าพันแผลไว้ดีแล้ว มีเพียงเหล่าคังอาการร้ายแรงที่สุด ข้าไม่สามารถรักษาได้”กู้หว่านเยว่หันไปบอกซูจิ่งสิง จากนั

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1952

    “อะไรนะ?” ลั่วหรงเผยสีหน้าตกตะลึง เกิดลางสังหรณ์บางอย่าง แหงนหน้ามองไปมองเห็นเงาร่างในชุดสีฟ้า โรยลงมาจากบนต้นไม้สู่พื้นดินต่อหน้าทั้งสองคน กู้หว่านเยว่ผลิยิ้มกว้าง “พี่ใหญ่ลั่วหรง ไม่ได้พบกันนาน”ลั่วหรงตกตะลึงระคนดีใจ“นี่ องค์หญิงน้อย เหตุใดเป็นท่าน เหตุใดท่านมาที่แคว้นเซียนหลิงได้เล่า หนำซ้ำยังเข้ามาในภูเขาน้ำแข็งของป่าลึกแห่งนี้อีกด้วย”ลั่วหรงตกตะลึงพรึงเพริด ในขณะเดียวกันรู้สึกดีใจเต็มเปี่ยมภายในที่ราบแห่งความโกลาหล พวกเขากลุ่มทหารรับจ้างเดินทางขึ้นเหนือจรดใต้ ล้วนไม่เคยปักหลักอยู่ที่ใดนานนัก สามารถพูดได้ว่า ชีวิตนี้โอกาสที่จะได้พบกู้หว่านเยว่น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ทุกครั้งได้พบหน้าล้วนยากลำบากกระนั้นหลังผ่านความดีใจไปแล้ว เขาสังเกตเห็นซูจิ่งสิงที่อยู่ข้างกายอย่างว่องไว เมื่อครู่ซูจิ่งสิงพูดอันใด? ฮูหยิน?ที่แท้เขาก็คือชายในดวงใจขององค์หญิงน้อยนี่เอง!ลั่วหรงเพ่งพิศซูจิ่งสิงเงียบๆ แวบหนึ่ง จากนั้นรับรู้ถึงความรู้สึกพ่ายแพ้อย่างลึกซึ้ง ชายเบื้องหน้ารูปโฉมหล่อเหลาดุจหยก รัศมีน่าเกรงขาม หน้าตางดงามยากจะหาผู้ใดทัดเทียม วิชายุทธที่เขาแสดงออกมาไม่ด้อยไปกว่าตนแพ้แล้ว!ภายใน

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1951

    สีหน้ากู้หว่านเยว่เปลี่ยนไป รีบส่ายหน้า ซูจิ่งสิงที่อยู่ข้างกายไม่ต้องเอ่ยเตือน ก็สังเกตเห็นอันตรายที่แฝงอยู่แล้วรีบอุ้มกู้หว่านเยว่หลบไปที่ฝั่งหนึ่ง ทั้งสองคนหันหน้าไป มองเห็นหมีขาวตัวหนึ่ง จู่ๆ ก็กระโดดออกจากป่าถูกปกคลุมด้วยหิมะน้ำแข็งเส้นขนสีขาวดุจหิมะสะท้อนไอเย็น แววตาคู่นั้นดุดัน จับจ้องทั้งสองคนเขม็งมุมปากยังเจือรอยโลหิตแห้งกรัง เห็นว่ากู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเห็นมันแล้วก็รีบก้าวเท้าว่องไวออกจากป่า มุ่งหน้ามาทางพวกเขาหมีสีขาวตัวนี้ใหญ่โตหนักราวห้าถึงหกร้อยชั่ง เผชิญหน้ากับมัน น่ากลัวว่าอาจถูกมันตะปบตาย ซูจิ่งสิงรีบอุ้มกู้หว่านเยว่เหินบินไปที่ต้นไม้ทางฝั่งหนึ่ง“ปึง!”เจ้าหมีโมโหทุบต้นไม้ทีหนึ่ง ยังดีต้นไม้ต้นนี้แข็งแรงมาก ไม่อาจทุบหักได้ในทันทีทว่าทั้งสองคนยืนบนต้นไม้ก็ยังโคลงเคลงไปมา กู้หว่านเยว่บ่น “คิดไม่ถึงเลยว่าภายในป่านี้จะมีหมีตัวใหญ่เพียงนี้อยู่ เห็นรอยเลือดบนมุมปากและอุ้งมือของเจ้าหมีตัวนี้แล้ว น่าจะเพิ่งล่ามา”ซูจิ่งสิงพยักหน้า เขาเองก็มองออกแล้ว“หมีตัวนี้มีพลังสังหารไม่น้อยเลย น้องหญิง เจ้าอยู่รอข้าบนต้นไม้ก่อน ให้ข้าจัดการมันก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่กำลัง

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1950

    กู้หว่านเยว่ครุ่นคิดในใจ นางคิดว่านางน่าจะรู้แล้วว่าเหตุใดคนเหล่านี้จึงหาชิ้นส่วนแผนที่ขุมทรัพย์ไม่เจอ ชิ้นส่วนแผนที่ขุมทรัพย์สองชิ้นอยู่ในทวีปเทียนเสวียน มีเพียงชิ้นเดียวที่อยู่ในที่ราบแห่งความโกลาหล ถ้าพวกเขาหาเจอสิถึงจะแปลก“จริงสิ ครั้งที่แล้วเจ้าลูกชายตัวดีของข้าบอกว่าได้ชิ้นส่วนแผนที่ขุมทรัพย์มาจากองค์หญิงเป่ยตี้ ยังทำให้ข้าดีใจเก้อไปพักหนึ่ง” ฮ่องเต้แคว้นเซียนหลิงทรงนึกอะไรขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน บ่นอย่างไม่สบอารมณ์ ทำให้กู้หว่านเยว่รู้สึกผิดในใจหนานฉีไม่ได้พูดจาเหลวไหล เขาได้ครอบครองชิ้นส่วนแผนที่ขุมทรัพย์ในช่วงสั้น ๆ จริง เพียงแต่ว่าไม่นานหลังจากนั้น ชิ้นส่วนแผนที่ขุมทรัพย์ชิ้นนั้นก็ตกมาอยู่ในมือของนางเสียแล้ว“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านกลับไปก่อนเถอะ” เดิมทีกู้หว่านเยว่คิดจะให้ฮ่องเต้แคว้นเซียนหลิงช่วยตามหาว่าทางเข้าถ้ำสมบัติอยู่ที่ไหน แต่พอได้ยินเขาบอกว่าข้างในมีทรัพย์สมบัติมหาศาลเช่นนั้น นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ยังคงรู้สึกว่าตนเองไปจัดการเองน่าจะปลอดภัยกว่าหลังจากที่ฮ่องเต้แคว้นเซียนหลิงออกไปแล้ว กู้หว่านเยว่จึงได้ปรึกษากับซูจิ่งสิง ตั้งใจว่าจะไปตามหาถ้ำสมบัตินี้ด้วยกัน“พ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1949

    เดิมทีกู้หว่านเยว่ตั้งใจจะกลับไปที่ตงโจวก่อน แล้วค่อยกลับมาจัดการเรื่องของแคว้นเซียนหลิง แต่ใครจะรู้ว่าทันทีที่ฮ่องเต้แห่งแคว้นเซียนหลิงทรงทราบว่านางเดินทางผ่านมา ก็รีบนำขุนนางร้อยคนออกไปต้อนรับทันที ทำให้ประชาชนในแคว้นเซียนหลิงแตกตื่นกันไปหมด“นี่ใครกัน เหตุใดถึงได้เอิกเกริกขนาดนี้?” “แม้แต่ฮ่องเต้ยังเสด็จออกไปต้อนรับด้วยพระองค์เอง เกรงว่าจะมีฐานะไม่ธรรมดา”ชายคนหนึ่งที่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังกล่าวขึ้นอย่างช้า ๆ “คือองค์หญิงน้อยแห่งตงโจว”คนอื่น ๆ “หา ฝ่าบาททรงเสียสติไปแล้วหรือ เหตุใดถึงต้องไปต้อนรับองค์หญิงน้อยของตงโจวด้วยเล่า หากเรื่องนี้แพร่ออกไป แคว้นเซียนหลิงของเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?”ขณะที่ทุกคนกำลังงุนงงและวิพากษ์วิจารณ์กัน ขันทีข้างกายของฮ่องเต้ก็เดินออกมา เชิดคางขึ้นแล้วกล่าวอย่างชอบธรรม “สงบปากสงบคำเสีย พวกเจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรกัน องค์หญิงน้อยแห่งตงโจวอะไรกัน ข้าจะบอกพวกเจ้าให้นะ นั่นคือเทพธิดาแห่งแคว้นเซียนหลิงของเรา เทพธิดาทรงกล้าหาญ จนได้เป็นเยว่อ๋องแห่งตงโจว ในอนาคตตงโจวก็คือแคว้นที่เป็นมิตรของเรา เข้าใจหรือไม่?”ทุกคน ?หนานโย่วที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนได้แต่เกาหัวอย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status