Share

บทที่ 6

Author: ฮวาฮวาตีลังกาแปล
ซูจิ่งสิงไม่รู้ว่าตนตื่นตั้งแต่เมื่อไร

“ดีเหลือเกิน พี่ใหญ่ ในที่สุดท่านก็ตื่นแล้ว”

ซูจื่อชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

พี่ใหญ่ตื่นแล้ว ในที่สุดเรื่องพี่สะใภ้ใหญ่ก็มีกำลังหนุนแล้ว

“พยุงข้าหน่อย” ซูจิ่งสิงยื่นมือออกมาอย่างอ่อนแรง พอนั่งพิงหัวเตียงได้แล้ว เขาก็มองดูกู้หว่านเยว่ที่ยืนอยู่คนเดียวด้วยสายตารู้สึกผิด

“ขอโทษนะ”

ไม่เพียงแต่ทำให้นางเดือดร้อน แต่ยังทำให้นางถูกตระกูลซูหยามเหยียด

กู้หว่านเยว่สบตาเขา ตกตะลึงไปเล็กน้อยแล้วรีบร้อนพูดว่า “ไม่ต้องขอโทษข้าหรอก เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่าน”

ยิ่งไปกว่านั้น นางเองก็ไม่สนใจวาจาของพวกคนขยะ

แต่นางไม่คิดว่า ซูจิ่งสิงจะปกป้องนาง

ทว่ากลับเป็นคนอื่นๆ ในห้องที่อดกลั้นไว้ไม่ไหว และไม่สนว่าบาดแผลของซูจิ่งสิงเป็นอย่างไร กระโจนเข้ามาถามว่า

“จิ่งสิง เจ้าขอโทษนางมันหมายความว่าอย่างไร? เจ้าคิดว่าพวกเราเหล่าผู้เฒ่าทำผิดหรือ?”

หากไม่หย่าภรรยา หรืออยากเห็นนางทำลายตระกูลหรือ?!

“รีบหย่ากับนางเสีย ขอเพียงเจ้าหย่ากับนาง พวกเรายังคงเป็นครอบครัวเดียวกัน”

“...”

ครอบครัวเดียวกัน?

ฮะๆ... ช่างเป็นครอบครัวเดียวกันที่แสนประเสริฐ

ยามเขายังเป็นเจิ้นเป่ยอ๋อง ไม่เคยลืมที่จะช่วยเหลือท่านลุงและเหล่าพี่น้อง ให้พวกเขาได้อาศัยอยู่ในวังด้วยกัน รุ่งโรจน์รับพร

ตอนนี้เขาตกระกำลำบาก มารดาและพี่น้องอยากกินซาลาเปาสักลูกยังไม่ให้ ทั้งยังบังคับให้เขาหย่าภรรยา

นี่เรียกว่าครอบครัวเดียวกันหรือ?

ซูจิ่งสิงยิ้มหยัน กวาดมองใบหน้าของทุกคนทั้งบ้านใหญ่ บ้านรอง และบ้านสี่แห่งตระกูลซู

สายตาเย็นชาคู่นั้น ทำให้ทุกคนตัวสั่นด้วยความรู้สึกผิด หุบปากฉับลงโดยไม่รู้ตัว

แม้ว่าเขาจะตกต่ำ แต่รัศมีที่แผ่ออกมายังคงมีกลิ่นอายของเทพสงคราม

จากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็หลับตา เกียจคร้านเกินกว่าจะมองคนเหล่านี้อีกต่อไป และพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกว่า

“ท่านลุงทุกท่านต้องบังคับให้ข้าหย่าภรรยาให้ได้ใช่หรือไม่?”

ทุกคนกลัวเกินกว่าจะพูดอะไรอีก รีบมองไปที่ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นตาเดียว

ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวว่า “จิ่งสิง พวกเราหาได้บังคับเจ้า ปัญหาของตระกูลซูในปัจจุบันก็เกิดจากคุณเช่นกัน"

“หากข้ายืนกรานไม่หย่าภรรยาเล่าขอรับ?”

ฮูหยินผู้เฒ่ามองมาอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “เช่นนั้นก็อย่าได้โทษที่ข้าโหดเหี้ยม ไม่สนใจบ้านสามของเจ้าแล้วกัน!”

“เฮ้อ...”

ซูจิ่งสิงเศร้าระทมอยู่ในใจ ไม่พูดอะไรออกมาอยู่นาน และในตอนที่ทุกคนคิดว่าเขาถูกบังคับจนไร้ทางเลือก ต้องยอมหย่าภรรยาแน่แล้วนั้น เขาก็ลืมตาขึ้น พูดอย่างเฉยเมย

“หย่าภรรยา ข้าไม่มีทางยินยอม

ในเมื่อทุกท่านไม่อยากสนใจบ้านสามของข้า เช่นนั้นก็ตัดสัมพันธ์กันเถอะขอรับ”

ตัดสัมพันธ์แล้ว บ้านสามของข้าก็ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับพวกท่านอีก ภรรยาของข้าแน่นอนว่าไม่มีทางเดือดร้อนไปถึงพวกท่าน”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา ทุกคนก็ตกตะลึง แม้แต่กู้หว่านเยว่เองก็นิ่งอึ้งไป

นางย่อมไม่คิดว่าชายผู้นี้ยอมตัดความสัมพันธ์เพื่อนางเพียงอย่างเดียว คงเป็นเพราะโดนตระกูลซูเหยียบย่ำหัวใจ

แต่เพียงความกล้าหาญนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้นางประทับใจไม่รู้ลืม

นางกู้หว่านเยว่ไม่ได้ช่วยผิดคน

เมื่อฟื้นคืนจากความตกใจ บ้านอื่นๆ ก็เริ่มตื่นตัวขึ้นมา

บ้านสามทั้งครัวมีห้าคน ไร้เงินเลี้ยงตัว กินอยู่ล้วนพึ่งพาพวกเขาบ้านอื่นทั้งสิ้น คิดดูแล้วย่อมไม่สมดุล

ตัดสัมพันธ์?... ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องเลวร้าย

แม้ว่าบรรพบุรุษของตระกูลซูจะเคยกำหนดกฎตายไม่อาจตัดสัมพันธ์ บอกว่าเคยมีผู้ทำนายทายชะตาว่าหากตัดสัมพันธ์ บางบ้านจะมีชีวิตที่น่าสังเวช

แต่ครั้งนี้เป็นซูจิ่งสิงเสนอตัดสัมพันธ์ หาใช่พวกเขาไม่ พวกเขาไม่ได้ละเลยกฎของบรรพบุรุษแต่อย่างใด

อีกทั้งซูจิ่งสิงบาดเจ็บสาหัส ใครใดจะน่าสังเวชไปกว่าเขาอีก?

ซูหัวหลินผู้ขึ้นมาเป็นคนแรก “ข้าอยากตัดสัมพันธ์มานานแล้ว ในเมื่อครั้งนี้เจ้าพูดออกมาเอง เช่นนั้นก็อย่าโทษข้าลุงรองโหดเหี้ยม ข้ายินยอมตัดสัมพันธ์”

นางเฉียนเองก็กล่าวสมทบ “ข้าก็ยินยอมตัดสัมพันธ์!”

“ไม่ได้!” ฮูหยินผู้เฒ่ายังคงยึดยื้อ

ซูหัวหลินรีบโน้มน้าว “ท่านแม่ เก็บบ้านสามไว้มีแต่จะเดือดร้อนพวกเรา ทั้งซูจิ่งสิงเองบาดเจ็บสาหัส ดีไม่ดีว่าวันสองวันนี้ก็...”

ซูจื่อชิงเบิกตากว้าง “ก็อะไร? เจ้าพูดมาให้กระจ่างนะ!”

“เหอะ พูดก็พูด อาการบาดเจ็บของเขาสาหัสสากรรจ์ อากาศเองก็ร้อนเสียปานนี้ ข้างทางไร้หมอยาคอยตระเวนดูแล ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้บาดแผลก็อาจเป็นหนองตายได้! ถึงตอนนั้น ก็ต้องให้พวกเราเสียเงินจัดงานอาลัยอีก”

“ข้าจะฆ่าเจ้า!” ซูจื่อชิงโกรธมากจนตัวสั่น โมโหกับคำพูดชั่วร้ายของเขา รุดพุ่งไปข้างพร้อมง้างหมัด

“พอแล้ว! ซูจื่อชิง ไม่รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ เจ้าจะทำร้ายผู้อาวุโสของตนเองหรือไร?”

ฮูหยินผู้เฒ่ากระแทกไม้เท้า ดวงตาชราขึ้นฝ้าทอแววประกาย คำพูดของเจ้าสองกระทบใจนาง

นางยังไม่ตัดสัมพันธ์ เพราะกังวลว่าซูจิ่งสิงจะยังมีทางออก

แต่เมื่อมองดูสภาพของซูจิ่งสิงในตอนนี้ ก็เห็นชัดแล้วว่ามีเคราะห์มากกว่าโชค เช่นนั้นไม่สู้...

“จิ่งสิง เจ้าแน่ใจหรือว่าจะตัดสัมพันธ์?”

“ไม่ผิด” สายตาของซูจิ่งสิงเฉยเมย ถือเสียว่าไม่มีครอบครัวเช่นนี้อีกต่อไป

ฮูหยินผู้เฒ่าก็ไม่คิดเสแสร้งอีกต่อไป เจ้าสาวแต่เล็กก็ห่างออกจากอกนาง โตขึ้นมาก็ไม่ได้ใกล้ชิดสนิทสนม ต่อมาก็แต่งงานกับนางหยางที่สติไม่สมประกอบ สำหรับบ้านสาม แต่เดิมนางก็หาได้ผูกพัน

นางพูดด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ว่า

“ก็ได้ เช่นนั้นก็ตัดสัมพันธ์กัน แต่ก็ขอพูดน่ารังเกียจให้ฟังเสียก่อน วังหลวงถูกรื้อค้น เงินทั้งหมดของพวกเราต่างก็ได้มาจากบ้านมารดารับบริจาคมาให้ พวกเจ้าบ้านสาม ไม่อาจเอาไปได้แม้แต่แดงเดียว”

สิ้นเนื้อประดาตัว

ช่างเป็นหญิงชราที่โหดเหี้ยมนัก!

ซูจื่อชิงพูดอย่างวิตกว่า “ไม่มีเงิน จากนี้พวกเราจะอยู่กันอย่างไรเล่า?”

นางหลิวยิ้มและพูดว่า “ขุนนางของศาลาว่าการจะแจกโมโม[footnoteRef:1]ทุกวัน มีโมโมกิน ย่อมไม่หิวตาย” [1: เป็นเกี๊ยวหรือขนมจีบที่มีต้นกำเนิดในทิเบต เดิมกินกับเนื้อจามรี ต่อมาได้กลายเป็นอาหารพื้นเมืองของทิเบต ภูฏาน สิกขิม เนปาล และลาดัก ตัวเกี๊ยวเป็นชิ้นกลมแบนขนาดเล็ก ห่อเป็นรูปกระเป๋าหรือดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยว ทำให้สุกด้วยการนึ่ง การทอดในกระทะ หรือการทอดอีกครั้งหลังจากนึ่งแล้ว กินกับซอสหรือน้ำจิ้มหลายแบบ โดยปกติจะมีพริก มะเขือเทศ และกระเทียม]

“ท่านป้าสี่ ท่าน!”

“จื่อชิง” ซูจิ่งสิงหยุดเขาไว้ก่อน “ไปหาเจ้าหน้าที่ ยืมกระดาษปากกามาเขียนหนังสือตัดสัมพันธ์เถอะ”

ซุนอู่พาเจ้าหน้าที่ออกมากินข้าวเย็นกันอยู่ไม่ไกล ได้ยินเสียงทะเลาะนี้ดังอยู่นานแล้ว

บนเส้นทางที่ถูกเนรเทศ ครอบครัวกลายเป็นปรปักษ์กันหาใช่เรื่องแปลก

พวกเขาดูเรื่องน่าสนใจอยู่พักหนึ่ง แต่ก็คร้านจะเข้ามาห้ามปราม

กระดาษปากกาไม่มีค่า ไม่พูดอะไรสักคำ พวกเขาก็มอบมันออกมาให้

“หึ ตัดสัมพันธ์แล้ว จากนี้บ้านสามของพวกเจ้าคงได้ทุกข์ทรมานน่าดู!”

หลังจากเขียนจดหมายตัดสัมพันธ์แล้ว ทั้งคู่ก็ประทับลายนิ้วมือ ไม่สนใจชีวิตความเป็นอยู่ของบ้านสามอีกต่อไป พากันกลับไปกินซาลาเปาเนื้ออย่างชื่นบาน

ทิ้งไว้เพียงซูจิ่นเอ๋อที่ยังสับสน

นางก็แค่อยากกินซาลาเปาเนื้อเท่านั้นเอง เหตุใดถึงได้ตัดสัมพันธ์กันได้?

ไม่กล้าเข้าทางพี่ใหญ่และพี่รอง จึงทำได้เพียงดังแขนเสื้อของนางหยางแล้วเรียกนางเบาๆ

“ท่านแม่ ข้าไม่อยากตัดสัมพันธ์ ทั้งๆ ที่หย่ากับกู้หว่านเยว่ก็สิ้นเรื่อง เหตุใดต้องตัดสัมพันธ์กันด้วย?”

แต่ไม่คิดว่านางหยางจะหันมาดุด่านางแทน

“เจ้า ไม่รู้จักรักดี โตมาผิดเพี้ยนแล้ว...”

แม้แต่แม่แท้ๆ ที่สติไม่ดีก็ยังด่านาง ตอนนี้ซูจิ่นเอ๋อทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว น้ำตาไหลอาบหน้า แล้ววิ่งหนีไปด้วยความโกรธ

แต่หาได้ไปทางตระกูลซูไม่ แม้ว่านางจะยโสแต่ไม่ได้โง่ เมื่อครู่ลุงใหญ่ด่าพี่ใหญ่อย่างไร นางได้ยินอยู่เต็มหู

นางก็แค่รับไม่ได้ ครอบครัวใหญ่ครัวหนึ่ง อยู่ดีๆ เหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้กัน?

ทางด้านตระกูลซู หลี่ซือซือเองก็มีสีหน้าจริงจังเช่นกัน “ท่านแม่ เหตุใดเมื่อกี้นี้ท่านต้องห้ามข้าด้วย?”

ซูหวู่อวิ๋นขมวดคิ้ว “ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ แต่ซูจิ่งสิงไม่ใช่เจิ้นเป่ยอ๋องอีกต่อไปแล้ว เจ้าดูที่สองขาของเขาสิ มันไร้ประโยชน์แล้ว!

พวกเราตอนนี้ยากจะปกป้องตนเอง เจ้าไม่สู้ใส่ใจผู้อื่นให้มาก อย่างญาติผู้พี่ซูเช่อของบ้านลุงใหญ่ของเจ้าก็ดีไม่น้อย

หลี่ซือซือเหลือบมองไปยังซูเช่อที่ก้มหน้าก้มตาอยู่ตรงหน้าซูหัวหยางอยู่ไม่ไกล พลันเม้มริมฝีปาก ไม่พูดอะไรสักคำ

“ท่านแม่ ข้าจะไปดูญาติผู้น้องจิ่นเอ๋อเจ้าค่ะ”

นางคิดในครู่นั้น แล้วเดินไปหาซูจิ่นเอ๋อทันที...
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (5)
goodnovel comment avatar
Jaruayporn Kliengkhaw
สนุกคะหน้าติดตาม
goodnovel comment avatar
อนงนารถ บุญทวี
เริ่มมาก็ตัดกันแล้ว
goodnovel comment avatar
จีรพันธ์
อ่าน ๆๆๆๆๆๆๆๆๆต่อ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 2178

    กู้หว่านเยว่จับมือซูจิ่งสิงแผ่วเบา เอ่ยปลอบโยนเสียงต่ำ“อย่าโกรธเลย เรื่องเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น พวกเขาจะต้องได้รับกรรมที่ก่อไว้เท่านั้น”ซูจิ่งสิงพยักหน้า เขาไม่ใช่คนที่ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เพียงแต่คำพูดเหล่านั้นช่างน่าโมโหยิ่งนัก หยาบคายเหลือทนขณะนี้ ด้านนอกมีคนชุดดำคนหนึ่งวิ่งเข้ามา กระซิบบางอย่างเสียงต่ำข้างหูเกาเถียนจวิน?ใบหน้าเกาเถียนจวินเผยรอยยิ้ม “คนของสกุลอวิ๋นรับปากแล้วจริงหรือ?”“รับปากแล้วขอรับ แต่พวกเขาบอกแล้วว่าขอดูความจริงใจของพวกเราก่อน พูดปากเปล่าไม่มีหลักฐาน ให้พวกเรามอบทองคำหนึ่งหมื่นตำลึงให้ก่อน”“หนึ่งหมื่นตำลึงหรือ?” ชายชุดดำหลายคนกำหมัดแน่น ใบหน้าเผยความโกรธแค้น“สกุลอวิ๋นช่างละโมบยิ่งนัก ยังไม่ทันได้ร่วมงานกัน ก็อยากได้ทองคำหนึ่งหมื่นตำลึงจากพวกเราแล้ว”“หากเอาตามที่ข้าว่า ไม่สู้สังหารคนสกุลอวิ๋นเสีย แล้วแย่งชิงสูตรและสิ่งของของพวกเขามาให้หมด” หนึ่งในคนชุดดำชักดาบตรงเอวออกมา ถูกเกาเถียนจวินถลึงตาใส่อย่างดุดันทันที“เจ้านึกว่าที่นี่คือที่ไหน แคว้นอู๋วั่งหรือ? ที่นี่คือแคว้นต้าฉี ถ้าเกิดถูกใครจับได้ พวกเราทุกคนไม่มีใครได้ออกจากต้าฉี!”“แล้วจะทำอย่างไร? หร

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 2177

    อาศัยเครื่องติดตามที่ก่อนหน้านี้เอาไว้บนตัวพวกเขา ในไม่ช้ากู้หว่านเยว่ก็หาตำแหน่งของพวกเขาพบ“คนพวกนี้ช่างรัดกุมเสียจริง ไม่พักโรงเตี๊ยมแต่ถึงขนาดมาพักสถานที่เช่นนี้”กู้หว่านเยว่มองดูช่องใต้สะพานตรงหน้า มุมปากกระตุกเป็นใครก็คงไม่สงสัย ว่าจะมีมือสังหารชุดดำกลุ่มหนึ่งซ่อนตัวอยู่ใต้สะพานที่ไม่สะดุดตาสักนิดหากไม่ใช่ว่ามีมิติ การจะแอบดักฟังในสถานที่เช่นนี้มีความยากมากเช่นกันกู้หว่านเยว่เพียงโบกมือพาซูจิ่งสิงเข้าไปหลบในมิติ จากนั้นควบคุมมิติให้มาอยู่ในระยะที่ไม่ไกลจากกลุ่มคนชุดดำมากนัก เพื่อแอบฟังพวกเขาคุยกันเหมือนกับก่อนหน้านี้ กู้หว่านเยว่ไม่เข้าใจว่าพวกเขาพูดอะไรกัน จึงต้องเอาปากกาบันทึกเสียงออกมาก่อนขณะนี้ บนแพลตฟอร์มซื้อขายมีข้อความเด้งออกมา[ผู้ทะลุมิติที่สวยงาม] : ฮองเฮาแห่งต้าฉี ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการให้แปลอีก ดังนั้นข้าจึงสั่งซื้อชุดหูฟังให้เจ้าหนึ่งชุด ขอเพียงเจ้าสวมหูฟังไว้ในหู แล้วเข้าไปใกล้ชาวแคว้นอู๋วั่งอีกนิด หูฟังจะสามารถแปลภาษาของแคว้นอู๋วั่งได้เองอัตโนมัติกู้หว่านเยว่สีหน้าดีใจขาดอะไรก็ได้สิ่งนั้นจริงๆเมื่อยื่นมือออกไป หูฟังที่ผู้ทะลุมิติที่สวยงามกล่าวถึงก

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 2176

    ข้อเรียกร้องของอีกฝ่ายทำได้ไม่ยาก น้ำเสียงกู้หว่านเยว่จึงอ่อนโยนลง : เรื่องนี้ไม่มีปัญหา ข้าจะสร้างการลิงก์ขึ้นมาโดยเฉพาะ แล้วนำยาที่ข้าผลิตทั้งหมดใส่ไว้บนนั้นระหว่างที่พูด กู้หว่านเยว่หันหลังเข้าไปในหอแห่งโอสถก่อนหน้านี้ยาจำนวนมากที่นางปรุงขึ้นล้วนอยู่ในหอแห่งโอสถ คราวนี้พอดีจะได้เอามาให้อีกฝ่ายเมื่อคาดเดาจากการพูดคุยกัน อีกฝ่ายน่าจะต้องการยาจำพวกถอนพิษและป้องกันตัวมากกว่ากู้หว่านเยว่เอาใจใส่ด้วยการเขียนวิธีใช้ไว้บนโอสถทุกชนิด ต่อมาจึงนำโอสถทั้งหมดไปไว้ในแพลตฟอร์มซื้อขายขณะนี้ [ผู้ทะลุมิติที่สวยงาม] ได้แปลเนื้อหาในบันทึกเสียงออกมาแล้ว[ผู้ทะลุมิติที่สวยงาม] : เนื้อหาในบันทึกเสียงไม่ต่างจากที่ข้าจินตนาการไว้มากนัก ในอดีต ชาวแคว้นอู๋วั่งที่ข้าเคยพบเจอก็ชั่วช้าเช่นนี้น้ำเสียงของอีกฝ่ายเจือด้วยความโกรธแค้น ทำให้กู้หว่านเยว่รู้สึกแปลกใจ“ตกลงพวกเขาคุยอะไรกัน?”[ผู้ทะลุมิติที่สวยงาม] : ชายในบันทึกเสียงกล่าวว่า เขาได้ยินว่าฮองเฮาของต้าฉีคือนักประดิษฐ์ที่เก่งมากคนหนึ่ง คิดค้นสิ่งประดิษฐ์มากมาย ในนั้นรวมถึงน้ำมันก๊าด โรงงานแก้วสี กระจก ทักษะการพิมพ์ตัวเรียง ถนนคอนกรีตเป็นต้น

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 2175

    กู้หว่านเยว่พยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นก็ฟังเจ้า เรื่องนี้มอบให้อวิ๋นหยาไปจัดการ”อวิ๋นหยารีบกล่าว “ข้าน้อยจะไม่ทำลายความเชื่อมั่นของฮ่องเต้และฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ!”กู้หว่านเยว่เชื่อใจอวิ๋นมู่มาโดยตลอด คนที่เขาแนะนำย่อมไม่ผิดแน่“ใช่สิอวิ๋นมู่ ข้ามีอีกเรื่องที่อยากหารือกับเจ้า”กู้หว่านเยว่เอ่ยปากกะทันหัน อวิ๋นหยารีบนำสิ่งของจากไปอย่างรู้กาลเทศะ“ก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกเจ้านานแล้ว ข้าอยากสร้างถนนเส้นหนึ่งขึ้นในป่าซิงโต้ว ตอนนี้ข้าได้สร้างถนนจากที่ราบแห่งความโกลาหลมาที่นี่แล้ว แต่แค่สร้างจากฝั่งนั้นด้านเดียว ช้าเกินไปมากจริงๆดังนั้นข้าอยากมอบเรื่องนี้ให้เจ้า หวังว่าเจ้าจะสามารถนำพาคน เริ่มสร้างถนนจากที่นี่ไปที่ราบแห่งความโกลาหล”สำหรับเรื่องนี้ กู้หว่านเยว่มอบให้ใครก็ไม่วางใจ คิดไปคิดมาจึงได้แต่มอบให้อวิ๋นมู่“สร้างถนนหรือ?”สายตาอวิ๋นมู่สั่นไหว ต่อมารีบพยักหน้าทันที“วางใจเถอะ เรื่องนี้มอบให้ข้าจัดการเอง”ถนนคอนกรีตในต้าฉีส่วนมากอวิ๋นมู่หาคนไปก่อสร้าง สำหรับเรื่องการสร้างถนน เขาเชี่ยวชาญช่ำชองนานแล้วบัดนี้กู้หว่านเยว่จะมอบเรื่องนี้ให้เขาจัดการ เขาย่อมไม่ปฏิเสธ“แต่ว่า พื้นที่ในป่าซิ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 2174

    เขาไม่เคยเห็นกู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงอยู่ในสายตาสักนิด“ยังไม่รีบคารวะฮ่องเต้กับพระนางฮองเฮาอีก” อวิ๋นมู่กล่าวอวิ๋นหยาถึงจะรู้สึกตัว หันมองกู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงอย่างเหลือเชื่อ แล้วรีบลุกขึ้นตัวสั่นวางแก้วน้ำชาลง มาถึงตรงหน้าทั้งสองด้วยความดีใจแล้วคุกเข่าดังตุบ“ข้าน้อยคารวะฮ่องเต้ คารวะพระนางฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ”อวิ๋นมู่อธิบายไปพลาง “ญาติผู้น้องของข้านิสัยเกเร เมื่อครู่จำพวกท่านไม่ได้ โปรดอภัยด้วย”ซูจิ่งสิงไม่ใช่คนที่ถือสาเรื่องพวกนี้ สีหน้าจึงเรียบเฉย ไม่เห็นอวิ๋นหยาอยู่ในสายตายิ่งไม่ต้องพูดถึงกู้หว่านเยว่ เพียงยิ้มหวาน “ข้ากับฮ่องเต้ปลอมตัว จำไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติ พวกเราสองคนปกปิดฐานะ ออกมาภายนอก อย่าเรียกพวกเราว่าฮ่องเต้กับฮองเฮาเลย”อวิ๋นหยาตาลุกวาว รีบกล่าว “ท่านเป็นประมุขของพวกเรา ข้าเรียกท่านว่านายท่านก็แล้วกัน ข้าน้อยอวิ๋นหยาคารวะนายท่านและฮูหยินขอรับ”มุมปากซูจิ่งสิงกระตุก นายท่านกับฮูหยินก็ได้ เรียกสรรพนามเช่นนี้ก็ได้กู้หว่านเยว่ยกมือขึ้น “รีบลุกขึ้นเถอะ ในเมื่อเจ้าเป็นญาติผู้น้องของอวิ๋นมู่ นั่นก็คือคนกันเอง ไม่ต้องเกรงใจ”อวิ๋นหยารีบลุกขึ้นยืน ดวงตาสองข้างยังค

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 2173

    เมื่อเห็นสองสามีภรรยามาถึง แรกเริ่มคือดีใจ จากนั้นคือเคร่งขรึม“พวกท่านมาแล้ว พอดีมีเรื่องหนึ่งอยากบอกพวกท่าน ข้าจะได้ไม่ต้องไปเมืองหลวงอีกเที่ยว”กู้หว่านเยว่แปลกใจมาก “เรื่องใดหรือ?”อวิ๋นมู่เชิญทั้งสองนั่งลง หลังจากสั่งให้พวกบ่าวออกไป ถึงได้กล่าวเชื่องช้า “เมื่อสองเดือนก่อน มีคนกลุ่มหนึ่งมาหาข้า บอกว่าอยากทำการค้ากับข้า”อวิ๋นมู่เป็นพ่อค้า ทำการค้าเป็นเรื่องปกติมากสำหรับเขา ในเมื่อเอ่ยขึ้นเป็นพิเศษ แสดงว่าการค้าครั้งนี้ย่อมมีความพิเศษอยู่“คนลึกลับนั่นเจรจากับข้า เรื่องการค้าน้ำมันก๊าด”“น้ำมันก๊าดหรือ?”กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วทันใด ใบหน้าปรากฏแววโกรธขึ้ง ใครก็รู้ว่าน้ำมันก๊าดเป็นสิ่งที่ทางการครอบครองคนผู้นี้ถึงขนาดกล้าเจรจาการค้าน้ำมันก๊าดกับอวิ๋นมู่เป็นการส่วนตัว อยากก่อกบฏหรือ?“เจ้ารู้ฐานะของคนผู้นี้หรือไม่?”กู้หว่านเยว่คิดว่าในเมื่ออีกฝ่ายบังอาจเหิมเกริมถึงเพียงนี้ เช่นนั้นนางก็ไม่ต้องเกรงใจ ส่งทหารไปจับตัวโดยตรงก็สิ้นเรื่องอวิ๋นมู่กลับส่ายหน้า “เป็นคนลึกลับ สืบหาฐานะไม่ได้”“ก็เป็นเพราะสืบหาฐานะไม่ได้ ข้าถึงได้ร้อนใจขนาดนี้ อยากรายงานเรื่องนี้ให้พวกท่าน”“นอกจากน้ำ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status