Share

บทที่ 6

Author: ฮวาฮวาตีลังกาแปล
ซูจิ่งสิงไม่รู้ว่าตนตื่นตั้งแต่เมื่อไร

“ดีเหลือเกิน พี่ใหญ่ ในที่สุดท่านก็ตื่นแล้ว”

ซูจื่อชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

พี่ใหญ่ตื่นแล้ว ในที่สุดเรื่องพี่สะใภ้ใหญ่ก็มีกำลังหนุนแล้ว

“พยุงข้าหน่อย” ซูจิ่งสิงยื่นมือออกมาอย่างอ่อนแรง พอนั่งพิงหัวเตียงได้แล้ว เขาก็มองดูกู้หว่านเยว่ที่ยืนอยู่คนเดียวด้วยสายตารู้สึกผิด

“ขอโทษนะ”

ไม่เพียงแต่ทำให้นางเดือดร้อน แต่ยังทำให้นางถูกตระกูลซูหยามเหยียด

กู้หว่านเยว่สบตาเขา ตกตะลึงไปเล็กน้อยแล้วรีบร้อนพูดว่า “ไม่ต้องขอโทษข้าหรอก เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่าน”

ยิ่งไปกว่านั้น นางเองก็ไม่สนใจวาจาของพวกคนขยะ

แต่นางไม่คิดว่า ซูจิ่งสิงจะปกป้องนาง

ทว่ากลับเป็นคนอื่นๆ ในห้องที่อดกลั้นไว้ไม่ไหว และไม่สนว่าบาดแผลของซูจิ่งสิงเป็นอย่างไร กระโจนเข้ามาถามว่า

“จิ่งสิง เจ้าขอโทษนางมันหมายความว่าอย่างไร? เจ้าคิดว่าพวกเราเหล่าผู้เฒ่าทำผิดหรือ?”

หากไม่หย่าภรรยา หรืออยากเห็นนางทำลายตระกูลหรือ?!

“รีบหย่ากับนางเสีย ขอเพียงเจ้าหย่ากับนาง พวกเรายังคงเป็นครอบครัวเดียวกัน”

“...”

ครอบครัวเดียวกัน?

ฮะๆ... ช่างเป็นครอบครัวเดียวกันที่แสนประเสริฐ

ยามเขายังเป็นเจิ้นเป่ยอ๋อง ไม่เคยลืมที่จะช่วยเหลือท่านลุงและเหล่าพี่น้อง ให้พวกเขาได้อาศัยอยู่ในวังด้วยกัน รุ่งโรจน์รับพร

ตอนนี้เขาตกระกำลำบาก มารดาและพี่น้องอยากกินซาลาเปาสักลูกยังไม่ให้ ทั้งยังบังคับให้เขาหย่าภรรยา

นี่เรียกว่าครอบครัวเดียวกันหรือ?

ซูจิ่งสิงยิ้มหยัน กวาดมองใบหน้าของทุกคนทั้งบ้านใหญ่ บ้านรอง และบ้านสี่แห่งตระกูลซู

สายตาเย็นชาคู่นั้น ทำให้ทุกคนตัวสั่นด้วยความรู้สึกผิด หุบปากฉับลงโดยไม่รู้ตัว

แม้ว่าเขาจะตกต่ำ แต่รัศมีที่แผ่ออกมายังคงมีกลิ่นอายของเทพสงคราม

จากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็หลับตา เกียจคร้านเกินกว่าจะมองคนเหล่านี้อีกต่อไป และพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกว่า

“ท่านลุงทุกท่านต้องบังคับให้ข้าหย่าภรรยาให้ได้ใช่หรือไม่?”

ทุกคนกลัวเกินกว่าจะพูดอะไรอีก รีบมองไปที่ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นตาเดียว

ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวว่า “จิ่งสิง พวกเราหาได้บังคับเจ้า ปัญหาของตระกูลซูในปัจจุบันก็เกิดจากคุณเช่นกัน"

“หากข้ายืนกรานไม่หย่าภรรยาเล่าขอรับ?”

ฮูหยินผู้เฒ่ามองมาอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “เช่นนั้นก็อย่าได้โทษที่ข้าโหดเหี้ยม ไม่สนใจบ้านสามของเจ้าแล้วกัน!”

“เฮ้อ...”

ซูจิ่งสิงเศร้าระทมอยู่ในใจ ไม่พูดอะไรออกมาอยู่นาน และในตอนที่ทุกคนคิดว่าเขาถูกบังคับจนไร้ทางเลือก ต้องยอมหย่าภรรยาแน่แล้วนั้น เขาก็ลืมตาขึ้น พูดอย่างเฉยเมย

“หย่าภรรยา ข้าไม่มีทางยินยอม

ในเมื่อทุกท่านไม่อยากสนใจบ้านสามของข้า เช่นนั้นก็ตัดสัมพันธ์กันเถอะขอรับ”

ตัดสัมพันธ์แล้ว บ้านสามของข้าก็ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับพวกท่านอีก ภรรยาของข้าแน่นอนว่าไม่มีทางเดือดร้อนไปถึงพวกท่าน”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา ทุกคนก็ตกตะลึง แม้แต่กู้หว่านเยว่เองก็นิ่งอึ้งไป

นางย่อมไม่คิดว่าชายผู้นี้ยอมตัดความสัมพันธ์เพื่อนางเพียงอย่างเดียว คงเป็นเพราะโดนตระกูลซูเหยียบย่ำหัวใจ

แต่เพียงความกล้าหาญนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้นางประทับใจไม่รู้ลืม

นางกู้หว่านเยว่ไม่ได้ช่วยผิดคน

เมื่อฟื้นคืนจากความตกใจ บ้านอื่นๆ ก็เริ่มตื่นตัวขึ้นมา

บ้านสามทั้งครัวมีห้าคน ไร้เงินเลี้ยงตัว กินอยู่ล้วนพึ่งพาพวกเขาบ้านอื่นทั้งสิ้น คิดดูแล้วย่อมไม่สมดุล

ตัดสัมพันธ์?... ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องเลวร้าย

แม้ว่าบรรพบุรุษของตระกูลซูจะเคยกำหนดกฎตายไม่อาจตัดสัมพันธ์ บอกว่าเคยมีผู้ทำนายทายชะตาว่าหากตัดสัมพันธ์ บางบ้านจะมีชีวิตที่น่าสังเวช

แต่ครั้งนี้เป็นซูจิ่งสิงเสนอตัดสัมพันธ์ หาใช่พวกเขาไม่ พวกเขาไม่ได้ละเลยกฎของบรรพบุรุษแต่อย่างใด

อีกทั้งซูจิ่งสิงบาดเจ็บสาหัส ใครใดจะน่าสังเวชไปกว่าเขาอีก?

ซูหัวหลินผู้ขึ้นมาเป็นคนแรก “ข้าอยากตัดสัมพันธ์มานานแล้ว ในเมื่อครั้งนี้เจ้าพูดออกมาเอง เช่นนั้นก็อย่าโทษข้าลุงรองโหดเหี้ยม ข้ายินยอมตัดสัมพันธ์”

นางเฉียนเองก็กล่าวสมทบ “ข้าก็ยินยอมตัดสัมพันธ์!”

“ไม่ได้!” ฮูหยินผู้เฒ่ายังคงยึดยื้อ

ซูหัวหลินรีบโน้มน้าว “ท่านแม่ เก็บบ้านสามไว้มีแต่จะเดือดร้อนพวกเรา ทั้งซูจิ่งสิงเองบาดเจ็บสาหัส ดีไม่ดีว่าวันสองวันนี้ก็...”

ซูจื่อชิงเบิกตากว้าง “ก็อะไร? เจ้าพูดมาให้กระจ่างนะ!”

“เหอะ พูดก็พูด อาการบาดเจ็บของเขาสาหัสสากรรจ์ อากาศเองก็ร้อนเสียปานนี้ ข้างทางไร้หมอยาคอยตระเวนดูแล ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้บาดแผลก็อาจเป็นหนองตายได้! ถึงตอนนั้น ก็ต้องให้พวกเราเสียเงินจัดงานอาลัยอีก”

“ข้าจะฆ่าเจ้า!” ซูจื่อชิงโกรธมากจนตัวสั่น โมโหกับคำพูดชั่วร้ายของเขา รุดพุ่งไปข้างพร้อมง้างหมัด

“พอแล้ว! ซูจื่อชิง ไม่รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ เจ้าจะทำร้ายผู้อาวุโสของตนเองหรือไร?”

ฮูหยินผู้เฒ่ากระแทกไม้เท้า ดวงตาชราขึ้นฝ้าทอแววประกาย คำพูดของเจ้าสองกระทบใจนาง

นางยังไม่ตัดสัมพันธ์ เพราะกังวลว่าซูจิ่งสิงจะยังมีทางออก

แต่เมื่อมองดูสภาพของซูจิ่งสิงในตอนนี้ ก็เห็นชัดแล้วว่ามีเคราะห์มากกว่าโชค เช่นนั้นไม่สู้...

“จิ่งสิง เจ้าแน่ใจหรือว่าจะตัดสัมพันธ์?”

“ไม่ผิด” สายตาของซูจิ่งสิงเฉยเมย ถือเสียว่าไม่มีครอบครัวเช่นนี้อีกต่อไป

ฮูหยินผู้เฒ่าก็ไม่คิดเสแสร้งอีกต่อไป เจ้าสาวแต่เล็กก็ห่างออกจากอกนาง โตขึ้นมาก็ไม่ได้ใกล้ชิดสนิทสนม ต่อมาก็แต่งงานกับนางหยางที่สติไม่สมประกอบ สำหรับบ้านสาม แต่เดิมนางก็หาได้ผูกพัน

นางพูดด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ว่า

“ก็ได้ เช่นนั้นก็ตัดสัมพันธ์กัน แต่ก็ขอพูดน่ารังเกียจให้ฟังเสียก่อน วังหลวงถูกรื้อค้น เงินทั้งหมดของพวกเราต่างก็ได้มาจากบ้านมารดารับบริจาคมาให้ พวกเจ้าบ้านสาม ไม่อาจเอาไปได้แม้แต่แดงเดียว”

สิ้นเนื้อประดาตัว

ช่างเป็นหญิงชราที่โหดเหี้ยมนัก!

ซูจื่อชิงพูดอย่างวิตกว่า “ไม่มีเงิน จากนี้พวกเราจะอยู่กันอย่างไรเล่า?”

นางหลิวยิ้มและพูดว่า “ขุนนางของศาลาว่าการจะแจกโมโม[footnoteRef:1]ทุกวัน มีโมโมกิน ย่อมไม่หิวตาย” [1: เป็นเกี๊ยวหรือขนมจีบที่มีต้นกำเนิดในทิเบต เดิมกินกับเนื้อจามรี ต่อมาได้กลายเป็นอาหารพื้นเมืองของทิเบต ภูฏาน สิกขิม เนปาล และลาดัก ตัวเกี๊ยวเป็นชิ้นกลมแบนขนาดเล็ก ห่อเป็นรูปกระเป๋าหรือดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยว ทำให้สุกด้วยการนึ่ง การทอดในกระทะ หรือการทอดอีกครั้งหลังจากนึ่งแล้ว กินกับซอสหรือน้ำจิ้มหลายแบบ โดยปกติจะมีพริก มะเขือเทศ และกระเทียม]

“ท่านป้าสี่ ท่าน!”

“จื่อชิง” ซูจิ่งสิงหยุดเขาไว้ก่อน “ไปหาเจ้าหน้าที่ ยืมกระดาษปากกามาเขียนหนังสือตัดสัมพันธ์เถอะ”

ซุนอู่พาเจ้าหน้าที่ออกมากินข้าวเย็นกันอยู่ไม่ไกล ได้ยินเสียงทะเลาะนี้ดังอยู่นานแล้ว

บนเส้นทางที่ถูกเนรเทศ ครอบครัวกลายเป็นปรปักษ์กันหาใช่เรื่องแปลก

พวกเขาดูเรื่องน่าสนใจอยู่พักหนึ่ง แต่ก็คร้านจะเข้ามาห้ามปราม

กระดาษปากกาไม่มีค่า ไม่พูดอะไรสักคำ พวกเขาก็มอบมันออกมาให้

“หึ ตัดสัมพันธ์แล้ว จากนี้บ้านสามของพวกเจ้าคงได้ทุกข์ทรมานน่าดู!”

หลังจากเขียนจดหมายตัดสัมพันธ์แล้ว ทั้งคู่ก็ประทับลายนิ้วมือ ไม่สนใจชีวิตความเป็นอยู่ของบ้านสามอีกต่อไป พากันกลับไปกินซาลาเปาเนื้ออย่างชื่นบาน

ทิ้งไว้เพียงซูจิ่นเอ๋อที่ยังสับสน

นางก็แค่อยากกินซาลาเปาเนื้อเท่านั้นเอง เหตุใดถึงได้ตัดสัมพันธ์กันได้?

ไม่กล้าเข้าทางพี่ใหญ่และพี่รอง จึงทำได้เพียงดังแขนเสื้อของนางหยางแล้วเรียกนางเบาๆ

“ท่านแม่ ข้าไม่อยากตัดสัมพันธ์ ทั้งๆ ที่หย่ากับกู้หว่านเยว่ก็สิ้นเรื่อง เหตุใดต้องตัดสัมพันธ์กันด้วย?”

แต่ไม่คิดว่านางหยางจะหันมาดุด่านางแทน

“เจ้า ไม่รู้จักรักดี โตมาผิดเพี้ยนแล้ว...”

แม้แต่แม่แท้ๆ ที่สติไม่ดีก็ยังด่านาง ตอนนี้ซูจิ่นเอ๋อทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว น้ำตาไหลอาบหน้า แล้ววิ่งหนีไปด้วยความโกรธ

แต่หาได้ไปทางตระกูลซูไม่ แม้ว่านางจะยโสแต่ไม่ได้โง่ เมื่อครู่ลุงใหญ่ด่าพี่ใหญ่อย่างไร นางได้ยินอยู่เต็มหู

นางก็แค่รับไม่ได้ ครอบครัวใหญ่ครัวหนึ่ง อยู่ดีๆ เหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้กัน?

ทางด้านตระกูลซู หลี่ซือซือเองก็มีสีหน้าจริงจังเช่นกัน “ท่านแม่ เหตุใดเมื่อกี้นี้ท่านต้องห้ามข้าด้วย?”

ซูหวู่อวิ๋นขมวดคิ้ว “ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ แต่ซูจิ่งสิงไม่ใช่เจิ้นเป่ยอ๋องอีกต่อไปแล้ว เจ้าดูที่สองขาของเขาสิ มันไร้ประโยชน์แล้ว!

พวกเราตอนนี้ยากจะปกป้องตนเอง เจ้าไม่สู้ใส่ใจผู้อื่นให้มาก อย่างญาติผู้พี่ซูเช่อของบ้านลุงใหญ่ของเจ้าก็ดีไม่น้อย

หลี่ซือซือเหลือบมองไปยังซูเช่อที่ก้มหน้าก้มตาอยู่ตรงหน้าซูหัวหยางอยู่ไม่ไกล พลันเม้มริมฝีปาก ไม่พูดอะไรสักคำ

“ท่านแม่ ข้าจะไปดูญาติผู้น้องจิ่นเอ๋อเจ้าค่ะ”

นางคิดในครู่นั้น แล้วเดินไปหาซูจิ่นเอ๋อทันที...
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (5)
goodnovel comment avatar
Jaruayporn Kliengkhaw
สนุกคะหน้าติดตาม
goodnovel comment avatar
อนงนารถ บุญทวี
เริ่มมาก็ตัดกันแล้ว
goodnovel comment avatar
จีรพันธ์
อ่าน ๆๆๆๆๆๆๆๆๆต่อ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1768

    ตอนนี้ ดูเหมือนว่าสิ่งที่คนทั้งสองกล่าวนั้นพอจะมีมูล และอาจเป็นไปได้จริง ๆ “ท่านพอจะทราบหรือไม่ว่าหมอเทวดาเผยศิษย์น้องของท่านอยู่ที่ใด?”เป่ยหมิงโยวหลานประสานมือคารวะพลางเอ่ยถาม เขาเร่งรีบที่จะรักษาอาการป่วยของเสด็จแม่ มิเช่นนั้นคงไม่เสียเวลามาพูดคุยกับนักต้มตุ๋นผู้นี้หมอเทวดาเผยกระแอมเบา ๆ แล้วลูบเคราของตน“ท่านหมายถึงศิษย์น้องของข้าผู้นี้น่ะหรือ ศิษย์น้องของข้าเขาพเนจรไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ตามร่องรอยได้ยาก แม้แต่ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนแต่ว่านะ ข้าเห็นท่าทางของท่านดูเหมือนอยากจะพบเขาจากใจจริง ข้าลองช่วยท่านติดต่อเขาดูก็ได้”เขาก็คิดไม่ถึงว่ายาเซินถุ่ยเติงเหยี่ยนของเขาจะมีสรรพคุณถึงเพียงนี้ ทำให้ทั้งสองคนนี้ท้องเสียได้เช่นนั้นก็ถือเป็นการชดเชยเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้พวกเขาก็แล้วกัน“ท่านพูดจริงหรือ?”เป่ยหมิงโยวหลานประสานมือคารวะพลางเอ่ยขึ้น“หากผู้อาวุโสสามารถช่วยตามหาหมอเทวดาเผยได้ ข้าน้อยจะมอบรางวัลตอบแทนให้ท่านอย่างงาม ซาบซึ้งในบุญคุณนี้อย่างหาที่สุดมิได้”“รางวัลตอบแทนไม่ต้องหรอก เมื่อครู่ท่านก็ให้ข้าไปแล้วมิใช่หรือ”หมอเทวดาเผยไม่เคยให้ความสำคัญกับชื่อเสียงลาภ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1767

    “เจ้าเป็นศิษย์ของตาเฒ่าจอมหลอกลวงผู้นี้หรือ?”ถังซือมองเผยหยวนตั้งแต่หัวจรดเท้า ดีจริง ๆ เจ้าคนหลอกลวงมาคนเดียวยังไม่พอ ยังมีพรรคพวกมาอีกเป็นโขยงไม่นึกเลยว่าตาเฒ่าหลอกลวงผู้นี้จะเป็นคนมีอิทธิพล พรรคพวกบางคนในกลุ่มนี้ถึงกับสวมชุดเกราะอีกด้วย“ศิษย์ข้า ช่วยข้าด้วย!” หมอเทวดาเผยคร่ำครวญเผยหยวนจนปัญญา “ท่านอาจารย์ ท่านไปก่อเรื่องอะไรมาอีกแล้ว?”“พวกเขาโดนพิษจากก๊าซในหนองน้ำ ข้าอุตส่าห์หวังดีช่วยเหลือพวกเขา แต่พวกเขากลับกล่าวหาว่าข้าเป็นคนหลอกลวง” หมอเทวดาเผยกล่าวเสียงแผ่วเบา “ข้าก็ไม่ได้หลอกพวกเขาสักหน่อย พิษข้าก็แก้ให้แล้ว เพียงแต่ขายยาปลอมให้พวกเขาไปเท่านั้นเอง”เผยหยวน นี่เรียกว่าไม่ได้หลอกลวงได้ด้วยหรือ?หมอเทวดาเผยเบ้ปาก เขาก็ไม่ได้อยากหลอกลวงใครนะ แต่พอเขาบอกว่าเขาสามารถใช้นิ้วเพียงไม่กี่นิ้วก็แก้พิษให้พวกเขาได้แล้ว พวกเขากลับไม่เชื่อ ดึงดันจะให้เขาเอายาออกมาให้ได้นี่มิใช่การเสนอตัวมาให้โดนหลอกเองหรอกหรือ?เขาจนปัญญา จึงได้แต่ล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อ ปั้นยาเซินถุ่ยเติงเหยี่ยนขึ้นมาสองสามเม็ด แล้วยื่นให้พวกเขาอาจเป็นเพราะเขาไม่ได้อาบน้ำมานานเกินไปกระมังพอพวกเขากินเข้าไปก

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1766

    ไม่รู้ว่าเหล่าสหายที่อยู่ในต้าฉี ตอนนี้จะเป็นอย่างไรกันบ้าง“น้องเล็ก การเดินทัพของวันพรุ่งนี้ให้ข้าจัดการเถิด เจ้าไปพักผ่อนเสีย”จงหลี่เดินเข้ามาพลางมองกู้หว่านเยว่ด้วยสีหน้าอ่อนโยนเมื่อเห็นดวงตาของน้องเล็กเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย บนใบหน้าของเขาก็แสดงความเจ็บปวดใจออกมา ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“อย่าหักโหมเกินไปนัก”“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ จัดการเรื่องพวกนี้เสร็จก็เรียบร้อยแล้ว”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า แม้ว่านางจะเหนื่อยล้า ทว่ากลับรู้สึกตื่นเต้นเสียมากกว่าวันรุ่งขึ้น กองทัพใหญ่ยังคงมุ่งหน้าไปยังเมืองอื่น ๆ ต่อไปหน่วยลาดตระเวนของแคว้นเป่ยตี้ที่อยู่ในตงโจวนั้น แทบจะถอนกำลังออกไปจนหมดแล้ว ส่วนน้อยที่เหลืออยู่ก็วิ่งหนีกันแตกกระเจิงไปคนละทิศละทางการยึดคืนเมืองเหล่านี้ จึงราบรื่นเป็นพิเศษ ขณะเข้าเมือง กู้หว่านเยว่ก็พลันได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทดังมาจากข้างหน้า“ข้าว่าตาเฒ่า เจ้าเลวเกินไปแล้ว เหตุใดจึงนำยาปลอมมาหลอกพวกเราล่ะ?!”“ใช่แล้ว รีบคืนเงินให้พวกเราเดี๋ยวนี้!”เสียงสองเสียงดังขึ้น จากนั้นก็ตามด้วยเสียงของตาเฒ่า“ยาปลอมอะไรกัน? นี่คือยาจริง พวกเจ้าดูไม่เป็นเองต่างหาก มีตาแต่ห

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1765

    “ใส่ใจให้มากหน่อย ดูว่ามีข่าวคราวของหมอเทวดาเผยหรือไม่ เรื่องซุบซิบนินทาพวกนี้ ฟังให้น้อยลงหน่อย”เป่ยหมิงโยวหลานกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“อ้อ” ถังซือพยักหน้าด้วยความหดหู่ นี่เขาถูกรังเกียจแล้วหรือ?กลางโรงน้ำชา การซุบซิบนินทาของคนเหล่านั้นยังคงดำเนินไปอย่างเผ็ดร้อน โดยไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่าเจ้าตัวก็นั่งอยู่ข้าง ๆ พวกเขา“คนกลุ่มนี้พูดจาเหลวไหลสิ้นดี ไม่มีอะไรเป็นความจริงเลยสักประโยคเดียว”เสียงห้าว ๆ ดังขึ้น ที่แท้ก็เป็นคนของกลุ่มทหารรับจ้างฉื่อหรงที่เดินทางมาถึงที่นี่เช่นกัน หลังจากที่พวกเขาจัดการกลุ่มทหารรับจ้างเสินสุ่ยแล้ว ก็เดินทางมายังเมืองศูนย์กลางเพื่อรับภารกิจไม่คิดเลยว่า จะมาได้ยินเรื่องซุบซิบนินทาเข้าพอดีลั่วหรงมองพวกเขาอย่างเห็นใจ แม้ว่าท่านจะเป็นถึงองค์ชายหลาน แต่ท้ายที่สุดแล้ว ก็คงไม่มีวันได้หัวใจของหว่านเยว่ไปครอง“หัวหน้า คนที่ประกาศภารกิจดูเหมือนจะอยู่ทางนั้น” หลันเตี๋ยชี้ไปยังบุรุษอาภรณ์สีเขียวที่สวมหน้ากากคนหนึ่งซึ่งอยู่ตรงมุมหนึ่ง“ไป พวกเราไปกันเถอะ”ลั่วหรงพยักหน้า พาคนของตนมาอยู่ตรงหน้าเป่ยหมิงโยวหลาน...ทางด้านนี้ กู้หว่านเยว่ยังไม่รู้ว่า เรื่องเ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1764

    ...กู้หว่านเยว่สร้างชื่อเสียงโด่งดังจากศึกที่เมืองปิงเสวี่ยเพียงครั้งเดียว ภายในเวลาไม่กี่วัน ก็แพร่สะพัดไปทั่วที่ราบแห่งความโกลาหล“ได้ยินข่าวแล้วหรือไม่? ตงโจวมีองค์หญิงน้อยท่านหนึ่งปรากฏตัว ตีเมืองข่าหลอแตกไปแล้ว”ในเมืองศูนย์กลางที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดของที่ราบแห่งความโกลาหล ผู้คนกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งสนทนากันอย่างออกรสในโรงน้ำชาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้“จะไม่ได้ยินได้อย่างไร? หลังจากนั้นองค์ชายห้าแห่งแคว้นเป่ยตี้ยังยกทัพไปล้อมเมือง เจ้าทายสิว่าผลเป็นอย่างไร องค์หญิงน้อยท่านนั้น ใช้กำลังพลแค่ห้าพันนาย ก็สามารถเอาชนะกองทัพนับแสนของข่าปัวได้”“เรื่องนี้เจ้าคงยังไม่รู้กระมัง เป็นเพราะว่าองค์หญิงน้อยมีดินปืนอยู่ในครอบครอง ได้ยินมาว่าในวันเปิดศึกนั้น มีป้อมปืนตั้งอยู่บนกำแพงเมืองปิงเสวี่ย ขอเพียงมีคนกล้าเข้าใกล้ประตูเมืองปิงเสวี่ย กระสุนจากป้อมปืนก็จะระเบิดคนผู้นั้นจนแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี” ชายผู้หนึ่งในกลุ่มบรรยายด้วยความตื่นเต้นตอนที่เมืองปิงเสวี่ยเปิดศึก เขาบังเอิญติดอยู่ในเมืองพอดีเดิมทีคิดว่าโชคไม่ดี คงจะต้องเสียชีวิตในศึกครั้งใหญ่นี้เสียแล้วไม่คิดเลยว่าจะได

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1763

    “สั่งการลงไป บอกให้ทุกคนออกไปเก็บกวาดสนามรบ”“คืนนี้ ปูนบำเหน็จแก่ทั้งสามกองทัพ!”ดวงตาของกู้หว่านเยว่ทอประกายไม่นานนัก การสู้รบในวันนี้ก็จะแพร่สะพัดไปทั่วที่ราบแห่งความโกลาหลก่อนที่ศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าจะมาถึง พวกเขาต้องเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่“พ่ะย่ะค่ะ!”บนใบหน้าของทุกคนเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ไม่เคยมีช่วงเวลาใดที่สุขใจได้มากเท่าตอนนี้ประตูเมืองเปิดออก พวกเขาก็ทยอยกันออกไปเก็บกวาดสนามรบในฤดูหนาวอันหนาวเหน็บจนถึงกระดูก มหาสงครามอันยิ่งใหญ่และยืดเยื้อยาวนานที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ได้เปิดฉากขึ้นแล้วยามค่ำคืน ทหารทั้งสามเหล่าทัพได้แบ่งปันสุราและเนื้อสัตว์ รวมถึงอาหาร นำมากินดื่มกันกู้หว่านเยว่นั่งอยู่ริมหน้าต่าง เริ่มเขียนแผนการ การตั้งมั่นอยู่ในเมืองปิงเสวี่ย ไม่ใช่หนทางที่ยั่งยืน นางได้ปรึกษากับจงหลี่ไว้แล้วว่า จะนำทัพไปยึดดินแดนตงโจวกลับคืนมาก่อน จากนั้นจึงค่อยย้ายเมืองหลวงไปตั้งไว้ที่เมืองจ่าวเจ๋อของตงโจวด้วยประสบการณ์ในการปกครองเจดีย์หนิงกู่มาก่อน ทำให้นางเชี่ยวชาญขึ้นมากก่อนนอน กู้หว่านเยว่ได้ไปเติมเสบียงในยุ้งฉางใหญ่ ๆ แต่ละแห่งของเมืองปิงเสวี่ยจนเต็มเสบียงเหล่านี้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status