Share

บทที่ 6

Author: ฮวาฮวาตีลังกาแปล
ซูจิ่งสิงไม่รู้ว่าตนตื่นตั้งแต่เมื่อไร

“ดีเหลือเกิน พี่ใหญ่ ในที่สุดท่านก็ตื่นแล้ว”

ซูจื่อชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

พี่ใหญ่ตื่นแล้ว ในที่สุดเรื่องพี่สะใภ้ใหญ่ก็มีกำลังหนุนแล้ว

“พยุงข้าหน่อย” ซูจิ่งสิงยื่นมือออกมาอย่างอ่อนแรง พอนั่งพิงหัวเตียงได้แล้ว เขาก็มองดูกู้หว่านเยว่ที่ยืนอยู่คนเดียวด้วยสายตารู้สึกผิด

“ขอโทษนะ”

ไม่เพียงแต่ทำให้นางเดือดร้อน แต่ยังทำให้นางถูกตระกูลซูหยามเหยียด

กู้หว่านเยว่สบตาเขา ตกตะลึงไปเล็กน้อยแล้วรีบร้อนพูดว่า “ไม่ต้องขอโทษข้าหรอก เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่าน”

ยิ่งไปกว่านั้น นางเองก็ไม่สนใจวาจาของพวกคนขยะ

แต่นางไม่คิดว่า ซูจิ่งสิงจะปกป้องนาง

ทว่ากลับเป็นคนอื่นๆ ในห้องที่อดกลั้นไว้ไม่ไหว และไม่สนว่าบาดแผลของซูจิ่งสิงเป็นอย่างไร กระโจนเข้ามาถามว่า

“จิ่งสิง เจ้าขอโทษนางมันหมายความว่าอย่างไร? เจ้าคิดว่าพวกเราเหล่าผู้เฒ่าทำผิดหรือ?”

หากไม่หย่าภรรยา หรืออยากเห็นนางทำลายตระกูลหรือ?!

“รีบหย่ากับนางเสีย ขอเพียงเจ้าหย่ากับนาง พวกเรายังคงเป็นครอบครัวเดียวกัน”

“...”

ครอบครัวเดียวกัน?

ฮะๆ... ช่างเป็นครอบครัวเดียวกันที่แสนประเสริฐ

ยามเขายังเป็นเจิ้นเป่ยอ๋อง ไม่เคยลืมที่จะช่วยเหลือท่านลุงและเหล่าพี่น้อง ให้พวกเขาได้อาศัยอยู่ในวังด้วยกัน รุ่งโรจน์รับพร

ตอนนี้เขาตกระกำลำบาก มารดาและพี่น้องอยากกินซาลาเปาสักลูกยังไม่ให้ ทั้งยังบังคับให้เขาหย่าภรรยา

นี่เรียกว่าครอบครัวเดียวกันหรือ?

ซูจิ่งสิงยิ้มหยัน กวาดมองใบหน้าของทุกคนทั้งบ้านใหญ่ บ้านรอง และบ้านสี่แห่งตระกูลซู

สายตาเย็นชาคู่นั้น ทำให้ทุกคนตัวสั่นด้วยความรู้สึกผิด หุบปากฉับลงโดยไม่รู้ตัว

แม้ว่าเขาจะตกต่ำ แต่รัศมีที่แผ่ออกมายังคงมีกลิ่นอายของเทพสงคราม

จากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็หลับตา เกียจคร้านเกินกว่าจะมองคนเหล่านี้อีกต่อไป และพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกว่า

“ท่านลุงทุกท่านต้องบังคับให้ข้าหย่าภรรยาให้ได้ใช่หรือไม่?”

ทุกคนกลัวเกินกว่าจะพูดอะไรอีก รีบมองไปที่ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นตาเดียว

ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวว่า “จิ่งสิง พวกเราหาได้บังคับเจ้า ปัญหาของตระกูลซูในปัจจุบันก็เกิดจากคุณเช่นกัน"

“หากข้ายืนกรานไม่หย่าภรรยาเล่าขอรับ?”

ฮูหยินผู้เฒ่ามองมาอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “เช่นนั้นก็อย่าได้โทษที่ข้าโหดเหี้ยม ไม่สนใจบ้านสามของเจ้าแล้วกัน!”

“เฮ้อ...”

ซูจิ่งสิงเศร้าระทมอยู่ในใจ ไม่พูดอะไรออกมาอยู่นาน และในตอนที่ทุกคนคิดว่าเขาถูกบังคับจนไร้ทางเลือก ต้องยอมหย่าภรรยาแน่แล้วนั้น เขาก็ลืมตาขึ้น พูดอย่างเฉยเมย

“หย่าภรรยา ข้าไม่มีทางยินยอม

ในเมื่อทุกท่านไม่อยากสนใจบ้านสามของข้า เช่นนั้นก็ตัดสัมพันธ์กันเถอะขอรับ”

ตัดสัมพันธ์แล้ว บ้านสามของข้าก็ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับพวกท่านอีก ภรรยาของข้าแน่นอนว่าไม่มีทางเดือดร้อนไปถึงพวกท่าน”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา ทุกคนก็ตกตะลึง แม้แต่กู้หว่านเยว่เองก็นิ่งอึ้งไป

นางย่อมไม่คิดว่าชายผู้นี้ยอมตัดความสัมพันธ์เพื่อนางเพียงอย่างเดียว คงเป็นเพราะโดนตระกูลซูเหยียบย่ำหัวใจ

แต่เพียงความกล้าหาญนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้นางประทับใจไม่รู้ลืม

นางกู้หว่านเยว่ไม่ได้ช่วยผิดคน

เมื่อฟื้นคืนจากความตกใจ บ้านอื่นๆ ก็เริ่มตื่นตัวขึ้นมา

บ้านสามทั้งครัวมีห้าคน ไร้เงินเลี้ยงตัว กินอยู่ล้วนพึ่งพาพวกเขาบ้านอื่นทั้งสิ้น คิดดูแล้วย่อมไม่สมดุล

ตัดสัมพันธ์?... ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องเลวร้าย

แม้ว่าบรรพบุรุษของตระกูลซูจะเคยกำหนดกฎตายไม่อาจตัดสัมพันธ์ บอกว่าเคยมีผู้ทำนายทายชะตาว่าหากตัดสัมพันธ์ บางบ้านจะมีชีวิตที่น่าสังเวช

แต่ครั้งนี้เป็นซูจิ่งสิงเสนอตัดสัมพันธ์ หาใช่พวกเขาไม่ พวกเขาไม่ได้ละเลยกฎของบรรพบุรุษแต่อย่างใด

อีกทั้งซูจิ่งสิงบาดเจ็บสาหัส ใครใดจะน่าสังเวชไปกว่าเขาอีก?

ซูหัวหลินผู้ขึ้นมาเป็นคนแรก “ข้าอยากตัดสัมพันธ์มานานแล้ว ในเมื่อครั้งนี้เจ้าพูดออกมาเอง เช่นนั้นก็อย่าโทษข้าลุงรองโหดเหี้ยม ข้ายินยอมตัดสัมพันธ์”

นางเฉียนเองก็กล่าวสมทบ “ข้าก็ยินยอมตัดสัมพันธ์!”

“ไม่ได้!” ฮูหยินผู้เฒ่ายังคงยึดยื้อ

ซูหัวหลินรีบโน้มน้าว “ท่านแม่ เก็บบ้านสามไว้มีแต่จะเดือดร้อนพวกเรา ทั้งซูจิ่งสิงเองบาดเจ็บสาหัส ดีไม่ดีว่าวันสองวันนี้ก็...”

ซูจื่อชิงเบิกตากว้าง “ก็อะไร? เจ้าพูดมาให้กระจ่างนะ!”

“เหอะ พูดก็พูด อาการบาดเจ็บของเขาสาหัสสากรรจ์ อากาศเองก็ร้อนเสียปานนี้ ข้างทางไร้หมอยาคอยตระเวนดูแล ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้บาดแผลก็อาจเป็นหนองตายได้! ถึงตอนนั้น ก็ต้องให้พวกเราเสียเงินจัดงานอาลัยอีก”

“ข้าจะฆ่าเจ้า!” ซูจื่อชิงโกรธมากจนตัวสั่น โมโหกับคำพูดชั่วร้ายของเขา รุดพุ่งไปข้างพร้อมง้างหมัด

“พอแล้ว! ซูจื่อชิง ไม่รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ เจ้าจะทำร้ายผู้อาวุโสของตนเองหรือไร?”

ฮูหยินผู้เฒ่ากระแทกไม้เท้า ดวงตาชราขึ้นฝ้าทอแววประกาย คำพูดของเจ้าสองกระทบใจนาง

นางยังไม่ตัดสัมพันธ์ เพราะกังวลว่าซูจิ่งสิงจะยังมีทางออก

แต่เมื่อมองดูสภาพของซูจิ่งสิงในตอนนี้ ก็เห็นชัดแล้วว่ามีเคราะห์มากกว่าโชค เช่นนั้นไม่สู้...

“จิ่งสิง เจ้าแน่ใจหรือว่าจะตัดสัมพันธ์?”

“ไม่ผิด” สายตาของซูจิ่งสิงเฉยเมย ถือเสียว่าไม่มีครอบครัวเช่นนี้อีกต่อไป

ฮูหยินผู้เฒ่าก็ไม่คิดเสแสร้งอีกต่อไป เจ้าสาวแต่เล็กก็ห่างออกจากอกนาง โตขึ้นมาก็ไม่ได้ใกล้ชิดสนิทสนม ต่อมาก็แต่งงานกับนางหยางที่สติไม่สมประกอบ สำหรับบ้านสาม แต่เดิมนางก็หาได้ผูกพัน

นางพูดด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ว่า

“ก็ได้ เช่นนั้นก็ตัดสัมพันธ์กัน แต่ก็ขอพูดน่ารังเกียจให้ฟังเสียก่อน วังหลวงถูกรื้อค้น เงินทั้งหมดของพวกเราต่างก็ได้มาจากบ้านมารดารับบริจาคมาให้ พวกเจ้าบ้านสาม ไม่อาจเอาไปได้แม้แต่แดงเดียว”

สิ้นเนื้อประดาตัว

ช่างเป็นหญิงชราที่โหดเหี้ยมนัก!

ซูจื่อชิงพูดอย่างวิตกว่า “ไม่มีเงิน จากนี้พวกเราจะอยู่กันอย่างไรเล่า?”

นางหลิวยิ้มและพูดว่า “ขุนนางของศาลาว่าการจะแจกโมโม[footnoteRef:1]ทุกวัน มีโมโมกิน ย่อมไม่หิวตาย” [1: เป็นเกี๊ยวหรือขนมจีบที่มีต้นกำเนิดในทิเบต เดิมกินกับเนื้อจามรี ต่อมาได้กลายเป็นอาหารพื้นเมืองของทิเบต ภูฏาน สิกขิม เนปาล และลาดัก ตัวเกี๊ยวเป็นชิ้นกลมแบนขนาดเล็ก ห่อเป็นรูปกระเป๋าหรือดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยว ทำให้สุกด้วยการนึ่ง การทอดในกระทะ หรือการทอดอีกครั้งหลังจากนึ่งแล้ว กินกับซอสหรือน้ำจิ้มหลายแบบ โดยปกติจะมีพริก มะเขือเทศ และกระเทียม]

“ท่านป้าสี่ ท่าน!”

“จื่อชิง” ซูจิ่งสิงหยุดเขาไว้ก่อน “ไปหาเจ้าหน้าที่ ยืมกระดาษปากกามาเขียนหนังสือตัดสัมพันธ์เถอะ”

ซุนอู่พาเจ้าหน้าที่ออกมากินข้าวเย็นกันอยู่ไม่ไกล ได้ยินเสียงทะเลาะนี้ดังอยู่นานแล้ว

บนเส้นทางที่ถูกเนรเทศ ครอบครัวกลายเป็นปรปักษ์กันหาใช่เรื่องแปลก

พวกเขาดูเรื่องน่าสนใจอยู่พักหนึ่ง แต่ก็คร้านจะเข้ามาห้ามปราม

กระดาษปากกาไม่มีค่า ไม่พูดอะไรสักคำ พวกเขาก็มอบมันออกมาให้

“หึ ตัดสัมพันธ์แล้ว จากนี้บ้านสามของพวกเจ้าคงได้ทุกข์ทรมานน่าดู!”

หลังจากเขียนจดหมายตัดสัมพันธ์แล้ว ทั้งคู่ก็ประทับลายนิ้วมือ ไม่สนใจชีวิตความเป็นอยู่ของบ้านสามอีกต่อไป พากันกลับไปกินซาลาเปาเนื้ออย่างชื่นบาน

ทิ้งไว้เพียงซูจิ่นเอ๋อที่ยังสับสน

นางก็แค่อยากกินซาลาเปาเนื้อเท่านั้นเอง เหตุใดถึงได้ตัดสัมพันธ์กันได้?

ไม่กล้าเข้าทางพี่ใหญ่และพี่รอง จึงทำได้เพียงดังแขนเสื้อของนางหยางแล้วเรียกนางเบาๆ

“ท่านแม่ ข้าไม่อยากตัดสัมพันธ์ ทั้งๆ ที่หย่ากับกู้หว่านเยว่ก็สิ้นเรื่อง เหตุใดต้องตัดสัมพันธ์กันด้วย?”

แต่ไม่คิดว่านางหยางจะหันมาดุด่านางแทน

“เจ้า ไม่รู้จักรักดี โตมาผิดเพี้ยนแล้ว...”

แม้แต่แม่แท้ๆ ที่สติไม่ดีก็ยังด่านาง ตอนนี้ซูจิ่นเอ๋อทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว น้ำตาไหลอาบหน้า แล้ววิ่งหนีไปด้วยความโกรธ

แต่หาได้ไปทางตระกูลซูไม่ แม้ว่านางจะยโสแต่ไม่ได้โง่ เมื่อครู่ลุงใหญ่ด่าพี่ใหญ่อย่างไร นางได้ยินอยู่เต็มหู

นางก็แค่รับไม่ได้ ครอบครัวใหญ่ครัวหนึ่ง อยู่ดีๆ เหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้กัน?

ทางด้านตระกูลซู หลี่ซือซือเองก็มีสีหน้าจริงจังเช่นกัน “ท่านแม่ เหตุใดเมื่อกี้นี้ท่านต้องห้ามข้าด้วย?”

ซูหวู่อวิ๋นขมวดคิ้ว “ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ แต่ซูจิ่งสิงไม่ใช่เจิ้นเป่ยอ๋องอีกต่อไปแล้ว เจ้าดูที่สองขาของเขาสิ มันไร้ประโยชน์แล้ว!

พวกเราตอนนี้ยากจะปกป้องตนเอง เจ้าไม่สู้ใส่ใจผู้อื่นให้มาก อย่างญาติผู้พี่ซูเช่อของบ้านลุงใหญ่ของเจ้าก็ดีไม่น้อย

หลี่ซือซือเหลือบมองไปยังซูเช่อที่ก้มหน้าก้มตาอยู่ตรงหน้าซูหัวหยางอยู่ไม่ไกล พลันเม้มริมฝีปาก ไม่พูดอะไรสักคำ

“ท่านแม่ ข้าจะไปดูญาติผู้น้องจิ่นเอ๋อเจ้าค่ะ”

นางคิดในครู่นั้น แล้วเดินไปหาซูจิ่นเอ๋อทันที...
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (5)
goodnovel comment avatar
Jaruayporn Kliengkhaw
สนุกคะหน้าติดตาม
goodnovel comment avatar
อนงนารถ บุญทวี
เริ่มมาก็ตัดกันแล้ว
goodnovel comment avatar
จีรพันธ์
อ่าน ๆๆๆๆๆๆๆๆๆต่อ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1954

    องค์หญิงน้อย นี่...”“ต่อกระดูกเจ็บอยู่บ้าง กลัวเขาจะร้องไห้คร่ำครวญกัดลิ้นตนเองขาด ไม่สู้ตีเขาให้หมดสติไปก่อน เจ้าออกไปเถอะ”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่งอย่างใจเย็น หลันเตี๋ยพยักหน้า กลัวรบกวนกู้หว่านเยว่จึงรีบหันหลังเดินจากไป ก่อนจากไปยังตั้งใจมัดกระโจมให้แน่น ป้องกันมีคนไปรบกวนกู้หว่านเยว่เห็นนางเชื่อฟังเพียงนี้ พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ รีบนำเครื่องมือออกจากระบบเพื่อช่วยรักษาอาการให้เหล่าคังภายนอกกระโจม หลันเตี๋ยรายงานสถานการณ์ให้ลั่วหรงรับรู้ “องค์หญิงน้อยกำลังช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้เหล่าคัง ก่อนออกมาได้สั่งไว้ ห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าไปรบกวน”ลั่วหรงพยักหน้า“ก็ได้ เช่นนั้นข้าจะอยู่เฝ้านอกกระโจม”เห็นใต้ตาดำคล้ำอยู่จางๆ ของหลันเตี๋ย เขาโบกมือพลางพูดว่า “เจ้าเองก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว รีบไปพักผ่อนเถอะ”หลันเตี๋ยมีวิชาแพทย์อยู่บ้าง ก่อนกู้หว่านเยว่มา นางเป็นผู้รักษาผู้ได้รับบาดเจ็บคนอื่น เพียงแต่อาการของเหล่าคังร้ายแรงมาก ยารักษาในมือนางไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าสมควรทำเช่นไร“ก็ดี เช่นนั้นข้าไปพักผ่อนก่อนสักครู่ มีเรื่องใดก็รีบแจ้งข้า”หลันเตี๋ยพยักหน้า กลับไม่ฝืนร่างกายทนไม่ไ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1953

    คิดไม่ถึงเลยว่าบัดนี้ความคิดที่มีต่อนางจะเปลี่ยนไปใหญ่หลวงเพียงนี้ นับว่าหาได้ยากยิ่งกู้หว่านเยว่ยิ้มอ่อนโยน “มาหาของกับสามีข้า”“สามี?”หลันเตี๋ยหันมองชายข้างกายกู้หว่านเยว่ในทันใด นี่ถึงพบว่าทางด้านข้างมีชายหล่อเหลาไม่ธรรมดาท่านหนึ่ง คนทั้งกลุ่มทหารรับจ้างสู้คนผู้นี้ไม่ได้กลับไม่ได้พูดเกินจริงนางปิดปากพูดด้วยความตกตะลึง “ก่อนหน้านี้หัวหน้าหน่วยเกี้ยวพาท่าน ท่านบอกพวกเราว่าท่านมีสามีแล้ว ทีแรกคิดว่าท่านบ่ายเบี่ยง คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นความจริง ยิ่งไปกว่านั้นยังหล่อเหลาเพียงนี้!”ซูจิ่งสิงเลิกคิ้วขึ้น สีหน้าแปลกใจไม่มากนักนับตั้งแต่ได้เห็นสายตาลั่วหรงยามสบมองกู้หว่านเยว่ครั้งแรก เขาก็รับรู้ได้ว่านี่คือแอบรัก ทว่าเขาไว้ใจภรรยาของตนลั่วหรงกระแอมทีหนึ่ง “เอาล่ะ หลันเตี๋ย ตอนนี้ไม่ใช่เวลารำลึกความหลัง พาองค์หญิงน้อยไปดูเหล่าคังก่อนเถอะ”“อ้อ”หลันเตี๋ยแลบลิ้น รีบพากู้หว่านเยว่เข้าไปภายใน“องค์หญิงน้อย ท่านตามข้ามาดูอาการของเหล่าคังในกระโจมเถอะ อีกสองคนที่ได้รับบาดเจ็บข้าพันแผลไว้ดีแล้ว มีเพียงเหล่าคังอาการร้ายแรงที่สุด ข้าไม่สามารถรักษาได้”กู้หว่านเยว่หันไปบอกซูจิ่งสิง จากนั

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1952

    “อะไรนะ?” ลั่วหรงเผยสีหน้าตกตะลึง เกิดลางสังหรณ์บางอย่าง แหงนหน้ามองไปมองเห็นเงาร่างในชุดสีฟ้า โรยลงมาจากบนต้นไม้สู่พื้นดินต่อหน้าทั้งสองคน กู้หว่านเยว่ผลิยิ้มกว้าง “พี่ใหญ่ลั่วหรง ไม่ได้พบกันนาน”ลั่วหรงตกตะลึงระคนดีใจ“นี่ องค์หญิงน้อย เหตุใดเป็นท่าน เหตุใดท่านมาที่แคว้นเซียนหลิงได้เล่า หนำซ้ำยังเข้ามาในภูเขาน้ำแข็งของป่าลึกแห่งนี้อีกด้วย”ลั่วหรงตกตะลึงพรึงเพริด ในขณะเดียวกันรู้สึกดีใจเต็มเปี่ยมภายในที่ราบแห่งความโกลาหล พวกเขากลุ่มทหารรับจ้างเดินทางขึ้นเหนือจรดใต้ ล้วนไม่เคยปักหลักอยู่ที่ใดนานนัก สามารถพูดได้ว่า ชีวิตนี้โอกาสที่จะได้พบกู้หว่านเยว่น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ทุกครั้งได้พบหน้าล้วนยากลำบากกระนั้นหลังผ่านความดีใจไปแล้ว เขาสังเกตเห็นซูจิ่งสิงที่อยู่ข้างกายอย่างว่องไว เมื่อครู่ซูจิ่งสิงพูดอันใด? ฮูหยิน?ที่แท้เขาก็คือชายในดวงใจขององค์หญิงน้อยนี่เอง!ลั่วหรงเพ่งพิศซูจิ่งสิงเงียบๆ แวบหนึ่ง จากนั้นรับรู้ถึงความรู้สึกพ่ายแพ้อย่างลึกซึ้ง ชายเบื้องหน้ารูปโฉมหล่อเหลาดุจหยก รัศมีน่าเกรงขาม หน้าตางดงามยากจะหาผู้ใดทัดเทียม วิชายุทธที่เขาแสดงออกมาไม่ด้อยไปกว่าตนแพ้แล้ว!ภายใน

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1951

    สีหน้ากู้หว่านเยว่เปลี่ยนไป รีบส่ายหน้า ซูจิ่งสิงที่อยู่ข้างกายไม่ต้องเอ่ยเตือน ก็สังเกตเห็นอันตรายที่แฝงอยู่แล้วรีบอุ้มกู้หว่านเยว่หลบไปที่ฝั่งหนึ่ง ทั้งสองคนหันหน้าไป มองเห็นหมีขาวตัวหนึ่ง จู่ๆ ก็กระโดดออกจากป่าถูกปกคลุมด้วยหิมะน้ำแข็งเส้นขนสีขาวดุจหิมะสะท้อนไอเย็น แววตาคู่นั้นดุดัน จับจ้องทั้งสองคนเขม็งมุมปากยังเจือรอยโลหิตแห้งกรัง เห็นว่ากู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเห็นมันแล้วก็รีบก้าวเท้าว่องไวออกจากป่า มุ่งหน้ามาทางพวกเขาหมีสีขาวตัวนี้ใหญ่โตหนักราวห้าถึงหกร้อยชั่ง เผชิญหน้ากับมัน น่ากลัวว่าอาจถูกมันตะปบตาย ซูจิ่งสิงรีบอุ้มกู้หว่านเยว่เหินบินไปที่ต้นไม้ทางฝั่งหนึ่ง“ปึง!”เจ้าหมีโมโหทุบต้นไม้ทีหนึ่ง ยังดีต้นไม้ต้นนี้แข็งแรงมาก ไม่อาจทุบหักได้ในทันทีทว่าทั้งสองคนยืนบนต้นไม้ก็ยังโคลงเคลงไปมา กู้หว่านเยว่บ่น “คิดไม่ถึงเลยว่าภายในป่านี้จะมีหมีตัวใหญ่เพียงนี้อยู่ เห็นรอยเลือดบนมุมปากและอุ้งมือของเจ้าหมีตัวนี้แล้ว น่าจะเพิ่งล่ามา”ซูจิ่งสิงพยักหน้า เขาเองก็มองออกแล้ว“หมีตัวนี้มีพลังสังหารไม่น้อยเลย น้องหญิง เจ้าอยู่รอข้าบนต้นไม้ก่อน ให้ข้าจัดการมันก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่กำลัง

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1950

    กู้หว่านเยว่ครุ่นคิดในใจ นางคิดว่านางน่าจะรู้แล้วว่าเหตุใดคนเหล่านี้จึงหาชิ้นส่วนแผนที่ขุมทรัพย์ไม่เจอ ชิ้นส่วนแผนที่ขุมทรัพย์สองชิ้นอยู่ในทวีปเทียนเสวียน มีเพียงชิ้นเดียวที่อยู่ในที่ราบแห่งความโกลาหล ถ้าพวกเขาหาเจอสิถึงจะแปลก“จริงสิ ครั้งที่แล้วเจ้าลูกชายตัวดีของข้าบอกว่าได้ชิ้นส่วนแผนที่ขุมทรัพย์มาจากองค์หญิงเป่ยตี้ ยังทำให้ข้าดีใจเก้อไปพักหนึ่ง” ฮ่องเต้แคว้นเซียนหลิงทรงนึกอะไรขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน บ่นอย่างไม่สบอารมณ์ ทำให้กู้หว่านเยว่รู้สึกผิดในใจหนานฉีไม่ได้พูดจาเหลวไหล เขาได้ครอบครองชิ้นส่วนแผนที่ขุมทรัพย์ในช่วงสั้น ๆ จริง เพียงแต่ว่าไม่นานหลังจากนั้น ชิ้นส่วนแผนที่ขุมทรัพย์ชิ้นนั้นก็ตกมาอยู่ในมือของนางเสียแล้ว“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านกลับไปก่อนเถอะ” เดิมทีกู้หว่านเยว่คิดจะให้ฮ่องเต้แคว้นเซียนหลิงช่วยตามหาว่าทางเข้าถ้ำสมบัติอยู่ที่ไหน แต่พอได้ยินเขาบอกว่าข้างในมีทรัพย์สมบัติมหาศาลเช่นนั้น นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ยังคงรู้สึกว่าตนเองไปจัดการเองน่าจะปลอดภัยกว่าหลังจากที่ฮ่องเต้แคว้นเซียนหลิงออกไปแล้ว กู้หว่านเยว่จึงได้ปรึกษากับซูจิ่งสิง ตั้งใจว่าจะไปตามหาถ้ำสมบัตินี้ด้วยกัน“พ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1949

    เดิมทีกู้หว่านเยว่ตั้งใจจะกลับไปที่ตงโจวก่อน แล้วค่อยกลับมาจัดการเรื่องของแคว้นเซียนหลิง แต่ใครจะรู้ว่าทันทีที่ฮ่องเต้แห่งแคว้นเซียนหลิงทรงทราบว่านางเดินทางผ่านมา ก็รีบนำขุนนางร้อยคนออกไปต้อนรับทันที ทำให้ประชาชนในแคว้นเซียนหลิงแตกตื่นกันไปหมด“นี่ใครกัน เหตุใดถึงได้เอิกเกริกขนาดนี้?” “แม้แต่ฮ่องเต้ยังเสด็จออกไปต้อนรับด้วยพระองค์เอง เกรงว่าจะมีฐานะไม่ธรรมดา”ชายคนหนึ่งที่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังกล่าวขึ้นอย่างช้า ๆ “คือองค์หญิงน้อยแห่งตงโจว”คนอื่น ๆ “หา ฝ่าบาททรงเสียสติไปแล้วหรือ เหตุใดถึงต้องไปต้อนรับองค์หญิงน้อยของตงโจวด้วยเล่า หากเรื่องนี้แพร่ออกไป แคว้นเซียนหลิงของเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?”ขณะที่ทุกคนกำลังงุนงงและวิพากษ์วิจารณ์กัน ขันทีข้างกายของฮ่องเต้ก็เดินออกมา เชิดคางขึ้นแล้วกล่าวอย่างชอบธรรม “สงบปากสงบคำเสีย พวกเจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรกัน องค์หญิงน้อยแห่งตงโจวอะไรกัน ข้าจะบอกพวกเจ้าให้นะ นั่นคือเทพธิดาแห่งแคว้นเซียนหลิงของเรา เทพธิดาทรงกล้าหาญ จนได้เป็นเยว่อ๋องแห่งตงโจว ในอนาคตตงโจวก็คือแคว้นที่เป็นมิตรของเรา เข้าใจหรือไม่?”ทุกคน ?หนานโย่วที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนได้แต่เกาหัวอย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status