Share

บทที่ 9

Author: ฮวาฮวาตีลังกาแปล
“ทำไมเจ้ายังไม่นอน?” “เหตุใดท่านยังไม่นอน?”

ทั้งสองพูดออกมาพร้อมกัน

กู้หว่านเยว่เขย่างานเย็บปักในมือ “ข้าเอาผ้าขี้ริ้วมาเย็บเป็นถุงหอมเล็กๆ สักสองสามถุง แล้วจะใส่สมุนไพรป้องกันแมลงลงไปเจ้าค่ะ”

ระหว่างทางเนรเทศ ผู้คนกินนอนในที่โล่ง งูเงี้ยวเขี้ยวขอมีให้ได้เห็นอยู่เรื่อยๆ

แมงป่องพิษวันนี้มันด้วยมิใช่หรือ?

พกถุงหอมป้องกันแมลงไว้สักหน่อย จะได้ไม่โดนแมลงพิษกัดเอา

พูดจบ กู้หว่านเยว่ก็ก้มหน้าเย็บถุงหอมต่อ

ทว่าฝีมือการเรือนของนางไม่ค่อยดีนัก นางพลางเย็บพลางมุ่ยหน้า ราวกับว่ากำลังเจอกับปัญหาใหญ่ไร้ทางแก้

ซูจิ่งสิงมองแล้วก็อยากจะช่วยขึ้นมา

“ข้าช่วยเจ้าเย็บดีกว่า”

กู้หว่านเยว่ถามเขาด้วยรอยยิ้มจางๆ “ท่านไม่กลัวอับอายหรือ?”

นางคิดว่าหากเขากล้าแสดงสีหน้ารังเกียจ นางจะหันหลังจากไปแน่นอน

“สิ่งนี้มีอะไรน่าอับอายกัน?” ซูจิ่งสิงพูดอย่างเถรตรง “ข้าได้แต่นอนอยู่บนรถเข็น ช่วยอะไรพวกเจ้าไม่ได้ หากเรื่องเย็บปักเล็กน้อยเช่นนี้ยังรังเกียจ เช่นนั้นถึงจะเรียกว่าน่าอับอาย”

อื้ม เป็นคำตอบที่สุภาพบุรุษมาก!

เจอปัญหาไม่คิดกลัว กลัวเพียงยามบุรุษเจอปัญหาแล้วยังนอนอยู่บนเตียงทำตัวเป็นนายท่าน รังเกียจนั่น รังเกียจนี่ นี่ต่างหากที่น่ากลัว

กู้หว่านเยว่ยื่นเข็มกับด้ายให้เขาอย่างยินดี

ซูจิ่งสิงก้มศีรษะ ร้อยด้ายเข้ากับเข็มอย่างระมัดระวัง มือใหญ่ของเขาจับเครื่องปักอย่างงุ่มง่าม แต่สีหน้าจริงจังอย่างยิ่ง

แสงจันทร์ส่องกระทบใบหน้าของเขา ก่อเกิดรัศมีเปล่งประกายบนรูปโฉมอันหล่อเหลา

กู้หว่านเยว่เบิกตากว้างและนิ่งไป

ถอนใจอย่างจริงจัง “สามี ท่านรูปงามมากจริงๆ เจ้าค่ะ!”

หูของซูจิ่งสิงแดงขึ้นมาเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาอยากจะหลบหนีจากสายตาของอิสตรี

ทันใดนั้น ดวงตาของกู้หว่านเยว่ก็หรี่ลง สายตาเกี้ยวพาหายไปทันที แทนที่ด้วยความตื่นตัว

จากสายตาของนาง ราตรีสงัดเช่นนี้ มีร่างร่างหนึ่งลอบเข้ามาอย่างลับๆ ล่อๆ

“เป็นซูหัวหลิน”

ซูจิ่งสิงพูดอย่างเย็นชา

ก่อนจะแยกกันพักผ่อน กู้หว่านเยว่คิดว่ากลิ่นของซาลาเปาเนื้อแรงเกินไป จึงใส่ห่อซาลาเปาเนื้อที่เหลือนั้นเอาไว้ในกระเป๋าของนางหยาง

ร่างวับๆ แวมๆ ของซูหัวหลิน เห็นได้ชัดว่ามาที่นี่เพื่อขโมยบางสิ่งบางอย่าง!

ดวงตาของซูจิ่งสิงทอประกายเย็นเยียบ เขาหยิบหินก้อนเล็กๆ ขึ้นมาแล้วกำลังจะลงมือ

“ประเดี๋ยวก่อน”

กู้หว่านเยว่รีบหยุดเขา จากนั้นจึงส่งสายตาว่าท่านวางใจไปให้เขา

ความหมายความว่าอย่างไร?

หรือว่านางรู้อยู่แล้วว่าซูหัวหลินจะมาขโมยของ?

ซูจิ่งสิงกลั้นหายใจ ทันทีนั้นก็นึกสงสัยว่ากู้หว่านเยว่จะใช้วิธีใดมาขัดขวางแผนการของซูหัวหลิน

มองเห็นซูหัวหลินเดินขึ้นไปหยุดอยู่ใกล้ๆ นางหยาง แล้วมองไปรอบๆ ด้วยความไม่สบายใจ

ทั่วทั้งบริเวณเงียบสงบ ยกเว้นเพียงเสียงกรนที่จะดังขึ้นมาเป็นครั้งคราว

เขาหายใจด้วยความโล่งอก เอื้อมมือเข้าไปในกระเป๋าของนางหยาง ทันใดนั้น ใบหน้าก็ทอประกายความยินดี

นางเฉียนที่อยู่ไม่ไกลก็พยายามส่งสัญญาณให้เขาสุดชีวิต โดยบอกว่าหากได้ซาลาเปาเนื้อแล้วก็ให้รีบกลับมา

แต่ซูหัวหลินกลับก็ส่งเสียงกรีดร้องราวกับหมูถูกเชือดออกมากะทันหัน

“อ๊าก... เจ็บจะตายแล้ว มือข้า!”

ในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ เสียงกรีดร้องนี้ก็เป็นดั่งเสียงฟ้าร้อง ปลุกทุกคนให้ตื่นขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง

เหล่านักการที่พักผ่อนกันก็พลันเร่งรุดมารวมตัว

มองเห็นว่ามือของซูหัวหลินถูกกับดักหมูป่าหนีบเอาไว้!

ซี่เหล็กแหลมคมแทงลึกเข้าไปในเนื้อของเขา เลือดสีแดงสดไหลพะเนิน ในมือยังคงจับซาลาเปาเนื้อที่จางเอ้อมอบให้กู้หว่านเยว่วันนี้อยู่

“นี่คือมาขโมยของ แต่โดนกับดักหมูป่าหนีบเข้าสิท่า?”

“ไร้ยางอายนัก ฉวยโอกาสตอนคนอื่นกำลังหลับมาขโมยของ”

หลังจากได้สติกลับมา ทุกคนก็เริ่มปรามาสดุด่า มีบางคนถึงกับตรวจสอบกระเป๋าของตน ด้วยกลัวว่าจะถูกโจรขโมยไปแล้ว

ทุกคนในตระกูลซูเองก็รีบวิ่งมาเช่นกัน

เมื่อเห็นมือของซูหัวหลินเต็มไปด้วยเลือด นางเฉียนก็เกือบจะเป็นลมล้มพับไป ซูหัวหลินร้องตะโกนด้วยความเจ็บปวด

“ยืนบื้ออยู่ทำไม? รีบมาช่วยข้าสิ รีบช่วยข้า นิ้วข้าจะถูกตัดแล้ว!”

คนจากบ้านสองร้อนรนจนหัวหมุน แต่พวกเขาล้วนแต่เป็นผู้ดีตีนแดง ไหนเลยจะรู้วิธีจัดการกับกับดักหมูป่ากัน?

ไม่ทันได้ระวัง มือของนางเฉียนก็ไปบาดกับตะขอซี่หนึ่ง

นางรีบดึงมือกลับทันที ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ไม่กล้าเข้าไปช่วยอีกแล้ว

“นังแพศยา วาจาเอ่ยหนึ่งราตรีสามีภรรยาร้อยวันเมตตา[footnoteRef:1] ข้าว่าเป็นยามภัยมาเยือนเอาตัวรอด[footnoteRef:2]เสียมากกว่า!” [1: เมื่อความสัมพันธ์เกิดขึ้นแล้ว ความรู้สึกลึกซึ้งก็จะพัฒนา] [2: เมื่อเกิดปัญหาขึ้น ก็หนีเอาตัวรอดเพียงคนเดียว]

ซูหัวหลินหลั่งน้ำตาด้วยความเจ็บปวด หัวใจหนาวสะท้าน

นางเฉียนทำได้เพียงให้มาด่ากู้หว่านเยว่แทน “กู้หว่านเยว่ เจ้าใจเหี้ยมเหลือเกินแล้ว นี่คือลุงใหญ่ของเจ้านะ เจ้ากลับกล้าใช้กับดักหมูป่ามาทำร้ายเขา!”

กู้หว่านเยว่แค่นหัวเราะ โต้กลับไปอย่างไม่อนาทร “กับดักหมูป่าของข้าวางไว้กันขโมย ถ้าซูหัวหลินไม่ใช่ขโมย ก็ไม่ถูกหนีบเข้าหรอก”

“นางสารเลว...” นางเฉียนโกรธจนปวดอก นางพับแขนเสื้อขึ้นแล้วรีบวิ่งไปข้างหน้าทันที

กู้หว่านเยว่คว้าผมของนางไว้เต็มมือ แล้วโยนนางลงไปที่พื้นอย่างแรง

“ถ้าเจ้ากล้ารังแกท่านพ่อท่านแม่ข้า ข้าจะฆ่าเจ้า!”

ซูอวี่แห่งบ้านสองเผยสายตาดุร้าย หยิบหินขึ้นมาจากบนพื้นแล้วฟาดหัวกู้หว่านเยว่

กู้หว่านเยว่รีบก้าวหลบทันควัน แล้วคว้าแขนของเขาเอาไว้ บิดหักอย่างแรง

“อ๊าๆ อ๊าก เจ็บมาก ช่วยด้วย ท่านย่า ช่วยข้าด้วย...”

ซูอวี้ร้องไห้โฮไร้ยางอาย ฮูหยินผู้เฒ่ารักหลานชายคนนี้มากที่สุด จึงพูดออกมาด้วยความโกรธ ใบหน้าเข้มครึ้ม

“กู้หว่านเยว่ เจ้าคนไม่มีใครสั่งสอน ปล่อยอวี่เอ๋อมาเดี๋ยวนี้นะ!”

กู้หว่านเยว่หักข้อมือของซูอวี่จนได้ยินเสียงแกร๊ก แล้วพูดประชดว่า

“พูดถึงเรื่องไม่มีใครสั่งสอน ไม่มีใครเทียบเท่าเหล่าลูกชายของท่านที่มีมารดาให้กำเนิดแต่ไร้มารดาคอยเลี้ยงดูแล้วเจ้าค่ะ”

ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธจนกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ดาวไม้กวาดคนนี้ ด่าคนได้รุนแรงนัก!

นางมองซูจิ่งสิงด้วยใบหน้ามืดมน

“ซูจิ่งสิง ภรรยาเจ้าปีนหัวผู้ใหญ่ ไม่เคารพผู้อาวุโส หรือเจ้าไม่คิดจะปรามนางหน่อยหรือ?”

ซูจิ่งสิงเหลือบมองกู้หว่านเยว่หนึ่งครั้ง แล้วพูดออกมาโดยไม่ต้องคิด “พวกเราสองบ้านตัดสัมพันธ์กันไปแล้ว พวกท่านไม่นับว่าเป็นผู้อาวุโส

ส่วนที่ภรรยาข้าทำลงไปก็ถูกต้องแล้ว เหตุใดข้าต้องเข้าไปปราม?”

“เจ้า... ดียิ่ง ประเสริฐนักแล้ว เพื่อนางดาวไม้กวาดคนนี้ เจ้าถึงขั้นไม่สนใจย่าเจ้าแล้ว!”

ฮูหยินผู้เฒ่ารู้ว่าซูจิ่งสิงยามนี้พึ่งไม่ได้แล้ว จึงสูดหายใจเข้าลึกๆ มองไปที่กู้หว่านเยว่แล้วพูดว่า

“ขอเพียงเจ้าแกะกับดักหมูป่าที่หนีบเจ้ารองออก เรื่องในวันนี้ จะไม่รื้อย้อนขึ้นมาอีก”

ไม่รื้อย้อนขึ้นมาอีก?

กู้หว่านเยว่กลอกตา ยายแก่คนนี้ไม่เข้าใจสถานการณ์ใช่หรือเปล่า?

คิดว่าพวกเยอะก็ไร้ศัตรูจริงหรือไร?

“ข้าย้ำอีกครั้ง กับดักหมูป่านี้ข้าวางไว้ป้องกันขโมย ข้าไม่แกะ”

พูดจบ กู้หว่านเยว่ก็เดินไปหยิบซาลาเปาจากมือของซูหัวหลิน แล้วพานางหยางไปเข้านอน

บ้านสองตระกูลซูอยากหยุดนาง แต่จางเอ้อที่ยืนดูละครอยู่ก็เดินขึ้นมาเตือนความ

“จะทำอะไร? พวกเจ้าจะสร้างเรื่องกันหรือไร?”

พวกเขายังไม่กล้าปะทะกับนักการตรงๆ ทำได้เพียงมองดูกู้หว่านเยว่จากไปอย่างไม่เต็มใจ

ฮูหยินผู้เฒ่าคว้าซูจิ่นเอ๋อที่ยังยืนลังเล ใบหน้าชรายกยิ้มบางเบา

“จิ่นเอ๋อ ลุงรองดีต่อเจ้ามาตลอดใช่หรือไม่? ตอนนี้มือของลุงรองของถูกกับดักหมูป่าหนีบเข้า เจ้าไปบอกให้กู้หว่านเยว่แกะกับดักหมูป่านี้ออกหน่อยสิ”

ซูจิ่นเอ๋อลังเล พูดออกมาว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ นางไม่ฟังข้าหรอกเจ้าค่ะ”

นางเฉียนเข้ามาสมทบว่า “นางหนูอย่างเจ้าเหตุใดถึงได้หัวช้าเช่นนี้? ถ้านางไม่ฟังเจ้า เจ้าก็ทะเลาะกับนางเสียสิ เจ้าเป็นลูกสาวแท้ๆ ของบ้านสามนะ นางที่เป็นสตรีแต่งเข้าจะทำอะไรเจ้าได้?”

ซูจิ่นเอ๋อมองท่านย่าและป้าสะใภ้รองที่ใบหน้ายิ้มแย้มใจดี ตนมักรู้สึกว่ารอยยิ้มของพวกนางมองอย่างไรก็ดูเสแสร้งพิลึก
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (3)
goodnovel comment avatar
อนงนารถ บุญทวี
นี่แค่เพิ่งเริ่มต้นเองนะ
goodnovel comment avatar
Dumpjea
สมน้ำหน้ส ทำชั่วต้องไดรับกรรม สมควร
goodnovel comment avatar
วรรณดี ศาลาทอง
ขอบคุณค่ะสนุกมากขึ้น
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1768

    ตอนนี้ ดูเหมือนว่าสิ่งที่คนทั้งสองกล่าวนั้นพอจะมีมูล และอาจเป็นไปได้จริง ๆ “ท่านพอจะทราบหรือไม่ว่าหมอเทวดาเผยศิษย์น้องของท่านอยู่ที่ใด?”เป่ยหมิงโยวหลานประสานมือคารวะพลางเอ่ยถาม เขาเร่งรีบที่จะรักษาอาการป่วยของเสด็จแม่ มิเช่นนั้นคงไม่เสียเวลามาพูดคุยกับนักต้มตุ๋นผู้นี้หมอเทวดาเผยกระแอมเบา ๆ แล้วลูบเคราของตน“ท่านหมายถึงศิษย์น้องของข้าผู้นี้น่ะหรือ ศิษย์น้องของข้าเขาพเนจรไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ตามร่องรอยได้ยาก แม้แต่ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนแต่ว่านะ ข้าเห็นท่าทางของท่านดูเหมือนอยากจะพบเขาจากใจจริง ข้าลองช่วยท่านติดต่อเขาดูก็ได้”เขาก็คิดไม่ถึงว่ายาเซินถุ่ยเติงเหยี่ยนของเขาจะมีสรรพคุณถึงเพียงนี้ ทำให้ทั้งสองคนนี้ท้องเสียได้เช่นนั้นก็ถือเป็นการชดเชยเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้พวกเขาก็แล้วกัน“ท่านพูดจริงหรือ?”เป่ยหมิงโยวหลานประสานมือคารวะพลางเอ่ยขึ้น“หากผู้อาวุโสสามารถช่วยตามหาหมอเทวดาเผยได้ ข้าน้อยจะมอบรางวัลตอบแทนให้ท่านอย่างงาม ซาบซึ้งในบุญคุณนี้อย่างหาที่สุดมิได้”“รางวัลตอบแทนไม่ต้องหรอก เมื่อครู่ท่านก็ให้ข้าไปแล้วมิใช่หรือ”หมอเทวดาเผยไม่เคยให้ความสำคัญกับชื่อเสียงลาภ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1767

    “เจ้าเป็นศิษย์ของตาเฒ่าจอมหลอกลวงผู้นี้หรือ?”ถังซือมองเผยหยวนตั้งแต่หัวจรดเท้า ดีจริง ๆ เจ้าคนหลอกลวงมาคนเดียวยังไม่พอ ยังมีพรรคพวกมาอีกเป็นโขยงไม่นึกเลยว่าตาเฒ่าหลอกลวงผู้นี้จะเป็นคนมีอิทธิพล พรรคพวกบางคนในกลุ่มนี้ถึงกับสวมชุดเกราะอีกด้วย“ศิษย์ข้า ช่วยข้าด้วย!” หมอเทวดาเผยคร่ำครวญเผยหยวนจนปัญญา “ท่านอาจารย์ ท่านไปก่อเรื่องอะไรมาอีกแล้ว?”“พวกเขาโดนพิษจากก๊าซในหนองน้ำ ข้าอุตส่าห์หวังดีช่วยเหลือพวกเขา แต่พวกเขากลับกล่าวหาว่าข้าเป็นคนหลอกลวง” หมอเทวดาเผยกล่าวเสียงแผ่วเบา “ข้าก็ไม่ได้หลอกพวกเขาสักหน่อย พิษข้าก็แก้ให้แล้ว เพียงแต่ขายยาปลอมให้พวกเขาไปเท่านั้นเอง”เผยหยวน นี่เรียกว่าไม่ได้หลอกลวงได้ด้วยหรือ?หมอเทวดาเผยเบ้ปาก เขาก็ไม่ได้อยากหลอกลวงใครนะ แต่พอเขาบอกว่าเขาสามารถใช้นิ้วเพียงไม่กี่นิ้วก็แก้พิษให้พวกเขาได้แล้ว พวกเขากลับไม่เชื่อ ดึงดันจะให้เขาเอายาออกมาให้ได้นี่มิใช่การเสนอตัวมาให้โดนหลอกเองหรอกหรือ?เขาจนปัญญา จึงได้แต่ล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อ ปั้นยาเซินถุ่ยเติงเหยี่ยนขึ้นมาสองสามเม็ด แล้วยื่นให้พวกเขาอาจเป็นเพราะเขาไม่ได้อาบน้ำมานานเกินไปกระมังพอพวกเขากินเข้าไปก

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1766

    ไม่รู้ว่าเหล่าสหายที่อยู่ในต้าฉี ตอนนี้จะเป็นอย่างไรกันบ้าง“น้องเล็ก การเดินทัพของวันพรุ่งนี้ให้ข้าจัดการเถิด เจ้าไปพักผ่อนเสีย”จงหลี่เดินเข้ามาพลางมองกู้หว่านเยว่ด้วยสีหน้าอ่อนโยนเมื่อเห็นดวงตาของน้องเล็กเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย บนใบหน้าของเขาก็แสดงความเจ็บปวดใจออกมา ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“อย่าหักโหมเกินไปนัก”“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ จัดการเรื่องพวกนี้เสร็จก็เรียบร้อยแล้ว”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า แม้ว่านางจะเหนื่อยล้า ทว่ากลับรู้สึกตื่นเต้นเสียมากกว่าวันรุ่งขึ้น กองทัพใหญ่ยังคงมุ่งหน้าไปยังเมืองอื่น ๆ ต่อไปหน่วยลาดตระเวนของแคว้นเป่ยตี้ที่อยู่ในตงโจวนั้น แทบจะถอนกำลังออกไปจนหมดแล้ว ส่วนน้อยที่เหลืออยู่ก็วิ่งหนีกันแตกกระเจิงไปคนละทิศละทางการยึดคืนเมืองเหล่านี้ จึงราบรื่นเป็นพิเศษ ขณะเข้าเมือง กู้หว่านเยว่ก็พลันได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทดังมาจากข้างหน้า“ข้าว่าตาเฒ่า เจ้าเลวเกินไปแล้ว เหตุใดจึงนำยาปลอมมาหลอกพวกเราล่ะ?!”“ใช่แล้ว รีบคืนเงินให้พวกเราเดี๋ยวนี้!”เสียงสองเสียงดังขึ้น จากนั้นก็ตามด้วยเสียงของตาเฒ่า“ยาปลอมอะไรกัน? นี่คือยาจริง พวกเจ้าดูไม่เป็นเองต่างหาก มีตาแต่ห

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1765

    “ใส่ใจให้มากหน่อย ดูว่ามีข่าวคราวของหมอเทวดาเผยหรือไม่ เรื่องซุบซิบนินทาพวกนี้ ฟังให้น้อยลงหน่อย”เป่ยหมิงโยวหลานกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“อ้อ” ถังซือพยักหน้าด้วยความหดหู่ นี่เขาถูกรังเกียจแล้วหรือ?กลางโรงน้ำชา การซุบซิบนินทาของคนเหล่านั้นยังคงดำเนินไปอย่างเผ็ดร้อน โดยไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่าเจ้าตัวก็นั่งอยู่ข้าง ๆ พวกเขา“คนกลุ่มนี้พูดจาเหลวไหลสิ้นดี ไม่มีอะไรเป็นความจริงเลยสักประโยคเดียว”เสียงห้าว ๆ ดังขึ้น ที่แท้ก็เป็นคนของกลุ่มทหารรับจ้างฉื่อหรงที่เดินทางมาถึงที่นี่เช่นกัน หลังจากที่พวกเขาจัดการกลุ่มทหารรับจ้างเสินสุ่ยแล้ว ก็เดินทางมายังเมืองศูนย์กลางเพื่อรับภารกิจไม่คิดเลยว่า จะมาได้ยินเรื่องซุบซิบนินทาเข้าพอดีลั่วหรงมองพวกเขาอย่างเห็นใจ แม้ว่าท่านจะเป็นถึงองค์ชายหลาน แต่ท้ายที่สุดแล้ว ก็คงไม่มีวันได้หัวใจของหว่านเยว่ไปครอง“หัวหน้า คนที่ประกาศภารกิจดูเหมือนจะอยู่ทางนั้น” หลันเตี๋ยชี้ไปยังบุรุษอาภรณ์สีเขียวที่สวมหน้ากากคนหนึ่งซึ่งอยู่ตรงมุมหนึ่ง“ไป พวกเราไปกันเถอะ”ลั่วหรงพยักหน้า พาคนของตนมาอยู่ตรงหน้าเป่ยหมิงโยวหลาน...ทางด้านนี้ กู้หว่านเยว่ยังไม่รู้ว่า เรื่องเ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1764

    ...กู้หว่านเยว่สร้างชื่อเสียงโด่งดังจากศึกที่เมืองปิงเสวี่ยเพียงครั้งเดียว ภายในเวลาไม่กี่วัน ก็แพร่สะพัดไปทั่วที่ราบแห่งความโกลาหล“ได้ยินข่าวแล้วหรือไม่? ตงโจวมีองค์หญิงน้อยท่านหนึ่งปรากฏตัว ตีเมืองข่าหลอแตกไปแล้ว”ในเมืองศูนย์กลางที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดของที่ราบแห่งความโกลาหล ผู้คนกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งสนทนากันอย่างออกรสในโรงน้ำชาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้“จะไม่ได้ยินได้อย่างไร? หลังจากนั้นองค์ชายห้าแห่งแคว้นเป่ยตี้ยังยกทัพไปล้อมเมือง เจ้าทายสิว่าผลเป็นอย่างไร องค์หญิงน้อยท่านนั้น ใช้กำลังพลแค่ห้าพันนาย ก็สามารถเอาชนะกองทัพนับแสนของข่าปัวได้”“เรื่องนี้เจ้าคงยังไม่รู้กระมัง เป็นเพราะว่าองค์หญิงน้อยมีดินปืนอยู่ในครอบครอง ได้ยินมาว่าในวันเปิดศึกนั้น มีป้อมปืนตั้งอยู่บนกำแพงเมืองปิงเสวี่ย ขอเพียงมีคนกล้าเข้าใกล้ประตูเมืองปิงเสวี่ย กระสุนจากป้อมปืนก็จะระเบิดคนผู้นั้นจนแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี” ชายผู้หนึ่งในกลุ่มบรรยายด้วยความตื่นเต้นตอนที่เมืองปิงเสวี่ยเปิดศึก เขาบังเอิญติดอยู่ในเมืองพอดีเดิมทีคิดว่าโชคไม่ดี คงจะต้องเสียชีวิตในศึกครั้งใหญ่นี้เสียแล้วไม่คิดเลยว่าจะได

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1763

    “สั่งการลงไป บอกให้ทุกคนออกไปเก็บกวาดสนามรบ”“คืนนี้ ปูนบำเหน็จแก่ทั้งสามกองทัพ!”ดวงตาของกู้หว่านเยว่ทอประกายไม่นานนัก การสู้รบในวันนี้ก็จะแพร่สะพัดไปทั่วที่ราบแห่งความโกลาหลก่อนที่ศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าจะมาถึง พวกเขาต้องเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่“พ่ะย่ะค่ะ!”บนใบหน้าของทุกคนเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ไม่เคยมีช่วงเวลาใดที่สุขใจได้มากเท่าตอนนี้ประตูเมืองเปิดออก พวกเขาก็ทยอยกันออกไปเก็บกวาดสนามรบในฤดูหนาวอันหนาวเหน็บจนถึงกระดูก มหาสงครามอันยิ่งใหญ่และยืดเยื้อยาวนานที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ได้เปิดฉากขึ้นแล้วยามค่ำคืน ทหารทั้งสามเหล่าทัพได้แบ่งปันสุราและเนื้อสัตว์ รวมถึงอาหาร นำมากินดื่มกันกู้หว่านเยว่นั่งอยู่ริมหน้าต่าง เริ่มเขียนแผนการ การตั้งมั่นอยู่ในเมืองปิงเสวี่ย ไม่ใช่หนทางที่ยั่งยืน นางได้ปรึกษากับจงหลี่ไว้แล้วว่า จะนำทัพไปยึดดินแดนตงโจวกลับคืนมาก่อน จากนั้นจึงค่อยย้ายเมืองหลวงไปตั้งไว้ที่เมืองจ่าวเจ๋อของตงโจวด้วยประสบการณ์ในการปกครองเจดีย์หนิงกู่มาก่อน ทำให้นางเชี่ยวชาญขึ้นมากก่อนนอน กู้หว่านเยว่ได้ไปเติมเสบียงในยุ้งฉางใหญ่ ๆ แต่ละแห่งของเมืองปิงเสวี่ยจนเต็มเสบียงเหล่านี้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status