ฉันจ้องตาไอ้มาเฟียหน้าหล่อที่นั่งไขว่ห้างอยู่ตรงหน้าอย่างหวาดระแวงสุดชีวิต…
“สรุปคือฉันต้องเป็นแฟนนาย… แค่เพราะหมาของนายติดฉัน!?”
“อืม”
เรย์จิ… นายแม่งตอบง่ายไปไหมฟะ!? 😱💀
“ไม่เอาโว้ยยย!!” ฉันลุกพรวดขึ้นทันที
“ฉันไม่อยากเป็นแฟนมาเฟีย! ฉันแค่อยากกลับบ้านไปเล่นเกม!!”
“นั่งลง”
“ไม่!!”
หมับ!
เฮ้ยยย! อิบ้านี่มันดึงแขนฉันให้นั่งลงไปอีกแล้ว!!
“เธอกล้าปฏิเสธฉันต่อหน้าแบบนี้ตลอดเลยนะ” เขาพูดเสียงเรียบ สายตาคมกริบเหมือนจะกรีดวิญญาณฉันเป็นชิ้นๆ ได้
“เธอรู้ไหมว่าไม่มีใครกล้าทำแบบนี้กับฉันมาก่อน”
แล้วฉันต้องภูมิใจรึไงฟะ!? 😱
“แต่ก็ดี” เรย์จิพยักหน้าเบาๆ
“ฉันชอบ”
ชอบพ่อง!!
ฉันอยากจะกรีดร้องลั่นร้าน! ทำไมหมอนี่ถึงเป็นคนที่ตรรกะพังขนาดนี้วะ!? 😵💫💀
“ฟังนะ…” ฉันพยายามสูดลมหายใจเข้า อธิบายให้คนตรงหน้าฟังอย่างใจเย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้ (ถึงแม้ฉันอยากจะฟาดหน้าหล่อๆ นั่นสักทีมากกว่าก็ตาม!)
“นายเป็นมาเฟีย ฉันเป็นแค่เด็กเนิร์ดที่วันๆ นั่งเล่นเกมกับอ่านมังงะ ฉันไม่มีทางใช้ชีวิตร่วมกับนายได้แน่ๆ เข้าใจไหม!?”
เรย์จิเท้าคางมองฉัน ราวกับกำลังวิเคราะห์ข้อมูลอะไรบางอย่างอยู่
“ทำไมจะไม่ได้?”
“ก็นายยิงปืนเป็น ฟันดาบเป็น ส่วนฉันใช้แต่จอยเกมกับคีย์บอร์ด!” ฉันโวยวายสุดเสียง
“แค่นี้ก็ไปกันไม่รอดแล้ว!”
“งั้นก็ฝึกซะ”
“...หา!?” ฉันกะพริบตาปริบๆ
“ถ้าคิดว่าเข้ากับฉันไม่ได้เพราะใช้ปืนไม่เป็น ก็ฝึกซะ” เรย์จิพูดหน้าตาย
“ฉันจะสอนให้เธอยิงปืนเอง”
“ไม่เอาโว้ยยยย!!” ฉันแทบจะร้องไห้ออกมาแล้วนะ! ฉันแค่เด็กเนิร์ด ไม่ใช่นางเอกหนังแอ็กชันนะเว้ย!! 😭
“ใจเย็น” เรย์จิยกมือขึ้นเหมือนจะปลอบ แต่สีหน้ามันดันนิ่งสนิทจนฉันไม่รู้เลยว่าหมอนี่กำลังคิดอะไรอยู่
“จะให้ใจเย็นได้ไงฟะ!!!”
…แล้วอยู่ดีๆ เขาก็หยิบมือถือออกมา กดโทรหาคนบางคน
📞 “คิน จัดการเรื่องแฟนฉันให้เรียบร้อยที”
“เฮ้ยยย! เดี๋ยวๆๆๆ! นายจะให้ลูกน้องมาฆ่าฉันเรอะ!?” ฉันแทบจะกระโดดข้ามโต๊ะหนี!
เรย์จิเลิกคิ้ว “ใครว่า?”
📞 “ฉันหมายถึงให้เตรียมห้องที่บ้านไว้ เธอจะย้ายมาอยู่กับฉัน”
“.....”
“ห้ะ!?!?!?!?!” 😱
เสียงกรีดร้องในหัวฉันดังก้องเป็นล้านเดซิเบล!
เดี๋ยวๆๆ นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะ!? ฉันแค่เผลอไปช่วยหมาของมาเฟีย แล้วตอนนี้ฉันต้องย้ายไปอยู่บ้านมันเนี่ยนะ!?!? 😵💫🔥
ฉันจ้องเรย์จิด้วยสายตาเหลือเชื่อสุดชีวิต แต่เจ้าตัวกลับนั่งไขว่ห้างชิล ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มือข้างหนึ่งถือมือถือแนบหู ส่วนนิ้วอีกข้างเคาะโต๊ะเบาๆ อย่างใจเย็น ราวกับนี่เป็นแค่ธุรกรรมธุรกิจทั่วไป
แต่สำหรับฉัน… นี่มันคือการลักพาตัวชัด ๆ !!!!
“เดี๋ยวๆๆๆๆๆ!!!!” ฉันแทบจะพุ่งข้ามโต๊ะไปกระชากมือถือจากมือเขา
“นี่มันไม่ใช่เรื่องที่นายจะมาตัดสินใจเองนะโว้ยยย!!”
เรย์จิปรายตามองฉันเล็กน้อย ก่อนจะพูดลงโทรศัพท์ต่อด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งจนขนลุก
📞 “เอาห้องที่ติดกับฉันก็ได้”
“เห้ยยย!!!” ฉันแทบจะพ่นวิญญาณออกจากร่าง
“ไม่เอาโว้ยยย!! ใครบอกว่าฉันจะไปอยู่บ้านนายกันฟะ!?!”
เรย์จิวางสายโดยไม่พูดอะไรอีก จากนั้นก็กดล็อกหน้าจอมือถือวางลงบนโต๊ะอย่างใจเย็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น... ในขณะที่ฉันกำลังจะบ้าตายแล้ว!!!
“ทำไมฉันต้องย้ายไปอยู่บ้านนายฟะ!?” ฉันโวยวายสุดเสียง
“ฉันมีบ้านของฉันเองนะ!”
“ไม่ปลอดภัย” เขาตอบเรียบๆ
“ไม่ปลอดภัยพ่องงง!!” ฉันจะบ้าตายแล้วจริง ๆ นะ!
“ตอนนี้เธอเป็น ‘แฟน’ ของฉัน” เรย์จิพูดต่อเหมือนนี่เป็นเรื่องที่ทุกคนควรเข้าใจ
“พวกศัตรูของแก๊งฉันต้องเริ่มสืบแล้วว่าเธอเป็นใคร ถ้าเธออยู่ที่เดิม อาจมีพวกมันไปหาที่บ้าน”
“...เฮ้ยๆๆๆๆ เดี๋ยวนะ!!” ฉันเริ่มสติแตก
“ทำไมแค่แมตช์กันในแอปเดต ฉันต้องมาเสี่ยงตายกับแก๊งมาเฟียด้วยฟะ!? ฉันไม่ได้สมัครเข้าชิงตำแหน่ง ‘ราชินีแก๊งมาเฟีย’ นะโว้ยยย!!!” 😭
“ก็ช่วยไม่ได้” เรย์จิยักไหล่
“เพราะเธอเป็นของฉันแล้ว”
“ไม่เป็นเว้ยยยยย!!!” 😱💀🔥
ฉันอยากจะกระโดดข่วนหน้าหมอนี่จริงๆ !!! ไอ้บ้านี่มันยึดติดกับตรรกะบ้าอะไรวะ!?
ให้ตายเถอะ!! นี่ฉันไปแมตช์กับตัวอะไรมาเนี่ย!? 😵💫 💀
หลังจากฉันเริ่มตั้งสติได้ รู้ตัวว่า ถึงสติแตกไป ไอ้หน้าหล่อนี่ก็ไม่มีวันสะทกสะท้าน ฉันต้องวางแผนใหม่
“นี่นาย ใครเขาย้ายไปอยู่บ้านแฟนตั้งแต่เดตแรกกันฟะ!?”
เรย์จิมองฉันนิ่งๆ เหมือนกำลังพิจารณาว่า ฉันกำลังประท้วงจริงๆ หรือแค่เล่นตัว ริมฝีปากบางยกยิ้มเล็กน้อย
“มีปัญหา?”
“มีโว้ยยยยย!!” ฉันกระแทกมือกับโต๊ะเสียงดังจนลูกน้องมาเฟียที่อยู่มุมร้านแอบขยับมือไปแตะปืนที่เอว
เฮ้ยๆ ใจเย็นนะทุกคนน!! ฉันแค่โวยวาย ไม่ได้จะก่ออาชญากรรมนะเฟ้ย!!!
ฉันกลืนน้ำลาย นี่มันอันตรายกว่าตอนเล่นเกม Battle Royale อีกนะเนี่ย…
ถ้าขืนเถียงกับไอ้บ้านี่ต่อ ฉันอาจได้ไปอยู่บ้านเขาแบบตัวเป็นๆ หรือไม่ก็ถูกแพ็กใส่กล่องไปเลยก็ได้!! 😱💀
ต้องหาทางต่อรอง… ต้องเอาตัวรอดให้ได้!!
ฉันพยายามสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ ขณะที่สมองกำลังประมวลผลหาทางเอาตัวรอดจากสถานการณ์ ‘ถูกบังคับย้ายเข้าบ้านมาเฟีย’ นี่ให้ได้!
โอเค มินาเอะ… คิดสิ!
การเถียงกับผู้ชายคนนี้ดูจะไม่ได้ผล เพราะตรรกะเขาโคตรพังและ ดื้อเป็นควาย ดังนั้น—ฉันต้องใช้ ‘สกิลพูดโน้มน้าว’ ที่ได้มาจากการเล่นเกมจีบหนุ่มมาตลอดชีวิตให้เป็นประโยชน์!
ฉันสูดลมหายใจเข้า เปลี่ยนสีหน้าให้ดูอ่อนโยน (?) แล้วฝืนยิ้มแห้งๆ ออกมา
“อะ…เอางี้ดีไหม” ฉันกระแอมเบาๆ ก่อนจะพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน
“เราลอง… เอ่อ… คบกันไปก่อน แบบปกติ ไม่ต้องย้ายไปอยู่ด้วยกันก็ได้?”
เรย์จิเลิกคิ้วนิดๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร
เฮ้ย… หมอนี่กำลังพิจารณาข้อเสนอของฉันใช่มะ!? 😳
ฉันรีบพูดต่อทันที
“แบบว่าค่อยๆ ศึกษากันไปไง! นายเองก็น่าจะอยากลองใช้ชีวิตแบบคู่รักทั่วไปบ้างใช่มะ?”
...
...
เวรแล้ว… ฉันพูดอะไรออกไปฟะเนี่ย!?
ไอ้มาเฟียหน้าหล่อทำหน้าเหมือนกำลังคิดตามจริงๆ! เขาแตะคางตัวเองเบาๆ ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย ดวงตาคมกริบฉายแววพิจารณา
โคตรเท่— เอ้ย! นี่ไม่ใช่เวลาชมพระเอกนะเว้ย!
“หืม…”
เรย์จิเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพึมพำออกมาเบาๆ
“อืม ก็น่าสนใจ”
เว้ยเฮ้ย! ดูเหมือนฉันจะรอดแล้วใช่มะ!? 😆🎉
“แปลว่า นายตกลงแล้วใช่ไหม!?” ฉันถามย้ำเสียงลุ้นสุดๆ ตื่นเต้นเหมือนเพิ่งผ่านด่านบอสใหญ่ได้สำเร็จ!
แต่ยังไม่ทันได้ดีใจครบสามวินาที…
เรย์จิปรายตามองฉันนิ่งๆ ก่อนจะพูด ข้อเสนอใหม่ ออกมา
“งั้นก็ดี” เขาพยักหน้าเบาๆ
“แต่มีข้อแลกเปลี่ยน”
...
ฉันรู้แล้วว่าแม่งต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล!!!
ฉันรีบขยับตัวออกห่างทันที “ข้อแลกเปลี่ยนอะไรฟะ!?”
เรย์จิเอนตัวพิงเก้าอี้ ก่อนจะพูดเรียบๆ ราวกับกำลังเสนอข้อตกลงทางธุรกิจ
“ถ้าเธอไม่ย้ายมาอยู่กับฉัน ก็ต้องมีลูกน้องของฉันตามอารักขาตลอด 24 ชั่วโมงแทน”
...
หา!?!?!? 😱 😱 😱
“อะ อารักขาอะไร!? ฉันไม่ต้องการบอดี้การ์ดนะเว้ย!”
“แต่ฉันต้องการ”
“ทำไมฟะ!?”
เรย์จิจ้องตาฉันนิ่งๆ ก่อนจะพูดออกมาเบาๆ
“เพราะเธอเป็นแฟนฉัน”
“.........”
โอ๊ยยยย!!! ไอ้บ้านี่มันจริงจังสุดๆ ไปเลย!!! 😭
ฉันกัดริมฝีปากตัวเอง นี่ถ้าปฏิเสธไปอีก ฉันอาจโดนแบกไปคฤหาสน์มาเฟียเลยก็ได้…
ฉันชั่งใจอยู่สามวินาที ก่อนจะถอนหายใจยาว แล้วพยักหน้ารับข้อเสนอครึ่งทาง
“ก็ได้…” ฉันยอมแพ้
“แต่ห้ามเยอะเกินไปนะเว้ย! ฉันไม่อยากไปเรียนแบบมีมาเฟียใส่สูทเดินตามหลังเป็นสิบ!”
เรย์จิยกมุมปากขึ้นนิดๆ เหมือนพอใจกับการตกลงครั้งนี้
“หึ…”
เฮ้ย!? หมอนี่มันแอบยิ้ม!?!?!? 😳
ฉันสะดุ้งเฮือก—ไม่ใช่ว่ากลัวนะ! (อาจจะนิดหน่อย) แต่มันเป็นรอยยิ้มที่…
โคตรหล่อ!
บรรยากาศรอบตัวหมอนี่ตอนปกติก็น่ากลัวอยู่แล้ว แต่พอเห็นรอยยิ้มมุมปากนั่น มันเหมือน…
‘แบดบอยสายอันตรายที่หลุดออกมาจากมังงะ’ ชัดๆ!!! 😵
ให้ตายเถอะ!!! นี่ฉันต้องมานั่งหวั่นไหวกับมาเฟียเหรอฟะ!?
“ดีมาก” เรย์จิพูด ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมากดเบาๆ แล้วพูดเสียงราบเรียบ
📞 “คิน เปลี่ยนแผน ไม่ต้องเตรียมห้องที่บ้านแล้ว แต่ให้จัดคนดูแลเธอแทน”
ฉันกลอกตา ให้ตายเถอะ… นี่ฉันได้แฟนหรือได้บอดี้การ์ดส่วนตัวกันแน่!? 😩
แต่ยังไม่ทันได้โวยวายอะไรต่อ เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ฉันก็ดังขึ้น
📱 [คุณได้รับคำขอเป็นเพื่อนจาก: คิน - หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของแก๊งคุโรซาวะ]
...
เห้ยยยย!!! นี่มันอะไรกันฟะ!? 😱 😱 😱
💘 คฤหาสน์คุโรซาวะ — หนึ่งปีหลังวันหมั้น☀️ เช้าที่แสนสงบเรย์จิ & มินาเอะ...ไม่ใช่คู่รักธรรมดา แต่คือ “ผู้สร้างสมดุลใหม่” ให้โลกใต้ดิน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เริ่มต้นจากเกมบังคับ กลายเป็นสงครามหัวใจ และจบด้วยคำสัญญา...ที่ไม่ต้องเปล่งเสียงอีกต่อไปทุกเช้า—เรย์จิจะชงกาแฟให้เธอก่อนที่เธอจะตื่น มินาเอะจะวางแท็บเล็ตไว้ข้างแก้วเขา พร้อมแผนที่ปรับให้เรียบร้อยพวกเขา...พูดน้อยลง แต่เข้าใจกันได้ด้วยการเหลือบตาเพียงครั้งเดียว มือที่เคยประสานเพื่อจับปืน วันนี้ประสานเพื่อ “จับหัวใจของกันและกัน”👑 มินาเอะ — ราชินีของโลกใต้ดิน“มาเฟียควีน” ไม่ใช่คำล้ออีกต่อไป เธอคือหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์หลักขององค์กร นั่งประจำเก้าอี้หัวโต๊ะขององค์กรคุโรซาวะที่เคยสงวนไว้ให้คนเดียวเท่านั้น...เรย์จิเธอสวมสูทเรียบหรู ส้นสูงเฉียบ แววตาคมแต่ยังเปล่งประกายแบบ ‘เนิร์ดตัวจริง’ ที่ใครก็ประมาทไม่ได้แต่วันนี้...เธอมีอำนาจต่อรองเหนือกว่ากระสุน เพราะมินาเอะรู้ว่า ศัตรูไม่ได้แพ้ด้วยปืน ...แต่มักแพ้ให้กับคำพูดที่เขาคิดว่าเราจะไม่กล้าพูด“เราไม่จำเป็นต้องรบกับทุกคนค่ะ ถ้าทำให้เขาอยากอยู่กับเรามากกว่ากลัวเรา”เสียงในห้องประชุมเงียบไป
📍 คฤหาสน์คุโรซาวะ – 6 เดือนหลังสงครามพระอาทิตย์ยามเย็นกำลังจะลับขอบฟ้า แสงสีทองอุ่น ๆ รินลงผ่านกระจกห้องโถงใหญ่ ทอดเงายาวลงบนพื้นไม้ขัดมันอย่างเงียบงาม ด้านหลังคฤหาสน์...สวนถูกเนรมิตขึ้นใหม่เพื่องานสำคัญที่สุด“พิธีหมั้นกลางแจ้ง”ที่ทุกคนร่วมกันเตรียม...เพื่อเธอคนเดียว ลานหญ้าถูกปูด้วยพรมทางเดินสีครีมอ่อน รายล้อมด้วยดอกกุหลาบขาวที่ปลูกลงดินจริงเรียงแถวละเมียดเส้นสายไม้โค้งเป็นซุ้มประดับผ้าโปร่ง และไฟ fairy light ที่เตรียมไว้ส่องเมื่อตะวันตกดิน ทุกอย่างถูกจัดวางด้วยความรัก...ไม่ใช่เพราะพิธี แต่เพราะคนที่ยืนอยู่ในพิธีนี้🎼 เครื่องดนตรีคลอเพลงคลาสสิกบรรเลงเบา ๆโน้ตแต่ละตัว...เรย์จิเคยเลือกมันเองจากร้านแผ่นเสียงเก่า ๆ กลางเมืองและที่ปลายเวที —ไทกะ เจ้าหมาชิบะอินุตัวแสบ ใส่โบว์สีงาช้าง-ทอง ยืนสง่าด้วยแท่นแหวนในปาก (หลังจากถูกมินาเอะ อัยย์ และทีมแม่บ้าน “ต่อรองด้วยขนม 7 แบบ” เกือบครึ่งวัน ถึงจะยอมถือ)...👰🏻♀️ มินาเอะ — ว่าที่เจ้าสาวอยู่ในชุดเดรสลูกไม้สีงาช้างที่แสนเรียบหรู แต่งดงามราวกับภาพฝัน ผมมัดครึ่งคลายลงมาเป็นลอนนุ่ม ประดับด้วยปิ่นเงินรูปผีเสื้อ ใบหน้ามีรอยยิ้มสั่นไหว — ไม่ใ
📍ด้านของซันหลังจากเหตุการณ์ล้อมศูนย์บัญชาการและการเผชิญหน้ากับเรย์จิที่โกดังร้าง ซันถูกปล่อยตัวกลับไป—ไม่ใช่เพราะเรย์จิอ่อนแอ แต่เพราะเขาตัดสินใจ ‘ให้ชีวิตกับความพ่ายแพ้’ มากกว่าความตายไม่กี่วันหลังจากนั้น...มีบางข่าวลือเล่าว่าเขาขึ้นเครื่องไปอิตาลีภายใต้ชื่อปลอม และกลับเข้าสู่วงการมาเฟียระดับนานาชาติ ในเงามืดไม่ได้ใช้ชื่อเดิมไม่ได้ประกาศตัวแต่ทุกเครือข่ายของมาเฟียในยุโรปเริ่มขยับอย่างเงียบ ๆ เหมือนเงาของใครบางคน...กลับมายืนอยู่หลังม่านอีกครั้งจนวันหนึ่ง...เงาก็หายไปไม่มีข่าวไม่มีสัญญาณไม่มีใครรู้ว่า ซันมีชีวิตอยู่ หรือหมดสิ้นจากโลกใบนี้ไปแล้ว“เรย์จิไม่ได้พูดถึงเขาอีกเลย…”แต่บางคืนที่ลมแรง...เขาจะยืนนิ่งอยู่ที่ระเบียงคฤหาสน์ สายตาจ้องไปที่เมืองไกล ๆ เหมือนรอคนที่ไม่มีวันกลับมาอีก🐕🐕🐕🐕🐕🐕ด้านมินาเอะเมื่อสงครามจบลง และคฤหาสน์กลับสู่ความสงบ มินาเอะเริ่มต้นเส้นทางใหม่ในฐานะคนของตระกูลคุโรซาวะอย่างแท้จริงเธอเข้าคอร์สฝึกฝนกับ แม่ของเรย์จิ — หญิงผู้เป็นดั่งเงาหลังอาณาจักร ระเบียบเข้ม สายตาคม บทเรียนโหดแบบ ‘หากเจอศัตรู เธอจะรอดในหนึ่งวินาทีหรือไม่?’แต่แน่นอน...มินาเอะไม่
เงาไฟสีส้มกะพริบจากโคมไฟสนามลมแรงพัดเส้นสายไฟโยกไปมา เสียง ครืด...ครืด... เหมือนเสียงถอนหายใจของสถานที่ที่เต็มไปด้วยซากสงครามกลิ่นสนิม โลหิต และควันดินปืน ตลบอบอวลในอากาศ ขมคอ...เหมือนความทรงจำที่ไม่สามารถกลืนลงหรือคายทิ้งได้เรย์จิ คุโรซาวะ ยืนอยู่ท่ามกลางเศษกำแพงที่พรุนจากกระสุน แสงกะพริบของไฟสะท้อนลงบนใบหน้าเปื้อนเลือดและเหงื่อมือขวาถือปืน กระบอกยังอุ่นจากการยิงก่อนหน้า เสื้อเชิ้ตสีดำมีรอยเลือดกระจายเป็นวง — ไม่รู้ว่าเป็นของใคร และอาจไม่สำคัญอีกแล้วแววตาเขา...เยือกเย็น ไม่ใช่เพราะไร้อารมณ์แต่เพราะ ต้องทำในสิ่งที่ไม่ควรต้องทำมากที่สุดในชีวิตไม่ไกล ซันยืนพิงเสาเหล็กที่หักโค้ง ใบหน้าซีด แต่ยังยิ้ม ผ้าพันแผลแน่นรอบแขนขวา รอยแตกที่ริมฝีปากยังมีเลือดไหลซึม แต่ดวงตา...ยังเต็มไปด้วยประกายกร้าวที่ไม่ยอมตาย“มาถึงตรงนี้ได้เร็วกว่าที่คิดนะ...เรย์จิ”“คิดจะมาส่งเพื่อนเก่าไปนรกด้วยตัวเองเลยหรือไง?”น้ำเสียงแหบพร่า แต่เจือด้วยรอยล้อเลียนที่แหลมคมจนแทงทะลุทุกเกราะเรย์จิไม่ตอบเขาก้าวเข้ามาทีละก้าว ทีละก้าว ที่เหมือนพาอดีตทุกเสี้ยววินาทีเดินกลับเข้ามาภาพเพื่อนร่วมสนามฝึกภาพคนที่เคยหันหลัง
📍เวลา 06:02 น. — บริเวณโกดังหมายเลข 14, เขตท่าเรือร้างลมทะเลพัดกรูเข้ามาทางหน้าต่างเก่าเสียงคลื่นกระทบท่าเรือดังต่ำ ๆ คล้ายเสียงลมหายใจสุดท้ายของเมืองร้าง บนชั้นสองของโกดัง — ไม่มีใครอยู่ ยกเว้นเขาซันยืนพิงราวเหล็ก ฝ่ามือแตะหน้าต่างที่แตกเป็นรอย มองลงไปเบื้องล่าง — ลูกน้องกว่า 40 คนของเขา กำลังแทรกตัวเข้าตำแหน่งรอบเมืองอย่างเงียบเชียบ ราวกับ "ล้อมศูนย์บัญชาการไว้ในความเงียบ"เป้าหมายของเขา:ไม่ใช่ฆ่า ไม่ใช่เผา แต่คือ “ถล่มศูนย์กลาง” ให้ระบบคุโรซาวะล่มทั้งองค์กร — เหมือนการผลักโดมิโนตัวแรกให้พังตามเป็นเส้น“เริ่มเคลื่อนกำลังได้”เสียงของซันดังขึ้นผ่านวิทยุสื่อสาร น้ำเสียงสั้น หนัก และเด็ดขาด ทันใดนั้น...เงาเคลื่อนไหวของทีมซัน ก็ขยับพรึ่บพร้อมกันทั่วแผนแต่ในขณะเดียวกัน...📍ภายในห้องบัญชาการ – คฤหาสน์คุโรซาวะมินาเอะ ยืนอยู่หน้าหน้าจอหลัก ภาพแผนผังแสดงรูปแบบล้อมรอบของซันแบบชัดเจน —เส้นสีแดงกะพริบรายล้อมศูนย์กลางหลายคนอาจมองว่าเธอกำลังตกอยู่ในวงล้อม แต่แววตาของเธอ...กลับเยือกเย็น และคมเหมือนใบมีด“กับดักล้อมนอก...”“แต่ลืมว่าข้างใน...กำลังรออยู่”เธอแตะปลายนิ้วลงบนแท็บเล็ตเบา ๆ เส
📍ภายในห้องบัญชาการ – เวลา 05:16 น.แสงไฟบนเพดานสลัวลงอัตโนมัติเพื่อไม่รบกวนการทำงานของหน้าจอหลักจอมอนิเตอร์เรียงรายเต็มฝาผนังแสดงข้อมูลแบบ real-time ทั้งจากเส้นทางการขนส่ง โกดัง สัญญาณไวรัส และโค้ดที่เพิ่งถูกเจาะเสียงไซเรนเบา ๆ ยังดังเป็นคลื่นพื้นหลัง กดอารมณ์ในห้องให้ตึงเครียดทันใดนั้น—เสียงมือถือของเรย์จิดังขึ้น หน้าจอแสดง ‘สายตรงจากคิน’พร้อมรหัสภายในพิเศษ เขารับทันทีโดยไม่ต้องพูดคำทัก และเสียงจากปลายสายก็ดังขึ้นทันทีตามสไตล์เจ้าตัว“ได้ตัวแล้ว”“และหมอนั่นพูดทุกอย่างที่เราต้องรู้”เสียงห้าวต่ำของคินฟังนิ่ง แต่จริงจัง“ซันรู้ว่าเราวางกับดัก...แต่มันกำลังจะใช้กับดักนั่น ‘ล้อมพวกเราทั้งหมด’ แทน”ปลายนิ้วของเรย์จิเกร็งแน่นกับขอบโต๊ะไม้ เสียงเขาลดต่ำลงโดยอัตโนมัติ ราวกับแรงดึงดูดของคำที่ได้ยินกำลังหนักขึ้นเรื่อย ๆ“หมอนั่นมันคิดจะล่อเราหลงทิศ…”“แล้วปิดเกมในครั้งเดียว?”...แต่ก่อนที่เขาจะเอ่ยความคิดใด ๆ ต่อไปเสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นจากด้านหลัง — ชัดเจน มั่นใจ แต่ทุ้มนุ่มแบบคนที่คิดเสร็จนานแล้ว แค่รอให้คนอื่นทันมินาเอะยืนพิงโต๊ะ มือหนึ่งถือแท็บเล็ต อีกมือไขว้หลัง ใบหน้าเรียบเฉย
ห้องเก็บของหลังคฤหาสน์ – 04:36 น.ไฟเพดานดวงเล็ก ๆ ห้อยจากสายไฟเก่าๆ แสงสีเหลืองส้มอ่อนส่องลงตรงจุดเดียวกลางห้อง — บนร่างของชายคนหนึ่งที่ถูกมัดแน่นกับเก้าอี้เหล็กเสียงหยดน้ำจากท่อแตก “แหมะ…แหมะ…”หยดลงบนพื้นซีเมนต์ทุกสิบวินาที กลายเป็นนาฬิกานับถอยหลังในห้องที่เงียบจนน่ากลัวมิซากิ — หัวหน้าทีม IT ของคุโรซาวะที่เคยได้รับความไว้วางใจสูงสุด กำลังนั่งนิ่งกลางแสงเหงื่อไหลลงข้างแก้มแม้ในห้องที่เย็นจัด มือทั้งสองข้างถูกมัดแน่นที่ด้านหลังของเก้าอี้ บนร่างกายมีรอยฟกช้ำ ที่เริ่มปรากฎขึ้นบนต้นแขนและข้างลำคอจากการดิ้นรนก่อนหน้านี้เสียงฝีเท้า...ใกล้เข้ามา ไม่รีบร้อน ไม่หนัก แต่ทุกก้าวดังชัดเหมือนฝังลงในกระดูกคินเดินเข้าสู่แสงไฟ ชุดยังคงเป็นเสื้อผ้าชุดเดิมที่เขาใส่ประชุม แต่แขนเสื้อถูกพับขึ้น เผยท่อนแขนเต็มแน่นของนักล่าสายตาเขานิ่ง เงียบ และไม่มีแม้แต่วี่แววของความโกรธ“สวัสดี...มิซากิ”เสียงของคินราบเรียบ แต่ชัดเจนเกินกว่าจะเป็นคำทักทายเขาหย่อนตัวนั่งลงช้า ๆ บนเก้าอี้ตรงข้าม“คิน…ฉัน...ฟะ...ฟังฉันอธิบาย—”ผัวะ!!กำปั้นชกเข้าที่แก้มขวา ไม่แรง แต่เร็ว และ ‘แม่นยำ’ จนใบหน้าของมิซากิสะบัดไปเองตา
ภายในรถหุ้มเกราะสีดำสนิทไฟในรถเปิดเพียงแสงสลัว แผงหน้าจออิเล็กทรอนิกส์ฉายแผนผังคฤหาสน์คุโรซาวะแบบ 3 มิติบนจอโปร่งใส — แสดงระบบห้องต่าง ๆ เสมือนของจริง ทั้งสายไฟหลัก กล้องวงจรปิด เซิร์ฟเวอร์ ระบบจ่ายพลังงาน และจุดเชื่อมต่อทั้งหมดเสียงฝนกระทบหลังคาโลหะเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ราวกับเสียงนาฬิกาที่นับถอยหลังสู่หายนะ ในอากาศ มีกลิ่นของน้ำมัน ดินปืน และเหงื่อเย็น ๆ ของคนที่อยู่ในสนามรบกลิ่นทั้งหมดผสมกันจนกลายเป็น ‘กลิ่นเฉพาะของสงคราม’ซันนั่งสงบนิ่งอยู่เบาะหลังเสื้อโค้ทสีดำยาวดูหนักอึ้งไปด้วยไอเย็น เขาไม่พูดอะไรในตอนแรก แต่แววตา...เฉียบคม เยือกเย็น และเต็มไปด้วยบางอย่างที่น่ากลัวกว่าอารมณ์โกรธ—คือ ความตั้งใจเบื้องหน้าของเขาแผนผังคฤหาสน์ฉายอยู่บนโต๊ะกลางรถ จุดสีแดง 7 จุดกะพริบอยู่ชัดเจนแต่ละจุด คือ ‘เส้นเลือด’ ที่หล่อเลี้ยงระบบหลักของคุโรซาวะเซิร์ฟเวอร์หลัก ฐานสื่อสาร ระบบพลังงาน ช่องทางข้อมูลลับ โกดังสินค้า บัญชีดำพันธมิตร และ...ห้องบัญชาการ“วันนี้ เราจะไม่ลอบฆ่า”ซันพูดเสียงต่ำ แต่ทุกคำหนักแน่นเหมือนค้อนทุบพื้นหิน“แต่จะเจาะเลือด...ให้มันไหลทั้งระบบ”เขาหยิบเข็มกลัดสีทองขนาดเล็กจากกล่อง
กลางดึก...แสงไฟสลัวสีอำพันจากโคมไฟเพดานกระจายตัวลงบนโต๊ะไม้ยาวกลางห้องผนังห้องทำงานชั้นบนสุดของคฤหาสน์คุโรซาวะถูกปกคลุมด้วยแผนที่ขนาดใหญ่ ข้อมูลจุดต่าง ๆ ถูกไฮไลต์ด้วยสีแดงที่กะพริบเป็นจังหวะเหมือนจังหวะหัวใจของสงครามที่กำลังใกล้เข้ามามินาเอะลากเก้าอี้มานั่งลงตรงโต๊ะด้านข้างเธอสวมเสื้อฮู้ดโอเวอร์ไซซ์สีเทาเข้ม แขนเสื้อยาวเกินข้อมือ เธอพับมันขึ้นครั้งเดียวแล้วไม่สนใจอีก ไทกะ หมาชิบะอินุตัวแสบของเธอ นอนเงียบ ๆ อยู่ข้างตัว ดวงตาสีอำพันของมันจ้องจอแผนที่ด้วยความสงบแต่ตื่นตัวเสียงเรย์จิดังขึ้นเบา ๆ คล้ายจะห้าม“เธอไม่ได้ต้องเข้ามาในห้องวางแผนนี้ก็ได้”แต่มินาเอะเพียงยิ้มบาง ๆ พลางเปิดโน้ตบุ๊กของตัวเองขึ้นมาวางข้างแผนที่หลักแสงจากหน้าจอฉายขึ้นใบหน้าเธอ ทำให้ดวงตากลมที่เคยขี้เล่นบัดนี้ฉายแววเยือกเย็นของคนที่อยู่ใน ‘โหมดคำนวณเต็มรูปแบบ’“ไม่ได้สิ…นายลืมเหรอว่า ฉันน่ะ ‘เล่นเกมอ่านนิสัยบอส’ เป็นงานอดิเรกเลยนะ”เธอตอบขณะพิมพ์รัวบนคีย์บอร์ด ข้อมูลจำนวนมหาศาลไหลผ่านหน้าจอ: เส้นทางรถขนของกลางเมือง กล้องวงจรปิด แหล่งข่าวท้องถิ่น แม้แต่กระแสในโซเชียลแบบที่ไม่มีใครมองว่าสำคัญ — แต่เธอกลับมองเห็น