หยางจิ่งขยับกายเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ต้นไม้ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก พลางจ้องมองหยางจินจินและเจียงหมิงเจ๋อด้วยความสงสัย
เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าชาติที่แล้วหยางจินจินและเจียงหมิงเจ๋อจะรู้จักกัน
หรือว่าวันนั้นที่หยางจินจินต่อต้านการแต่งงานและบอกว่านางมีคนรักอยู่แล้ว บุรุษผู้นั้นก็คือเจียงหมิงเจ๋อ
เขาจำได้ว่าก่อนเสด็จพ่อจะสิ้นพระชนม์ เขาได้ข่าวว่าเจียงหมิงเจ๋อหนีออกจากเป่ยฉินได้สำเร็จ และหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ยามนั้นเขาไม่ได้สนใจองค์ชายกบฏผู้นี้เท่าใดนัก จึงไม่ได้รับรู้ความเป็นไปของเจียงหมิงเจ๋ออีกเลย ได้ข่าวอีกคราก็พบว่าเจียงหมิงเจ๋อขึ้นเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ของแคว้นเยี่ยนไปเสียแล้ว
หลังจากเจียงหมิงเจ๋อขึ้นเป็นฮ่องเต้แคว้นเยี่ยน ไม่นานเสด็จพ่อของเขาก็สวรรคตในสามวันให้หลัง บ้านเมืองก็นองไปด้วยโลหิต ด้วยฝีมือคนในที่ก่อกบฏสำเร็จ
เขาจ้องมองไปที่เจียงหมิงเจ๋อคราหนึ่ง บางอย่างบอกเขาว่าชาตินี้เขาจะต้องจับตาดูเจียงหมิงเจ๋อให้มากกว่าชาติที่แล้ว
หยางจิ่งขมวดคิ้วมุ่น คล้ายว่าในชาติก่อนจะมีเรื่องราวอีกหลายเรื่องที่เขายังไม่รู้?
ด้านเจียงหมิงเจ๋อที่ได้ยินเสียงเรียกชื่อของตน จึงหยุดฝีเท้าก็หันไปมองคราหนึ่ง ก่อนจะทำความเคารพหยางจินจินอย่างนอบน้อม
แม้ยามที่เสด็จพ่อของเขายังมีชีวิตอยู่ เจียงหมิงเจ๋อคือองค์ชายที่ผู้คนให้ความเคารพมากที่สุดในดินแดนแคว้นเยี่ยน แต่ยามนี้ไม่มีเสด็จพ่อแล้ว เขาถูกส่งตัวมาที่แคว้นเป่ยฉินเพื่อเป็นตัวประกันทางการเมือง ผู้คนต่างมองเขาด้วยแววตาที่เวทนาสงสาร ชีวิตของเจียงหมิงเจ๋อพลิกผันจากองค์ชายผู้สูงศักดิ์มาเป็นเพียงตัวประกันที่ต้องคอยสังเกตสีหน้าผู้คนเพียงชั่วข้ามคืน
อยู่ที่นี่เขาไม่นับเป็นตัวอะไร แม้ฮ่องเต้แคว้นเป่ยฉินจะเมตตาไม่กักขังเขาเอาไว้ในคุกหลวง แต่กลับให้เขาได้ใช้ชีวิตอยู่ได้เพียงแค่ในตำหนักเล็ก ๆ ของวังหลวงแห่งนี้ จะเดินไปที่ใดล้วนมีทหารองครักษ์คอยจับตามอง ถูกกักขังเช่นนี้มันทรมานยิ่งกว่าฆ่าเขาให้ตายเสียอีก เหล่าขันทีและนางกำนัลต่างดูแคลนและกลั่นแกล้งเขา แม้กระทั่งองค์หญิงแคว้นเป่ยฉินที่เกิดจากนางสนมขั้นต่ำศักดิ์อย่างหยางจินจิน เขาก็ยังต้องทำความเคารพนางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
"ถวายพระพรองค์หญิงรอง"
"ท่านไม่ต้องมากพิธีกับข้าองค์ชายหมิงเจ๋อ ข้าเห็นใจท่านนะ"
"เห็นใจกระหม่อมเช่นนั้นหรือ?"
"อืม"
"ขอบพระทัยองค์หญิงที่ทรงเวทนากระหม่อม แคก ๆ"
"ไม่ใช่นะ เอ่อ ข้าได้ยามาจากท่านหมอน่ะ ยานี้สามารถบรรเทาอาการไอของท่านได้ ท่านรับไปสิ"
หยางจินจินไม่รู้จะเอ่ยเช่นไรดี นางสงสารเขาเหลือเกิน นางรู้ดีว่าการถูกคนเหยียดหยาม การต้องทนมองดูสีหน้าผู้คนนั้นมันอัปยศเพียงใด
ยิ่งเห็นเขา นางก็เหมือนเห็นเงาตนเองสะท้อนออกมา นางเองก็มีชีวิตไม่ต่างจากเขาเช่นกัน
"ไม่รบกวนองค์หญิงรองแล้ว แคก ๆ"
"รับไปเถิด หากมีสิ่งใดให้ข้าช่วยก็บอกได้นะ"
เจียงหมิงเจ๋อจ้องมองหยางจินจินคราหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าให้แม่นมไปรับห่อยาห่อนั้นมาจากหยางจินจิน
"ขอบพระทัยองค์หญิงรอง ยามนี้อากาศหนาวยิ่งนัก องค์หญิงรองรีบกลับตำหนักเถิดพ่ะย่ะค่ะ หากมีผู้ใดมาพบเห็น พระองค์จะถูกตำหนิเอาได้"
"อืม ท่านไปก่อนเถิด ข้าอยากยืนรับลมต่ออีกสักหน่อย"
"พ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นไม่รบกวนความสำราญขององค์หญิงรองแล้ว"
เจียงหมิงเจ๋อเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินจากไปพร้อมแม่นมของเขาที่ติดตามมาด้วย หยางจินจินจ้องมองเขาเดินจากไปพร้อมแม่นมจนลับสายตา ในดวงตาของนางมีเพียงเขา
นางหลงรักเขาตั้งแต่วันที่เขาถูกพาตัวมาที่เป่ยฉิน เมื่อได้พบเห็นเขาคราแรกนางก็ชอบเขามาก แต่ทว่านางไม่อาจบอกเรื่องนี้กับผู้ใดได้
นางกลัว กลัวว่านางจะสร้างความลำบากให้เขา
เพียงเท่านี้เขาก็น่าสงสารมากพอแล้ว
หยางจิ่งจ้องมองเข้าไปในแววตาของหยางจินจิน มีหรือเขาจะไม่รู้ถึงความคิดในใจของน้องสาวตน เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาจึงเดินออกมาจากที่หลบซ่อน และเอ่ยกับนาง
"อากาศหนาวเช่นนี้ เจ้าออกมาทำสิ่งใด เหตุใดจึงไม่อยู่ในตำหนัก"
หยางจินจินที่ได้ยินเช่นนั้นก็สะดุ้งตกใจคราหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเป็นหยางจิ่ง ใบหน้างามก็ซีดเผือดทันที พลางเอ่ยตอบพี่ชายตนด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
"เอ่อ เสด็จพี่ ข้า..."
"เจ้าชอบเขาหรือ?"
คำถามที่ตรงไปตรงมาของหยางจิ่งทำให้หยางจินจินยิ่งลนลาน
"ไม่ใช่นะเพคะ ไม่ใช่ ข้าเพียงสงสารเขา"
"จินเอ๋อร์ เจ้าโกหกผู้อื่นได้ แต่เจ้าโกหกข้าที่เป็นพี่ชายของเจ้าไม่ได้หรอกนะ"
"เสด็จพี่"
"หากเขามีฐานะคู่ควรกับเจ้าข้าคงสนับสนุนให้เจ้าและเขาสมปรารถนา แต่เขาเป็นเชลยของแคว้นที่คิดก่อกบฏ หากยามใดที่ฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนคิดก่อกบฏขึ้นมาอีกครา เสด็จพ่อย่อมสังหารเขาและส่งศีรษะของเขากลับไปที่แคว้นเยี่ยนเป็นแน่ เสด็จพ่อไม่มีทางเห็นด้วยกับความคิดเช่นนี้ของเจ้า"
หยางจินจินเม้มริมฝีปากแน่น ดวงตาคู่สวยมีหยาดน้ำตาเอ่อคลอเล็กน้อย
"เสด็จพี่ ข้าเพียงสงสารเขาเท่านั้น"
"ความสงสารของเจ้า จะต้องอยู่ในขอบเขตที่ไม่ทำให้เจ้าเดือดร้อน เจ้าเข้าใจที่ข้าพูดหรือไม่?"
หยางจินจินที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย ดวงตาของนางแดงก่ำ หยางจิ่งรู้สึกสงสารน้องสาวตนไม่น้อย เขายื่นมือไปลูบศีรษะนางอย่างรักใคร่เอ็นดู
"รีบไปนอนเถิด อย่าคิดมากเลย เอาไว้มีเวลา ข้าจะพาเจ้าไปเที่ยวที่นอกวังหลวง ดีหรือไม่?"
หยางจินจินที่ได้ยินว่าหยางจิ่งจะพานางออกไปเที่ยวนอกวังหลวง ความโศกเศร้าในคราแรกก็มลายหายไปจนหมดสิ้น นางยิ้มตาหยี ก่อนจะเอ่ยตอบ
"ข้าออกไปได้หรือเพคะ?"
"ได้สิ ข้าจะแอบพาเจ้าออกไป เรื่องนี้ต้องรู้เพียงเราสองคนนะ"
หยางจิ่งยิ้มอ่อนโยน หยางจินจินที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าคราหนึ่ง
"เพคะ ข้าสัญญา"
"เช่นนั้นก็ไปนอนเถิด"
"เพคะ เช่นนั้นข้าขอตัว"
"อืม ไปเถิด"
หยางจิ่งมองตามหยางจินจินที่เดินจากไปจนลับสายตา ก่อนที่เขาจะเดินกลับเข้าตำหนักของตนเช่นกัน
หวังว่าหยางจินจินจะไม่ทำการใดที่ทำให้ตนเองอับจนหนทางจนเดินไปพบกับจุดจบเช่นชาติก่อนอีก
ส่วนเจียงหมิงเจ๋อเขาคงต้องจับตาดูคนผู้นั้นอย่างจริงจังเสียแล้ว
ตำหนักท้ายวังหลวง
เจียงหมิงเจ๋อเมื่อกลับมาถึงเรือนนอนของตนแล้ว เขาก็สั่งให้แม่นมปิดประตูให้สนิท แล้วจึงทิ้งกายนั่งลงบนเตียงนอน พลางยกถ้วยน้ำชาที่เย็นชืดขึ้นมาดื่มจนหมดถ้วย ก่อนจะปรายตามองห่อยาในมือที่หยางจินจินมอบให้ตนคราหนึ่ง
เจียงหมิงเจ๋อโยนห่อยาห่อนั้นลงไปที่พื้น ก่อนจะแสยะยิ้มมุมปาก ท่าทีที่ดูเจ็บป่วยอ่อนแอเมื่อครู่นี้พลันมลายหายไปจนหมดสิ้น ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววเย็นชาอำมหิตราวกับเป็นคนละคน
"องค์ชาย"
"แม่นม คนของเสด็จพ่อที่ยังมีชีวิตรอด ยามนี้เป็นเช่นไรบ้าง มีข่าวคราวคืบหน้าหรือไม่?"
เขาเอ่ยถามแม่นมของตนด้วยน้ำเสียงเบาลงไม่น้อย เนื่องจากเกรงว่าทหารที่รักษาการณ์อยู่ด้านนอกจะล่วงรู้ถึงความคิดและแผนการของเขา แม่นมเถียน แม่นมที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่วัยเยาว์ เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่โศกเศร้า
"พวกเขาล้วนหนีหายกระจัดกระจายพลัดถิ่นฐานไปหมดแล้วเพคะ"
"อืม เช่นนั้นคงต้องรอสักระยะ ข้าต้องตามหาตราพยัคฆ์ของเสด็จพ่อให้พบ ที่สำคัญข้าเองจะต้องหาทางหนีออกจากวังหลวงแห่งนี้ให้ได้"
"องค์ชาย"
"ข้าไม่เคยรู้สึกว่าตนเองอัปยศเช่นนี้มาก่อนเลย ข้าต้องเสแสร้งแกล้งป่วยเพื่อเอาตัวรอด ยอมทนกับการถูกดูถูกเหยียดหยาม ยอมก้มหัวให้พวกมันหัวเราะเยาะ อีกไม่นานหรอก อีกไม่นาน ข้าจะกลับไปที่แคว้นเยี่ยน เอาคืนพี่ชายสารเลวผู้นั้นให้สาสม ใช้เลือดของมันมาเซ่นสังเวยใต้ฝ่าเท้าของข้าให้จงได้!!! หากไม่เพราะถูกมันวางยาพิษ ข้าคงไม่ต้องมาอยู่ที่นี่"
"องค์ชาย หากฝ่าบาทยังอยู่ พระองค์ย่อมไม่ต้องทนถูกผู้คนรังแก ไม่ต้องตกอยู่ในฐานะองค์ชายตัวประกันเช่นนี้!!! แต่นับว่าเป็นความโชคดีที่สวรรค์ยังเมตตาให้พระองค์ยังมีชีวิตรอดนะเพคะ พระองค์ยังมีหนทางให้แก้แค้นนะเพคะ"
"อีกไม่นานหรอก ข้าพอจะมีหนทางบ้างแล้ว"
"เอ๋? หนทางใดหรือเพคะ"
เจียงหมิงเจ๋อที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยกยิ้มเจ้าเล่ห์มุมปาก ก่อนจะเอ่ย
"ข้ามีแผนในใจแล้ว แม่นมเถียนเพียงอย่าทำตนเองให้ผู้อื่นเห็นพิรุธก็พอ"
"เพคะองค์ชาย หม่อมฉันทราบแล้ว"
เจียงหมิงเจ๋อเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะจ้องมองไปที่ห่อยานั้นอีกคราด้วยแววตาที่ล้ำลึก
เขายอมกล้ำกลืนฝืนทน ยอมเสแสร้งแกล้งทำเป็นคนป่วยไร้เรี่ยวแรงเพื่อความอยู่รอดของตน วันใดที่เขาบินกลับสู่ที่สูงได้ วันนั้นเขาจะเอาคืนคนที่มันทำให้เขาได้รับความอัปยศทั้งหมดอย่างสาสม
ค่ำคืนนี้ช่างเหน็บหนาวนัก แต่ทว่าภายในตำหนักมังกรสวรรค์แคว้นเยี่ยนนั้นกลับคุกรุ่นไปด้วยไฟแห่งปรารถนาเจียงหมิงเจ๋อและโจวหว่านหรูแต่งงานกันมาร่วมปีแล้ว แต่ทว่ายังคงไม่มีบุตร อาจเพราะได้รับพิษในครานั้น ทำให้การมีบุตรไม่ใช่เรื่องง่ายบนเตียงใหญ่ เจียงหมิงเจ๋อกำลังตระกองกอดร่างบางระหงตรงหน้าอย่างทะนุถนอม ริมฝีปากหนาใหญ่ทาบทับลงไปบนริมฝีปากบางสวยของนางอย่างอ่อนโยน ก่อนจะบดขยี้อย่างเร่าร้อนราวกับคนเอาแต่ใจ ลิ้นอุ่นร้อนสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากของนางและเกี่ยวกระหวัดกันอย่างเมามัน ยามนี้ร่างกายของคนทั้งสองเปลือยเปล่า กลิ่นหอมกำยานอ่อน ๆ ยิ่งกระตุ้นกำหนัดให้ลุกโหมมากยิ่งขึ้น เจียงหมิงเจ๋อผละริมฝีปากออกจากนาง แล้วจึงจูบไซ้ไปตามซอกคอขาวเนียน ก่อนจะเลื่อนใบหน้าลงมาเรื่อย สองมือหนาใหญ่บีบขยำดอกบัวงามทั้งสองข้างของนางอย่างเต็มไม้เต็มมือ พร้อมกับครอบริมฝีปากกลืนกินจุกบัวสีหวานอย่างลำพองใจ โจวหว่านหรูส่งเสียงครางกระเส่าพลางบิดกายเร่า ๆ ไปมาด้วยความเสียวซ่าน กายสาวถูกบุรุษตรงหน้าลูบคลำเชยชมอย่างไม่ยอมลดละ เจียงหมิงเจ๋อสอดแทรกแท่งหยกสวรรค์เข้าไปในกายของนาง ก่อนจะขยับกายอย่างช้า ๆ แล้วเร่
ยามนี้เจียงหมิงเจ๋อและโจวหว่านหรูกำลังเดินเคียงข้างกันไปตามทางเดินเพื่อมุ่งหน้าออกจากวังหลวง ฉับพลันนางก็หันมาเอ่ยถามเขา“เจียงหมิงเจ๋อ ท่านเอ่ยสิ่งใดฝ่าบาทจึงเห็นด้วยง่ายดายเช่นนี้ ข้าคิดว่าจะไม่ทรงเห็นด้วยเสียอีก”เจียงหมิงเจ๋อยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะหันมามองนางด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ โจวหว่านหรูหนังตากระตุกรู้สึกว่าบุรุษตรงหน้าเริ่มจะออกอาการเจ้าเล่ห์ใส่นางอีกแล้ว“อย่ามองข้าแบบนี้สิ”“ก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด ข้าเอ่ยเพียงว่า ขอเพียงมีเจ้าข้างกาย และครอบครัวของเจ้าสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย ใต้หล้านี้ข้ายกให้แคว้นเป่ยฉินทั้งหมด ข้าขอมีเพียงแคว้นเยี่ยนและมีเจ้าก็พอ”โจวหว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย“ท่านทำได้จริง ๆ หรือ”“ทำได้สิ คนอย่างข้าไม่เคยเอ่ยวาจาโป้ปด”“แต่ท่านเคยแกล้งป่วยนะ”“โจวหว่านหรู เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ ที่ข้าทำเพราะความอยู่รอดเพียงเท่านั้น”โจวหว่านหรูจ้องมองเจียงหมิงเจ๋อด้วยแววตาที่อ่อนโยน ก่อนจะเอ่ย“หากไม่เชื่อ ข้าคงไม่เลือกท่าน”เจียงหมิงเจ๋อที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มกว้าง โจวหว่านหรูพลันใจเต้นแรงเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของเขา“เจ้าจะไม่มีวันเสียใจที่เลือกข้า
โจวหว่านหรูเดินทางกลับมาที่แคว้นเป่ยฉิน หยางจิ่งที่ได้รู้ข่าวว่าโจวหว่านหรูกลับมาถึงแล้ว ก็รีบมาพบนางในทันทีสตรีตรงหน้ายามนี้งดงามเป็นสาวงามสะพรั่งแล้ว โจวหว่านหรูหันมามองหยางจิ่งคราหนึ่ง ก่อนจะยิ้มให้เขาเล็กน้อยหลายปีที่ไม่ได้พบกัน มันทำให้นางเข้าใจหัวใจตนเองได้อย่างชัดเจนแล้วนางไม่อาจกลับไปรักเขาเฉกเช่นเดิมได้อีก แม้ในใจของนางจะไม่สามารถตัดขาดจากหยางจิ่งได้อย่างสนิทใจ แต่ทว่านางเองก็ไม่ได้รู้สึกเกลียดชังเขาแล้ว นางไม่ได้รู้สึกว่าเขากำลังติดค้างสิ่งใดกับนางอยู่ บางคราทุกสิ่งที่มันเปลี่ยนไปแล้วย่อมไม่อาจหวนคืนกลับมาได้อีก จะคงไว้เพียงเรื่องราวดี ๆ ในอดีตที่จะให้จดจำแม้จะดูเหมือนสตรีที่เห็นแก่ตัว แต่โจวหว่านหรูคิดเสมอว่าในเมื่อนางมีชีวิตอีกชาติหนึ่งแล้ว นางควรมีสิทธิ์เลือกในสิ่งที่นางต้องการคราก่อนนางยังไม่แน่ใจในหัวใจของตนเองมากเท่าใดนัก แต่เมื่อได้หลับฝันไปตื่นหนึ่ง ได้รู้ความจริงบางอย่าง ใจของนางก็เริ่มชัดเจนขึ้นหยางจิ่งคือรักแรกของนางส่วนเจียงหมิงเจ๋อคือคนที่นางเลือก เพราะไม่ว่าจะชาติก่อนหรือชาตินี้เขาคือคนที่ทำเพื่อนางมากที่สุด“หวานหว่าน เจ้ากลับมาแล้ว”หยางจิ่งเอ่ยด้วยน้ำ
เช้าวันต่อมา โจวหว่านหรูควบม้ามุ่งหน้าไปยังทิศทางของประตูวังหลวง ระหว่างทางนั้นนางมองเห็นหยางจิ่งที่ยืนมองนางอยู่ที่ด้านหน้าประตู เขาสวมชุดสีขาวทั้งชุด ดูแล้วช่างงดงามสง่าราวกับเทพเซียน นางสั่งให้ม้าหยุด ก่อนจะกระโดดลงจากหลังม้า และเดินตรงเข้ามาหาเขา หยางจิ่งยิ้มให้นางคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"แต่งเป็นบุรุษเช่นนี้นับว่าไม่เลวเลย"โจวหว่านหรูยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย"อืม"หยางจิ่งจ้องมองโจวหว่านหรูคราหนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย พลางเอ่ย"หวานหว่าน เจ้าจะกลับมาเมื่อใด"โจวหว่านหรูจ้องมองหยางจิ่งด้วยแววตาที่อ่อนโยน ก่อนจะเอ่ย"ยังไม่รู้เหมือนกัน อาจจะหนึ่งปี สามปี หรือห้าปี ข้าอยากจะไปทำตามความฝัน ท่องไปในยุทธภพ"หยางจิ่งจ้องมองนางด้วยแววตาที่ล้ำลึก เขาอยากยื่นมือไปดึงรั้งนางใจจะขาด แต่ทว่าอีกใจก็ไม่อยากทำลายสิ่งที่นางถวิลหา ตั้งแต่ได้รู้ว่านางตั้งใจจะไปท่องเที่ยวทั่วทั้งใต้หล้า เขาก็ตกใจไม่น้อย เดิมทีคิดจะพานางเข้าวัง แต่งนางเป็นชายาเอก แต่ทว่านางกลับปฏิเสธเขาข้ายังไม่คิดจะแต่งงานกับผู้ใดในยามนี้"ข้าจะรอเจ้า ต่อให้รอทั้งชีวิต ข้าก็จะรอ"หยางจิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ โจวหว่านห
ที่ตำหนักมังกรสวรรค์แคว้นเยี่ยนยามนี้มีเหล่าทหารกำลังผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าเวรยาม โจวหว่านหรูรีบตรงมาที่แห่งนี้ทันทีที่ได้ทราบเรื่องราวจากหยางจินจินแท้จริงแล้วนางไม่ได้ฝัน เป็นเขาจริง ๆ ที่ช่วยนาง เขาป้อนโลหิตให้นางดิื่มเพื่อระงับพิษไม่ให้ลุกลามไปยังส่วนต่าง ๆ ในร่างกายนาง"ข้าอยากพบเจียงหมิงเจ๋อ"เหล่าทหารที่เฝ้าเวรยามปรายตามองนางคราหนึ่ง แต่ทว่าไม่ได้เอ่ยสิ่งใด โจวหว่านหรูที่กำลังร้อนใจ พลันจ้องมองสตรีนางหนึ่งที่เดินออกมาจากตำหนักมังกรสวรรค์ นางสวมชุดเยี่ยงสตรีสูงศักดิ์ ใบหน้างดงามไม่น้อย นางจ้องมองโจวหว่านหรูคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"เจ้าก็คือโจวหว่านหรูกระมัง"โจวหว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าคราหนึ่ง สตรีนางนั้นยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย"ข้าคือพระสนมเอกของฝ่าบาท ยามนี้ฝ่าบาทคงกำลังรอพบเจ้าอยู่ เจ้าเข้าไปเถิด"ฟ่านฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินจากไปไม่แม้แต่จะมองนางอีก โจวหว่านหรูไม่รอช้ารีบเข้าไปด้านในทันที เมื่อมาถึงนางก็พบกับเจียงหมิงเจ๋อที่กำลังเอนกายนอนพิงขอบเตียง ใบหน้าหล่อเหลายามนี้ซีดเซียวราวกับคนป่วยไข้ เมื่อรับรู้ได้ว่ามีคนเข้ามา เขาจึงหันไปมองคราหนึ่ง ก่อนที่แววตาจะฉาย
หยางจิ่งนั้นยามนี้กำลังเดินออกมาจากตำหนักเหลียนฉง เมื่อออกมาก็ได้พบกับโจวอวี้หาน เฉินป๋อเหวิน รวมถึงหยางจินจินที่กำลังยืนรออยู่ด้านนอกตำหนัก เขามีท่าทีแปลกใจไม่น้อย ก่อนจะเอ่ย"พวกเจ้ามาได้เช่นไรกัน"โจวอวี้หานยิ้มให้หยางจิ่งเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย"ข้าเป็นห่วงน้องเล็กจึงรีบติดตามมาสมทบกับเจ้า เฉินป๋อเหวินและหยางจินจินก็เป็นห่วงนางเช่นกัน จึงขอติดตามข้ามาด้วย"หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"เจ้ามาก็ดีแล้ว ข้าอยากให้เจ้าช่วยดูนางสักระยะ ข้ามีเรื่่องต้องไปจัดการ”โจวอวี้หานที่ได้ยินเช่นนั้นจึงเอ่ยถามทันที"เรื่องใดหรือ"หยางจิ่งถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"สมุนไพรที่ใช้ถอนพิษไม่เพียงพอ ข้าจำต้องขึ้นเขาไปเก็บมันมา""ข้าไปกับท่านด้วย"หยางจิ่งหันไปจ้องมองเฉินป๋อเหวินคราหนึ่ง ก่อนจะพบว่าในดวงตาของเฉินป๋อเหวินดูเด็ดเดี่ยวและมั่นคงเป็นอย่างยิ่ง ยามนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาหึงหวงอันใดกัน เขาจึงเอ่ยกับเฉินป๋อเหวินด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรมากกว่าเดิม"ทางไปเก็บสมุนไพรอยู่บนเขา ข้าได้ยินว่ามันทั้งหนาวเหน็บและอันตรายไม่น้อย กลับมาแล้วอาจจะไม่ดีต่อสุขภาพ เจ้า...""ต่อให้ต้องตาย
เจียงหมิงเจ๋อปรายตามองหยางจิ่งคราหนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้น เหล่าทหารแคว้นเยี่ยนของเขาก็พุ่งเข้าสังหารทหารแคว้นฉีในทันที อู๋เจี๋ยตื่นตระหนกไม่น้อย เพียงมองอาภรณ์ที่สวมใส่เขาก็พอคาดเดาได้ไม่ยากว่าผู้มาใหม่นี่คือใครฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนเช่นนั้นหรือ!!!เจียงหมิงเจ๋อจ้องมองอู๋เจี๋ยคราหนึ่ง ก่่อนจะเอ่ย"เจ้าสินะ ที่ขโมยศีรษะของเจียงหย่งหลางส่งไปให้ฮ่องเต้แคว้นเป่ยฉิน ศีรษะของพี่ชายข้าก็เสียบประจานอยู่ที่หน้าประตูชายแดนดี ๆ เจ้ากลับไร้มรรยาทเอาหัวเขาไปเที่ยวเล่น ช่างบังอาจนัก!!!"อู๋เจี๋ยตกใจไม่น้อย ไม่คาดคิดว่าแผนการทั้งหมดของเขาจะถูกล่วงรู้ได้รวดเร็วเช่นนี้เขารู้ว่ายามนี้ไม่อาจต่อกรได้แล้ว เจียงหมิงเจ๋อพาทหารแคว้นฉู่ที่ยามนี้รวมเป็นหนึ่งกับแคว้นเยี่ยนบุกเข้ามาเพื่อจัดการเขา มันเป็นไปได้เช่นไรไม่ใช่ว่าเจียงหมิงเจ๋อต้องสังหารหยางจิ่งหรอกหรือ!!!อู๋เจี๋ยไม่รั้งรอ เขารีบควบม้าคิดจะหนี เจียงหมิงเจ๋อยกยิ้มมุมปาก มีหรือที่เขาจะปล่อยศัตรูให้รอดไปได้ ใครที่มันคิดรุกรานเขา เขาไม่เคยเก็บเอาไว้เจียงหมิงเจ๋อคว้าคันธนูมาจากฟ่านเฉียน ก่อนจะยกขึ้นเล็งไปที่อู๋เจี๋ย ลูกธนูพุ่งฝ่าอากาศก่อนจะทะลุเข้าไปที่กลางอกข
โจวหว่านหรูสวมชุดเกราะเตรียมออกรบ ในมือของนางถือดาบยาวที่ส่องประกายวาววับ ก่อนจะกระโดดขึ้นหลังม้าและพุ่งทะยานออกไปที่ประตูชายแดนในทันที โดยมีหยางจิ่งและโจวอวี้หานเป็นผู้นำทัพ ยามนี้แขนของท่านพ่อนางดีขึ้นมากแล้ว เมื่อภัยมาถึงด้วยนิสัยของท่านพ่อย่อมไม่อาจอยู่เฉยได้ด้านหยางจินจินนั้นคอยดูแลเหล่าทหารที่ได้รับบาดเจ็บและถูกหามกลับเข้ามา ใจของนางสั่นไหวไม่น้อยหยางจิ่งที่ควบม้ามายังสนามรบ เมื่อได้มองเห็นกองกำลังทหารเรือนแสนที่แคว้นฉียกทัพมาก็จ้องมองด้วยแววตาเย็นเยียบ ก่อนจะมองไปที่อู๋เจี๋ยซึ่งเป็นผู้นำทัพออกรบอู๋เจี๋ยจ้องมองหยางจิ่งอย่างไม่ละสายตาเช่นเดียวกัน ก่อนจะปรายตามามองโจวหว่านหรูคราหนึ่ง ในใจนึกเสียดายที่ไม่อาจนำสาวงามนางนี้มาครอบครองได้ หากเขารบชนะศึกในครานี้และหยางจิ่งพ่ายแพ้ เขาจะลากตัวนางกลับแคว้นฉีและทรมานให้สาแก่ใจโจวหว่านหรูจ้องมองอู๋เจี๋ยด้วยแววตาเกลียดชัง"ไม่คิดว่าคนแคว้นฉีจะตีสองหน้าได้เก่งกาจปานนี้ อาศัยช่วงที่ทัพของข้าอ่อนไหว ตลบหลังได้อย่างหน้าไม่อาย"หยางจิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยียบ อู๋เจี๋ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"ว่าแคว้นฉีขอ
หยางจิ่งรีบเข้ามากอดโจวหว่านหรูทันที ก่อนจะเอ่ย"เจ้ากลับมาแล้ว รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นห่วงเจ้ามากเพียงใด ข้าแทบจะพลิกแผ่นดินตามหาเจ้า"โจวหว่านหรูไม่ได้ขัดขืนหยางจิ่ง ยังคงปล่อยให้เขากอดนางอยู่เช่นนั้น"ข้าเหนื่อยแล้ว"นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยล้า หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"เช่นนั้นเรากลับเป่ยฉินกันเถิด"หยางจิ่งกำลังจะพาโจวหว่านหรูเดินไปยังรถม้า แต่ทว่านางกลับรั้งมือของเขาเอาไว้ หยางจิ่งหันกลับมามองนางคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"มีสิ่งใดหรือ"โจวหว่านหรูจ้องมองหยางจิ่ง ก่อนจะเอ่ย"ข้าหายไปแคว้นเยี่ยนตั้งหลายวัน ท่านไม่สงสัยข้าเลยหรือ"หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะยื่นมือมาลูบศีรษะของนางอย่างรักใคร่"ข้าไม่สนใจ และไม่ติดใจเรื่องใดทั้งสิ้น ข้ารู้ว่าคนเช่นเจ้าหากถูกเอาเปรียบเจ้ายอมตายดีกว่า จริงหรือไม่"โจวหว่านหรูยิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าให้เขา หยางจิ่งชะงักไปชั่วขณะ เขารู้สึกว่ารอยยิ้มนี้ของนางเขาไม่ได้เห็นมานานมากแล้ว แต่วันนี้นางกลับยิ้มให้เขาอีกคราโจวหว่านหรูก้าวขึ้นมานั่งบนรถม้า ก่อนจะหันมามองหยางจินจินที่นั่งอยู่ หยางจินจินก็ห