Share

บทที่ 5 สหายสนิท

last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-21 15:30:04

โจวหว่านหรูรีบเร่งฝีเท้าไปที่ศาลาริมสระบัวในทันที เมื่อมาถึงก็พบกับเฉินป๋อเหวินที่ยามนี้สวมชุดสีขาว ในมือถือพัดโบกไปมา กำลังยืนมองไปที่สระบัวเบื้องหน้าด้วยแววตาที่อ่อนโยน

"ป๋อเหวิน"

เฉินป๋อเหวินที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันมาส่งยิ้มให้โจวหว่านหรูคราหนึ่ง

เขากับนางนับว่าเป็นสหายสนิทกันตั้งแต่วัยเยาว์ ยามนั้นนางติดตามบิดาไปอยู่ที่ชายแดน เฉินป๋อเหวินเองก็ได้ตามท่านพ่อของเขาไปค้าขายใกล้ชายแดนเช่นเดียวกัน อีกทั้งยังมีหลายครั้งที่ตระกูลเฉินต้องเดินทางมาที่ชายแดนเพื่อช่วยเหลือเรื่องเสบียงอาหาร ตระกูลเฉินนับว่าร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งในเมืองหลวงแคว้นเป่ยฉิน ท่านพ่อของเขาสนับสนุนเสบียงและตั๋วเงินเข้าคลังหลวงทุกเดือน ฝ่าบาทเองก็ไว้วางพระทัยตระกูลเฉินไม่น้อย บางคราเฉินป๋อเหวินต้องมาทำการค้าและพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมติดกับชายแดนอยู่หลายเดือนวัน ทำให้เขาได้พบกับนางอยู่บ่อยครั้ง ด้วยนิสัยที่กล้าหาญและซุกซนของโจวหว่านหรู นางเคยช่วยเหลือเขาอยู่หลายครา ยามนั้นเขาตกลงไปในน้ำ เป็นนางที่กระโดดลงไปช่วยเขาอย่างไม่คิดชีวิต เขาในวัยเก้าขวบปียังคงจดจำโจวหว่านหรูเด็กสาวตัวน้อยที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเขาได้เป็นอย่างดี เขากับนางจึงสนิทสนมกันนับแต่นั้นเป็นต้นมา

"หวานหว่าน ไม่พบเจ้าเสียนาน"

"อืม เจ้าสบายดีหรือไม่ ดูซูบผอมลงไปไม่น้อยเลย"

เฉินป๋อเหวินที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย

"ข้าสบายดี ระยะนี้สินค้าที่ต้องส่งไปต่างเมืองมีไม่น้อย อีกทั้งต้องระวังโจรป่าและเหล่าทหารจากต่างแคว้น ทำให้บางคราต้องคอยระวังสถานการณ์ทำให้พักผ่อนไม่เต็มที่"

"อืม เจ้าต้องดูแลตนเองให้ดี ว่าแต่กลับมาครานี้ เจ้าจะอยู่เมืองหลวงนานเท่าใด?"

"น่าจะอีกสักพักใหญ่เลย เห็นท่านพ่อบอกว่าอยากปรับปรุงกิจการที่เมืองหลวงให้เข้าที่เข้าทาง ค่อยออกไปค้าขายต่างเมืองอีกครา หากกิจการนอกเมืองหลวงคงที่แล้ว บางคราอาจจะไม่ต้องเดินทางอีก เพียงใช้ให้ผู้ดูแลร้านค้าไปจัดการแทน"

"ข้าเพิ่งกลับมาเมืองหลวงก็ไม่มีสหาย มีเพียงพี่ใหญ่เท่านั้น เจ้ากลับมาเช่นนี้นับว่าดีไม่น้อยเลย"

"เช่นนั้นข้าจะมาชวนเจ้าไปเที่ยวเล่นทุกวันเลย ดีหรือไม่?"

"ดีสิ"

โจวหว่านหรูยิ้มเต็มใบหน้า ก่อนจะจ้องมองเฉินป๋อเหวินด้วยแววตาที่อ่อนโยน พลันเรื่องราวในชาติก่อนก็หวนกลับมาอีกครา

ก่อนที่วังหลวงจะเกิดการก่อกบฏ เฉินป๋อเหวินมามอบเสบียงอาหารสำหรับทหารชายแดนให้แก่ฝ่าบาทในวังหลวง เขาได้แอบนำจดหมายมามอบให้เย่หยวน เย่หยวนรีบนำจดหมายฉบับนั้นมามอบให้นาง เนื้อหาในจดหมายบอกว่าบ้านเมืองยามนี้ไม่สงบเกรงว่าจะเกิดสงครามใหญ่ คาดว่าอาจจะไม่ส่งผลดีต่อเมืองหลวงเป่ยฉิน เฉินป๋อเหวินบอกว่าหาทางหนีให้นางไว้แล้ว เขามีที่ทางอยู่ในป่าแถบนอกเมืองที่หนึ่ง หากนางไปสามารถหลบซ่อนละรอดชีวิตได้ เขายินดีจะปกป้องนางให้ปลอดภัย เขาทนเห็นนางต้องทุกข์ใจเพราะหยางจิ่งไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

ยามนั้นนางไม่รู้ว่าเฉินป๋อเหวินไปล่วงรู้สิ่งใดมา นางเพียงตอบจดหมายเขากลับไป เพื่อสอบถามว่าเขารู้เรื่องใดเข้า แต่ทว่ากลับไม่มีจดหมายตอบกลับจากเฉินป๋อเหวินแม้แต่ฉบับเดียว

จนกระทั่งนางได้ข่าวว่าจวนตระกูลเฉินถูกไฟไหม้จนไม่เหลือซาก กิจการร้านค้าอีกหลายที่ต่างเกิดไฟไหม้จนหมด บิดาและมารดาของเฉินป๋อเหวินตายในกองไฟ เหลือเพียงเขาที่บาดเจ็บจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ในครั้งนั้นจนขาทั้งสองข้างพิการ ต่อมาเขาก็เสียชีวิตอย่างโดดเดี่ยว โจวหว่านหรูที่ได้ยินข่าวคราวก็ตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง นางพยายามให้เย่หยวนไปสืบข่าวว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่ แต่กลับไม่พบสาเหตุของที่มา จวบจนวันที่คนผู้นั้นยึดครองอำนาจได้สำเร็จ นางจึงได้รู้ว่าทุกสิ่งล้วนเป็นฝีมือของเขาทั้งหมด

เฉินป๋อเหวิน ข้าขอโทษ เป็นเพราะข้าแท้ ๆ ที่ทำให้เจ้าและจวนตระกูลเฉินเดือดร้อน

"หวานหว่าน หวานหว่าน!!!"

เสียงเรียกของเฉินป๋อเหวินทำให้โจวหว่านหรูได้สติกลับคืนมา นางจึงหันมายิ้มให้เขาคราหนึ่ง ก่อนจะเทชาร้อนใส่ถ้วยส่งให้เฉินป๋อเหวิน เขารับมันไปดื่มจนหมด ก่อนจะเอ่ยถาม

"ข้าเห็นที่ด้านหน้าจวนของเจ้ามีรถม้าจอดอยู่สองคัน มีผู้ใดมาเยี่ยมเจ้าหรือ?"

"อ้อ สหายของพี่ใหญ่น่ะ เจ้าอย่าไปสนใจเลย"

เฉินป๋อเหวินที่ได้ยินเช่นนั้นก็พักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย

"อืม นี่หวานหว่าน ข้ามีของมาฝากเจ้าด้วยนะ"

เฉินป๋อเหวินไม่รอช้า เขารีบหยิบกล่องไม้ที่แกะสลักลวดลายงดงามประณีตส่งให้นาง โจวหว่านหรูรับมันมาเปิดออก ก่อนจะพบว่ามันเป็นปิ่นปักผมหยกขาวที่แกะสลักได้งดงามไม่แพ้เครื่องประดับที่วางขายในร้านเครื่องประดับของเมืองหลวงเลย

"ชอบหรือไม่?"

เฉิยป๋อเหวินเอ่ยถามโจวหว่านหรูด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ปิ่นนี้เขาตั้งใจซื้อมันมาฝากนาง เพราะเห็นว่ามันเหมาะกับนางที่สุด โจวหว่านหรูยิ้มตาหยี ก่อนจะเอ่ยตอบ

"ชอบสิ งามยิ่งนัก ขอบใจเจ้ามากนะ"

"เรื่องเล็กน้อย ไม่ต้องขอบใจข้าหรอก

"อืม ฝากบอกท่านลุงกับท่านป้าด้วยว่า ไว้มีเวลาข้าจะไปเยี่ยมพวกท่าน"

"ได้ ท่านพ่อท่านแม่ของข้าก็บ่นคิดถึงครอบครัวเจ้าเช่นกัน"

โจวหว่านหรูและเฉินป๋อเหวินสนทนากันอย่างสนิทสนม ภาพตรงหน้าทำให้หยางจิ่งที่แอบมองดูอยู่รู้สึกหน้าชาไปชั่วขณะ เขาหันหลังเดินกลับไปหาโจวอวี้หาน ด้วยใบหน้าฉายแววเย็นชาเล็กน้อย

เขาตามนางมาเพราะอยากจะรู้ว่านางจะสนทนาสิ่งใดกับเฉินป๋อเหวิน เขาไม่อยากพลาดเรื่องราวและความเป็นไปของนางในชาตินี้แม้แต่เสี้ยวเวลาเดียว กว่าเขาจะปลีกตัวมาจากโจวอวี้หานได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

แต่เขากลับต้องมาพบเห็นภาพที่นางสนิทสนมกับบุรุษอื่นที่ไม่ใช่เขา

ทั้งที่ชาติก่อนเขาผลักไสนางทุกทางให้ไปหาเฉินป๋อเหวิน แต่ชาตินี้เขากลับเสียใจที่สองคนนั้นใกล้ชิดกัน

หยางจิ่งแค่นเสียงหัวเราะคราหนึ่ง เขานึกสมน้ำหน้าตนเองไม่น้อย 

เขาและเฉินป๋อเหวินมักพบเจอกันอยู่บ่อยครั้ง เพราะเฉินป๋อเหวินจะติดตามบิดาตน เพื่อนำเสบียงและรายได้ของจวนตระกูลเฉินในแต่ละเดือนเข้ามาถวายให้เสด็จพ่ออยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งเขายังรู้มาจากโจวอวี้หานว่าเฉินป๋อเหวินเป็นสหายสนิทกับโจวหว่านหรู แต่ครั้งนั้นเขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เท่าใดนัก

เขาคิดหนทางแทบตายเพื่อให้นางไปอยู่กับเฉินป๋อเหวิน นางจะได้ไปจากเขาเสียที

แต่วันนี้เขารู้แล้ว ความคิดชั่วช้าเช่นนั้น เขาก็ช่างคิดออกมาได้

หยางจิ่งหันกลับไปมองโจวหว่านหรูและเฉินป๋อเหวินอีกครา ก่อนจะตัดสินใจเดินหนีออกมา

เฉินป๋อเหวินอยู่สนทนากับโจวหว่านหรูต่ออีกไม่นานก็ขอตัวกลับ โจวหว่านหรูมาส่งเฉินป๋อเหวินที่หน้าจวนตระกูลโจวจนรถม้าของเขาลับตาไป เมื่อหันไปมองนางก็พบกับหยางจิ่งที่เดินออกมาพร้อมโจวอวี้หานพอดี

"น้องเล็ก คุณชายเฉินกลับไปแล้วหรือ?"

"เจ้าค่ะ"

"อืม"

"ท่านพี่จะออกไปที่ใดหรือเจ้าคะ?"

"พี่มาส่งองค์ชายใหญ่น่ะ"

"อ้อ เช่นนั้นหม่อมฉันน้อมส่งองค์ชายใหญ่เพคะ หม่อมฉันมีงานต้องสะสาง ขออภัยที่ไม่ได้ส่งนะเพคะ"

โจวหว่านหรูเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินจากไป หยางจิ่งหันไปมองนางคราหนึ่ง เขาไม่ได้เอ่ยสิ่งใด แต่ทว่าในใจกลับรู้สึกสับสนไม่น้อย

เหตุใดแววตาของนางจึงไม่มีท่าทีว่าพอใจในตัวเขาเช่นกาลก่อนเลยเล่า

มันเพราะเหตุใดกัน?

..........

หลังจากกลับมาถึงวังหลวง เขาก็ครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่หลายวัน แต่คิดเท่าใดก็คิดไม่ออก จนกระทั่งเขานึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้

หรือว่านางจะย้อนเวลามาเช่นเดียวกับเขา?

มันจะเป็นไปได้หรือ?

หยางจิ่งไม่ใช่ไม่เชื่อเรื่องเช่นนี้ เขาเพียงคิดว่าการที่คนเราจะย้อนเวลามาพร้อมกันในสถานที่และเวลาเดียวกัน มันจะไม่ดูแปลกไปหน่อยหรือ

ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว เขาจึงไม่คิดถึงเรื่องนี้อีก ยามนี้เขากำลังออกมาเดินรับลมที่นอกตำหนัก แต่เพราะอากาศเย็นเกินไป เขาจึงรู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อย เลยคิดจะกลับเข้าไปนอนพักเสียหน่อย

"แคก ๆ"

หยางจิ่งกำลังจะกลับเข้าตำหนักบรรทมของตน แต่เขากลับได้ยินเสียงไอแห้ง ๆ ของบุรุษผู้หนึ่งขึ้นมาเสียก่อน เมื่อหันไปมองก็พบกับเจียงหมิงเจ๋อ องค์ชายตัวประกันที่กำลังเดินผ่านตำหนักเขาไป พร้อมกับแม่นมคนสนิทที่ติดตามมาจากแคว้นเยี่ยน แม่นมช่วยพยุงเจียงหมิงเจ๋อเดินไปตามทางด้วยความยากลำบาก ใบหน้าของเจียงหมิงเจ๋อซีดเผือด เขาช่างดูผอมยิ่งนัก 

ฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนองค์ใหม่สังหารบิดาของตน และขึ้นครองราชย์แทน ทำกับองค์ชายที่อดีตฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนรักราวกับทาสรับใช้ ทั้ง ๆ ที่เป็นพี่น้องร่วมบิดากันแท้ ๆ

เมื่อคิดได้เช่นนั้นหยางจิ่งก็แค่นหัวเราะออกมาคราหนึ่ง

เจียงหมิงเจ๋อก็ไม่ต่างจากเขาในชาติก่อน

หยางจิ่งมองเจียงหมิงเจ๋อคราหนึ่ง ก่อนที่เขาจะต้องขมวดคิ้ว เมื่อได้เห็นสตรีน้อยนางหนึ่งกำลังร้องเรียกเจียงหมิงเจ๋ออย่างรีบร้อน

"องค์ชายหมิงเจ๋อ รอข้าด้วย"

หยางจินจิน?

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ดั่งบุปผา ดุจจันทรา   ตอนพิเศษ

    ค่ำคืนนี้ช่างเหน็บหนาวนัก แต่ทว่าภายในตำหนักมังกรสวรรค์แคว้นเยี่ยนนั้นกลับคุกรุ่นไปด้วยไฟแห่งปรารถนาเจียงหมิงเจ๋อและโจวหว่านหรูแต่งงานกันมาร่วมปีแล้ว แต่ทว่ายังคงไม่มีบุตร อาจเพราะได้รับพิษในครานั้น ทำให้การมีบุตรไม่ใช่เรื่องง่ายบนเตียงใหญ่ เจียงหมิงเจ๋อกำลังตระกองกอดร่างบางระหงตรงหน้าอย่างทะนุถนอม ริมฝีปากหนาใหญ่ทาบทับลงไปบนริมฝีปากบางสวยของนางอย่างอ่อนโยน ก่อนจะบดขยี้อย่างเร่าร้อนราวกับคนเอาแต่ใจ ลิ้นอุ่นร้อนสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากของนางและเกี่ยวกระหวัดกันอย่างเมามัน ยามนี้ร่างกายของคนทั้งสองเปลือยเปล่า กลิ่นหอมกำยานอ่อน ๆ ยิ่งกระตุ้นกำหนัดให้ลุกโหมมากยิ่งขึ้น เจียงหมิงเจ๋อผละริมฝีปากออกจากนาง แล้วจึงจูบไซ้ไปตามซอกคอขาวเนียน ก่อนจะเลื่อนใบหน้าลงมาเรื่อย สองมือหนาใหญ่บีบขยำดอกบัวงามทั้งสองข้างของนางอย่างเต็มไม้เต็มมือ พร้อมกับครอบริมฝีปากกลืนกินจุกบัวสีหวานอย่างลำพองใจ โจวหว่านหรูส่งเสียงครางกระเส่าพลางบิดกายเร่า ๆ ไปมาด้วยความเสียวซ่าน กายสาวถูกบุรุษตรงหน้าลูบคลำเชยชมอย่างไม่ยอมลดละ เจียงหมิงเจ๋อสอดแทรกแท่งหยกสวรรค์เข้าไปในกายของนาง ก่อนจะขยับกายอย่างช้า ๆ แล้วเร่

  • ดั่งบุปผา ดุจจันทรา   บทที่ 66

    ยามนี้เจียงหมิงเจ๋อและโจวหว่านหรูกำลังเดินเคียงข้างกันไปตามทางเดินเพื่อมุ่งหน้าออกจากวังหลวง ฉับพลันนางก็หันมาเอ่ยถามเขา“เจียงหมิงเจ๋อ ท่านเอ่ยสิ่งใดฝ่าบาทจึงเห็นด้วยง่ายดายเช่นนี้ ข้าคิดว่าจะไม่ทรงเห็นด้วยเสียอีก”เจียงหมิงเจ๋อยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะหันมามองนางด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ โจวหว่านหรูหนังตากระตุกรู้สึกว่าบุรุษตรงหน้าเริ่มจะออกอาการเจ้าเล่ห์ใส่นางอีกแล้ว“อย่ามองข้าแบบนี้สิ”“ก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด ข้าเอ่ยเพียงว่า ขอเพียงมีเจ้าข้างกาย และครอบครัวของเจ้าสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย ใต้หล้านี้ข้ายกให้แคว้นเป่ยฉินทั้งหมด ข้าขอมีเพียงแคว้นเยี่ยนและมีเจ้าก็พอ”โจวหว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย“ท่านทำได้จริง ๆ หรือ”“ทำได้สิ คนอย่างข้าไม่เคยเอ่ยวาจาโป้ปด”“แต่ท่านเคยแกล้งป่วยนะ”“โจวหว่านหรู เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ ที่ข้าทำเพราะความอยู่รอดเพียงเท่านั้น”โจวหว่านหรูจ้องมองเจียงหมิงเจ๋อด้วยแววตาที่อ่อนโยน ก่อนจะเอ่ย“หากไม่เชื่อ ข้าคงไม่เลือกท่าน”เจียงหมิงเจ๋อที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มกว้าง โจวหว่านหรูพลันใจเต้นแรงเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของเขา“เจ้าจะไม่มีวันเสียใจที่เลือกข้า

  • ดั่งบุปผา ดุจจันทรา   บทที่ 65

    โจวหว่านหรูเดินทางกลับมาที่แคว้นเป่ยฉิน หยางจิ่งที่ได้รู้ข่าวว่าโจวหว่านหรูกลับมาถึงแล้ว ก็รีบมาพบนางในทันทีสตรีตรงหน้ายามนี้งดงามเป็นสาวงามสะพรั่งแล้ว โจวหว่านหรูหันมามองหยางจิ่งคราหนึ่ง ก่อนจะยิ้มให้เขาเล็กน้อยหลายปีที่ไม่ได้พบกัน มันทำให้นางเข้าใจหัวใจตนเองได้อย่างชัดเจนแล้วนางไม่อาจกลับไปรักเขาเฉกเช่นเดิมได้อีก แม้ในใจของนางจะไม่สามารถตัดขาดจากหยางจิ่งได้อย่างสนิทใจ แต่ทว่านางเองก็ไม่ได้รู้สึกเกลียดชังเขาแล้ว นางไม่ได้รู้สึกว่าเขากำลังติดค้างสิ่งใดกับนางอยู่ บางคราทุกสิ่งที่มันเปลี่ยนไปแล้วย่อมไม่อาจหวนคืนกลับมาได้อีก จะคงไว้เพียงเรื่องราวดี ๆ ในอดีตที่จะให้จดจำแม้จะดูเหมือนสตรีที่เห็นแก่ตัว แต่โจวหว่านหรูคิดเสมอว่าในเมื่อนางมีชีวิตอีกชาติหนึ่งแล้ว นางควรมีสิทธิ์เลือกในสิ่งที่นางต้องการคราก่อนนางยังไม่แน่ใจในหัวใจของตนเองมากเท่าใดนัก แต่เมื่อได้หลับฝันไปตื่นหนึ่ง ได้รู้ความจริงบางอย่าง ใจของนางก็เริ่มชัดเจนขึ้นหยางจิ่งคือรักแรกของนางส่วนเจียงหมิงเจ๋อคือคนที่นางเลือก เพราะไม่ว่าจะชาติก่อนหรือชาตินี้เขาคือคนที่ทำเพื่อนางมากที่สุด“หวานหว่าน เจ้ากลับมาแล้ว”หยางจิ่งเอ่ยด้วยน้ำ

  • ดั่งบุปผา ดุจจันทรา   บทที่ 64

    เช้าวันต่อมา โจวหว่านหรูควบม้ามุ่งหน้าไปยังทิศทางของประตูวังหลวง ระหว่างทางนั้นนางมองเห็นหยางจิ่งที่ยืนมองนางอยู่ที่ด้านหน้าประตู เขาสวมชุดสีขาวทั้งชุด ดูแล้วช่างงดงามสง่าราวกับเทพเซียน นางสั่งให้ม้าหยุด ก่อนจะกระโดดลงจากหลังม้า และเดินตรงเข้ามาหาเขา หยางจิ่งยิ้มให้นางคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"แต่งเป็นบุรุษเช่นนี้นับว่าไม่เลวเลย"โจวหว่านหรูยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย"อืม"หยางจิ่งจ้องมองโจวหว่านหรูคราหนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย พลางเอ่ย"หวานหว่าน เจ้าจะกลับมาเมื่อใด"โจวหว่านหรูจ้องมองหยางจิ่งด้วยแววตาที่อ่อนโยน ก่อนจะเอ่ย"ยังไม่รู้เหมือนกัน อาจจะหนึ่งปี สามปี หรือห้าปี ข้าอยากจะไปทำตามความฝัน ท่องไปในยุทธภพ"หยางจิ่งจ้องมองนางด้วยแววตาที่ล้ำลึก เขาอยากยื่นมือไปดึงรั้งนางใจจะขาด แต่ทว่าอีกใจก็ไม่อยากทำลายสิ่งที่นางถวิลหา ตั้งแต่ได้รู้ว่านางตั้งใจจะไปท่องเที่ยวทั่วทั้งใต้หล้า เขาก็ตกใจไม่น้อย เดิมทีคิดจะพานางเข้าวัง แต่งนางเป็นชายาเอก แต่ทว่านางกลับปฏิเสธเขาข้ายังไม่คิดจะแต่งงานกับผู้ใดในยามนี้"ข้าจะรอเจ้า ต่อให้รอทั้งชีวิต ข้าก็จะรอ"หยางจิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ โจวหว่านห

  • ดั่งบุปผา ดุจจันทรา   บทที่ 63

    ที่ตำหนักมังกรสวรรค์แคว้นเยี่ยนยามนี้มีเหล่าทหารกำลังผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าเวรยาม โจวหว่านหรูรีบตรงมาที่แห่งนี้ทันทีที่ได้ทราบเรื่องราวจากหยางจินจินแท้จริงแล้วนางไม่ได้ฝัน เป็นเขาจริง ๆ ที่ช่วยนาง เขาป้อนโลหิตให้นางดิื่มเพื่อระงับพิษไม่ให้ลุกลามไปยังส่วนต่าง ๆ ในร่างกายนาง"ข้าอยากพบเจียงหมิงเจ๋อ"เหล่าทหารที่เฝ้าเวรยามปรายตามองนางคราหนึ่ง แต่ทว่าไม่ได้เอ่ยสิ่งใด โจวหว่านหรูที่กำลังร้อนใจ พลันจ้องมองสตรีนางหนึ่งที่เดินออกมาจากตำหนักมังกรสวรรค์ นางสวมชุดเยี่ยงสตรีสูงศักดิ์ ใบหน้างดงามไม่น้อย นางจ้องมองโจวหว่านหรูคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"เจ้าก็คือโจวหว่านหรูกระมัง"โจวหว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าคราหนึ่ง สตรีนางนั้นยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย"ข้าคือพระสนมเอกของฝ่าบาท ยามนี้ฝ่าบาทคงกำลังรอพบเจ้าอยู่ เจ้าเข้าไปเถิด"ฟ่านฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินจากไปไม่แม้แต่จะมองนางอีก โจวหว่านหรูไม่รอช้ารีบเข้าไปด้านในทันที เมื่อมาถึงนางก็พบกับเจียงหมิงเจ๋อที่กำลังเอนกายนอนพิงขอบเตียง ใบหน้าหล่อเหลายามนี้ซีดเซียวราวกับคนป่วยไข้ เมื่อรับรู้ได้ว่ามีคนเข้ามา เขาจึงหันไปมองคราหนึ่ง ก่อนที่แววตาจะฉาย

  • ดั่งบุปผา ดุจจันทรา   บทที่ 62

    หยางจิ่งนั้นยามนี้กำลังเดินออกมาจากตำหนักเหลียนฉง เมื่อออกมาก็ได้พบกับโจวอวี้หาน เฉินป๋อเหวิน รวมถึงหยางจินจินที่กำลังยืนรออยู่ด้านนอกตำหนัก เขามีท่าทีแปลกใจไม่น้อย ก่อนจะเอ่ย"พวกเจ้ามาได้เช่นไรกัน"โจวอวี้หานยิ้มให้หยางจิ่งเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย"ข้าเป็นห่วงน้องเล็กจึงรีบติดตามมาสมทบกับเจ้า เฉินป๋อเหวินและหยางจินจินก็เป็นห่วงนางเช่นกัน จึงขอติดตามข้ามาด้วย"หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"เจ้ามาก็ดีแล้ว ข้าอยากให้เจ้าช่วยดูนางสักระยะ ข้ามีเรื่่องต้องไปจัดการ”โจวอวี้หานที่ได้ยินเช่นนั้นจึงเอ่ยถามทันที"เรื่องใดหรือ"หยางจิ่งถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"สมุนไพรที่ใช้ถอนพิษไม่เพียงพอ ข้าจำต้องขึ้นเขาไปเก็บมันมา""ข้าไปกับท่านด้วย"หยางจิ่งหันไปจ้องมองเฉินป๋อเหวินคราหนึ่ง ก่อนจะพบว่าในดวงตาของเฉินป๋อเหวินดูเด็ดเดี่ยวและมั่นคงเป็นอย่างยิ่ง ยามนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาหึงหวงอันใดกัน เขาจึงเอ่ยกับเฉินป๋อเหวินด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรมากกว่าเดิม"ทางไปเก็บสมุนไพรอยู่บนเขา ข้าได้ยินว่ามันทั้งหนาวเหน็บและอันตรายไม่น้อย กลับมาแล้วอาจจะไม่ดีต่อสุขภาพ เจ้า...""ต่อให้ต้องตาย

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status