แคว้นเป่ยฉิน รัชศกหลิงไท่ปีที่ 30 เพล้ง!!!"ลากมันไปโบยสามสิบไม้ ตายแล้วก็เอาไปโยนทิ้งนอกวังหลวงซะ""องค์รัชทายาทโปรดไว้ชีวิตด้วยพ่ะย่ะค่ะ!!! องค์รัชทายาท!!!"เสียงของขันทีน้อยผู้หนึ่งที่ร้องขอความเมตตาจากหยางจิ่ง องค์รัชทายาทแคว้นเป่ยฉินที่ยามนี้กำลังมองเขาด้วยสายตาที่เย็นชา ในดวงตาคู่นั้นไม่มีแม้แต่ความสงสารเห็นใจหรือว่าเมตตาเลยแม้แต่น้อย ผู้ใดที่กล้าล่วงเกินเขาและพูดจาไม่น่าฟังก็จะถูกองค์รัชทายาทผู้นี้สั่งโบยอย่างไร้ความปรานีหยางจิ่งเขวี้ยงจอกสุราลงพื้นจนแตกกระจาย เหล่าขันทีและนางกำนัลในตำหนักบูรพาต่างพากันก้มหน้างุด ไม่กล้าเปล่งเสียงใดแม้กระทั่งเสียงของลมหายใจ ด้วยเกรงว่าจะทำให้องค์รัชทายาทอารมณ์ร้ายผู้นี้โกรธเคืองเอาได้หลังจากขันทีผู้นั้นถูกลากตัวออกไปแล้ว หยางจิ่งก็เดินออกจากตำหนักบูรพาเพื่อจะไปพบกับไป๋อี๋ซิน สตรีที่เขาเพิ่งพานางเข้าวังมาเมื่อหนึ่งเดือนก่อน โดยไม่สนใจต่อคำทัดทานของผู้ใดแม้กระทั่งเสด็จพ่อของตน นางเป็นสตรีที่มาจากหอนางโลมเลื่องชื่อแห่งหนึ่ง เขาหลงรักนางอย่างไม่อาจหักห้ามใจ แต่ด้วยสถานะของนางทำให้เขาไม่อาจเชิดหน้าชูตาและมอบตำแหน่งใดให้แก่นางได้ กว่าเขาจะพานางเข
รัชศกหลิงไท่ปีที่ 25"คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะ รอสักครู่บ่าวจะนำของว่างมาให้ท่านนะเจ้าคะ"สายลมต้นฤดูหนาวพัดผ่านเข้ามาปะทะกับแก้มขาวผ่องของโจวหว่านหรู จนนางรู้สึกเย็นเยียบไปทั่วทั้งใบหน้า กลีบดอกเหมยปลิดปลิวตามสายลมมาตกลงบนโต๊ะ กลิ่นหอมของมันทำให้นางค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองอย่างช้า ๆ ก่อนจะครุ่นคิดในใจปรโลกเย็นเยียบถึงเพียงนี้เชียวหรือ?โจวหว่านหรูถอนหายใจพลางยกยิ้มออกมาคราหนึ่ง นางจำได้ว่านางเผาตนเองไปพร้อมกับตำหนักบูรพา เพลิงไหม้ลุกโหมทุกอย่างจนไม่เหลือซาก รอบ ๆ ตัวนางค่อย ๆ ดำมืด ความรู้สึกปวดแสบปวดร้อนราวกับร่างกายจะแหลกสลายนั้นมันช่างทรมานเหลือเกินโจวหว่านหรูหันมองซ้ายขวาด้วยความมึนงงสับสน นางยื่นมือไปหยิบกลีบดอกเหมยขึ้นมามองดู ก่อนจะค่อย ๆ หยัดกายลุกขึ้น แล้วภาพตรงหน้าก็ทำให้นางถึงกับตื่นตระหนกนี่มัน!!!จวนตระกูลโจวของนางมิใช่หรือ?โจวหว่านหรูลนลานมองไปโดยรอบอีกครา เพื่อต้องการแน่ใจว่าตนไม่ได้เลอะเลือนยามนี้นางกำลังนั่งอยู่ที่ศาลาริมสระบัว บนโต๊ะมีตำราการต่อสู้ที่นางชอบอ่านเป็นประจำก่อนหลังจากที่กลับมาถึงเมืองหลวง ยามนี้หิมะเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ ดอกเหมยบานสะพรั
ตำหนักบูรพาหลายวันก่อนหน้าที่ตระกูลโจวจะกลับเมืองหลวงหนึ่งเดือน"แคก ๆ องค์ชาย องค์ชายใหญ่ทรงฟื้นแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ เร็วเข้ารีบตามหมอหลวงมาเร็วเข้า!!!"เสียงร้องเรียกของหวังซุน องครักษ์ผู้ทำหน้าที่คอยรับใช้หยางจิ่งเอ่ยขึ้นมาด้วยความดีใจ เมื่อพบว่ายามนี้เจ้านายของตนได้สติกลับมาแล้ว ไม่นานนักหมอหลวงก็มาถึง เมื่อตรวจดูอาการหยางจิ่งต่ออีกสักครู่ ก็มีสีหน้าที่คลายความกังวลลงไปไม่น้อย"ยามนี้ไอเย็นถูกขับออกหมดแล้ว องค์ชายใหญ่ทรงปลอดภัยแล้วพ่ะย่ะค่ะ"หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็ค่อย ๆ หันไปมองหมอหลวงคราหนึ่ง ก่อนแววตาของเขาจะหยุดลงที่หวังซุน องครักษ์ที่ภักดีกับเขาเป็นที่สุดภาพในกาลก่อนฉายชัดขึ้นมาในห้วงความคิดของเขา"องค์รัชทายาท ต่อให้พระองค์จะทรงสังหารกระหม่อม กระหม่อมก็ต้องเอ่ยเตือนพระองค์ คนผู้นั้นคิดไม่ซื่อ เขาหวังจะช่วงชิงตำแหน่งของพระองค์""หุบปาก!!! ข้าไม่เชื่อเจ้า เจ้ากำลังดูหมิ่นราชวงศ์ของข้าหวังซุน ทหาร ลากมันไปโบยจนตาย!!!""องค์รัชทายาทโปรดเชื่อกระหม่อมด้วยเถิด องค์รัชทายาท!!!"หยางจิ่งหลับตาลงช้า ๆ ก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาคราหนึ่ง ฉับพลันเขาก็ลืมตาขึ้นมาอีกครา ก่อนจะมองไปโดยรอบอี
วันนี้หิมะค่อนข้างดูบางตากว่าปกติ หยางจิ่งสวมชุดคล้ายคุณชายสูงศักดิ์ กำลังเดินเตร็ดเตร่อยู่ที่ถนนในเมืองหลวง โดยมีหวังซุนติดตามมาด้วย ยามนี้สุขภาพของเขาแข็งแรงขึ้นมากแล้ว จึงตั้งใจออกจากวังหลวงเพื่อมารอพบนาง ได้ยินว่าตระกูลโจวกลับมาจากชายแดนหลายวันแล้ว เสด็จพ่อเองก็ไม่ได้รีบร้อนให้แม่ทัพใหญ่เข้าเฝ้า บอกเพียงว่าพักให้หายเหนื่อยแล้วค่อยเข้าวังหลวงก็ไม่เป็นปัญหา สองวันก่อนเขาสั่งให้หวังซุนนำจดหมายไปส่งให้โจวอวี้หานนัดหมายให้เขามาดื่มสุราด้วยกันหยางจิ่งเดินมาเรื่อย ๆ จนมาหยุดอยู่ที่ร้านสุราร้านหนึ่ง มันคือร้านที่เขามักชอบออกมาดื่มเป็นประจำ สุราที่นี่หรูหราราคาแพง และรสชาติดีไม่น้อยยามนี้เขายังเป็นเพียงองค์ชายที่มีอายุเพียงสิบหกปี และยังไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นองค์รัชทายาท แต่อีกไม่นานเสด็จพ่อย่อมต้องแต่งตั้งเขาเป็นองค์รัชทายาทเร็ว ๆ นี้เขาจำได้ว่ายามนั้นราชสำนักวุ่นวาย เนื่องจากเหล่าขุนนางไม่เห็นด้วยที่จะให้เขาขึ้นนั่งตำแหน่งนี้ เพราะเขาเสเพล ไม่เอาไหน วัน ๆ เมามายสุรา อยู่กับสตรีไม่ซ้ำหน้า งานราชกิจก็ไม่สน ทั้งยังไม่เห็นหัวใคร หากเขาได้เป็นใหญ่บ้านเมืองย่อมต้องเข้าสู่กลียุคเป็นแน่
คล้ายห้วงเวลาในชาติภพก่อนย้อนกลับมาอีกครา หยางจิ่งจ้องมองไป๋อี๋ซินด้วยแววตาที่ล้ำลึก ไป๋อี๋ซินเองรับรู้ได้ว่าตนถูกจ้องมองก็หันกลับมาสบสายตากับหยางจิ่ง ก่อนจะส่งยิ้มให้เขา ดวงตาของนางช่างดูงดงามและน่าทะนุถนอมหยางจิ่งยกยิ้มมุมปาก หากเป็นชาติที่แล้วยามนี้เขาคงตกหลุมพรางของสตรีผู้นี้ไปเสียแล้ว ท่าทีอ่อนหวาน งดงาม ร่างอรชรอ้อนแอ้นที่ราวกับต้องลมก็จะล้มลงได้นั้น ทั้งหมดล้วนเป็นเพียงการเสแสร้งทั้งสิ้นไป๋อี๋ซินเดินจากไปแล้ว แต่ทว่าหยางจิ่งยังคงมองตามแผ่นหลังของนางไปจนลับสายตาเขาอยากจะรู้เช่นกันว่าจิตใจของไป๋อี๋ซินทำด้วยสิ่งใด นางจึงหลอกลวงและทรยศเขาได้ลงคอ ทั้งที่เขารักนางอย่างสุดหัวใจโจวอวี้หานที่เห็นว่าหยางจิ่งนิ่งงันไม่ยอมเดินก็รีบหันมามอง ก่อนจะเอ่ยหยอกเย้า"นี่อาจิ่ง เจอสตรีที่พึงใจหรือ ข้าเห็นเจ้ามองนางไม่วางตาเลยนะ"หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันมายิ้มให้โจวอวี้หานคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"ไม่ใช่ ข้าเพียงรู้สึกคุ้นหน้านางน่ะ ไปกันเถิด""ข้าเห็นเจ้าก็คุ้นหน้าสตรีทุกคน""พูดมาก รีบไปเร็วเข้า""รู้แล้ว ๆ"หยางจิ่งเอ่ยเพียงเท่านั้น แล้วเดินตามโจวอวี้หานเข้าไปนั่งในรถม้าเพื่อมุ่งหน้าไปที่จวน
โจวหว่านหรูรีบเร่งฝีเท้าไปที่ศาลาริมสระบัวในทันที เมื่อมาถึงก็พบกับเฉินป๋อเหวินที่ยามนี้สวมชุดสีขาว ในมือถือพัดโบกไปมา กำลังยืนมองไปที่สระบัวเบื้องหน้าด้วยแววตาที่อ่อนโยน"ป๋อเหวิน"เฉินป๋อเหวินที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันมาส่งยิ้มให้โจวหว่านหรูคราหนึ่งเขากับนางนับว่าเป็นสหายสนิทกันตั้งแต่วัยเยาว์ ยามนั้นนางติดตามบิดาไปอยู่ที่ชายแดน เฉินป๋อเหวินเองก็ได้ตามท่านพ่อของเขาไปค้าขายใกล้ชายแดนเช่นเดียวกัน อีกทั้งยังมีหลายครั้งที่ตระกูลเฉินต้องเดินทางมาที่ชายแดนเพื่อช่วยเหลือเรื่องเสบียงอาหาร ตระกูลเฉินนับว่าร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งในเมืองหลวงแคว้นเป่ยฉิน ท่านพ่อของเขาสนับสนุนเสบียงและตั๋วเงินเข้าคลังหลวงทุกเดือน ฝ่าบาทเองก็ไว้วางพระทัยตระกูลเฉินไม่น้อย บางคราเฉินป๋อเหวินต้องมาทำการค้าและพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมติดกับชายแดนอยู่หลายเดือนวัน ทำให้เขาได้พบกับนางอยู่บ่อยครั้ง ด้วยนิสัยที่กล้าหาญและซุกซนของโจวหว่านหรู นางเคยช่วยเหลือเขาอยู่หลายครา ยามนั้นเขาตกลงไปในน้ำ เป็นนางที่กระโดดลงไปช่วยเขาอย่างไม่คิดชีวิต เขาในวัยเก้าขวบปียังคงจดจำโจวหว่านหรูเด็กสาวตัวน้อยที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเขาได้เป็นอย่างดี เขากั
หยางจิ่งขยับกายเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ต้นไม้ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก พลางจ้องมองหยางจินจินและเจียงหมิงเจ๋อด้วยความสงสัยเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าชาติที่แล้วหยางจินจินและเจียงหมิงเจ๋อจะรู้จักกันหรือว่าวันนั้นที่หยางจินจินต่อต้านการแต่งงานและบอกว่านางมีคนรักอยู่แล้ว บุรุษผู้นั้นก็คือเจียงหมิงเจ๋อเขาจำได้ว่าก่อนเสด็จพ่อจะสิ้นพระชนม์ เขาได้ข่าวว่าเจียงหมิงเจ๋อหนีออกจากเป่ยฉินได้สำเร็จ และหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ยามนั้นเขาไม่ได้สนใจองค์ชายกบฏผู้นี้เท่าใดนัก จึงไม่ได้รับรู้ความเป็นไปของเจียงหมิงเจ๋ออีกเลย ได้ข่าวอีกคราก็พบว่าเจียงหมิงเจ๋อขึ้นเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ของแคว้นเยี่ยนไปเสียแล้วหลังจากเจียงหมิงเจ๋อขึ้นเป็นฮ่องเต้แคว้นเยี่ยน ไม่นานเสด็จพ่อของเขาก็สวรรคตในสามวันให้หลัง บ้านเมืองก็นองไปด้วยโลหิต ด้วยฝีมือคนในที่ก่อกบฏสำเร็จเขาจ้องมองไปที่เจียงหมิงเจ๋อคราหนึ่ง บางอย่างบอกเขาว่าชาตินี้เขาจะต้องจับตาดูเจียงหมิงเจ๋อให้มากกว่าชาติที่แล้วหยางจิ่งขมวดคิ้วมุ่น คล้ายว่าในชาติก่อนจะมีเรื่องราวอีกหลายเรื่องที่เขายังไม่รู้?ด้านเจียงหมิงเจ๋อที่ได้ยินเสียงเรียกชื่อของตน จึงหยุดฝีเท้าก็หันไปมองคราหนึ่
ยามเช้าของวันต่อมา หยางจินจินตื่นแต่เช้า ก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ตำหนักของฉินกุ้ยเฟยในทันที ยามนี้วังหลังยังไม่มีฮองเฮาพระองค์ใหม่ ฉินกุ้ยเฟยจึงเป็นผู้ที่มีอำนาจปกครองวังหลังเพียงผู้เดียว ฝ่าบาทเองก็ทรงโปรดปรานและไว้ใจนางไม่น้อย ผู้คนต่างเล่าลือกันว่า ตำแหน่งว่าที่ฮองเฮาพระองค์ใหม่ย่อมต้องตกเป็นของฉินกุ้ยเฟยไม่ช้าก็เร็ว แต่ผู้ใดเล่าจะรู้ดีเท่าฉินกุ้ยเฟย เดิมทีพี่สาวของนางตายจากไปนานแล้ว นางเองก็อดทนกัดฟันเลี้ยงดูหยางจิ่งมาราวกับบุตรในอุทร ทั้งที่ความจริงนางเกลียดชังหยางจิ่งยิ่งนัก นางกับมารดาของหยางจิ่งเป็นพี่น้องต่างมารดากัน นางเป็นบุตรของภรรยารอง ต้องทุ่มเทกำลังแรงกายไปไม่ใช่น้อยกว่าจะมาอยู่ในตำแหน่งนี้ หากนางเป็นบุตรสาวที่เกิดจากภรรยาเอก ยามนี้ตำแหน่งฮองเฮาคงตกเป็นของนางนานแล้ว ไม่ต้องมาทนรอคอยอย่างไร้จุดหมายเช่นนี้!!!ฝ่าบาทเองก็ช่างกระไร นางทำดีถึงเพียงนี้ ผ่านมาหลายสิบปีกลับยังได้เป็นเพียงฉินกุ้ยเฟย ช่างน่าเจ็บใจนัก"ถวายพระพรฉินกุ้ยเฟยเพคะ"ฉินกุ้ยเฟยที่กำลังยกถ้วยชาขึ้นดื่มพลันปรายตามองหยางจินจินคราหนึ่ง เดิมทีนางไม่ได้ใส่ใจองค์หญิงที่มีชาติกำเนิดต่ำต้อยผู้นี้เท่าใดนัก แต่ทว่าฝ่าบ
ค่ำคืนนี้ช่างเหน็บหนาวนัก แต่ทว่าภายในตำหนักมังกรสวรรค์แคว้นเยี่ยนนั้นกลับคุกรุ่นไปด้วยไฟแห่งปรารถนาเจียงหมิงเจ๋อและโจวหว่านหรูแต่งงานกันมาร่วมปีแล้ว แต่ทว่ายังคงไม่มีบุตร อาจเพราะได้รับพิษในครานั้น ทำให้การมีบุตรไม่ใช่เรื่องง่ายบนเตียงใหญ่ เจียงหมิงเจ๋อกำลังตระกองกอดร่างบางระหงตรงหน้าอย่างทะนุถนอม ริมฝีปากหนาใหญ่ทาบทับลงไปบนริมฝีปากบางสวยของนางอย่างอ่อนโยน ก่อนจะบดขยี้อย่างเร่าร้อนราวกับคนเอาแต่ใจ ลิ้นอุ่นร้อนสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากของนางและเกี่ยวกระหวัดกันอย่างเมามัน ยามนี้ร่างกายของคนทั้งสองเปลือยเปล่า กลิ่นหอมกำยานอ่อน ๆ ยิ่งกระตุ้นกำหนัดให้ลุกโหมมากยิ่งขึ้น เจียงหมิงเจ๋อผละริมฝีปากออกจากนาง แล้วจึงจูบไซ้ไปตามซอกคอขาวเนียน ก่อนจะเลื่อนใบหน้าลงมาเรื่อย สองมือหนาใหญ่บีบขยำดอกบัวงามทั้งสองข้างของนางอย่างเต็มไม้เต็มมือ พร้อมกับครอบริมฝีปากกลืนกินจุกบัวสีหวานอย่างลำพองใจ โจวหว่านหรูส่งเสียงครางกระเส่าพลางบิดกายเร่า ๆ ไปมาด้วยความเสียวซ่าน กายสาวถูกบุรุษตรงหน้าลูบคลำเชยชมอย่างไม่ยอมลดละ เจียงหมิงเจ๋อสอดแทรกแท่งหยกสวรรค์เข้าไปในกายของนาง ก่อนจะขยับกายอย่างช้า ๆ แล้วเร่
ยามนี้เจียงหมิงเจ๋อและโจวหว่านหรูกำลังเดินเคียงข้างกันไปตามทางเดินเพื่อมุ่งหน้าออกจากวังหลวง ฉับพลันนางก็หันมาเอ่ยถามเขา“เจียงหมิงเจ๋อ ท่านเอ่ยสิ่งใดฝ่าบาทจึงเห็นด้วยง่ายดายเช่นนี้ ข้าคิดว่าจะไม่ทรงเห็นด้วยเสียอีก”เจียงหมิงเจ๋อยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะหันมามองนางด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ โจวหว่านหรูหนังตากระตุกรู้สึกว่าบุรุษตรงหน้าเริ่มจะออกอาการเจ้าเล่ห์ใส่นางอีกแล้ว“อย่ามองข้าแบบนี้สิ”“ก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด ข้าเอ่ยเพียงว่า ขอเพียงมีเจ้าข้างกาย และครอบครัวของเจ้าสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย ใต้หล้านี้ข้ายกให้แคว้นเป่ยฉินทั้งหมด ข้าขอมีเพียงแคว้นเยี่ยนและมีเจ้าก็พอ”โจวหว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย“ท่านทำได้จริง ๆ หรือ”“ทำได้สิ คนอย่างข้าไม่เคยเอ่ยวาจาโป้ปด”“แต่ท่านเคยแกล้งป่วยนะ”“โจวหว่านหรู เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ ที่ข้าทำเพราะความอยู่รอดเพียงเท่านั้น”โจวหว่านหรูจ้องมองเจียงหมิงเจ๋อด้วยแววตาที่อ่อนโยน ก่อนจะเอ่ย“หากไม่เชื่อ ข้าคงไม่เลือกท่าน”เจียงหมิงเจ๋อที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มกว้าง โจวหว่านหรูพลันใจเต้นแรงเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของเขา“เจ้าจะไม่มีวันเสียใจที่เลือกข้า
โจวหว่านหรูเดินทางกลับมาที่แคว้นเป่ยฉิน หยางจิ่งที่ได้รู้ข่าวว่าโจวหว่านหรูกลับมาถึงแล้ว ก็รีบมาพบนางในทันทีสตรีตรงหน้ายามนี้งดงามเป็นสาวงามสะพรั่งแล้ว โจวหว่านหรูหันมามองหยางจิ่งคราหนึ่ง ก่อนจะยิ้มให้เขาเล็กน้อยหลายปีที่ไม่ได้พบกัน มันทำให้นางเข้าใจหัวใจตนเองได้อย่างชัดเจนแล้วนางไม่อาจกลับไปรักเขาเฉกเช่นเดิมได้อีก แม้ในใจของนางจะไม่สามารถตัดขาดจากหยางจิ่งได้อย่างสนิทใจ แต่ทว่านางเองก็ไม่ได้รู้สึกเกลียดชังเขาแล้ว นางไม่ได้รู้สึกว่าเขากำลังติดค้างสิ่งใดกับนางอยู่ บางคราทุกสิ่งที่มันเปลี่ยนไปแล้วย่อมไม่อาจหวนคืนกลับมาได้อีก จะคงไว้เพียงเรื่องราวดี ๆ ในอดีตที่จะให้จดจำแม้จะดูเหมือนสตรีที่เห็นแก่ตัว แต่โจวหว่านหรูคิดเสมอว่าในเมื่อนางมีชีวิตอีกชาติหนึ่งแล้ว นางควรมีสิทธิ์เลือกในสิ่งที่นางต้องการคราก่อนนางยังไม่แน่ใจในหัวใจของตนเองมากเท่าใดนัก แต่เมื่อได้หลับฝันไปตื่นหนึ่ง ได้รู้ความจริงบางอย่าง ใจของนางก็เริ่มชัดเจนขึ้นหยางจิ่งคือรักแรกของนางส่วนเจียงหมิงเจ๋อคือคนที่นางเลือก เพราะไม่ว่าจะชาติก่อนหรือชาตินี้เขาคือคนที่ทำเพื่อนางมากที่สุด“หวานหว่าน เจ้ากลับมาแล้ว”หยางจิ่งเอ่ยด้วยน้ำ
เช้าวันต่อมา โจวหว่านหรูควบม้ามุ่งหน้าไปยังทิศทางของประตูวังหลวง ระหว่างทางนั้นนางมองเห็นหยางจิ่งที่ยืนมองนางอยู่ที่ด้านหน้าประตู เขาสวมชุดสีขาวทั้งชุด ดูแล้วช่างงดงามสง่าราวกับเทพเซียน นางสั่งให้ม้าหยุด ก่อนจะกระโดดลงจากหลังม้า และเดินตรงเข้ามาหาเขา หยางจิ่งยิ้มให้นางคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"แต่งเป็นบุรุษเช่นนี้นับว่าไม่เลวเลย"โจวหว่านหรูยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย"อืม"หยางจิ่งจ้องมองโจวหว่านหรูคราหนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย พลางเอ่ย"หวานหว่าน เจ้าจะกลับมาเมื่อใด"โจวหว่านหรูจ้องมองหยางจิ่งด้วยแววตาที่อ่อนโยน ก่อนจะเอ่ย"ยังไม่รู้เหมือนกัน อาจจะหนึ่งปี สามปี หรือห้าปี ข้าอยากจะไปทำตามความฝัน ท่องไปในยุทธภพ"หยางจิ่งจ้องมองนางด้วยแววตาที่ล้ำลึก เขาอยากยื่นมือไปดึงรั้งนางใจจะขาด แต่ทว่าอีกใจก็ไม่อยากทำลายสิ่งที่นางถวิลหา ตั้งแต่ได้รู้ว่านางตั้งใจจะไปท่องเที่ยวทั่วทั้งใต้หล้า เขาก็ตกใจไม่น้อย เดิมทีคิดจะพานางเข้าวัง แต่งนางเป็นชายาเอก แต่ทว่านางกลับปฏิเสธเขาข้ายังไม่คิดจะแต่งงานกับผู้ใดในยามนี้"ข้าจะรอเจ้า ต่อให้รอทั้งชีวิต ข้าก็จะรอ"หยางจิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ โจวหว่านห
ที่ตำหนักมังกรสวรรค์แคว้นเยี่ยนยามนี้มีเหล่าทหารกำลังผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าเวรยาม โจวหว่านหรูรีบตรงมาที่แห่งนี้ทันทีที่ได้ทราบเรื่องราวจากหยางจินจินแท้จริงแล้วนางไม่ได้ฝัน เป็นเขาจริง ๆ ที่ช่วยนาง เขาป้อนโลหิตให้นางดิื่มเพื่อระงับพิษไม่ให้ลุกลามไปยังส่วนต่าง ๆ ในร่างกายนาง"ข้าอยากพบเจียงหมิงเจ๋อ"เหล่าทหารที่เฝ้าเวรยามปรายตามองนางคราหนึ่ง แต่ทว่าไม่ได้เอ่ยสิ่งใด โจวหว่านหรูที่กำลังร้อนใจ พลันจ้องมองสตรีนางหนึ่งที่เดินออกมาจากตำหนักมังกรสวรรค์ นางสวมชุดเยี่ยงสตรีสูงศักดิ์ ใบหน้างดงามไม่น้อย นางจ้องมองโจวหว่านหรูคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"เจ้าก็คือโจวหว่านหรูกระมัง"โจวหว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าคราหนึ่ง สตรีนางนั้นยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย"ข้าคือพระสนมเอกของฝ่าบาท ยามนี้ฝ่าบาทคงกำลังรอพบเจ้าอยู่ เจ้าเข้าไปเถิด"ฟ่านฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินจากไปไม่แม้แต่จะมองนางอีก โจวหว่านหรูไม่รอช้ารีบเข้าไปด้านในทันที เมื่อมาถึงนางก็พบกับเจียงหมิงเจ๋อที่กำลังเอนกายนอนพิงขอบเตียง ใบหน้าหล่อเหลายามนี้ซีดเซียวราวกับคนป่วยไข้ เมื่อรับรู้ได้ว่ามีคนเข้ามา เขาจึงหันไปมองคราหนึ่ง ก่อนที่แววตาจะฉาย
หยางจิ่งนั้นยามนี้กำลังเดินออกมาจากตำหนักเหลียนฉง เมื่อออกมาก็ได้พบกับโจวอวี้หาน เฉินป๋อเหวิน รวมถึงหยางจินจินที่กำลังยืนรออยู่ด้านนอกตำหนัก เขามีท่าทีแปลกใจไม่น้อย ก่อนจะเอ่ย"พวกเจ้ามาได้เช่นไรกัน"โจวอวี้หานยิ้มให้หยางจิ่งเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย"ข้าเป็นห่วงน้องเล็กจึงรีบติดตามมาสมทบกับเจ้า เฉินป๋อเหวินและหยางจินจินก็เป็นห่วงนางเช่นกัน จึงขอติดตามข้ามาด้วย"หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"เจ้ามาก็ดีแล้ว ข้าอยากให้เจ้าช่วยดูนางสักระยะ ข้ามีเรื่่องต้องไปจัดการ”โจวอวี้หานที่ได้ยินเช่นนั้นจึงเอ่ยถามทันที"เรื่องใดหรือ"หยางจิ่งถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"สมุนไพรที่ใช้ถอนพิษไม่เพียงพอ ข้าจำต้องขึ้นเขาไปเก็บมันมา""ข้าไปกับท่านด้วย"หยางจิ่งหันไปจ้องมองเฉินป๋อเหวินคราหนึ่ง ก่อนจะพบว่าในดวงตาของเฉินป๋อเหวินดูเด็ดเดี่ยวและมั่นคงเป็นอย่างยิ่ง ยามนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาหึงหวงอันใดกัน เขาจึงเอ่ยกับเฉินป๋อเหวินด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรมากกว่าเดิม"ทางไปเก็บสมุนไพรอยู่บนเขา ข้าได้ยินว่ามันทั้งหนาวเหน็บและอันตรายไม่น้อย กลับมาแล้วอาจจะไม่ดีต่อสุขภาพ เจ้า...""ต่อให้ต้องตาย
เจียงหมิงเจ๋อปรายตามองหยางจิ่งคราหนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้น เหล่าทหารแคว้นเยี่ยนของเขาก็พุ่งเข้าสังหารทหารแคว้นฉีในทันที อู๋เจี๋ยตื่นตระหนกไม่น้อย เพียงมองอาภรณ์ที่สวมใส่เขาก็พอคาดเดาได้ไม่ยากว่าผู้มาใหม่นี่คือใครฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนเช่นนั้นหรือ!!!เจียงหมิงเจ๋อจ้องมองอู๋เจี๋ยคราหนึ่ง ก่่อนจะเอ่ย"เจ้าสินะ ที่ขโมยศีรษะของเจียงหย่งหลางส่งไปให้ฮ่องเต้แคว้นเป่ยฉิน ศีรษะของพี่ชายข้าก็เสียบประจานอยู่ที่หน้าประตูชายแดนดี ๆ เจ้ากลับไร้มรรยาทเอาหัวเขาไปเที่ยวเล่น ช่างบังอาจนัก!!!"อู๋เจี๋ยตกใจไม่น้อย ไม่คาดคิดว่าแผนการทั้งหมดของเขาจะถูกล่วงรู้ได้รวดเร็วเช่นนี้เขารู้ว่ายามนี้ไม่อาจต่อกรได้แล้ว เจียงหมิงเจ๋อพาทหารแคว้นฉู่ที่ยามนี้รวมเป็นหนึ่งกับแคว้นเยี่ยนบุกเข้ามาเพื่อจัดการเขา มันเป็นไปได้เช่นไรไม่ใช่ว่าเจียงหมิงเจ๋อต้องสังหารหยางจิ่งหรอกหรือ!!!อู๋เจี๋ยไม่รั้งรอ เขารีบควบม้าคิดจะหนี เจียงหมิงเจ๋อยกยิ้มมุมปาก มีหรือที่เขาจะปล่อยศัตรูให้รอดไปได้ ใครที่มันคิดรุกรานเขา เขาไม่เคยเก็บเอาไว้เจียงหมิงเจ๋อคว้าคันธนูมาจากฟ่านเฉียน ก่อนจะยกขึ้นเล็งไปที่อู๋เจี๋ย ลูกธนูพุ่งฝ่าอากาศก่อนจะทะลุเข้าไปที่กลางอกข
โจวหว่านหรูสวมชุดเกราะเตรียมออกรบ ในมือของนางถือดาบยาวที่ส่องประกายวาววับ ก่อนจะกระโดดขึ้นหลังม้าและพุ่งทะยานออกไปที่ประตูชายแดนในทันที โดยมีหยางจิ่งและโจวอวี้หานเป็นผู้นำทัพ ยามนี้แขนของท่านพ่อนางดีขึ้นมากแล้ว เมื่อภัยมาถึงด้วยนิสัยของท่านพ่อย่อมไม่อาจอยู่เฉยได้ด้านหยางจินจินนั้นคอยดูแลเหล่าทหารที่ได้รับบาดเจ็บและถูกหามกลับเข้ามา ใจของนางสั่นไหวไม่น้อยหยางจิ่งที่ควบม้ามายังสนามรบ เมื่อได้มองเห็นกองกำลังทหารเรือนแสนที่แคว้นฉียกทัพมาก็จ้องมองด้วยแววตาเย็นเยียบ ก่อนจะมองไปที่อู๋เจี๋ยซึ่งเป็นผู้นำทัพออกรบอู๋เจี๋ยจ้องมองหยางจิ่งอย่างไม่ละสายตาเช่นเดียวกัน ก่อนจะปรายตามามองโจวหว่านหรูคราหนึ่ง ในใจนึกเสียดายที่ไม่อาจนำสาวงามนางนี้มาครอบครองได้ หากเขารบชนะศึกในครานี้และหยางจิ่งพ่ายแพ้ เขาจะลากตัวนางกลับแคว้นฉีและทรมานให้สาแก่ใจโจวหว่านหรูจ้องมองอู๋เจี๋ยด้วยแววตาเกลียดชัง"ไม่คิดว่าคนแคว้นฉีจะตีสองหน้าได้เก่งกาจปานนี้ อาศัยช่วงที่ทัพของข้าอ่อนไหว ตลบหลังได้อย่างหน้าไม่อาย"หยางจิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยียบ อู๋เจี๋ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"ว่าแคว้นฉีขอ
หยางจิ่งรีบเข้ามากอดโจวหว่านหรูทันที ก่อนจะเอ่ย"เจ้ากลับมาแล้ว รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นห่วงเจ้ามากเพียงใด ข้าแทบจะพลิกแผ่นดินตามหาเจ้า"โจวหว่านหรูไม่ได้ขัดขืนหยางจิ่ง ยังคงปล่อยให้เขากอดนางอยู่เช่นนั้น"ข้าเหนื่อยแล้ว"นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยล้า หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"เช่นนั้นเรากลับเป่ยฉินกันเถิด"หยางจิ่งกำลังจะพาโจวหว่านหรูเดินไปยังรถม้า แต่ทว่านางกลับรั้งมือของเขาเอาไว้ หยางจิ่งหันกลับมามองนางคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"มีสิ่งใดหรือ"โจวหว่านหรูจ้องมองหยางจิ่ง ก่อนจะเอ่ย"ข้าหายไปแคว้นเยี่ยนตั้งหลายวัน ท่านไม่สงสัยข้าเลยหรือ"หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะยื่นมือมาลูบศีรษะของนางอย่างรักใคร่"ข้าไม่สนใจ และไม่ติดใจเรื่องใดทั้งสิ้น ข้ารู้ว่าคนเช่นเจ้าหากถูกเอาเปรียบเจ้ายอมตายดีกว่า จริงหรือไม่"โจวหว่านหรูยิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าให้เขา หยางจิ่งชะงักไปชั่วขณะ เขารู้สึกว่ารอยยิ้มนี้ของนางเขาไม่ได้เห็นมานานมากแล้ว แต่วันนี้นางกลับยิ้มให้เขาอีกคราโจวหว่านหรูก้าวขึ้นมานั่งบนรถม้า ก่อนจะหันมามองหยางจินจินที่นั่งอยู่ หยางจินจินก็ห