“เหลวไหลน่าคุณ” คุณไกรภพปราม นึกสงสารเด็กหญิงข้างกายไม่น้อย “แก้วพาคุณทรายไปที่ห้องนั่งเล่นก่อน แล้วให้ใครไปทำความสะอาดห้องข้างบนไว้ด้วย หนูทรายเข้าไปในบ้านก่อนนะคะ เดี๋ยวลุงตามไป ขอคุยธุระกับคุณป้าเดี๋ยว”
“ใครเป็นป้ามันไม่ทราบ ฉันไม่มีหลาน มีแต่ลูกชายคนเดียวคือลูกเพชรคนนี้ต่างหาก” คนพูดกระชับร่างลูกชายเข้ามากอด“แล้วก็ห้องพักข้างบนน่ะ มีไว้สำหรับคนในครอบครัวฉันเท่านั้น ส่วนคนอื่นที่ไม่ใช่ ถ้าอยากให้อยู่นักล่ะก็ ไปอยู่ที่ห้องเก็บของหลังบ้านก็แล้วกัน”
“คุณพราว!”
“อย่ามาขึ้นเสียงกับฉันนะ บุญเท่าไหร่แล้วที่ฉันไม่ไล่ตะเพิดมันไป คุณเองก็เถอะ จำไม่ได้หรือไงว่าแม่มันทำอะไรไว้บ้าง คอยดูเถอะ อีกหน่อยยัยเด็กนี่ก็ไม่พ้นต้องทำให้พวกเราเดือดร้อนเหมือนแม่มันนั่นแหละ”
“หยุดนะ คุณพราว!” คุณไกรภพตวาดอย่างเหลืออด
“ฉันไม่หยุด คุณจะทำไม จะฆ่าจะแกงฉันเพราะเด็กคนนี้ก็เอาสิ ให้มันรู้ไปว่าคุณจะเห็นคนอื่นดีกว่าลูกเมียตัวเอง”
“พราวพิไล!” คราวนี้ร่างสูงตรงเข้ากระชากแขนของผู้เป็นภรรยาบีบอย่างแรงด้วยความโกรธจัด จนอีกฝ่ายน้ำตาคลอเบ้า แต่ด้วยทิฐิแรงกล้าทำให้คุณพราวพิไลต้องกัดฟันไม่ยอมร้องออกมาสักแอะ
“คุณพ่อ ปล่อยคุณแม่เถอะครับ ดูสิ คุณแม่เจ็บจนร้องไห้แล้ว คุณพ่อไม่รักคุณแม่แล้วเหรอครับ” พีรภัทรต้องรีบเข้ามาขวาง
“คุณพราว ผมขอโทษ” คุณไกรภพได้สติคลายมือ หากอีกฝ่ายกลับรีบสะบัดออกอย่างรังเกียจ
“ไปกันเถอะตาเพชร ใครจะไม่รักเราก็ช่าง จำไว้ว่าแม่รักลูกคนเดียวก็พอแล้ว ” คุณพราวพิไลจูงมือลูกชายเดินผละไปอย่างไม่ไยดี พีรภัทรเหลียวกลับไปมองผู้มาใหม่ด้วยสายตาเย็นชา ไม่ว่าพ่อของเขาจะยกย่องให้เด็กคนนี้อยู่ในฐานะใดก็ตาม แต่สำหรับเขาแล้ว ศุภิสรา คือ ศัตรูของเขา ได้สถานเดียวเท่านั้น
“คุณลุงคะ ทำไมคุณป้ากับพี่คนนั้นถึงไม่ชอบหนูล่ะคะ”
“อย่าคิดมากเลยนะลูก จำไว้แค่ว่า ต่อไปนี้หนูจะต้องเข้มแข็งและอดทนมากๆ ถ้าหนูเป็นเด็กดี สักวันหนึ่งทุกคนก็จะเห็นความดีของหนู และรักเอ็นดูหนูเองนั่นแหละนะ” คำปลอบโยนของคุณไกรภพดูห่างไกลเกินความเป็นจริงไปมากมายทีเดียว เพราะนับจากวันนั้น ทั้งภรรยาและลูกชายของเขายิ่งมีแต่ความเกลียดชังเด็กน้อยเป็นทวีคูณ
แม้คุณไกรภพจะบอกว่ายกย่องศุภิสราในฐานะเท่าเทียมกับลูกหลานตัวเองก็ตาม แต่ลับหลังประมุขของบ้าน ศุภิสราก็ไม่ต่างอะไรจากเด็กรับใช้คนหนึ่งเท่านั้น นับแต่วันแรกที่เข้ามา เธอต้องระเห็จไปอยู่ที่ห้องเก็บของหลังบ้าน แถมยังต้องช่วยทำงานในบ้านทุกอย่างเพื่อแลกกับที่ซุกหัวนอน และการศึกษา ตามคำสั่งของ ‘คุณผู้หญิง’ ที่คอยกำชับอยู่ร่ำไปว่า
“ที่นี่เป็นบ้านของฉัน ถ้าอยากอยู่ก็ต้องทำงานแลก อ้อ แล้วก็อย่าคิดเผยอจะมาเทียบกับลูกชายฉัน คุณเพชรน่ะเป็นเจ้าของทุกอย่างในบ้านหลังนี้ เขาเป็นเพชรแท้ ไม่ใช่เม็ดทรายต้อยต่ำไร้ค่าอย่างแก เข้าใจที่พูดรึเปล่า หา” เด็กน้อยสะอึก เพราะคำว่าต่ำต้อยไร้ค่ากระแทกใจอย่างจัง
“ขะ...เข้าใจค่ะ ” เด็กน้อยรับคำเบาๆ ด้วยความอดสู โดยที่ไม่เข้าใจว่าเธอไปทำอะไรให้นักหนา คุณผู้หญิงของบ้านจึงเจาะจงเกลียดชังเธอมากเป็นพิเศษแบบนี้ แม้แต่ลูกชายคนโปรดก็แทบไม่ต่างกัน
คุณเพชร ขวัญใจของคนทั้งบ้าน ไม่เคยลดตัวลงมาเสวนาอะไรกับผู้อาศัยตัวน้อย คนเดียวที่พอพึ่งพาได้คือคุณไกรภพ ก็แทบไม่อยู่บ้าน ฉะนั้นสิ่งที่ทำได้คือการต้องอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว และไร้ตัวตน!
“เอ๊ะ ทำอะไรของคุณน่ะ” หญิงสาวแหวใส่ พยายามดันศีรษะของอีกฝ่ายออกจากตัก แต่ฝ่ายนั้นกลับรวบมือน้อยเข้ามากุมไว้“หนุนตักไง ไม่เห็นเหรอ” คำตอบยั่วประสาท พลางยิ้มประจบ ไม่ทำให้อีกฝ่ายหลงคารม“ไปนั่งไกลๆ เลยนะ”“บังเอิญพี่ไม่ชอบอยู่ไกลหัวใจซะด้วยสิ” พีรภัทรยิ้มขำกับสำนวนลิเกของตัวเองทั้งที่เมื่อก่อนเคยล้อเพื่อสนิทอย่างเหนือฟ้าที่มักชอบใช้มุกเสี่ยวๆ จีบหญิง หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่กล้าพูดอะไรเลี่ยนๆ แบบนี้ออกมา แต่ตอนนี้ไม่รู้เป็นอะไร เขาถึงได้อยากจะพูดจาภาษาดอกไม้กับผู้หญิงตรงหน้า อะไรกันนะที่เปลี่ยนเขาให้เป็นไปได้ถึงเพียงนี้“โธ่ ทูนหัวจ๋า เมื่อไหร่จะหายโกรธสักที พี่ต้องทำยังไง หืม บอกมาเถิดนะคนดี”“ถ้าคุณจะกรุณา ก็พาดิฉันกลับบ้านเสียสิคะ” หญิงสาวตอบเสียงเย็นชา“ไม่กรุณา!” เสียนกวนๆ สวนทันควันเช่นกัน“เอ๊ะ” ศุภิสราร้อง พลางหันขวับเห็นคนพูดลอยหน้ากวนโมโหก็พยายามข่มอารมณ์ “ ถ้างั้นก็ให้ฉันยืมโทรศัพท์โทรบอกพี่โทกับคนที่บ้านสักนิดได้ไหมคะ พวกเขาจะได้ไม่เป็นห่วง”ชื่อของศัตรูหมายเลขหนึ่งทำให้คนฟังฉุนกึก ทำหน้าง้ำ “ ก็บอกแล้วไง ถ้าถึงเวลาจะพาไปส่งเอง”“ก็แล้วฉันต้องรอถึงเมื่อไหร่ล่ะคะ” คนฟังขึ้น
พีรภัทรคลี่ยิ้มออกมาได้ รู้สึกเบาใจขึ้นเป็นกอง ให้โดนโกรธโดนทุบแบบนี้ยังดีกว่าโดนเมินล่ะ เพราะอย่างน้อยการโกรธก็ยังถือว่ามีเยื่อใยเหลืออยู่ แต่ดูเหมือนเยื่อใยจะหนักเอาการอยู่สักหน่อยเพราะกว่าเธอจะเลิกทุบ เขาก็แทบจะน่วมคามือ ร่างบางหอบสะท้านด้วยความเหนื่อย มือยังสั่นริกๆ อยากจะทุบให้เขาตายคามือสาสมใจ“หิวหรือยังจ๊ะ” ชายหนุ่มรีบเปลี่ยนเรื่องทันควัน“ไปกินข้าวกันเถอะ เดี๋ยวค่อยกลับมาทุบต่อนะ ไม่หนีหรอกน่า สัญญาจะอยู่ให้ทุบทั้งชีวิตเลยก็ยังได้” เสียงออดอ้อนเอาใจ ยิ่งทำให้คนฟังคันไม้คันมือขึ้นมาอีก พีรภัทรไม่รอช้ารีบรวบข้อมือน้อยฉุดลากเข้าบ้าน ก่อนที่เขาจะตายคามือเธอจริงๆ กลิ่นอาหารหอมฉุยโชยชายทำให้คนโมโหเริ่มรู้สึกท้องร้องขึ้นมาตงิดๆ เพิ่งนึกได้ว่ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เมื่อวาน แถมใช้พลังงานไปเยอะเลยเกิดหิวก็เป็นได้ คนตัวโตราวกำแพงขยับจัดแจงให้เธอนั่ง แล้วบริการเสิร์ฟอาหารต่างๆ ให้อย่างเอาอกเอาใจข้าวต้มเละๆ ในถ้วยน้อยวางลงตรงหน้า พร้อมเครื่องเคียงที่มีเพียงผักกาดดองกระป๋องหั่นเล็กบ้างใหญ่บ้าง กับปลากระป๋อง และไข่เค็มหั่นเป็นซีกๆ ไม่เท่ากัน แต่ก็พอดูออกว่าคนทำคงพยายามอย่างสุดฝีมือท
“พอกันที เลิกคิดได้แล้ว” ศุภิสราบอกกับตัวเองอย่างเด็ดเดี่ยว พลางรวบรวมเรี่ยวแรงอันน้อยนิดพยุงตัวเองลุกขึ้น ครั้งแรกล้มแปะลงไปเพราะขาเป็นเหน็บชา หากเธอพยายามยันตัวลุกอย่างทุลักทุเลจนได้ แล้วจัดการล้างหน้าล้างตา สมองรู้สึกปลอดโปร่งขึ้น แต่หัวใจยังคงหนักอึ้งไม่คลาย ถ้าควักหัวใจออกมาล้างได้คงดี เธอจะได้ล้างสิ่งที่ติดค้างในความรู้สึกให้หมดๆ ไปเสียจะได้ไม่เจ็บอีก แต่มันก็ไม่อาจทำได้ สาวน้อยส่องกระจกทอดถอนใจ มือบางแตะที่จี้ ‘หัวใจเพชร’ ดวงน้อยที่ลำคอระหงอย่างเจ็บปวด ก่อนตัดใจปลดออกจากคอตนเองวางลงบนอ่างล้างหน้านั้น ลืมเสียเถิด สิ่งที่เป็นไปไม่ได้จะจำไว้ทำไม ถึงไม่มีเขาเธอก็มีคนอีกมากมายที่รักเธอ ทั้งคุณพ่อคุณแม่ ไหนจะพี่โทรินทร์ที่คอยห่วงใยเธอเรื่อยมา ป่านนี้ทุกคนคงตามหาเธอวุ่นวาย คนเหล่านั้นต่างหากที่เธอควรสนใจ ส่วน‘คนอื่น’นั้นจะคิดยังไง รู้สึกยังไงก็ช่างเขา จากนี้ไปเธอจะไม่อยากรู้อีกต่อไปหญิงสาวเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยความรู้สึกใจสงบขึ้น ในห้องนั้นปราศจากเงาของบุรุษที่คอยก่อกวนหัวใจ หรือเขาจะหนีกลับไปเสียแล้วก็เป็นได้ เธอพยายามเมินไม่มองไปที่เตียงนอนอันยับยู่ยี่เพราะเหตุการณ์เมื่อเช้า ท้าย
“คุณมีแฟนอยู่แล้ว แต่ยังมาทำกับแบบนี้กับผู้หญิงอื่นอีกเพื่ออะไร” คราวนี้คนฟังถึงกับผงะด้วยความตกตะลึงราวกับถูกค้อนทุบหัวหนักๆ จนมึนชา พูดอะไรไม่ออก“ดิฉันเป็นคน มีชีวิตจิตใจ มีความรู้สึก ไม่ใช่ของเล่นที่คุณจะมาทำอะไรตามอำเภอใจยังไงก็ได้ คุณทำแบบนี้กับฉันทำไม หรือเห็นว่าฉันเป็นผู้หญิงใจง่าย เป็นคนหน้าด้านที่ชอบแย่งแฟนคนอื่น” ปลายเสียงสั่นสะท้านด้วยความหวั่นไหวพร่างพรูระบายความน้อยเนื้อต่ำใจออกมา“จะแกล้งทรมานฉันไปถึงเมื่อไหร่กันถึงจะสาแก่ใจคนใจร้ายอย่างคุณ” น้ำตาหยดหนึ่งกลิ้งลงมาจากลูกแก้วคู่งามที่แสนเศร้า ก่อนที่เจ้าตัวจะปิดตานิ่ง เม้มปากแน่น แสดงท่าทีหมางเมินออกมาอย่างชัดเจน จนทำให้ชายหนุ่มใจหายวาบรีบคว้าตัวเธอขึ้นมากอดไว้แนบแน่น เพราะกลัวจะต้องสูญเสียเธอไป รู้สึกปวดร้าวในอกจนเกินพรรณนา“พี่ไม่เคยคิดอย่างนั้น ไม่เคย...” เสียงร้อนรนพร่ำบอก พลางโยกร่างน้อยที่สั่นสะท้านไปมาเบาๆ ราวกับขับกล่อมให้สงบ“ถ้าไม่ได้คิดอย่างนั้น แล้วคุณคิดยังไงกับฉันกันแน่” คำถามนั้นซัดชายหนุ่มให้จนมุมในบัดดล “พะ... พี่ระ... เอ่อ” พีรภัทรขยับจะพูดอะไรบางอย่างออกมา หากพอเห็นนัยน์ตากลมใสแป๋วที่จ้องเขม็งรอคอยคู่น
พอขาดคำชายหนุ่มก็จัดการลงโทษ ‘แบบนี้’ ด้วยการกดจูบที่ริมฝีปากของเธออีกครั้ง หากคราวนี้เนิ่นนานและดูดดื่มยิ่งกว่าคราวแรกหลายเท่านัก ศุภิสรารู้สึกวิงเวียน สะบัดร้อนสะบัดหนาวเหมือนจะจับไข้ ในท้องมีผีเสื้อนับร้อยๆ ตัวกำลังกระพรือปีกบินว่อนอย่างร่าเริง บางครั้งเหมือนกำลังล่องลอยไปในปุยเมฆนุ่มๆ บางครั้งก็รู้สึกเหมือนถูกคนจอมเจ้าเล่ห์แกล้งกระชากลงมาด่ำดิ่งในห้วงน้ำลึกจนอึดอัดหมือนกำลังจมน้ำขาดอากาศหายใจ เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่ยอมให้เขาป่วนหัวใจเล่นแบบนี้สมองสั่งให้หยุด แต่ร่างกายกับไม่ยอมร่วมมือเอาเสียเลย ผู้ชายแปลกหน้าที่แสนเจ้าเล่ห์ แสนเอาแต่ใจ บางทีก็แสนร้ายกาจจนน่ากลัว แต่บทจะอ่อนหวานก็แสนหวานล้ำเหนือใคร แล้วแบบไหนคือตัวจริงของเขากันแน่นะ อสูรร้าย หรือเทพบุตรในคราบซาตานการลงโทษที่แสนหวานปนขมปร่าที่เขามอบให้ปลุกเมล็ดพันธุ์ในหัวใจอ่อนหวานขึ้นมาทีละน้อยๆ จนก่อเกิดเป็นรูปเป็นร่างที่เธอไม่อยากจะยอมรับ ดอกไม้ดอกหนึ่งที่ชื่อว่า ‘รัก’ กำลังผลิในหัวใจจนเต็มดวงเป็นไปไม่ได้! เธอจะรู้สึกลึกซึ้งกับคนที่เพิ่งรู้จัก เพิ่งเห็นหน้ากันไม่กี่ครั้งแบบนี้ได้อย่างไรหญิงสาวรู้สึกสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ
คนที่บอกว่าตัวเองง่วงแสนง่วง หากในความจริงแล้วเขากลับไม่ได้นอนหลับเลยสักงีบเดียว ในความมืดสลัว ดวงตามันปลาบทอประกายหวานระยับทอดมองดวงหน้าหวานของคนที่กำลังหลับสนิทโดยอาศัยไออุ่นจากอ้อมอกของเขา ราวกับจะซึมซับทุกภาพและความรู้สึกลงในความทรงจำ เผื่อในวันที่ต้องลาจากกันไปอย่างน้อยเขาจะได้ใช้ความทรงจำแสนหวานนี้เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงหัวใจตนในวันที่ไม่มีเธอเคียงใกล้แสงเงินแสงทองระยับค่อยๆ แทรกผ่านเข้ามาทีละน้อย ทำให้ความงามละออกระจ่างตาตรงหน้ายิ่งปรากฏชัดเจนขึ้น ดวงหน้าใสดูอ่อนเยาว์บอกถึงความพิสุทธิ์ ผิวขาวละออราวขึงด้วยแพรละเอียดซับเลือดฝาดของวัยสาวสะพรั่งน่าสัมผัส ทั้งดวงตาที่ยังหลับพริ้มประดับด้วยแพขนตายาวเฟื้อยราวกับตุ๊กตาจนเขาอยากจะลองเอานิ้วกรีดเล่น ปากนิดจมูกหน่อยดูจิ้มลิ้มน่ารักน่าเอ็นดูนักหนา หากที่เขาไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อนคือรอยลักยิ้มบุ๋มน่ารักตรงข้างแก้มทั้งสองของเธอ อาจเพราะเจ้าตัวมักทำหน้าอมทุกข์อยู่เสมอ และตัวต้นเหตุที่ปล้นรอยยิ้มสวยๆ นี้ไปก็คงหนีไม่พ้น... เขา... นี่เองชายหนุ่มรู้ดีว่าตัวเองใจร้ายใจดำกับคนตัวเล็กตลอดมา ทั้งพูดให้เจ็บช้ำ ทั้งแกล้งสารพัด ทั้งเคยผลักไสไล่ส่ง หรือแ