จนกระทั่งตบยี่สิบฉาดเรียบร้อยแล้ว ใบหน้าเจียงฉิงหลานถูกตบจนบวมเปล่งใบหน้าที่เดิมทีเรียวเล็กบัดนี้เปี่ยมความเจ็บปวด ร้องไห้จนดวงตาบวมแดง ถลึงตาใส่ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงอย่างอดไม่ได้ แต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยได้รับโทษเช่นนี้เลย ช่างอัปยศอดสูโดยแท้!เจียงหลูเสวี่ยเห็นสภาพของเจียงฉิงหลาน สายตาเปี่ยมความสงสาร พูดว่า “ฉู่อ๋อง บัดนี้ตบยี่สิบฉาดไปแล้ว เรื่องนี้ก็สมควรจบลงเช่นนี้แล้วกระมัง?”“ภายภาคหน้าหม่อมฉันจะสั่งสอนนางดีๆ ไม่ให้นางพูดจาเหลวไหลไร้สาระอีก อีกทั้งยังไม่ให้นางพูดจาว่าร้ายแม่นางซ่งอีกแม้ประโยคเดียว”ฉู่จวินถิงไม่คิดถือสาให้มากความ อย่างไรเสียก็ต้องไว้หน้าเซียวอ๋องอยู่บ้างเห็นสองพี่น้องจากไปแล้ว ที่ด้านนอกยังสามารถมองเห็นเจียงฉิงหลานสะบัดมือเจียงหลูเสวี่ยออกอย่างไม่สบอารมณ์ได้อีกด้วย“ล้วนเป็นเพราะท่าน! ถึงขั้นเห็นคนตายแล้วไม่ช่วย! ข้าเป็นน้องสาวแท้ๆ ของท่านนะ รอข้ากลับไปแล้วจะบอกท่านพ่อท่านแม่!”เจียงหลูเสวี่ยเผยสีหน้าระอา “น้องหญิง ใช่ว่าเจ้าไม่รู้อุปนิสัยของฉู่อ๋อง หากไม่ใช่เพราะเจ้าพูดจาเหลวไหลล่วงเกินฉู่อ๋อง เรื่องก็คงไม่กลายเป็นเช่นนี้ เหตุใดถึงโทษข้าเล่า?”“อิงตามท
“นึกถึงตอนแรกนางได้พบรั่วเจินก็รู้สึกชอบมากเป็นพิเศษ บัดนี้จะกลายเป็นพี่สะใภ้น้องสะใภ้กันแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะบังเอิญมีวาสนาเช่นนี้!”“ยังไม่ใช่อีกหรือ? ข้าเห็นฮวนเอ๋อร์เป็นแม่นางที่ดีคนหนึ่ง อวิ๋นอ๋องเองก็ดีไปหมดทุกอย่าง หลังทั้งคู่แต่งงานกันแล้วจะต้องใช้ชีวิตอย่างดีแน่เจ้าค่ะ” กู้หรูเยียนพูดยิ้มๆ“ข้าได้ยินมาว่าจงเฟยวางแผนให้เช่ออ๋องแต่งงานกับหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ เช่ออ๋องคล้ายไม่ยินดีเท่าใดนัก กำลังโวยวายอยู่เชียว”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้เล่าข่าวที่เพิ่งได้ยินกลับมา “พระชายาคนก่อนของเช่ออ๋องกลับไม่ได้เรื่อง บัดนี้จะแต่งงานใหม่ หากต้องไปพัวพันกับตระกูลหลิง น่ากลัวว่าจะยุ่งยาก”แม้ว่าปกติราชครูกู้ไม่เล่าเรื่องในราชสำนักให้นางฟังสักเท่าใด แต่กลับมาครั้งนี้ เรื่องที่ซ่งหลินประสบยามอยู่เมืองผิงหยางมีความเกี่ยวพันกับสกุลหลิงหลายส่วน นางเองก็รู้เรื่องนี้“ข้าได้ยินมาว่าทีแรกเช่ออ๋องมีจิตปฏิพัทธ์ต่อหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ ทว่าต่อมาคล้ายทิ้งแผนการไป เพราะเหตุใดตอนนี้จงเฟยถึงยังดึงดันเช่นนี้?”กู้หรูเยียนขมวดคิ้ว บัดนี้ความสัมพันธ์ระหว่างซ่งหลินและสกุลหลิงดุจน้ำกับไฟ ต่อให้ไม่ฉีกหน้ากัน แต่ทั้งสองฝ่ายกลับ
“ภรรยาหลวงที่มีศักดิ์เทียมกัน? นางกลับอยากให้เป็นเช่นนั้น แต่เรื่องนี้วุ่นวายน่าอับอายถึงเพียงนี้ อยากเป็นภรรยาหลวงที่มีศักดิ์เทียมกันย่อมเป็นไปไม่ได้”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ส่ายหน้า “ต่อให้นางเป็นน้องสาวแท้ๆ ของพระชายาเซียวอ๋อง แต่เรื่องนี้เล่าลือออกไปกลับน่าอับอายมาก แม้พูดว่าชื่อเสียงของเจียงฉิงหลานเสียหาย แต่ภายในใจของทุกคนกลับรู้ดี ผู้ที่ได้รับความทุกข์ใจที่แท้จริงก็คือพระชายาเซียวอ๋อง”“ได้ยินมาว่าตอนนางจับได้ เสื้อผ้าที่นางสวมเป็นของพระชายาเซียวอ๋อง ดังนั้นเซียวอ๋องเมาสุรากลับไปจึงไม่ระวังจำคนผิดไป”สีหน้ากู้หรูเยียนซับซ้อน “อิงตามคำพูดนี้ เห็นได้ชัดว่ามีเจตนายั่วยวน นางแม่นางในห้องหอยังไม่ออกเรือนคนหนึ่ง ชาติกำเนิดเองก็ไม่เลว ไม่เข้าใจจริงๆ เพราะเหตุใดถึงต้องทำเรื่องพรรค์นี้”เช่นนี้แล้ว ต่อให้เข้าจวนเซียวอ๋อง มีตำแหน่งชายารอง แต่ทุกคนล้วนรู้ดีอยู่ภายในใจ ใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้เข้าจวนอ๋อง นั่นคือชนักติดหลังไปชั่วชีวิตซ่งรั่วเจินนึกถึงวันที่ได้พบสองพี่น้องสกุลเจียง ใคร่ครวญจึงพูดว่า “เจียงฉิงหลานสวมเสื้อผ้าของพระชายาเซียวอ๋อง นั่นหรือว่านางอยู่ภายในห้องของพระชายาเซียวอ๋องจึงถูกเ
กู้หรูเยียนส่ายหน้า เดิมทีพี่น้องก็ควรประคับประคองกัน ทว่าตอนนี้ความสัมพันธ์เช่นนี้กลับเข้ามาแทรก หากในภายภาคหน้าฐานะเซียวอ๋องเปลี่ยนไป นั่นก็พูดยากแล้ว...“ท่านแม่ นี่ล้วนเป็นเรื่องของบ้านผู้อื่น พวกเราเห็นเป็นความครึกครื้นอย่างหนึ่งก็พอ ไม่จำเป็นต้องใส่ใจเจ้าค่ะ”ซ่งรั่วเจินยิ้มน้อยๆ “บัดนี้เช่ออ๋องไม่อยากแต่งงานกับหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ น่ากลัวว่าเป็นไปไม่ได้แล้ว ช่วงนี้มีงานแต่งไม่น้อยจริงๆ”กู้หรูเยียนและฮูหยินผู้เฒ่ากู้สบตากันแวบหนึ่ง ล้วนรู้สึกแปลกใจเหตุใดนางมั่นใจนักว่าเช่ออ๋องจะต้องแต่งงาน ต่อให้จงเฟยยึดมั่นถึงเพียงนี้ แต่บัดนี้เช่ออ๋องก็อายุไม่น้อยแล้ว สามารถตัดสินใจเรื่องเช่นนี้เองได้ความคิดของจงเฟย ใช่ว่าเขาจะรับฟังทั้งหมด“จงเฟยเพียงแต่ต้องการรักษาความรุ่งโรจน์ ไม่มีวันทอดทิ้งสกุลหลิง ส่วนสกุลหลิงช่วยเหลือจงเฟย ย่อมต้องให้เช่ออ๋องแต่งงานกับหลิงเชี่ยนเอ๋อร์”“ทว่า สกุลหลิงมีความแค้นกับพวกเรา จะต้องเตือนท่านพ่อให้ระวังสักหน่อย” ซ่งรั่วเจินพูดวันแต่งงานมาถึงโดยไม่รู้ตัวซ่งรั่วเจินถูกปลุกขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่ มงกุฎหงส์เสื้อคลุมแดงถูกตระเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ก่อนหน้านี้
เมิ่งชิ่นพูดถึงตรงนี้ก็อยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตาทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ทุกคนยังไม่มีตัวเลือกที่เหมาะสม เวลาเพียงชั่วพริบตาวันนี้รั่วเจินก็แต่งงาน เนี่ยนชูและอวิ๋นเฉิงเจ๋อก็จะแต่งงานกันแล้ว กู้ฮวนเอ๋อร์และอวิ๋นอ๋องเองก็มีจิตปฏิพัทธ์ต่อกันมีเพียงตนเองยังเล่นสนุก จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีคนที่ชอบแม้คนเดียวได้ยินคำพูดของเมิ่งชิ่น พวกซ่งรั่วเจินกลั้นยิ้มไม่อยู่ คิดๆ ดูแล้วช่วงนี้พวกนางคืบหน้าไปอย่างว่องไวจริงๆ“เมิ่งชิ่น เจ้าอย่าเพิ่งรีบเลย ข้าเห็นวาสนาของเจ้า ไม่แน่ว่าอีกไม่นานก็จะมาแล้ว!”อวิ๋นเนี่ยนชูหัวเราะเบาๆ นับตั้งแต่สารภาพความในใจกับญาติผู้พี่และมารดาไม่ขัดขวางพวกเขาแล้ว ช่วงนี้อารมณ์ของนางดีมากนักหลังคบหากัน ญาติผู้พี่ไม่หลบเลี่ยงนางเหมือนที่ผ่านมาอีก ในที่สุดนางก็ได้สัมผัสยามที่เขาดีต่อนางอย่างเปิดเผย ความหวังในอดีตเหล่านั้น บัดนี้กลายเป็นจริงแล้ว“ข้า? เป็นไปไม่ได้” เมิ่งชิ่นส่ายหน้า “พวกเจ้าแต่ละคนไม่เพียงหน้าตางดงาม อุปนิสัยอ่อนโยน คุณชายที่มาชอบพวกเจ้ามีมากมายนัก แต่พวกเจ้าดูข้า...ข้าเพียงคนเดียวสามารถสู้ได้หลายคน!”กู้ฮวนเอ๋อร์กุมท้องหัวเราะดังลั่น “เมิ่งชิ่น เจ้าอย่าพูดเช่
ฉู่จวินถิงอารมณ์ดีมาก ผินมองฉู่อวิ๋นกุยแวบหนึ่ง “วันแต่งงานของเจ้าไม่มีผู้ใดสามารถกลบรัศมีของเจ้าได้”“หลายปีมานี้ ข้าเห็นรัศมีของท่านเปล่งประกายถึงเพียงนี้เป็นครั้งแรก น่าเกรงขามเสียยิ่งกว่าตอนนำชัยชนะกลับมาในตอนนั้นเสียอีก!”ฉู่อวิ๋นกุยยิ้มกว้าง ยังมีความรู้สึกย้อนนึกถึงวันวานอีกด้วย เมื่อแรกเขากังวลเสด็จพี่จะไม่แต่งงานไปชั่วชีวิต บัดนี้ไม่เพียงแต่งงาน ยังแต่งได้ดีถึงเพียงนี้!หลายปีมานี้ เวลาส่วนใหญ่ฉู่จวินถิงมักอยู่ในค่ายทหาร ดังนั้นวันนี้ตอนมาต้อนรับ คนในค่ายทหารมากมายเร่งเดินทางมา รู้สึกเพียงว่าเสียงตีฆ้องกลองใสกังวานเสียยิ่งกว่าปกติสี่พี่น้องสกุลซ่งเตรียมตัวดีแล้ว กำลังรออยู่ที่หน้าประตู ชะเง้อมองขบวนต้อนรับเจ้าสาวที่เดินทางมา ญาติพี่น้องชายสกุลกู้เองก็ยืนเรียงแถว ญาติพี่น้องหญิงยืนถัดไปทางด้านหลัง“หากน้องเขยไม่มอบเงินมงคลให้ เช่นนั้นคงเข้าไปไม่ได้ง่ายๆ!” ซ่งเยี่ยนโจวร้องตะโกนใบหน้าประดับยิ้มพวกฉู่จวินถิงย่อมเตรียมไว้ดีแล้ว ฉู่อวิ๋นกุยรีบนำเงินออกมาแจกจ่ายทุกคนและพูดว่า “พวกเจ้ารับเงินมงคลไว้แล้ว เช่นนั้นก็สามารถปล่อยพวกเราเข้าไปได้แล้วกระมัง?”“ไฉนเลยจะง่ายดายถึงเพียงน
ราชวงศ์ฉู่โยว เมืองหลวงเกี้ยวเจ้าสาวสองหลังหยุดเรียงกันหน้าประตูจวนหลินโหว ตามมาด้วยเสียงประทัดฆ้องกลอง ครึกครื้นมากเป็นพิเศษแขกเหรื่อมาร่วมงานเห็นภาพนี้แล้วก็ตกตะลึง “เหตุใดมีเกี้ยวเจ้าสาวสองหลังกันเล่า?”“แม่นางห้าสกุลซ่ง—ซ่งรั่วเจิน รอหลินโหวมานานสองปี ดูแลงานทั้งจวนโหวแทนเขา บัดนี้หลินโหวคว้าชัยชนะกลับมา ตบแต่งแม่นางซ่งก็คือเรื่องดีของเมืองหลวง แต่เกี้ยวเจ้าสาวเข้าประตูพร้อมกัน มิใช่ว่ายังแต่งกับคนอื่นด้วยหรือ?”“คุณหนู ตอนนี้จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”ซ่งรั่วเจินรู้สึกเพียงเสียงดังเอะอะอยู่ข้างหูพักหนึ่ง ขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว ลืมตาทั้งสองข้างก็มองเห็นชุดแต่งงานสีแดงเข้ม?เกิดเหตุอันใดขึ้น?ชุดแต่งงานซิ่วเหอและเกี้ยวเจ้าสาวสีแดงเข้ม นี่มิใช่ขบวนแต่งงานหรอกหรือ?“ท่านโหวทำเกินไปแล้ว ก่อนนี้เขาออกรบอยู่ภายนอก หากมิได้ท่านดูแลฮูหยินผู้เฒ่า ไฉนเลยเขาจะสามารถออกรบอย่างสบายใจได้? บัดนี้กลับมาอย่างยากลำบาก เขาถึงขั้นตบแต่งฉินซวงซวงเป็นภรรยาหลวงลำดับเดียวกันในวันแต่งงาน ไม่บอกกล่าวแม้คำเดียว เห็นได้ชัดว่ากำลังรังแกคุณหนู!”เฉินเซียงยิ่งพูดยิ่งโมโห บัดนี้เกี้ยวเจ้าสาวทั้งสองหลังหยุดอ
ซ่งรัวเจินถามไล่เรียงกระแทกลงไป กระแทกเสียจนสีหน้าหลินจือเยว่เผือดซีด หวุดหวิดจะเป็นลมหมดสติไปแล้วเหตุใดนางกล้าพูดเรื่องเหล่านี้ออกมาต่อหน้าคนมากมายเพียงนี้!“เรื่องนี้ก็ไม่ซื่อสัตย์จริงใจจริงนั่นล่ะ ได้ยินมาว่าหลินโหวและฉินซวงซวงมีใจปฏิพัทธ์ต่อกันมาตั้งแต่แรกแล้ว สองปีก่อนฉินซวงซวงไม่ยอมแต่งกับเขา นี่เขาถึงตกลงหมั้นหมายกับสกุลซ่ง ใครเคยคิดเล่าว่าทำความดีความชอบกลับมา ฉินซวงซวงกลับยอมแต่งกับเขาแล้ว ดังนั้นจึงคิดทำเช่นนี้ จุ๊ ๆ ...”“แม่นางสกุลซ่งไม่กลายเป็นตัวโง่งมไปแล้วหรือ?”ความทุ่มเทตลอดสองปีสูญเปล่าไปแล้ว เย็บชุดเจ้าสาวให้ผู้อื่นสวม ได้รับความทุกข์อย่างแสนสาหัสแต่ยังต้องกลั้นก้อนสะอื้น นี่ใครยังสามารถทนได้กันเล่า?“พี่หญิง อย่าโมโหไปเลย”ฉินซวงซวงก้าวเท้าฉับไวขึ้นมา มิอาจข่มความแปลกใจภายในใจเอาไว้ได้เห็นได้ชัดว่าซ่งรั่วเจินเป็นพลับอ่อนให้คนบดขยี้ แต่งเข้าบ้านพร้อมกันก็เป็นนางและจือเยว่ร่วมกันวางแผน แม้นางไม่ยอมแต่ก็ต้องกล้ำกลืนฝืนรับปาก ไม่โวยวายใหญ่โตอันใดใครคาดคิดนางถึงขั้นเปิดผ้าคลุมหน้าลงจากเกี้ยวเจ้าสาว โวยวายอยู่ที่หน้าประตูเช่นนี้?“ล้วนเป็นความผิดของซวงซวง ท่าน
ฉู่จวินถิงอารมณ์ดีมาก ผินมองฉู่อวิ๋นกุยแวบหนึ่ง “วันแต่งงานของเจ้าไม่มีผู้ใดสามารถกลบรัศมีของเจ้าได้”“หลายปีมานี้ ข้าเห็นรัศมีของท่านเปล่งประกายถึงเพียงนี้เป็นครั้งแรก น่าเกรงขามเสียยิ่งกว่าตอนนำชัยชนะกลับมาในตอนนั้นเสียอีก!”ฉู่อวิ๋นกุยยิ้มกว้าง ยังมีความรู้สึกย้อนนึกถึงวันวานอีกด้วย เมื่อแรกเขากังวลเสด็จพี่จะไม่แต่งงานไปชั่วชีวิต บัดนี้ไม่เพียงแต่งงาน ยังแต่งได้ดีถึงเพียงนี้!หลายปีมานี้ เวลาส่วนใหญ่ฉู่จวินถิงมักอยู่ในค่ายทหาร ดังนั้นวันนี้ตอนมาต้อนรับ คนในค่ายทหารมากมายเร่งเดินทางมา รู้สึกเพียงว่าเสียงตีฆ้องกลองใสกังวานเสียยิ่งกว่าปกติสี่พี่น้องสกุลซ่งเตรียมตัวดีแล้ว กำลังรออยู่ที่หน้าประตู ชะเง้อมองขบวนต้อนรับเจ้าสาวที่เดินทางมา ญาติพี่น้องชายสกุลกู้เองก็ยืนเรียงแถว ญาติพี่น้องหญิงยืนถัดไปทางด้านหลัง“หากน้องเขยไม่มอบเงินมงคลให้ เช่นนั้นคงเข้าไปไม่ได้ง่ายๆ!” ซ่งเยี่ยนโจวร้องตะโกนใบหน้าประดับยิ้มพวกฉู่จวินถิงย่อมเตรียมไว้ดีแล้ว ฉู่อวิ๋นกุยรีบนำเงินออกมาแจกจ่ายทุกคนและพูดว่า “พวกเจ้ารับเงินมงคลไว้แล้ว เช่นนั้นก็สามารถปล่อยพวกเราเข้าไปได้แล้วกระมัง?”“ไฉนเลยจะง่ายดายถึงเพียงน
เมิ่งชิ่นพูดถึงตรงนี้ก็อยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตาทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ทุกคนยังไม่มีตัวเลือกที่เหมาะสม เวลาเพียงชั่วพริบตาวันนี้รั่วเจินก็แต่งงาน เนี่ยนชูและอวิ๋นเฉิงเจ๋อก็จะแต่งงานกันแล้ว กู้ฮวนเอ๋อร์และอวิ๋นอ๋องเองก็มีจิตปฏิพัทธ์ต่อกันมีเพียงตนเองยังเล่นสนุก จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีคนที่ชอบแม้คนเดียวได้ยินคำพูดของเมิ่งชิ่น พวกซ่งรั่วเจินกลั้นยิ้มไม่อยู่ คิดๆ ดูแล้วช่วงนี้พวกนางคืบหน้าไปอย่างว่องไวจริงๆ“เมิ่งชิ่น เจ้าอย่าเพิ่งรีบเลย ข้าเห็นวาสนาของเจ้า ไม่แน่ว่าอีกไม่นานก็จะมาแล้ว!”อวิ๋นเนี่ยนชูหัวเราะเบาๆ นับตั้งแต่สารภาพความในใจกับญาติผู้พี่และมารดาไม่ขัดขวางพวกเขาแล้ว ช่วงนี้อารมณ์ของนางดีมากนักหลังคบหากัน ญาติผู้พี่ไม่หลบเลี่ยงนางเหมือนที่ผ่านมาอีก ในที่สุดนางก็ได้สัมผัสยามที่เขาดีต่อนางอย่างเปิดเผย ความหวังในอดีตเหล่านั้น บัดนี้กลายเป็นจริงแล้ว“ข้า? เป็นไปไม่ได้” เมิ่งชิ่นส่ายหน้า “พวกเจ้าแต่ละคนไม่เพียงหน้าตางดงาม อุปนิสัยอ่อนโยน คุณชายที่มาชอบพวกเจ้ามีมากมายนัก แต่พวกเจ้าดูข้า...ข้าเพียงคนเดียวสามารถสู้ได้หลายคน!”กู้ฮวนเอ๋อร์กุมท้องหัวเราะดังลั่น “เมิ่งชิ่น เจ้าอย่าพูดเช่
กู้หรูเยียนส่ายหน้า เดิมทีพี่น้องก็ควรประคับประคองกัน ทว่าตอนนี้ความสัมพันธ์เช่นนี้กลับเข้ามาแทรก หากในภายภาคหน้าฐานะเซียวอ๋องเปลี่ยนไป นั่นก็พูดยากแล้ว...“ท่านแม่ นี่ล้วนเป็นเรื่องของบ้านผู้อื่น พวกเราเห็นเป็นความครึกครื้นอย่างหนึ่งก็พอ ไม่จำเป็นต้องใส่ใจเจ้าค่ะ”ซ่งรั่วเจินยิ้มน้อยๆ “บัดนี้เช่ออ๋องไม่อยากแต่งงานกับหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ น่ากลัวว่าเป็นไปไม่ได้แล้ว ช่วงนี้มีงานแต่งไม่น้อยจริงๆ”กู้หรูเยียนและฮูหยินผู้เฒ่ากู้สบตากันแวบหนึ่ง ล้วนรู้สึกแปลกใจเหตุใดนางมั่นใจนักว่าเช่ออ๋องจะต้องแต่งงาน ต่อให้จงเฟยยึดมั่นถึงเพียงนี้ แต่บัดนี้เช่ออ๋องก็อายุไม่น้อยแล้ว สามารถตัดสินใจเรื่องเช่นนี้เองได้ความคิดของจงเฟย ใช่ว่าเขาจะรับฟังทั้งหมด“จงเฟยเพียงแต่ต้องการรักษาความรุ่งโรจน์ ไม่มีวันทอดทิ้งสกุลหลิง ส่วนสกุลหลิงช่วยเหลือจงเฟย ย่อมต้องให้เช่ออ๋องแต่งงานกับหลิงเชี่ยนเอ๋อร์”“ทว่า สกุลหลิงมีความแค้นกับพวกเรา จะต้องเตือนท่านพ่อให้ระวังสักหน่อย” ซ่งรั่วเจินพูดวันแต่งงานมาถึงโดยไม่รู้ตัวซ่งรั่วเจินถูกปลุกขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่ มงกุฎหงส์เสื้อคลุมแดงถูกตระเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ก่อนหน้านี้
“ภรรยาหลวงที่มีศักดิ์เทียมกัน? นางกลับอยากให้เป็นเช่นนั้น แต่เรื่องนี้วุ่นวายน่าอับอายถึงเพียงนี้ อยากเป็นภรรยาหลวงที่มีศักดิ์เทียมกันย่อมเป็นไปไม่ได้”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ส่ายหน้า “ต่อให้นางเป็นน้องสาวแท้ๆ ของพระชายาเซียวอ๋อง แต่เรื่องนี้เล่าลือออกไปกลับน่าอับอายมาก แม้พูดว่าชื่อเสียงของเจียงฉิงหลานเสียหาย แต่ภายในใจของทุกคนกลับรู้ดี ผู้ที่ได้รับความทุกข์ใจที่แท้จริงก็คือพระชายาเซียวอ๋อง”“ได้ยินมาว่าตอนนางจับได้ เสื้อผ้าที่นางสวมเป็นของพระชายาเซียวอ๋อง ดังนั้นเซียวอ๋องเมาสุรากลับไปจึงไม่ระวังจำคนผิดไป”สีหน้ากู้หรูเยียนซับซ้อน “อิงตามคำพูดนี้ เห็นได้ชัดว่ามีเจตนายั่วยวน นางแม่นางในห้องหอยังไม่ออกเรือนคนหนึ่ง ชาติกำเนิดเองก็ไม่เลว ไม่เข้าใจจริงๆ เพราะเหตุใดถึงต้องทำเรื่องพรรค์นี้”เช่นนี้แล้ว ต่อให้เข้าจวนเซียวอ๋อง มีตำแหน่งชายารอง แต่ทุกคนล้วนรู้ดีอยู่ภายในใจ ใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้เข้าจวนอ๋อง นั่นคือชนักติดหลังไปชั่วชีวิตซ่งรั่วเจินนึกถึงวันที่ได้พบสองพี่น้องสกุลเจียง ใคร่ครวญจึงพูดว่า “เจียงฉิงหลานสวมเสื้อผ้าของพระชายาเซียวอ๋อง นั่นหรือว่านางอยู่ภายในห้องของพระชายาเซียวอ๋องจึงถูกเ
“นึกถึงตอนแรกนางได้พบรั่วเจินก็รู้สึกชอบมากเป็นพิเศษ บัดนี้จะกลายเป็นพี่สะใภ้น้องสะใภ้กันแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะบังเอิญมีวาสนาเช่นนี้!”“ยังไม่ใช่อีกหรือ? ข้าเห็นฮวนเอ๋อร์เป็นแม่นางที่ดีคนหนึ่ง อวิ๋นอ๋องเองก็ดีไปหมดทุกอย่าง หลังทั้งคู่แต่งงานกันแล้วจะต้องใช้ชีวิตอย่างดีแน่เจ้าค่ะ” กู้หรูเยียนพูดยิ้มๆ“ข้าได้ยินมาว่าจงเฟยวางแผนให้เช่ออ๋องแต่งงานกับหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ เช่ออ๋องคล้ายไม่ยินดีเท่าใดนัก กำลังโวยวายอยู่เชียว”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้เล่าข่าวที่เพิ่งได้ยินกลับมา “พระชายาคนก่อนของเช่ออ๋องกลับไม่ได้เรื่อง บัดนี้จะแต่งงานใหม่ หากต้องไปพัวพันกับตระกูลหลิง น่ากลัวว่าจะยุ่งยาก”แม้ว่าปกติราชครูกู้ไม่เล่าเรื่องในราชสำนักให้นางฟังสักเท่าใด แต่กลับมาครั้งนี้ เรื่องที่ซ่งหลินประสบยามอยู่เมืองผิงหยางมีความเกี่ยวพันกับสกุลหลิงหลายส่วน นางเองก็รู้เรื่องนี้“ข้าได้ยินมาว่าทีแรกเช่ออ๋องมีจิตปฏิพัทธ์ต่อหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ ทว่าต่อมาคล้ายทิ้งแผนการไป เพราะเหตุใดตอนนี้จงเฟยถึงยังดึงดันเช่นนี้?”กู้หรูเยียนขมวดคิ้ว บัดนี้ความสัมพันธ์ระหว่างซ่งหลินและสกุลหลิงดุจน้ำกับไฟ ต่อให้ไม่ฉีกหน้ากัน แต่ทั้งสองฝ่ายกลับ
จนกระทั่งตบยี่สิบฉาดเรียบร้อยแล้ว ใบหน้าเจียงฉิงหลานถูกตบจนบวมเปล่งใบหน้าที่เดิมทีเรียวเล็กบัดนี้เปี่ยมความเจ็บปวด ร้องไห้จนดวงตาบวมแดง ถลึงตาใส่ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงอย่างอดไม่ได้ แต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยได้รับโทษเช่นนี้เลย ช่างอัปยศอดสูโดยแท้!เจียงหลูเสวี่ยเห็นสภาพของเจียงฉิงหลาน สายตาเปี่ยมความสงสาร พูดว่า “ฉู่อ๋อง บัดนี้ตบยี่สิบฉาดไปแล้ว เรื่องนี้ก็สมควรจบลงเช่นนี้แล้วกระมัง?”“ภายภาคหน้าหม่อมฉันจะสั่งสอนนางดีๆ ไม่ให้นางพูดจาเหลวไหลไร้สาระอีก อีกทั้งยังไม่ให้นางพูดจาว่าร้ายแม่นางซ่งอีกแม้ประโยคเดียว”ฉู่จวินถิงไม่คิดถือสาให้มากความ อย่างไรเสียก็ต้องไว้หน้าเซียวอ๋องอยู่บ้างเห็นสองพี่น้องจากไปแล้ว ที่ด้านนอกยังสามารถมองเห็นเจียงฉิงหลานสะบัดมือเจียงหลูเสวี่ยออกอย่างไม่สบอารมณ์ได้อีกด้วย“ล้วนเป็นเพราะท่าน! ถึงขั้นเห็นคนตายแล้วไม่ช่วย! ข้าเป็นน้องสาวแท้ๆ ของท่านนะ รอข้ากลับไปแล้วจะบอกท่านพ่อท่านแม่!”เจียงหลูเสวี่ยเผยสีหน้าระอา “น้องหญิง ใช่ว่าเจ้าไม่รู้อุปนิสัยของฉู่อ๋อง หากไม่ใช่เพราะเจ้าพูดจาเหลวไหลล่วงเกินฉู่อ๋อง เรื่องก็คงไม่กลายเป็นเช่นนี้ เหตุใดถึงโทษข้าเล่า?”“อิงตามท
เห็นได้ชัดว่าเจียงฉิงหลานคิดไม่ถึงว่าซ่งจิ่งเซินจะรู้เรื่องนี้ หน้าแดงก่ำขึ้นมาในทันใด นางไม่คิดว่าการกระทำของตนมีอันใดไม่เหมาะสม เพียงแต่ฟังจากปากของคนอื่น เห็นได้ชัดว่าไม่น่าฟังอย่างมากทั้งๆ ที่นางไปช่วยพี่สาวให้ได้รับความโปรดปราน!เดิมทีนางก็ไม่คิดแย่งสามีจากพี่สาว หากนางไม่ช่วย ก็ไม่สามารถรักษาตำแหน่งพระชายาในอนาคตของพี่สาวเอาไว้ได้!ฉู่มู่เหยาได้ยินถ้อยคำนี้ของซ่งจิ่งเซิน รู้สึกไม่อาจทนไหว นางก็รู้เพียงคนผู้นี้อ้าปากก็ไม่ธรรมดา“พี่สะใภ้ พี่สี่ท่านกลับเหมือนที่ท่านพูด ข่าวว่องไวไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ข้าพบข่าวนี้เข้าโดยบังเอิญถึงเกิดข้อสันนิษฐาน คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะรู้อยู่แล้ว นี่เก่งกาจเกินไปแล้วกระมัง!”เรื่องพรรค์นี้ก่อนยืนยันให้แน่ใจ สกุลเจียงไม่มีวันเปิดเผยออกมา จนถึงตอนนี้ก็ไม่ได้ยินข่าวทางด้านนี้ ซ่งจิ่งเซินกลับรู้ดี“เขารู้ข่าวแต่ละครอบครัวค่อนข้างดีเพคะ”ซ่งรั่วเจินยิ้มน้อยๆ ทำการค้าขายย่อมสืบข่าวทุกชนิดได้อย่างง่ายดาย แต่ก่อนหน้านี้พี่ไม่ใส่ใจสิ่งเหล่านี้มากนักบัดนี้รู้เรื่องเหล่านี้ น่ากลัวว่าเพราะนางจะแต่งงานกับท่านอ๋อง ดังนั้นเขาจึงตั้งใจไปทำความเข้าใจสถานการณ์
ซ่งรั่วเจินมิได้คาดคิดมาก่อนว่า เรื่องซุบซิบจะพาดพิงไปถึงฉู่จวินถิง สมกับเป็นบุรุษในดวงใจของบุตรีตระกูลสูงศักดิ์ เจียงฉิงหลานก็หวังจะได้แต่งงานกับเขาเช่นกัน ฉู่มู่เหยาก็มิได้คาดคิดถึงเรื่องนี้เช่นกัน สีหน้าแปรเปลี่ยนจากนิ่งงันไร้วาจา เป็นความเกลียดชังอย่างหาที่เปรียบมิได้ “นางช่างเพ้อฝันจริง ๆ มิมองบ้างว่าสตรีทาแป้งแต่งหน้าธรรมดาเช่นนาง อย่าว่าแต่จะคู่ควรกับเสด็จพี่สามเลย แม้แต่เสด็จพี่รองก็มิอาจคู่ควร!” ซ่งรั่วเจิน “…” มิรู้ว่าเช่ออ๋องได้ยินถ้อยคำนี้เข้า จะกระอักเลือดหรือไม่ “ก่อนหน้านี้ฮองเฮาเลือกสตรีที่เหมาะสมไว้มากมาย เพื่อสู่ขอให้แก่ฉู่อ๋อง เรื่องนี้เจ้าก็มิใช่ว่าจะมิรู้ แม้ข้ามิเคยได้พบซ่งรั่วเจิน แต่ก็รู้ได้ว่า สามารถทำให้ฉู่อ๋องให้ความสำคัญถึงเพียงนี้ ย่อมมิใช่สตรีธรรมดาเป็นแน่” “ในพระราชวัง ผู้คนล้วนสรรเสริญนางว่าเป็นสตรีผู้เลอโฉม ยากจะพานพบ ยิ่งมิต้องพูดถึงเรื่องที่นางเชี่ยวชาญในศาสตร์ลี้ลับเลย แม้แต่ฝีมือการแพทย์ก็มิใช่ธรรมดา” “เจ้าลองขบคิดให้ถี่ถ้วนเถิด… เจ้านั้นเทียบนางได้จริงหรือ?” เจียงลู่เสวี่ยมีสีหน้าจริงจัง นับตั้งแต่ที่นางเข้าสู่เชื้อพระว
ซ่งรั่วเจินหลุบดวงตาคู่งามลงเล็กน้อย สตรีนั้นก็มักแบกรับแรงกดดันอันใหญ่หลวงมาแต่ไหนแต่ไร โดยเฉพาะเมื่อแต่งเข้าสู่เชื้อพระวงศ์ สิ่งที่ต้องแบกรับคือเกียรติยศของตระกูลทั้งตระกูล คิดไปแล้ว สกุลเจียงนำทุกสิ่งทุกอย่างมาสนับสนุนองค์ชายใหญ่ อย่างไรเสียก็เป็นบุตรสายตรง ความเป็นไปได้ที่จะช่วงชิงราชบัลลังก์ในภายหน้าไม่น้อยเลยทีเดียว ฉู่มู่เหยาตกอยู่ในความเงียบ นางเติบโตในพระราชวัง แท้จริงแล้วก็เห็นเล่ห์กลลับลวงที่มิอาจเปิดเผยเหล่านั้นมาไม่น้อย เพียงแต่เสด็จแม่ปกป้องนางเอาไว้เป็นอย่างดีมาโดยตลอด แม้นจะพบพานปัญหาใด ๆ ก็ไม่เคยทำให้นางต้องเป็นทุกข์เลย บัดนี้เมื่อเห็นสถานการณ์ของพี่สะใภ้ใหญ่เช่นนี้ นางก็รู้สึกว่าตนช่างอยู่ในความสุขโดยมิรู้คุณค่าของความสุขนั้นเสียเลย เจียงฉิงหลานเมื่อเห็นว่าเจียงลู่เสวี่ยมิได้ปฏิเสธตรง ๆ ก็พลันปลื้มปีติอยู่ในใจ “ท่านพี่ แท้จริงแล้วที่ข้ามาบอกท่านก่อนนั้น ก็เพราะหวังดีต่อท่าน” “ท่านก็รู้ดีถึงอุปนิสัยของท่านพ่อ เรื่องใดที่เขาตัดสินแล้ว ใครก็มิกล้าโต้แย้ง พวกเรามีใจผูกพันกันที่สุดมาแต่เยาว์ ข้าเองก็มิประสงค์ให้ท่านถูกตำหนิยามกลับไป ด้วยเหตุนี้ข้าจ