บทที่ 16 ภารกิจพิสูจน์ความสามารถ /2
หน้าทางเข้าป่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ ชินอ๋องอวี้เหวินเทียนหยาเดินเคียงข้างมากับรวี่เยว่ นำเด็กสาวมาส่งยังทางเข้าป่าเพื่อทำภารกิจด้วยตนเอง ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชา ฉายแววกังวลระคนห่วงใยออกมาอย่างชัดเจน จนหลายคนเหลือบมองท่านหญิงเมิ่งที่ยืนอยู่ข้างองค์ราชินีด้วยสายตาหลากหลายอารมณ์ เฉียนเยียนหรานที่ยืนรวมกลุ่มอยู่กับศิษย์คนอื่นๆลอบยิ้ม ในใจกำลังสาปแช่งให้รวี่เยว่ตกตายด้วยฝีมือสัตว์อสูรระดับสูงในป่า “รวี่เยว่ระวังด้วย อย่าให้ตัวเองต้องเป็นอันตราย หากไม่ไหวจริงๆ ให้ยิงพลุสัญญาณ ข้าจะเข้าไปรับเจ้าออกมาเอง” เขาคาดไม่ถึงว่าผู้อาวุโสของหอบำเพ็ญ จะกดดันให้รวี่เยว่ต้องทำการพิสูจน์ตนเองเร็วขนาดนี้ ตบะของนางยังไม่ถึงระดับหยวนอิงด้วยซ้ำ ตัวเขาคัดค้านอย่างไรก็ไม่เป็นผล สุดท้ายจึงต้องจำยอมปฏิบัติตามกฎที่บัญญัติไว้ ความจริงระดับตบะของรวี่เยว่ผ่านระดับหยวนอิงมาพักหนึ่งแล้ว นางแค่รอให้ผ่านวันปักปิ่นไปก่อนถึงจะยอมเปิดเผยพลังที่แท้จริง เมิ่งเฟยหลิงกำหมัดใต้แขนเสื้อแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ เมื่อได้เห็นสีหน้าและแววตาอ่อนโยนของอวี้เหวินเทียนหยา ยามทอดมองรวี่เยว่ ทีกับนางเขามีแต่ความเย็นชาให้! ความริษยาและไม่ยินยอมพลันผุดขึ้นในใจ จนแทบอยากจะปรี่เข้าไปฟาดฝ่ามือใส่ดวงหน้าของเด็กสาว รวี่เยว่รู้สึกถึงสายตาทิ่มแทงจึงหันขวับไปมอง และได้ทันเห็นสายตาอาฆาตมาดร้ายของเมิ่งเฟยหลิงเข้าพอดี รอยยิ้มร้ายผุดขึ้นที่มุมปาก มือบางยกเกาะแขนร่างสูงสง่า เอื้อนเอ่ยวาจาเสียงหวาน ตั้งใจยั่วยุเมิ่งเฟยหลิง เพราะอย่างไรอีกฝ่ายก็เกลียดนางเข้ากระดูกไปแล้ว ถึงทำดีด้วยก็ไม่มีประโยชน์ เสียเวลาเปล่า “ข้ารู้ว่าท่านอ๋องเป็นห่วงข้าที่สุด ข้าสัญญาว่าจะรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี หากไม่ไหวจริงๆ จะรีบจุดพลุ แจ้งให้ท่านอ๋องไปรับทันที ท่านอ๋องต้องรอข้ากลับมานะเจ้าคะ” สีหน้าเย็นชาของรวี่เยว่ เปลี่ยนเป็นออดอ้อนน่ารักน่าเอ็นดู จนคนมองหัวใจอ่อนยวบ ‘คิดว่าตนเล่นบทนางจิ้งจอกเป็นเดียวคนหรืออย่างไรเมิ่งเฟยหลิง รอข้ากลับมาก่อนเถอะ ข้าจะเล่นเป็นเพื่อนเจ้าเองอยู่ดีไม่ว่าดี อยากมีเรื่องดีนักใช่ไหม’ อวี้เหวินเทียนหยาหัวคิ้วเข้มมุ่นเข้าหากัน คิดในใจว่าวันนี้รวี่เยว่ดูแปลกไป นางมารน้อยไม่เคยออดอ้อนเขาต่อหน้าผู้คนมาก่อน แต่กระนั้นชายหนุ่มกลับพึงใจ มือใหญ่ยกขึ้นลูบหัวทุยอย่างนุ่มนวล รอยยิ้มบางผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา “ข้าเอาใจช่วยเจ้าอยู่นะ” รวี่เยว่พยักหน้ารับ ร่างบางทะยานหายเข้าไปในป่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ การทำภารกิจครั้งนี้นางต้องทำเพียงคนเดียว ดังนั้นข้างกายจึงไม่มีแม้แต่สาวใช้ ทว่ามีองครักษ์คอยเฝ้ามองและคุ้มกันอยู่ห่างๆ หลังจากเดินทางอยู่ราวครึ่งวัน ในที่สุดนางก็มาถึงป่าชั้นใน และก็เป็นไปอย่างที่คิด ชายชุดดำปิดหน้าปิดตา ตบะระดับเจี๋ยตันขั้นปลายสิบกว่าคนปรากฏตัวห้อมล้อมนางไว้ รวี่เยว่ยืนเอามือไพล่หลังเชิดคางเล็กน้อย กวาดตามองชายชุดดำตรงหน้ารวดเร็ว ก่อนเอ่ยวาจาทักทายอีกฝ่าย “แหมม มีคนมารอต้อนรับก็ไม่บอกกันก่อน ข้าเลยไม่ได้เตรียมของกำนัลมาฝาก ธิดาเทพอย่างข้าเสียมารยาทแล้ว” “ความจริงพวกข้าก็ไม่อยากทำร้ายเด็กสาวอย่างท่านหรอกนะ แต่เมื่อเป็นคำสั่งพวกข้าก็มิอาจปฏิเสธ” หัวหน้าชายชุดดำกล่าวกับรวี่เยว่ ก่อนส่งเสียงสั่งลูกน้อง “พวกเราลงมือ จัดการให้เรียบร้อยก่อนมืดค่ำ!” มือสังหารทุกคนปลดปล่อยพลังปราณ ขยับตัวพุ่งเข้าหารวี่เยว่พร้อมกัน ทว่าสิ่งที่ไม่คาดฝันพลันบังเกิด แรงกดดันจากตบะระดับหยวนอิงขั้นปลายกระหน่ำใส่พวกมันอย่างคาดไม่ถึง ครืนนน!!! ปึ้กกก อั๊กกก แต่ละคนกระอักเลือดออกมาทันที หญิงสาวหน้าตาละม้ายคล้ายรวี่เยว่ถึงเจ็ดส่วน ยืนอยู่ข้างกายเด็กสาว หุ่นภูตระดับตบะพลังเพิ่มสูงขึ้น จากการหล่อหลอมของมหาเทวีเฟิ่งหนี่ว์ รวี่เยว่ไม่ถามไถ่ให้มากความ ปลดปล่อยอัคคีนิลกาฬใส่มือสังหารทั้งสิบกว่าคน เหลืออยู่หนึ่งคนที่ยังรอดชีวิต… “บอกชื่อคนที่สั่งเจ้ามาแล้วข้าจะให้เจ้าไปสู่สุขคติ หากขัดขืน วิญญาณของเจ้าจะกลายเป็นทาส และข้าจะแผดเผาเจ้าเล่นทุกวัน เลือกเอา!” มือสังหารที่ยังรอดชีวิตตกใจตาค้าง ไหนบอกว่าธิดาเทพมีตบะระดับเจี๋ยตันขั้นปลาย และเดินทางมาทำภารกิจคนเดียว แต่เท่าที่สัมผัสได้ เด็กสาวตรงหน้าตบะอยู่ที่ระดับหยวนอิงขั้นต้นปลายยอดแล้ว! ส่วนคนคุ้มกันนั่นอยู่ถึงขั้นปลาย “ตกลงจะพูดได้รึยัง เจ้ากำลังทำให้ข้าเสียเวลา” สายตาของรวี่เยว่เย็นเยียบ น้ำเสียงกดดันคล้ายกำลังหมดความอดทน มือบางเริ่มวาดอักขระดึงวิญญาณในอากาศ “พูดๆ ข้ายอมพูดแล้ว คนที่สั่งพวกข้าคือ…” เมื่อได้รับคำตอบที่ต้องการ รวี่เยว่จึงหันไปพยักหน้าให้หุ่นภูต ฉัวะ!!! ชายชุดดำคนสุดท้ายลมหายใจปลิดปลิว พร้อมกับร่างที่สลายไปกับอากาศ ร่างบางปลดเขตแดนที่ใช้บดบังสายตาองครักษ์ที่ติดตามมาออก จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปหาพยัคฆ์อนธการ ตามเส้นทางที่มหาเทวีเฟิ่งหนี่ว์ให้มาอย่างอารมณ์ดี “แมวเหมียวจ๋า รวี่เยว่มาแล้ว”ตอนพิเศษ 2/2 กระต่ายน้อยของข้า ราวกับสวรรค์เป็นใจ จึงได้ดลบันดาลให้ค่ำคืนนั้น ท้องนภาสีหมึกพร่างพราวไปด้วยหมู่มวลดารา คล้ายช่วยสนับสนุนให้กลยุทธ์มัดใจสาวประสบผลสำเร็จ อวี้เหวินอิงเอ๋อร์ดวงตาทอประกายระยับ งดงามมิต่างจากดวงดาวบนท้องฟ้า ร่างบางแย้มยิ้มจนตาโค้ง ขณะมานั่งเล่นที่หัวเรือหลังกินมื้อเย็นเสร็จ “องค์ชายใหญ่ ขอบคุณท่านมากนะ ข้ามีความสุขมากเลย ท่านใจดีมากจริงๆ ไม่ได้หน้ายู่เลยสักนิดเดียว” “…” หวงฝู่ฮ่าวอวี่มุมปากกระตุก ‘หน้ายู่อะไรกันอีกกระต่ายน้อยจอมซน’ แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้อ้าปากถาม กระต่ายน้อยจอมซนพลันขยับมือ ปลดหยกสีม่วงเข้มประจำตัวของนาง มอบให้ชายหนุ่มแทนคำขอบคุณเสียก่อน “นี่คือหยกอินทนิลของข้า ข้าขอมอบให้ท่านแทนคำขอบคุณนะหวงฝู่ฮ่าวอวี่ อีกไม่กี่วันข้าก็ต้องกลับภูผาหยินซานแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้มีโอกาสมาเมืองหลวงอีก ข้าต้องคิดถึงท่านมากแน่ๆเลย ฮึก อยู่ที่นู่นไม่มีใครเล่นกับข้าเลย ฮึก ท่านเป็นสหายคนแรกที่ยอมไปเที่ยวกับข้า ฮึก” เสียงของอวี้เหวินอิงเอ๋อร์สั่นเครือเจือสะอื้น ขอบตารื้นน้ำ เด็กสาวดูบอบบางราวตุ๊กตากระเบื้อง ที่หากไม่ระวังก็อาจแตกสลายได้ทุกเมื่อ ร
ตอนพิเศษ 2/1 กระต่ายน้อยของข้า เมื่อเอ่ยนามองค์หญิงห้า อวี้เหวินอิงเอ๋อร์ขึ้นมา สิ่งที่ทุกคน ณ ตำหนักเทวาอนธการนึกถึงคือ หน้าตาน่ารักพริ้มเพราราวกระต่ายน้อย นิสัยสดใสร่าเริง ขี้เล่น ดื้อรั้นซุกซน ตามประสาองค์หญิงองค์เล็ก และ… “องค์ชายสามพะย่ะค่ะ รีบแอบเร็วเข้า องค์หญิงห้าหิ้วกล่องใส่อาหารเดินขึ้นบันไดหอตำรามาแล้วพะย่ะค่ะ!” เสียงองครักษ์ส่วนตัวของอวี้เหวินเจาเจวี๋ยดังขึ้นเตือนนายของและศิษย์คนอื่นๆไปในตัว หากไม่อยากเป็นหนูทดลองสูตรยาพิศดารขององค์หญิงห้่า อย่าได้เสี่ยงรับอาหารหรือยาบำรุงร่างกายที่นางปรุงขึ้นเด็ดขาด! บรรดาศิษย์ฝ่ายในที่กำลังรวมตัวแลกเปลี่ยนความรู้กันอยู่ในหอตำรา หรือที่ทุกคนเรียกกันว่า เรือนต้นสนแดง ต่างรีบแยกย้ายกันไปคนละทิศทาง ดูราวผึ้งแตกรังก็มิปาน! เหลือเพียงผู้อาวุโสสองที่เพิ่งเดินเข้าไปหยิบม้วนตำรายังส่วนในของเรือนต้นสนแดง อวี้เหวินอิงเอ๋อร์ก้าวมาหยุดอยู่หน้าประตูทางเข้า หน้าตาบูดบึ้งอมลมแก้มป่องอย่างขัดใจ นางอุตส่าห์ลุกขึ้นมาทำขนมอบตั้งแต่เช้า ตั้งใจเอามาแบ่งศิษย์คนอื่นๆ ให้ลองชิมกันดูเสียหน่อย แต่เมื่อไม่เห็นเงาใครสักคนร่างบางจึงหมุนตัวเตรียมจากไป ทว่าเผ
ตอนพิเศษ 1/2 เมื่อมหาเทพอยากเลี้ยงเด็ก “กร๊ากกกก ฮ่าๆๆ ชิงหลง เอ้ย ชิงหลง ในที่สุดเจ้าก็มีวันนี้เหมือนกัน” เสียงหัวเราะเย้ยหยันด้วยความชอบใจของมหาเทพหวงหลงดังขึ้น การได้เห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนเพราะทำสิ่งใดไม่ถูกของสหายรักคือความบันเทิงอย่างหนึ่ง ทว่าคำกล่าวที่ว่า ความสุขนั้นมักสั้นเสมอคือสัจจะธรรมอันแท้จริง ในขณะที่กำลังเงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะโดยมีฮั่วฮ่าวหยางนั่งอยู่บนตัก ความอุ่นวาบเปียกชื้นพลันเกิดขึ้น มหาเทพหวงหลงชะงักค้างหลุบตาร่างเล็กบนตักด้วยสายตาเหลือเชื่อ เจ้าตัวน้อยเงยหน้ามองมหาเทพหวงหลง ที่จู่ๆก็หยุดหัวเราะในบัดดลด้วยแววตาใสซื่อกลับมา “คิกๆๆ เอิ๊กๆๆ” เจ้าก้อนแป้งขาวผ่องอวบอัด ระเบิดเสียงหัวเราะชอบใจเลียนแบบบ้าง เผยให้เห็นฟันน้ำนมด้านหน้าสี่ซี่ น่ารักน่าเอ็นดูราวกระต่ายอ้วนตัวน้อย สีหน้ารื่นเริงของมหาเทพหวงหลงก่อนหน้านี้ แปรเปลี่ยนเป็นเหยเกจนดูไม่ได้แทน “อ๊าาาา หยางเอ๋อร์เจ้าจะฉี่ทำไมไม่บอกข้า เมียจ๋าาาา มาเอาหยางเอ๋อร์ไปเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ที” “กร๊ากกกก ฮ่าๆๆๆๆๆ” คราวนี้เป็นมหาเทวีเฟิ่งหนี่ว์ที่ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น “…” มหาเทพทั้งสอง หัวเราะทีหลังดังกว่าเ
ตอนพิเศษ 1/1 เมื่อมหาเทพอยากเลี้ยงเด็ก ผ่านมาสามเดือนแล้วหลังรวี่เยว่คลอดแฝดมังกรหงส์ มหาเทพทั้งสามคล้ายได้ของเล่นชิ้นใหม่ พวกเขาต่างรอเวลาให้ฮั่วเฮ่อฉีออกไปข้างนอก หรือนอนหลับสนิท จากนั้นถึงจะแอบทอดเงาออกมาเชยชมเจ้าตัวน้อยทั้งสอง หากคืนไหนองค์ไท่จื่อจู๋จี๋กับภรรยานานหน่อย มหาเทพทั้งสามจะขัดใจมาก เพราะคืนนั้นพวกเขามิอาจปรากฏกายออกมาเยี่ยมหลานศิษย์ทั้งสองได้ แต่ก็มีบางครั้งเช่นกัน ที่มหาเทพหวงหลงคิดถึงหลานจนขี้เกียจรอ เขาเลยส่งเมฆนิทราออกมาจากแดนปราณ สะกดจิตฮั่วเฮ่อฉีจนหลับกลางอากาศก็มี บางครั้งชายหนุ่มนั่งกินข้าวเย็นอยู่ดีๆ หัวทิ่มคาโต๊ะก็เกิดขึ้นมาแล้ว ธรรมดาเสียที่ไหนท่านอาจารย์ของรวี่เยว่! คราแรกรวี่เยว่เองก็ตกใจไม่น้อย ทว่าเมื่อทราบความจริง นางถึงกับหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ ท่านอาจารย์ของนางก็มีมุมแสบสันเอาแต่ใจกับเขาเป็นด้วย รวี่เยว่เลยต้องเฉไฉยกข้ออ้างมาบอกสวามีว่า "น้องคิดว่าวันนี้ท่านพี่คงเหนื่อยเกินไปเลยหลับกลางอากาศเจ้าค่ะ" จะให้บอกความจริงว่าโดนมหาเทพเล่นกลก็ไม่ได้เสียด้วย เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ “มหาเทพวางยาองค์ไท่จื่อเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ เหตุผลเพียงเพราะคิ
บทที่ 69/2 ครอบครัวที่สมบูรณ์ “เสด็จแม่โตแล้ว ไม่ดื้อแล้ว ไม่โดนเสด็จพ่อหวดก้นแน่นอนเพคะเสด็จลุง” เสียงเล็กของฮั่วเยว่ฉีดังขึ้น ร่างเล็กเอื้อมไปกุมมือผู้เป็นลุงเพื่อขอให้เขาอุ้ม ร่างสูงโน้มตัวช้อนเจ้าตัวน้อยขึ้นมา หอมแก้มป่องขาวกลมไปฟอดใหญ่ ฟ้อดดด “จริงรึ?” ฮั่วเยว่ฉีหยักหน้าหงึกๆ “เช่นนั้น ลุงเชื่อเจ้าก็ได้” เช้าวันนี้ ตำหนักหย่งเทียนครึกครื้นเป็นพิเศษ บรรดาแขกเหรื่อคนสำคัญ ที่มาร่วมงานวันเกิดธิดาเทพรวี่เยว่ ต่างหอบหิ้วของฝากมากมายมาให้เจ้าของวันเกิด หวงฝู่ฮ่าวอวี่ที่สมรสกับอวี้เหวินอิงเอ๋อร์ไปเมื่อห้าปีก่อน อุ้มโอรสองค์โตวัยสามหนาวเดินตามชายารัก ที่เลิกล้มความคิดเรื่องการเป็นนักปรุงโอสถ แต่หันมาเอาดีทางด้านค้าขายผ้าและเครื่องประดับแทน องค์หญิงจอมซนเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ รูปแบบเครื่องประดับและลายผ้าที่นางออกแบบ จึงงดงามแปลกตาไม่เหมือนใคร เป็นที่นิยมชมชอบของสตรีในเมืองหลวงและเมืองใหญ่หลายเมือง “รวี่เยว่ สุขสันต์วันเกิดนะ พวกเราขอให้เจ้ามีแต่ความสุขในทุกๆวัน” ทักทายเจ้าของวันเกิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปทำความเคารพองค์ราชาอวี้เหวินเหิง และเชื้อพระวงศ์ของตำหนัก
บทที่ 69/1 ครอบครัวที่สมบูรณ์ เสียงกรีดร้องเบ่งคลอดของรวี่เยว่ที่ดังขึ้นเป็นระยะ บีบรัดหัวใจของฮั่วเฮ่อฉีจนปวดร้าว เขาสงสารชายาจับใจ “หม่าลั่ว ทำไมนานนักล่ะ ทำไมรวี่เยว่ยังไม่คลอดอีก” ร่างสูงมือเย็นเฉียบจากความประหม่าระคนหวาดกลัว สติเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมากขึ้นเรื่อยๆ สุดหล่อเย่หมิงต้องมาพาร่างสูง ที่เดินไปเดินมาจนทำเขาเวียนหัวไปนั่งลง ก่อนยื่นชาให้ดื่มเพื่อสงบสติอารมณ์ “องค์ไท่จื่อ ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็คลอด อย่าวิตกจนเกินเหตุไป” หนึ่งชั่วยามต่อมา อูแว้ๆๆๆๆ ฮั่วเฮ่อฉีที่นั่งกระสับกระส่าย หายใจไม่คล่องอยู่หน้าห้องคลอด ลุกพรวดทันทีเมื่อได้ยินเสียงเด็กร้อง “เป็นองค์ชายน้อยเพคะ” เสียงชุนอิ่งดังมาจากห้องคลอด “ลูกชาย ข้าได้ลูกชาย หม่าลั่ว ท่านเย่หมิง อี้หรง ได้ยินหรือไม่ ข้าได้ลูกชาย ฮ่าๆๆๆ” ครึ่งเค่อต่อมา แว้ๆๆ อุแว้ๆๆๆๆ “เป็นองค์หญิงน้อยเพคะ” คราวนี้เป็นเสียงของจวี๋จื่อ เสียงเฮดังขึ้นหน้าห้องอีกครั้ง ฮั่วเฮ่อฉีกระโดดกอดเย่หมิงและหม่าลั่ว ทั้งสามหัวเราะร่าเสียงดัง “ลูกสาว ข้าได้ลูกสาวอีกคน ฮ่าๆๆ ดี ดียิ่ง หม่าลั่วช่วยแจกรางวัลให้ทุกคนในตำหนัก เปิดโรงทานในเมืองหล
บทที่ 68/2 ค่ำคืนที่รอคอย เมื่อช่องทางรักผ่อนคลายขึ้น ชายหนุ่มจึงถอนริมฝีปากออกจากยอดถัน ขยับกายเหยียดแผ่นหลังก้มมองส่วนเชื่อมประสาน เห็นเลือดสีแดงจางจากพรหมจรรย์ที่ฉีกขาดของคนรักยามขยับตัวตนเข้าออก ดวงตาสีฟ้าพร่างพราว เหลือบมองร่างขาวที่ปทุมถันคู่งามกำลังกระเพื่อมตามจังหวะกระแทก รวี่เยว่สมองอื้ออึงคล้ายล่องลอย ร่างกายโยกคลอนเหมือนถูกคลื่นซัดถาโถม ใบหน้าแดงก่ำ ดวงตารื้นน้ำ เรือนผมสีเข้มแผ่สยายเต็มหมอน ภาพที่เห็นยั่วยวนเร้าใจเกินบรรยาย มือใหญ่รวบเรียวขาของนางเกาะเกี่ยวเอวสอบ โถมตัวไปด้านหน้ากระแทกสะโพกแกร่งพลิ้วไหวหนักหน่วงเป็นจังหวะ สบตากับชายารักแสนงดงามที่กำลังครางหวาน รวี่เยว่สบตากับสวามีรูปงามราวไม่มีอยู่จริง ยกแขนเรียวคล้องลำคอแกร่ง โน้มใบหน้าหล่อเหลาลงมาจุมพิตดูดดื่ม ความเจ็บปลาบเสียดตึงในคราแรก แปรเปลี่ยนเป็นเสียวกระสันซ่าน สะโพกงอนงามขยับร่อนรับกับจังหวะที่เอวสอบขับเคลื่อน กระแทกกระทั้นใส่นางรัวเร็ว จนเกิดเสียงเนื้อกระทบกันชัดเจนที่เบื้องล่าง ครั้นเมื่อความเสียวกระสันเพิ่มขึ้นสูง มือเรียวของหญิงสาวเลื่อนลงมาบีบเคล้นบั้นท้ายแน่นของสวามี กดเน้นให้เขาพาตัวตนเข้ามาลึกขึ้น สร
บทที่ 68 ค่ำคืนที่รอคอย ยิ่งได้เสียงครางหวานอย่างควบคุมตนเองไม่ได้ของคนรัก ชายหนุ่มยิ่งได้ใจ เน้นละเลงปลายลิ้นร้อนลงบนเม็ดทับทิม สลับดูดกลืนเนื้อนวลอย่างเอาแต่ใจ เขาคลายมือใหญ่ข้างหนึ่งออกจากเต้า ลูบไล้ผ่านหน้าท้องเรียบเลื่อน ไล่ไปจนถึงกลีบบุปผาอวบอูมปิดสนิท ผิวสัมผัสนวลเนียนประดุจผิวลูกท้องาม นิ้วแกร่งลูบไล้ถูไถกลีบบุปผาราวสำรวจ ก่อนกรีดปลายนิ้วแยกกลีบอูมออกจากกัน ขยับปลายนิ้วบดคลึงลงบนเกสรบอบบางแผ่วเบา ประหนึ่งภมรร่อนโฉบหยอกเย้าบุปผา สัมผัสวาบหวามรัญจวนใจอย่างที่ไม่เคยพบพานมาก่อน ทำร่างบางบิดเร่าอ่อนระทวย ขบริมฝีปากล่างพยายามกลั้นเสียงครางน่าอายที่เผลอเปล่งออกมา ดวงตาสีฟ้าพร่างพราวเหลือบมองใบหน้างามหวานล้ำ ที่บัดนี้แดงก่ำจากอารมณ์กำหนัด ดวงตาดอกท้อสีเทาคู่งามฉ่ำน้ำ แวววาวเย้ายวนจนเขาแทบทนไม่ไหว หากแต่อยากปรนเปรอให้นางสุขสม ก่อนที่เขาจะตักตวงทุกสิ่งจากร่างงามนี้ “ชายาข้าช่างหอมหวานเย้ายวนเหลือเกิน” เขาเอ่ยชื่นชมนางอย่างหลงใหลคล้ายคนละเมอ เร่งนิ้วแกร่งบดขยี้เกสรงามเร็วขึ้น ริมฝีปากหยักหนายังคงดูดดึงเต้าอวบ ลิ้นสากร้อนปาดเลียเม็ดทับทิมที่กำลังชูชัน ครั้นสัมผัสถึงน้ำหวานลื่นที
บทที่ 67/2 แต่งงานกันเถอะนะ ร่างสูงสง่ารัศมีสูงส่งได้ก้าวเข้ามาในห้องอย่างเงียบๆ กลิ่นอายที่แสนคุ้นเคย กลิ่นหอมประจำตัวอันเป็นเอกลักษณ์ เรียกรอยยิ้มกว้างของหญิงสาวทั้งที่ยังไม่ได้เงยหน้ามอง “กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ พี่ชาย” สิ้นคำก็แวบไปปรากฏตรงหน้าร่างสูง โผเข้ากอดอย่างคะนึงหา “ข้ากลับมาหาเจ้าแล้วรวี่เยว่น้อยของข้า คิดถึงเจ้าใจแทบขาด เด็กดี แต่งงานกันเถิดนะ ข้าไม่อยากรออีกแล้ว” เสียงทุ้มต่ำทรงเสน่ห์เอ่ยออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ หกปีที่ผ่านมาช่างยาวนานสำหรับเขาเหลือเกิน ไม่มีวันไหน คืนไหนที่เขาไม่คิดถึงนางในดวงใจ “เจ้าค่ะ แต่งงานกันเถอะ” สุดหล่อเย่หมิงสัมผัสได้ถึงพลังของฮั่วเฮ่อฉี ก็แวบมาจากใต้ต้นใหญ่ ซึ่งกำลังแกะท่อนไม้เป็นของเล่นให้ หมิงจู ลูกสาวคนแรกของตน ตรงดิ่งมาหาชายหนุ่มและอี้หรงอย่างยินดี “องค์ไท่จื่อ ยินดีต้อนรับกลับมา อี้หรงงง ข้าคิดถึงเจ้าจริงๆ มาให้ข้าฟัดหน่อย” เสียงทุ้มแหบห้าวดังขึ้น ก่อนก้มลงไปอุ้มลูกสุนัขขึ้นมากอดหอมด้วยความคิดถึง อี้หรงจั๊กจี้พุงหัวเราะคิกคัก พาทุกคนในห้องหัวเราะตามไปด้วย “คิกๆๆๆ จั๊กจี้ขอรับท่านเย่หมิง” วันรุ่งขึ้นขบวนเดินทางของรวี่เยว่และฮั่วเ